Sweet Taste รสหวาน...บันดาลรัก
คนหนึ่งคนออกตามหาผู้หญิงที่มีแต่ความลับเพื่อที่ราคาแพง

คนหนึ่งคนถูกเรียกมาให้ปกป้อง ไม่ให้แผนการขายที่สำเร็จ

คนหนึ่งคนยังสนุกกับการเดินทาง แต่ไม่รู้ทำไมชีวิตถึงเริ่มวุ่นวายเมื่อมาถึงปักกิ่ง สถานที่สุดท้ายที่จะมาก่อนเธอกลับไทย

คนหนึ่งคนเติบโตมาในครอบครัวใหญ่ถูกเลี้ยงมาเป็นคนงานในบ้าน ทั้งที่เจ้าตัวรู้ว่าใครเป็นพ่อ แต่เพราะครอบครัวจะทำร้ายคนอื่น เธอจึงไม่อยากให้พ่อหย่อนขาไปในนรก

คนหนึ่งคนมีแต่ความแค้น ปลูกฝังในหัวไม่สิ้นสุด รู้แค่ว่าเกลียด และต้องทำลาย

คนห้าคนในวังวนใกล้กัน ผจญอันตราย และเรื่องราวสุดจะคาดเดา กลับมีความหวานก่อเกิดขึ้นทีละนิดในใจของแต่ละคน...มารู้ตัวอีกที ความรัก ก็เกิดขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
Tags: Sweet รสหวาน ภีม พรพิรุณ ปุณณ์ แพรระพี

ตอน: ภรรยา?

พรพิรุณพลิกตัวไปมานอนไม่หลับ ข่มตาให้ปิดไม่ลง ในที่สุดจึงลุกขึ้นมานั่ง มองค้อนใส่กำแพงห้องที่ติดกัน ไม่เข้าใจว่าเจออีตาภีมนี่ทีไรทำไมถึงได้มือไวตลอด เกลียดจริงๆ ส่วนไอ้คนที่เห็นฉากนั้นมองเหมือนเป็นเรื่องปกติ ไม่เห็นหัวเธอด้วยซ้ำ

ไม่ได้เรื่องจริงๆ...คิดว่าเธอเป็นผู้หญิงใจง่ายว่างั้นเถอะ

ครั้งหน้าถ้าภีมทำแบบนั้นอีก สาบานได้ว่าเธอจะไปหาอาวุธหนักมือมาทุ่มใส่หัวเขาให้แบะ

จู่ๆ ภาพที่แขนของปุณณ์มีรอยผ้าพันแผลให้เห็นก็สะกิดใจ พรพิรุณว่ามันน่าจะเป็นสาเหตุใหญ่ที่ทำให้เธอนอนไม่หลับ อาการของปุณณ์แปลกๆ ตั้งแต่ที่ตลาดเฉียนเหมินแบบนั้น

ร่างของพรพิรุณเด้งขึ้น ทนหลับต่อ เรื่องวุ่นวายในหัวคงได้กระหน่ำกวนจนนอนไม่หลับ สู้ออกไปหาสาเหตุไต่ถามให้รู้เรื่องกันไปข้างดีกว่า

พรพิรุณหยิบชุดคลุมที่แขวนออกมาสวมชุดนอนสีฟ้าของตัวเองให้เรียบร้อย ใส่รองเท้ของโรงแรมเดินออกมาเคาะประตูห้องที่เธอเห็นปุณณ์เดินเข้าไปในชั้นเดียวกัน

เคาะประตูนานอยู่พักหนึ่ง ประตูห้องจึงเปิดออกมา ปุณณ์สวมเสื้อหนาทับตัวไว้เรียบร้อย ยืนอยู่หน้าประตู ไม่ได้เชิญพรพิรุณเข้าไป

“มีอะไรหรือเปล่าครับ”

“ปูนปิดบังอะไรฉันอยู่หรือเปล่า” พรพิรุณมองต้นแขนขวาอย่างจับสังเกต จนปุณณ์เริ่มรู้ตัว

