เกมรักนักสืบ
เมื่อผู้ต้องสงสัยเป็นถึงเจ้าของโรงแรมสุดหรูมาดเข้ม นักสืบสาวจึงต้องหาทางเข้าใกล้เพื่อล้วงความลับแบบเนียนๆ แต่ยิ่งสืบลึกลงไป...เธอกลับไม่อยากให้เขาเป็นฆาตกรเสียนี่
Tags: นักสืบ สาริน ลินิน
ตอน: ตอนที่ 5 80%
ทัชภูมิทิ้งตัวลงกับพนักโซฟา เมื่อกลับมาถึงบ้านในเวลาเกือบเที่ยงคืน เพราะมีกิจการหลายอย่าง ทั้งโรงแรม ทั้งรีสอร์ตจึงแทบไม่มีเวลาว่างเป็นของตัวเอง
บ้านเงียบเชียบเพราะคนในบ้านหลับกันหมดแล้ว บ้านหลังใหญ่โต นอกจากคนรับใช้แล้วก็มีเขาเป็นเจ้านายอยู่คนเดียว ชีวิตเงียบเหงาของเขาไม่มีใครหรืออะไรมาเติมเต็ม นับตั้งแต่การจากไปของศิคราญ คนรัก หัวใจของเขาร้าวรานเมื่อนึกถึงเธอ
สองปีก่อนหน้านี้ หัวใจของเขาชุ่มฉ่ำไปด้วยความรัก ทุกย่างก้าวของศิคราญในบ้านหลังนี้เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา เธอคือสิ่งที่เติมเต็มในสิ่งที่เขาขาด แต่แล้วเธอก็จากเขาไปโดยไม่ร่ำลา อีกไม่กี่วันเขากับเธอก็จะแต่งงานกันอยู่แล้ว แต่อุบัติเหตุก็พรากดวงใจดวงนี้ไปจากเขา
สองปีผ่านไปแต่หัวใจของเขาก็ไม่อาจลืมศิคราญไปได้ ไม่มีผู้หญิงคนไหนเข้ามาแทนที่เธอทั้งนั้น แม้ว่าตอนนี้เขาจะคบหาอยู่กับอรนภา
เขายังไม่ได้รักดาราสาวคนนั้น เขาแค่ชอบเธอเหมือนผู้ชายทั่วไปชอบผู้หญิงสวยก็เท่านั้นเอง สำหรับอรนภาแล้วเขาไม่คิดให้ความสนใจเธอมาตั้งแต่แรก แต่เมื่อถูกตามตื้อบ่อยเข้า ความเปิดเผยตรงไปตรงมา กล้าที่จะบอกรักเขาโต้งๆ มันทำให้เขาเห็นว่าเธอเองก็น่ารักดีเหมือนกัน
ตลอดเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมา เธอมาหาเขาที่นี่หลายครั้ง หลังๆ มาแทบจะทุกเดือนก็ว่าได้ จนหลายคนฟันธงว่าเขากับอรนภาคงจะต้องลงเอยกันในที่สุด ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับอรนภาดูหวานชื่นดีในระยะครึ่งปีแรก แต่หลังๆ เธอมักบ่นอยู่เสมอถึงการทำงานหนักของเขา จนไม่มีเวลาพาเธอไปไหนตามใจต้องการ
แต่เขาคิดว่าอรนภาคงจะคลายเหงาไปได้บ้าง เมื่อวรกิจ น้องชายคนเดียวของเขาซึ่งยังเรียนต่อทางด้านบริหารที่อังกฤษกลับมาเยี่ยมเยียน ดูเหมือนสองคนนั้นจะเข้ากันได้ดี เมื่อเธออยากไปไหน แต่เขาติดงานจึงใช้บริการไหว้วานให้น้องชายเป็นธุระแทน
ชายหนุ่มเดินไปเปิดตู้เย็นในครัวเพื่อดื่มน้ำ ในตู้เย็นมีแค่น้ำผลไม้กับนม ยามวิกาลอย่างนี้ไม่อยากกวนใครทั้งที่หิวจนแสบไส้ จู่ๆ เขาก็นึกถึงขนมกะหรี่ปั๊บถุงนั้นขึ้นมาได้ ริมฝีปากคลี่ยิ้มกับความใสซื่อของแม่บ้านสาว
ทัชภูมิเดินกลับมานั่งบนโซฟา ไม่รู้ตัวเลยว่าหยิบกะหรี่ปั๊บถุงนั้นติดมือมาด้วยตอนไหน ขนมราคาถูกแต่ก็ให้รสชาติอร่อยลิ้นไม่ต่างจากขนมราคาแพงที่เขาลิ้มรสจนเบื่อ
“ขอบใจนะ ที่ทำให้ท้องอิ่มไปอีกวัน” เขามองถุงเปล่าในมือ นึกถึงหน้าคนให้แล้วอดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้
หลังนาฬิกาปลุกบัวบูชารีบอาบน้ำแต่งตัวด้วยชุดที่ผู้จัดการฝ่ายบุคคลให้มา เป็นชุดกางเกงสีม่วงเข้มทับด้วยเสื้อกั๊กสีขาว ผมต้องติดเน็ตคลุมเรียบร้อยไม่ให้ตกลงมาซักเส้น ใบหน้าไม่แต่งแต้มและสวมแว่นสายตาหนาเตอะ มีไฝเล็กๆ บนมุมปาก เมื่อทุกอย่างนี้มารวมกันอยู่บนตัวเธอทำให้ดูแก่ขึ้นไปอีกหลายปีทีเดียว
“หวังว่าวันนี้ฉันจะได้เข้าไปทำความสะอาดในห้องของคุณนะอรนภา” หญิงสาวพึมพำ ดื่มกาแฟสำเร็จรูปในห้องพักไปหนึ่งกระป๋อง เพราะเมื่อคืนคุยเรื่องนายดนุกรกับภูมิชญาจนดึกดื่น ทางนั้นยังไม่มีอะไรคืบหน้า ในวันที่ดาราสาวหายตัวไป ดนุกรอยู่ที่บ้านตลอดจนกระทั่งเย็นจึงออกไปงานเลี้ยงฉลองปิดกล้อง
