กรุ่นไอรักหลังลมร้อน
สบายๆ คลายเครียด..
Tags: สาวขอนแก่นเข้ากรุง

ตอน: ตอนที่ 3 : ขาเป็นเหตุ

“พระเจ้า! แบนเป็นกระดาน!..นายนั่นพูดออกมาแบบนั้นได้ยังไง..ตาบอดหรือไง..ใครๆ ก็ว่า
ฉันโชคดีทั้งนั้น..มีมากเกินความจำเป็นด้วยซ้ำ” บ่นพึมพำ..เดินตัวตรงแหน่วออกมาจากลิฟท์
หน้ามุ้ยไม่สนใจใคร ผ่านเกริกไกร Messenger หนุ่มวัยสิบเก้าที่กำลังเซ็นต์รับงานหน้า
เคาร์เตอร์..เกริกไกรเรียกว่าเป็นลูกสมุนของ คนางค์..มาตั้งแต่คนางค์เริ่มเข้างานยี่สิบวันก่อน
หน้าโน้นเลยก็ว่าได้..คนภาคเดียวกัน อีสานเหมือนกัน! เป็นลูกไล่ตลอดเถียงไม่เคยทัน..ก็เลย
ยอมลงให้คนางค์คนเดียว

“พี่นาง!” หญิงสาวเบรกเอี๊ยด! รีบหันกลับมามอง หน้าตาบอกบุญไม่รับ

“มีอะไร!...ไอ้เกริก” เกริกไกรมองตาขวาง

“พี่นางอ่ะ...บอกว่าให้เรียกจอช!..ผมชื่อเล่นว่าจอชเรียกซะเสียราคาเลย” หน้าคนางค์ยังคง
ความมุ้ยอยู่

“เออ! ว่าไงไอ้จอช...เร็วๆ ฉันต้องรีบไปประชุม” เร่งยิก ๆ หงุดหงิด! ชายหนุ่มอมยิ้มพลางส่ง
เสียงออกมา

“เป็นอะไรอ่ะพี่..หน้าตาเหมือนอวัยวะเบื้องหลังต่ำกว่าเอวมาหน่อยเลย 5555+” แหกปาก
หัวเราะเสียงดังลั่น คนางค์ทำหน้าเซ็ง และก็นึกขึ้นได้จ้องเกริกไกรเขม็ง

“เออ! ไอ้เกริก” ชายหนุ่มหุบปากฉับ

“โห่!..พี่น๊าง!...บอกว่าจอช..จอชไม่รู้เรื่องไง๊!”เสียงเริ่มเข้ม

“เออ!ไอ้จอช..แกว่าฉันแบนมั๊ย” พยักหน้ายิก ยิก อยากได้ยินคำตอบจัด ชายหนุ่มงง! เกาหัว
แกรกๆ

“อะไรแบนอ่ะพี่..ถามให้มันเคลีย์หน่อยดิ๊” คนางค์ทำปากจึก จัก..ไอ้นี่มันโง่..หรือมันแกล้งโง่
วะ!

“เนี่ย! ตรงเนี้ย..แถวเนี้ยอ่ะ” ยกมือวงๆ ตรงแถวบริเวณหน้าอกตัวเอง เกริกไกรทำตาเจ้าเล่ห์

“อ๋อ! ไม่แบนพี่..ไม่แบน! กำลังเหมาะจิ๋วแต่แจ๋ว แหะๆ ” ยักคิ้วแพล๊บ! แพล๊บ!..คนางค์ยิ้ม
แป้น รีบส่งเสียงถามต่ออย่างเร็ว

“เหรอ ๆ แล้วตัวล่ะ..เล็กไปมั๊ยหรือว่า ผอมไปมั๊ย..มันเตี้ยไปป่ะ..เฮอะ! ไอ้เกริก!” เกริกไกรตา
เหลือก

“จอช..บอกว่าให้เรียกจอช..เดี๋ยวไม่ตอบเลยนี่” งอน มีงอน

“เออ! ไอ้จอชเร็ว!” เร่งยิก ยิก เกริกไกรทำเป็นมองสำรวจเอานี้วมาเกยที่คางพินิจพิเคราะห์
ใหญ่

“จอชว่าไม่เล็กนะ!..และก็ไม่เตี้ยหรอกพี่..อย่างเงี้ยกำลังดี..ฝาหรั่งชอบบบบบ” อ้าปากซะ
กว้างเห็นไปถึงลูกกระเดือก คนางค์ตบขาผาง

“นั่นไง! ฉันว่าแล้ว..นายนั่นต้องตาบอดหรือไม่ก็ความมั่นคงทางสายตาไม่ค่อยเที่ยง..มันถึงได้
มองฉันผิดแผกแตกต่างไปจากคนอื่น..ฉันว่าแล้ว!”ตบต้นขาไปอีกหนึ่งที แค้นใจ!

