หวานใจจอมอหังการ์
บารอนโซ่เคลื่อนฝ่ามือไปตามแถวกระดุม สะกิดปลายนิ้วเพียงเล็กน้อยกระดุมเม็ดจิ๋วก็หลุดออกจากรัง เม็ดที่หนึ่ง
“อย่าค่ะ”
“ขอฉันเถอะสาวน้อย แผลทั่วตัวฉันยังไม่สาหัสเท่าที่ต้องตัดใจจากเธอ”
ดวงตาของเขาเข้มจัดไปด้วยความต้องการอันแรงกล้า ดึงดูดให้หล่อนจ้องตอบอย่างไม่อาจถอนสายตา กลีบปากสีกุหลาบสั่นระริกจากอารมณ์บางอย่างที่กำลังปั่นป่วนจนขนบนร่างลุกเกรียว โดโรธีได้แต่จ้องเข้าไปในดวงตาที่สะกดหล่อนให้อยู่เฉย จนไม่รู้ว่ากระดุมเสื้อที่ยังคั่งค้างอยู่ในรังดุมเหลือเพียงเม็ดเดียว
ดอกบัวบนร่างเพียงสองดอกเบียดชิดงามงดยิ่งกว่าดอกบัวในบึงร้อยดอกรวมกัน ยั่วยวนสายตาคมให้จับจ้องก่อนโน้มใบหน้าลงใกล้แล้วซุกซอนปลายจมูกสูดดมความหอมหวาน โดโรธีตัวสั่นคว้าสาปเสื้อของเขาแล้วกำแน่น ขาแข้งกำลังจะอ่อนแรงลมหายใจเริ่มติดขัดเหมือนคนใกล้จะจมน้ำ
“บารอนโซ่”
“เรียกฉันอีก เรียกฉันบารอนโซ่ ฉันรักเสียงสั่นๆ ร่างกายสั่นๆ ของเธอสาวน้อย”

Tags: หวานใจ

ตอน: ตอนที่ 2 บารอนโซ่ เชนร็อคกี้

ตอนที่ 2 บารอนโซ่ เชนร็อคกี้
18 ปี ผ่านไป
คาลิโป้สาวเท้าไว ๆ เข้าไปหาร่างสูงตระหง่านเปลือยอกที่กำลังนอนท้าแดดอยู่บนดาดฟ้าเรือสำราญลำหรู ผิวสีมะฮอกกานีเพราะถูกแสงแดดแผดเผาเป็นเวลาหลายชั่วโมง ข้างกายมีสาวสวยพ่วงตำแหน่งนางงามทอดกายเชยชิดอยู่เคียงข้างโดยมีอ้อมแขนกำยำโอบกอดแนบเคียงไม่ห่าง แม่สาวงามก็ยินดีเบียดร่างแนบเนาคลอเคลียจนแทบจะเกยขึ้นไปบนอกกว้าง ชุดบิกินี่สีแสดแสบตาตัดกับเรือนร่างขาวผ่องที่ดูจะคล้ำลงเล็กน้อย ผ้าชิ้นน้อยที่เคยห่อหุ้มทรวงถันเหมือนจะเพียงวางทับปกปิดความอร้าอร่ามของปทุมนาง คาลิโป้ทอดสายตาลงมองผ้าอีกผืนแล้วถอนใจเมื่อยังเห็นว่ามันปิดบังสัดส่วนลี้ลับ
เรื่องที่จะบอกให้นายใหญ่รู้เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมจะพูดในเวลาแห่งความสุขแสนสบาย แต่คาลิโป้ไม่มีทางเลือกเพราะเรื่องนี้เร่งด่วนเกินกว่าจะปล่อยวางให้เวลาเนิ่นนานยิ่งขึ้น ร่างที่ค่อนข้างหนาขยับเข้าไปใกล้อีกนิดด้วยเพราะไม่อยากถูกเหวี่ยงด้วยปลายเท้า จึงกลายร่างเป็นนักย่องเบาทั้งฝีเท้าและลมหายใจก็แทบจะต้องชะงัก แต่ไม่ว่าจะเบาแสนเบาเพียงใดก็ดูเหมือนนายใหญ่เจ้าของเรือสำราญ Chainrocky Voyagers Of The Seas จะมีหูไวจนไม่ต้องลืมตาก็รู้ว่าเป็นใครที่เข้ามาใกล้เกินรัศมี 10 เมตร
“มีอะไรคาลิโป้”
คาลิโป้สะดุ้งเพียงนิดก่อนจะทอดสายตามองกล้ามเนื้อตึงแน่นที่เริ่มขยับ มือใหญ่ดันร่างแน่งน้อยที่ยังอยากจะคลอเคลียออกห่าง จนแม่สาวนั่นโอดครวญแต่ไม่กล้ากระฟัดกระเฟียดหืออือให้มากกว่านี้ เจ้าหล่อนหยัดตัวขึ้นปรายสายตาเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันทำปากขมุบขมิบคล้ายจะต่อว่าต่อขานที่เขาขัดจังหวะความสุข นี่เจ้าหล่อนแค่กอดก็ยังดูมีความสุขถึงเพียงนี้ แล้วถ้ากำลังเข้าได้เข้าเข็มเจ้าหล่อนไม่ต้องสุขซึ้งจนร้องลั่นหน้าบิดเบี้ยวเชียวหรือ
คาลิโป้หลบสายตากล่าวหาของแม่สาวผมแดง ก่อนจะเอื้อนเอ่ยบอกนายใหญ่เรื่องที่เป็นตัวขัดขวางความสุข ทว่าหลีกเลี่ยงไม่ได้เสียจริง ๆ
“เจ้าฟรานเชสโก้ส่งหนังสือขอแลกเปลี่ยนหุ้นเรือสำราญลำนี้กับหุ้น Tiger Buio ที่ลาซิโอ้ครับ มันบอกว่าถ้ายังไม่พอใจ มันจะแถมหุ้นสโมสรฟุตบอล Lacoya ให้อีกด้วย”
