จะเก็บไว้ในใจจนนิรันดร์
ถ้าไม่มีงานสัมมนานั้นอังศุมาลินคงไม่นึกถึงเขาคนนั้นอีก ทั้ง ๆ ที่หลายปีที่ผ่านมาเธอลืมเขาไปแล้วแท้ ๆ เขาที่เธอแอบรักมาตั้งแต่เรียนมัธยม เขาที่ไม่เคยคิดอะไรกับเธอมากกว่าเพื่อนร่วมห้อง และเขาที่ทำร้ายจิตใจเธอโดยที่เขาเองก็ไม่รู้ตัว
และเธอจะไม่รู้สึกผิดถ้าเธอไม่มีอธิฐานที่อยู่ข้าง ๆ เธอ อธิษฐานที่รักเธอจนสุดหัวใจ ทำทุกอย่างได้เพื่อเธอ
และมันก็จะไม่เกิดอะไรขึ้นถัาเธอไม่ต้องมาเจอกับเขาคนนั้นอีก
Tags: รักสามเศร้า / สับสน / วุ่นวาย

ตอน: 24 เข้าใจรึยัง

24 เข้าใจรึยัง

หลังจากค่ำคืนนั้น ปารีก็บินกลับประเทศไปในวันรุ่งขึ้น และคงจะเข็ดขยาดกับประเทศไทยไปอีกนาน อังศุมาลินขำเมื่อสามีเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง จะว่าทั้งหมดก็เห็นจะไม่ใช่ เขาไม่ได้เล่าเรื่องที่อธิษฐานพูดตอนเมาให้หญิงสาวฟัง

“แล้วมันจะไม่มีผลต่องานเธอใช่ไหม”อังศุมาลินยังอดห่วงไม่ได้ เมื่อได้รู้ว่าพ่อของปารีคือลูกค้ารายสำคัญ

“ไม่หรอก ท่านประทานเข้าใจดี”ท่านประทานที่ว่าก็คือปรเมตร ลูกคนที่สองของท่านปวรภัทรที่ได้เข้ารับตำแหน่งช่วงที่พัฒนากรไปดูงาน

“ได้ข่าวว่าพี่ข้าวปั้นขึ้นมารับตำแหน่งแทนท่านประทานจนหมดทุกตำแหน่งแล้วเหรอ”

“ก็เกือบใช่แหล่ะ ท่านประทานแบ่งงานให้ลูกทั้งสี่คนตามความเหมาะสม แต่ที่ได้ยินมาก็คือคุณปรวัฒน์ไม่ขอรับตำแหน่งใด ๆ ของสร้างโรงพยาบาลสัตว์ของตัวเองให้ดีก็พอ”

“ดีจังนะที่ท่านประทานมีกิจการมากมายให้ลูกได้สืบทอด เราเองก็อยากมีอะไรที่มั่นคงไว้ให้ลูกเหมือนกัน ไม่ใช่เพียงทำงานไปวัน ๆ แบบนี้”อังศุมาลินพูดแล้วถอนหายใจ ลูกจะได้มีหลักในชีวิตบ้าง ไม่ใช่ต้องมาขวนขวายอย่าไร้ทิศทาง

“แต่เราว่าคนทุกคนก็อยากมีชีวิตในแบบของตัวเองไม่ใช่เหรอ อย่างอิ้ง อย่างเรา ก็มีความฝันของตัวเอง”

“มันก็ใช่ แต่บางคนกว่าจะเจอในสิ่งที่รักได้ มันก็เหนื่อยนะ คนสมัยนี้ใช่ว่าจะมีภูมิคุ้มกันเหมือนกับคนสมัยก่อน จะหลงทางเอาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ท่านประทานมีลูกหลายคนใช่ไหม ลูกของท่านสามคนเลือกที่จะเดินทางที่พ่อสร้างให้ แม้ว่าอีกคนจะมีทางเป็นของตัวเอง แต่อีกหน่อยพอลูกพี่ซูชิโตก็ต้องมีคนเดินตามพี่ซูชิ และอาจจะมีคนไปหาทางของตัวเอง เราเลยคิดว่าการที่เราเตรียมทางไว้ให้ลูกเราก่อนก็คงจะดี”

