เพียงใจเจ้าเอย
หัวใจพี่ไม่อาจมอบให้ใครอื่นได้ เพราะเจ้าจับจองมันไว้ทั้งดวงแล้ว

พี่ไม่ต้องการใจของใคร นอกจากใจของเจ้า
เพียงใจของวดีเท่านั้นที่พี่ปรารถนา
เพียงหนึ่งใจของเจ้าเท่านั้นที่พี่เฝ้าคอย
Tags: รักโรแมนติก,เจ้าหญิง,เจ้าชาย

ตอน: บทที่ ๒.๑


ขอบคุณที่รอเรื่องนี้ค่าา มาลงให้ครึ่งบทก่อน อีกครึ่งบทลงเดือนหน้านะคะ ^_^



คำขอของฟ้าหญิงอุษาวดีไม่เป็นผล เมื่อหนึ่งเดือนถัดมาฟ้าชายผอมแห้งแรงน้อยพระองค์นั้นยังปักหลักประทับอยู่ที่นี่ เฝ้าร่ำเรียนและตักตวงวิชาความรู้จากท่านลุงวิษ ท่านลุงธา และเสด็จฯอาบดินทร์ แถมยังดูมีความสุขสำราญดีแม้จะทรงไม่เคยคุ้นกับอากาศของที่นี่ก็ตาม

ฟ้าหญิงพระองค์เล็กไม่แน่พระทัยว่าที่ทรงสำราญนั้นเพราะโปรดปรานในการเรียน หรือได้ใช้เวลาทำความสนิทสนมกับพี่หญิงของพระองค์กันแน่

วันนี้ก็เช่นกันหลังจากเสร็จจากการเรียนกฎหมายในช่วงเย็น ก็ทรงมีเวลาว่าง...มากพอที่จะเสด็จฯมายังวนอุทยานซึ่งตั้งอยู่ระหว่างตำหนักหน้าและตำหนักใน ฟ้าชายชลธิศธราดลทรงทราบดีอยู่แล้วว่าฟ้าหญิงคคนางค์มักจะมาชมธรรมชาติ หรือไม่ก็อ่านหนังสือที่โปรดปรานสักเล่มในบริเวณใดบริเวณหนึ่งภายในวนอุทยานอันกว้างขวางแห่งนี้

วรองค์สูงสาวบาทเหยียบย่ำลงบนผืนหญ้าชุ่มฉ่ำ ฉลองพระองค์มีน้ำเงินเข้มตัดกับต้นไม้ใบหญ้าจนสะดุดเนตรคนที่กำลังนั่งกัดลูกแอปเปิ้ลอยู่บนต้นไม้ใหญ่เหนือพระเศียรอย่างเอร็ดอร่อย

...เห็นวรองค์เก้งก้างทีไร ฟ้าหญิงอุษาวดีก็ทรงอยากแกล้งนัก ไม่รู้ว่าเป็นเพราะพระพักตร์ดุๆ แววเนตรเคร่งขรึมเรียบเฉย หรือเพราะท่าทางวางอำนาจใหญ่โตไม่ทราบได้

วรองค์เล็กกัดแอปเปิ้ลจนเหลือเพียงแกนกลาง ขณะสองเนตรยังจับจ้องคนที่หันซ้ายหันขวาหาใครสักคนอย่างไม่ยอมละสายพระเนตรไปไหนเลย พลันที่เคี้ยวหมด แกนแอปเปิ้ลในพระหัตถ์เล็กก็ลอยหวือลงไปเบื้องล่าง เป้าหมายของมันคงจะไม่พ้นพระเศียร หรือพระนลาฎของฟ้าชายชลอย่างแน่นอน

คนตัวเล็กยกสองหัตถ์ปิดพระโอษฐ์ขององค์เองไว้ เพื่อไม่ให้เสียงพระสรวลดังเข้าพระกรรณของอีกฝ่ายไปเสียก่อน

ก็แหม...ถ้าพลาดครั้งนี้ ก็อดเห็นพระเนตรดุๆและพระขนงที่ขมวดจนแทบเป็นปมน่ะซิ!

