บ้านนราธร (ภาคต่อของทรัพย์สิดีฯ)
ถ้าใครเคยอ่านทรัพย์สิดี ชื่อนี้ที่ผมรัก นี่คือภาคต่อ ที่มีตัวละครคือลูกๆทั้งสามค่ะ การแหกกฏของตระกูลนราธรได้เริ่มขึ้นในรุ่นนี้ มีตัวเอก 3 คน คือ นรนทร์ ลูกชายคนโต ที่ไม่ต้องการดูแลบริษัท นราธิป ลูกชายคนรองที่ไม่ได้เป็นที่คาดหวังของใคร และสิดาริน ลูกสาวคนเล็กของบ้านที่คุณย่าต้องการให้สวยสมบูรณ์แบบ แต่เธอกลับแก่นเซี้ยว ห่างไกลคำว่ากุลสตรี

แล้วบ้านนราธร รุ่นที่ 5 จะเป็นอย่างไร

ปฏิบัติการความเป็นแม่ของทรัพย์สิดี เริ่มขึ้นแล้ว
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: (9)ก็ไม่รู้สินะ

ตอนที่ 9

“หยุดเห่าฉันเดี๋ยวนี้นะ วิเชียร! ฉันเป็นแม่เจ้าของแกนะ ฮึ มานี่ ว้าย!” ฉันพยายามที่จะผูกมิตรกับหมาของลูกสาว เพื่อที่ลูกจะได้ไม่เห็นฉันเป็นศัตรูและเชื่อใจฉันมากขึ้น แต่ดูเจ้าวิเชียร เอ้ย วิดเจี้ยน ((ขืนเรียกวิเชียรต่อหน้าลูกสาว หล่อนได้ส่งสายตาพิฆาตมาแน่)) จะไม่ถูกชะตากับฉันเอาเสียเลย ฉันพยายามจะอุ้มมันออกมาจากห้องครัวตั้งแต่รุ่งสางแล้ว เพราะมันมากัดกระดาษและขุดคุ้ยหาของกินจนครัวเละไปหมด นี่ถ้าคุณป้าและพี่ๆเหล่าแม่ครัวทั้งหลายมาเห็นเป็นต้องเอาไปฟ้องคุณแม่ แล้วคุณแม่ก็จะมาลงที่ฉัน แล้วก็สั่งให้ดารินเอาวิดเจี้ยนไปขัง แล้วดารินก็จะร้องไห้ จากนั้นหล่อนก็จะโทษฉันว่าไม่คิดช่วยเธอเลย โอ๊ยยย คนเป็นทั้งแม่และลูกสะใภ้นี่มันลำบากจริงๆ แล้วดูสิ พอฉันจะแตะตัวมัน มันก็กัดฉัน ดีนะ ที่ฟันมันยังไม่คม เลยแค่เป็นรอย สงสัยฉันต้องเอาเจ้านี่ไปฉีดวัคซีน ก่อนที่ฉันจะเป็นบ้าพร้อมหมา

“โอ๋ลูก แม่ล้อเล่นนะจ๊ะ มาหาแม่มา จุ๊ๆ นี่ไงของกิน อะๆ วิดเจี้ยนหมาน่ารัก ดีกันนะ" หึ เจ้าหมาหน้าโง่ ชอบให้คนประจบประแจงนี่เอง แล้วพอเอาขนมมาล่อก็วิ่งจู๊ดมาทีเดียว เสร็จฉันละ พอวิดเจี้ยนเข้ามางับขนมในมือฉัน ฉันก็อุ้มมันทันที แต่มันคงตกใจ เลยกัดฉันอีก

“โอ๊ย ไอ้หมาบ้า ว้าย!” พอฉันอุ้มมันได้แปปเดียวมันก็กระโดดลงเลย

“นั่นคุณทำอะไรน่ะสิดี" ฉันหันไปมองคุณนรินทร์เวลาเดียวกับที่วิดเจี้ยนกระโดดลงไปจากอ้อมกอดอันอบอุ่นของฉัน พร้อมกับขนมปังก้อนโตที่คาบไปแทะใต้โต๊ะแล้ว ฮึ้ย หมาบ้า!!!

“ฉันก็พยายามจะเอาเข้าหมาบ้านี่ไปจากห้องครัวไงคะ ครัวเละหมดแล้วเนี่ย แล้วนี่คุณจะไปไหน"

ฉันมองคุณนรินทร์หัวจรดเท้า เขาอยู่ในเสื้อโปโล กางเกงลำลองสบายๆหน้าผัดซะนวล เขาก็ยังหล่อในสายตาฉันเสมอ แต่นี่มันวันทำงานนะ เขาต้องใส่สูทสิ นี่เขาจะไปไหน แถมตอนนี้เพิ่งหกโมงเช้าเอง

คุณนรินทร์ตอบนิ่งๆ "ผมลางานวันนึง บังเอิญมีนัดกับจิทัศน์ ผมจะบอกว่าผมไม่ทานข้าวเช้า ตอนเย็นคงกลับค่ำๆ ไม่ต้องรอทานข้าวเย็นนะ" แล้วเขาก็หันหลังกำลังจะเดินออกจากไป ฉันที่อยู่ในชุดเสื้อคลุมหลุดลุ่ย ผมยุ่ง หน้ามัน บนตัวเต็มไปด้วยขนหมา ก็เดินดุ่มไปขวางเขา สภาพฉันตอนนี้คงไม่ยั่วยวนพอที่จะรั้งเขาไว้ได้ แล้วเสียงหนูเล็กก็ก้องอยู่ในหัว "นอกใจ" ไม่จริง ฉันต้องพิสูจน์ให้ได้

“นัดอะไรกัน ไม่เห็นฉันจะรู้เลย" ฉันเริ่มทำตัวเจ้ากี้เจ้าการแล้วสินะ คุณนรินทร์มองฉันเหมือนตกใจนิดๆ แต่เขาเป็นคนเก็บอารมณ์ได้เก่งอยู่แล้ว จริงๆแล้วฉันไม่ควรทำให้ไก่ตื่น ฉันควรทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ไปก่อน เหยื่อจะได้ตายใจ คิดได้ดังนั้น ฉันเลยเดินเขาไปประชิดตัวสามี ยกมือโอบรอบคอแบบที่นานๆทำทีหนึ่ง แล้วเอาหน้าซบอกเขา ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงอ้อนนิดๆ "รีบกลับมานะคะ"