“ฮ่า ๆ สโมสรฟุตบอลกระจอก ๆ ของพวกมัน มีค่าถึงขนาดเอามาแลกกับหุ้นเพียง 10% ของ Chainrocky Voyagers เชียวเหรอ ไอ้ฟรานเชสโก้มันคิดอะไรอยู่กาสิโนเล็ก ๆ อย่าง Tiger Buio ฉันจะเอามาทำเป็นไม้จิ้มฟันหรือยังไง บอกปฏิเสธมันทุกข้อเสนอ แล้วเสริมไปด้วยว่า Chainrocky Voyagers จะมีผู้ถือหุ้นเพียงสามคนคือฉัน เบนราโน่และเปโดรเท่านั้น” นอกจากจะเปล่งเสียงดูถูกเหยียดหยามแล้วดวงตาสีน้ำเงินเข้มก็ยังปรือขึ้นท้าแสงแดด แววตาที่ไม่เคยเห็นค่าของใครเกินกว่าตนเองและบุคคลอันเป็นที่รัก
“เจ้านายครับ มันคงรู้ว่าเจ้านายจะปฏิเสธ มันจึงเสนอหุ้นอีก 50% ที่เป็นของโรงแรม Paparimor ให้อีกนะครับ งานนี้ทั้งลดแลกแจกแถมสำหรับเจ้านายโดยเฉพาะ” คาลิโป้ยังคงเสริมต่อ ถึงจะรู้ดีว่าพูดไปก็เท่านั้น เจ้านายของเขาไม่มีทางยอมให้คนอื่นร่วมหุ้นด้วยแน่ เรือลำนี้ทำกำไรให้มหาศาลแค่ไหนคาลิโป้ยังคำนวณไม่ค่อยจะถูก ก็ตัวเลขมันหลายหลักเสียจนน่าปวดหัว
“คาลิโป้ แกอย่าทำสมองขี้เลื่อยกระทันหันหน่อยเลย แกก็รู้ว่าฉันลงทุนไปกับเรือลำนี้เท่าไหร่ มูลค่ามหาศาลที่ไม่สามารถแลกเปลี่ยนกับสิ่งใดทั้งนั้น ต่อให้มันยกทุกอย่างที่เป็นของมันให้ฉัน ฉันก็ทำลายความฝันของคุณพ่อไม่ได้”
คาลิโป้เข้าใจดี เรือสำราญที่มีพร้อมทุกสิ่งสรรพ ไม่ว่าจะเป็นกาสิโนลอยน้ำ สปาหรู ฟิตเนส ซาวน่า สระว่ายน้ำ ไนต์คลับ บาร์ ห้องอาหาร ห้องพัก สนามไดร์ฟกอล์ฟ โรงละคร หรือแม้แต่ผาจำลอง เรียกว่าไม่ต้องขึ้นฝั่งก็มีทุกอย่างที่ต้องการ Chainrocky Voyagers เป็นความฝันของซามอนโร่ เชนร็อคกี้ บิดาของบารอนโซ่ เชนร็อคกี้ ชายหนุ่มวัย 30 นิด ๆ คนที่หยัดตัวขึ้นนั่งกึ่งนอนมือข้างหนึ่งประคองแก้วไวน์แล้วคลึงเล่น
ซามอนโร่เตรียมร่างแบบเรือสำราญลำใหญ่ยักษ์นี้ไว้คร่าว ๆ และเกือบจะได้ลงมือสร้างหากไม่ประสบอุบัติเหตุเครื่องบินตกและสิ้นใจไปเสียก่อน เป็นเหตุให้บุตรชายคนเดียวของตระกูลเชนร็อคกี้ต้องสานฝันของบิดาให้สำเร็จ แน่นอนเรือลำนี้เป็นทั้งความหวังและความภาคภูมิใจของตระกูลเชนร็อคกี้ เมื่อมันถูกขนานนามให้เป็นเรือสำราญลำใหญ่ที่สุดที่ล่องน่านน้ำเมดิเตอร์เรเนี่ยน
“ผมเข้าใจเจ้านายดีครับ ก็แค่อยากจะบอกรายละเอียดเท่านั้น” คาลิโป้เสียงอ่อย
“บอกพวกมันว่า อย่าพยายามฝันหวานในเรื่องที่ไม่มีทางเป็นจริงเลย มันจะไม่มีทางได้อะไรจากเชนร็อคกี้ไปสักเศษเสี้ยวกระผีก”
“ครับเจ้านาย ผมจะบอกไอ้ฟรานเชสโก้ตามที่เจ้านายว่า”
บารอนโซ่เบือนหน้าไปมองร่างหนาของมือขวา เห็นเพียงหลังไว ๆ เดินจากไปก็แค่นยิ้มแล้วสาดไวน์ชั้นเลิศลงคอหมดแก้ว พร้อมกระดิกนิ้วเรียกแม่สาวผมแดงให้เข้ามาแนบชิดดังเดิม
“เจ้าคาลิโป้มันทำให้เสียเวลาจริง ฉันเลยต้องจำใจดันเธอให้ห่าง”
“คุณไม่เห็นต้องเกรงใจลูกน้องเลยนี่คะ จะให้แคทรีน่าทำรักให้คุณต่อหน้าเจ้านั่นเลยก็ยังได้”
แม่สาวหัวแดงไต่มือไปบนร่างแกร่ง ปลายลิ้นเล็กของหล่อนแลบออกมาเลียริมฝีปากเป็นเชิงยั่วเย้า บารอนโซ่มองเนื้อฉ่ำสีชมพูนั่นก่อนที่มันจะผลุบหายเข้าไป แล้วกดต้นคอเล็กกระชากบิกินี่ออกจากทรวดทรงองค์เอวอร้าอร่าม ทรวงอกดีดผึงท้าทายสายตาคมกล้าสีน้ำเงินเข้ม ให้ต้องยื่นมือบีบเคล้นขยำขยี้หนัก ๆ ขนาดทำแรง ๆ เจ้าหล่อนยังยิ้มหวานแอ่นอกให้เขาสนอง บารอนโซ่เลยแสยะยิ้มกับความเคยชินที่เจ้าหล่อนคงทำอย่างเจนจัด