ฟ้าหญิงอุษวดีสรวลคิกคักทันควัน เมื่อเห็นแกนแอปเปิ้ลลูกนั้นตกกระทบกลางพระเศียรขางฟ้าชายจากต่างแคว้น...ผู้ซึ่งทำท่าว่าจะ ‘ยึด’ พี่หญิงของพระองค์กลับคิมหันต์นครไปด้วย

ตุบ!

วรองค์สูงผอมสะดุ้งเล็กน้อย หากไม่ได้ส่งเสียงตกพระทัย หรืออุทานแต่อย่างใด ทรงหลุบพระเนตรมองสิ่งที่ร่วงหล่นจากพระวรกายตกลงบนผืนหญ้า นจากนั้นจึงก้มองค์ลงหยิบมันมาถือไว้ในอุ้งหัตถ์ พระเนตรเรียบเฉยพลันสว่างวาบขึ้นมาเมื่อพอจะเดาได้ว่าคนที่ ‘ประทุษร้าย’ พระองค์เป็นใคร

...มีเพียงคนเดียวในสิขเรศที่กล้าทำเช่นนี้...เจ้าตัวยุ่ง!

‘เด็กหญิงร่างป้อม’ ที่หาเรื่องหาราวกับพระองค์มาตลอดหนึ่งเดือน ไม่หาทางแกล้ง ก็สรรหาถ้อยคำมา ‘กวน’...ไม่รู้เหมือนกันว่าทรงไปทำอะไรให้ไม่พอพระทัยนักหนา ช่างผิดกับพระพี่นางลิบลับ ฟ้าหญิงคคนางค์นั้นข่างอ่อนหวานเรียบร้อย งดงามในทุกอิริยาบถ หนำซ้ำยังหยิบยื่นมิตรไมตรีให้พระองค์เป็นอย่างดีอีกด้วย

ฟ้าชายชลเหลียวซ้ายแลขวามองหา เมื่อไม่พบก็ทรงเงยพักตร์ขึ้นมาเบื้องบน และก็จริงดังคาดเมื่อวรองค์เล็กป้อมกำลังแย้มสรวลอย่างเบิกบานพระทัยบนกิ่งไม้ขนาดใหญ่

“ทรงทำร้ายหม่อมฉันอีกแล้ว” รับสั่งพลางสาวบาทเข้าไปใกล้

“หม่อมฉันไม่ได้ทำร้ายเพคะพอดีว่ามัน...หลุดมือ!”

คำแก้ตัวน้ำขุ่นๆ!...ฟ้าชายชลขบพระทันต์แน่นก่อนขว้างแกนแอปเปิ้ลในหัตถ์ทิ้งไป จากนั้นจึงทรงออกคำสั่ง

“หญิงวดี...ลงมาเถอะ ข้างบนอันตราย!”

ถึงอย่างไรฟ้าหญิงอุษาวดีก็ยังเล็กนัก พระองค์โตกว่าก็ควรจะต้องดูแล ห้ามปราม สั่งสอนในยามที่ทรงทำผิด หรือแม้แต่กระทำสิ่งใดที่สุ่มเสี่ยงต่อการบาดเจ็บ พระองค์ก็สมควรห้าม

...ทูลหม่อมพ่อทรงสั่งสอนอยู่เสมอว่า...อย่าเจ้าคิดเจ้าแค้นกับใครๆ แม้คนคนนั้นจะทำเรื่องเลวร้ายต่อองค์เองก็ตาม...

“ไม่ต้องยุ่งน่า เรารู้ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่”

ถ้อยรับสั่งอวดดีจนคนเป็นห่วงชักอยากจับมาตีให้เข็ดหลาบ

“ลงมาเดี๋ยวนี้เลย ไม่เช่นนั้นหม่อมฉันจะปีนขึ้นไปลากลงมา”

คำว่าลากทอดยาว เน้นหนัก ขณะคนตัวเล็กทำพระโอษฐ์ยื่นยาว

“ใครจะให้ลากได้ง่ายๆล่ะ เราไม่ยอมหรอก!”