ฟังเมียพูดจนจบชายหนุ่มก็เลยคิดอยากจะเปลี่ยนเรื่องคุย เขาเดินมาหาอังศุมาลินที่ให้นมลูกอยู่ ก้มหน้ามาที่ข้างหูแล้วเอ่ยเสียงกระซิบ

“วันนี้กลับบ้านกันนะ ไปทำบุญวันเกิดอิ้ง”

หญิงสาวยิ้มจนตาแทบปิด วันเกิดเธอปีแรกของการแต่งงาน มันช่างมาไวกว่าที่คิด หญิงสาวพยักหน้าหงึก ๆ ตอบรับในทันที


เช้าวันใหม่มาเร็วมาก หญิงสาวเตรียมของวางเรียงบนโต๊ะเพื่อที่จะได้หยิบง่าย ๆ ตาก็หันหาสามีจนผู้เป็นแม่เดินมาพร้อมลูกของเธอจึงอดที่จะถามหาไม่ได้

“พีมล่ะแม่ดา”

“ไปไหนแต่เช้ามืดก็ไม่รู้ ไปตอนที่หนูไปซื้อกับข้าวนั้นล่ะ เขาฝากบอกว่าคงกลับมาใส่บาตรด้วยไม่ทัน”พูดพลางช่วยจัดของ ไม่ถึงนาทีพระก็เดินเข้าปากซอยมา “นิมนต์เจ้าค่ะ หนูเร็วรีบใส่บาตรเข้า”

หญิงสาวตัดความคิดฟุ้งซานตั้งจิตให้สงบแล้วบรรจงตักบาตรอย่างตั้งใจ แล้วทรุดตัวลงนั่งรับพร รอจนพระผ่านไปเธอจึงได้ลุกขึ้น

“เอาตาหนูไปอาบน้ำอาบท่าไป สาย ๆ จะได้เตรียมตัวกลับ”

“แม่ดา หนูรักแม่นะ รักที่สุดเลย”พูดแล้วก็หอมแก้มแม่สักหนึ่งที

“ไป ๆ ไปไหนก็ไป”น้ำเสียงที่ไล่นั้นสั่งเครือ เขินปนซึ่งใจจะร้องไห้ก็กลัวจะอายลูกอายหลานจึงต้องแกล้งฟอร์มไป แต่มีเหรอที่ลูกสาวจะไม่รู้ใจแม่ จึงยอมเดินกลับเข้าไปในบ้านแต่โดยดี



หลังจากวันที่กลับจากบ้านอังศุมาลิน พัฒนากรก็ดูเหมือนจะมีงานยุ่งตลอดจนบางทีหญิงสาวก็แอบแหนบไปบ้างว่า ‘ทั้งบริษัทมีเธอทำงานคนเดียวรึยังไง’

แต่คำตอบที่ได้ก็คือรอยยิ้มที่ไม่ได้ใส่ใจอะไรกับเธอนัก ไปทำงานก็เช้ากลับก็ดึก เป็นอย่างนี้มาร่วมเดือน ทำให้หญิงสาวต้องทานข้าวคนเดียวมาโดยตลอด เหงาก็เหงาพูดมากก็ไม่ได้

วันนี้เธอต้องออกมาข้างนอก เพราะได้รับโทรศัพท์สายด่วนจากนันธิตาว่ามีคนจ้างเธอเขียนบทหนัง เธอจึงต้องมาที่บริษัทหนังที่ว่าเพื่อคุยเรื่องสัญญา

หญิงสาวเดินมาหยุดที่หน้าห้องหนึ่งตามคำบอกเล่าของเจ้านายสาว คนดูแลที่หน้าห้องบอกกับเธอว่าให้รอสักครู่เพราะข้างในกำลังตกลงเรื่องสัญญานักแสดงอยู่ รออยู่ราวสิบกว่านาทีประตูห้องนั้นก็เปิดออก หญิงสาวก็ต้องยิ้มร่าเมื่อเจอคนรู้จัก

“พี่ภีร์”

ชายหนุ่มหันมาตามเสียงเรียกแล้วก็ต้องยิ้ม แถมยังยิ้มแบบประหลาดใจเสียด้วย อาจจะเป็นเพราะตั้งแต่หญิงสาวผอมเขาก็ไม่ได้เจอเธออีก

