Sweet Taste รสหวาน...บันดาลรัก
คนหนึ่งคนออกตามหาผู้หญิงที่มีแต่ความลับเพื่อที่ราคาแพง

คนหนึ่งคนถูกเรียกมาให้ปกป้อง ไม่ให้แผนการขายที่สำเร็จ

คนหนึ่งคนยังสนุกกับการเดินทาง แต่ไม่รู้ทำไมชีวิตถึงเริ่มวุ่นวายเมื่อมาถึงปักกิ่ง สถานที่สุดท้ายที่จะมาก่อนเธอกลับไทย

คนหนึ่งคนเติบโตมาในครอบครัวใหญ่ถูกเลี้ยงมาเป็นคนงานในบ้าน ทั้งที่เจ้าตัวรู้ว่าใครเป็นพ่อ แต่เพราะครอบครัวจะทำร้ายคนอื่น เธอจึงไม่อยากให้พ่อหย่อนขาไปในนรก

คนหนึ่งคนมีแต่ความแค้น ปลูกฝังในหัวไม่สิ้นสุด รู้แค่ว่าเกลียด และต้องทำลาย

คนห้าคนในวังวนใกล้กัน ผจญอันตราย และเรื่องราวสุดจะคาดเดา กลับมีความหวานก่อเกิดขึ้นทีละนิดในใจของแต่ละคน...มารู้ตัวอีกที ความรัก ก็เกิดขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
Tags: Sweet รสหวาน ภีม พรพิรุณ ปุณณ์ แพรระพี

ตอน: รู้เขารู้เรา

ดนตรีแจ๊สบรรเลงภายในห้องอาหารหรู หญิงในชุดราตรีลากยาวสีน้ำเงินเดินหลังตรง หน้าเชิดติดจะหยิ่ง ถือกระเป๋าเดินเข้ามา สายตาจากแขกในร้านต่างเหลียวมองกันอย่างสนใจ ในประเทศไทยนาทีนี้คงไม่มีใครไม่รู้จักแพรระพี สาวสังคมชั้นสูง มากความสามารถ ทายาทคนสำคัญของตระกูลธวัชเดชา ซึ่งถือเป็นคู่แข่งคนสำคัญทางธุรกิจกับทางเดชอนันต์สิทธิ์ แม้ทางนั้นจะไม่เหลียวแลคนทางตระกูลนี้เลยก็ตาม

บนโต๊ะริมกระจกบานใหญ่เผยวิวทิวทัศน์ริมแม่น้ำเจ้าพระยายามค่ำ มีใครคนหนึ่งนั่งรออยู่ก่อนแล้ว และเพียงแค่เห็นว่าวันนี้ใครมาพบตนหนุ่มนักสืบถึงกับมองตาค้าง

ผิวเนียนละเอียด ขาวราวกับหิมะ ดวงตาเรียวยาว จมูกโด่งปลายรั้น ปากแดงจัดเด่นสะดุดตา ความสวยยากหาใครมาเปรียบได้ยลโฉมให้คนทั่วไปเห็นเป็นบุญตา

“ได้ข่าวอะไรมาบ้างไหมคุณนักสืบ” เดินมานั่งบนเก้าอี้ หลังตรงแหน่ว สายตาจ้องคู่สนทนาไม่วาง “หวังว่าเรียกฉันออกมาคงไม่ใช่รายงานว่าคว้าน้ำเหลว”

“เปล่าเลยครับ” ละล่ำละลักตอบ

“รีบๆ รายงานมาเถอะ เวลาของฉันเป็นเงินเป็นทอง”

คนมองลอบกลืนน้ำลาย ก็ขนาดเจ้าตัวนัดมา ยังนัดหลังจากเสร็จสิ้นงานเลี้ยง “ที่ตรงนั้นทางเดชอนันต์สิทธิ์มีวี่แววว่าจะขายให้กับคุณภีมครับ”