“ฉันไม่เคยเกรงใจ ถ้าฉันอยาก เธอก็รู้นี่นาแม่ยอดขมองอิ่มว่าฉันต้องได้ เมื่อกี้ฉันอาจจะชาร์ตไฟน้อยไปหน่อย มันเลยสปาร์คช้า ก็เธอดูดพลังงานฉันไปมากโขแล้วนี่นา หืมม์” ปากหนาคลอเคลียทรวงอกภูเขาไฟ ดุนดันด้วยลิ้นสากก่อนรวบยอดอกเข้าอุ้งปากแรง ๆ
“แล้วไงคะ ตอนนี้พลังงานของคุณกลับคืนหรือยัง เราจะได้ต่อเป็นรอบที่ 3 ของวันนี้”
“รอบ 3 จนถึงรอบ 5 รอบ 6 เลยก็ยังไหว ถ้าเธอจะไม่สลบเหมือดคาอกฉันไปเสียก่อน”
บารอนโซ่ก็พูดไปอย่างนั้น เขารู้ว่าแคทรีน่ามีความต้องการมากมายไม่จบไม่สิ้น ต่อให้คอพับคออ่อนเธอก็ยังฮึดต่อเหมือนสาวไม่เคยพอ แต่สำหรับเขาแค่หล่อนทำให้มีช่วงเวลาอันผาสุกได้ ขอแค่ได้สุขแล้วผลักหล่อนออกไกล ๆ หล่อนจะดีดดิ้นร้องขออีกหลายครั้ง ถ้าเขาบอกว่าไม่ก็คือไม่ อยากนักก็คงต้องส่งไปต่อกับลูกน้องที่รั้งรอของเหลือโดยไม่สนใจว่าเจ้าหล่อนจะกลวงมาจากใครแค่ไหนก็ตาม
************************************
“เพล้ง!!” แก้ววิสกี้ถูกเขวี้ยงใส่ผนังด้วยโทสะอันร้อนกรุ่นของฟรานเชสโก้ เบอร์นาร์ด เขาแทบจะสั่นเป็นเจ้าเข้าเมื่อได้รับการปฏิเสธจากบารอนโซ่อย่างไร้ซึ่งมิตรภาพใด ๆ ที่เคยมีให้มา กระนั้นก็ไม่เคยลืมว่ามิตรภาพดังกล่าวเกิดจากสิ่งที่ตนเป็นผู้หยิบยื่นให้ แม้ว่าจะดูมากมายสักแค่ไหนแต่ถ้าผูกสัมพันธ์ไมตรีกับเจ้าพ่อบารอนโซ่ได้แล้วล่ะก็ ทั้งอำนาจบารมีและเงินทองมากมายจะหลุดรอดไปไหน
แต่ไอ้หัวรั้นบารอนโซ่ เจ้าพ่อหนุ่มเลือดทระนงนั่นดูจะไม่ใส่ใจกับมิตรภาพที่ตั้งใจหยิบยื่นให้ ไม่แม้แต่จะผงกหัวทักทายมาเฟียวัยใกล้เกษียณอย่างเขา หนำซ้ำยังตอกกลับท้าทายชนิดไม่ไว้หน้า แบบนี้เห็นทีจะอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้กระมัง
“ไอ้บารอนโซ่มันโอหังมาก คิดว่ามันเป็นใหญ่ที่สุดในโรมหรือไงวะ”
“ก็จริงของมันนะครับ ตอนนี้ไม่มีใครเทียบเท่ามันได้สักคน”
“ไอ้เวียรอน!! พลั่ก!!!” ปลายรองเท้าหนังมันปลาบเสยเข้าที่ปลายคางของลูกสมุนที่ชื่อเวียรอนจนหน้าหงาย ความโมโหโกรธาจนหน้าแดงก่ำ และคล้ายจะลมออกหูทำให้ร่างหนาอ้วนเซเล็กน้อย วัยที่ล่วงเลยมานานหลายศตวรรษเพียงแค่ออกแรงนิดหน่อยก็เหงื่อกาฬแตกซก ผมสีดอกเลาทั้งหัวถูกเสยขึ้นลวก ๆ ก่อนจะสะบัดมือทิ้งลงข้างลำตัว
“เจ้านายจะให้พวกผมทำอย่างไรต่อ สั่งมาได้เลยครับ” ลูกน้องที่อยู่กินจงรักภักดีเอ่ยขึ้นอย่างต้องการจะทำให้เจ้านายวัยเกือบเกษียณเบาใจ
“จัดการมัน ทำให้ไอ้บารอนโซ่เห็นว่า... กูไม่ใช่ขี้ไก่ให้มันเขี่ยทิ้ง ในเมื่อมันไม่เห็นแก่มิตรภาพที่กูมอบให้ ก็ทำให้มันหายสิ้นไม่อยู่เป็นหนามตำใจกูต่อไป” ร่างหนาท้วมสะท้านเกร็งจนเส้นเลือดตรงข้อมือปูด ดวงตาสีดำดูคล้ายจะเข้มขึ้นจนเป็นสีนิล “แย่งทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นของมันมาให้กูให้ได้ ค่าหัวของไอ้บารอนโซ่จะทำให้พวกมึงสุขสบายไปนาน”
“ครับเจ้านาย ผมจะจัดการขจัดสิ้นเสี้ยนหนามแล้วแย่งทุกอย่างที่เป็นของมันมาให้ โดยเฉพาะเรือ Chainrocky Voyagers”
“กูจะรอจนถึงวันนั้น อย่าช้านักล่ะ เพราะกูไม่ชอบรอนาน ฮ่า ๆ”
เกรนดิส ลูกสมุนที่จงรักภักดีต่อฟรานเชสโก้มาตลอดผงกหัวหลังจากโน้มศีรษะลงเล็กน้อย แววตาของลูกน้องผู้ซื่อสัตย์ที่มองนายจ้างเปลี่ยนไปแต่เจ้านายใหญ่ไม่ได้สังเกตเพราะมัวแต่หัวเราะ แผนการในใจสร้างความครึ้มอกครึ้มใจจนอิงกายพิงพนักโซฟาทอดอารมณ์อย่างสบาย เรียกให้มุมปากหนาของเกรนดิสโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้ม ก่อนกะพริบตาแล้วหมุนตัวจากไป