คนตัวสูงถอนพระอัสสาสะ อยากจะเลิกล้มความตั้งพระทัยขององค์เอง แต่เมื่อมองพระพักตร์กลมๆแดงก่ำของอีกฝ่ายแล้ว ก็อดเป็นห่วงไม่ได้อยู่ดี...ถึงอย่างไรหญิงวดีก็ยังเด็ก ทรงเล่นซนและดำริเรื่องต่างๆตามประสาเด็ก...เท่านั้นเอง

“ถ้าไม่ยอมลงมา หม่อมฉันจะฟ้องเสด็จฯลุงกับเสด็จฯป้า”

คราวนี้ทรงเบิกพระเนตรกว้าง ก่อนโวยวาย

“คนขี้ฟ้อง!”

“แล้วจะทรงเลือกทางไหน...เสด็จฯลงมาดีๆ หรือจะยอมถูกเสด็จฯลุงกับเสด็จฯป้าทำโทษ”

คนตัวเล็กทำสุรเสียงฮึดฮัดขัดพระทัย ก่อนจำยอมตะเกียกตะกายลงจากกิ่งไม้กิ่งนั้นแต่โดยดี ทว่า...เมื่อลงมาได้ครึ่งทาง ด้วยความที่เปลือกของต้นไม้ลื่น ทำให้พระบาทของพระองค์เลื่อนไหล การทรงตัวเอนเอียง และไม่สามารถเกาะสิ่งใดๆไว้ได้ วรองค์เล็กลอยละลิ่วร่วงหล่นลงมาเพียงชั่วพริบตา ทรงกรีดร้องอย่างหวาดกลัว ดำริไว้ว่างานนี้คงต้องเจ็บพระวรกายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

หากกลับผิดคาดอย่างมหันต์ เมื่อสิ่งที่ทรงกระทบนั้นไม่ได้แข็งอย่างดินทั่วไป แต่กลับมีความนุ่มนิ่มอยู่บ้าง...หนำซ้ำที่ดำริว่าจะเจ็บตรงนู้น ตรงนี้ กลับไม่เจ็บเลยแม้แต่น้อย วรองค์เล็กค่อยๆเปิดเปลือกพระเนตรและพบว่าสิ่งที่อยู่ใต้พระวรกายคือฟ้าชายจากคิมหันต์นครนั่นเอง

“เกือบไปแล้ว...หญิงวดี”

ถ้อยรับสั่งละเหี่ยพระทัยอย่างชัดเจน

“นี่ถ้าหม่อมฉันไม่อยู่ด้วย จะทรงเป็นเช่นไร”

คนตัวเล็กรีบลุกขึ้นยืน ซ่อนพระพักตร์ของตนเองด้วยการหลุบสายเนตรลงต่ำ

“เป็นอะไร กลัวหรือ”

สิ้นคำถามนั้น เจ้าหญิงพระองค์น้อยก็กันแสงอย่างตกพระทัย ทรงใช้หลังพระหัตถ์ทั้งสองเช็ดอัสสุชลที่ไหลลงมาไม่ขาดสาย ขณะที่คนตัวสูงซึ่งไม่เคยมีพระขนิษฐาและไม่เคยปลอบพระทัยใครมาก่อน ได้แต่ยืนลังเลอย่างไม่รู้ว่าจะแก้ไขสถานการณ์ตรงหน้าอย่างไรดี

เรื่องศิลปะการต่อสู้ ใช้ปืน ใช้ดาบ หรือแม้แต่เรื่องกฎหมาย...ยังพอทรงมีความรู้ หากการรับมือกับ ‘เด็ก’ ยากเกินความสามารถเสียจริง

“หญิงวดี...ไม่ต้องร้องน่า”

เมื่อเห็นอีกฝ่ายยังไม่หยุดจึงทรงคุกพระชานุลงบนพื้น แล้ววางหัตถ์ลงบนพระเศียรของเด็กร่างป้อม

“อยากเสด็จฯไปเที่ยวกับหม่อมฉันวันพรุ่งนี้หรือเปล่า”

ได้ผล...น้ำพระเนตรของฟ้าหญิงอุษาวดีเหือดหายทันควัน แม้จะยังมีเสียงเจือสะอื้นยามรับสั่งก็ตาม

“เที่ยว...ที่ไหน...เพคะ”

