Uluru ด้วยรักนิรันดร์
ตอนที่ความรักนั้นจบลง
ชีวิตของผมก็เหมือนไม่อยู่บนโลกใบนี้อีกต่อไป ...
นานเท่านาน ...
หัวใจจมดิ่งลงไปสู่เบื้องลึกของความทรงจำอันเจ็บปวด
ตอนที่คุณหายไป ...
ชีวิตผมบาดเจ็บจนลืมไปว่ามันสามารถรักษาได้

นานเท่านาน ...
หัวใจได้เยียวยาด้วยหัวใจ ...
แล้วเราคงข้ามผ่านมันไปด้้วยกัน ...
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: อูยูรู เบส วอล์ก(1)

ทากะกับยูมิลงชื่อไว้ในกระดาษโน้ต พวกเขาบอกว่าจะเหมารถไปอูยูรูพรุ่งนี้เช้า ตอนตีห้าครึ่งโมง ถ้าสนใจให้โทรกลับเบอร์มือถือที่ทิ้งให้จะได้แวะมารับ

“ว่าไงบ้าง?” ไมค์ถาม ยื่นเหยือกน้ำผลไม้สีหวานของเด็กๆ ให้ภรรยา
“พวกเขาชวนผมนั่งรถเช่าไปอูยูรูตอนเช้า”
“ก็ดีนี่ นายจะได้มีเพื่อนเดินรอบเจ้ายักษ์แดงนั่น” ไมค์คงหมายถึงอูยูรูที่เป็นก้อนหินยักษ์
“อืม ฟังดูเข้าที งั้นเดี๋ยวผมขอใช้โทรศัพท์หน่อยนะ” พีรพงษ์บอก
“ว่าแต่มีบัตรเติมโทรศัพท์มั้ยไมค์? เอาของโวดาโฟนนะ”
“เอาแบบสิบเหรียญหรือยี่สิบเหรียญ” อีกฝ่ายถาม เปิดลิ้นชักหยิบกล่องใส่บัตรเติมเงินโทรศัพท์ออกมา
“ผมขอแบบยี่สิบเหรียญ”

พีรพงษ์จ่ายเงินแล้วรับบัตรมาเติมเงินเข้าซิม กดโทรหาเด็กหนุ่มชาวญี่ปุ่น เขารออยู่พักหนึ่งกว่าที่เด็กหนุ่มจะรับสาย

“ฮัลโหล ผมทากะครับ” ปลายสายรับ
“ฮัลโหลทากะ ผมไนท์นะ คนไทยที่เอเยอร์แอคคอมโมเดต” ชายหนุ่มอธิบาย
“โอ้ ไทยซัง มีอะไรหรือเปล่า?”
“พรุ่งนี้เช้าเดี๋ยวผมไปด้วยนะ”
“อา... ดีเลย แล้วพรุ่งนี้เจอกัน เอ่อ... ตีห้าครึ่งนะ” หนุ่มญี่ปุ่นตอบกลับมาก่อนวางสายไป

ชายหนุ่มจากเมืองไทยกดวางสาย มองออกไปยังท้องฟ้าเหนือหมู่หลังคาย่านที่พักของเอเยอร์ร็อค รีสอร์ท พระจันทร์จับดวงเหนือทิวต้นยูคาลิปตัสสายพันธุ์ท้องถิ่น พีรพงษ์มองเหม่อเหมือนจะทะลุเลยไปยังอวกาศเบื้องหลัง

พระจันทร์ที่เขาเคยมองที่เมืองไทย มันใช่ดวงเดียวกันกับที่นี่หรือเปล่า? ดวงเดียวกันที่ใครคนนั้นกำลังมองอยู่ใช่ไหม?
.....................

