กรุ่นไอรักหลังลมร้อน
สบายๆ คลายเครียด..
Tags: สาวขอนแก่นเข้ากรุง

ตอน: ตอนที่2 : คำขอโทษ

"คุณนาง...ได้หรือยังครับเอกสารที่ผมขอไปเมื่อสักครู่นี้” นี่แหละเสียงหัวหน้าฉัน...หล่อชะมัด
ญาติเลยพับผ่าเถอะ! นี่ขนาดแค่น้ำเสียงผ่านมาทาง Speaker phone นะยังนุ่มได้ขนาดนี้...
ประมาณรถด่วนที่เพิ่งทอดเสร็จใหม่ๆ ควันหอมฉุย...โรยซอสนิดๆ เยาะเกลือหน่อยๆ นุ่ม!..จัด
จ้าน! จัดจ้าน! นึกแล้วน้ำลายไหล.. นั่งเท้าคางหลับตายิ้มพริ้ม

“คุณนาง...” สะดุ้งโหยง! แขนแทบล่วงหล่นจากโต๊ะ..ใบหน้าเกือบคะมำมาข้างหน้า..อึยส์! มา
ยืนตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย

“ค่ะ..ค่ะ..ค่ะ...ได้แล้วค่ะ...นางกำลังจะเดินเอาเข้าไปให้พอดี” กุลีกุจอ หันซ้ายหันขวาหา
ใหญ่ แล้วก็เจอยื่นส่งให้ฉับ! หน้ายิ้มแป้นแล้น...

“นี่ค่ะ!...เอกสารที่คุณดลต้องการได้อย่างใจประสงค์..มาถึงมือท่านแล้ว...ยู้ฮู!” ดลชัยหัวเราะ
ตั้งแต่ทำงานด้วยกันมา ดลชัยไม่เคยเห็นความเคร่งเครียดของสาวตรงหน้าเลยซักครั้งมีแต่
เสียงหัวเราะ สีหน้าสีตาบ่งบอกว่าเป็นคนอารมณ์ดียิ้มแย้มตลอด..ทำงานด้วยแล้วมีความสุข

“ขอบคุณครับ” แล้วก็หายวับเข้าไปในห้อง คนางค์นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่..ขอบคุณครับ กรี๊ดดด!
เพราะจังเลย ช่างเป็นสุภาพบุรุษซะเหลือเกิน..ขอบคุณครับ!..จ๊ากกก!..อยากฟังอีกซักร้อย
หน พระเจ้าทำไมมันช่างเพราะบาดจิตบาดใจเช่นนี้...เฮ้อ! จะมีใครโชคดีอย่างฉันอีกมั๊ยเนี่ย..
ได้นายที่ทั้งหล่อ ทั้งน่ารักแถมยังนิสัยดีอีกตังหาก....

ฉันทำงานที่นี่ได้ยี่สิบวันแล้วล่ะ พอดีเป๊ะ! ๆ มิขาดมิเกิน..ทำในตำแหน่งผู้ช่วยฝ่ายกฎหมาย...
คุณดลชัยเป็นทนายประจำบริษัทฯ นี้...งานของฉันคือทำทุกอย่างที่คุณดลสั่ง...แต่ไม่ใช่เลขา
นะ! เพราะตำแหน่งฉันคือผู้ช่วย...บริษัทฯ ที่ฉันทำงานอยู่นี่ถือว่าใหญ่มากๆ เรียกว่าเป็น
บริษัทฯ เกี่ยวกับ อสังหาริมทรัพย์ระดับต้นๆของเมืองไทยเลยก็ว่าได้...มีบริษัทฯ ในเครืออยู่
มากมายหลายแห่ง...ถ้านับด้วยมือก็คงจะไม่หมด...ทดในกระดาษคงจะพอไหว...

คุณดลชัยของฉัน ก๊ากก! ของฉัน ของฉัน..ของฉัน คงไม่มีใครรู้หรอก..เพราะฉันแอบเรียกใน
ใจอยู่บ่อยๆ คุณดลชัยของฉันเนี่ย..เป็นเพื่อนสนิทกับเจ้าของบริษัทฯ..คุณธันวา เดชาบดินทร์
ก็ไอ้ตอดุ้นเบ้อเริ่มที่ฉันไปเดินชนวันแรกที่มาเริ่มงานนั่นแหละ...เค้าสองคนเป็นเพื่อนสนิทกัน..
อ้อ!ไม่ใช่สิมีอีกหนึ่งคน คุณภีม อินทรณรงค์...วิศวะกรใหญ่ขอบบริษัทฯ คนนี้ก็หล่อไม่แพ้คุณ
ดล...แต่คุณดลของฉันล้ำหน้าไปเส้นยาแดงผ่าแปด..หล่อไม่มีบันยะบันยัง..หล่อไม่เผื่อแผ่
เพื่อนฝูง อิอิ!

แจ๊ดมันบอกฉันว่า...อ้อ!ลืมบอกแจ๊ดนี่มันเป็นเลขาฝ่ายน่ะ...เข้ามาวันแรกก็สนิทกันแล้ว เรียก
ว่าถูกชะตาว่างั้นเหอะปากคอเข้ากันได้..คือเจอกันยังไม่พ้นวัน..สรรพนามแก กับ ฉันเนี่ยเรียก
กันให้ว่อนไปหมด เหมือนครบกันมาหลายปี...แจ๊ดมันบอกว่าถ้าสามคนนี่เดินด้วยกันนะ..สาวๆ
เป็นต้องมองเหลียวหลังเพราะรังสีความหล่อของทั้งสามคนมันจะแผ่..กินอณาบริเวณกว้าง
มาก..แต่ถ้าเปรียบเทียบความหล่อระหว่างทั้งสามคนแล้ว..มันก็ไม่เกินกันเท่าไหร่มันยังหงำกัน
อยู่...อ่ะ!งง ล่ะสิ! งง คำว่าหงำใช่มั๊ยล่ะ..หงำแปลว่าเกยกัน ทับกันอะไรประมาณนั้นแหละ แต่
รังสีความหล่อของคุณธันวามันจะแรงกว่าคนอื่นหน่อย..อันนี้แจ๊ดมันบอกฉันน่ะ..ฉันไม่เชื่อ
หรอกเพราะยังไม่เคยเห็นพวกเค้าอยู่ด้วยกันครบๆซักที..ตั้งแต่วันแรกที่ฉันทำสะเหร่อดกตก
อยู่แถวหน้าลิฟท์ ก็ยังมิได้พบปะเจอะเจอท่านเจ้าของบริษัทฯอีกเลย...เจ้าพระคู้น..โมทนา
สาธุ!..อย่าได้เจอะได้เจอกันอีกเลยเพี้ยง!