มือเรียวปิดปากหาวอีกครั้ง ดับกลิ่นกาแฟด้วยสเปย์ดับกลิ่นปาก เมื่อมั่นใจดีแล้วจึงออกไปจากห้อง กล้องถ่ายรูปและเครื่องดักฟังเตรียมพร้อมในกระเป๋าสะพาย อินเดอะบีทมีห้องพักประจำของทัชภูมิและของอรนภาคนละห้อง บางทีอาจพบเบาะแสอะไรบ้าง
เธอมาถึงโรงแรมก็ตรงเข้าไปในห้องทำงานประจำของแม่บ้านซึ่งแบ่งออกเป็นหลายแผนก พนักงานใหม่ถูกเรียกมารวมตัวกัน เธอคาดไม่ถึงว่าจะได้พบนาสวรรค์อยู่ในนั้นด้วย
“นาสวรรค์ ดีใจจังที่ได้เจอกันอีก”
“ฮื่อ ฉันก็ดีใจ” นาสวรรค์ยิ้มรับ เมื่อเห็นสีหน้ากังขาของบัวบูชาจึงเอ่ยขึ้น “ตอนแรกฉันไม่ได้งานหรอก แต่คนที่ได้เขาสมัครเอาไว้สองที่ เขาก็เลยสละสิทธิ์ ผู้จัดการก็เลยโทรตามฉันมา รีบแทบตายแหนะ”
“ฉันบอกแล้วว่ายังไงเธอต้องได้” บัวบูชาบีบมือให้กำลังใจ เมื่อวานเธอเองก็ต้องข่มความรู้สึกผิดแทบแย่ที่แย่งงานนาสวรรค์ไป
“เอาล่ะๆ เลิกคุยกันได้แล้ว เป็นอันว่านาสวรรค์กับข้าวแต๋นได้อยู่แผนกห้องพักแขก ส่วนคนที่เหลือรับผิดชอบห้องจัดเลี้ยง ห้องประชุม และแผนกซักรีด” หัวหน้าแม่บ้านที่นี่ชื่อคุณนวลจันทร์ท่าทางเฮี๊ยบอย่าบอกใคร น้ำเสียงดุดันวางอำนาจนิดๆ เพื่อข่มให้ลูกน้องเกรงใจ
“ค่ะ” ทุกคนรับคำแข็งขัน
“นาสวรรค์กับข้าวแต๋น ฉันจะให้สอางค์ช่วยสอนงาน ที่นี่เป็นโรงแรมระดับ world class จำเอาไว้ว่าทุกอย่างจะต้องดีที่สุด ห้ามให้ลูกค้าบ่นมาเข้าหูฉันแม้แต่คำเดียว ไม่อย่างนั้นจะถูกตัดเงินเดือน และถ้าเกิดซ้ำจะต้องถูกไล่ออก เข้าใจใช่ไหม”
“เอ้อ…แล้วไอ้เวอๆ คลาสๆ นี่ มันเป็นแบบไหนเหรอจ้ะ” ข้าวแต๋นยกมือขึ้นถาม นวลจันทร์ทำหน้าระอาครู่หนึ่งจึงบอกขึ้น
“แปลว่าโรงแรมที่มีการให้บริการในระดับสูง ที่นี่ลูกค้าทุกคนคือพระเจ้าที่เราต้องทำให้เขาถูกใจมากที่สุด ได้เวลาเริ่มงานแล้ว ไปได้” นวลจันทร์หันมาทางสอางค์ที่รีบพาเด็กใหม่สองคนออกไป พาไปยังห้องหนึ่งที่มีข้าวของมากมายหลายอย่าง
“อันดับแรกฉันจะพาไปเก็บห้องแขกที่จะเช็กเอาท์ออกไปก่อน วันนี้มีสี่ห้อง นี่รถเข็น” สอางค์ลากรถเข็นแล้วเตรียมอุปกรณ์สำหรับทำความสะอาดใส่ในรถพร้อมอธิบายไปด้วย จากนั้นจึงสั่งให้สองสาวแยกไปทำความสะอาดในแต่ละห้อง แล้วตัวเองจะเข้าไปสำรวจความเรียบร้อยทีหลัง
“แล้วห้องคุณอรนภาละจ๊ะป้า ฉันอยากเห็น” ข้าวแต๋นทำหน้ากระตือรือร้นเหมือนพวกบ้าดาราที่ขอแค่ได้กลิ่นอายของคนที่ตัวเองชื่นชอบก็พอใจ
“แหม นังนี่ บอกแล้วไงว่าให้ทำห้องที่แขกเช็กเอาท์ก่อน ห้องคุณอรนภาทำทุกวันอยู่แล้ว ไม่ต้องรีบ”
“ก็ป้าบอกว่าเธอมาไม่เป็นเวลานี่จ๊ะ เกิดมาแล้วเจอฝุ่นเข้า ป้าไม่กลัวโดนด่าเหรอ” ข้าวแต๋นขู่ขึ้น สอางค์คิดตามแล้วพยักหน้าหงึกหงัก
“จริงของเอ็ง”
“งั้นฉันทำให้นะจ๊ะป้า รับรองเลยว่าเนี๊ยบอย่าบอกใคร” หญิงสาวอาสา สอางค์ลังเล หากแล้วงานที่มีอยู่ล้นมือก็ทำให้พยักหน้ารับ
“เออ เห็นฝีมือการทำความสะอาดเมื่อวานหรอกนะ เดี๋ยวข้าโทรเอาคีการ์ดกับส่วนหน้าก่อน” สอางค์จัดการทุกอย่างได้รวดเร็วสมกับทำงานที่นี่มาหลายปี แล้วบัวบูชาก็ได้คีการ์ดห้องของดาราสาวมาสมใจ แถมด้วยห้องของทัชภูมิมาด้วย
หญิงสาวเปิดประตูห้อง 909 ทุกอย่างในห้องนั้นหรูหราน่าทึ่ง ห้องกว้างขวาง เตียงนอนใหญ่ขนาดนอนห้าคนได้สบายๆ ผ้าปูและการตกแต่งแตกต่างจากห้องอื่นๆ แสดงให้เห็นว่าเจ้าตัวคือคนพิเศษของเจ้าของอินเดอะบีท บนหัวเตียงมีรูปถ่ายของอรนภากับทัชภูมิคู่กันอยู่ในกรอบรูปสีหวาน