ฟ้ามืดยังไม่ทันสว่างก็จริงอยู่ แต่โคมไฟถนนก็ทำให้ทุกอย่างชัดเจนอย่างกับกลางวัน พีรพงษ์นั่งกระดิกขารออยู่บนถนนลาดยางหน้าทางเข้าที่พัก สนามหญ้ายังเปียกชื้นเกินนั่ง

เกือบๆ ตีห้าแล้ว อากาศเย็นจนต้องกอดอก กาแฟสำเร็จชงจากเครื่องต้มน้ำร้อนที่บาร์ถูกวางไว้ข้างตัว ที่พักแต่ละแห่งบนถนนในเอเยอร์ร็อค รีสอร์ทเริ่มมีความเคลื่อนไหวแต่ไม่ถึงกับวุ่นวาย

รถจิ๊บแบบไร้หลังคาแล่นตรงมาทางที่ชายหนุ่มนั่งอยู่ ซง-ควูนั่งหน้าคู่กับคนขับ ทากะนั่งอยู่ด้านหลังกับสองสาว ยูมิรวบผมตัวเองมัดเป็นหางม้าไว้ด้วยยางรัด ส่วนนิชิเอะเลือกสวมหมวกแก๊ป พีรพงษ์กระโดดขึ้นกระบะหลังก่อนที่คนขับซึ่งเป็นชายวัยกลางคนเครายาวเฟื้อยจะเคลื่อนรถออกไป

ทากะชะโงกหน้ามาบอกว่าจะไปคาตาจูตากันก่อน พระอาทิตย์ขึ้นตอนตีห้าสี่สิบ แต่ขับรถจากยูลาร่าหรือเอเยอร์ร็อค รีสอร์ทนี้ถึงปากทางเข้าอุทยานแห่งชาติอูยูรูมันก็แค่สิบนาที ก็เลยจะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่เนินชมวิวคาตาจูตาหรือกองหินศักดิ์สิทธิ์ใหญ่อีกแห่งที่อยู่ห่างไปยี่สิบกว่ากิโลเมตรนั้นก่อน
....................

ในความมืดที่มองเห็นแบบลางๆ ขณะที่ยูมิหยอกล้อกับทากะแฟนหนุ่ม พีรพงษ์รู้สึกได้ว่านิชิเอะกำลังลอบมองเขาอยู่ แม้สายตานั้นจะอยู่เบื้องหลังแว่นตากรอบโตที่เธอสวมกันลม แต่มันก็ส่งพลังบางอย่างที่ทำให้เขารู้สึกใจไม่สงบ เขาไม่รู้ว่าเด็กสาวอายุน้อยกว่าสักเจ็ดหรือแปดปีคนนี้กำลังคิดอะไร

ชายหนุ่มรู้สึกอึดอัดเลยเลือกมองออกไปยังทุ่งและทะเลทราย แสงเรื่อเรืองเริ่มปรากฏที่ปลายฟ้า แต่รถเองก็แล่นเข้าใกล้จุดชมวิวของภูเขาหินคาตาจูตามากพอ

“เอาล่ะ... เหล่าเอเชียทั้งหลาย เดี๋ยวผมจะจอดให้ชมพระอาทิตย์ขึ้นตรงนี้นะ” คนขับออสซี่สูงวัยบอกพร้อมกับเหยียบเบรค

รถจอดตรงที่เรียกว่า เนินทรายคาตาจูตา เป็นจุดชมทั้งพระอาทิตย์ขึ้นและตกที่นิยมมาก ลุงคนขับเอารถเข้าเทียบในพื้นที่จอดริมถนนเคียงข้างรถยนต์คันอื่นๆ

ลานชมพระอาทิตย์มีนักท่องเที่ยวสักสามสิบคนยืนและนั่งเรียงรายอยู่แถวนั้น สายตาคนเหล่านั้นต่างจับจ้องไปยังดวงตะวันที่กำลังกินขอบฟ้า สีแดงสดเคลือบทุกสิ่งที่มันส่องถึง กองหินสีแดงเหมือนลุกเป็นไฟ แต่กลับให้ความรู้สึกยิ่งใหญ่ผสมความสงบเยือกเย็น

พีรพงษ์มองไปรอบๆ บรรยากาศคงโรแมนติกน่าดูสำหรับคู่รัก ทากะกับยูมิกอดและจูบกันแนบแน่น ซง-ควูหันหน้าหาดวงอาทิตย์แต่เขาหลับตานิ่ง พีรพงษ์มองไม่เห็นนิชิเอะ แต่คิดว่าเธอคงอยู่แถวนี้

พีรพงษ์มองไปไกลๆ แสงแดดนั้นแรงกล้าจนเขาต้องยอมแพ้ ชายหนุ่มหลับตาลงช้าๆ ผ่อนหายใจเบาๆ รับความรู้สึกสัมผัสของสายลมอ่อนจางที่พัดผ่านทั้งกลุ่มโขดเขานั่น
....................