“เป็นอะไรนาง...ยกมือท่วมหัวท่วมหู” คนางค์สะดุ้งโหยง ลืมตาทันที

“แจ๊ด! ตกใจหมดมาไม่ให้ซุ่มให้เสียง” นี่แหละยัยแจ๊ด..ขาวๆ อวบๆ หุ่นมัดใจชาย แหม! ถ้ายัย
นี่แบ่งไอ้ตรงนั้นให้ฉันซักครึ่งก็คงจะดี..หุหุ..ผมน่ะ ผมแจ๊ดมันหนา!

“ทำไม!..บนอะไรอยู่เหรอ..หรือว่าขอเลขเด็ดบอกฉันมั่งสิฉันจะได้ไปซื้อหวยงวดหน้า”
คนางค์ หัวเราะเสียงดัง..แจ๊ดตาโต อือหือยัยนี่! หัวเราะไม่มีจริตเลย

“นี่ยัยนางแกหัวเราะให้มันเบาๆ หน่อยได้มั๊ย..เป็นผู้หญิงยิงเรือ..อ้าปากซะกว้างมองเห็นเข้าไป
ถึงลำไส้ใหญ่แล้ว”คนางค์ ค้อนควับ...

“แกนี่ปากไม่เหมาะกับหน้าตาเลย...แล้วมาทำไมมาเอาอะไรเหรอ..หรือว่ารายงาน..ฉันฝาก
เด็กไปส่งให้แล้วนี่”

“เปล่า!...เที่ยงแล้วย่ะคุณนาย..ข้าวน่ะ!ไม่กินหรือไง..หรือว่ากินความหล่อของคนในห้องเข้า
ไปเต็มกระเพาะแล้ว..ฮะ!” คนางค์ลอยหน้าลอยตาพูด บีบเสียงเล็กเสียงน้อย

“แจ๊ดดด!..พูดถูกใจเดี๋ยววันนี้ฉันเลี้ยงข้าว..คิดไว้เลยนะน้องสาวเดี๋ยววันนี้พี่เลี้ยงเอง!” แจ็ด
หัวเราะ นี่ละมั้งเสน่ห์ของคนางค์..กล้าพูด กล้าทำ..ที่สำคัญเป็นคนตลก ชอบทำตัวเปิ่นๆ ให้
แจ็ดได้หัวเราะอยู่บ่อยๆ คนางค์ยักคิ้วส่งให้..เปิดลิ้นชักหยิบกระเป๋าสตางค์ สายตาก็เหลือบไป
เห็นหนังสือในมือแจ๊ด

“หนังสืออะไรน่ะ แจ๊ด!” แจ๊ดยักคิ้วตอบ

“พระเอก! ของฉัน”

“ใคร! ศรรามเหรอ!” แจ็ดหัวเราะ พลางนั่งลงที่หน้าโต๊ะทำงานคนางค์

“อันนั้น! มันพระเอกในจอ...อันเนี้ยมันนอกจอ ตัวเป็นๆ เห็นกันจะ จะ”

“ใคร!..ไหนดูซิ” ดึงหนังสือจากมือแจ๊ด!..ก้มหน้างุดดูอย่างถ้วนถี่ แล้วก็เงยหน้าขึ้นมาขมวดคิ้ว
มุ้น..

“ใครน่ะ..หน้าคุ้นๆ”

“คุณธันวา...บิ๊กบอสย่ะ..MD...ของTD Goup Co.,Ltd. ที่แกกำลังนั่งทำงานอยู่นี่ไง นาง!”

“จริงง่ะ!” รีบก้มดูใหม่ อือหือ! ไม่ยักเหมือนกับตอนแรกที่เจอกันแหะ! ทำไมในนี้ดูหล่อจังอ่ะ
หรือว่า Retouch..เปลี่ยนรูปโฉมใหม่หมด...ตัดโหนกแก้มออกไปแน่ๆเลย...ลบตีนบนใบหน้า
ด้วยชัวร์ป๊าบบ!..ทำไมปากได้รูปจังเลยอ่ะ...ไหน! ไหน!..มีรอย Retouch หรือเปล่าอยู่ตรง
ไหนเนี่ย!..และดูตาสิเจ้าชู้เชียว ตาหวานซะด้วย ดำสนิทอย่างกับถ่านแหนะ...เขียนไว้ว่าไง
เนี่ย....นักธุรกิจหนุ่มหล่อไฟแรง นายธันวา เดชาบดินทร์ เจ้าของบริษัทฯ อสังหาริมทรัพย์พัน
ล้าน TD Group Co.,Ltd. เผยรายละเอียดการนำบริษัทฯ เข้าสู่ตลาดหุ้น..อ่านต่อหน้า19

“นาง!...แกก้มซะหัวเกือบติดหนังสือมุดเข้าไปเลยดีมั๊ย เฮอะ!..อะไรจะสนใจขนาดนั้น..อ๊ะ!
หรือว่าจะเปลี่ยนใจ..อย่านะ! คนนี้ฉันหวง..ห้ามเด็ดขาด!” นั่นแหละถึงเงยขึ้นมาได้

“ใครบอก! ฉันแค่อ่านไอ้ตัวหนังสือนี่เท่านั้นแหละ! ตัวมันเล็กก็ต้องก้มดูใกล้ๆ ไม่งั้นมันจะเห็น
เหรอ..วันนี้ไม่ได้ใส่คอนแทคเลนส์มาด้วย.. แว่นก็ดันลืมเอามาอีก” แก้ตัวไปน้ำขุ่นๆ ทำหน้า
ตาจริงจังมาก

“เออแล้วไป...ไอ้ฉันก็นึกว่าแกจะเปลี่ยนใจ..เห็นพินิจพิเคราะห์ซะใกล้ชิดขนาดนั้น” คนางค์
เบะปาก

“Impossible..ไม่มีวันย่ะ คนางค์ซะอย่างรักเดียวใจเดียว..ใจดวงนี้มอบแด่คุณดลเท่าน้านนน”
เอามือกุมไว้ที่อก..หลับตายิ้มพริ้ม..แจ๊ดหัวเราะ

“เป็นเอามาก...ไปยังนางฉันหิวแล้วบ่ายนี้มี Management meeting ด้วย บิ๊กเบิ้มมากันหมด..
รีบกินจะได้รีบขึ้น..วันนี้ฉันต้องเดินรายงานการประชุมด้วยเวรฉัน..คุณปานสั่งมา”นั่นแหละถึง
ได้เคลื่อนย้าย ขยับขยายลุกออกจากโต๊ะได้