“เฮ้ย! ไปเอาบรั่นดีมาให้หน่อยสิ กูจะดื่มฉลองชัยชนะล่วงหน้า ฮ่า ๆ ๆ”
*************************************
เรือสำราญ Chainrocky Voyagers ถูกทอดสมอเทียบท่า ณ ซิวิตาเวเชีย เพื่อให้ผู้โดยสารได้ขึ้นฝั่งก่อนจะวนกลับเป็นกรณีพิเศษที่พบได้แค่การเดินทางไปพร้อมกับเรือสำราญลำยักษ์นี้เท่านั้น
“บารอนโซ่ คุณจะไปไหนคะ ให้แคทรีน่าไปด้วยนะ” สุ้มเสียงออดอ้อนแล้วร่างอิ่มเบียดประชิดทำให้เจ้าของเรือสำราญหนุ่มหล่อยกยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะดันร่างนุ่มออกห่างแบบนุ่มนวล
“เธอจะไม่ให้ฉันมีเวลาเป็นส่วนตัวบ้างเลยรึยาหยี เรี่ยวแรงที่เธอสูบเอาไปจากฉันมันมากมายจนเธออยู่นิ่งไม่ได้หรือไรกัน”
“แหม... ก็แคทรีน่าอยากอยู่กับคุณนี่คะ คุณรู้ไหม ไม่มีผู้ชายคนไหนร้อนเท่าคุณอีกแล้วนะ ให้แคทรีน่าไปด้วยเถอะนะคะ ไม่งั้นมีหวังแคทรีน่าแห้งกรังติดพื้นเรือแน่เลย”
คำออดอ้อนออเซาะเกือบทำให้บารอนโซ่หัวเราะ ถ้าจะไม่เห็นแววตาตะกละตะกรามของเจ้าหล่อนเข้าโดยไม่ได้ตั้งใจ นี่หล่อนคงไม่เพียงจะอยากได้เขาอย่างเดียวหรอก แต่หล่อนยังอยากได้อย่างอื่นที่นับเป็นมูลค่าได้ด้วย ผู้หญิงหิวเงิน
บารอนโซ่ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋า หยิบเงินจำนวนหนึ่งซึ่งคิดว่าคงมากพอส่งให้หล่อน
“เอาเงินนี่ไปช็อปปิ้งให้สบายใจ ถ้าเธอไม่ทำตัวน่าเบื่อเราคงได้เจอกันอีก”
“แต่ว่า... “ แคทรีน่าอยากได้ทั้งเงินและเจ้าของเงินนี่นา
“ถ้ากลัวน้ำจะแห้งจนกรังติดพื้นเรือล่ะก็ บอกให้เจ้าพวกนั้น” เขาบุ้ยใบ้ไปยังลูกน้องที่ต้องอยู่บนเรือเพื่อดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว “ช่วยเติมน้ำให้เธอสักเล็กน้อย หรืออยากได้มากก็เรียกใช้บริการหลายคนหน่อย ฉันจะเพิ่มเงินให้เธอ เผื่อพวกนั้นยังบริการไม่ถึงใจจะได้ขึ้นฝั่งไปหาซื้อเอาข้างหน้า” เขาดูถูกผู้หญิงหิวเงินและน้ำกามชนิดไม่ไว้หน้า พวกหล่อนสมควรแล้วที่ถูกว่าแบบนี้ ได้คืบจะเอาศอกไม่เคยพอดี หรือเห็นว่าเขาตายอดตายอยากมาจากไหนจนไม่เบื่อผู้หญิงขายตัวอย่างหล่อนแล้ว ถึงจะเป็นนางงามก็เป็นนางงามเจนเวทีน้ำกามนั่นแหละน่ะ
“กรี๊ด!!! คุณพูดแบบนี้กับแคทรีน่าได้ยังไง ทำไมไม่ให้เกียรติกันบ้าง อย่างน้อยเราก็มีความสุขร่วมกันหลายครั้งหลายหน” หญิงสาวหน้าแดงก่ำแทบจะเต้นเร่าอยู่บนพื้น เมื่อถูกวาจาเราะร้ายดูถูกเหยียดหยามอย่างที่ปฏิเสธไม่เต็มปาก เพราะที่เขาพูดมันเป็นความจริง
“ฉันจะไม่พูดกับคนที่พูดไม่รู้เรื่อง ถ้าไม่รับ... ก็อด” ว่าแล้วเงินปึกหนาในมือใหญ่ก็ทำท่าจะหลุดลอย หากหล่อนไม่รีบคว้าเอาไว้
บารอนโซ่ยกยิ้มกระด้างฉาบใบหน้าแล้วโบกมืออำลาหญิงสาว เขาไม่ปฏิเสธว่าเจ้าหล่อนทำให้เขาสนุก แต่จะให้เสพสมทั้งขาไปขากลับคงน่าเบื่อพิลึก จะหาคนอื่นก็หนักใจเพราะไม่มีใครที่น่าลองหรือน่าค้นหา ทางแก้ก็คือเอาช่วงเวลาพักผ่อนสำราญใจนี้ไปหาสิ่งที่สวยงามและน่าค้นหาจากที่อื่น
“เจ้านายจะไปไหนครับ” คาลิโป้ถามแล้วทำท่าจะตามติด ทว่าร่างสูงกลับยกมือขึ้นเป็นเชิงห้ามปราม ก่อนเสียงเข้มจะเอ่ยราบเรียบ
“ฉันจะไปเที่ยวชายทะเลแถบอันดามันสักหน่อย เคยไปนานแล้วจำได้ว่ามันสวยมาก โดยเฉพาะชายฝั่งทะเลประเทศไทย”
“ที่นั่นไกลมาก น่าจะให้คนติดตามไปด้วยนะครับ” คาลิโป้บอกอย่างเป็นห่วงสวัสดิภาพของเจ้านายหนุ่ม