“ไปล่าสัตว์”

ล่าสัตว์...คำๆเดียวที่ทำให้ทรงแย้มสรวลได้

“ไปซิ ...หม่อมฉันอยากไปเพคะ”

ยิ่งไปกว่านั้น...มิตรไมตรีระหว่างกันก็เริ่มจะงอกงามอีกด้วย

“ตอนนี้กลับตำหนักก่อน หม่อมฉันจะไปส่ง" ทรงยกมุมโอษฐ์ขึ้นเล็กน้อยเมื่ออีกฝ่ายหยุดกันแสงแล้ว "พรุ่งนี้หม่อมฉันจะออกเดินทางแต่เช้า...แล้วจะมารับ”

“สัญญานะเพคะ”

คนตัวเล็กขอสัญญา คนตัวโตลังเลอยู่ครู่ หากสุดท้ายก็รับคำแต่โดยดี

“หม่อมฉันสัญญา”

ฟ้าหญิงอุษาวดียื่นพระกนิษฐามาให้เกี่ยว ฟ้าชายชลทอดเนตรอย่างุนงง

“เกี่ยวก้อยกัน”

นั่นละ พระองค์จึงทรงยื่นพระกนิษฐาขององค์เองไปเกี่ยวไว้

“ทำสัญญาเรียบร้อยแล้ว ถ้าผิดสัญญาล่ะก็...” พระองค์ตรัสขู่ในสิ่งที่คิดว่าหนักหนาสาหัสสากรรจ์ที่สุดแล้ว “...หม่อมฉันไม่ยกพี่หญิงให้หรอก!”

ยินแล้วฟ้าชายชลแทบจะกลั้นรอยพระสรวลไว้ไม่ได้...เป็นครั้งแรกที่ทรงแย้มสรวลให้เจ้าตัวยุ่ง ก่อนจะจับจูงหัตถ์เล็กไปส่งที่พระตำหนักในอย่างทีทรงตรัสไว้ก่อนหน้านี้



เจ้าฟ้าชายชลธิศธราดลพาเจ้าหญิงจอมซนสาวบาทไปตามทางเดินอิฐมีหลังคาที่เชื่อมระหว่างตำหนัก เหนือพระเศียรเป็นไม้ที่นำมาต่อกันเป็นซี่ๆและปล่อยให้เถาวัลย์พันเกี่ยวจนหนาแน่น อีกทั้งยังมีกุหลาบเลื้อยสีชมพูแซมอยู่เป็นระยะๆกรุ่นกลิ่นหอมชวนให้พระอารมณ์ของพระองค์ดีขึ้นมาบ้างหลังจากหงุดหงิดเล็กๆที่โดนคนตัวเล็ก...แกล้ง

เสด็จมาได้เพียงครึ่งทางเสียงแหลมๆที่ทรงเริ่มเคยคุ้นก็ดังแว่วมาพอให้ได้ยิน เจ้าตัวยุ่งชะงักพระบาทแล้วนิ่วพระพักตร์ทันควัน

“วันนี้นมผ่องต้องบ่นทั้งวันแน่ๆ”

“ก็สมควรต้องบ่น” คนตัวโตพึมพำกับองค์เอง ถึงกระนั้นฟ้าหญิงอุษาวดีก็ยังได้ยินชัดเจน พระองค์ทรงเงยพักตร์จนพระศอตั้งบ่า แล้วรับสั่งด้วยสุรเสียงไม่พอพระทัย

“สมควรต้องบ่นตรงไหนเพคะ หม่อมฉันไม่ได้ไปไหนไกลเสียหน่อย...เดินเล่นอยู่แถวๆนี้เอง จะให้เอาแต่เรียนอย่างเดียว หรือเย็บปักถักร้อยเหมือนพี่หญิงน่ะหรือ คงเบื่อตายชัก!”