ได้ผลอีตานรินทร์กอดฉันกลับเสียแน่นแล้วจูบแก้มฉันเบาๆทีหนึ่ง "เป็นอะไรขึ้นมาล่ะ หือ? เดี๋ยวผมกลับ ไม่ดึกหรอก ไปก่อนนะ" แล้วฉันก็โบกมือบ๊ายบายเขาแบบเสแสร้งสุดๆ ธุระอะไรกับจิทัศน์ตอนหกโมงเช้าในวันทำงานหรือ แต่เอาเถอะ เรื่องนั้นเก็บไว้ก่อน มาจัดการไอ้เจ้าวิเชียรตัวแสบดีกว่า!!! ก่อนที่คนอื่นๆในบ้านจะมาเห็น ลูกสาวฉันก็ตัวดีนัก ไปเอาหมามาเลี้ยง ดีใจยกใหญ่ แต่ก็ว่าไม่ได้นะ ตาซันเขาให้มา คุณแม่งี้ยิ้มแก้มแทบฉีก แล้วพอตาซันกลับไปรีบมากำชับฉันใหญ่ว่าอย่าให้หมามายุ่มย่าม

“วิดเจี้ยนมานี่ลูกเอ๋ย หมาดี แว้ก!” ฉันเอาเศษขนมปังย่องไปใต้โต๊ะเพื่อหลอกล่อมันอีก แต่หมานี่กลับแยกเขี้ยวใส่ คงคิดว่าฉันจะไปแย่งขนมมันเป็นแน่ ตะกละเสียไม่มี ฉันเลยรออย่างใจเย็นให้วิดเจี้ยนแทะขนมปังชิ้นเดิมให้หมด แล้วตัดสินใจนั่งลงไปกับพื้นครัวที่เต็มไปด้วยเศษผักต่างๆ แล้วส่งแววตาเมตตาสุดไปให้มัน ฉันเหนื่อยละ เลยเรียกวิดเจี้ยนด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนกว่าเดิม พร้อมกับยื่นขนมปังชิ้นใหม่ไปให้ "วิดเจี้ยนมาลูกมา แม่ไม่ทำไรหนูนะคะ มากินขนมสิเด็กดี" เจ้าวิดเจี้ยนมองฉันด้วยแววตากลมโตใสแจ๋ว อย่างลังเลนิดหนึ่ง ก่อนจะกระดิกหางแล้วเดินเข้ามาคาบขนมปังก่อนจะมาซบบนตักฉันอย่างไม่น่าเชื่อ วิดเจี้ยนแทะขนมอย่างน่าเอ็นดู แววตาไร้เดียงสาเมื่อกี้ทำฉันเกิดรักมันขึ้นมาบ้างเหมือนกัน พอวิดเจี้ยนแทะขนมปังเสร็จฉันเลยอุ้มมันขึ้นมากอดแล้วก้มลงไปหอมมันเบาๆ ดูมันชอบนะ เห็นกระดิกหางกับแลบลิ้นใหญ่ แล้วฉันก็เอามันไปวางในกล่องลังเก่าๆอันหนึ่ง ค่อยคิดหาทางซื้อบ้านสวยๆให้ใหม่ พอฉันเดินหันหลังให้ วิดเจี้ยนเลยร้องงี้ดๆ โถ มันตัวจิ๋วเดียวเลยกลัว ฉันเลยไปหาเศษผักโยนเข้าไปในลังให้มันแทะเล่น จากนั้นฉันก็รีบทำความสะอาดห้องครัวก่อนใครๆจะมาเห็น แล้วพาตัวเจ้าวิดเจี้ยนไปอาบน้ำที่หลังบ้าน วิดเจี้ยนกลัวน้ำมาก หางหด ร้องงี้ดเลย จริงๆมันเป็นหมาพันธุ์ไทยผสมตัวดำๆนะ ไม่ได้น่ารักน่าเอ็นดูเท่าไรเลย ทำไมสิดารินถึงไปหลงรักมันได้เนี่ย

เริ่มมีเสียงของการเคลื่อนไหวในครัว พี่ๆแม่บ้านคงเริ่มตื่นมาทำอาหารเช้าแล้ว แล้วนี่ลูกๆฉันตื่นกันหรือยังล่ะนี่

“เอ ป้าจำเนียรจ๊ะ ลูกอ๊อดว่า ครัวเรามันสะอาดแปลกๆนะ" พี่แม่บ้านคนหนึ่งพูดขึ้น ฉันเงี่ยหูฟังขณะเอาน้ำราดตัววิดเจี้ยน

“สะอาดแปลกๆยังไงของเอ็งวะลูกอ๊อด เมื่อวานข้าเก็บเองนี่แหละ" ป้าจำเนียรแม่ครัวมือหนึ่งของบ้านพูดตอบ

“เปล่าๆป้า ก็ฉันจำได้ว่าเมื่อวานมันมีเศษผักในถุงนี้กองเบ้อเริ่ม ว่าจะเอาไปทิ้งเป็นปุ๋ยเช้านี้ แต่มันหายไปไหนหมดเลยไม่รู้"

แล้วแม่บ้านทั้งสองคนก็บ่นอะไรกันต่อไปอีก จนฉันแอบขำ แล้วก็อาบน้ำเจ้าวิดเจี้ยนเสร็จพอดี ตอนนี้มันเชื่อฟังมาก เพราะกลัวน้ำจนหงอ ดูแล้วก็น่าเอ็นดูไปอีกแบบ ฉันอุ้มมันที่พันด้วยผ้าเช็ดตัว มันโผล่หน้าออกมาพร้อมดวงตากลมแจ๋ว ลิ้นห้อยนิดๆดูน่ารักไม่หยอก แล้วลูกสาวฉันก็เดินลงบันไดมาพร้อมพี่ชายตัวดีสองคน สิดารินในผมเปียเรียบร้อยถือกระเป๋าลงมา พอเห็นฉันอุ้มวิดเจี้ยนหล่อนก็ตาโตแปลกใจ

“คุณแม่ทำอะไรคะ ทำไมเจ้าวิดเจี้ยนเปียกอย่างนั้น" ดูลูกสาวฉันถาม "มันตกนำ้เหรอคะ"

“เปล่าจ้ะ แม่จับมันอาบน้ำน่ะ จะอุ้มเหรอ อย่าเพิ่งเลยเดี๋ยวชุดเปียก" แต่พอเจ้าวิดเจี้ยนเห็นลูกสาวฉันเท่านั้นละ ก็กระโดดออกจากห่อผ้าไปหาสิดารินทันที