ทั้งสองลงมากินอาหารที่ชั้น19 เป็น Food course ที่ทางตึกจัดเตรียมไว้ให้ ขายอาหารให้
พนักงานในราคาย่อมเยาเสียงจ๊อกแจ๊ก จอแจ ดังระงมไปหมด คนางค์รีบเดินไปสั่งอาหารร้าน
ประจำ..เพราะตั้งแต่ทำงานมายี่สิบวันเข้าวันนี้ยังไม่เคยเปลี่ยนร้าน กินร้านนี้ร้านเดียวตลอดจน
สนิทกับเจ้าของร้านไปเลย

“แปะค้า..เล็กน้ำ” อาแปะเงยหน้าขึ้นมอง

“อานางอ่า...รื้อกินแต่เล็กนั้ง..เล็กนั้ง แล้วเมื่อไหร่รื้อจาโตว้า”

“แปะอ่ะ...พูดจาหยาบคายรู้ได้ไงว่านางไม่โต..ออกจะสะบึม อึ๋มอวบขนาดนี้” มีโพสท่าให้ดู
ด้วย..คนยืนต่อคิวข้างหลังหัวเราะคิกคัก คิกคัก

“ไปกันหญ่ายยแล้วอานาง...อั๊วหมายถึงแบบนั้นที่หนายกัน รื้อซี้ซั้วต่าอ่า...อั๊วหมายถึงตัวรื้อ
มังเล็กไม่สูงใหญ่เหมือนสาวๆ สมัยนี้ตังหากล่า..หน้าตารื้อออกจะสวยคม ถ้าสูงอีกนิดรื้อไป
ประกวดมิดไชน่าทาวน์ได้เลยน้า..” ส่ายหัวยิก ยิก ส่งชามก๊วยเตี๋ยวให้คนางค์...ชามเบ้อเริ่ม
เทิ่ม

“แล้วดูซิน่ะ มีแต่เส้งเล็ก..กับนั้ง ไม่มีอย่างอื่นเลยแล้วมันจาอาหร่อยอารัย” ในชามมีแต่เส้น
เล็กกับน้ำจริงๆ คนางค์ยิ้มแป้นได้ของถูกใจ...รีบยื่นตังค์ส่งให้อาแปะ...อาแปะโบกมือหยอยๆ

“เอาไปเหอะแปะเลี้ยง..ไม่มีเครื่องเลยแปะไม่กล้าคิกตังค์หรอก” คนางค์เลิกคิ้ว

“ไม่เอาอ่ะแปะ...ถ้าไม่รับตังค์เดี๋ยวนางไม่กินของแปะอีกเลยนะ..” นั่นแหละถึงยื่นมือมารับได้
แต่หน้าตายังไม่สบอารมณ์อยู่

“น่าแปะน่า...เดี๋ยวค่อยเลี้ยงนางมื้อใหญ่กว่านี้แล้วกัน..เดี๋ยวนางจะกวาดไม่ให้เหลือหรอเลย”
ว่าแล้วก็ยิ้มแป้น ประคองชามใบใหญ่เดินมาที่โต๊ะ..แจ๊ดเงยหน้าจากจานข้าว ยิ้มเผล่ออกมา

“ฉันว่าแล้ว..มันต้องเป็นไอ้เล็กกับไอ้น้ำ..ญาติสนิทมิตรสหายของแกยัยนาง..ซื้อหวยไม่ยัก
ถูกเหมือนอย่างงี้”

“ก็ฉันชอบนี่...ชอบก็ต้องกินบ่อยๆจะได้หายเบื่อไปข้างนึงเลยไง” เอาตะเกียบหมุนเส้นอย่าง
เร็ว

“นี่แกยังไม่เบื่ออีกเหรอ...ปาเข้ามาเกือบค่อนเดือนแล้ว..ฉันเห็นแกกินแต่ไอ้อย่างเนี้ย..ผัก
เผิก หมูเหมอก็ไม่กินกับเค้า..มันจะอยู่ท้องเหรอนาง”

“อยู่สิ..ชามเท่าอ่างเนี่ย..ขืนไม่อยู่นี่ก็ต้องอ๊วกแล้วล่ะ” ซูดเส้นเข้าปาก จ๊วบ!

“เออจริง! ตอนที่ฉันเห็นแกกินครั้งแรก ฉันก็นึกว่าแกจะลดความอ้วน ที่ไหนได้ล่อซะชามอ่าง..
คงจะเป็นความชอบจริงๆนั่นแหละ...อ่ะ! อ่ะ!กินไป ไม่ขัดและ” หัวเราะหึ หึ ก้มหน้ากินข้าวใน
ชามตัวเอง ซักแป็บก็ส่งเสียงอุทานออกมา คนางค์ตกใจเงยหน้าขึ้นมองปากเคี้ยว แหงบๆ

“เป็นอะไรแจ๊ด! ตกใจหมด” แจ๊ดยิ้มแป้นหน้าตาตื่นเต้น สายตามองไปข้างหน้า ยื่นมือมาเขย่า
แขนคนางค์ ยิก ยิก ส่งเสียงมาเบาๆ

“นาง!...สามทหารเสือเดินมา.. กรี๊ดดด! หล่อมากเลยอ่ะแกลองหันไปดูสิ” คนางค์ค่อยๆ หัน
ไปมอง มีอันต้องสำรัก

“เป็นอะไรนาง..สำรักความหล่อเลยเหรอแก..ฉันบอกแล้วยิ่งคนกลางนะ..คุณธันน่ะหล่อมั๊ก!
มั๊ก” กระซิบกระซาบ ระริกระรี้ใหญ่ คนางค์รีบหยิบทิชชู่มาซับปากแจ๊ดยังไม่หยุดพร่าม

“แกดูสิ..สาวๆมองกันเหลียวหลังเลยอ่ะ” คนางค์หันไปมองใหม่เพ่งเต็มที่..ก็งั้นๆแหละ..ใส่
สูทแล้วดูดีขึ้นมาหน่อยเท่านั้นแหละ...สู้คุณดลก็ไม่ได้..คุณภีมยังดูดีกว่าเลย เสียงแจ๊ดยังดัง
อยู่ข้างๆหู

“นาง..กำลังเดินมาทางนี้ด้วย..กรี๊ดดด!..ตรงมา..ตรงมาเลยค่ะคุณธันขา” คนางค์ตาเหลือกรีบ
หันกลับมา เลี้ยว! อย่ามานะ อย่าเข้ามานะ

“ตรงมาเลย..มาสิจ๊ะพ่อยอดขมองอิ่มของแจ๊ด ตรงมา!” คนางค์ก้มหน้างุดเอาหน้าฟุบไปบน
โต๊ะ..อย่านะ อย่าเข้ามานะ เลี้ยวออกไปซะ..อย่านะ