“เปล่านี่ครับ ไม่มีอะไร”

“ถ้างั้นก็ถอดเสื้อสิ”

คนมีเรื่องปิดบังหัวเราะเจื่อน ไม่ยอมทำตามสิ่งที่พูด “ไม่ดีกว่าครับ”

หญิงสาวมองอย่างขัดใจ ผลักคนตัวโตถอยเข้าไปในห้องหลายก้าว ส่วนตัวเองตามเข้ามา เท้าสะเอว มองตาเขียว “จะถอดเองหรือให้ฉันถอด ปูนเลือกเอานะ” เดินรุกหน้าอีกหลายก้าว จนปุณณ์ต้องยกมือห้าม เมื่ออีกครึ่งก้าวพรพิรุณจะประชิดตัว

“พอแล้วครับ ยอมแล้ว”

“ดีมาก” พรพิรุณกอดอก รอดูผู้ชายตัวโตถอดเสื้อตัวหนาออก เผยเสื้อยืดสีขาวตัวเดิมที่เธอเห็น และแผลที่ต้นแขน “ที่เฉียนเหมินใช่ไหม” เดินเข้าไปใกล้จับข้อศอกของปุณณ์เพื่อดูแผลที่ต้นแขน เลิกแขนเสื้อขึ้นโดยไม่รอคำอนุญาต เห็นบริเวณกล้ามแขนมีผ้าก็อซปิดแผล และพันไว้รอบๆ

“ทำไมไม่บอก ไหนบอกว่าเพื่อนกัน”

คนที่เริ่มคิดไม่ซื่อหลบตา ปลดมือเล็กออกอย่างสุภาพ ไม่อยากให้พรพิรุณมาเสียเวลาเป็นห่วง แม้ว่ามันจะทำให้ตนรู้สึกดีใจมาก แต่ใกล้เกินไป กลัวพรพิรุณจะได้ยินเสียงหัวใจเข้าซะก่อน...พรพิรุณไม่รู้สึก แต่เขารู้สึก

“ผมซุ่มซ่ามเองต่างหาก ไม่ใช่ที่เฉียนเหมินหรอก”

“มองตาสิ หลบตาทำไม” คนสั่งเสียงเฉียบ แต่ใครเล่าจะรู้ จริงๆ เธอก็ไม่รู้หรอกว่าพกความกล้ามาจากไหนถึงมายืนอยู่ใกล้ผู้ชายขนาดนี้ ท่าทีไว้ท่าอย่างคนที่ให้เกียรติผู้หญิง ไม่ยอมเข้าหาทั้งที่มีโอกาส ยังมีผู้ชายแบบนี้เหลือในโลกอีกเหรอ เทียบกับภีม ผู้ชายคนนั้นควรเรียนรู้นิสัยให้เกียรติผู้หญิงมาจากปุณณ์มากๆ

คนโดนต้อนให้จนมุมสบดวงตากลมโตนิ่งสนิท ลึกล้ำน่าดึงดูด ปุณณ์เผลอมองจนลืมตัว

“พูดสิ”

“ผมโดนหนามเกี่ยว”

“ที่ไหน”

“ที่...” คนโกหกคำโตเผลอเลิกตามองขึ้น คิดไม่ออกว่าตั้งแต่มาถึงพอมีสถานที่ไหนพอให้ไปเจอหนามได้บ้าง

“เลิกแถได้แล้ว เป็นผู้ชายซะเปล่า จะแมนไปไหน กลัวฉันจะรู้สึกผิดมากหรือไงที่ทำให้เจ็บน่ะ ไม่ต้องกลัวหรอก ฉันมันไม่ใช่นางเอกละครน้ำเน่า ต้องรับผิดชอบผู้ชายไปทั้งชีวิต” คนพูดค้อนตาคว่ำ แยกเขี้ยวใส่ “หัวเราะอะไร”