สิดารินย่อตัวนั่งลงแล้วอุ้มหมาน้อยสุดรักของเธอลอยตัวขึ้น เจ้าวิดเจี้ยนกระดิกหางจนแทบขาด "คุณแม่ 'อาบน้ำให้มันหรือคะ' เกิดอะไรขึ้นล่ะคะ แต่เช้าเลย" แล้วหล่อนก็ปล่อยวิดเจี้ยนลงกับพื้น ให้เจ้าพี่ชายทั้งสองผลัดกันอุ้มเล่นบ้าง

“สกปรกน่ะซิ มันเข้าไปแทบเศษอาหารในห้องครัว แม่เลยต้องรีบเก็บก่อนที่ป้าๆแม่บ้านจะมาเห็นแล้วเอาไปฟองคุณย่า ลูกก็รู้นี่สิดาริน คุณย่าไม่ชอบเลี้ยงหมา เอาเถอะ เดี๋ยวแม่ว่าจะไปหาบ้านดีดีให้วิดเจี้ยนสักหลัง แล้วซื้อหนังสือฝึกสุนัขมาอบรมมารยาทมันสักหน่อย" พูดเสร็จสิดารินทำตาโต เท่าไข่ห่าน

“คุณแม่! คุณแม่น่ารักที่สุดเลยค่ะ คุณแม่เป็นคนรักสัตว์ด้วยเหรอคะเนี่ย รินไม่เคยรู้เลย จริงๆคุณแม่ก็จิตใจอ่อนโยนเหมือนกันนะคะเนี่ย รินรักคุณแม่ที่สุด" พูดเสร็จก็วิ่งเข้ามากอดฉันแล้วหอมแก้มฉันใหญ่เลย

ต๊าย! นานๆทียายรินจะชื่นชมฉันและแสดงออกว่ารักฉันสักทีหนึ่งนะ หึหึ คุณนรินทร์ รอบนี้ฉันทำคะแนนนำแล้วนะยะ ลูกรักฉันมากกว่าคุณหน่อยนึง เอ๊ แต่ไอ้ที่บอกว่า ฉันก็มีจิตใจอ่อนโยนด้วยนี่มันยังไง

ฉันหอมลูกสาวสุดที่รักกลับ "แม่ก็รักหนูที่สุดเลยค่ะ"

แล้วยายรินก็ทำสายตาออดอ้อนกลับมา ฉันจะใจอ่อนเพราะลูกอีกแล้ว "งั้นช่วงนี้รินรบกวนคุณแม่อาบน้ำ ให้อาหารและอบรมมารยาทเจ้าวิดเจี้ยนไปก่อนนะคะช่วงนี้รินยุ้งยุ่งค่ะ"

“ยุ่งอะไรล่ะลูกช่วงนี้ วิดเจี้ยนเป็นของหนู หนูต้องฝึกรับผิดชอบเองด้วยสิ แม่ดูแลให้ช่วงที่หนูไปเรียนเท่านั้นล่ะ"

สิดารินตีหน้าเศร้า "รินยุ่งจะตายไปค่ะ ไหนจะการบ้านพีชคณิต ไหนจะสอบท่องบทอาขยาน ไหนจะ...”

สิดารินยังพูดไม่จบ นราธิปลูกชายคนที่สองก็แทรกขึ้นมา "ไหนจะแอบไปกินไอศกรีมตอนเย็นกับเพื่อนๆเปล่าน้องริน ยุ้งยุ่งเนอะเรา"

นราธิปพูดจบ นรนทร์ต่อทันทีเหมือนซ้อมบทกันมาก่อน "การบ้านพีชคณิต พี่สอนให้ทุกวัน ท่องบทอาขยานก็ท่องได้แล้วนี่ เมื่อคืนยังทำดัดแปลงเป็นทำนองแร็พให้พวกพี่ฟังอยู่เลย" นรนทร์ที่อุ้มวิดเจี้ยนอยู่ก็วางมันลงในกล่อง แล้วเดินเข้ามากอดฉันบ้าง

“รนก็ยุ้งยุ่งครับคุณแม่ ทำการบ้านแทนน้องตัวดีทู้กวัน" หอมแก้มฉันเสร็จก็เดินไปที่โต๊ะกินข้าว

นราธิปเอาบ้าง เข้ามาหอมฉันฟอดใหญ่ "ธิปก็ยู้งยุ่งครับ ต้องคอยฟังคนบางคนท่องบทอาขยานทู้กวัน ทั้งๆที่ก็จำได้แล้วด้วยนะครับ" แล้วก็เดินหายไปอีกคน แถมไม่วายทำหน้าทะเล้นใส่น้องสาว

สิดารินแสดงสีหน้าไม่พอใจสุดขีด หน้าเธอค่อยๆแดงกล่ำ แล้วโวยวายออกมา "พวกพี่นะ ตัวดีทั้งนั้น จากนี้ไปรินจะไม่ขอความช่วยเหลือแล้ว โถ่เอ๊ย"

ฉันแทบจะขำกลิ้ง "จุ๊ๆ พูดไม่เพราะนะลูก เอาเถอะดาริน ตกลงเดี๋ยวแม่ดูแลวิดเจี้ยนแทนเราให้ก่อน สอบท่องอะไรเสร็จลูกต้องมาเลี้ยงเองนะ ไหนๆลูกรับหมาตัวนึงมาแล้ว ลูกต้องดูแลมันให้ดีที่สุดนะจ๊ะ โตแล้วต้องรับผิดชอบเอง พวกพี่ๆก็ชอบแกล้งเราไปอย่างนั้นล่ะ ไปกินข้าวได้แล้ว เดี๋ยววันนี้แม่ไปส่ง คุณพ่อไปธุระแต่เช้า" ปกติ ถ้าคุณนรินทร์ไม่ว่า ฉันจะนั่งรถให้ลุงชมเป็นคนขับไปส่งลูกๆที่โรงเรียนเสมอ

หล่อนทำหน้าเจื่อนนิดนึงก่อนจะเข้ามากอดฉันอีกครั้ง "รินขอบคุณมากนะคะคุณแม่ รินสัญญาค่ะว่าจะดูแลเอง"

เสร็จเรื่องนี้ ฉันก็รีบขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัว และคิดว่าจะต้องโทรหาหนูเล็กให้เร็วที่สุด