บัวบูชารีบล็อกห้องจากด้านใน เพราะกลัวใครมาเห็นเข้าว่าเธอกำลังลงมือสำรวจห้องพักของแขกอย่างเอาเป็นเอาตายแทนที่จะเข้ามาทำความสะอาด
หญิงสาวเดินกลับมาที่รูปอีกครั้ง เปิดหัวเตียงพบอัลบัมเล็กๆ ยังคงเป็นรูปถ่ายของอรนภากับทัชภูมิ แต่หลังๆ เริ่มมีสามคน และเหลือสองคนในที่สุด ท่าทางของคนทั้งคู่ดูสนิทสนมกันมากกว่าคนเป็นแฟนอย่างทัชภูมิเสียอีก ผู้ชายคนนั้นใบหน้าละม้ายกับทัชภูมิ
“ใครนะ”
บัวบูชาเดินไปสำรวจตู้เสื้อผ้า มีเสื้อผ้าสตรีสองสามชุด แต่ไม่มีเสื้อผู้ชายอยู่ในนั้น บนโต๊ะเครื่องแป้งยังมีเครื่องสำอางหลายชิ้นวางอยู่ ห้องทั้งห้องถูกเก็บทำความสะอาดอย่างดีทุกเช้า ไม่มีร่องรอยความผิดปกติอื่นใด นอกจากเป็นห้องพักที่แขกไม่ได้เข้ามาพักนานแล้ว
เงื่อนงำทุกอย่างดูไร้พิรุธ ไม่มีช่องโหว่ ถือเป็นงานยากและท้าทายที่สุด นับตั้งแต่เปิดสำนักงานนักสืบบุศยามาก็ว่าได้ จนป่านนี้ยังไม่รู้เลยว่าอรนภายังอยู่หรือตายไปแล้ว เวลายิ่งผ่านไปนานเท่าไร ลมหายใจของดาราสาวยิ่งหดเหลือสั้นลงไปทุกที
เจ้าหน้าที่ตำรวจเองก็เร่งทำงานกันอย่างเต็มที่ ต่อไปคงปิดข่าวกันไม่ได้อีก เพราะผู้ที่เกี่ยวข้องคงทยอยถูกเรียกตัวมาสอบสวน
“โอ๊ย…แล้วจะรู้ไหมเนี่ยว่าอรนภาหายไปไหน” หญิงสาวถอนหายใจ เก็บภาพทุกอย่างในห้องนั้นทุกซอกทุกมุม แต่เพราะห้องถูกเก็บกวาดอย่างดีจึงไม่เหลืออะไรให้ค้นหา
โทรศัพท์ที่ตั้งแบบระบบสั่นมีสายเรียกเข้า เป็นสายจากภูมิชญานั่นเอง หญิงสาวรีบกดรับแล้วกรอกเสียงลงไป “ว่าไงคะพี่ญาญ่า”
“มีคนเห็นอรนภาขึ้นรถยนต์สีดำออกไป เมื่อสิบกว่าวันก่อน แต่เขาจำเลขทะเบียนไม่ได้ชัดเจน แต่เห็นเป็นสองตัวท้าย 44 ส่วนยี่ห้อไม่แน่ใจ”
“รถยนต์สีดำเหรอคะ เลขทะเบียนลงท้าย 44” บัวบูชาจดข้อมูลลงในสมุดโน้ตอย่างรวดเร็ว หวังว่าทัชภูมิจะเข้าบริษัท จะได้รู้กันว่าเขาเป็นคนไปรับอรนภามาจริงรึเปล่า
“ขอบคุณมากพี่ญาญ่า ได้เรื่องยังไงเดี๋ยวบัวติดต่อไปอีกที ตอนนี้บัวอยู่ในห้องอรนภา แต่ไม่มีอะไรคืบหน้าเลย เสร็จแล้วจะเข้าไปติดเครื่องดักฟังในห้องนายทัชภูมิ”
“โอเคจ้ะ แค่นี้นะ บาย”
หลังวางสาย เธอสำรวจห้องนั้นอีกครั้ง มีสมุดบันทึกเล่มเล็กเท่าครึ่งฝ่ามือวางอยู่ข้างกรอบรูป เป็นสมุดจดหมายเลขโทรศัพท์และคิวงานคร่าวๆ เธอเดาว่าเจ้าตัวคงจดไว้กันลืมแล้วค่อยลอกลงในสมุดอื่นอีกที เท่าที่รู้อรนภาไม่มีผู้จัดการส่วนตัว
10 กุมภาพันธ์ 55
10.00 น. ถ่ายภาพนิ่งหนังสือวันฟูล
14.00 น. บินไปภูเก็ต
12 มีนาคม 55
มีนัดทานอาหารกับคุณทัชภูมิ
ดูเหมือนนั่นจะเป็นบันทึกสุดท้ายของอรนภา สำหรับสมุดเล่มนี้ ไม่มีอะไรที่พอจะบอกได้เลยว่าช่วงวันที่หายตัวไปคือ 2 เมษายน และอรนภามาที่นี่จริงหรือไม่ พนักงานคนอื่น ทั้งยามบุญมีและสอางค์ต่างก็ยืนยันว่าอรนภาไม่ได้มาอินเดอะบีท ในช่วงเวลาดังกล่าว
บัวบูชาทำความสะอาดห้องจนสะอาดเอี่ยม ปักดอกไม้ในแจกัน รวมทั้งเปลี่ยนผ้าปูที่นอนใหม่ตามมาตรฐานของโรงแรมนี้ เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้วจึงออกไปจากห้องโดยล็อกเอาไว้ตามเดิม เหลือห้องของทัชภูมิให้เธอค้นหาความลับอีกห้อง
เธอเสียบคีการ์ดเข้าไปในห้องของเขา ห้องนี้กว้างขวางเท่ากับห้องแรก การตกแต่งเหมือนห้องสวีทห้องอื่นๆ แต่โทนสีของผ้าม่านดูเคร่งขรึม ทุกอย่างมีความเป็นระเบียบเรียบร้อย คงจะทำความสะอาดมาตั้งแต่เมื่อวาน และเมื่อคืนเขาก็ไม่ได้พักที่นี่