คนหลุดหัวเราะรีบกลั้นไว้ แต่ก็เผลอหัวเราะมาอีก จนสะเทือนไปถึงแผลที่เย็บกว่าสิบเข็ม หน้าเหยเก “ปกติผมเห็นอุ่นจะพูดแบบนี้กับพี่ภีม ไม่คิดว่าตัวเองจะได้เจออุ่นโหมดนี้ด้วย” ขณะพูดก็ไม่วายกลั้วหัวเราะต่อ

พรพิรุณเม้มปาก ไม่อยากพูดให้คนหัวเราะจนเจ็บแผลอีก แม้จะหมั่นไส้มากแค่ไหนก็ตาม จัดการปิดประตูห้องให้เรียบร้อย เดินมานั่งที่ปลายเตียงของปุณณ์ด้วยท่าทีสบาย หยิบถุงยาที่เธอเห็นเมื่อสองสามชั่วโมงก่อนขึ้นมาเปิดถุงดู เห็นแผงยาในกล่องยังอยู่ครบถ้วน

“ทำไมยังไม่กิน” มองคนที่ยืนห่างออกไปหลายก้าวตาดุ “จะหายไหมล่ะ...ตกลงโดนอะไรมา” ถึงปากบอกไม่รู้สึกผิด แต่ใจจริงก็โทษในความสะเพร่าตัวเอง

“ไม่ต้องห่วงหรอก โดนอะไรมาก็ไม่สำคัญ ผมดูแลตัวเองได้”

“แกะผ้าพันแผลออก”

ปุณณ์เผลอถอนหายใจออกมาให้กับนิสัยไม่ยอมของพรพิรุณ ถึงว่าสิ เข้ากันดีกับอิศยานัก คนนั้นซนๆ สดใส ดื้อมาก ส่วนพรพิรุณดุแต่จริงๆ ใจดี

“มีดน่ะครับ แต่เย็บเรียบร้อยแล้ว”

เกิดความเงียบไปชั่วขณะ พรพิรุณนั่งอึ้ง มองผู้ชายที่ทำเป็นปกติ ถือของหลายถุงกลับมาคนเดียว แล้วปล่อยให้เธอไปเที่ยวต่อกับภีม เขานี่มัน...

“อยากจะเป็นคิวปิดหรือไงฮะ” เสียงหวานถามเย็นเยียบ ดวงตามีรอยขึ้งโกรธ “ถ้าเกิดเจ็บหนัก จะยังให้ฉันไปเที่ยว แล้วปล่อยให้ปูนเลือดไหลจนหมดตัวหรือไง แมนมากแต่ฉันไม่ซึ้งเลยนะ”

คนพูดน้ำตาคลอหน่วย ปุณณ์เผลอไปสะกิดแผลในอดีตของเธอเกี่ยวกับอุบัติเหตุที่พรากพ่อแม่ไปในตอนที่เธออายุสิบห้า ทั้งที่เธออยู่ในรถคันนั้น ในช่วงเกิดอุบัติเหตุแม่กลับเลือกกอดเธอไว้แน่น และอ้อมกอดของแม่ทำให้เธอมีชีวิตรอดจนถึงทุกวันนี้

“อย่าทำแบบนั้นอีก ฉันไม่อยากให้ใครต้องมาตายเพื่อฉัน เข้าใจไหม”

ปุณณ์นั่งลงข้างพรพิรุณ กระแสความหม่นหมองของหญิงสาวเขาสัมผัสได้ดี “ผมขอโทษ แต่ผมไม่เป็นอะไรแล้ว ไม่ต้องห่วง”

“แล้วยานี่ล่ะ ทำไมไม่กิน”

ปุณณ์ยิ้มเจื่อน บ่นเบาๆ “ก็ผมอ่านภาษาจีนไม่ออก ถ้าเป็นคันจิก็ว่าไปอย่าง”

พรพิรุณร้องอ้อเบาๆ ยกแผงยาที่มีบอกอยู่ข้างกล่องขึ้นมาอ่าน “อันนี้กินสี่เวลาครั้งละสี่เม็ด”