“ใครอ่ะพี่...ไอ้นายนั่นน่ะ” ชายหนุ่มส่งเสียงถาม อยากรู้..คนางค์เพิ่งรู้ตัวหันไปมองหน้าเกริก
ไกร

“ก็ไอ้คนปากเสียน่ะสิ...ปากไม่มีหูรูด..แต่แกอย่าไปสนใจเลยเปลืองสมองเปล่าๆ”โบกไม้โบก
มือยิก ยิก

“ว่าแต่..ที่ฉันให้แกไปเอาเอกสารที่ บริษัทฯ รวมไม้ น่ะได้มาหรือเปล่า”

“ได้พี่...ผมฝากพี่แจ๊ดไปแล้ว..เมื่อกี้เจอแกหน้าลิฟท์พอดี..เลยฝากแกซะเลย” คนางค์เลิกคิ้ว

“อ้าว! แจ๊ดมันขึ้นมาแล้วเหรอ”

“มาแล้ว! เห็นขึ้นมากับพวก บิ๊กๆ ทั้งนั้นเลย..เดี๋ยวนี้พี่แจ๊ดเราไม่เบานะพี่..คบกับพวกรุ่นใหญ่”
คนางค์พยักหน้า

“งั้นแค่นี้ก่อนนะ ไอ้เกริก..เดี๋ยวฉันไปประชุมไม่ทัน” ว่าแล้วก็รีบวิ่ง ดุ๊ก ดุ๊กออกไป เกริกไกร
ทำหน้าเซ็งเลย..พี่นางนี่บอกไม่เคยจำ..บอกว่าให้เรียกจอช..จอช..มันเรียกยากนักหรือไงนะ
ค้อนตามหลังหญิงสาวประหลับประเหลือก..ถอนหายใจออกมาดังเฮือกและก็ยิ้มออกมา อ๊ะ!
ยกให้คนนึงแล้วกัน เห็นว่าน่ารักนะเนี่ยถูกใจจอช..นี่ถ้าไม่เห็นว่าอายุมากกว่าหลายปีนะ.จอช
จีบไปแล้ว...พึมพำกับตัวเองในใจยืนยิ้มพริ้ม...

เกริกไกรปลื้มคนางค์มาก..ดูจะเป็นหญิงสาวคนเดียว และก็คนแรกในบริษัทฯ ที่ไม่ถือเนื้อถือ
ตัว คุยได้ทุกเรื่อง..ไม่ว่าไม้จิ้มฟันยันเรือรบ..หญิงสาวรับได้หมดยิ่งตลกโปกฮา คนางค์ยิ่ง
ชอบ.. ชายหนุ่มยืนยิ้มอีกแป๊บก็หันไปเซ็นต์รับงานต่อ...

“นาง..ฉันไปก่อนนะต้องไปวางแฟ้มเดี๋ยวไม่ทัน” เสียงแจ๊ดส่งมาปาวๆ ก้าวขาเดินฉับๆ คนางค์
ที่กำลังเก็บของใต้โต๊ะ รีบเงยหน้าส่งเสียงตามอย่างไว

“แจ๊ด! ชั้นไหน”

“เก้า!” ส่งเสียงกลับมาแล้วตัวก็หายวับ!ไป...คนางค์ขมวดคิ้วนิ่วหน้ารีบเคลีย์งานบนโต๊ะอีกซัก
ครู่ และก็เสร็จ...หยิบสมุดโน้ตในลิ้นชัก คว้าปากกาได้ก็จ้ำอ้าวออกจากโต๊ะอีกคน ปากบ่นงึม
งำไปตลอดทาง