“สวยขึ้นนะเรา ส่วนตาหนูก็หล่อขึ้นนะเนี่ย”แต่เพื่อไม่ให้น่าเกลียดจนเกินไปชายหนุ่มก็เลยทั้งทายเด็กน้อยเป็นตัวช่วย

“ขอบคุณคะ เอ่อ...พี่ภีร์เป็นพระเอกเรื่องนี้เหรอคะ”

ชายหนุ่มพยักหน้า ก่อนจะหันกลับไปมองประตูที่เปิดอีกครั้ง

“เชิญคุณอังศุมาลินค่ะ”

อังศุมาลินหันมายิ้มให้คัมภีร์แล้วจะเดินเข้าไปในห้องแต่ถูกชายหนุ่มเรียกไว้เสียก่อน

“วันนี้ว่างรึเปล่า”

“ค่ะ”

“ไปหาอะไรทานกับพี่ไหม ถ้าตกลงก็ส่งตาหนูมา”

อังศุมาลินไม่ได้ตอบ แต่ส่งลูกชายไปให้ดาราหนุ่ม ชายหนุ่มยิ้มพร้อมรับเด็กน้อยมาอุ้ม แล้วหญิงสาวก็เดินเข้าห้องไป


หลังจากทานอาหารเสร็จคัมภีร์ก็ถามอังศุมาลินว่าจะไปไหนต่อ พอหญิงสาวตอบว่าจะมาหาสามีจึงอาสามาส่งถึงที่

“ขอบคุณนะคะ”

“แค่มาส่งแค่นี้ขอบคุณทำไม”

“ขอบคุณที่ช่วยแนะนำงานให้อิ้งต่างหาก พวกพี่เขาบอกอิ้งหมดแล้วล่ะคะ”

ชายหนุ่มยิ้มแห้ง ตอนแรกเขาไม่ได้คิดจะบอกเรื่องที่แนะนำงานให้หญิงสาว แต่ก็ดันปากหนังลืมกำชับทีมงานไว้ก่อน

“ครับ”

หญิงสาวยิ้มกลับอีกครั้งแล้วเดินเข้าบริษัทไป แต่พอมาถึงที่ห้องทำงานของสามีก็ได้รับคำตอบว่า

“คุณพีมทำงานแค่ครึ่งวันเช้าครับ คุณอิ้งไม่รู้เหรอครับว่าช่วงนี้เขาลางานครึ่งวันตลอด”

หญิงสาวไม่ได้พูดอะไรมากแล้วเดินกลับออกมา ในหัวคิดสับสนไปหมด ไม่รู้จริง ๆ ว่าสามีไปไหน ‘ลางานครึ่งวันตลอด’ แต่ทำไมเขาถึงได้กลับบ้านดึกดื่นทุกวัน หรือเธอกำลังโดนสวมเขา

เธอไว้ใจเขามากเกินไปอย่างนั้นเหรอ เขามีเรื่องอะไรอีกที่ปิดบังเธอ ถ้าเธอถามเขาจะจะตอบคำถามเธอไหม เขาจะบอกเธอว่า

‘เราจะไปไหนก็เรื่องของเรา’

หรือเขาจะบอกเธอว่า

‘ใช่เรามีคนอื่น เรารักผู้หญิงคนนั้นมากกว่าอิ้ง เรา...’

ความคิดของเธอยังไม่ทันจบ เสียงบีบแตรของรถยนต์คันที่เธอเพิ่งโดยสารมาก็ดังขึ้น นี่เขายังรอเธออยู่อย่างนั้นเหรอ

“อิ้งเมื่อกี้พี่เห็นคุณพีมเพิ่งออกไป”

เสียงนั้นทำให้สองขาของหญิงสาวก้าวไวไปขึ้นรถของคัมภีร์ ชายหนุ่มเหมือนรู้ดีรีบขับรถตามพัฒนากรไป

“อยู่นั้นไง นั่งดี ๆ นะพี่จะซิ่งแล้ว”การกระทำเร็วเท่ากับคำพูด เขาเร่งเครื่องให้เร็วขึ้น แต่ก็ยังช้ากว่ารถที่นำหน้าไป