“ฉันจะเอาไปแค่ 2 คน แกเลือกใครมาก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่แก” ที่ไม่ใช่คาลิโป้ เพราะบารอนโซ่ไม่อยากรำคาญเวลาที่ถูกลูกน้องทำตัวเป็นพ่อคอยห่วงทุกย่างก้าว
“เจ้านายครับ ถ้าจะให้ดีก็ควรจะเป็นผมนะครับ” คาลิโป้ยังมีข้อแม้
“หรืออยากให้ฉันไปคนเดียว” คราวนี้เสียงเข้มห้าวห้วนเพราะเริ่มกรุ่นไปด้วยอารมณ์
“เอ่อ... ไม่ครับ เดี๋ยวผมจะหาคนที่มีฝีมือดีที่สุดให้นะครับ” คนเป็นลูกน้องก็ต้องยอมพ่ายแพ้ไปโดยปริยาย คาลิโป้ทำงานกับบารอนโซ่มานานจนรู้ใจกันและกันดี ลูกน้องคนสนิทอย่างเขารักเจ้านายไม่ต่างจากพี่ชายรักและเป็นห่วงน้องชาย
“ดี ฉันไปไม่นานหรอก แล้วจะบินกลับอิตาลีเลย
เจ้านายของเขาพูดเหมือนจะไปแค่ไม่กี่ชั่วโมงก็กลับ ระยะทางก็ไม่ใช่ใกล้ ๆ ยิ่งตอนนี้ฟรานเชสโก้น่าจะกำลังเต้นแร้งเต้นการอเวลาจะเอาคืนที่ถูกกระแทกหน้าจนหมอไม่รับเย็บยิ่งน่าเป็นห่วง แต่ถึงจะเป็นห่วงเจ้านายยอดดื้อแค่ไหน คำสั่งก็เป็นประกาศิตอยู่เสมอ
********************************
ท่ามกลางแสงอัสดงสีส้มจับขอบฟ้า นกนางนวลบินกลับรังอยู่เบื้องบนท้องฟ้าใสแจ๋วเริ่มขุ่นมัวตามเวลาจวนย่ำค่ำ เบื้องล่างเป็นน้ำทะเลสีฟ้าอมเขียวก่อมวลเป็นคลื่นซัดสาดเป็นระลอกกระแทกฝั่งแล้วเลือนหายไปเป็นฟองคลื่น ยามเย็นเช่นนี้บนชายหาดมีนักท่องเที่ยวค่อนข้างหนาตา ทั้งไทยและเทศปะปนกัน บ้างก็ฉายเดี่ยว บ้างก็มาเป็นคู่ บ้างก็มาเป็นหมู่คณะ โดยรวมแล้วปริมาณของนักท่องเที่ยวก็ทำให้ชายหาดดูครึกครื้นร้านรวงคึกคักเพราะรายได้ที่ทยอยเข้ามาไม่ขาดสาย
ร่างบอบบางที่มาพร้อมกับพรรคพวก 3-4 คน กำลังช่วยกันย่างปลาหมึกขาย รสชาติของน้ำจิ้มที่มีทั้งเผ็ด เปรี้ยวและหวานประแล่มก็เรียกลูกค้าให้ติดใจจนซื้อซ้ำหลายครั้ง
“วันนี้นักท่องเที่ยวเยอะ ปลาหมึกของพวกเราขายดีเนอะ” สาวน้อยวัย 18 มีนามว่าจี๊ดกำลังพลิกไม้เสียบปลาหมึกจนหน้าเป็นมันบอกเพื่อนที่แบ่งหน้าที่กันไป
“ใช่ ใกล้หมดแล้วด้วย” เพื่อนสาวนามว่าไก่ตอบ ราดน้ำจิ้มใส่ถุงบรรจุปลาหมึกย่างแล้วส่งให้ลูกค้า
“วันนี้คงรวยเละ ได้กำไรเป็นกอบเป็นกำ เอาไปอวดแม่ได้สบาย ๆ” อีกคนที่ร่างอ้วนท้วมที่สุดเสริม ปรายตามองสาวน้อยที่ถือจานใส่ปลาหมึกย่าง รอให้เพื่อนไก่วางถ้วยน้ำจิ้มบนจานเคียงปลาหมึก
“อย่าอวดเฉย ๆ นะ ต้องแบ่งให้แม่ของพวกเราดีใจด้วย อุตส่าห์หาเงินได้จากน้ำพักน้ำแรงเลยเชียว” สาวน้อยที่ตัวสูงที่สุดเพราะได้กรรมพันธุ์มาจากบิดาชาวอิตาเลียน เพื่อนทั้ง 3 สูงไม่เกิน 165 ซ.ม. แต่สำหรับโดโรธีหล่อนพกพาความสูงถึง 170 ซ.ม. ไม่ใช่แค่ความสูงอย่างเดียวที่ได้เปรียบ แต่สาวน้อยยังมีเครื่องหน้างดงามทั้งจมูกโด่งรั้น ริมฝีปากเป็นกระจับ พวงแก้มแดงระเรื่อ แต่ที่ดูจะโดดเด่นกว่าสิ่งอื่นนั่นก็คือดวงตาสีฟ้าใส
“โดโรธี ให้ใครเดินไปเป็นเพื่อน หรือจะให้ยัยแพมเอาไปเสิร์ฟดีไหม” เพื่อนจี๊ดกล่าวเพราะเป็นห่วง หลายครั้งที่เพื่อนสาวคนสวยอย่างโดโรธีถูกแต๊ะอั๋งจากนักท่องเที่ยว แม้จะแต่งตัวมิดชิดไม่ให้อะไรต่อมิอะไรแสดงตัวตนออกมาก็ตามที แต่หล่อนก็ยังสวยตั้งแต่เส้นผมจรดปลายเท้า
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันจะระวังตัวให้มากขึ้น”
โดโรธี หรือดารานาถ แสงนาคร เดินตัวตรงประคองถาดใส่จานปลาหมึกไปยังโต๊ะของลูกค้า ใกล้เคียงกันนั้นมีกลุ่มวัยรุ่นที่ดูจะเมามายนั่งดีดกีต้าร์ร้องรำทำเพลง สาวน้อยรับเงินจากลูกค้าก็จะหันหลังกลับ แต่หนึ่งในกลุ่มวัยรุ่นก็ก้าวมาดักหน้า