9 มกราคม วันอังคาร
สมุดบันทึกที่รัก

ฉันกำลังคิดว่าโรงเรียนจัดตารางเรียนผิดนะ เขาเอาวิชาเคมี ชีวะ ภาษาไทย มารวมตัวกันในช่วงเวลาบ่ายได้อย่างไร ตอนบ่ายหลังทานข้าวอิ่ม นักเรียนทุกคนก็มักจะ หนังท้องตึง หนังตาหย่อน น้ำลายย้อยกันทั้งนั้นละ นี่ขนาดแพรวาช่วยฉันแก้ปัญหานี้ด้วยการนั่งหน้าสุด และหล่อนมักจะเป็นคนยกมือตอบตำถามเสมอๆ ให้ฉันได้ตื่นตัวและไม่ง่วง ปรากฏว่าเรื่องนี้ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาของฉันเท่าไร พอฉันนั่งลงฟังอาจารย์ไปได้ครึ่งชั่วโมง เสียงอาจารย์ก็กลายเป็นเสียงหึ่งๆ กล่อมระบบประสาทของฉันให้อยากนอนหลับพักผ่อนยามบ่ายเสียแล้ว

“ดาริน ตื่น อาจารย์เรียกแน่ะ!” เสียงแพรวาดังเข้ามาในความฝัน และกระทุ้งที่แขนฉันอย่างแรง ฉันเลยตื่นขึ้น รีบเช็ดน้ำลายและมองไปที่หน้ากระดาน ก็พบว่าอาจารย์จินตนา คุณครูสอนวิชาเคมีกำลังถือไมค์และจ้องฉันผ่านแว่นหนาๆ

ฉันยิ้มแห้งๆ จะอายก็ไม่เชิง จะไม่อายก็ไม่ใช่ "อาจารย์ถามว่าอะไรนะคะ"

อาจารย์กระแอม "ฉันถามว่าเธอหลับหรือสิดาริน"

เอ่อ...อาจารย์ก็ถามแปลกนะคะ หนูหลับตาพริ้ม น้ำลายห้อยขนาดนั้น อาจารย์ยังดูไม่ออกเหรอคะ แต่ก็นะ ฉันจะไปตอบอย่างนั้นได้อย่างไร

"เปล่าค่ะ หนูพักสายตาค่ะ"

อาจารย์ทำเสียงจิ๊จ๊ะ แพรวาจ้องฉันประมาณว่า เลิกพูดแบบนี้เถอะ

“อะ ถ้าแค่พักสายตา ไหนบอกคำตอบของสมการเคมีข้อนี้ซิ"

นั่นไงล่ะ เอาละสิ แต่ถ้าถามฉันว่าถ้าฉันทำไม่ได้แล้วจะอายใครไหม คำตอบคือฉันจะอายไปทำไม เพื่อนๆในห้อง ก็เป็นเพื่อนๆฉันทั้งนั้น เรารู้จักกันมาตั้งแต่อนุบาล หรือฉันอยากจะเอาชนะให้อาจารย์หน้าหงายไหม คำตอบก็คือไม่อีกล่ะ ฉันจะไปเอาชนะอาจารย์ทำไม เขาเป็นผู้ใหญ่นะ ถึงฉันจะเป็นคนบ้าๆบอๆ ก็เถอะ ฉันก็รู้ว่าอะไรควรทำละ

“ไม่ล่ะค่ะอาจารย์ หนูทำไมไ่ด้ค่ะ" ฉันตอบเสียงปกติ

แพรว่าจ้องหน้าฉันตาโต แล้วพูดกระซิบ "เธอจะทำไม่ได้ได้ไง มันเป็นการบ้านข้อสิบที่เธอสอนฉันเองนะ"

ก็ใช่ไง พี่รนทร์ สอนฉันมาหรอกข้อนั้น แต่ฉันไม่อยากทำอาจารย์เสียหน้า อีกอย่างฉันขี้เกียจลุกเดินด้วย

อาจารย์จินตนาขมวดคิ้วแล้วพูดเสียงดุ "สิดาริน เธอน่ะนอกจากจะยังเรียนไม่รู้เรื่องแล้ว ยังไม่พยายามตั้งใจเรียนอีก อย่าคิดว่าบ้านรวยแล้วเธอจะทำตัวสบายไปได้ตลอดนะ ถ้าเธอไม่รู้จักหาความรู้มาปกป้องสมบัติตัวเอง สักวันสมบัติของเธอก็จะค่อยๆหมดไป เอาละ ทีนี้ก็ตั้งใจเรียนได้แล้ว" แล้วอาจารย์จินตนาก็ร่ายยาวสอนสูตรนั้นต่อไป


ฉันหน้าร้อนผ่าว โอเค ถ้าฉันโดนว่าเรื่องหลับในห้องเรียน หรือทำโจทย์ผิด ฉันจะไม่อายเลย แต่อาจารย์กลับว่าไปถึงครอบครัว ถึงตระกูลฉัน ฉันไม่ได้อยากจะทำอะไรที่เสื่อมเสีย หรือคิดว่าตัวเองมีเงินแล้วจะเรียนหรือไม่เรียนอะไรก็ได้หรอกนะ แต่แค่ฉันไม่ชอบวิชานี้ ฉันยังไม่เจออะไรที่อยากเรียนจริงๆ แล้วคิดว่าฉันไม่ตั้งใจเหรอ ถ้าไม่ตั้งใจ ฉันคงไม่ให้พี่ๆสอนฉันทำแบบฝึกหัดหมดเล่มแล้วหรอกนะ แต่คนมันง่วง ฉันจะแก้ไขอย่างไรล่ะ โอ๊ยยยยย

แต่ฉันยอมรับนะว่า คำพูดของอาจารย์สอนฉันได้ดี มันกระตุ้นความรู้สึกของฉันบางอย่าง ไม่เหมือนครูไหวใจร้ายหรอก อย่างน้องอาจารย์จินนี่ ก็ไม่หักจิตพิสัยฉันละ

“ทำไมเธอตอบอย่างนั้นล่ะสิดาริน เธอทำได้นะข้อนั้น คิดอะไรของเธอ ฉันไม่เข้าใจ" แพรวาถามฉันขณะเราสองคนนั่งรอรถกลับบ้าน วันนี้แพรวาไม่มีเรียนพิเศษ ฉันเลยอาสาพาเธอไปส่งที่บ้าน