“หืม” คนร่างกายแข็งแรงร้องออกมาเสียงหลง หน้าตาเริ่มซีด ขนาดเม็ดยาจีนใหญ่กว่ายาตะวันตกทั่วไป แค่คิดว่าต้องกินถึงสี่เม็ด ปุณณ์เริ่มสยอง

“อย่าบอกนะว่ากลัวการกินยา” พรพิรุณหัวเราหึ ยิ้มมุมปาก มือเริ่มแกะยาออกมาตามจำนวนที่ว่าไว้ “รู้ไหมว่ายาจีนกินมากปริมาณก็ไม่เป็นอะไรหรอก เพราะเป็นยาสมุนไพร และหายแน่นอน กินซะ”

สายตากดดัน เสียงต่ำ และมือที่อาจจะเตรียมยัดยาทั้งสี่เม็ดนั้นลงมาในลำคอตนตลอดเวลาทำให้ปุณณ์ยอมตัดใจ คิดซะว่ามีนางฟ้าน้อยๆ มาส่งขนมหวานรสชาติเยี่ยมให้ถึงปากแทนละกัน

ท่าทางคืนนี้จะเป็นคืนที่ฝันดีของเขา...ขอโทษนะพี่ภีม ถ้าผมจะขออุ่นมาอยู่ในฝันของผมสักคืน หรืออาจตลอดไปก็ได้ กับพื้นที่ในฝันนับจากนี้


“ถ้าไม่ทันฤกษ์ดีในปลายปีนี้ ฤกษ์ดีอีกปีครึ่ง” ปัณณ์ฟังคำอาจารย์หมอ ผู้รู้ฟ้าชะตาดินด้วยความเชื่อเต็มเปี่ยม “แต่ปีนี้จะเกิดเรื่องวุ่นๆ มากซะด้วย”

“อีกปีครึ่งเถอะค่ะ ย่าไม่รีบ” คนไม่รีบลอยหน้าลอยตาขัดจังหวะ เวลานี้นิสัยอิศยาบ้างานเป็นที่หนึ่ง แต่ใช่ว่าจะหวานกับปัณณ์น้อยลง ก็แค่ให้เวลากับงานมากขึ้นเท่านั้นเอง

“ไม่!” ปัณณ์หันมาดุคนขัด กระชับมืออุ่นไว้แน่น แขนข้างหนึ่งเท้ากับโต๊ะกลม “ว่าแต่เรื่องวุ่นนี่คืออะไร เกี่ยวกับดีเอสหรือเปล่าครับ”

“เกี่ยว จะเกี่ยวกับตัวพอ ปอ ชื่อภาษาอังกฤษที่ขึ้นด้วยตัวพี ถ้ามารวมกันครบห้าตัวเมื่อไหร่ วุ่นแน่ๆ” หมอไกรวัยสี่สิบปลายๆ ตัวเล็กทำหน้าจริงจัง “คนในครอบครัวคุณก็ตัวปอทั้งนั้น แต่ไม่ต้องห่วง ถ้ายังอยู่ในไทย ดวงที่นี่จะยังแข็ง”

อิศยาเริ่มหน้าซีด มองเสี้ยวหน้าของปัณณ์ยังคงไม่รู้สึกทุกข์ร้อน เธอยังไม่อยากแพร่งพรายเรื่องส่งปุณณ์ไปขัดขวางงานของภีม หรือพูดง่ายๆ ไปทำให้แผนของปัณณ์ล้มเหลว

“หมอไกรคะ ฉันอยากจะดูดวงชะตาของคนสองคน นี่เป็นวันเกิดของเขา” หยิบกระดาษแผ่นเล็กมาเขียนดินสอลงไป ในหัวนึกห่วงเพื่อนทั้งสองขึ้นมา