รถจิ๊บแล่นกลับมาตามทาง เลี้ยวเข้าไปยังศูนย์ต้อนรับนักท่องเที่ยวของอุทยานบริเวณใกล้เชิงฐานอูยูรู ร้านค้าและร้านกาแฟเพิ่งจะเปิดหน้าร้านได้ไม่นาน เพราะพนักงานยังจัดเตรียมอะไรต่ออะไรอยู่ ลูกค้านักท่องเที่ยวที่นั่งอยู่ในพื้นที่มีไม่น้อย ส่วนใหญ่นั่งทานอาหารและเตรียมตัวเดิน

“นั่งรออีกหน่อย เดี๋ยวเราค่อยเดินกัน” ทากะว่า
“ไทยซัง เอากาแฟมั้ย?” นิชิเอะถาม เธอกับยูมิกำลังขยับลุกเพราะเห็นว่าพนักงานในร้านคาเฟ่เริ่มประจำและมีลูกค้าเข้าคิวแล้ว
“ไม่ล่ะ ขอบคุณนะ ผมได้กาแฟตั้งแต่ก่อนออกจากรีสอร์ทแล้วล่ะ” เขาตอบ ก่อนนึกอะไรได้
“ผมว่าเราควรจัดการอาหารเช้าให้เรียบร้อยก่อนออกเดินนะ คุณไมค์... เอ่อ... เจ้าของที่พักผมเขาเตือนมาน่ะ” พีรพงษ์บอก ก่อนขยับลุกตามไปด้วยคน

พีรพงษ์เดินตามสองสาวไปถึงหน้าเคาท์เตอร์ ยูมิกับนิชิเอะสั่งกาแฟสี่ถ้วยคู่กับชุดดับเบิ้ลเบอร์เกอร์หมู ชายหนุ่มยืนหลังสาวๆ สั่งแซนวิชแฮมชีสให้ตัวเอง

“นิชิเอะ! หลังเธอเปื้อนทรายนี่” เขาทักเมื่อเป็นผงทรายเปื้อนหลังเด็กสาว

นิชิเอะหันมายิ้มก่อนตอบ “ฉันไปนอนบนพื้นทรายมาน่ะ”

“ยัยบ๊องนี่คิดอะไรก็ไม่รู้” ยูมิหันมาบ่นเพื่อนสาว
“นอน?” พีรพงษ์ถาม
“อืม.... ไม่รู้สิ ฉันตั้งใจว่าถ้ามาที่นี่จะขอนอนอาบแสงพระอาทิตย์ขึ้นเอาไว้แต่แรกแล้วล่ะ” นิชิเอะตอบ
“แล้วยังไง? ผมหมายถึง... แล้วรู้สึกยังไงเหรอ?”
“ได้ทำอะไรที่ตั้งใจไว้ก็สบายใจแล้ว” เธอว่าแล้วก็ยิ้มเหมือนตกอยู่ในฝัน
“เอานี่ ของเธอ” ยูมิบอกเป็นภาษาญี่ปุ่น ยื่นเครื่องดื่มกับอาหารมาให้นิชิเอะรับ

พีรพงษ์รับกาแฟกับแซนวิชของตัวเองบ้าง ขนมปังโฮลสวีทกับชีสแฮมร้อนๆ ส่งกลิ่นหอมเรียกน้ำลาย เขาเดินตามสองสาวกลับมาที่โต๊ะ ซง-ควูนั่งอยู่คนเดียวเพราะทากะเดินไปอ่านป้ายข้อกำหนดการเดินรอบฐานอูยูรู

พีรพงษ์นั่งเงียบๆ หยิบหนังสือที่ติดมาจากเมืองไทยออกจากกระเป๋าสะพายและเปิดอ่านช่วงที่อ่านค้างไว้ ส่งชิ้นแซนวิชหนาเข้าปาก

