Diary Love Vampirism รักนี้ที่เวนิส
“ถ้าไพรเวทแล้วมันทำให้เอลเซ่อารมณ์ดีฉันก็ยินดีที่จะทำ เพราะอะไรที่ทำให้เอลเซ่มีความสุขฉันทำให้เธอได้หมดไม่ว่ามันจะเป็นอะไร ฉันสัญญาเอล อะไรที่คือความสุขของเธอฉันยินดีที่จะทำให้เธอทุกอย่าง”
โอ๊ยย อยู่ๆ ก็มาพูดบอกกันแบบนี้ก็เขินสิเจ้าคะ แต่ทำไงได้ล่ะ ก็รักเขาไปแล้วนิน่า...

(อัพช้าขออภัย อยู่ในช่วงสอบ)
Tags: Vampirism cosplay

ตอน: 3

สองอาทิตย์ผ่านไป ไวเหมือนโกหก (แน่ล่ะนิยายนิ)
และแล้วก็ถึงวันงานจบการศึกษา
(ตอนเช้าพวกเราขึ้นรับใบจบการศึกษากับท่านผู่อำนวยการโรงเรียน ) ตอนเย็นก็เป็นงานของพวกเราแล้ว และฉันกับเซต้าจะต้องเดินไปตามทางที่ปูด้วยพรมสีแดงราวกับเลือนมนุษย์ (พูดแล้วหิว =w=) โดยที่มีน้องๆ ม.5 มายืนโยนกลีบดอกไม้ระว่างที่ฉันกับเซต้าเดินไปตามทางที่ปูพรม (รู้สึกเหมือนแต่งงานเลยอ่ะ) และไอ่คุณเพื่อนตัวดีมันต่างพร้อมใจก็ตะโกนขึ้นมาว่า...
“เฮ้ พวกเราเจ้าบ่าวเจ้าสาวมาแล้ว.....” ไม่ต้องถามไม่ต้องเดาไม่ต้องคิดให้ปวดสมอง ก็คุณขิงเจ้าเดิมนั่นแหละ
“ไอ่...” จะด่าก็ด่าไม่ออก ฝากไว้ก่อนนะหลังงานเลิก (เจอกันตอนเซเว่นปิด) แกตายแน่
และเพื่อนจากห้องอื่นๆก็ทำตามเสียงที่ตะโกนขึ้มมาโดยอัตโนมัติโดย (?) ปรบมือและส่งเสียงแซวระหว่างที่ฉันกับเซต้าเดินไปนั่งบนก้าวอี้สีขาวสองตัวที่อยู่บนยกพื้นเตี้ยๆ ตกแต่งซะเหมือนบรรยากาสในงานแต่งงาน แต่จะออกไปทางงานแต่งที่ตกแต่งออกไปแนวดากร์ๆ นิดๆ จะขาดก็แต่บาทหลวงกับเค้กก้อนใหญ่ๆ ก็เท่านั้นเอง บนเวทีมีวงดนตรีประจำโรงเรียนตั้งอยู่ชื่อว่าวงว่า “ปลาไหลน้ำแดง” (ชื่อวงแปลชะมัด อยากรู้จริงใครเป็นคนตั้งให้) มีบริกรที่เดินซะทั่วงานคอยเสริฟเครื่องดืมและของขบเคียว หลังจากที่พวกฉันนั่งลงแล้วกิจกรรมต่างๆที่เตรียมไว้ก็เริ่มขึ้น เวลาผ่านไปได้นานพอสมควร ก็ถึงเวลาที่ฉันกับเซต้าจะต้องออกไปเปิดฟอลร์เต้นรำ วันนี้เขาส่วมชุดสูดสีขาว กับผ้าคลุมที่เหมือกับท่านเค้าแดร๊กคูล่าที่ทางอาจารย์จัดให้ก็ดูดีใช้ได้ ส่วนฉันอยู่ในชุดราตรีเกาะอกสีขาวยาวลงมาเป็นกะโปงบานที่ทำจากผ้าซาตินอย่างดี ชายผ้าด้านหลังยาวเกือบ 1 เมตร มีลูกเล่นตามขอบของผ้าเป็นด้ายทองและดำปักเป็นลายดอกกุหลาบ และคาดเอวด้วยโบว์อันใหญ่สีดำที่ศรีษะสวมมงกุดที่เป็นรูปดอกไม้ (เหมือนชุดแต่งงานซะไม่มี) เขาก็โคงพาฉันออกไปเต้นรำ... ฉันสังเกตนะระหว่างที่เต้นรำกับเซต้าว่าทุกคนในงานแต่งตัวกันตามคอนเซ็ปที่อาจารย์วางไว้ แล้วดูเหมือนทั้งงานจะแต่งออกโทนสีดำ ก็จะมีแต่ฉันกับเซต้าเท่านั้นที่เด่นที่สุดเพราะชุดเป็นสีขาว