“มาแล้วนาง..มาแล้ว..ตรงมาเลย” อ๊ากก! ไอ้บ้าอย่านะ อย่าเข้ามานะไปซะ..เลี้ยวไปซะ

“หวัดดีครับ คุณแจ๊ด!” คนางค์สะดุ้งโหยง หัวยังคงก้มอยู่

“หวัดดีค่ะ คุณดล..คุณภีม..คุณธันวา” เสียงแจ๊ด ตอบไป ที่ใต้โต๊ะก็เตะขาคนางค์ยิก ยิก
คนางค์ยังไม่ยอมเงยก้มอยู่อย่างงั้น

“ลงมาทานข้าวเหรอคะ..นั่งด้วยกันมั๊ยคะ” ว๊าย! นังแจ๊ดเดี๋ยวฉันจะเลาะฟันแกไปชวนเค้าทำไม

“ดีครับ..นี่พวกผมเดินเข้ามาก็จะมาขอนั่งด้วยแหละ” ว่าแล้วก็นั่งแปะลงบนเก้าอี้..คนางค์ยังคง
ก้มหน้าอยู่พยายามไม่รับรู้ถึงสิ่งรอบข้าง..อย่าถามฉันนะ! อย่าคุยกับฉัน อย่าแม้แต่จะคิด...
ขอร้องงง!

“คุณนางเป็นอะไรก้มหน้านิ่งเชียว..ไม่สบายหรือเปล่าครับ” ฮือ! ฮือ! ฮือ! ตายแล้ว! เสียงสุดที่
เลิฟ ทำไงดีล่ะ! ค่อยๆเงยหน้าขึ้น

“นะ นะ นิดหน่อยค่ะ ไม่สบายนิดหน่อย” ยิ้มแหยๆส่งให้ดลชัยที่นั่งอยู่ตรงข้าม..เหลือบเห็น
แจ๊ดทำหน้าเหวอ..ยักคิ้วแผล๊บๆ ส่งให้..คนางค์ งง!ถลึงตาใส่..อะไรล่ะยัยนี่พยักเพยิกอยู่ได้
ชอบทำให้ฉันเป็นจุดสนใจนักใช่มั๊ย! ยังอีกทำไมไม่พูดออกมา

“เส้นติด อยู่ที่หน้าผากน่ะ” คนางค์สะดุ้งโหยง รีบหันควับมาแล้วตาก็เบิกโพรง

“ค..คะ คะ ค้า!” ยังตกใจอยู่...ธันวาทำหน้าเซ็ง เบ๊อะ บ๊ะ!จังเลยยัยนี่!

“บอกว่าเส้นก๊วยเตี๋ยวมันติดอยู่ที่หน้าผากน่ะ..ใช้หน้าผากกินด้วยเหรอ!” พูดเสร็จก็เตรียมจะ
เอื้อมมือหยิบออกให้ คนางค์ตกใจตวาดแว๊ด!

“จะทำอะไร” ตีมือธันวาดังเพี๊ย! ธันวาตาโต

“จะเอาออกให้” น้ำเสียงสูง เริ่มหงุดหงิด! นั่นแหละคนางค์ถึงเริ่มรู้ตัว ยิ้มเผล่ออกมา

“มะ..มะ..ไม่ต้องค่ะ..อะ อะ..เอาออกเองได้..แฮะๆ” รีบหันหน้ากลับมา เอามือปัดส่วนเกินบน
ใบหน้าอย่างเร็ว...คิดจะมาแต๊ะอั๋งฉันเหรอ!รอชาติหน้าเถอะ!..ภีมที่นั่งอยู่ในกลุ่มด้วยเห็นท่า
ทางคนางค์ก็หัวเราะออกมา

“หมดแล้วครับคุณนางออกหมดแล้ว..เดี๋ยวหน้าพังกันพอดี” คนางค์เงยหน้าทันที

“เหรอค้า..ขอบคุณมากค่ะ” ยิ้มพริ้มเห็นฟันขาวจั๊ว ดลชัยกับภีมไม่เว้นแม้แต่แจ๊ด หัวเราะชอบ
ใจใหญ่ ขำ! จะมีก็แต่ชายหนุ่มที่นั่งข้างๆ คนางค์เท่านั้น รู้สึกขัดลูกนัยย์ตาชอบกล

“ติ๊งต๊อง!” เปรยออกมาเบาๆ..คนางค์หูกระดิกกำลังจะหัน..แต่เสียงแจ๊ดนำหน้ามาซะก่อน

“เอ่อ!ไม่ทราบว่าคุณสามคนจะทานอะไรดีคะ..เดี๋ยวแจ๊ดไปสั่งให้” ธันวาหันมายิ้ม

“ไม่เป็นไรครับ..เดี๋ยวพวกผมจัดการเอง”ทำเอาแจ๊ดหน้าบาน..คนางค์เห็นแล้วหมั่นไส้..บาน
เป็นจานเชียวนะแกนังแจ๊ด!

“คุณนางอิ่มหรือยังครับ..จะต่ออะไรมั๊ย” กรี๊ดด! คุณดลน่ารักจังเลยมีถามด้วย กำลังจะอ้าปาก

“โอ๊ย! ไม่อิ่มก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้วไอ้ดล..ดูซิน่ะชามเท่าบ้านคุณเธอยังกินไม่มีเหลือหลอ..หรือ
ว่ายังไม่อิ่ม” หันหน้ามาถาม หญิงสาวหน้างอส่งเสียงออกมาเบาๆ

“อิ่มแล้วค่ะ” ชายหนุ่มอมยิ้มมุมปาก..ภีมหัวเราะเสียงดัง

“เจ้าธัน...คุณนางกลัวจนตัวลีบแล้วน่ะ..นั่งซะชิดขนาดนั้นถอยออกมาหน่อย”

“แกรู้ได้ไงว่ากลัว เห็นตัวเล็กๆอย่างเงี้ยเก่งใช่ย่อยนะ” ดลชัยเลิกคิ้ว

“พูดเหมือนเคยเจอกันมาก่อน” อย่านะ! อย่าเล่านะ..ขอร้องล่ะฉันอาย!