“ภีม ภีมไหน” แพรระพีขมวดคิ้วสงสัย ในแวดวงเดียวกัน เธอไม่เคยรู้จัก

“เขาเป็นเจ้าทางธุรกิจหอพักครับ กำลังคิดจับธุรกิจด้านคอนโดมิเนียมดูบ้าง ที่สำคัญเป็นเพื่อนกับทางคุณปัณณ์ งานนี้ทางนั้นคงยอมขายให้คุณภีม”

ข้อมูลภายในที่แพรระพีจำเป็นต้องใช้สายสืบส่วนตัวมากกว่าการเปิดหน้ากากสู้กัน และเป้าหมายของเธอคือที่ในมือของศัตรู ที่ผืนทอง ที่ตระกูลของเธอต้องสูญเสียให้ทางนั้นไปด้วยธุรกิจเป็นพิษต้มยำกุ้งในปีสี่ศูนย์ ถึงทางดีเอสจะยื่นมือเข้าช่วย แต่เมื่อธวัชเดชาหายดี ของที่เป็นของตระกูลก็ต้องเอาคืน

ขนาดขอซื้อคืนด้วยราคามากกว่าเดิมสามเท่า ทางนั้นก็ไม่คิดขาย

แพรระพีนิ่งคิด รำลึกเผื่อส่วนของสมองเคยรู้จักคนที่กำลังได้ที่ตรงนั้นไป

ภีม หอพักอย่างนั้นเหรอ แสงเรืองรองคล้ายเริ่มแจ่มชัดในความทรงจำ หลานชายคุณภาส ผู้ทำธุรกิจหอพักสำเร็จที่สุดในอดีต เด็กชายตัวอ้วนที่เคยมาชอบเธอ

“หมูภีม” ปากแดงจัดรำพึงรำพัน รอยยิ้มสมใจอยาก “รู้ไหมว่าคุณภีมอยู่ที่ไหนในตอนนี้”

“ขอเวลาผมตรวจสอบ พรุ่งนี้คุณแพรระพีจะรู้ทันทีครับ”

“ดีมาก”

หยิบเงินปึกหนึ่งจากกระเป๋าถือส่งให้นักสืบวัยกลางคน ลุกขึ้นยืนโดยไม่ต้องบอกกล่าว หญิงสาวจำได้ว่าคำพูดสุดท้ายของเธอในอดีตต่อภีมคือ ‘อ้วนเป็นหมูตอนแบบนี้ยังคิดจะแบ่งอาหารหมูมาให้อีกเหรอ เก็บไว้กินเองเถอะ’

เด็กอ้วนตัวกลมในอดีต จะเปลี่ยนไปมากขนาดไหนกัน...ชักอยากรู้ซะแล้วสิ


พรพิรุณเขยิบตัวเข้าหาไออุ่น รู้สึกสบายอย่างบอกไม่ถูก เหมือนได้นอนอยู่บ้าน ดวงตาหลับพริ้ม ฝันถึงการได้ทำขนมอยู่ในร้านคุณตาที่เธอจากมาเนิ่นนาน ร้านที่อยู่ในความดูแลของกริน ญาติห่างๆ ของเธออีกคน

ว่าแต่ หมอนของเธอมันแข็งขึ้นหรือเปล่า ดูเป็นลอนๆ ด้วย พรพิรุณลืมตาขึ้นมาข้างหนึ่ง รู้สึกตัวเองขยับมาชิดคนตัวโตตรงนี้ได้อย่างไร ที่สำคัญ ไอ้ศีรษะชนกัน...มันคืออะไร

หรือเธอจะมาซบเขา ไม่มีทาง พรพิรุณค่อนข้างมั่นใจว่านิสัยการนอนของเธอไม่ดิ้น ไม่ไปซบใครอย่างนี้แน่ ออกจะรังเกียจการสัมผัสตัว หรือโดนตัว โดยเฉพาะกับคนแปลกหน้า