บนหัวเตียงไม่มีอะไรนอกจากหนังสือเกี่ยวกับธุรกิจ ถัดจากห้องนอนถูกจัดเป็นห้องทำงานส่วนตัว มีหนังสือและแฟ้มงานระเกะระกะ ดูเหมือนจะเป็นพื้นที่เดียวในห้องที่รก เขาคงสั่งห้ามไม่ให้ใครเข้ามาจัดของตรงส่วนนี้ เธอเองก็เคยเป็น พอห้องรกๆ มักจะหาของเจอ เพราะเรารู้ว่าเอาอะไรไว้ตรงไหน แต่เมื่อไรที่แม่ทำให้ห้องสะอาดเอี่ยมละก็ ไม่มีทางหาเจอ
บัวบูชาสำรวจไปทั่วห้อง แต่ไม่มีอะไรน่าสนใจ เธอเดินไปตู้เสื้อผ้าเป็นอันดับสุดท้าย มีเสื้อผ้าผู้หญิงสองสามตัวอยู่ในนั้น เมื่อแรกเธอคิดว่าเป็นเสื้อผ้าของอรนภาจึงมองผ่าน แต่เดินไปได้ไม่กี่ก้าว หางคิ้วก็ขมวดเข้าหากัน แล้วเดินไปเปิดตู้หยิบเสื้อผ้ามาดูใหม่
ชุดนั้นเป็นเดรสยาวออกเรียบร้อย สองชุดต่อมาก็ดูไม่ต่างกันนัก ออกแนวหวาน มีชุดนอนแบบใส่สบายอีกตัวหนึ่ง ต่างจากเสื้อที่อยู่ในห้องของอรนภาที่เน้นโชว์รูปร่างเซ็กซี่ แม้กระทั่งชุดนอนยังเป็นลายเสือดาวโชว์เนื้อหนัง ขนาดของชุดในห้องนี้ก็เล็กกว่า ย่อมแสดงให้เห็นว่าเจ้าของไม่ใช่คนเดียวกัน
“แสดงว่านายทัชภูมิพาผู้หญิงคนอื่นนอกจากอรนภามาที่นี่ ทำไมคนอื่นไม่รู้” หญิงสาวกังขา สมองกำลังใช้ความคิดอย่างหนักจึงไม่ทันได้ยินเสียงฝีเท้าที่เข้ามาหยุดอยู่ด้านหลัง
“ทำอะไร” เสียงทุ้มทรงอำนาจและแฝงไว้ด้วยความดุดันตวาดขึ้น หญิงสาวสะดุ้งเฮือก หัวใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม หัวใจเต้นแรงจนเกือบจะเป็นลม
“เอ่อ…” บัวบูชาอึกอัก
“ฉันถามว่าเธอทำอะไร" ไม่พูดเปล่าแต่มือหนากระชากชุดเดรสสีชมพูหวานไปจากมือเธอ ปฏิเสธไม่ได้เลยเพราะหลักฐานอยู่ในมือให้เห็นคาตา
“ฉันเข้ามาทำความสะอาดจ้า” บัวบูชาใช้โทนเสียงเหน่อๆ และรอยยิ้มใสซื่อเป็นอาวุธ แต่ไม่ได้ช่วยให้อะไรมันดีขึ้นมากนัก เพราะใบหน้าของเขายังถมึงทึง
“แต่ที่ฉันเห็นมันไม่ใช่”
“เปล่านะจ๊ะ ฉันไม่ได้ขโมย ฉันแค่กลัวว่าในตู้มันจะมีฝุ่น แต่เห็นว่ามันสวยดีก็เลยจะหยิบขึ้นมาดูเฉยๆ จ้า อย่าเข้าใจผิด” หญิงสาวโบกไม้โบกมือให้วุ่น
“ไม่มีใครบอกเหรอว่าไม่ให้ยุ่มย่ามของลูกค้า”
“ขอโทษจ้า ฉันไม่ได้ตั้งใจ” บัวบูชาเสียงอ่อย ก้มหน้ามองพื้น เมื่อเห็นว่ามันยังดูไม่น่าสงสารพอจึงต้องทำตัวสั่นน้อยๆ เข้าไปด้วย
“ออกไปได้แล้ว” เขาตัดบทด้วยความรำคาญ
“แต่ฉันยังทำความสะอาดไม่เสร็จเลยนะจ๊ะ” หญิงสาวเอ่ยค้าน
“จะไปดีๆ หรือจะให้จับโยนออกไป” เขาบอกอีกครั้ง คราวนี้เพิ่มความดุดันมากขึ้นจนหญิงสาวต้องแสร้งลนลานออกไป อารามรีบร้อนจึงชนรถเข็นจนคว่ำระเนระนาด เพิ่มความหงุดหงิดให้ชายหนุ่มอีกเป็นทวีคูณ
คนทำหน้าเจื่อน ยกมือไหว้ปลกๆ “ขอโทษจริงๆ จ้า ฉันไม่ได้ตั้งใจ”
“ฉันให้เวลาสิบนาที ทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย” ทัชภูมิส่ายหน้า เห็นใบหน้าใสซื่อนั้นก็ใจอ่อนจึงเดินกลับไปนั่งบนโต๊ะทำงานของตัวเอง ปล่อยให้หญิงสาวเก็บของที่ตัวเองทำหล่นเกลื่อนกลาดเอาไว้
“ดุชะมัด” บัวบูชาบ่นอุบแล้วเบ้หน้า ผู้ชายคนนี้ควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าอย่างที่ไดอารี่ของอรนภาบอกไว้ไม่มีผิด ทั้งนักศึกษาสาวคนนั้น แล้วไหนจะผู้หญิงที่เขาพามาค้างในห้องนี้อีกล่ะ มิน่าเล่าอรนภาถึงทนไม่ไหว ไม่รู้เจ้าตัวจะรู้บ้างหรือเปล่าว่าห้องนอนส่วนตัวของเขามีเสื้อผ้าผู้หญิงอื่น
เมื่อเป้าหมายเป็นพวกมักมากในกาม คงต้องอาศัยสาวสวยสุดเซ็กซี่อย่างเชอร์รี่เข้าช่วยอีกแรง เมื่อไรที่เหยื่อติดกับคงจะเผลอแสดงธาตุแท้ออกมาเอง
“ฉันให้เวลาเธอสิบนาทีไม่ใช่เหรอ” เสียงดุห้าวยังตามมาหลอกหลอน บัวบูชาจึงเร่งมือเป็นระวิง น่าเสียดายที่เขาเข้ามาก่อน ไม่อย่างนั้นคงได้อะไรมากกว่านี้
เธอเก็บของไปเรื่อยๆ เมื่อเสร็จแล้วจึงหันมาส่งยิ้มให้เขา