ฉันเลียไอศกรีมแมกนั่ม 1 ที รสบราวนี่ด้วยนะ "ไม่รู้สิ ฉันขี้เกียจเดินโชว์ตัวน่ะ เอาน่า อย่าไปใส่ใจเลย จริงๆอาจารย์จินนี่ก็สอนดีนะ ขอบใจนะแพรวา เธอนี่เป็นเพื่อนแท้จริงๆ กินแม็กนั่มไหม" แล้วฉันก็ยื่นส่วนทียังไม่ได้เลียให้เธอ

แพรวาหัวเราะ แล้วปฏิเสธ เราคุยชวนหัวกันด้วยเรื่องของเพื่อนๆในห้อง แล้วพี่ดีน่าก็เดินมาพอดีด้วยใบหน้ารูปตัววี แววตากลมโตสวย ปากบางรูปกระจับ ผมเปียยาวสองข้างเรียบร้อย นั่นคือ รวมๆแล้ว เป๊ะ อย่างที่แพรวาชอบบอก

"คุยอะไรกันอยู่น้องริน แพรวา" เสียงใสๆของพี่ดีน่าทักขึ้น

ฉันยิ้มรับ "เรื่องไร้สาระน่ะค่ะ ว่าแต่ทำไมพี่ดีน่ายังไม่กลับอีกละคะจะห้าโมงแล้วนะคะเนี่ย"

พี่ดีน่าวางกระเป๋าแล้วนั่งลงข้างๆฉัน "พี่ซ้อมดรัมเมอเยอร์น่ะ งานกีฬาสีระหว่างโรงเรียนเรากับโรงเรียนชายล้วนของนรนทร์ไง"

อ้อใช่ ฉันลืมไป มันเป็นงานช้าง ใครๆก็อยากได้ตำแหน่งดรัมเมเยอร์ไม้หนึ่งทัั้งนั้น มีข่าวซุบซิบว่าบางปีต้องตบแย่งกันเลยทีเดียว แต่ระดับพี่ดีน่าคงมีคนอัญเชิญไปรับตำแหน่งนี้แบบสบายๆ

“แล้วฝึกโยนคล่องไหมคะ" แพรวาถามบ้าง

พี่ดีน่ายิ้มจนเห็นลักยิ้มบุ๋มลงสองข้าง สร้างความน่ารักเข้าไปอีก "เริ่มคล่องแล้วจ้ะ เอ้อนี่น้องริน วันนี้รินไปสนามบินกี่โมงจ๊ะ พี่อยากจะติดไปด้วย"

ตอนแรกฉันยอมรับว่างงมาก สนามบินอะไรกัน แล้วพอฉนนึกได้ ฉันจึงร้องอ๋อในใจ "พี่ดีน่าจะไปรอรับนักร้องเกาหลีกลุ่มนั้นเหรอคะ บังเอิญรินไม่ได้เป็นแฟนคลับน่ะค่ะ รินคงไม่ไป เดี๋ยวตื่นสาย มาหลับในห้อง จะโดนอาจารย์ว่าอีก"

พี่ดีน่าเลิกคิ้วแล้วหัวเราะคิกคัก "อะไรกันน้องริน เกาหลีอะไร เอ่อ...พี่กงศุลยังไงล่ะ จะบินกลับไปเรียนวันนี้แล้ว ไฟลท์รอบห้าทุ่มไม่ใช่เหรอจ๊ะ"

ทีนี้กลายป็นฉันที่อึงยิ่งกว่า สมองฉันหมุนไปหมด เออเนอะ เราเพิ่งลากันอย่างดิบดีไปเมื่อวานเอง เขาจะไปวันนี้แล้วนี่นา

“อ้อเหรอคะ นั่นสิคะ รินคงไม่ไปหรอกค่ะ มันดึก แล้วก็ไม่รู้จะไปทำไม รินต้องไปด้วยเหรอคะ"

ฉันถามแบบอยากรู้จริงๆนะ คือฉันงงน่ะ ทำไมพี่ดีน่าพูดเสียเหมือนว่าเป็น 1 ใน 10 สิ่งที่ต้องทำในปีนี้เลยล่ะ

พี่ดีน่าหน้าแดง ก่อนจะหลบตาฉันแล้วพูดตะกุกตะกัก "เอ้อ เปล่าจ้ะ พี่แค่คิดว่าเห็นบ้านรินสนิทกับบ้านพี่กงสุล รินคงไปส่ง"

แล้วเราก็เปลี่ยนเรื่องคุยกันเป็นเรื่องอื่น จนคุณลุงจิทัศน์มารับพี่ดีน่า และลุงชมมารับฉันกับแพรวานั่นละ เราจึงแยกย้ายกัน

“แปลกไหมดาริน ทำไมพี่ดีน่าดูอยากไปส่งพี่กงศุลอะไรนั่น แถมรู้เวลาเครื่องบินออกเสียด้วย"

นั่นสิ ถามฉันว่าแปลกไหม ฉันก็ว่าแปลกล่ะ แต่มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับฉันอยู่ดี

พอฉันกับแพรวามาถึงรถที่ลุงชมรออยู่ ก็พบว่าพี่ชายตัวดีของฉันกำลังนอนหลับคอพับคออ่อนกันเลยทีเดียว พี่นรนทร์แว่นหลุด อ้าปากกว้าง พี่นราธิปเสื้อหลุดลุ่ยน้ำลายหก

“สวัสดีครับคุณหนู...”ลุงชมพูดทักฉันเสียงดัง เมื่อฉันเปิดประตูรถด้านหลัง แต่พอฉันเห็นภาพพี่ชาย ฉันก็รีบจุ๊ปากให้ลุงชมเงียบๆ แล้วพูดกับแพรวา "แพร เธอมีมือถือถ่ายรูปได้นี่นา ขอยืมหน่อยซิ"

แพรวาถามงงๆ "เธอจะเอาไปทำอะไรดาริน"

“เอาน่า ส่งมาเร็วเข้า" ฉันทำเสียงชู่เพื่อนรัก จนแพรวาส่งมือถือมาแล้วฉันก็รีบถ่ายภาพหมดสภาพของพี่ชายทั้งสองเก็บไว้แบล็คเมล์

“แล้วเงียบไว้นะแพร อย่าบอกพี่ชายฉันละ คืนนี้ส่งรูปเข้าเมลฉันด้วย เธอจะนั่งไหนล่ะ นั่งหลังหรือนั่งหน้า"

แพรวามองไปที่พี่ธิปแล้วหน้าแดง "นั่งหน้าจ้ะ จะได้ลงง่ายๆ"