เคลื่อนตัวออก กลับไปนั่งชิดอีกฝั่งที่ตัวเองสบายใจมากที่สุด ถึงจะรู้สึกสบาย แต่กับคนแปลกหน้าทำให้พรพิรุณสบายใจได้ไม่ลง ปรับเอนเบาะที่นั่งให้กลายเป็นนั่งเอนปกติ ที่กั้นระหว่างที่นั่งช่วยบังใบหน้าของภีมไปได้เยอะ

“ตื่นแล้วเหรอ” คนที่ตื่นมาได้พักใหญ่แล้ว แต่ไม่อยากเคลื่อนไหวตัวเองมาก ยอมทนให้แขนข้างหนึ่งชา เพราะกลัวพรพิรุณจะตื่นมาอาละวาด แต่จากสภาพสมประกอบของตน พ้นการทำร้ายของเจ้าหล่อน แขนชาข้างหนึ่งก็คุ้มค่าล่ะ

พรพิรุณส่งเสียงฮึขึ้นจมูก ติดจะหมั่นไส้ด้วยซ้ำ เห็นว่าเจ็บเพราะเธอมาเยอะหรอกถึงไม่อยากฝากรอยแผลเพิ่ม

“กินอะไรก่อนสิ” ไม่พูดเปล่าภีมร้องบอกแอร์โฮสเตสว่าขออาหารสองที่ อาหารน่าทานถูกนำมาเสิร์ฟ แต่พรพิรุณยังไม่รู้สึกหิวนัก นั่งมาได้เกือบสิบชั่วโมง ก่อนขึ้นเธอก็ทานอาหารที่เลาจ์มาแล้วเรียบร้อย ขึ้นมาก็มีแค่นั่งๆ นอนๆ ยังไม่ทำอะไรเท่าไหร่

อาหารถูกวางเรียบร้อย รวมทั้งชะโงกหน้ามามองด้วยรอยยิ้มกวน “นี่คุณ กินกุ้งอบซอสมัสตาร์ดนี่สักหน่อยสิ อย่างน้อยจะได้ไม่หิวตอนเครื่องลง คุณยังต้องออกไปทำธุระกับผมต่อ”

มือที่กำลังหยิบหูฟังสวมชะงัก ยอมผินหน้าสบตาคนออกคำสั่งใส่เธอ แค่นั่งข้างกันก็รู้สึกโชคร้ายมากพอ ลงจากเครื่องเธออุตส่าห์จะรีบหนีเขาให้พ้นๆ หน้ายังสูญเปล่าอีก รู้อย่างนี้ขอเปลี่ยนที่นั่งไปนั่งที่อื่นแต่แรกก็ดี ถ้าเผอิญว่าใครแถวนี้ไม่ขึ้นเครื่องช้าล่ะก็

“จะไปไหนอีกล่ะ คิดว่ามีธุระอยู่คนเดียวหรือไง”

นิ้วชี้ด้านซ้ายที่ถูกดามไว้ชั่วคราวชูขึ้น “ธุระของผมที่คุณต้องรับผิดชอบไง”

“ก็สมควรโดน” หยิบส้อมจิ้มกุ้งตัวโตตรงหน้าเข้าปาก กุ้งเย็นๆ ไม่ค่อยถูกปากเท่าไหร่นัก แต่เพราะไม่อยากต่อความยาวกับคนชอบหาเรื่อง

“ป้อนหน่อย”

“อะไรนะ!”

“เจ็บนิ้ว กินไม่ได้ พอดีผมถนัดมือซ้าย”

“หือ” พรพิรุณทำเสียงสูงไม่เชื่อถือ เห็นผู้ชายตัวโตกำมีดตัดแซลม่อนในจานแบบทุลักทุเล “ดื่มน้ำสิ ไม่ต้องกินหรอก แล้วขอโทษนะ ทำไมไม่สั่งอะไรที่กินง่ายๆ อย่างกุ้งเนี่ยทำไมไม่สั่ง ให้เรียกแอร์มาหั่นให้ดีกว่า ฉันไม่ทำให้หรอก” พูดจบพรพิรุณรีบเรียกสจ๊วตมาทำหน้าที่แทน สั่งงานเสร็จสรรพ ส่วนตัวเองจิบน้ำส้มสบาย แสยะยิ้มใส่ภีมที่กำลังแยกเขี้ยวกับวิธีการเอาคืน