“ไปก่อนนะจ๊ะ คุณทัชภูมิ”
ชายหนุ่มโบกมือไล่แทนคำตอบรับ
บ้านเงียบเชียบเพราะคนในบ้านหลับกันหมดแล้ว บ้านหลังใหญ่โต นอกจากคนรับใช้แล้วก็มีเขาเป็นเจ้านายอยู่คนเดียว ชีวิตเงียบเหงาของเขาไม่มีใครหรืออะไรมาเติมเต็ม นับตั้งแต่การจากไปของศิคราญ คนรัก หัวใจของเขาร้าวรานเมื่อนึกถึงเธอ
สองปีก่อนหน้านี้ หัวใจของเขาชุ่มฉ่ำไปด้วยความรัก ทุกย่างก้าวของศิคราญในบ้านหลังนี้เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา เธอคือสิ่งที่เติมเต็มในสิ่งที่เขาขาด แต่แล้วเธอก็จากเขาไปโดยไม่ร่ำลา อีกไม่กี่วันเขากับเธอก็จะแต่งงานกันอยู่แล้ว แต่อุบัติเหตุก็พรากดวงใจดวงนี้ไปจากเขา
สองปีผ่านไปแต่หัวใจของเขาก็ไม่อาจลืมศิคราญไปได้ ไม่มีผู้หญิงคนไหนเข้ามาแทนที่เธอทั้งนั้น แม้ว่าตอนนี้เขาจะคบหาอยู่กับอรนภา
เขายังไม่ได้รักดาราสาวคนนั้น เขาแค่ชอบเธอเหมือนผู้ชายทั่วไปชอบผู้หญิงสวยก็เท่านั้นเอง สำหรับอรนภาแล้วเขาไม่คิดให้ความสนใจเธอมาตั้งแต่แรก แต่เมื่อถูกตามตื้อบ่อยเข้า ความเปิดเผยตรงไปตรงมา กล้าที่จะบอกรักเขาโต้งๆ มันทำให้เขาเห็นว่าเธอเองก็น่ารักดีเหมือนกัน
ตลอดเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมา เธอมาหาเขาที่นี่หลายครั้ง หลังๆ มาแทบจะทุกเดือนก็ว่าได้ จนหลายคนฟันธงว่าเขากับอรนภาคงจะต้องลงเอยกันในที่สุด ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับอรนภาดูหวานชื่นดีในระยะครึ่งปีแรก แต่หลังๆ เธอมักบ่นอยู่เสมอถึงการทำงานหนักของเขา จนไม่มีเวลาพาเธอไปไหนตามใจต้องการ
แต่เขาคิดว่าอรนภาคงจะคลายเหงาไปได้บ้าง เมื่อวรกิจ น้องชายคนเดียวของเขาซึ่งยังเรียนต่อทางด้านบริหารที่อังกฤษกลับมาเยี่ยมเยียน ดูเหมือนสองคนนั้นจะเข้ากันได้ดี เมื่อเธออยากไปไหน แต่เขาติดงานจึงใช้บริการไหว้วานให้น้องชายเป็นธุระแทน
ชายหนุ่มเดินไปเปิดตู้เย็นในครัวเพื่อดื่มน้ำ ในตู้เย็นมีแค่น้ำผลไม้กับนม ยามวิกาลอย่างนี้ไม่อยากกวนใครทั้งที่หิวจนแสบไส้ จู่ๆ เขาก็นึกถึงขนมกะหรี่ปั๊บถุงนั้นขึ้นมาได้ ริมฝีปากคลี่ยิ้มกับความใสซื่อของแม่บ้านสาว
ทัชภูมิเดินกลับมานั่งบนโซฟา ไม่รู้ตัวเลยว่าหยิบกะหรี่ปั๊บถุงนั้นติดมือมาด้วยตอนไหน ขนมราคาถูกแต่ก็ให้รสชาติอร่อยลิ้นไม่ต่างจากขนมราคาแพงที่เขาลิ้มรสจนเบื่อ
“ขอบใจนะ ที่ทำให้ท้องอิ่มไปอีกวัน” เขามองถุงเปล่าในมือ นึกถึงหน้าคนให้แล้วอดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้
หลังนาฬิกาปลุกบัวบูชารีบอาบน้ำแต่งตัวด้วยชุดที่ผู้จัดการฝ่ายบุคคลให้มา เป็นชุดกางเกงสีม่วงเข้มทับด้วยเสื้อกั๊กสีขาว ผมต้องติดเน็ตคลุมเรียบร้อยไม่ให้ตกลงมาซักเส้น ใบหน้าไม่แต่งแต้มและสวมแว่นสายตาหนาเตอะ มีไฝเล็กๆ บนมุมปาก เมื่อทุกอย่างนี้มารวมกันอยู่บนตัวเธอทำให้ดูแก่ขึ้นไปอีกหลายปีทีเดียว
“หวังว่าวันนี้ฉันจะได้เข้าไปทำความสะอาดในห้องของคุณนะอรนภา” หญิงสาวพึมพำ ดื่มกาแฟสำเร็จรูปในห้องพักไปหนึ่งกระป๋อง เพราะเมื่อคืนคุยเรื่องนายดนุกรกับภูมิชญาจนดึกดื่น ทางนั้นยังไม่มีอะไรคืบหน้า ในวันที่ดาราสาวหายตัวไป ดนุกรอยู่ที่บ้านตลอดจนกระทั่งเย็นจึงออกไปงานเลี้ยงฉลองปิดกล้อง
มือเรียวปิดปากหาวอีกครั้ง ดับกลิ่นกาแฟด้วยสเปย์ดับกลิ่นปาก เมื่อมั่นใจดีแล้วจึงออกไปจากห้อง กล้องถ่ายรูปและเครื่องดักฟังเตรียมพร้อมในกระเป๋าสะพาย อินเดอะบีทมีห้องพักประจำของทัชภูมิและของอรนภาคนละห้อง บางทีอาจพบเบาะแสอะไรบ้าง