“รอหน่อย!ก็ไม่ได้..แล้วฉันจะไปถูกมั๊ยเนี่ยไม่เคยไปด้วย...และทำไมต้องถ่อไปประชุมกันชั้น
นั้นด้วยก็ไม่รู้” เดินอย่างเร็วหยุดยืนหน้าลิฟท์รีบกดปุ่มเรียก..ก้มมองนาฬิกาที่ข้อมือ จ๊ากกก!
เที่ยงห้าสิบห้า โอ้พระเจ้ามาซักทีสิ! กดปุ่มลิฟท์อีกทีอย่างกระแทกกระทั้น..เร็วๆสิไอ้ลิฟท์บ้า..
มันไปจอดอยู่ทำไมที่ชั้นนั้นน่ะเฮอะ!..ทั้งสามตัวเลย..ไม่รู้หรือไงว่าสุดสวยรออยู่ เร็ว! เร่งใน
ใจยิก ยิก...ลิฟท์ก็ไม่เคลื่อนลงมาซักที ใจคนางค์ร้อนเป็นไฟกลัวไม่ทันหันซ้ายหันขวาแล้วก็
เจอ..ทางหนีไฟ!...

เอาวะ!สงสัยต้องงัดเอาดีกรีเกรดสี่วิชาพละตอนม2.มาใช้ซะแล้ว...นึกได้ดังนั้นก็ก้าวฉับๆไปยัง
ประตูทางหนีไฟ..วิ่งลงอย่างเร็ว! ห้าหกชั้นแรกยังพอไหว..แต่พอเริ่มชั้นที่เจ็ดขาเริ่มสั่นพั๊บๆ
ยืนแทบไม่นิ่ง...และแผลที่โดนรองเท้ากัดตรงส้นดันมากำเริบซะอีก..คนางค์สูดปากเจ็บ! รีบ
ถอดรองเท้าออกมาดู เห็นที่ส้นเท้าหนังเปิดออกมาทั้งสองข้าง..หน้าแหย! กลั้นใจสวมกลับเข้า
ไปใหม่ย่ำเท้าเบาๆ สองสามหน กัดฟันวิ่งลงบันไดอีกครั้งนึง..ระหว่างวิ่งตาก็เหลือบดูตัวเลขที่
บ่งสถานะของชั้นนั้นๆไปด้วย..ยี่สิบแล้วไอ้นาง..อีกสิบเอ็ด..อีกสิบเอ็ดเท่านั้น..ใจเย็นๆ..ใจ
เย็นๆ แกเก่ง แกเก่ง...สิบเก้า...สิบแปด...แล้วก็หยุดหอบแฮก ๆ ยกนาฬิกาขึ้นดู...ตาย! ตาย
แน่ๆ บ่ายโมงสิบนาทีประชุมเริ่มแล้วด้วยอ่ะ...

กระเสือกกระสนใหญ่วิ่งอย่างเร็วทำเวลา..ไม่รู้สึกเจ็บที่ส้นเท้าแล้วความกลัวเข้ามาครอบงำสปี
ดเต็มที่...สิบสาม...สิบสอง...หยุดหอบอีกหน..เหลือบดูนาฬิกาบ่ายโมงสิบห้านาที..หน้าเบ้เท้า
ก็ขยับใหม่...สิบเอ็ด...สิบ...อีกชั้นเดียวคนางค์..อีกชั้นเดียวแกก็จะถึงฝั่งแล้ว...เก้า...เฮ้อ!ถึง
ซักที เปิดประตูออกไป พลั่ว!..สโหล สเหล๋เดินออกมา..เสื้อผ้าหลุดลุ่ยออกจากเอว..ขาสั่น
พั๊บๆแทบจะยืนไม่อยู่..ก้มตัวลงเอามือยันเข่าไว้ หอบหายใจอย่างแรง...