“เจอกันมาแล้ว!” ไอ้บ้านี่..จะไม่พูดก็ไม่มีใครเค้าว่าหรอกนะ หันมาค้อนส่งให้ธันวาหนึ่งควับ
ชายหนุ่มหันมาเห็นพอดีหัวเราะหึ หึ

“แต่ที่ไหนฉันก็จำไม่ได้แล้วล่ะ..ไม่ได้อยู่ในความทรงจำ” แหวะ!..หยั่งกับฉันอยากจำนักนี่

“ที่ไหนนะเธอ!” ส่งเสียงถามมาดื้อๆ เล่นเอาคนางค์ตาเหลือก รีบระล่ำระลักตอบออกไป

“คะ..คือ..ดะ ดิฉันก็จำไม่ได้เหมือนกัน..สงสัย อะ เอ่อ! เส้นเล็กมันอุดตัน..สมองไหลชั่วคราว
แหะ!ๆ” ตอบไปข้างๆ คูๆ เอาตัวรอดไปก่อน คนบนโต๊ะหัวเราะคิก คิก..ขำ!...ธันวาเบ้หน้าส่ง
ให้ มั่ว! แล้วก็เลิกสนใจหันไปหาภีม กับดลชัยชวนกันลุกขึ้นไปสั่งอาหาร

“ธันคะ” เสียงใสๆ ดังเข้ามา ทั้งสามคนที่กำลังจะลุกก็หยุดชะงักงัน หันไปมองเป็นตาเดียว
พลอยทำให้คนางค์ กับแจ๊ดหันไปมองด้วย...เห็นหญิงสาวสองคนกำลังก้าวเข้ามาหา..แม่เจ้า
โว้ย! ไม่หนักหน้าบ้างหรือไงวะน่ะ..โบ๊ะซะ!..นี่ถ้าไอ้เปี๊ยกเห็นมันคงจะตั้งฉายาว่าแม่นางหน้า
หนักแน่ๆ..อิอิ!..แต่ก็โอเคสวยดี...อ๊ะ..แต่คนหลังดูดีกว่าน่ารักจัง!..เหมือนตุ๊กตาเลย..คนางค์
นั่งยิ้มพริ้ม แจ๊ดหันมาเห็นพอดีเอาขาสะกิดยิก ยิก อยู่ใต้โต๊ะ ส่งเสียงออกมาเบาๆ

“เป็นบ้าอะไรยัยนาง..ยิ้มเป็นเด็กปัญญาอ่อนไปได้” แหมนังนี่! ดูมัน! แต่ละคำที่มันพูดกับฉัน..
ไม่ได้ถนอมน้ำใจกันเล้ย..เพื่อนน่ะคำว่าเพื่อน มันจะเห็นคุณค่าบ้างมั๊ยเนี่ย..คนางค์มองตา
ขวางกระซิบข้ามโต๊ะส่งไปบ้าง

“ใครอ่ะ..แจ๊ด!” แจ๊ดกำลังจะอ้าปาก..แต่ก็ต้องหันกลับไปมองใหม่ด้วยกันทั้งคู่

“วิตามหาซะทั่วนึกว่าจะไม่เจอซะแล้ว..ดีนะคะที่วิเจอน้องษาหน้าลิฟท์ไม่งั้นคงได้คาดกัน..
และวิโทรเข้ามาทำไมธันไม่รับสายวิล่ะคะ” หญิงสาวนามว่าวิลดาเอ่ยน้ำเสียงตัดพ้อ..วิลดา ดำ
รงศ์เกียรติ์ลูกสาวนักการเมืองชื่อดัง..ตอนนี้กำลังเร่งทำคะแนนเพื่อว่าจะแซงสาวๆ ที่แวดล้อม
ธันวาอยู่..และดูเหมือนวิลดาจะทำเกือบสำเร็จแล้วด้วย..เพราะสาวๆที่รายล้อมรอบๆตัวธันวา
แทบจะไม่เหลือหลอ..เพราะถูกหญิงสาวตีแตกกระเจิงไปเกือบหมด จะเหลืออยู่ก็อีกหนึ่งคน..
ปานระวี เลขาสาวของชายหนุ่ม...

“ผมลืมไว้ข้างบนน่ะครับ..ไม่ได้เอาลงมาด้วย”

“แหม! ทำไมขี้ลืมจังล่ะคะ...” ตีแขนธันวาเบาๆหยอกเอินทำเหมือนธันวาเป็นเด็ก..นั่งลงข้างๆ
ชายหนุ่ม..

“ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีกรู้มั๊ยคะ..โทรศัพท์เดี๋ยวเนี้ยเป็นสิ่งจำเป็นขาดไม่ได้ ยิ่งทำงานอย่างธัน
เนี่ย..ห้ามลืมเด็ดขาด!” ชายหนุ่มสองคนที่นั่งอยู่บนโต๊ะถึงกับหัวเราะออกมาเบาๆ ขำ!..ธันวา
ทำหน้าไม่ถูก..เหลือบเห็นเมษายืนอมยิ้มฟังอยู่..ขมวดคิ้วส่งให้

“กินข้าวยัง...ยัยษา” เมษาเห็นหน้าพี่ชายยิ่งยิ้มหนักขึ้นไปอีก..ทำไมเมษาจะไม่รู้ว่าพี่ชาย
ขมวดคิ้วส่งให้ด้วยเรื่องอันใด..ธันวาพยายามจะหลีกเลี่ยงวิลดาตลอด..พยายามจะเจอหญิง
สาวให้น้อยที่สุด..ไม่อยากยุ่งเกี่ยวมาก เพราะรู้ถึงกิตติศัพท์พ่อของวิลดาดีว่าไม่ค่อย
ขาวสะอาด..ไม่โปร่งใสเท่าไหร่..แต่ก็ต้องทำแบบบัวไม่ให้ช้ำน้ำไม่ให้ขุ่น..ไม่อยากโฉ่งฉ่าง
มากนัก..กลัวจะกระทบกระเทือนถึงบริษัทฯ

“ยังไม่ได้กินค่ะ..ว่าจะลงมากินข้างล่างนี่แหละ”

“มา! งั้นก็นั่งด้วยกันนี่” ภีมส่งเสียงมา กำลังจะขยับที่ให้

“ไม่เป็นไรค่ะพี่ภีม เดี๋ยวษาไปนั่งตรงนั้นก็ได้” ชี้นิ้วมาข้างๆ คนางค์...คนางค์ยิ้มยิงฟันแหย..
รีบกุลีกุจอ ลุกจากเก้าอี้...เสียงเลื่อนเก้าอี้ทำให้ธันวาหันมามอง..เห็นคนางค์เอามือตบเก้าอี้
ข้างๆ ตัวแปะ! แปะ!..เป็นบ้าอะไรของเค้าน่ะ..ประสาทจริงๆยัยนี่

“เชิญค่าคุณษา..นางปัดให้เรียบร้อยแล้ว..มิเปรอะ มิเปรอะ..แฮะๆ” ยิ้มหน้าบาน ดลชัย กับ
แจ๊ดนั่งหัวเราะกับท่าทางตลกๆของคนางค์ ที่จะมีให้เห็นอยู่ตลอดเวลา...