เธอมาถึงโรงแรมก็ตรงเข้าไปในห้องทำงานประจำของแม่บ้านซึ่งแบ่งออกเป็นหลายแผนก พนักงานใหม่ถูกเรียกมารวมตัวกัน เธอคาดไม่ถึงว่าจะได้พบนาสวรรค์อยู่ในนั้นด้วย
“นาสวรรค์ ดีใจจังที่ได้เจอกันอีก”
“ฮื่อ ฉันก็ดีใจ” นาสวรรค์ยิ้มรับ เมื่อเห็นสีหน้ากังขาของบัวบูชาจึงเอ่ยขึ้น “ตอนแรกฉันไม่ได้งานหรอก แต่คนที่ได้เขาสมัครเอาไว้สองที่ เขาก็เลยสละสิทธิ์ ผู้จัดการก็เลยโทรตามฉันมา รีบแทบตายแหนะ”
“ฉันบอกแล้วว่ายังไงเธอต้องได้” บัวบูชาบีบมือให้กำลังใจ เมื่อวานเธอเองก็ต้องข่มความรู้สึกผิดแทบแย่ที่แย่งงานนาสวรรค์ไป
“เอาล่ะๆ เลิกคุยกันได้แล้ว เป็นอันว่านาสวรรค์กับข้าวแต๋นได้อยู่แผนกห้องพักแขก ส่วนคนที่เหลือรับผิดชอบห้องจัดเลี้ยง ห้องประชุม และแผนกซักรีด” หัวหน้าแม่บ้านที่นี่ชื่อคุณนวลจันทร์ท่าทางเฮี๊ยบอย่าบอกใคร น้ำเสียงดุดันวางอำนาจนิดๆ เพื่อข่มให้ลูกน้องเกรงใจ
“ค่ะ” ทุกคนรับคำแข็งขัน
“นาสวรรค์กับข้าวแต๋น ฉันจะให้สอางค์ช่วยสอนงาน ที่นี่เป็นโรงแรมระดับ world class จำเอาไว้ว่าทุกอย่างจะต้องดีที่สุด ห้ามให้ลูกค้าบ่นมาเข้าหูฉันแม้แต่คำเดียว ไม่อย่างนั้นจะถูกตัดเงินเดือน และถ้าเกิดซ้ำจะต้องถูกไล่ออก เข้าใจใช่ไหม”
“เอ้อ…แล้วไอ้เวอๆ คลาสๆ นี่ มันเป็นแบบไหนเหรอจ้ะ” ข้าวแต๋นยกมือขึ้นถาม นวลจันทร์ทำหน้าระอาครู่หนึ่งจึงบอกขึ้น
“แปลว่าโรงแรมที่มีการให้บริการในระดับสูง ที่นี่ลูกค้าทุกคนคือพระเจ้าที่เราต้องทำให้เขาถูกใจมากที่สุด ได้เวลาเริ่มงานแล้ว ไปได้” นวลจันทร์หันมาทางสอางค์ที่รีบพาเด็กใหม่สองคนออกไป พาไปยังห้องหนึ่งที่มีข้าวของมากมายหลายอย่าง
“อันดับแรกฉันจะพาไปเก็บห้องแขกที่จะเช็กเอาท์ออกไปก่อน วันนี้มีสี่ห้อง นี่รถเข็น” สอางค์ลากรถเข็นแล้วเตรียมอุปกรณ์สำหรับทำความสะอาดใส่ในรถพร้อมอธิบายไปด้วย จากนั้นจึงสั่งให้สองสาวแยกไปทำความสะอาดในแต่ละห้อง แล้วตัวเองจะเข้าไปสำรวจความเรียบร้อยทีหลัง
“แล้วห้องคุณอรนภาละจ๊ะป้า ฉันอยากเห็น” ข้าวแต๋นทำหน้ากระตือรือร้นเหมือนพวกบ้าดาราที่ขอแค่ได้กลิ่นอายของคนที่ตัวเองชื่นชอบก็พอใจ
“แหม นังนี่ บอกแล้วไงว่าให้ทำห้องที่แขกเช็กเอาท์ก่อน ห้องคุณอรนภาทำทุกวันอยู่แล้ว ไม่ต้องรีบ”
“ก็ป้าบอกว่าเธอมาไม่เป็นเวลานี่จ๊ะ เกิดมาแล้วเจอฝุ่นเข้า ป้าไม่กลัวโดนด่าเหรอ” ข้าวแต๋นขู่ขึ้น สอางค์คิดตามแล้วพยักหน้าหงึกหงัก
“จริงของเอ็ง”
“งั้นฉันทำให้นะจ๊ะป้า รับรองเลยว่าเนี๊ยบอย่าบอกใคร” หญิงสาวอาสา สอางค์ลังเล หากแล้วงานที่มีอยู่ล้นมือก็ทำให้พยักหน้ารับ
“เออ เห็นฝีมือการทำความสะอาดเมื่อวานหรอกนะ เดี๋ยวข้าโทรเอาคีการ์ดกับส่วนหน้าก่อน” สอางค์จัดการทุกอย่างได้รวดเร็วสมกับทำงานที่นี่มาหลายปี แล้วบัวบูชาก็ได้คีการ์ดห้องของดาราสาวมาสมใจ แถมด้วยห้องของทัชภูมิมาด้วย
หญิงสาวเปิดประตูห้อง 909 ทุกอย่างในห้องนั้นหรูหราน่าทึ่ง ห้องกว้างขวาง เตียงนอนใหญ่ขนาดนอนห้าคนได้สบายๆ ผ้าปูและการตกแต่งแตกต่างจากห้องอื่นๆ แสดงให้เห็นว่าเจ้าตัวคือคนพิเศษของเจ้าของอินเดอะบีท บนหัวเตียงมีรูปถ่ายของอรนภากับทัชภูมิคู่กันอยู่ในกรอบรูปสีหวาน
บัวบูชารีบล็อกห้องจากด้านใน เพราะกลัวใครมาเห็นเข้าว่าเธอกำลังลงมือสำรวจห้องพักของแขกอย่างเอาเป็นเอาตายแทนที่จะเข้ามาทำความสะอาด
หญิงสาวเดินกลับมาที่รูปอีกครั้ง เปิดหัวเตียงพบอัลบัมเล็กๆ ยังคงเป็นรูปถ่ายของอรนภากับทัชภูมิ แต่หลังๆ เริ่มมีสามคน และเหลือสองคนในที่สุด ท่าทางของคนทั้งคู่ดูสนิทสนมกันมากกว่าคนเป็นแฟนอย่างทัชภูมิเสียอีก ผู้ชายคนนั้นใบหน้าละม้ายกับทัชภูมิ