หลังจากที่ฉันเปิดฟอร์เต้นรำกับเซต้าไปแล้วเรียบร้อยก็ถึงเวลาของเหล่าอาจารย์และนักเรียนทั้งหลายที่จะพาคู่ควงของตัวเองออกไปเต้น สักพักยายขนุนก็เดินเข้ามาหาฉัน
“นี้เอลเซ่...”
“มีอะไรเหรอขนุน” ฉันถามกลับไปพลางยกน้ำผลไม้ขึ้นดืม
“จำที่เราตกลงกันหลังสอบปลายภาคได้ไหม...”
เอ่อ...ขอคิดก่อนนะตกลงกันหลังสอบปลายภาค...แล้วมันอะไรละ
อยู่ๆ ความคิดหนึ่งมันก็แล่นเข้ามาในหัว...
*เอลเซ่....*
*มีอะไรเหรอขนุน*
*คือแบบว่า...งานเลี้ยงหลังจบการศึกษาเรา ร้องเพลงบอกลาเพื่อนๆ กันเอามั๊ย*
*อื้ม...เราว่ามันเป็นความคิดที่ดีเลยนะ แล้วจะเอาเพลงไหนล่ะ แล้วร้องตอนเปิดหรือปิดงานดี*
ยายขนุนยิ้มกว้าง แล้วตอบกลับมาว่า *เพลงเราว่าจะเอาเพลง Secret base อ่ะ แต่เป็นเวอร์ชันภาษาไทยนะ (ลืมบอกไปยัยขนุนครั่งอนิเมะญี่ปุ่นเป็นอย่างมากจนเข้ากระดูดดำ) แล้วก็ร้องต่อนจะปิดงาน คือแบบว่าเราว่าความหมายมันดี อ่ะ แบบ เพื่อนที่ต้องจากกันไป แล้วหวังว่าจะได้ลับมาพบกันอีก อะไรประมาณนี้*
*ก็ดีนะ...เพลงนี้ก็โอ แล้วยังมาร้องตอนปิดงานอีก น้ำตาคงซึมกันเป็นแถว เป็นอันว่าตกลง*
อ๋อ...ฉันจำได้แล้วว่าไปสัญญาอะไรกับขนุนไว้ ที่แท้ก็เรื่องนี้เอง
“อื้ม จำได้สิ...” ฉันตอบขนุนกลับไป
“ ^-^”
“แล้วจะร้องแล้วเหรอ” ฉันถามไปเพราะดูเหมือนงานจะยังไม่เลิกลากันง่ายๆ แน่นอน
“ก็...ยังหรอกแค่กลัวเอลเซ่จำไม่ได้” ขนุนตอบกลับมา
ฉันหัวเราะออกมาแล้วตอบว่า “ฉันไม่มีวันลืมหรอก...จะร้องเมื่อไรก็มาเรียกก็แล้วกันนะ”
“โอเค ถ้าจะร้องแล้วจะบอก”
22:00
“เอลเซ่ฉันคิว่าได้เวลาแล้วล่ะ” ยัยขนุนวิ่งเข้ามาพร้อมบอกกับฉันว่าถึงเวลาแล้ว
“โอเค งันเริ่มเลย”
ฉันและยัยขนุนพากันเดินไปที่เวที่ หลังจากนั้นพวกเราสองคนก็เข้าประจำที่ ยัยขนุขไปนั่งอยู่หลังเปียโนสีดำตัวใหญ่ที่ตั้งอยู่ข้างๆ เวที แล้วเริ่มบรรเลง เพื่อนๆที่อยู่ภายในงานก็ต่างพากันมาล้อมรอบเวที แล้วฉันก็เริ่มร้องเพลงขึ้นมาด้วยเสียงที่ใสและกัววาลเหมือนระฆังแก้ว (มั้ง)
จะจดจำไว้ทุกๆครั้ง ช่วงเวลาที่เรามี ฝันและวันดีๆ ฉันไม่มีวันลืม
และฝากความหวัง ว่าเราจะคืนมาพบ ไม่ว่ามันจะนานแค่ไหน
จารึกลงในใจ ในหน้าร้อนวันวาน