“ขอบคุณมากค่ะ...ษา..ชื่อเมษาค่ะ อยู่ทีมบริหารชั้นสามสิบแปด” คนางค์ยิ้มแป้น

“นาง..ชื่อคนางค์ค่ะ...เรียกนางเฉยๆก็ได้ เป็นผู้ช่วยคุณดลสุดหล่อ..อยู่ชั้นสามสิบแปดลบสิบ
เหลือยี่จิบแปดค่ะ” หัวเราะกันเกือบทั้งโต๊ะแม้กระทั่งธันวาที่ไม่ค่อยจะกินเส้นกับคนางค์เท่า
ไหร่..ก็ยังหลุดยิ้มออกมาที่มุมปากขำความต๊อง!ของคนางค์..แต่ที่เห็นจะไม่สบอารมณ์เลยก็
คงจะเป็นวิลดา ไม่ชอบใจที่คนางค์มาแย่งความเด่นของตัวเองไป..ยายบ้านนอก!..สะเออะมา
นั่งร่วมโต๊ะ ดูกิริยาท่าทางก็รู้แล้วว่าเป็นพวกต่ำ..ยายเลขาฝ่ายนั่นก็อีกคนเจอประจำ..ไม่มีที่ให้
ไปผุดไปเกิดบ้างหรือไงนะ..ไม่รู้ธันให้มันมานั่งด้วยทำไม!..นั่งหน้ามุ้ยบอกบุญไม่รับ หนุ่มๆ
พยักเพยิกหน้าชวนกันไปสั่งอาหาร...ธันวาหันมาชวนวิลดาออกไปด้วยกัน นั่นแหละหน้าถึง
บานได้ รีบลุกอย่างไว ธันวาหันหน้ามาหาน้องสาว

“ษาแกจะเอาอะไร..เดี๋ยวพี่สั่งมาให้”

“เดี๋ยวษาไปเอง” แล้วก็หันมาหาแจ๊ด

“หวัดดีค่ะคุณแจ๊ด!..ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ” แจ๊ดส่งยิ้มให้

“ค่ะคุณษา...แต่เดี๋ยววันนี้คงได้เจอกันทั้งบ่ายไปจนถึงเย็นเลยล่ะค่ะ..เพราะว่าวันนี้แจ๊ดเป็นคน
เดินเอกสารในที่ประชุม..เวรแจ๊ด!”

“จริงด้วย!...น่าเบื่อเนอะคุณแจ๊ด..ประชุมอีกแล้ว” เมษาทำหน้าเซ็งสุดขีด สายตาเหลือบเห็น
ชามก๊วยเตี๋ยวคนางค์ ก็ยิ้มแป้น

“ชามนี้คุณนางทานเองเหรอคะ..ชามใหญ่จัง”คนางค์หัวเราะเสียงดัง..

“ค่ะนางทานเอง..อร่อยมาก...คุณษาเคยลองหรือยังคะอาแปะเค้าทำอร่อยน้า” เมษาเลิกคิ้ว
อยากลองลิ้มชิมรสบ้าง

“ร้านไหนคะ”

“มาค่ะ..เดี๋ยวนางพาไป” แล้วคนางค์ก็ลุกขึ้นพลางหันมาหาแจ๊ด

“แจ๊ด..แกนั่งรอแป๊บนึงนะเดี๋ยวฉันมา” ซักแป๊บก็เดินกลับมา..ธันวาเห็นถึงกับเลิกคิ้วแปลกใจ

“ษา!..แกกินเข้าไปหมดเหรอน่ะ..ทุกทีเห็นกินอย่างกับแมวดม...วันนี้ล่อซะชามอ่าง”

“หมด..ษากินหมด ท่าทางจะอร่อย”

“อร่อย! ค่ะอร่อยนางรับประกัน” คนางค์รีบส่งเสียงสนับสนุน ยิ้มแป้นแล้น ธันวาทำหน้าเซ็ง
พยักเพยิกหน้าให้

“ใครถามความเห็น” คนางค์ค้อนกับลมส่งไป..เออ!ไม่พูดก็ได้วะ..ถือว่าเป็นเจ้าของบริษัทฯ
เหรอ กดได้กดใหญ่เชียวนะ..อย่าให้ถึงคราวอีนางบ้างแล้วกัน!...อาฆาตแค้นในใจ บนโต๊ะ
กลับมามีเสียงพูดคุยอีกครั้งคุยกันจ๊อกแจ๊ก เรื่องงานบ้าง เรื่องส่วนตัวบ้าง..วิลดาชวนทุกคน
คุยหมดจะยกเว้นก็แต่ คนางค์ กับแจ๊ด..ทำเหมือนกับสองสาวเป็นอากาศทาสไม่อยู่ในสาย
ตา..

“นี่คุณนางต้องเข้าประชุมบ่ายนี้ด้วยหรือเปล่าคะ” เมษาเงยหน้าขึ้นถามหลังจากที่ส่งลูกชิ้นเข้า
ปาก

“อ๋อ!..ไม่ต้องค่ะพอดีเรื่องไม่เกี่ยวกับนาง..เพราะฉะนั้นไม่ต้องเข้า” อมยิ้มพริ้ม

“ใครบอกว่าไม่ต้องเข้า” คนางค์ตาเหลือกรีบหันไปหาธันวา

“นะ..นาง..เอ๊ย! ดิฉันต้องเข้าด้วยเหรอคะ”ธันวาเลิกคิ้ว

“นี่เจ้าดลไม่ได้บอกเธอเลยเหรอ..ว่าเป็นผู้ช่วยฝ่ายน่ะมันต้องรู้ความเป็นไปของบริษัทฯ วันนี้
เค้าจะปรับเปลี่ยนองค์กรของบริษัทฯใหม่..เพราะฉะนั้นเธอต้องเข้าด้วย..จ้างมาแพงนะ ทำงาน
ให้คุ้มกับค่าจ้างหน่อย..ถามมาได้..บื้อจริงๆ” ทุกคนได้ยินหมดบนโต๊ะหยุดการเคลื่อนไหว..
คนางค์นิ่งอึ้งไม่คิดว่าธันวาจะพูดออกมาแบบนั้น..เริ่มรู้สึกน้อยใจนิดๆ สายตาปรกติจะติดขี้เล่น
ตอนนี้เย็นชาขึ้นทันที!..ส่งน้ำเสียงเนิบๆออกไป