สจ๊วตหนุ่มตาฟ้าทำไปได้หน่อย ภีมถึงทนไม่ไหว บอกเอาแบบที่สั่งมาให้พรพิรุณ

“เดี๋ยวค่ะ เดี๋ยวฉันกินแซลม่อนเอง ขอบคุณที่ช่วยหั่นให้นะคะ เกรงใจจริงๆ” พรพิรุณเอื้อมมาหยิบจานซาชิมิแซลม่อนมาวางตรงหน้า ปล่อยให้ภีมอ้าปากค้าง

“ของกินดีๆ สั่งมาแล้วก็ต้องกินให้หมด”

“กินลงด้วยเหรอ”

“มันยังไม่เข้าปากคุณนี่ อีกอย่าง รสชาติหวานๆ เนื้อปลานี่อร่อยกว่ากุ้งเย็นๆ นั่นเยอะ” จงใจยื่นชิ้นแซลม่อนไปใต้จมูกคนสั่งกะยั่ว แต่ภีมกลับงับเนื้อปลาหวานๆ หลับตากับรสหวานธรรมชาติ

โชคดีที่มันหวานธรรมชาติ ถ้าหากรสตรงหน้าหวานด้วยการปรุงแต่ง ภีมอาจอาเจียนกลางเครื่องบิน

“อร่อยมาก เอาอีกได้ไหม”

พรพิรุณมองส้อมในมือที่ถูกภีมงับไปเต็มปากเต็มคำอย่างรังเกียจ กำลังปล่อย มือข้างขวาของเขาตะครุบมือเล็กไว้แน่น “วรรษ”

“ไอ้โรคจิต”

“ป้อนครับ”

“ขอให้พิการจริง” จิ้มเนื้อปลาแบบกระแทกกระทั้น ส่งเข้าปากของภีม กระแทกใส่ฟันขาวดังกึก แอบเสียดายที่มุมแหลมของส้อมไม่จิ้มโดนเหงือกแดงนั่นด้วย ท่าทีไม่รู้สึกรู้สา เคี้ยวปลาแบบสบาย ขัดลูกกะตาพรพิรุณเป็นที่สุด

ผ่านไปสักพักอาหารตรงหน้าก็เรียบ พรพิรุณเองเริ่มรู้สึกหิวขึ้นมาตั้งใจสั่งเบเกอร์รี่จากทางเครื่องบิน ใครแถวนี้ก็ขัดขวางเสียก่อน

“ฉันอยากกิน ปากก็ปากของฉัน”

“ไม่ วรรษ” ชื่อวรรษออกจากปากภีมเมื่อใด บอกถึงการข่มขู่ของเขา พรพิรุณกัดฟันกรอด ยอมแพ้ให้อย่างจำยอม บอกไม่รับอาหารเพิ่ม

“เมื่อไหร่ที่คุณจะพอใจ เลิกเอาความลับฉันมาขู่ซักที”

ภีมทำท่าคิด เริ่มรู้สึกอยากปราบคนร้ายกาจสักตั้ง “จนกว่าผมจะพอใจ แล้วถึงบอกความต้องการของผม ดีไหม” ลอยหน้าลอยตาตอบ

“บอกมาซะตรงนี้ ถ้าฉันทำได้ ฉันจะทำ ยกเว้นให้ฉันหักหลังสวีทเมจิก ฉันไม่ทำแน่นอน”

ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอ วันใดที่พรพิรุณจำเขาได้ล่ะก็ คงรู้ว่าเขาไม่มีทางทรยศเพื่อนพ้องน้องพี่อย่างเด็ดขาด “ก็ไม่แน่ ถ้าวันนั้นคุณโดนบีบเข้ามากๆ สุดท้าย คุณก็คงเลือกชีวิตสงบของตัวเองมากกว่าเพื่อนพ้องว่าไหม”

“คิดยังไงก็เชิญ แต่ฉันคิดว่าถ้าเป็นสุภาพบุรุษจริงคงไม่เอาจุดอ่อนผู้หญิงมาข่มขู่เพื่อให้ได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ อย่างว่าเลือดในตัวคุณคงเป็นสีม่วง ให้ฉันเปิดเพลงไอวิวเซอร์วายไหม เผื่อจะอยากออกกำลังกายยามเช้า”

“ออกอย่างอื่นดีกว่า” ทำเสียงเบาพยายามเยี่ยมหน้ามาใกล้ แต่พบว่าอาวุธอย่างหนึ่งที่พรพิรุณไม่ยอมคืนพนักงาน แต่กลับห่อกระดาษทิชชู่ไว้อย่างดีทำให้ภีมกลับไปรักษาระยะห่างเท่าเดิม

“นึกว่าอยากให้ฉันปฐมพยาบาลอีกสักรอบ อย่าคิดว่ามีเรื่องขู่ฉัน แล้วฉันต้องยอมไปทุกเรื่องนะ”

ภีมหัวเราะจืดเจื่อน ความโหดของพรพิรุณยิ่งรู้จักยิ่งมีมากขึ้น ถ้าใครได้อยู่กับเจ้าหล่อนไปตลอดชีวิต ไม่ต้องเปลี่ยนร่างจากคนไปเป็นกระสอบทรายหรือไง...ต้องเป็นรุ่นทนมือทนเท้าด้วย


“คนโรคจิต” พรพิรุณด่าภีมตามที่รู้สึกแบบนั้นจริงๆ มีอย่างที่ไหนมาบังคับให้เธอเปลี่ยนการแต่งกายเป็นวรรษหลังจากที่ออกมาจากด่านตรวจแล้ว หมวกไอวี่ปิดบังผมยาวไว้หมด ดวงหน้าซีดเซียวไร้การเติมแต่งกลายเป็นคนหน้าซีดไปโดยปริยาย

“เดี๋ยวมีสาวเดินอยู่ข้างๆ แล้วสาวจีนเลิกมองผมจะยุ่งเอา”

“คิดอย่างนั้นจริงเหรอฮะ พี่ภีม”

ชายตัวสูงโย่ง ตาเล็กแหลม ผมยุ่งไม่เป็นทรง เหนือริมฝีปากไว้หนวดรำไร สวมชุดลำลอง หิ้วแตะ สะพายเป้ข้างเดียว ยิ้มกวนส่งมา “คุณอุ่นจำผมได้ไหม” เดินมาหยุดตรงหน้าร่างผอมเพรียว แม้พรพิรุณพยายามสวมชุดโคร่ง และพรางรูปหญิงเต็มที่ก็ตาม

“น้องชายพี่ปั้น คุณปูน”

ปุณณ์ดีดนิ้ว ทำหน้าแสนภูมิใจ “ขนาดผมเปลี่ยนไปตั้งเยอะยังจำกันได้ น่าดีใจจริงๆ ว่าแต่มายังไงไปยังไงถึงมากับพี่ภีมได้ครับเนี่ย พี่ภีมไม่ทำงานทำการเหรอครับ” คำพูดออกแนวไล่ แต่คนฟังไม่ได้รู้สึก

“ทำอยู่ นายเถอะมายังไง ได้ข่าวว่ากำลังทำวิจัยทางทะเลอยู่ญี่ปุ่น” คนตอบหน้าบึ้งน้อยๆ พยายามให้พรพิรุณจำตนได้แทบตาย เจอหน้าปุณณ์ในสภาพใหม่แค่แวบเดียวยังจำได้ จากวันนั้นถึงนี้เขาเองต่างหากที่ไม่เปลี่ยนแปลง

“ช่วงพักของผมพอดีครับ เลยอยากมาเที่ยวที่ปักกิ่งสักหน่อย ไม่ไกลจากกัน โลกมันกลมจริงๆ”

แน่นอนว่าโลกมันกลมได้เพราะมีอิศยาขีดเส้นนำมา...