ไกรคำนวณดวงชะตาในกระดานดำ ขีดอะไรไปมาจนเต็มไปหมด สีหน้าเครียดเขม็งทันทีเมื่อเงยขึ้นมา “นี่คือสองในห้า ภายในหนึ่งเดือนถ้าไม่ยอมกลับประเทศ หนึ่งในสองคนนี้ดวงอาจถึงฆาต เรื่องบางอย่างจะถูกเปิดเผย แต่ถ้าผ่านพ้นมาได้ จะมีเรื่องดีเกิดขึ้น” ไกรจิ้มไปยังตัวเลขที่สอง “นี่คือเจ้าปูนใช่ไหม”

“รู้ได้ยังไงคะ” อิศยาถามอย่างตกใจ แค่เรื่องคำทำนายน่าหวาดหวั่นนั่นก็ปวดหัวจนอยากตามทั้งสองกลับมาวันนี้วันพรุ่ง

“ผมดูให้ครอบครัวนี้มาหลายปี วันเกิดลูกค้าคนสำคัญจำไม่ได้ก็แย่สิครับ”

“ก็ว่าสิคะ” อิศยาหัวเราะเฝื่อนๆ

“ส่วนดวงคนนี้เขาเกี่ยวข้องกับคุณใช่ไหม แต่อย่าเพิ่งแตกตื่น ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ดวงชะตาอาจเปลี่ยนให้เกิดช่วงเวลาอื่นได้ แต่มันก็จะเกิด ถ้าตัวพีห้าคนมารวมกันเมื่อไหร่ พวกเขาทำเรื่องด้วยกันมา ทั้งรัก งาน ปัญหาไม่รู้จบ เราเป็นคนนอกก็ได้แต่มองดู ทุกอย่างมันถูกวางไว้แล้ว อยู่ที่ว่าคนทั้งห้าจะเลือกทางไหน ทางที่ดี เราควรให้คนทั้งห้าเผชิญเหตุการณ์ เตือนเขาให้ระวังตัวได้ แต่ไม่ว่าอะไรเกิดต้องให้พวกเขารับมือเอง”

ยิ่งฟังคนที่ถูกกีดกันให้เป็นคนนอกยิ่งเครียด อิศยากระทุ้งสีข้างคนตัวโตอย่างหมั่นไส้ “พี่ภีมเกิดวันไหน ให้หมอไกรตรวจเช็คเดี๋ยวนี้เลยค่ะ”

“ทำไมล่ะ”

“จะทำไม่ทำ” คนสั่งทำเสียงโหด ปัณณ์ได้แต่รับคำเสียงหวาน จรดดินสอวันเดือนปีตามที่อิศยาต้องการ

ไกรใช้เวลาพินิจชั่วครู่ เงยหน้ามองอิศยาราวกับตัวประหลาด “นี่คือพีตัวที่สาม ขาดอีกสองตัวก็จะครบห้าแล้วนะครับ ว่าแต่ตอนนี้สามคนนี้อยู่ที่ไหน สถานที่ที่พวกเขาพักจะไม่ปลอดภัย ให้ระวังๆ พีอีกสองตัวไว้นะครับ เพราะว่าสองคนนั้นผมไม่รู้ว่าคือใคร สามคนนี้ไม่มีปัญหาอะไรมากหรอกนอกจากรักสามเส้า พวกเขาไม่ใช่คนก่อเรื่องแน่นอน”

“รักสามเส้า” คู่รักส่งเสียงอย่างฉงนสนเท่ห์ นึกไม่ออกกับภาพความรักของคนสามคน อิศยาขมวดคิ้วหนักกว่าปัณณ์ที่กำลังแต้มยิ้ม

“เจ้าภีมแน่ๆ หนูย่า อีกคนที่ส่งให้หมอไกรดูใช่อุ่นหรือเปล่า จะได้เป็นครอบครัวเดียวกันสักทีนะ”

อิศยาขมุบขมิบปากบ่นพึม “เชียร์พี่ภีมก็เชียร์ไป แต่ย่าจะเชียร์ปูน น้องชายตัวเองไม่รู้จักเชียร์”

“แต่เดี๋ยวก่อนนะหมอไกร ตอนนี้เจ้าปูนอยู่ญี่ปุ่น แล้วไปเจออีกสองคนได้ยังไง”