“ที่แถวชลบุรีครับ..ราวๆสี่ร้อยไร่ได้” เสียงใคร! คนางค์รีบเงยหน้าอย่างเร็ว อ๊ากก! พระเจ้า
พ่อคุณแม่คุณ ทำไมฉันถึงซวยซับซวยซ้อนซวยซ่อนเงื่อนอย่างงี้..เจอใครไม่เจอดันมาเจอตอ
ดุ้นเดิมอีกแล้ว..เห็นชายหนุ่มจ้องมาที่ตัวเองนิ่งปากก็พูดกรอกใส่โทรศัพท์

“ตามนั้นเลยครับ..เดี๋ยวพรุ่งนี้เจ้าดลมันไปดูให้” ชายหนุ่มยังคงจ้องคนางค์เขม็งอยู่..คนางค์
รีบกระย่องกระแย่งเดินผ่านตัวลีบ..ชายหนุ่มหันมองตาม

“ครับ!..หวัดดีครับ...นี่เธอ!” คนางค์สะดุ้งโหยง หยุดชะงักทันที ค่อยๆหันหน้ามาหา ส่งเสียง
ระล่ำระลักออกไป

“คะ คะ..ค้า”

“ไปผ่านศึกที่ไหนมาน่ะ...ทำไมถึงได้โทรมขนาดนั้น.. หัวเหอยุ่งไปหมด” คนางค์ยิ้มแหยส่ง
ให้ ขาสั่นพั๊บๆ อาการล้าของขายังมีให้เห็น ชายหนุ่มสังเกตเห็นเข้าก็ขัดใจ..หน้าตาท่าทางเขา
มันโหดเหี้ยมมขนาดนั้นเลยเหรอ ถึงกับทำให้ยัยบ๊อง!นี่สั่นงก งก อย่างกับลูกนกตกน้ำแบบ
นั้น..

“นี่..ฉันไม่โหดถึงขนาดนั้นหรอกน่ะ..ไม่ต้องสั่นเป็นเจ้าเข้าอย่างงั้นก็ได้”

“คะ คะ คือ..นาง เอ๊ย! ฉะ ฉัน..ไม่ได้สั่นเพราะคุณ..แต่ขามันสั่นเองค่ะ”

“ทำไม!” ขมวดคิ้วถาม..จับอาการของหญิงสาวตรงหน้า

“คะ คือ ฉันวิ่งลงมาจากชั้นที่ยี่สิบแปดน่ะค่ะ..ขามันก็เลยเปลี้ย! ไม่มีแรงซะอย่างงั้น..มันก็เลย
สั่นพรึบๆ แหะ แหะ!” หัวเราะออกมาเบาๆ กลบเกลื่อนความเจ็บที่มันเริ่มจี๊ดๆที่ส้นเท้า..ชาย
หนุ่มเลิกคิ้ว

“ทำไมต้องวิ่งลงมา...ลิฟท์ไม่มีหรือไง”

“คะ คือเรียกแล้วน่ะค่ะ...แต่มันไม่ลงมารับซักกะที ก็เลยต้องรีบลงมาทางบันไดหนีไฟกลัวไม่
ทัน” ยิ้มแหยๆ..เริ่มเจ็บอย่างแรงสูดลมหายใจเข้าปากเบาๆ ธันวามองหน้า

“เป็นอะไร!” คนางค์สั่นหน้ายิก ยิก หน้าเริ่มซีด

“เอ่อ! ปะ..เปล่าค่ะ”

“เปล่าก็รีบเดินไป...จบวาระที่หนึ่งแล้วมั้งผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว” คนางค์ยังคงหยุดยืนอยู่
ขาก้าวเดินไม่ไหว..ยิ้มหวานส่งให้ธันวา

“คุณเดินนำไปก่อนสิคะ..ฉันไม่เคยมาไม่รู้ว่าห้องไหน” ชายหนุ่มทำปากจึก จัก..เฟอะฟะจังยัย
นี่ และก็ก้าวเดินออกไป..คนางค์พยายามเดินตามแต่มันเจ็บระบบไปหมด..ไม่ไหว!..หยุดเดิน
ดื้อๆ เอาตัวพิงกำแพงไว้..ยกข้อเท้าขี้นดู โอ้!พระเจ้า..เลือดมันมาจากไหนเนี่ยเมื่อกี้มันยังไม่มี
เลย..หน้ายิ่งซีดหนักขึ้นไปอีก..โรคกลัวเลือดเห็นเลือดไม่ได้..กำลังจะกำเริบ!