“อ่านกี่รอบแล้ว?” ยูมิสะกิดก่อนบุ้ยปากไปทางเพื่อนชาวเกาหลี
“ซงเค้าอยากรู้ว่าอ่านกี่รอบแล้ว” เธอบอก

พีรพงษ์หันไปมองซง เขากำลังยิ้มแห้งๆ ตาหยีของเขาปิดสนิท ยูมิชี้หน้าเพื่อนหนุ่มพลางบ่นรัวเป็นภาษาญี่ปุ่น พีรพงษ์คิดว่าคงจะมีความหมายประมาณว่าพูดอังกฤษไม่ค่อยได้ก็ไม่ยอมหัดพูดบ่อยๆ แล้วอย่างนี้จะเก่งขึ้นได้ยังไงหรืออะไรทำนองนั้น เพราะเห็นซง-ควูทำหน้าจ๋อย

“รอบที่... ไม่รู้สิ คงเจ็ดหรือแปดมั้ง” เขาตอบ
“ชอบตอนไหนเป็นพิเศษมั้ย?” ซงเอ่ยถาม ภาษาอังกฤษเขาแย่กว่าที่พีรพงษ์คิดเสียอีก นี่คงเป็นเหตุผลที่เขาไม่ค่อยร่วมวงสนทนา
“ขอนึกก่อนนะ... เอ่อ...” พีรพงษ์เชิดหน้าขึ้นคิด
“อ่านซ้ำถึงตอนไหนอยู่ล่ะ?” นิชิเอะแทรกขึ้นมาในวงสนทนา
“ตอนปู่ให้เงินซาคุซื้อตั๋วไปออสเตรเลีย”
“รหัสของปู่คือวันคริสมาสต์อีฟ!”

หญิงสาวชิงบอกมาอย่างรวดเร็วราวกับกำลังแข่งขันรายการแฟนพันธุ์แท้นิยายเรื่องโปรด แต่มันก็ทำให้ชายหนุ่มรู้ว่าเธอจำเรื่องนี้ได้ดี น่าจะดีกว่าเขาเสียอีก

“เธอจำได้!” เขาร้องประหลาดใจ

พีรพงษ์ทำสีหน้าทึ่ง นิชิเอะยิ้มภูมิใจ ส่วนคนที่เหลือทำหน้างงๆ นิชิเอะเลยต้องหันไปอธิบายกับเพื่อนๆ ด้วยภาษาประจำชาติ คนอายุมากกว่าผู้มาจากเมืองไทยได้แต่หัวเราะเบาๆ

“ใช่... วันเกิดของซาคุทาโร่และวันเกิดของผมด้วย” พีรพงษ์ลอบคิดในใจ
....................

เส้นทางเดินรอบก้อนหินของอูยูรูมีหลายช่วง พวกเขาตัดสินใจจะเดินแค่โดยรอบฐาน ดังนั้นพอรับประทานอาหารมื้อเช้ากันเสร็จ ลุงคนขับจึงพาไปเริ่มที่จุดจอดรถชื่อมาลาพ้อยท์

ทากะเป็นคนรายงานเรื่องระยะทางแก่ทุกคน เส้นทางที่เขาจดมานั้น พีรพงษ์ขอลอกอีกทอดหนึ่งใส่สมุดโน้ตเพื่อเอาไว้เล่าให้หญิงสาวที่เมืองไทยฟัง

“เส้นทางริลู วอล์กจากศูนย์ฯไปมาลาพ้อยท์ 4 กิโลเมตร
เส้นทางมาลา วอล์กไปคานจู จอร์จ 2 กิโลเมตร
เส้นทางอูยูรู เบส วอล์กตอนตะวันออกเฉียงเหนือ ไปคุนิย่า ปิติ
เส้นทางอูยูรู เบส วอล์กตอนใต้ไปคูนิย่า คาร์ปาร์ค 10.6 กิโลเมตร
เส้นทางลองกาตาไปมาลาพ้อยท์ 4 กิโลเมตร
เส้นทางคูนิย่าไปมูติจูลู วอเตอร์โฮล 1 กิโลเมตร”