“ไม่เอาดีกว่า นั่งหลังละกัน ฉันไม่อยากนั่งใกล้พี่ชาย ตอนเย็นตัวเหม็นกันทุกคน" พูดเสร็จฉันก็ไปนั่งหน้า ปล่อยให้แพรวานั่งข้างพี่ธิปที่คอพับคออ่อนมาทางเธอ ฉันแอบมองจากกระจกเมื่อลุงชมขับรถมาทางเส้นทางบ้านแพรวาได้สักพัก ก็เห็นว่าพี่ธิปต่ืนขึ้น ตาแดง ผมยุ่งเชียว ก่อนจะหันมามองแพรวาด้วยความแปลกใจ แพรวายิ้มให้เขินๆ

“อ้าวน้องแพร ขึ้นรถมาเมื่อไร พี่ไม่รู้เลย ยายริน นั่งเงียบเลยนะ" แล้วพี่ธิปก็เช็ดน้ำลายตัวเอง ก่อนจะกระทุ้งปลุกพี่รนทร์

พี่รนทร์ตื่นมาหน้าเด๋อด๋า พูดทักแพรวาทีหนึ่ง แล้วนอนต่อ ไม่สนใจจะทักฉันด้วยซ้ำ เชอะ แล้วจากนั้นฉันก็สังเกตจากกระจกหน้ารถตลอด เห็นได้ว่า แพรวากับพี่ธิปคุยกันเบาๆ แล้วยิ้มใหกันเบาๆ หึหึ ฉันมีเรื่องสนุกๆเรื่องใหม่ทำแล้วสินะ

หลังจากส่งแพรวาเสร็จแล้วกลับมาถึงบ้าน พี่ชายทั้งสองดูจะเพลียมากจริงๆ จึงรีบขึ้นไปนอนต่อบนห้อง ส่วนฉันวิ่งไปหาวิดเจี้ยนเป็นที่แรก คิดถึงมัยไม่ไหวแล้ว

“อ้าว วิดเจี้ยนไปไหน อย่าบอกนะว่ามีคนเอาวิดเจี้ยนไปทิ้งอีก!!!!!” ฉันตะโกนเสียดัง พอดีกับที่คุณแม่เดินลงมาจากชั้นบน สงสัยเพิ่งไปบังคับพี่ชายทั้งสองให้อาบน้ำก่อนเป็นแน่

“อะไรยายริน เป็นผู้หญิงอย่าโหวกเหวกโวยวายสิลูก นู่น วิดเจี้ยนอยู่หลังบ้าน วิดเจี้ยนมีบ้านหลังใหม่สวยเชียวนะ มีเสื้อผ้าเสียด้วย"

ฉันได้ยินคุณแม่พูดดังนั้นก็ยิ้มอย่างดีใจ "บ้านเหรอคะ ชุดด้วย คุณแม่ซื้อให้มันเหรอคะ รินรักคุณแม่ที่สุดในโลกกกกก" พูดเสร็จก็วิ่งเข้าไปกอดและหอมฟอดใหญ่เต็มๆ

แล้วฉันก็ไปหาวิดเจี้ยนกับคุณแม่ พบว่าวิดเจี้ยนมีบ้านของตัวเอง และมันกำลังใส่ชุดสีดำ มีรูปแบทแมนพร้อมปีกด้านหลัง มันคงรำคาญนะ เพราะฉันเห็นมันนอนในบ้านสีครีมน่ารักที่มีลักษณะเหมือนเป็นตะกร้าขนาดใหญ่ แต่มีหลังคาด้วย กำลังกัดทึ้งชุดสวยใหญ่เลย ฉันเรียกมันเสียงดังแล้วเจ้าวิดเจี้ยนก็หยุดทึ้งชุดตัวเองก่อนจะกระโจนมาหาฉัน มันดูดีใจมากที่เจอฉัน ฉันก็ดีใจจนพูดไม่ถูก การที่เราได้กลับบ้านแล้วมีหมาน้อยน่ารัก เอาเถอะ ถึงวิดเจี้ยนจะดำไปมาก แต่มันก็ยังน่ารักนะสำหรับฉัน กระดิกหางรอตอนรบเราอยู่ มันช่างวิเศษจริงๆ

“ตาซันเขาส่งมาให้นะลูก ทั้งบ้าน ทั้งชุด มีการ์ดด้วยนะ" คุณแม่พูดเสร็จก็ส่งซองสีขาวๆให้ฉัน

หา เมื่อกี้คุณแม่ว่าอะไรนะ ฉันจ้องซองนั้น แล้วมองคุณแม่ ส่วนเจ้าวิดเจี้ยนก็เลียหน้าฉันต่อไป

“ตาซันจ้ะ กงสุลน่ะ เขาส่งมาให้ เขากลัวทำให้เราลำบากที่ให้หมามาเลี้ยง เลยส่งของมาเพียบ เอ้ารับไปสิลูก"

ฉันรับซองนั้นมางงๆ แล้วไม่คิดว่าจะปิดอ่านตอนนี้ ฉันจ้องซองสีขาวนั่นพักหนึ่ง แล้วหันไปมองคุณแม่ที่จ้องฉันอยู่

“ไม่แกะอ่านล่ะจ๊ะ เอ...ตาซันนี่ชักจะยังไงๆน้า หรือรินคิดว่าไงลูก" นี่คุณแม่กำลังล้อเลียนฉันใช่ไหม เรื่องที่พี่ซันพูดว่าบ้านเราสองคนอยากให้เราสองคนเป็นแฟนกันมันพุ่งขึ้นมาในหัวทันที ฉันลุกขึ้น อุ้มวิดเจี้ยนแนบอก

“ยังไงอะไรคะคุณแม่ นี่รินอายุ 16 เอง คุณแม่อยากให้รินมีแฟนแล้วเหรอคะ พวกผู้ใหญ่นี่แก่แดดจริง" แล้วฉันก็พาวิดเจี้ยนวิ่งหนีไปทางศาลาริมสระน้ำ บังเอิญเจอคุณย่าออกมาจากครัวพอดีเลยชนกัน

“ว้าย ตายแล้ว อ้าวดารินกลับมาแล้วเหรอลูก นี่เดี๋ยวทานข้าวเย็นเสร็จไปส่งกงศุลที่สนามบินกันนะ เอ๊ นี่ยายริน ยายริน!” ฉันไม่สนละ ถึงแม้คุณย่าจะร้องเย้วๆ ให้ฉันกลับไป ฉันก็วิ่งจ้ำอ้าวพาวิดเจี้ยนหนีไปที่มุมอับของสวนหลังบ้าน มันเป็นมุมที่ลุงชมชอบมานั่งฟังวิทยุลูกทุ่งบ่อยๆ แต่ตอนนี้ลุงคงเช็ดรถอยู่ ฉันนั่งลงบนโต๊ะไม้เก่าๆ เอาวิดเจี้ยนนั่งบนโต๊ะแล้วปล่อยให้มันทึ้งชุดแบทแมนงี่เง่าต่อไป