“ว่าแต่คุณอุ่นแต่งแบบนี้ทำไมครับ กลัวใครจำได้เหรอ”

พรพิรุณเหลือบตามองคนต้นคิด กลอกตาเบื่อ “คุณปูนต้องถามจากคนแถวนี้ค่ะ จริงสิ คุณปูนสนใจไปโรงพยาบาลด้วยกันไหมคะ”

“ไม่!”

“สนครับ”

คนค้านไม่สำคัญเท่าคนถูกถาม พรพิรุณยิ้มยินดี มองคนเจ็บทางหางตา “เพื่อนพี่ชายคุณปูนคงต้องการคนดูแลเพิ่มน่ะค่ะ ถ้าว่างก็ช่วยไปด้วยกันนะค่ะ เดี๋ยวโรคสำออยเขากำเริบแล้วฉันจะเหนื่อย จริงไหมตุ๊ด” ยักคิ้วถาม ยิ้มเป็นต่อ

ภีมชะงักไปชั่วครู่ ทบทวนใจความประโยคของพรพิรุณ จับแขนเล็กด้วยมือข้างที่ไม่เจ็บไว้มั่นไม่ยอมให้ออกเดิน สายตาคาดคั้น

“ตั้งแต่เมื่อไหร่”

“อะไรอีก”

“คุณจำผมได้แล้ว ใช่ไหม”

พรพิรุณยิ้มเย้ย จ้องกลับ คราวนี้มีร่องรอยของคนรู้ทันบ้างแล้ว “คุณรู้ความลับฉัน ฉันก็รู้ความลับคุณ วันใดที่คุณยุ่มย่ามความลับฉัน วันนั้นเตรียมฉันเอาขนมหวานไปยัดให้ถึงปากได้เลย ในชีวิตนี้มีคนเดียวที่ฉันเคยเจอแล้วขยะแขยงขนมหวาน ก็คุณไง ขอบคุณนะที่ไม่ให้ฉันสั่งขนมหวานมากิน ฉันถึงจำได้”

ภีมปล่อยแขนของคนที่ตนคิดว่าปราบได้อยู่หมัดเหมือนถูกน็อคกลางอากาศ แพ้ตั้งแต่ยังไม่ทันเริ่ม

“คุณไม่กล้าหรอก”

“ถ้าความลับของฉันหลุดไป คนแรกที่ฉันสงสัยจะเป็นคุณ หุบปากให้สนิท แล้วก็ทำตัวเป็นคนเจ็บที่เจียมตัว ไม่อย่างนั้น ทุกครั้งที่คุณต้องการข่มขู่ฉัน ฉันจะเอาขนมหวานมาฝากคุณ”

ปุณณ์ฟังมานานยิ้มกริ่ม มีเรื่องน่ายินดีไปรายงานให้คนทางประเทศไทยได้โห่ร้อง “ว่าแต่ทำไมต้องไปโรงพยาบาลครับ มีใครเป็นอะไรหรือเปล่า พี่ภีมป่วยเป็นอะไรครับ” แสร้งถาม ทั้งที่เห็นเต็มตาว่าสภาพของภีมดูไม่ค่อยเต็มร้อยนักหรอก

“ไปฟัดกับหมามา” คนเจ็บตัวกัดฟันตอบ และต้องยอมหุบปากให้สนิท

“คุณปูนคะ ฉันได้ยินว่าที่ปักกิ่งมีร้านเบเกอร์รี่อร่อยๆ เยอะ เราแวะสักนิดก็ไม่เสียหายใช่ไหม”