ในเงื้อมเงาของหินก้อนมหึมา ทางเดินที่ถูกสร้างขึ้นมาแทรกตัวระหว่างพุ่มพันธุ์ไม้นานาชนิดที่เพิ่งผลิใบกับต้นไม้สูงลิ่วที่ไม่ได้ช่วยบดบังความร้อนเลยซักนิด

ทั้งห้าคนเดินกันไปเรื่อยๆ สอดส่ายสายตาดูภาพเขียนของชาวอาร์นอุงอูบนผิวโพรงหิน ลวดลายพวกนี้มีมาแต่เนิ่นนาน เสียแต่ว่าการห้ามถ่ายภาพทำให้ได้แต่ชมด้วยตาเท่านั้น นิชิเอะเลยบ่นเสียดายเบาๆ กับเพื่อนสาว

ระยะทางสั้นๆ ของเส้นมาลา วอล์กอยู่ภายใต้ร่มเงาไม้อะคาเซีย มันไปสุดทางที่คานจู จอร์จ ตรงที่เป็นแอ่งน้ำเชิงเขาซึ่งมองเห็นคราบทางน้ำสีเขียวตะไคร้ไหลลงมาจากยอดก้อนหินอย่างชัดเจน ต่างคนต่างดื่มด่ำบรรยากาศเงียบสงบราวกับอยู่บนดาวเคราะห์ดวงอื่นอยู่พักใหญ่ก่อนชวนกันเดินต่อ

พอเริ่มเดินช่วงอูยูรู เบส เส้นทางนั้นไม่ได้เลาะเลียบไปกับฐานก้อนหินสีแดง แต่ตัดเข้าไปกลางทุ่งราบกว้างสุดลูกหูลูกตา ไม้ยืนต้นสูงแค่พอท่วมหัวไม่เกินสามหรือสี่เมตรขึ้นกันหรอมแหรม พงหญ้าแห้งๆ สูงไม่เกินเข่ากระจายไปทั่วพื้นที่ ทางฝุ่นสีแดงถูกบดอัดไว้จนแน่นทำให้ง่ายต่อการเดิน ทากะกับยูมิเดินนำอยู่ข้างหน้าแต่ก็ล้าหลังกว่าซง-ควูที่เดินนำไปลิ่วๆ พีรพงษ์กับนิชิเอะเดินข้างกันตามหลังทั้งสามคนนั่น

“เล่าเรื่องของคุณให้ฟังหน่อยสิไนท์ซัง” นิชิเอะร้องขอ
“เรื่องของผม?”
“ใช่ เรื่องที่คุณว่าคุณมาเพราะนิยายเรื่องนี้ไง”

ชายหนุ่มหยุดชั่งใจอยู่ชั่วครู่ว่าควรเล่าหรือเลี่ยงไปดี สุดท้ายก็ตัดสินใจเล่าให้เด็กสาวที่ตั้งใจมาที่นี่เช่นกันฟังจนได้

“โอเค ได้... แต่เธอต้องเล่าให้ผมฟังบ้างนะเรื่องละครที่คุณเล่น”
“ตกลง” เธอตอบ

พีรพงษ์เริ่มต้นเล่าจากตอนที่ใช้ชีวิตแยกจากเกม เล่าถึงละครในทีวี หนังสือที่อ่านและที่ตามหามาสะสม เด็กสาวชาวญี่ปุ่นใส่ใจฟังทุกอย่าง เวลาที่เล่าถึงเรื่องราวในละคร เธอจะหลุดคำที่ปรากฏอยู่ในตอนนั้นๆ ออกมาเสมอ บางทีก็เป็นชื่อเมือง บางทีก็เป็นชื่อตัวละคร นอกจากนั้นยังหัวเราะขันเป็นระยะให้กับเรื่องราวของเขา



นรมันร์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 ต.ค. 2556, 19:45:01 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 13 ต.ค. 2556, 19:45:01 น.

จำนวนการเข้าชม : 1042





<< ความเข้าใจที่ไม่เข้าใจ   บทที่ 22 : อูยูรู เบส วอล์ก(2) >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account