“ชู่ว์” ฟ้าชายชลขมวดขนงพร้อมห้ามปรามทันใด “รับสั่งไม่เพราะเลย”

“เฮ้อ...” สิ่งที่ได้รับกลับมาคือเสียงถอนพระทัยยาว ราวกับคำตำหนินั้นทรงได้ยินได้ฟังมานับไม่ถ้วน

“อย่าตรัสอะไรแบบนี้ให้ใครได้ยินอีก รู้ไหม”

“ไม่ทันแล้วเพคะ...นมผ่องน่ะได้ยินแทบทุกวันเลย” ทรงนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนรับสั่งราวกับภูมิพระทัยเป็นนักหนา

“ไม่ใช่แค่นมผ่องคนเดียวนะเพคะ คนอื่นๆก็เคยได้ยิน ไม่ว่าจะเป็น...” ทรงยกหัตถ์ขึ้นมานับ “พี่หญิง เสด็จฯอาบดินทร์ ท่านลุงวิษ ท่านลุงธา แม้แต่นางกำนัลในตำหนักของหม่อมฉัน อย่างเช่น มาติกา นารา กรแก้ว...”

ทำท่าว่าจะรับสั่งยืดยาวไม่รู้จบ ฟ้าชายชลจึงรีบยกหัตถ์ห้าม

“พอเถอะ...หม่อมฉันพอจะทราบแล้วว่าคนในวังเคยได้ยินที่รับสั่งแทบทุกคนแล้ว”

ถ้าจะมียกเว้นใครสักคน...คงจะเป็นองค์เจ้าหลวงกับพระชายาอย่างไม่ต้องสงสัย

“คราวนี้ก็มีเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่ง...” รับสั่งพร้อมแย้มสรวลกว้าง ไม่ได้ดูเป็นเดือดเป็นร้อนเลยว่าถ้อยรับสั่งนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ควรตรัสเลยแม้แต่น้อย คนตัวโตถอนพระอัสสาสะ กำลังจะสั่งสอนสักเล็กน้อย พระพี่เลี้ยงของฟ้าหญิงอุษาวดีก็ผ่านมาพบพอดี

“คุณพระคุณเจ้าทรงโปรด!”

นมผ่องยกมือทาบอกแล้วถอนหายใจเฮือกเมื่อพบว่าเจ้าหญิงพระองค์เล็กประทับอยู่กับฟ้าชายจากคิมหันต์นคร ร่างผอมปราดเข้ามาย่อตัวอย่างนอบน้อม

“ถวายบังคมเพคะ”

ฟ้าชายชลทรงผงกพระเศียร ก่อนแย้มโอษฐ์เพียงน้อยเมื่อเห็นสีหน้าตื่นตระหนกและใบหน้าที่ชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อของอีกฝ่าย

“ไม่ต้องเป็นกังวลไปหรอก เจ้าหญิงของเจ้าอยู่นี่แล้ว” รับสั่งพลางปล่อยหัตถ์เล็กให้เป็นอิสระ เห็นดังนั้นนมผ่องก็คุกเข่าปราดเข้าไปจับพระวรกายของเจ้าหญิงพระองค์น้อย

“ทรงไปเล่นซนที่ไหนมาเพคะ นมตามหาเสียจนทั่ววังเลย จะให้นางกำนัลออกตามก็เกรงว่าเรื่องราวจะใหญ่โตจนรู้ไปถึงกระกรรณของฝ่าบาทกับพระชายา ถ้าเป็นเช่นนั้น...ทูลกระหม่อมของนมต้องโดนลงโทษแน่เพคะ”

ฟ้าหญิงอุษาวดีทรงแย้มโอษฐ์กว้าง ยกพระพาหาโอบคอพระพี่เลี้ยง แล้วหอมฟอดใหญ่

“หญิงรักนมที่สุด”

“รักเพราะนมช่วยปกปิดความผิดใช่ไหมเพคะ”

เมื่อถูกรู้ทัน วรองค์เล็กก็ยิ่งออดอ้อน กอดรัดพระพี่เลี้ยง และพร่ำพูดว่ารักไม่ยอมหยุด จนนมผ่องต้องห้ามปราม

“เพคะ เพคะ นมรู้แล้วว่าทรงรักนมมาก...แต่ตอนนี้ได้เวลาเรียนแล้วนะเพคะ พระอาจารย์ทรงรอเกือบครึ่งชั่วยามแล้ว”