“ว่างายจ๊ะคนสวย จารีบปายหนาย กินเหล้ากับพี่ก่อนดีกว่า” สุ้มเสียงยานคางกลิ่นเหล้าคละคลุ้งจนน่าจะออกมาจากทุกรูขุมขนบนร่างผอม โดโรธีส่ายหน้าแล้วก้าวเท้าหนี แต่คนเมาก็ยังดักหน้าแถมมีเพื่อนมาช่วยรุมหล่อนอีก 2 คนด้วย
“หลีกทางให้หนูเถอะพี่ พวกพี่เมามากแล้ว ขอหนูไปช่วยเพื่อนเก็บร้านเถอะ”
“เอ... น้องนี่ท่าจะฟังไม่ชัด พี่คงต้องเข้าไปพูดใกล้ ๆ ข้างหูจะได้ฟังชัด ๆ” ว่าแล้ว 1 ในนั้นก็ขยับเข้ามาประชิด
โดโรธีสะบัดมือที่ถูกจับแล้วผลักทุกคนที่เข้ามาใกล้ หล่อนไม่อยากมีเรื่องเพราะกลัวจะรู้ไปถึงหูมารดาและลุงฉัตรชัย แต่ดูเหมือนคนพวกนี้อยากตั้งใจจะหาเรื่องหล่อน หนำซ้ำจ้องจะลวนลามจับโน่นจับนี่จนต้องปัดมือไปมาเหมือนไล่แมลงวันสกปรก
“อย่าเข้ามานะ นี่แน่ะ” ร่างระหงทั้งผลักทั้งเตะแล้ววิ่งหนีเอาตัวรอด ขายาว ๆ พารูปร่างสะโอดสะองราวนางแบบวิ่งฝ่าผู้คนไปอย่างไม่ลดละ หล่อนวิ่ง พวกกลุ่มวัยรุ่นขี้เมาก็วิ่งตามมาติด ไม่มีใครอยากเข้ามาช่วยหล่อนเท่าไหร่ นักท่องเที่ยวได้แต่มองตามอย่างสนใจ จะให้หล่อนร้องแรกแหกกระเชอก็กลัวจะดังไปทั้งหาด แล้วก็พาลดังไปถึงสวนยางฉัตรชัยเข้าหูลุงและมารดา จึงต้องปิดปากเงียบได้แต่วิ่ง วิ่ง แล้วก็วิ่งต่อไป
กระทั่งเกือบจะสุดหาดและเพราะเหนื่อยจนขาเริ่มล้า โดโรธีก็หันไปมองในจังหวะนั้นหล่อนสะดุดรากต้นไม้ล้มหน้าคว่ำไปบนทราย ดีที่เป็นทรายก็เลยไม่เจ็บ แต่โดโรธีไม่มีเวลาจะสนใจว่าเจ็บหรือถลอกปอกเปิกตรงไหนบ้าง หล่อนพลิกตัวหันไปมองพวกวัยรุ่นเหลือเดนด้วยน้ำเมาอย่างหวาดหวั่น
“เสร็จกูล่ะ กูมองมานานแล้ว เห็นเดินไปเดินมายั่วน้ำลายอยู่นาน คราวนี้กูได้กินแล้วโว้ย”
“เฮ้ย! กูเห็นก่อน กูต้องได้ก่อนสิวะ” วัยรุ่นร่างผอมที่ดักหน้าหล่อนเป็นคนแรกแย้ง วัยรุ่นชายอีกคนจึงพุ่งตัวเข้าหาหมายจะชิงเป็นที่หนึ่ง
“พลั่ก!! ผลัวะ!!” เสียงของแข็งกระทบร่างดังขึ้นก่อนที่วัยรุ่นหื่นกามจะหน้าหงาย ผู้ชายสองคนเข้าไปประเคนทั้งกำปั้นและปลายเท้าใส่เศษสวะทั้งสามจนนับไม่ทัน
โดโรธีลุกขึ้นยืนปัดทรายออกจากเนื้อตัว เมื่อผู้ชายสองคนที่ช่วยหล่อนไว้จัดการกับมันเสียหมอบ หนำซ้ำยังทำหน้าที่เป็นพลเมืองดีโทรแจ้งตำรวจให้จับวัยรุ่นหื่นกามขังคุก
“ขอบคุณพวกคุณมากนะคะที่ช่วยหนู” โดโรธีกล่าวขอบคุณแล้วยกมือขึ้นไหว้อย่างเด็กสาวที่ถูกสอนมาดี
“ไม่ต้องขอบคุณพวกเราหรอก คุณต้องขอบคุณเจ้านายเราต่างหาก” คนพูดไม่ชัด รูปร่างสูงใหญ่บอกหล่อน
โดโรธีหันไปมองตามสายตาของคนที่ช่วยหล่อน พลันได้เห็นร่างสูงตระหง่านของผู้ชายคนหนึ่ง เขาสวมเสื้อเชิ้ตลวดลายน่าเวียนหัวปลดกระดุมลงมาเกือบหมดแถว สวมกางเกงขาสั้นสีขาวสั้นแค่เข่า บนใบหน้ามีแว่นกันแดดสีชาที่ทำให้หล่อนนึกขัดใจเพราะมองไม่เห็นประกายตาคู่นั้นชัดเจน
โดโรธีเดินตรงเข้าไปหาก่อนจะยกมือไหว้ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือ หากแต่พอมายืนประจันหน้ากันในระยะประชิด ร่างระหงกลับต้องเงยหน้าคอตั้งบ่า ผู้ชายคนนี้ตัวสูงกว่าหล่อนมากทีเดียว เขาไม่ใช่คนไทยคงเหมือนกับลูกน้องของเขาที่หล่อนรู้จากสำเนียงแหม่ง ๆ
“ขอบคุณค่ะ ที่ช่วยหนู” หล่อนมักจะเรียกแทนตัวเองว่าหนูเสมอ เพราะคุ้นชินมาตั้งแต่เยาว์วัยจนอายุ 18 หล่อนก็ว่าตัวเองยังไม่โตพอจะแทนตัวเองว่าดิฉัน