อังศุมาลินก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าสามีขับรถเร็วปานนี้ ตอนนั่งรถไปกับเขา เขาก็ไม่ได้ขับรถเร็วอะไร แต่ว่าทางนี่มันคือทางกลับบ้านเธอไม่ใช่เหรอ

“อิ้งเป็นอะไร ทำไมเงียบไป ลองโทรหาเขาดูสิถามว่าเขากำลังจะไปไหน”

“ค่ะ”

หญิงสาวรับคำแล้วรีบโทรศัพท์ แต่ปลายสายกลับตัดสัญญาณทิ้ง เธอลองโทรอีกทีผลก็ยังเป็นเช่นเดิม

“เขาไม่รับเหรอ”คนถูกถามพยักหน้า “แล้วอิ้งรู้ไหมเขาจะไปไหน”

“ทางนี้คือทางกลับบ้านอิ้งเองค่ะ แต่เขาไม่ได้บอกว่าจะกลับบ้าน”

หญิงสาวไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกอย่างไรดี รู้แต่ว่าตัวเองงงไปหมด ไม่แน่ใจว่าจุดหมายปลายทางของสามีเธอคือที่ใด ก่อนที่จะคิดไปไกลเสียงโทรศัพท์ของคัมภีร์ก็ดังขัดขึ้นมา แต่ชายหนุ่มไม่มีท่าทีสนใจมันเลยสักนิด

เสียงโทรศัพท์ดับไปแล้ว และตามด้วยเสียงข้อความแต่อังสุมาลินคิดว่าน่าจะเป็นเสียงไลน์มากกว่า มันดังติดต่อกันหลายที เจ้าของโทรศัพท์คงรู้ดีว่าผู้ส่งคงจะมีธุระด่วน แต่หญิงสาวกลับไม่รู้ว่าทำไมเจ้าของเครื่องไม่ได้มีท่าทีทุกข์ร้อนเลย

“อย่า!”ชายหนุ่มร้องห้ามเมื่ออังศุมาลินถือวิสาสะหยิบโทรศัพท์เขา “กรุ๊ปพี่คงจะส่งข้อความคุยกันเฉย ๆ”

“อิ้งขอโทษนะคะ”ที่ขอโทษน่ะ ไม่ใช่ว่าจะไม่เปิดดูแต่ขอโทษที่จะเปิดดูต่างห่าง แล้วเธอก็ตัดสินใจถูกเพราะเนื้อหาใจความที่ถูกส่งมาก็คือเรื่องงาน พวกเขากำลังตามตัวดาราหนุ่มที่ขับรถให้เธออยู่ “พี่ภีร์โดดงาน”

“แหมก็นะ”ชายหนุ่มทำเป็นเรื่องตลก

“ทำไมคะ”แต่อังศุมาลินไมได้ตลกด้วย หันมาถามคัมภีร์เสียงแข็ง

“ก็...”ชายหนุ่มพูดไม่ออก หรือไม่กล้าพูดกันแน่ก็ไม่รู้

“กลับกันเถอะค่ะ กลับไปทำงานของพี่”

“อิ้ง”เกริ่นด้วยน้ำเสียงนุ่ม แค่นี้บรรยากาศภายในรถก็ดูอบอุ่นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก “ที่พี่เคยบอกว่า ถ้าเขาไม่สนใจอิ้งแล้ว พี่ขอให้อิ้งนึกถึงพี่เป็นคนแรกน่ะ พี่พูดจริง ๆ นะ”

“เรื่องนั้นมันไม่สำคัญหรอกคะ เพราะมันยังไม่ได้เกิดขึ้น แต่สิ่งที่สำคัญกับพี่ภีร์ที่สุดก็คืองาน ต่อให้อิ้งจะมีความสำคัญกับพี่ภีร์มากน้อยแค่ไหน แต่คนที่รอพี่อยู่ก็สำคัญไม่แพ้กันคะ ขอร้องนะคะอย่าให้อิ้งต้องทำให้พี่ภีร์เดือดร้อน”

น้ำเสียงที่หนักแน่นมันทำให้ขาที่เหยียบคันเร่งของคัมภีร์แทบจะไม่มีแรง รถค่อย ๆ ชะลอความเร็วจนมาถึงทางยูเทิร์นรถก็เลี้ยวหัวกลับเข้ากรุงเทพฯ