“แกไม่ชอบใช่ไหมหือ วิดเจี้ยน ชุดอึดอัดจะตายเนอะ มาฉันจะแกะให้" แต่เอากับมันสิ พอฉันจะแกะ เจ้าวิดเจี้ยนกลับขู่ไม่ให้ฉันถอดชุดเสียอย่างนั้น สงสัยมันจะชอบปีกแบทแมนที่กำลังแทะอยู่แฮะ นี่! ขนาดหมาฉัน ยังรักพี่ซันเลย ให้ตายเถอะ!

แล้วฉันก็จ้องซองสีขาว ในที่สุดก็ตัดสินใจแกะเอาจดหมายออกมาอ่าน ข้อความเป็นดังนี้

.....ถึงน้องริน....
.....พี่ส่งของมาให้วิดเจี้ยน คิดว่ารินคงได้ใช้ นั่นก็เพราะวิดเจี้ยนถือว่าเป็นลูกรินและลูกพี่คนละครึ่งนะ... (พี่ซันอยากเป็นพ่อหมาก็ไม่บอกแฮะ)
.....เลี้ยงวิดเจี้ยนให้ดีล่ะ แล้วพี่จะกลับมาช่วยเลี้ยง.... (วิดเจี้ยนมันคงโตช่วยเหลือตัวเองได้แล้วมั้งคะ)
.....อย่าเพิ่งหาใครมาช่วยเลี้ยงไปก่อนล่ะ..... (ช้าไปแล้วค่ะ ตอนนี้คุณแม่ช่วยรินเลี้ยงอยู่)
.....รัก.....พี่ซัน (ค่ะ)

ห๊ะ ไม่ใช่สิ อะไรนะ เขาลงท้ายจดหมายว่า รัก อย่างนั้นเหรอ รักเหรอ รักๆๆๆๆๆๆ เอ่อ...คงรักแบบพี่ชายและน้องสาวล่ะฉันว่า โอเค ฉันไม่ปฏิเสธที่ต้องขอบคุณเขา เขาใจดีกับฉันเหลือเกิน เรื่องที่เขาจะรักฉันมากกว่าน้องหรือไม่นั้น ฉันขอให้เป็นเรื่องอนาคต และฉันหวังว่า เมื่อถึงวันนั้น ไม่ว่าอะไรจะเปลี่ยนไป ฉันหวังว่าตัวองจะมีสติดี

แต่วันนี้ ฉันคิดว่า ฉันคงไม่ไปส่งเขาหรอก มันดึกน่ะ
สิดาริน








23.00น. สุวรรณภูมิ
สมุดบันทึกจ๋า
ฉันงงตัวเองว่ามาทำอะไรที่นี่ ใช่ พรุ่งนี้ฉันก็ต้องไปหลับในวิชาเคมีให้จินนี่ด่าฉันอีก แต่ฉันก็มาแล้ว มากับคุณย่า
คุณแม่ พี่ชายทั้งสอง ครบทั้งบ้าน ตอนนี้คุณย่าคุยกับคุณปู่พี่ซันอยู่ คุณแม่นั่งหลับรอคุณย่าคุยให้เสร็จอยู่ข้างๆฉัน ส่วนพี่ชายตัวดีไปแอบดูแอร์ของสายการบินต่างประเทศกันโดยไม่บอก มันเป็นไม่กี่ครั้งที่ฉันมากับคุณย่าแบบกึ่งเต็มใจนิดๆ ตอนสองทุ่ม คุณย่าบอกให้ฉันไปเปลี่ยนชุด แต่ฉันยังไม่ตัดสินใจ เลยนอนดูทีวีต่อ แล้วคุณย่าก็เดินมาบังคับอีกด้วยชุดสวยเต็มยศ พร้อมคุณแม่ที่ถูกบังคับมายืนกดดันฉัน ตอนนั้นฉันบอกว่า ฉันไม่ไป เพราะจะทำให้ฉันนอนดึก และหลับในห้องเรียน

สองทุ่ม 15 พี่ชายตัวดีสองคนมาชวนฉันอีก แต่ไม่ได้บังคับมาก ฉันบอกพวกพี่ว่าจะไปทำไม เดี๋ยวพี่ซันเขาก็กลับมา แล้ว พี่รนทร์ก็บอกว่าพี่ธิปอยากไปดูแอร์โฮสเตส พี่ธิปรีบพูดว่าพี่รนทร์น่ะแหละ ส่วนตัวเขาอยากดูกัปตันไว้เป็นแรงบันดาลใจ ฉันบอกยังไงก็ไม่ไป "งั้นพี่ไปกันก่อนนะ เขาไปกันหมดนะน้องริน ไม่มีใครอยู่บ้าน ลุงชมขบไปส่ง พวกป้าๆในครัวไปงานวัด เหลือน้องรินกับวิดเจี้ยนนะ พวกพี่ไปละ"

ได้ยินพี่ๆพูดเสร็จฉันตกใจนิดหนึ่ง แล้วขยับตัวลุกขึ้น ปรากฏว่าจดหมายของพี่ซันที่ฉันนั่งทับไว้ตกลงพื้น แล้ววิดเจี้ยนก็วิ่งกระโดดมาหาฉันจากฟูกตัวเอง ตอนนั้นล่ะ อยู่ดีดีฉันก็คิดว่า ฉันไม่อยากอยู่บ้านคนเดียว และพี่ซันก็ดีกับฉันออก ฉันคงต้องไปขอบคุณเขาเป็นครั้งสุดท้าย

เลยเป็นเหตุผลว่าทำไมฉันยืนอยู่ที่นี่ ทีนี้ตอนครอบครัวเราไปเจอพี่ซันที่นั่น ทุกคนทักทายกันตามมารยาทและอวยพรพี่ซันเสร็จสรรพ พี่ซันมองมาทางฉันแล้วยักคิ้วให้ ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ แล้วสายตาทุกคู่ของคุณย่า คุณแม่ คุณปู่สุรยุทธ และพี่ชายทั้งสอง ก็มองมาที่เราสองคน ฉันไม่ชอบสถานการณ์แบบนี้ มันหายใจไม่ออก นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่ฉันไม่อยากมาเจอเขา พี่ซันมักจะทำให้ตัวฉันเย็นเฉียบ ใจสั่น ฉันไม่ชอบเลย ทีนี้ฉันเลยมองรอบๆสบตาทุกคน ขณะพี่ซันกำลังเดินเข้ามาใกล้ ทุกคนรีบหันหลังให้เราสองคนแล้วเดินแยกตัวกันไปไกลๆ ฉันทำท่าจะเดินตามพี่ชายไปด้วย แต่แล้ว...