“เป็นอะไร!” มีอันต้องสะดุ้งอีกครั้ง..ธันวามายืนอยู่ข้างๆตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้..คนางค์รีบเอาขาลง
ฉับ หันไปยิ้มส่งให้

“มะ..ไม่เป็นอะไรค่ะ” ชายหนุ่มขมวดคิ้วเริ่มไม่เชื่อ

“ไหนดูซิ”จับหญิงสาวหันอย่างเร็ว คนางค์ไม่ทันตั้งตัวหมุนคว้าง..พอชายหนุ่มเห็นเท่านั้น
แหละ ตะคอกออกมาเสียงดัง

“ยัยบ้าเอ๊ย! เลือดออกเยอะขนาดนี้ยังว่าไม่เป็นอะไรอีกเหรอ” คนางค์ยังยิ้มสู้..หน้าแทบจะไม่
สีเลือดแล้ว อยากจะเป็นลม..ปวดแผลตุ๊บ!ๆ

“ไม่เป็นไรค่ะ..ไม่เป็นไรจริงๆ”

“นี่ยัยต๊อง!..ขาแทบจะก้าวไม่ออกอยู่แล้วหน้าก็ซีดยังกะไข่ต้ม ยังจะมาปากแข็งอีก” ก้มลงจะ
ถอดรองเท้าให้ คนางค์ตกใจกระเถิบตัวถอยหนี

“จะ..จะทำอะไรคะ” ชายหนุ่มเริ่มหงุดหงิด เงยหน้าขึ้นมองตาขวาง

“ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอกน่า...แค่จะถอดรองเท้าให้..ใส่อยู่อย่างงั้นมันก็ระบมน่ะสิ” พูดเสร็จก็
เอื้อมมาถอดให้ แต่ขยับได้นิดหน่อยคนางค์ก็ส่งเสียงอุทานออกมาเบาๆ

“อุ้ย! เจ็บอ่ะ!” ธันวาเงยหน้าขึ้นมอง

“เจ็บเหรอ!” ส่งเสียงถามออกมา น้ำเสียงห่วงใย..ชายหนุ่มหารู้ไม่ว่ากิริยาท่าทางแบบนั้น น้ำ
เสียงแบบนั้นเป็นตัวกระตุ้นต่อมน้ำตาที่พาลจะหยดเพราะความเจ็บปวดของบาดแผล..คลื่น
เหียน วิงเวียนเพราะเห็นเลือด..ของหญิงสาวดีนักแล..คนางค์พยายามกลั้นน้ำตา..พยักหน้าส่ง
ให้ งึก งึก..ชายหนุ่มก้มลงมองใหม่

“สงสัยหนังมันคงจะติดกับรองเท้าน่ะ” ชายหนุ่มสรุป..และก็ลุกขึ้นยืน

“ไป!...เดินไหวหรือเปล่า!” คนางค์ยังคงยืนนิ่งอยู่ไม่ขยับตาม

“จะ..จะไปไหนคะ” ส่งเสียงถามออกมาเบาๆ หน้าตาเหยเก..ชายหนุ่มเริ่มขัดใจ

“เหอะน่า!..พูดมากจริง!...เดินไหวหรือเปล่า”ถามย้ำมาอีกครั้ง...คนางค์ส่ายหน้า ยิก ยิก

“ไม่ไหวค่ะ! มันเจ็บ!”

“เออ!..ก็เท่านั้นแหละ..ตอบๆ มาก็สิ้นเรื่อง” ว่าแล้วก็ช้อนตัวคนางค์ วืดด! หญิงสาวตาเหลือก
สมุดปากกาที่อยู่ในมือหล่นผล็อยล่วงลงพื้น..สติ สะตังเริ่มกลับมาอีกครั้ง แหกปากดังลั่น

“ไอ้บ้า!..จะทำอะไร๊!..จะพาฉันไปไหน” คะขาไม่มีแล้ว..ตีแขนชายหนุ่ม พลั๊กๆ ขาแกว่งไป
แกว่งมา ธันวาหยุดชะงักทันที มองตาขวาง

“นี่ยัยบื้อ!...ถ้าเธอไม่หุบปากเปราะๆ ของเธอนะ...ฉันจะทุ่มเธอลงตรงเนี้ยแหละ” ทำท่าจะ
ปล่อยจริงๆ คนางค์ตกใจคว้าคอชายหนุ่มหมับ!