“ขอบคุณนะคะ”

คัมภีร์ได้ยินเหมือนกับว่า ‘ขอบคุณนะคะที่เข้าใจ’ เขารู้แล้วล่ะว่าคุณแม่ลูกหนึ่งคนนี้คงรักเดียวใจเดียวต่อสามีเธอมาก มากจนเขาคงจะเข้าไปทำลายมันไม่ได้ ก็คงจะต้องยอมแพ้แล้ว



อังสุมาลินเพิ่งกลับมาถึงคอนโด เธอนั่งรถตามคัมภีร์ไปจนถึงที่งานเพื่อที่จะได้แน่ใจว่าเขาจะไม่เปี้ยวจริง ๆ แล้วเธอถึงจะกลับที่พัก แรงที่มีทั้งหมดก็ไม่รู้ว่าหายไปไหน ถ้าไม่ติดว่าลูกมองเธออยู่หญิงสาวก็คงจะร้องไห้ออกมาดัง ๆ สักที

วันนี้สามีเธอก็คงจะกลับดึกอีก อังสุมาลินคิดไม่ออกว่าพัฒนากรไปทำอะไรที่บ้านเธอ หรือเขาจะไปที่ใดก็สุดจะเดา

“แม่ดาช่วงนี้เจอพีมบ้างไหม”เธอตัดสินใจที่จะโทรหาผู้เป็นแม่ เสียงปลายสายกลับถามกลับด้วยความมึนงง นั้นก็แสดงว่าเขาไม่ได้ไปที่บ้านเธอ แล้วเขาไปไหน

หญิงสาววางสายจากผู้เป็นแม่ก่อนจะหันกลับมาทำหน้าที่แม่บ้าง เธอมองนาฬิกาก็พบว่ามันถึงเวลาให้นมแล้ว เด็กน้อยหลับคาอกคนเป็นแม่ไปได้สักพักหญิงสาวก็วางเขาลงบนที่นอนก่อนที่จะเดินมาทำกับข้าวทิ้งไว้ให้สามีเวลากลับบ้านมา

ใช่ทุกวันพัฒนากรจะกลับมาทานข้าวที่บ้าน แม้จะดึกแค่ไหนเขาก็จะต้องทานกับข้าวที่เมียทำไว้ให้ และทุกครั้งที่กลับมาชายหนุ่มก็ดูเหนื่อยล้า อังศุมาลินเพิ่งรู้ว่าเขาคงเหนื่อยจากการเดินทาง

เธอทำอาหารเสร็จหันเข้าห้องเพื่อทำงานต่อ หญิงสาวบอกให้ตัวเองทิ้งสิ่งที่คิดทั้งหมด แล้วเริ่มอ่านเนื้อหาของงานใหม่ที่ได้รับมา เธอค่อย ๆ พิมพ์ตัวอักษรอย่างยากลำบาก มือก็สัมผัสไปตามที่สมองคิด แต่ดวงตากลับมองไม่เห็นสิ่งใดนอกจากน้ำตาตัวเอง



พัฒนากรเปิดประตูห้องมาพร้อมรอยยิ้ม เดินไปหาลูกเป็นคนแรกเพราะคิดว่าภรรยาสาวก็คงจะต้องอยู่กับลูกแต่ก็ไม่ใช่ เด็กน้อยกำลังร้องโยเยอยู่แต่ก็ไม่ได้ดังมาก ชายหนุ่มรีบเดินเข้าไปดูก็พบว่าผ้าอ้อมเต็มนั้นเอง

“พ่อเปลี่ยนให้นะลูก”และกลับมาคิดต่อว่าเปลี่ยนผ้าอ้อมคงจะไม่พอ เขาคงต้องเอาลูกไปอาบน้ำด้วยเพราะกลิ่นเด็กน้อยเริ่มได้ที่ “แม่เราหายไปไหนเนี่ย”พูดพลางแกะผ้าอ้อม

หลังจากอาบน้ำให้ลูกเสร็จชายหนุ่มก็อุ้มลูกเดินมาหาภรรยาที่ห้อง เห็นเธอกำลังหลับคาโต๊ะทำงาน ที่ข้าง ๆ เป็นรายละเอียดงานที่เพิ่งได้รับมา