“ใครนะ”
บัวบูชาเดินไปสำรวจตู้เสื้อผ้า มีเสื้อผ้าสตรีสองสามชุด แต่ไม่มีเสื้อผู้ชายอยู่ในนั้น บนโต๊ะเครื่องแป้งยังมีเครื่องสำอางหลายชิ้นวางอยู่ ห้องทั้งห้องถูกเก็บทำความสะอาดอย่างดีทุกเช้า ไม่มีร่องรอยความผิดปกติอื่นใด นอกจากเป็นห้องพักที่แขกไม่ได้เข้ามาพักนานแล้ว
เงื่อนงำทุกอย่างดูไร้พิรุธ ไม่มีช่องโหว่ ถือเป็นงานยากและท้าทายที่สุด นับตั้งแต่เปิดสำนักงานนักสืบบุศยามาก็ว่าได้ จนป่านนี้ยังไม่รู้เลยว่าอรนภายังอยู่หรือตายไปแล้ว เวลายิ่งผ่านไปนานเท่าไร ลมหายใจของดาราสาวยิ่งหดเหลือสั้นลงไปทุกที
เจ้าหน้าที่ตำรวจเองก็เร่งทำงานกันอย่างเต็มที่ ต่อไปคงปิดข่าวกันไม่ได้อีก เพราะผู้ที่เกี่ยวข้องคงทยอยถูกเรียกตัวมาสอบสวน
“โอ๊ย…แล้วจะรู้ไหมเนี่ยว่าอรนภาหายไปไหน” หญิงสาวถอนหายใจ เก็บภาพทุกอย่างในห้องนั้นทุกซอกทุกมุม แต่เพราะห้องถูกเก็บกวาดอย่างดีจึงไม่เหลืออะไรให้ค้นหา
โทรศัพท์ที่ตั้งแบบระบบสั่นมีสายเรียกเข้า เป็นสายจากภูมิชญานั่นเอง หญิงสาวรีบกดรับแล้วกรอกเสียงลงไป “ว่าไงคะพี่ญาญ่า”
“มีคนเห็นอรนภาขึ้นรถยนต์สีดำออกไป เมื่อสิบกว่าวันก่อน แต่เขาจำเลขทะเบียนไม่ได้ชัดเจน แต่เห็นเป็นสองตัวท้าย 44 ส่วนยี่ห้อไม่แน่ใจ”
“รถยนต์สีดำเหรอคะ เลขทะเบียนลงท้าย 44” บัวบูชาจดข้อมูลลงในสมุดโน้ตอย่างรวดเร็ว หวังว่าทัชภูมิจะเข้าบริษัท จะได้รู้กันว่าเขาเป็นคนไปรับอรนภามาจริงรึเปล่า
“ขอบคุณมากพี่ญาญ่า ได้เรื่องยังไงเดี๋ยวบัวติดต่อไปอีกที ตอนนี้บัวอยู่ในห้องอรนภา แต่ไม่มีอะไรคืบหน้าเลย เสร็จแล้วจะเข้าไปติดเครื่องดักฟังในห้องนายทัชภูมิ”
“โอเคจ้ะ แค่นี้นะ บาย”
หลังวางสาย เธอสำรวจห้องนั้นอีกครั้ง มีสมุดบันทึกเล่มเล็กเท่าครึ่งฝ่ามือวางอยู่ข้างกรอบรูป เป็นสมุดจดหมายเลขโทรศัพท์และคิวงานคร่าวๆ เธอเดาว่าเจ้าตัวคงจดไว้กันลืมแล้วค่อยลอกลงในสมุดอื่นอีกที เท่าที่รู้อรนภาไม่มีผู้จัดการส่วนตัว
10 กุมภาพันธ์ 55
10.00 น. ถ่ายภาพนิ่งหนังสือวันฟูล
14.00 น. บินไปภูเก็ต
12 มีนาคม 55
มีนัดทานอาหารกับคุณทัชภูมิ
ดูเหมือนนั่นจะเป็นบันทึกสุดท้ายของอรนภา สำหรับสมุดเล่มนี้ ไม่มีอะไรที่พอจะบอกได้เลยว่าช่วงวันที่หายตัวไปคือ 2 เมษายน และอรนภามาที่นี่จริงหรือไม่ พนักงานคนอื่น ทั้งยามบุญมีและสอางค์ต่างก็ยืนยันว่าอรนภาไม่ได้มาอินเดอะบีท ในช่วงเวลาดังกล่าว
บัวบูชาทำความสะอาดห้องจนสะอาดเอี่ยม ปักดอกไม้ในแจกัน รวมทั้งเปลี่ยนผ้าปูที่นอนใหม่ตามมาตรฐานของโรงแรมนี้ เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้วจึงออกไปจากห้องโดยล็อกเอาไว้ตามเดิม เหลือห้องของทัชภูมิให้เธอค้นหาความลับอีกห้อง
เธอเสียบคีการ์ดเข้าไปในห้องของเขา ห้องนี้กว้างขวางเท่ากับห้องแรก การตกแต่งเหมือนห้องสวีทห้องอื่นๆ แต่โทนสีของผ้าม่านดูเคร่งขรึม ทุกอย่างมีความเป็นระเบียบเรียบร้อย คงจะทำความสะอาดมาตั้งแต่เมื่อวาน และเมื่อคืนเขาก็ไม่ได้พักที่นี่
บนหัวเตียงไม่มีอะไรนอกจากหนังสือเกี่ยวกับธุรกิจ ถัดจากห้องนอนถูกจัดเป็นห้องทำงานส่วนตัว มีหนังสือและแฟ้มงานระเกะระกะ ดูเหมือนจะเป็นพื้นที่เดียวในห้องที่รก เขาคงสั่งห้ามไม่ให้ใครเข้ามาจัดของตรงส่วนนี้ เธอเองก็เคยเป็น พอห้องรกๆ มักจะหาของเจอ เพราะเรารู้ว่าเอาอะไรไว้ตรงไหน แต่เมื่อไรที่แม่ทำให้ห้องสะอาดเอี่ยมละก็ ไม่มีทางหาเจอ