“ยะ..ยะ..อย่านะ...อย่าเล่นบ้าๆ นะคุณ..ก้นฉันยับเลยนะน่ะ” ยังเกี่ยวคอชายหนุ่มไว้แน่นกลัว
จริงๆ ธันวาหัวเราะ หึหึ...ยัยต๊องเอ๊ย!..เกาะเป็นตุ๊กแกเลยทำปากดี..ขยับจะก้าวขาออกเดิน
คนางค์รีบส่งเสียงมาใหม่

“นี่! นี่! คุณยังไม่บอกฉันเลย..จะพาฉันไปไหน!”

“ทำแผล” หญิงสาวขมวดคิ้วเริ่มไม่ไว้ใจ

“ที่ไหน!”

“เรื่องมากจริง!..แม่คุณ!..เดี๋ยวฉันก็ปล่อยซะตอนนี้เลยนี่”

“ยะ ยะ...อย่านะ” กอดไว้แน่นหลับตาปี๋..ชายหนุ่มออกเดิน คนางค์นึกขึ้นได้ลืมตาพรึบ..เคาะ
ไหล่ธันวาใหญ่

“นี่! นี่!”

“อะไรอีก!..จะอยู่เงียบๆซักสองสามนาทีได้มั๊ย..ฮะ!” น้ำเสียงเริ่มหงุดหงิดเต็มที่

“สมุดกับปากกาฉันหล่นอยู่ตรงโน้นอ่ะ..ไปเอาก่อนสิ” ชี้โบ้ชี้เบ้ไปข้างหลัง

“ปล่อยมันไว้ตรงงั้นแหละ...เดี๋ยวค่อยกลับมาเอา” ตั้งหน้าตั้งตาเดิน

“ได้ไง..เดี๋ยวของฉันหายไปว่าไงล่ะยังไม่ได้ใช้เลย..เพิ่งถอยมาใหม่ๆ ด้วย..แล้วปากกาก็ยี่ห้อ
บิ๊กเชียวนะ..เดี๋ยวนี้หาซื้อไม่ค่อยจะได้แล้วอ่ะ..แท่งละตั้งเก้าบาทแพงนะคุณ” บ่นปาวๆ ชาย
หนุ่มไม่สนใจ

“นี่! นี่!” สะกิดไหล่ยิก ยิก

“อะไร๊!” เสียงสูงเริ่มมีอารมณ์

“จะไปทำแผลที่ไหนอ่ะ” ถามออกมาเบาๆ หน้าตาเจี๋ยมเจี้ยม..

“ข้างบน!” และก็ถึงหน้าลิฟท์ พยักพเยิกหน้ากับคนางค์

“เอื้อมมือไปกดหน่อยซิเธอ..ฉันไม่มีมือ” คนางค์หันมาเห็นลิฟท์ก็ทำตาโต..ทำไมมันมาอยู่ใน
หลืบอย่างงั้นล่ะ! หรือว่า!..

“ไม่เอ๊า!..จะพาฉันไปข้างบนไหน..อะ อะ ไอ้ชั้นสูงสุดนั่นใช่มั๊ย...อะ อะ ไอ้ฮาเร็มนั่นใช่มั๊ย!..
ไม่เอ๊า!” แหกปากเสียงดัง น้ำเสียงระล่ำระลักแกว่งตัวไปมา

“นี่ยัยบ้า!..ดิ้นอยู่ได้เดี๋ยวก็ตกกันพอดี..และใครบอกเธอว่ามันเป็นฮาเร็มเฮอะ!..พูดมั่วๆ!”
กระชากน้ำเสียงหงุดหงิดส่งมา..

“ฉันรู้แล้วกันน่ะ..มีคนบอก!..ปล่อยย” ชายหนุ่มรำคาญทำท่าจะทุ่มจริงๆ คนางค์ตาเหลือก
กอดคอชายหนุ่มไว้ซะแน่น

“จะ..จะทำอะไร” ธันวาชักสีหน้าเอือมเต็มที่...

“เธอนี่ไม่บ้า!..ก็บื้อหรือไม่ก็ติ๊งต๊อง! เข้าขั้นสมองฟั่นเฟือนไปชั่วขณะจริงๆ..ก็เธอบอกฉันเมื่อกี้
ว่าให้ปล่อยไม่ใช่เหรอ.. ฉันก็จะปล่อยไง..ยังมีหน้ามาถามอีก” คนางค์ค้อนควับ!