ปุณณ์เดินตามหลังคนสองคน ปล่อยให้คุมเชิงกันเองอย่างสนใจ เรื่องงานเขาอาจจะร่วมมือกับอิศยาช่วยขวางให้ แต่ถ้าเรื่องไม่เชียร์คนคู่นี้เห็นทีจะยาก เคมีตรงกันขนาดนี้ เคยช่วยสำเร็จคู่พี่ชายมาแล้วครั้ง ช่วยคู่นี้อีกสักครั้งนอกเหนืองานที่ได้รับมาคงแก้เบื่อไปได้มาก

ขอแค่อย่ามีมารมาผจญทำให้เรื่องยุ่งมากไปกว่านี้ก็พอ

“โอ๊ย!” เสียงร้องห้าวดังขึ้น ยืนกระโดดโหยงเหยง สะบัดมือไปมา ส่วนพรพิรุณยืนยิ้มสะใจกับผลงานเหยียบเท้าคน หมั่นไส้ที่บังอาจกล้ายกความลับของเธอมาขู่

สภาพแบบนี้ยังไม่รู้จักเจียม

“โดนใครฟัดอีกครับพี่ เห็นทีต่อจากนี้คงจะเจ็บตัวอยู่บ่อยๆ”

“นายแช่งพี่เหรอเจ้าปูน” ภีมหน้าหงิก

“ผมน่ะหมอดู แม่นด้วย แค่เตือนๆ ไว้ ให้เพลาๆ สิ่งที่คิดจะทำ”

“นายจะแข่งเจ็บตัวกับพี่หรือไง”

ปุณณ์ยิ้มเจ้าเล่ห์ หัวเราะในลำคอ “ผมมั่นใจว่าวิธีการของผมจะไม่มีการเสียเลือดเสียเนื้อฟรีๆ แบบพี่ภีมหรอกครับ แข่งเจ็บตัวกันจริงผมก็คงแพ้ แต่ถ้าแข่งชนะใจคุณอุ่น ผมว่าผมไม่แพ้หรอก” ตบไหล่คนเจ็บตัวอ่วมคล้ายปลอบใจ วิ่งเหยาะตามร่างที่เดินเร็วจวนถึงประตูทางออก

ภีมกัดฟันกรอด เหมือนโดนกระตุกหนวดจากเด็กเมื่อวานซืน เสือเจ้าชู้อย่างเขาต้องทำให้สาวรัก แล้วก็เขี่ยทิ้ง พรพิรุณเองก็ทำกับเขาไว้เยอะ ถึงหน้าตาจะไม่ได้สวยจัดจ้านเหมือนหญิงที่เขาเคยควง แต่นิสัยร้ายกาจแบบนี้ เท่าที่ผ่านมาก็ยังไม่เคยเจอ

ให้มาเป็นเป้าหมายรายต่อไปก็ไม่เสียหาย

“คอยดูเถอะเจ้าปูน ว่าเสืออย่างฉันจะแพ้ปลาทะเลแบบนาย”

เสียงรองเท้าส้นเข็มดังกระทบพื้นเข้ามาใกล้ ภีมหันไปมองตามสัญชาตญาณ ในใจคิดว่าหน้าตาของผู้หญิงคนนั้นคงจะหอมเหมือนกลิ่นน้ำหอมจากฝรั่งเศสที่เจ้าตัวใช้ ลึกล้ำ แฝงความเลอค่า

และหญิงสาวคนนั้นก็ทำให้คนมองตะลึงงันจริง

“ดีใจที่ได้เจอกันอีกครั้ง หมูภีม”