บัวบูชาสำรวจไปทั่วห้อง แต่ไม่มีอะไรน่าสนใจ เธอเดินไปตู้เสื้อผ้าเป็นอันดับสุดท้าย มีเสื้อผ้าผู้หญิงสองสามตัวอยู่ในนั้น เมื่อแรกเธอคิดว่าเป็นเสื้อผ้าของอรนภาจึงมองผ่าน แต่เดินไปได้ไม่กี่ก้าว หางคิ้วก็ขมวดเข้าหากัน แล้วเดินไปเปิดตู้หยิบเสื้อผ้ามาดูใหม่
ชุดนั้นเป็นเดรสยาวออกเรียบร้อย สองชุดต่อมาก็ดูไม่ต่างกันนัก ออกแนวหวาน มีชุดนอนแบบใส่สบายอีกตัวหนึ่ง ต่างจากเสื้อที่อยู่ในห้องของอรนภาที่เน้นโชว์รูปร่างเซ็กซี่ แม้กระทั่งชุดนอนยังเป็นลายเสือดาวโชว์เนื้อหนัง ขนาดของชุดในห้องนี้ก็เล็กกว่า ย่อมแสดงให้เห็นว่าเจ้าของไม่ใช่คนเดียวกัน
“แสดงว่านายทัชภูมิพาผู้หญิงคนอื่นนอกจากอรนภามาที่นี่ ทำไมคนอื่นไม่รู้” หญิงสาวกังขา สมองกำลังใช้ความคิดอย่างหนักจึงไม่ทันได้ยินเสียงฝีเท้าที่เข้ามาหยุดอยู่ด้านหลัง
“ทำอะไร” เสียงทุ้มทรงอำนาจและแฝงไว้ด้วยความดุดันตวาดขึ้น หญิงสาวสะดุ้งเฮือก หัวใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม หัวใจเต้นแรงจนเกือบจะเป็นลม
“เอ่อ…” บัวบูชาอึกอัก
“ฉันถามว่าเธอทำอะไร" ไม่พูดเปล่าแต่มือหนากระชากชุดเดรสสีชมพูหวานไปจากมือเธอ ปฏิเสธไม่ได้เลยเพราะหลักฐานอยู่ในมือให้เห็นคาตา
“ฉันเข้ามาทำความสะอาดจ้า” บัวบูชาใช้โทนเสียงเหน่อๆ และรอยยิ้มใสซื่อเป็นอาวุธ แต่ไม่ได้ช่วยให้อะไรมันดีขึ้นมากนัก เพราะใบหน้าของเขายังถมึงทึง
“แต่ที่ฉันเห็นมันไม่ใช่”
“เปล่านะจ๊ะ ฉันไม่ได้ขโมย ฉันแค่กลัวว่าในตู้มันจะมีฝุ่น แต่เห็นว่ามันสวยดีก็เลยจะหยิบขึ้นมาดูเฉยๆ จ้า อย่าเข้าใจผิด” หญิงสาวโบกไม้โบกมือให้วุ่น
“ไม่มีใครบอกเหรอว่าไม่ให้ยุ่มย่ามของลูกค้า”
“ขอโทษจ้า ฉันไม่ได้ตั้งใจ” บัวบูชาเสียงอ่อย ก้มหน้ามองพื้น เมื่อเห็นว่ามันยังดูไม่น่าสงสารพอจึงต้องทำตัวสั่นน้อยๆ เข้าไปด้วย
“ออกไปได้แล้ว” เขาตัดบทด้วยความรำคาญ
“แต่ฉันยังทำความสะอาดไม่เสร็จเลยนะจ๊ะ” หญิงสาวเอ่ยค้าน
“จะไปดีๆ หรือจะให้จับโยนออกไป” เขาบอกอีกครั้ง คราวนี้เพิ่มความดุดันมากขึ้นจนหญิงสาวต้องแสร้งลนลานออกไป อารามรีบร้อนจึงชนรถเข็นจนคว่ำระเนระนาด เพิ่มความหงุดหงิดให้ชายหนุ่มอีกเป็นทวีคูณ
คนทำหน้าเจื่อน ยกมือไหว้ปลกๆ “ขอโทษจริงๆ จ้า ฉันไม่ได้ตั้งใจ”
“ฉันให้เวลาสิบนาที ทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย” ทัชภูมิส่ายหน้า เห็นใบหน้าใสซื่อนั้นก็ใจอ่อนจึงเดินกลับไปนั่งบนโต๊ะทำงานของตัวเอง ปล่อยให้หญิงสาวเก็บของที่ตัวเองทำหล่นเกลื่อนกลาดเอาไว้
“ดุชะมัด” บัวบูชาบ่นอุบแล้วเบ้หน้า ผู้ชายคนนี้ควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าอย่างที่ไดอารี่ของอรนภาบอกไว้ไม่มีผิด ทั้งนักศึกษาสาวคนนั้น แล้วไหนจะผู้หญิงที่เขาพามาค้างในห้องนี้อีกล่ะ มิน่าเล่าอรนภาถึงทนไม่ไหว ไม่รู้เจ้าตัวจะรู้บ้างหรือเปล่าว่าห้องนอนส่วนตัวของเขามีเสื้อผ้าผู้หญิงอื่น
เมื่อเป้าหมายเป็นพวกมักมากในกาม คงต้องอาศัยสาวสวยสุดเซ็กซี่อย่างเชอร์รี่เข้าช่วยอีกแรง เมื่อไรที่เหยื่อติดกับคงจะเผลอแสดงธาตุแท้ออกมาเอง
“ฉันให้เวลาเธอสิบนาทีไม่ใช่เหรอ” เสียงดุห้าวยังตามมาหลอกหลอน บัวบูชาจึงเร่งมือเป็นระวิง น่าเสียดายที่เขาเข้ามาก่อน ไม่อย่างนั้นคงได้อะไรมากกว่านี้
เธอเก็บของไปเรื่อยๆ เมื่อเสร็จแล้วจึงหันมาส่งยิ้มให้เขา
“ไปก่อนนะจ๊ะ คุณทัชภูมิ”
ชายหนุ่มโบกมือไล่แทนคำตอบรับ
สาริน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 ต.ค. 2556, 22:50:29 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 ต.ค. 2556, 22:50:29 น.
จำนวนการเข้าชม : 979
<< ตอนที่ 5 40% | ตอนที่ 6 100% >> |