“ก็ไม่ทราบถึงถาม..ถ้าทราบแล้วคงไม่ถาม” ธันวาได้ยินหันมามอง เห็นสีหน้าของคนางค์ก็
แปลกใจ..โกรธเป็นด้วยเหรอยัยนี่..นึกว่าจะมีอารมณ์เดียว หญิงสาวเลิกสนใจธันวาตัดฉับ! ส่ง
เสียงถามดลชัยออกไป

“นางต้องเข้าด้วยใช่มั๊ยคะคุณดล!” ดลชัยพยักหน้า

“ครับ! เดี๋ยวตอนบ่ายคุณนางเข้าไปด้วยแล้วกัน..เข้าไปฟังเค้าหน่อยว่ามีเปลี่ยนแปลงอะไร
บ้าง”

“แล้วต้องเตรียมอะไรหรือเปล่าคะ” ถามเพื่อความแน่ใจ

“ไม่ต้องครับ..เดี๋ยวคุณแจ๊ดจัดการเอง” นั่นแหละคนางค์พยักหน้างึก งึก

“งั้นนางขอตัวนะคะ...ยังเคลีย์งานไม่เสร็จเลย”

“ครับ! เชิญครับ!” ดลชัยเห็นสีหน้าคนางค์แล้วสงสารเป็นยิ่งนัก..ไอ้ธันเอาอีกแล้ว..มันเป็น
อะไรของมันนะไอ้นี่ ดูจะค่อนขอดคุณนางอยู่เรื่อย...

คนางค์หันมาลาเมษา และก็ลุกขึ้นทันทีก้าวฉับๆ เดินออกไป..ธันวาขมวดคิ้วเหลือบตามองตาม
หลัง..พอหันกลับมาที่โต๊ะเห็นสายตาหลายคู่จ้องมาที่ตัวเองนิ่ง เหมือนกับเค้าทำสิ่งชั่วร้ายออก
ไปก็ไม่ปาน..ยัยบ้าเอ๊ย! ฉันเลยเป็นคนผิดไปเลยใช่มั๊ยเนี่ย!..วางช้อนลงบนจานทันที..ทำปาก
จึก จัก

“เออๆ ก็ได้ ก็ได้” ลุกจากเก้าอี้ควับ! เล่นเอาวิลดาตกใจเงยหน้าขึ้นมาทันที

“ธัน! คุณจะไปไหนคะนั่น” ไม่มีเสียงตอบรีบเดินลิ่วๆออกไป แจ๊ดจะลุกบ้าง แต่เมษาจับแขน
ไว้ก่อน

“จะไปไหนคะ..คุณแจ๊ด!”

“คือแจ๊ด! จะไปดูนางมันหน่อยน่ะค่ะ..ไม่รู้ว่าเป็นยังไงบ้างโดนไปหลายดอก” เมษายิ้มตาหยี
ส่งให้

“ไม่ต้องหรอกค่ะ...พี่ธันไปแล้ว”

“ธันไปไหนคะน้องษา” วิลดารีบส่งเสียงถามอย่างไว

“อ๋อ!...ไปเคลีย์งานน่ะค่ะ” วิลดาหน้าบึ้ง ธันนะธัน..นึกจะไปก็ไป..ชอบทำอย่างงี้ทุกที เห็นเรา
ไม่มีค่าเลยหรือไงนะ.....

คนางค์เดินฝ่าพนักงานงานหนุ่มสาว..ออกมาจาก Food course ดูเหมือนผู้คนจะมีเพิ่มขึ้น
เรื่อยๆ ยังไม่บางตาลงเลย..เดินหน้าง้ำเป็นม้าหมากรุก..นายธันวา ไอ้ทุเรศ..ตั้งแต่เกิดมาไม่
เคยมีใครมาว่าฉันว่าบื้อ..แม้แต่ไอ้เปี๊ยกมันก็ยังไม่เคย..แล้วนายเป็นใครถือดียังไงมาว่าฉัน ไอ้
บ้า! กดปุ่มเรียกลิฟท์อย่างกระแทก กระทั้น แล้วก็ต้องมีอันตกใจ มีมือดีมาจับข้อมือขวา
คนางค์ไว้ควับ..ลากอย่างเร็วหญิงสาวฝืนตัวไว้แต่ไม่เป็นผลตัวแทบจะลอยตาม

“ไอ้บ้า! จะพาฉันไปไหน”ปากพูดปาวๆ ไม่ได้ลืมหูลืมตา

“เงียบๆ” เสียงคุ้นหู นั่นแหละถึงจะลืมตาได้ พอเห็นเป็นธันวาก็ตกใจขึ้นไปอีก

“คะ..คุณจะทำอะไรฉัน..ไอ้ทุเรศ!เมื่อกี้ว่าฉันยังไม่พอใจใช่มั๊ย..ยังจะตามมาอีกเหรอ” แหก
ปากเสียงดัง ธันวาทำปากจึกจัก ลากคนางค์อ้อมโค้งมาที่ลิฟท์ส่วนตัว

“เงียบๆ น่า”

“จะให้ฉันเงียบได้ยังไง..จะทำมิดีมิร้ายกับฉันใช่มั๊ย..ไอ้บ้านี่!” เตะขาธันวา พลั๊วๆ ธันวาปัด
ป้องอย่างเร็ว

“นี่เธอ! อยู่เฉยๆ ได้มั๊ย” กดปุ่มลิฟท์ระรัว

“ไม่เอ๊า!...แล้วลากฉันมาที่ไอ้ลิฟท์บ้านี่ทำไม ปล่อยยย!”ประตูลิฟท์เปิดออก คนางค์ขืนตัว
ใหญ่จะไม่เข้า

“ปล่อยย! ปล่อยฉันสิ” ธันวาลากคนางค์เข้ามาจนได้..เอื้อมมือมาปิดลิฟท์ฉับ! คนางค์ตาโต
อิสรภาพกำลังจะหมดไป ...ม่ายยยย!

“กรี๊ดดดดดด!” แหกปากกรี๊ดดังลั่น ธันวาตาหยี..ต้องเอานิ้วอุดหูไว้เพราะเสียงหญิงสาวดัง
ทะลวงเข้าไปในโสดประสาท

“นี่ยัยบ้า..เบาๆ หน่อยได้มั๊ยหูฉันแตกหมดแล้ว” ตวาดแว๊ด!..คนางค์ตาโต เลือดขึ้นหน้า..