ไกรหันมองอิศยาที่ส่งสัญญาณบอกให้เขาไม่ต้องตอบด้วยการสั่นศีรษะพอให้มองเห็น ให้รู้ว่าเธอจัดการเรื่องนี้ขึ้นมาเอง หมอไกรหัวเราะ มองคู่รักที่ยืนคนละข้างชั่วคราวด้วยความเข้าใจ

“ดวงชะตา หรืออะไรที่บันดาลชักพา จะทำให้พวกเขามาเจอกัน”

เพลงระนาดโหมโรงเสียงเรียกเข้าของคนทำขนมดังกรีดเสียงในห้องเย็นฉ่ำ อิศยาขอตัวออกไปรับโทรศัพท์ด้านนอก ปัณณ์เองยังคงยิ้มอย่างมีหวัง

“ถ้าสามคนนี้ผ่านเรื่องร้ายมาได้อย่างปลอดภัย เตรียมงานมงคลของหลานปั้นได้เลย”

“จริงเหรอครับ” ปัณณ์หน้าบานยิ่งกว่าเดิม

“ถ้าไม่ทำอะไรขัดใจคุณอิศยาน่ะนะ ทำอะไรอยู่อย่าคิดว่าเขาไม่รู้ ระวังจะโดนตอกกลับอย่างเจ็บแสบ รอดูผลจากสามคนนี้ละกัน” ไกรใบ้ให้ได้มากเท่าที่จะทำได้ “งานแต่งงานจะมีมากกว่าหนึ่ง”

“ตอนนี้ผมก็ยังไม่รู้ว่าปูนไปเกี่ยวกับอีกสองคนได้ยังไงนะครับ ไปเป็นก้างเขาหรือเปล่าก็ไม่รู้” กอดอกตั้งท่าบ่น

“ชะตากำหนดมาให้เจอกัน แต่หัวใจจะเลือกใครก็อยู่ที่ใจใครใจมัน ทำบุญร่วมกันมามากแค่ไหน”

ชะตากำหนด เขานี่แหละกำหนด ปัณณ์คิด หน้าเผลอยิ้มออกมา ไม่คิดว่าการส่งเพื่อนไปทำงานแบบหวังผล จะทำให้พบความรัก ขอให้เป็นความรักจริงๆ ไม่ไหลไปเรื่อย อย่างหนุ่มเจ้าชู้ที่ผ่านมาก็พอ

ว่าแต่ เจ้าปูนนี่สำนักไหนมากำหนดแข่งกับเขาอีก...อย่าให้รู้นะว่าเถลไถล ตะลอนทัวร์ ไม่ยอมกลับมาช่วยทำงาน


“อีกสามวัน จัดการได้เลย”

ในคฤหาสน์หลังใหญ่ของตระกูลธวัชเดชา ประมุขของบ้านสั่งเสียงเหี้ยมผ่านโทรศัพท์โดยไม่คิดว่าจะมีใครได้ยิน หรือต่อให้มีคนได้ยิน ก็ใช่ว่าจะต้องใส่ใจ

ลูกสาวคนรับใช้ในบ้านที่รู้อยู่เต็มอกว่าใครเป็นพ่อรับฟังเรื่องราวเหล่านั้นด้วยความรู้สึกบาดลึกในใจ ผู้ชายคนนั้นที่สั่งการคำสั่งโหดร้ายไป เขาใช่พ่อของเธอจริงหรือเปล่า

ปาริตาทรุดตัวลงนั่งกับพื้น สองขาสั่น หัวสมองของเธอตอนนี้ขาวโพลน พ่อของเธอ เลือดเย็นจริงๆ

ลูกสาวที่ไม่เคยถูกยกเสมอนาย ไม่เคยถูกแนะนำใครต่อใครออกปากว่าเป็นคนในตระกูลธวัชเดชา ต้องใช้แต่นามสกุลของแม่ที่เป็นบ่าว มาวันนี้ ปาริตาเพิ่งรู้สึกขอบคุณที่ท่านให้เธอใช้นามสกุลนี้ หญิงสาวพยุงร่างกายขึ้นตรง