“รินยังไม่ลาพี่เลยนะ" พูดเสร็จก็ยืนขวางฉันไว้

ฉันยิ้มจางๆ รู้สึกว่าหน้าร้อนผ่าว " งั้น ลาก่อนค่ะพี่ซัน" แล้วทำท่าจะเดินไปอีก แต่เขาก็ขวางไว้อีก

“พูดมากกว่านี้ไม่ได้เหรอ พี่จะไปตั้งสองปีนะ" ไม่พูดเปล่าจ้องฉันนานอีก โอ๊ยยยยยย

ฉันเลยใจกล้าจ้องเขากลับ แล้วไม่รู้จะพูดอะไร เลยจ้องเขาต่อไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นถลึงตาใส่เขาแทน แล้วพี่ซันก็หัวเราะ

“ไม่เป็นไร ไม่พูดก็ไม่พูด" สิ้นเสียงเขา มีเสียงประกาศสุดท้ายเรียกผู้โดยสารขึ้นเครื่องไปยังลอนดอน เขามองฉันแว่บสุดท้าย "ลาก่อนน้องริน" แล้วเดินหันหลังจากไป

ส่วนฉันยังยืนที่เดิม ยืนนิ่ง คิดว่า เขากำลังไปแล้ว ใจหนึ่งคิดว่าไปก็ไปสิ อีกใจก็คิดว่าเขากำลังจะไปนะ แล้วอยู่ดีดีขาฉันก็ก้าวออกไป เป็นกึ่งวิ่งกึ่งเดิน ก่อนจะไปกระตุกแขนเขาเบาๆ จากด้านหลัง แล้วยอมพูดอะไรสักอย่าง

“พี่ซันคะ เอ่อ...เดินทางดีดีนะคะ" แล้วพี่ซันก็หันมาจับมือฉันออกจากแขนเขา แล้วยิ้มกว้างบาดใจ

“ครับ ริน...รอพี่นะ" พดไม่พูดเปล่า ยกมือฉันขึ้นเกือบจะจรดจมูกตัวเอง แถมจ้องฉันจนฉันแทบจะละลายอีก เอาเป็นว่าฉันไม่รู้ว่าตัวเองรู้สึกอย่างไร แต่ฉันก็ชักมือออก ก่อนที่จะโดนจมูกเขา แล้วพี่ซันก็ทำตัวไม่ถูก ก่อนจะเอามือมาลูบผมยาวๆของฉันเบาๆ แล้วหัวเราะ "เรานี่น้า" แล้วสบตากันแว่บสุดท้ายก่อนจะเดินเข้าไปในด่านตรวจ

ฉันต้องจบแค่นี้ละ เพราะคุณย่าเดินมาแล้ว ฉันไม่เข้าใจว่ารู้สึกอะไรกับเขาไหม และไม่กล้าตัดสินว่าเขารู้สึกกับฉันอย่างไร เอาเป็นว่า เวลาฉันนึกถึงเขาทีไร ฉันตัวเย็นทุกที

สิดาริน


แหะๆ มาละค่ะ อ่อนฮาไปนิดนึงค่ะ



ลายเส้น
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 30 พ.ย. 2556, 18:38:57 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 30 พ.ย. 2556, 18:39:39 น.

จำนวนการเข้าชม : 1530





<< (8)ลาก่อน   (10)จับผิด >>
จิงโกะ 30 พ.ย. 2556, 20:01:46 น.
ถึงสิดารินกะพี่ซันจะหายไปนาน น น น น แต่ยังจำได้ค่ะ

ตกลงคนเลี้ยงวิเชียร เอ๊ยวิดเจี้ยน คือ.... 555


ใบบัวน่ารัก 30 พ.ย. 2556, 20:02:24 น.
จะคบกับคนแก เอ้ย. คนอายุมากกว่าตั้งเป็นสาวเร็วๆๆเป็นผู้ใหญ่เร็ววๆนะคะ
หายไปนานนึกว่าบินตามพี่ซันไปเรียนเมืองนอกกะพี่เค้า
หิหิ ตามไปเรียนด้วยกันคุณย่าไม่ว่าหรอกคะ. นับนุนๆๆ


เคสิยาห์ 30 พ.ย. 2556, 21:26:09 น.
โถ...สรินดา ชั้นก็นึกว่าหล่อนเรียนจบ แต่งงานกับซันนี่ มีลูกเต็มบ้านไปแล้วนะเนี่ย


ลายเส้น 30 พ.ย. 2556, 21:29:59 น.
แหมมม หายไปแป๊ปเดียวเองนะคร้า ทุกคลล


konhin 30 พ.ย. 2556, 21:42:15 น.
พี่ซันฝากรักแต่สาวน้อยไม่เข้าใจ


lovemuay 1 ธ.ค. 2556, 05:30:11 น.
หายไปนาน คิดถึงเรื่องนี้มากๆเลยค่ะ


เคสิยาห์ 1 ธ.ค. 2556, 21:04:42 น.
เออนะ หายไปนาน จนลืมชื่อไปเลย ขอแก้ค่ะ สิดาริน


Soning 1 ธ.ค. 2556, 23:34:02 น.
ชอบที่สุดอ่ะเรื่องนี้ เหมือนเจอเพื่อนเก่าค่ะ แม้ไม่ได้อ่านมานาน แต่ก็รู้สึกคุ้นเคย ^_^


Kapoh 8 ธ.ค. 2556, 17:33:43 น.
ตอนนี้แอบฮาปนสงสารสิดีนะคะ


ณิณ 23 ธ.ค. 2556, 21:43:23 น.
ฮาไม่มาก แต่ยิ้มหวานมากๆ ค่ะ


ผักหวาน 6 ม.ค. 2557, 12:27:48 น.
รอพี่ซันกลับมา ดูสิยัยโก๊ะรินจะโตขึ้นอ่ะป่าว หุหุ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account