“คำก็บ้า..สองคำก็บื้อ..สามคำก็ติ๊งต๊อง!..คุณมันวิเศษวิโส มาจากไหน..อย่าถือว่าเป็นเจ้าของ
บริษัทฯ แล้วจะมาเบ่งอำนาจ บารมีนะ..ฉันไม่กลัวคุณหรอกออกเป็นออกกัน บริษัทฯ ใน
กรุงเทพฯ มีออกถมไป..หรือไม่ฉันก็กลับไปหางานที่บ้านฉันก็ได้..ฉันไม่ง้อคุณหรอก..ไอ้
บ้า!”จบด้วยคำอวยพร..เพิ่งรู้สึกตัวว่าเหนื่อยหอบแฮก! พูดไม่มีเว้นวรรค..ธันวาส่ายหน้าเซ็ง

“พล่ามจบแล้วใช่มั๊ย!” คนางค์มองตาขวางเริ่มไม่ไว้ใจ ถอยหลังกรูด

“ทำไม! คุณจะทำอะไรฉันอีก...ด่าด้วยคำพูดไม่พอใช่มั๊ย..ถึงขนาดจะทำร้ายร่างกายฉันเลย
เหรอ..คุณนี่มันไม่มีมนุษย์ธรรมเลยจริงๆ..ไอ้ทุเรศ!”จบด้วยคำอวยพรอีกครั้ง ธันวาเริ่มหัวเราะ
หึ หึ ยัยคนนี้นี่ ไม่บ๊อง! ก็บวมล่ะวะ..นึกได้เป็นฉากๆ

“หัวเราะอะไร ไอ้บ้า!” ส่งมาอีกคำ เกาะติดเป็นตุ๊กแกอยู่กับผนังลิฟท์ ชายหนุ่มเริ่มไม่สบ
อารมณ์ ตั้งแต่ก่อร่างสร้างตัวจนมีบริษัทฯใหญ่โตเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป..ยังไม่เคยได้ยินใคร
ว่าให้เข้าหูซักครั้ง ว่าเค้าบ้า หรือทุเรศ..เพิ่งจะมาได้ยินกับหูตัวเองก็ไอ้ครั้งนี้เนี่ยแหละ...และ
ไม่ใช่ครั้งเดียวด้วยตั้งแต่เข้ามาในลิฟท์..คนางค์อวยให้ซะสองสามหน..รู้สึกขัดเคืองใจตะ
หงิดๆ ส่งเสียงขู่ฟอดออกไป

“นี่เงียบซักทีได้มั๊ยแม่คุณ..ปิดซะมั่งปากน่ะไม่เมื่อยมั่งหรือไง..เดี๋ยวฉันก็ทำซะจริงๆเลย”
แกล้งทุบผนังลิฟท์ดังปัง!..คนางค์สะดุ้งโหยงเงียบกริ๊บ!..เริ่มใจคอไม่ดีทำปากดีไปอย่าง
งั้นแหละ..แต่ใจนี่เต้นเหมือนกลองระรัวอยู่ในอก ตุ๊บ! ตุ๊บ! ตุ๊บ! ตุ๊บ! ธันวาเหลือบตามองแว๊บ
นึง

“เออ! เงียบๆ อย่างงี้ค่อยพูดกันรู้เรื่องหน่อย..ทำโวยวายเสียงดังไปได้..ฉันไม่ทำอะไรเธอ
หรอกน่า..ไม่ใช่สเปค..แบนเป็นกระดานอย่างงั้นมองไม่รู้ว่าข้างหน้าหรือข้างหลัง..ผอมจนตัว
จะปลิวแล้ว..แถวบ้านไม่มีจะกินเหรอไง” มองคนางค์ตั้งแต่หัวจรดเท้า คนางค์ตาโตกำลังจะอ้า
ปาก

“อ๊ะ! อย่านะ..อย่าได้ส่งเสียงออกมาซักแอะ!..อย่าให้ฉันต้องกลืนน้ำลายตัวเอง..ไม่ชอบ!”
คนางค์หน้าหงิกไอ้บ้านี่! รอฉันออกไปได้ก่อนเถอะ เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่ในใจ กรอด! กรอด!

“ทำไม! คิดอะไรในใจ..อย่านึกว่าฉันไม่รู้นะ” คนางค์ตาเหลือกไอ้ทุเรศ..รู้ได้ไง..รีบดับความ
คิดฉับ! กลัวชายหนุ่มจะรู้ส่งเสียงออกไปเบาๆ ตัวก็ยังติดอยู่กับผนังลิฟท์อย่างงั้น

“ละ..ละ..แล้วคุณพาฉันมา นะ นะในนี้ทำไม” หน้าตาเหยเก..น้ำเสียงกล้าๆ กลัวๆ ชายหนุ่มนิ่ง
อยู่แป๊บนึง ส่งน้ำเสียงออกมาเบาๆเช่นกัน

“ขอโทษ!..เมื่อกี้ที่ฉันพูดกับเธอแรงไปหน่อยต่อหน้าคนอื่นน่ะ..ฉันขอโทษ!” คนางค์อึ้งอ้าปาก
หวอ..บรรยากาศอยู่ในความเงียบโดยฉับพลัน! เสียงดังติ๊งของลิฟท์ที่หยุดตัวลงบนชั้นบนสุด..
ทำให้คนางค์สะดุ้งโหยง หุบปากฉับ..ประตูลิฟท์เปิดออกชายหนุ่มกำลังจะหันหลังก้าวออกไป
นึกขึ้นได้หันหน้ามาใหม่

“เอาเป็นว่าระหว่างเราเคลีย์กันเรียบร้อยแล้วนะ..ไม่ติดหนี้ติดสินอะไรกันแล้ว..ถ้าเจอกันอีกฉัน
จะพยายามไม่ข้องเกี่ยวกับเธอแล้วกัน..ทางใครทางมัน”ว่าแล้วก็เดินออกไป คนางค์ยังคงยืน
นิ่ง...ประตูลิฟท์ปิดฉับ! นั่นแหละถึงกลับสู่สภาวะปกติ..เห็นปุ่มตัวเลขลิฟท์สว่างวาบอยู่ชั้นที่สี่
สิบรีบกดปุ่มที่ยี่สิบแปดอย่างเร็ว......


##########################################

ขอบคุณสำหรับคำคอมเม้นท์ค่ะ และก็ขอบคุณที่ยังติดตามเรื่องนี้อยูู่
รู้สึกผิดยังไงไม่รู้ดองไว้นานมากก^^ เอาเป็นว่าจะพยายามเข็นให้จบให้ได้ค่ะ



กรกนก
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 มิ.ย. 2554, 19:35:15 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 มิ.ย. 2554, 19:35:15 น.

จำนวนการเข้าชม : 1830





<< ตอนที่1 : เจอตอ   ตอนที่ 3 : ขาเป็นเหตุ >>
kitty 12 มิ.ย. 2554, 20:25:24 น.
ติดตามข่าวคราวมาตลอดคะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account