“นั่งทำงานอยู่นี่เอง อิ้งครับตื่นเร็วกินอะไรรึยัง”แม้บนในหน้าจะมีรอยยิ้มอยู่ แต่ก็อดแปลกใจไม่ได้ที่ภรรยามานอนหลับที่โต๊ะทำงานแบบนี้ “ร้อยวันพันปีก็ไม่เห็นจะเคยมานอนตรงนี้”

“อ้าวพีมมาแล้วเหรอ”หญิงงัวเงียเงยหน้าขึ้นมาพบกับสามีและลูกที่เปลี่ยนชุดใหม่ “อาบน้ำให้ลูกเหรอ”

ชายหนุ่มไม่ได้ยินคำถาม เพราะความสนใจทั้งหมดไปอยู่ที่คาบน้ำตาและแววตาเศร้าของภรรยา ไม่รู้ว่าอะไรทำให้คนตรงหน้าเสียน้ำตา อ่อนล้าอ่อนแรงจนไม่ได้ยินเสียงลูกน้อยที่ร้องหา

หญิงสาวเหมือนจะรู้ตัวรีบเอามือลูบหน้าตัวเอง แต่ก็รู้ว่าคงไม่พ้นสายตาของผู้เป็นสามีแล้ว

“บอกเราได้ไหมว่าอิ้งเป็นอะไร”

“แล้วบอกเราได้ไหมว่าเธอไปไหนมา”หญิงสาวถามกลับอย่างตั้งใจจะเอาคำตอบ เพียงแต่ชายหนุ่มกลับยังเงียบ “ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องรู้หรอกว่าเราเป็นอะไร”พูดอย่างเก็บอารมณ์ไม่อยู่

ชายหนุ่มมองอย่างอ่อนใจออกจากห้องไป หญิงสาวแอบหันมองว่าเขาจะกลับมาไหม แล้วเขาก็กลับเข้ามา พร้อมยื่นซองเอกสารบางอย่างให้

“อะไร”เจ้าของซองเอกสารไม่ตอบพยักหน้าเชิงให้ดูเอง อังศุมาลินก็เลยต้องทำตามเจตนานั้น “สัญญาซื้อขายอาคารและที่ดิน ที่ตั้งอำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี”

“ตั้งใจจะให้เป็นของขวัญครบรอบแต่งงาน แต่เห็นว่าคนขี้น้อยใจแถวนี้คงจะทนไม่ไหว”เขาพูดพร้อมยิ้มกว้าง แล้วเล่าต่อว่า “พอดีวันเกิดอิ้งน่ะ เพื่อนเราที่ทำงานอยู่ที่เขตมันโทรมาบอกว่ามีคนต้องการขายอาคารในเมือง แล้วเขาก็ว่างเฉพาะเช้ามืดเราเลยไปหาเขา แต่เขาก็ยังไม่ยอมขายให้ ไปตื้ออยู่ตั้งนานกว่าเขาจะยอม วันนี้ก็เพิ่งได้โอนมา นึกว่าจะไปไม่ทันสำนักงานที่ดินปิดเสียแล้ว”

อย่างนั้นที่ชายหนุ่มขับรถเร็วจี๋จนฝุ่นตามไม่ทันก็แสดงว่ารีบไปสำนักงานที่ดิน หญิงสาวยิ้มทั้งน้ำตา แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเขาจะซื้ออาคารนี้ไปทำไม

“แล้วเธอซื้อมาทำไม”

“เราจะตั้งบริษัทของเราเอง จะได้ปูพื้นฐานไว้ให้ลูก”

น้ำตาของหญิงสาวไหลหยดมาอีกครั้ง ไม่ใช่เพราะเสียใจ แต่เป็นเพราะดีใจ เขาสนใจในคำพูดของเธอเสมอ เขาสนใจเธอเสมอ

“เรารักเธอจัง”

“แล้วเข้าใจรึยังว่าเราก็...รักอิ้งมากแค่ไหน”



เพียงใจกล้า
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 ต.ค. 2556, 21:10:57 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 ต.ค. 2556, 21:10:57 น.

จำนวนการเข้าชม : 2181





<< 23 ไม่มีวันที่ฉันจะยอม   25 ตอนจบ >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account