“ก็วางลงดีๆ ไม่ได้เหรอ..ทำไมต้องทำท่าจะทุ่มลงอย่างงั้นด้วยล่ะ” ยังต่อล้อต่อเถียงไม่เลิก..
ธันวาเลิกคิ้วอมยิ้มนิดๆ...เออ! เถียงกับยัยนี่ก็มันส์ไปอีกแบบ

“ถ้าอยากจะลงก็ต้องลงแบบนี้..จะลงมั๊ยล่ะฉันจะปล่อยให้” ทำท่าจะทุ่ม หญิงสาวหลับตาปี๋
แหกปากเสียงดัง

“อย่า!” เงียบ!..หญิงสาวค่อยๆ เหลือบตาขึ้นมาดูข้างนึง เห็นธันวาอมยิ้มนิดๆที่มุมปาก..ลืมตา
ค้อนส่งให้อีกควับ! ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ พูดออกมาเนิบๆ

“ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอกน่า..บอกแล้วว่าไม่ใช่สเปค แค่อยากจะช่วยเท่านั้นแหละ..ไม่เจ็บ
เหรอ! เลือดออกเยอะด้วยนะน่ะ” นั่นแหละเพิ่งนึกได้ พูดถึงเลือดขึ้นมาหน้าซีดอีกครั้ง พยัก
หน้าส่งให้ชายหนุ่มยิก ยิก

“เจ็บ!”

“เจ็บ!..ก็อยู่เฉยๆ อย่าดิ้น..รีบๆไปทำซะจะได้เสร็จๆ..มัวแต่โอ้เอ้อย่างงี้เดี๋ยวเลือดแห้ง..หนัง
มันติดมากขึ้นจะเจ็บกันไปใหญ่” คนางค์จ้องชายหนุ่มเขม็ง...พูดดีกับเค้าก็เป็นด้วยเหรอนาย
นี่..นึกว่าจะตะคอกเป็นอย่างเดียว..พยักหน้าส่งให้ชายหนุ่มตัดรำคาญ

“ก็ได้!”

“งั้นก็เอามือกดลิฟท์สิ...ฉันไม่ได้มีสามมือนะ..ลำพังแบกเธออยู่เนี่ยฉันก็จะแย่แล้ว..จะให้
ยักแย่ยักยันเอื้อมมือไปกดลิฟท์อีกเหรอ..ช่วยๆกันหน่อย” คนางค์มองตาขวาง...เพิ่งชมไป
แหมบๆ..นายนี่ท่าทางจะหาดีไม่ได้..มันคงจะฝังลึกจริงๆ..ค้อนตาคว่ำเอื้อมมือไปกดปุ่มอย่าง
แรง

“เบาๆหน่อย..ทรัพย์สินบริษัทฯ ช่วยๆกันรักษาหน่อย” ส่งเสียงปรามออกมา เท้าก็ก้าวเดินเข้า
มาในลิฟท์...คนางค์ยื่นมือไปกดเลขสี่สิบ..และก็ทำปากขมุบขมิบ...ทรัพย์สินบริษัทฯ รักษา
หน่อย..แหวะ! ทีของตัวเองอ่ะให้รักษา..และปากกากับสมุดของฉันล่ะ..ปล่อยทิ้งได้ใช่มั๊ย!..
ฮือๆ.. บิ๊กด้วยนะบิ๊ก..เก้าบาท..ไหนจะสมุดลายใหม่เพิ่งได้มา..โดเรมอนด้วยอ่ะ!..ถ้าหายไป
ทำไงอ่ะ..พึมพำในใจ หน้าตาเหยเก

“เป็นอะไร...เจ็บแผลเหรอ!” คนางค์สะดุ้งโหยง

“ปะ..ปะ..เปล่า!” ชายหนุ่มทำหน้าเซ็ง เงยหน้าขึ้นมองตัวเลขลิฟท์ พูดลอยๆ ออกมา

“ต๊อง!” คนได้ยินหูผึ่ง ค้อนกับลมส่งไป..เออ! ตอนนี้ฉันปล่อยให้นายก่อน..อย่าให้ฉันหายนะ..
หึมม์..จะได้รู้ฤทธิ์ยัยคนางค์ซะบ้าง..แม่จะฉะไม่เลี้ยงเลย...กระหยิ่มยิ้มย่องในใจอมยิ้มพริ้ม