เธอต้องจัดการอะไรบางอย่าง...หรืออย่างน้อยก็ควรรับผิดชอบต่อการกระทำของพ่อบ้าง


ภีมตื่นสาย มองนาฬิกาเวลาเกือบเที่ยง ลุกขึ้นบิดขี้เกียจอีกเล็กน้อย รู้สึกอยากไปก่อกวนสาวข้างห้อง มือไวอีกนิดหน่อยพอหอมปากหอมคอให้กระชุ่มกระชวย อาบน้ำเปลี่ยนชุด ตั้งใจชวนพรพิรุณไปทานข้าวเช้าด้วยกัน ถึงต้องหนีบแพรระพีไปด้วยอีกหนึ่งก็ช่างสิ

ในหนึ่งเดือน ต้องทำให้พรพิรุณหลงรักเขาหัวปักหัวปำให้ได้

เปิดประตู ปิดเรียบร้อย ยังไม่ทันเดินไปห้องติดกัน ประตูห้องที่อยู่ห่างออกไปมากกว่าห้าห้องในชั้นเดียวกันเปิดออก ภีมนิ่งงัน มองภาพคนสองคนพูดคุยกันอย่างเป็นกันเอง และที่สำคัญคือ พรพิรุณยังอยู่ในชุดนอน

เกิดอะไรขึ้นเนี่ย

“เจ้าปูน!”

เสียงไม่เบาตะโกนลั่น ทำลายภาพความหวานเบาบางตรงหน้าให้พังทลายลงไปกับตา ปุณณ์ตาโตขึ้น ตกใจกับการพบภีมในช่วงเวลาที่ไม่น่าสมควร

และประโยคต่อมาของพรพิรุณไม่ต่างจากค้อนปอนด์ทุบลงบนกระหม่อมของภีมให้แบะติดพื้น มันเจ็บจนจุก โดยเฉพาะการที่ปุณณ์ได้แต่อ้าปากค้างหาเสียงตัวเองไม่เจอ

“ฉันเป็นภรรยาเขาแล้ว เมื่อคืนนี้เราสนุกกันมาก” หญิงสาวเกี่ยวแขนปุณณ์อย่างถือสิทธิ์ หันมองประตูอีกห้องที่เพิ่งเปิดมา แพรระพีในชุดเต็มยศ ขนนกสีแดงมองมาด้วยความฉงน ก่อนรู้อะไรเป็นอะไร แบบที่ภีมรับรู้

“คนนี้ของฉัน จริงไหมคะ...ปูน” เสียงหวานจ๋อย แต่ดวงตาดุจัด ขู่ให้เขาเงียบปากเสีย

ปุณณ์พยายามขืนตัวให้แข็งสุด กลิ่นแชมพู และครีมอาบน้ำหอมแตะจมูกจนเขาไม่อยากอยู่ใกล้ กลัวจะเผลอสูดดมให้อาย แต่ที่แน่ๆ ไอ้เรื่องที่พรพิรุณว่ามา มันไม่ได้ทำให้เขาพ้นข้อกล่าวหาครั้งนี้เลย