ความบังเอิญ บนทางเดินเดิมที่ฉันได้เดินผ่าน
ผ่านมาเจอเธอ เธอชวนเดินกลับบ้านด้วยกันหน่อย
คิดๆแล้วใจมัน ก็เริ่มสั่นๆ และหวั่นใจทุกครั้ง

ภายในใจ มันคงอัดแน่นเหลือจะเอ่ย
บดบังความจริงด้วยกระเป๋าใบหนึ่ง
ความดีใจ ยินดี ความปลื้มเปรมปรีซ่อนอยู่ตรงภายใน

อา ฟ้าประกายด้วยสีสัน ดวงไฟผลิบานเมื่อค่ำนั้น ทำให้ใจเรารวดร้าว
อา ลมจะพาความหงอยเหงา ไปกับกาลเวลา

รอยยิ้มและความสุข วันที่เคยสนุก ทุกเรื่องราวที่เราเคยผ่านมันด้วยกันมา
ซ่อนไว้ภายใน ในโลกที่รู้อยู่แค่สองคน

จะจดจำไว้ทุกๆครั้ง ช่วงเวลาที่เรามี ฝันและวันดีๆ ฉันไม่มีวันลืม
และฝากความหวัง ว่าเราจะคืนมาพบ ไม่ว่ามันจะนานแค่ไหน

อยากเอ่ยคำนั้นทุกครั้งให้ได้รู้ ว่าวันวานที่เรามี ฉันดีใจจริงๆที่ได้มาเจอเธอ
เก็บมันเอาไว้ ลืมความโศกเศร้า เมื่อถึงวันที่ต้องจากกัน
จารึกลงในใจ จะไม่มีวันลืม

อา... คงไม่นานเท่านั้น เวลาที่เรามีกัน ในวันหยุดยาวหน้าร้อน
อา... ตะวันและดวงจันทราค่อยๆจากลาเราไป
ความทุกข์เศร้าความโศก ความเหงาใจ ความเจ็บ และเรื่องราวมากมายที่เราผ่านมันด้วยกันมา
ซ่อนไว้ภายใน ในโลกที่มีอยู่แต่พวกเรา

อยากเอ่ยคำนั้นทุกครั้งให้ได้รู้ ว่าวันวานที่เรามี ฉันดีใจจริงๆที่ได้มาเจอเธอ
เก็บมันเอาไว้ ลืมความโศกเศร้า เมื่อพวกเราต้องจากลาไกล
รอยยิ้มครั้งเยาว์วัย จะไม่มีวันลืม

แล้วเมื่อเราต้องจาก บอกลาตอนนี้
เขียนข้อความความรู้สึก พูดบอกเธอให้ได้รู้
ขออย่างเดียวเท่านั้น ก็คือเรื่องราวของฉัน ให้เธออย่าลืมได้ไหม
รวบรวมทุกอย่าง ในโลกที่รู้อยู่แค่สองเรา

จบลงไปแล้วใช่ไหม หน้าร้อน
ที่เราเคยเดินเคียงกัน แสงตะวันดวงดาว สีสันยังคงพราวๆ
จะจดจำไว้ว่าเคยมีภาพสายน้ำ ที่ไหลรินมาจากตาคู่นั้น

จะจับมือไว้ทุกๆครั้ง ข้ามวันคืนเดือนปีและเวลานาที ที่ฉันยังมีเธอ
ภาพความทรงจำเรื่องราวความฝัน ไม่มีวันจากลาเราไป

จะจดจำไว้ทุกๆครั้ง ช่วงเวลาที่เรามี ฝันและวันดีๆ ฉันไม่มีวันลืม
และฝากความหวัง ว่าเราจะคืนมาพบ ไม่ว่ามันจะนานแค่ไหน

อยากเอ่ยคำนั้นทุกครั้งให้ได้รู้ ว่าวันวานที่เรามี ฉันดีใจจริงๆที่ได้มาเจอเธอ
เก็บมันเอาไว้ ลืมความโศกเศร้า เมื่อพวกเราต้องจากลาไกล
รอยยิ้มครั้งเยาว์วัย ในหน้าร้อนวันวาน
จารึกลงในใจ จะไม่มีวันลืม....