รุ่นพี่...แพรระพี ผู้หญิงใจร้ายคนนั้น

.................................................................
จำได้สักที งานนี้ต้องเอาจุดอ่อนของภีมมาใช้ให้เป็นประโยชน์ พาแพระพีมาเปิดตัวค่ะ // ตอนแรกเป็น แพระพี คุณ sai ทัก รู้สึกมองผ่านๆ อาจเป็นแพะผีก็ได้ เลยเบิ้ลรอเรืออีกตัวหนึ่ง เป็น แพรระพี ไม่รู้จะช่วยอะไรไหม ถือว่าใช้ไปก่อนชั่วคราว ^_^
คุณ ร้อยวจี ปูนเปิดตัวแล้ว มาดใหม่หนุ่มเซอร์ ไม่รู้ถูกใจใครบ้าง แล้วก็เปิดตัวแพระพีอีกคน สวยไฮโซค่ะ
คุณ ปรางขวัญ ดีใจที่ชอบอุ่นนะคะ ชอบมาตั้งแต่เรื่องของหนูย่าด้วย น่าปลื้มมาก พล็อตอันแรกเลยเกือบทำอุ่นเป็นตัวร้าย แล้วไม่มีองศา แต่พอเป็นพล็อตจริงๆ เกิดอยากสร้างตัวละครแบบมีปม อุ่นเลยรอดพ้น
คุณ icewinter จำได้แล้ว และจะเริ่มทันภีมมากขึ้นแน่นอนค่ะ
คุณ ใบบัวน่ารัก โหดมันจูบไหม ไม่รู้ แต่พี่ภีมอ่วมตั้งแต่บทแรกจนถึงตอนนี้ ฮา อุ่นเขาโหดใส่ ภีมก็กวนน้ำให้ขุ่นตลอด
คุณ OhLaLa ย่าส่งปูนมาขวางทางภีม แต่สงสัยจะกลายเป็นคนชงแทนหรือเปล่า ก็ไม่รู้สินะ...
คุณ นักอ่านเหนียวหนึบ ย่าส่งมาคานอำนาจภีมค่ะ ฮ่าๆๆ หัวเราะอย่างโรคจิต
คุณ sai โดนเยอะๆ ก็เริ่มสงสารภีม แต่ทำตัวน่าโดนจริง ก็เลยโดนๆ ไปนะภีม

ขอบคุณทุกเมนท์ ทุกไลค์ นะคะ และคนที่มาอ่านคนอื่นๆ ด้วย :D พาตัวร้ายตัวใหม่มาเปิดตัว ตัวร้ายที่สวยกว่านางเอก เอ๊ะ ฮา




ปวรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 ต.ค. 2556, 05:47:55 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 ต.ค. 2556, 10:41:03 น.

จำนวนการเข้าชม : 1703





<< คนน่าปราบ   จูนติด >>
sai 14 ต.ค. 2556, 06:51:56 น.
ตัวเอง เค้าขอสารภาพว่าอ่านชื่อแพระพีว่า แพะ พี อ่ะฮ่าตะวเองง่ะ


ใบบัวน่ารัก 14 ต.ค. 2556, 07:14:34 น.
หมูภีมจักการความหลังสมัยเป็นหมูก่อนนะ
แล้วค่อยมาทะเลาะกะอุ่นใหม่ นนนนนนะ


OhLaLa 14 ต.ค. 2556, 09:59:32 น.
อุ่นกับภีมนี่เคมีตรงกัน ปูนขยันจับคู่คนโน้นคนนี้ อยากรู้จริงๆ พอถึงเรื่องตัวเองจะเป็นยังไง แพระพีคืออดีตที่เจ็บปวดของภีมหรือเนี่ย


นักอ่านเหนียวหนึบ 14 ต.ค. 2556, 19:58:09 น.
เปิดตัวคู่ใหม่ด้วยป่าว คิๆๆๆ


ร้อยวจี 14 ต.ค. 2556, 23:00:21 น.
นางมารออกมาแล้ว มาต่ออีกนะคะ อยากรู้ว่านายำีมจะทำไง สนุกค่ะ


icewinter 14 ต.ค. 2556, 23:30:31 น.
แพระพี รอดูเทอคนนี้ค่ะ มาป่วนไรอีกมั้ย


ผักหวาน 21 พ.ย. 2556, 14:35:42 น.
สลับคู่กันแล้ว อิอิ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account