สนุกน่ะใช่ แต่คนละเรื่องในความหมายที่ว่า...การเป็นภรรยาแน่ๆ

...................................................................
คุณ ใบบัวน่ารัก ตัวละครตัวใหม่โผล่มาแล้วค่ะ แต่ยังไม่เจอกัน
คุณ sai มีคนมาดูแลปูนแล้วน้า
คุณ ร้อยวจี ตอนนี้ยังติดสินใจเลือกไม่ถูก (อีกเหรอ) ฮา แต่นายภีมไม่ยอมง่ายๆ แน่นอน
คุณ ameerah ตอนนี้คนเขียนเริ่มลังเลค่ะ ฮา
คุณ ภัทรภิญญ์ พี่ฟูกคะ ออมเองก็ไม่รู้ว่าทำไมนายปูนถึงออร่าจับขึ้นมาจากเรื่องก่อนได้ขนาดนี้ ก็ไม่รู้สินะ ฮา สู้ๆ นะคะ พี่ฟูก เดี๋ยวออมแวบไปส่อง
คุณ นักอ่านเหนียวหนึบ อย่าเพิ่งเหนื่อยค่ะ ฮา เกือบลืมไปแล้วว่ารสหวานจริงๆ เป็นยังไง ต่อจากนี้จะขอเพิ่มทีละนิด ปล. ไม่ถูกใจคุณนักอ่านเหนียวหนึบแน่เลย
ปล.ตอนแรกเคยคิดเก็บปูนไว้เรื่องที่สาม ตอนนี้คิดว่าเอาเรื่องนี้ให้รอดก่อนเถอะ ชื่อรสหวานแต่ออกดราม่าไปเยอะตั้งแต่ปูนโผล่ ฮา
ขอบคุณทุกเมนท์ ไลค์ และทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ เป็นกำลังใจกันเสมอเลย ^_^
ขอเปลี่ยนชื่อพีตัวสุดท้ายค่ะ ก่อนจะมึนตายไปกับตัวพอ เอาปอมาแทน ฮา




ปวรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 ต.ค. 2556, 04:27:29 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 ก.พ. 2558, 22:14:42 น.

จำนวนการเข้าชม : 1647





<< แลกห้อง   คุยเปิดใจ >>
ใบบัวน่ารัก 18 ต.ค. 2556, 06:30:59 น.
ตัวพี ตัวp เยอะไปหมด
งง อ่านแล้ว สยองแทน แผนการเยอะมาก
หลายสำนัก


wind 18 ต.ค. 2556, 08:59:05 น.
5 คน ครบแล้ว


OhLaLa 18 ต.ค. 2556, 09:03:50 น.
อีก 2P แพรระพี กับ พันทิวา หรือเปล่าค่ะ เชียร์ปูนนะคะ ปูนออร่าพระเอกมาเลย หมั่นไส้ภีมชอบข่มอุ่นเวลาอยู่กับกิ๊กน่ะค่ะ
ปล.ในที่สุดก็ตามมาเม้นท์จนถึงตอนปัจจุบัน


ใจใส 18 ต.ค. 2556, 09:39:32 น.
โอ้ววว 5P ครบแล้ว

สนุกมากค่ะ ตามต่อๆ ^_^


sai 18 ต.ค. 2556, 12:17:39 น.
5P แห่งแผนการ


นักอ่านเหนียวหนึบ 18 ต.ค. 2556, 12:33:56 น.
ไม่หวานแล้วจริงๆ แบบนี้น่าจะเปลี่ยนชื่อเรื่องเป็น Spicy Taste ..... รสเผ็ดเจ็บเพราะรัก !!!!!
555
ถึงเค้าไม่ค่อยปลื้ม แต่เค้าก็ตามอ่าน ตามเชียร์นะจ้า ^^


ariesleo 18 ต.ค. 2556, 12:36:22 น.
เชียร์ปูน ๆ ๆ ๆ


ร้อยวจี 18 ต.ค. 2556, 13:18:58 น.
อยู่ข้างนายปูนค่ะ อย่างนายภีมต้องเจอกับแพรระพีกับพันทิวาถึงเหมาะ เอ..ครบห้าแล้วจะมีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า แต่ไม่เอาตายนะคะ ไม่ชอบเศร้า ชอบหวานๆ แบบเรื่องที่แล้วค่ะ


ameerah 18 ต.ค. 2556, 18:52:36 น.
พี่ปั้นไม่เชียร์น้องชายตัวเองเลยอ่ะ แต่ไม่เป็นไรเด๋วจะเชียร์ปูนเอง อิอิ


ปอปลาตากลม 19 ต.ค. 2556, 18:54:27 น.
มาอ่านด้วยคน รายงานตัว อิอิ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account