พอพูดถึงการร่ำเรียน รอยแย้มโอษฐ์กลับเลือนหายโดยพลัน พระพักตร์กลมบูดบึ้งอย่างไม่พอพระทัยนัก

“ขอเที่ยวเล่นสักวันไม่ได้หรือจ๊ะนม”

“ไม่ได้เพคะ...เมื่อมีหน้าที่เรียนก็ต้องเรียนเพคะ” นมผ่องเอื้อนเอ่ยด้วยเสียงจริงจัง เช่นเดียวกับวรองค์สูงที่ประทับยืนนิ่งฟังมานาน พระองค์ทรงโน้มพักตร์ลงมาพร้อมกับเชยปลายพระหนุของเจ้าหยิงจอมซนให้เงยสบดวงเนตรขององค์เอง

“ทรงลืมไปแล้วหรือว่าเป็นถึงฟ้าหญิงแห่งสิขเรศ...”

ตรัสเพียงแค่นั้น เจ้าฟ้าหญิงอุษาวดีก็ทรงเข้าพระทัย...หน้าที่แห่งขัติยนารีมีความสำคัญกว่าการเที่ยวเล่นซนไปวันๆอย่างที่โปรดปราน...พระพักตร์บูดบึ้งจึงเปลี่ยนเป็นเศร้าสร้อยเฉกเช่นเดียวกับดวงเนตรในทันใด ต่อเมื่อได้ยินถ้อยรับสั่งของเจ้าฟ้าชายจากต่างแคว้น ดวงเนตรคู่นั้นจึงกลับมาเปล่งประกายงดงามและมีชีวิตชีวาดังเดิม

“วันนี้เรียนก่อน แล้วพรุ่งนี้ค่อยไปเที่ยว...หม่อมฉันจะทูลขอฝ่าบาทให้”

เพียงเท่านั้น...ความไม่ชอบพระพักตร์ก็แทบจะเลือนหาย อีกทั้งความห่วงหวงกลัวว่าใครจะแย่งพี่หญิงขององค์เองไปพลันลดน้อยถอยลงเสียเกือบครึ่ง...เหตุเพราะ

...ฟ้าชายชลทรงพระทัยดีพาเที่ยว

แค่เที่ยวคำเดียวก็เหมือนจะประสานความไม่ลงรอยระหว่างกันอย่างง่ายดายนัก

ฟ้าหญิงอุษาวดีทรงโบกหัตถ์ลาคนตัวโตแล้วสาวบาทตามพระพี่เลี้ยงต้อยๆ ระหว่างทางก่อนจะถึงตำหนักใน ทรงบอกองค์เองว่า...คราวหน้าจะไม่หาเรื่องขัดขวาง หรือแทรกกลางระหว่างพี่หญิงกับฟ้าชายเก้งก้างพระองค์นั้นอีกต่อไป

...ถือว่าเป็นการตอบแทนที่ทรงพาพระองค์ไปล่าสัตว์ก็แล้วกัน!






ศศิภา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 ต.ค. 2556, 02:32:37 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 ต.ค. 2556, 02:32:37 น.

จำนวนการเข้าชม : 1700





<< บทนำ+บทที่ ๑ รีไรต์   บทที่ ๒.๒ - 100% >>
นักอ่านเหนียวหนึบ 18 ต.ค. 2556, 12:25:09 น.
มารอนะค้าาาา ^^


คิมหันตุ์ 18 ต.ค. 2556, 16:39:43 น.
เดือนหน้าเลยหรอคะกว่าจะมาต่อ...แง๊ๆ เอา องค์เก้งก้างมา ประเคนให้หม่อมชั้นไวๆสิเพคะ


แว่นใส 19 ต.ค. 2556, 06:28:21 น.
นอกจากหวงพี่แล้ว ดูท่าจะหงชายชลต่อไป


Zephyr 20 ต.ค. 2556, 17:55:12 น.
หลอกง่ายจริงๆนะเพคะ องค์หญิงน้อย ฮ่าๆๆๆ
เข้าทางพี่ชายชลเลยทีนี้
แต่พี่ชายคงได้ปลิงน้อยมาคอยเกาะเวลาไปเที่ยวสินะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account