เสียงปรบมือกระน่ำดังขึ้นราวกับเสียงของฟ้าร้องฟ้าผ่าและดูเหมือนจะไม่มีใครหยุดปรบมือแม้แต่คนเดียว บ้างคนก็กอดคอร้องไห้น้ำตาไหลผลากยาวเป็นแม่น้ำไนล์กับเพื่อน บางก็ยืนจับกลุ่มอยู่กับเพื่อน ส่วนฉันนะเหรอยืนจับมืออยู่บนเวทีกะยัยขนุนเพื่อนรัก แล้วฉันก็หันไปบอกยัยขนุนว่า
“ฉันรักแกว่ะเพื่อน สัญญาเลยนะว่าต่อให้เราสองคนอยู่กันไกลแค่ไหนฉันไม่มีวันที่จะลืมแกเลย” พอฉันพูดจบขนุนก็ร้องไห้ออกมาแล้วซบหน้าลงตรงหน้าอกของฉัน (ยัยนี้เตี้ยซบไม่ถึงไหล่ไมถึง -*-) แล้วพูดว่า
“ฉันก็เหมือนกัน จะไม่มีวันลืมเลย”

22:30 น.
ตอนนี้ฉันเดินหาเซต้าทั่วงาน เพราะว่าตอนนี้ฉันอยากกลับบ้านแล้ว และที่ต้องตามหาเขาก็เพราะวันนี้ฉันไม่ได้ขับรถมาเอง เซต้าเขาไปรับฉันที่บ้าน และตอนนี้ฉันแลดูเหมือนยัยบ้ายังไงก็ไม่รู้ เดินหาเพื่อนเขาคนนั่นทีคนนี้ที แล้วถามว่ามีใครเห็นเซต้าบ้าง และก็ได้คำตอบที่น่าแปลกใจมาว่า “มันอยู่ที่ม้าริมสะน้ำตรงที่ให้อาหารปลานู่”
“ เหรอ ขอบคุณนะ” ฉันพูดขอบคุณเขาแล้วริบเดินไปหาเขาที่นั่นทันที่
อะ นั่นไงเจอเขาแล้วนั่งอยู่บนม้านั่งนั่นไง
“เซต้า” ฉันตะโกนเรียกเขา ทำให้เขาหันกลับมาพร้อมกับเรียกให้ฉันไปนั่งข้างๆ เขา
“มานี้สิเอลเซ่ มานั่งนี้สิ”
ฉันค่อยๆเดินเขาไปหาเขาอย่างช้าๆ พร้อมกับถามเขาออกมา
“ทำไมมานั่งอยู่คนเดียวที่นี้ล่ะ”
“ไม่มีอะไรหรอเอลเซ่เราแต่อยากนั่งคิดอะไรเงียบๆน่ะ”
“เหรอ"
“อื้ม...แล้วนี้เอลเซ่มาหาเราที่นี้มีอะไรเหรอ” เขาถามฉันกลับมาเหมือนต้องการเปลี่ยนเรื่อง
“อ๋อ เราแค่จะมาชวนเซต้ากลับบ้านนะ เพราะตอนนี้งานก็ใกล้เลิกแล้ว แล้วเราก็อยากนอนแล้วด้วย อีกอย่างหนึ่งพรุ่งนี้เรายังจะตองไปงานคอสเพลย์อีก”
“งันก็กลับบ้านกัน” เขายิ้มให้ฉันแล้วเราก็เดินไปที่รถพร้อมกัน
มันเป็นช่วงเวลาที่ฉันมีความสุขที่สุด หลังเลิกงานเขาก็ไปส่งฉันที่บ้านและกลับบ้านของตัวเอง
ป.ล. สรุปแล้วนี้มันงานอะไรกันแน่ งานจบการศึกษาหรืองานแต่งงาน เพราะตลอดงานมีแต่นคนพูดว่าสองคนนี้ดูเหมือนเจ้าบ่าวเจ้าสาวจริงๆเลย ส่วนอาจารย์ทั้งหลายก็รู้สึกเหมือนจะแกล้งฉันกับเซต้า แซวบ้าง อย่างนู้น อย่างนี้บ้าง...เหนื่อใจจริงๆ เลยฉัน (ถ้าอาจารย์แน่ไม่เอาทะเบียนสมรถมาให้จดเลยล่ะคะ)




elice
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 ต.ค. 2556, 16:31:01 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 ต.ค. 2556, 16:33:07 น.

จำนวนการเข้าชม : 1092





<< 2   4 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account