ชายหนุ่มนิ่งเฉยและเงียบกริบจนโดโรธีรู้สึกหนาว ๆ ร้อน ๆ หรือหล่อนจะหนีเสือปะจระเข้ ถ้าเป็นเช่นนั้นหล่อนคงไม่มีทางหนีคนพวกนี้พ้น โดยเฉพาะผู้ชายตรงหน้า เขามีพลังอำนาจบางอย่างที่หล่อนรู้สึกได้ว่าไม่ควรจะพาตัวเข้าใกล้ ถึงแม้เขาจะเป็นคนที่ช่วยชีวิตหล่อนก็ตาม
บารอนโซ่ซ่อนแววตาไว้หลังแว่นกันแดดสีชาเข้มเพื่อกวาดมองไปทั่วเรือนร่างระหง เขาคิดอย่างครึ้มอกครึ้มใจว่าเด็กสาวคนนี้สวยตั้งแต่หัวจรดเท้า และความสวยของหล่อนก็เป็นจุดอ่อนที่จะนำพาความโชคร้ายมาสู่ตน เหมือนที่เขาเห็นเมื่อครู่ ถ้าคนของเขาไม่ช่วยหล่อนไว้เสียก่อน แม่สาวน้อยแสนสวยนี่คงกลายเป็นข่าวหน้าหนึ่งบนหน้าหนังสือพิมพ์แทบทุกฉบับ
“คุณคะ ได้ยินที่หนูพูดไหม หรือว่า... คุณฟังภาษาไทยไม่ออกคะ”
บารอนโซ่ถอนใจ เขาจะคิดไปเองหรือเปล่าว่าเสียงของสาวน้อยตรงหน้าช่างหวานแล้วยังกลิ่นลมหายใจของเจ้าหล่อนก็แสนหอมเสียนี่กระไร จนเขาอยากจะเป็นฝ่ายฟังหล่อนพูดอย่างเดียว ที่หนักกว่านั้นร่างกายของเขายังทำปฏิกิริยากับความหอมจากร่างระหงที่คิดว่ามันคงทั้งนุ่มและให้ความรู้สึกดีหากได้แฝงกายล่วงล้ำความเป็นหล่อนเข้าไป
“ถ้าคุณไม่พูด หนูจะกลับแล้วนะคะ”
โดโรธีหาทางออกให้กับความหวาดหวั่นที่กำลังกระพือปีกอยู่ในใจ ก็เขานิ่งเหลือเกิน นิ่งและเงียบจนหล่อนไม่รู้จะทำอย่างไรดี พูดด้วยก็ไม่พูดด้วย ฟังออกไม่ออกก็ไม่รู้ คนของเขาก็ช่างประไรน่าจะบอกหล่อนสักนิดว่าเขาพูดภาษาไทยไม่ได้
“เดี๋ยวสิ” บารอนโซ่เรียกไว้ก่อนที่หล่อนจะเดินหนี และนั่นก็ทำให้โดโรธีหันมาเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ เพราะเขาพูดภาษาไทยได้ค่อนข้างชัดและแน่นอนเขาต้องฟังที่หล่อนพูดออก “เธอไม่เป็นไรใช่ไหม”
ไม่เคยมีใครที่บั่นทอนความแข็งแกร่งภายในใจได้เท่าหล่อน ผู้หญิงไทยสวยสะพรั่งตรงหน้ากำลังทำให้เขาใจอ่อน เพียงแค่ได้ยลโฉมหล่อนในระยะประชิด ได้แอบสูดดมความหอมที่คงจะหวานหากได้ลิ้มลอง เขาไม่เคยนึกเป็นห่วงผู้หญิงคนไหนตั้งแต่สูญเสียมารดาไป หล่อนกำลังทำให้เขารู้สึกอย่างนั้น
“คุณ... หนูดีใจที่คุณพูดภาษาไทยได้ หนูไม่เป็นไรหรอกค่ะ ขอบคุณที่คุณช่วยหนูนะคะ ไม่งั้นหนูต้องแย่แน่ ๆ เลย”
โดโรธีไม่รู้ตัวหรอกว่าเบื้องหลังแว่นกันแดดสีชา สายตาของบารอนโซ่แอบจับจ้องกลีบปากที่เผยอเป็นประโยคคำพูดขอบอกขอบใจเขาของหล่อน ซ้ำห้วงลึกในใจยังแอบหมายมาดจะได้ดื่มด่ำความชุ่มฉ่ำเป็นกระจับอันน่าปรารถนา
“ไม่เป็นไรหรอก แต่คราวหน้าคราวหลังเธอไม่ควรจะออกมาเดินเล่นตามลำพังแบบนี้”
“หนูไม่ได้เดินเล่นนะคะ แต่หนูกับเพื่อนขายปลาหมึกย่างอยู่ริมหาด แล้วพวกนั้นก็นั่งดื่มจนเมาเลยขาดสติคิดจะลวนลามหนู” หล่อนแก้ตัว
ใครเห็นหล่อนเข้าก็อยากขาดสติกันทั้งนั้น บารอนโซ่เปรยกับตัวเองในใจ
“เธออายุเท่าไหร่” หลังจากเอ่ยปากถาม เขาก็แอบนึกครึ้มว่าอาจจะได้ยินหล่อนตอบว่าอายุเกิน 21 แต่แล้วคำตอบของหล่อนกลับทำให้เขานิ่งอึ้งไปชั่วขณะ แล้วมองปราดไปทั่วร่างอันเย้ายวนอีกหน
“อีก 2 วัน หนูจะอายุ 18 เต็มค่ะ”
พระเจ้า! นี่หล่อนยังไม่บรรลุนิติภาวะเลยรึนี่
“ฉันนึกว่าเธอน่าจะอายุ 20 กว่า ๆ เสียอีก” บารอนโซ่คล้ายจะอุทานมากกว่าพูดกับหล่อน สาวน้อยวัยกำดัดมีรูปร่างเย้ายวนได้ขนาดนี้เชียวหรือ ร่างระหงสะโอดสะองคล้ายบอบบาง แต่ทว่าบารอนโซ่มองเห็นถึงสัดส่วนที่ซ่อนอยู่ภายใต้เสื้อผ้ามอซอนั่น ทรวงอกที่กะขนาดด้วยสายตาไม่น่าจะต่ำกว่าคัพ C เอวบางกิ่วที่เล็กแค่ฝ่ามือทาบ แล้วยังสะโพกหนั่นแน่นโค้งมนงอนงามนั่นอีก นี่หล่อนรู้ตัวรึเปล่าว่าน่าจะตกเป็นที่หมายปองของผู้ชายทั่วทั้งหาด หากเห็นหล่อนเดินไปมาเป็นใครก็ต้องจับจ้องอยู่กับเรือนร่างยั่วตายั่วใจทั้งนั้น
“หนูคงโตกว่าเพื่อนในวัยเดียวกัน ใคร ๆ ก็พูดอย่างนั้น”
บารอนโซ่อยากจะถามเหลือเกินว่าแล้วใครคนนั้นบอกหรือไม่ว่าหล่อนน่าปรารถนาเพียงใด เขากลืนถ้อยคำนั้นอย่างตัดใจแล้วยกยิ้มที่มุมปาก นึกค่อนขอดตัวเองว่าควรอยู่ให้ห่างคุกห่างตะรางโดยเฉพาะไม่ได้อยู่ในถิ่นฐานบ้านเกิดเมืองนอนของตัวเองเช่นนี้ เด็กสาวที่ดูเหมือนจะเป็นสิ่งต้องห้ามในเวลา 2 วัน ถ้าอยากได้เขาจะต้องรอให้เจ้าหล่อนอายุครบ 18 ปีบริบูรณ์ แต่เขาจะไม่ช่วงชิงความเป็นสาวเหมือนที่วัยรุ่นกลุ่มนั้นทำ มันทุเรศและไม่เป็นสุภาพบุรุษเลยสักนิด คนอย่างบารอนโซ่มีวิธีจะทำให้สาว ๆ ต้องก้าวเข้ามาหาแบบยินยอมพร้อมใจ
“บ้านเธออยู่ไหน ฉันจะให้คนของฉันไปส่ง”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ หนูกลับเองได้” โดโรธีปฏิเสธ ไม่ใช่ว่าหล่อนไม่ไว้ใจเขา แต่หล่อนรู้สึกเกรงใจมากกว่า
“อย่าปฏิเสธฉันเลย ฉันคงนอนไม่หลับถ้าไม่ได้ส่งเธอกลับบ้านอย่างปลอดภัย”
หัวใจสาวน้อยวัยกำดัดรู้สึกแปลก ๆ ที่มาพร้อมกับความอบอุ่นแสนประหลาด และเพิ่งเคยเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก โดโรธีไม่เห็นแววตาหลังแว่นกันแดดชัดเจน แต่ก็พอรู้ว่าเขาจ้องมองหล่อนตลอดเวลาจะเรียกว่าไม่เคยถอนสายตาไปจากหล่อนเลยก็ว่าได้ กระนั้นโดโรธีก็ไม่นึกรังเกียจแถมพวงแก้มของหล่อนยังอุ่นซ่านกว่าทุกครั้ง
ถ้าจะมีคนไปส่งหล่อนถึงบ้าน หล่อนคงไม่ได้กลับไปช่วยเพื่อนเก็บร้าน และคงไม่ดีเท่าไหร่หากมารดาจะเห็นชายฉกรรจ์ 2 คน ไปส่งถึงบ้าน
“เอ่อ... ถ้างั้นขอหนูโทรไปบอกเพื่อน ๆ ก่อนนะคะ ป่านนี้พวกเขาคงเป็นห่วงแย่แล้วที่หนูหายมาอย่างนี้”
“ตามสบายเถอะ”
หลังจากสาวน้อยโทรบอกเพื่อน ๆ เสร็จ หล่อนก็ทำสีหน้าปั้นยากใส่บารอนโซ่ ก็เพื่อน ๆ ของหล่อนพอรู้ว่าจะมีชายหนุ่มไปส่งหล่อนถึงบ้านเป็นอันได้บ่นเป็นหมีกินผึ้งเพราะเป็นห่วง กว่าโดโรธีจากชี้แจงแถลงไขจนเพื่อน ๆ คลายความเป็นห่วงก็เล่นเอาเหงื่อตกเหมือนกัน
“ไม่ต้องห่วงนะ พวกฉันไม่ใช่ผู้ร้าย ไม่หลอกลวงเธอไปข่มขืนหรอก”
แม้ว่าบารอนโซ่จะเอ่ยปาก แต่โดโรธีก็มีเพียงรอยยิ้มแหย ๆ หล่อนมั่นใจว่าพวกเขาไม่ใช่คนร้ายที่คิดจะลวงหล่อน แต่ที่ยังไม่สบายใจก็เพราะยังไม่รู้ว่าจะบอกกล่าวมารดายังไง หากเห็นหล่อนกลับบ้านไปพร้อมกับชายฉกรรจ์ 2 คน ที่สำคัญพวกเขาเป็นชาวต่างชาติ
“ไปส่งหนูแค่หน้าสวนก็พอนะคะ หลังจากนั้นหนูเดินเข้าไปเองได้ ในนั้นไม่มีใครคิดจะทำร้ายหนูหรอกค่ะ”
“ตามใจเธอเถอะ”
บารอนโซ่พยักหน้าให้คนของเขาพาเด็กสาวไปขึ้นรถ โดยไม่ลืมถามชื่อหล่อน
“เธอชื่ออะไร”
“หนูชื่อโดโรธีค่ะ” โดโรธียิ้มกว้างเป็นเหตุให้บารอนโซ่ถึงกับตาพร่าไปชั่วขณะ รอยยิ้มของหล่อนทำให้เจ้าพ่อแห่งวงการอสังหาริมทรัพย์เป็นต้องยืนตาค้าง กว่าจะกะพริบตาได้ร่างอรชรก็เดินจากไปไกลแล้ว



นางสาวบราวนี่
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 ต.ค. 2556, 13:47:46 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 13 ต.ค. 2556, 13:47:46 น.

จำนวนการเข้าชม : 1511





<< กำเนิดโดโรธี   ตอนที่ 3 รอดชีวิตเพราะเธอ >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account