“เป็นบ้าอะไร” คนางค์สะดุ้งอีกครั้ง เงยหน้าขึ้นมองเห็นชายหนุ่มจ้องเขม็ง

“เดี๋ยวยิ้มเดี๋ยวบูด..อารมณ์มันปรวนแปรหรือไง..หรือว่าแผลมันลามไปถึงสมองบังคับอารมณ์
ไม่อยู่เลยเหรอ..เฮอะ!” หญิงสาวขมวดคิ้วส่งให้

“เปล่า!”

“ประสาท!” และก็เลิกสนใจเงยหน้าขึ้นมองตัวเลขลิฟท์ต่อ...คนางค์ค้อนควับหมั่นไส้..และก็
นึกขึ้นได้ สะกิดไหล่ชายหนุ่มยิก ยิก

“นี่! นี่!” ชายหนุ่มก้มมองตาขวาง

“อะไร๊! เรียกอยู่ได้..และทีหลังเวลาจะเรียกฉันน่ะ..หัดระบุตัวตนให้ฉันซะหน่อย..ชื่อฉันมี..จิ้ม
เรียกนี่! นี่! อยู่ได้น่ารำคาญ!...มีอะไร!” ถามส่งมา คนางค์ค้อนควับ! ตบหัวแล้วลูบหลังนี่หว่า!

“ฉันจะถามว่า..คุณไม่ต้องอยู่ประชุมเหรอ..ออกมาอย่างเงี้ยแล้วคุณจะรู้เรื่องเหรอ!”

“ก็เพราะเธอน่ะแหละ..ฉันถึงต้องมายืนอยู่ตรงนี้ไงขยันหาแต่เรื่องให้ฉันนัก..น่าเบื่อ!” กำลังจะ
อ้าปากเถียง..เสียงดังติ๊ง!ของลิฟท์ พลอยทำให้คนางค์หยุดชงักงัน ประตูเปิดออก..ชายหนุ่ม
อุ้มคนางค์ก้าวเดินออกมา...หญิงสาวหันไปมองเลิกลั่ก..เห็นประตูหนาข้างหน้าขวางกั้นไว้อยู่

“นี่เธอ!..หยิบกุญแจให้หน่อยซิ..อยู่ในกระเป๋าเนี่ย” คนางค์ขมวดคิ้ว

“ไหนอ่ะกระเป๋า..ไม่เห็นมีเลย” ชายหนุ่มทำปากจึก จัก

“บื้อจัง!..เสื้อสูทมันมีกระเป๋าลับอยู่ข้างใน..ไม่เคยเห็นหรือไง”

“ก็บอกให้มันเคลีย์หน่อยสิ..ใครจะไปตรัสรู้ได้ล่ะ..เคยใส่ซะที่ไหนล่ะไอ้สูทบ้าๆเนี่ย” สวนกลับ
ทันที ค้อนส่งให้ตาคว่ำ มือก็เอื้อมเข้าไปในตัวสูท

“ไหน! ไม่เห็นมีเลย” ควานใหญ่ ยังไงก็ไม่มี “ไม่เห็นมีซักดอก..มีแต่อะไรไม้รู้แบนๆ” ธันวา
ถอนหายใจเฮือก!.พยายามระงับอารมณ์เต็มที่

“นั่นแหละยัยเบื้อก! คีย์การ์ด!..หยิบออกมาเลย..ฉันเริ่มหนักแล้วนะเนี่ย ตอนแรกยังพอไหว
แต่ทำไมนานไปมันถึงได้หนักนักก็ไม่รู้...เร็ว..เร้ว!” เร่งยิก ยิก..นั่นแหละคนางค์ถึงหยิบออก
มาได้ ชายหนุ่มพยักหน้าส่งไปที่ประตู

“เสียบเข้าไปในช่องนั่นแหละ..และก็กด 1587458699” บอกเร็วๆ เหมือนจะแกล้ง..คนางค์
ค้อนควับ! มือก็ทำตาม กดตัวเลขตามที่ชายหนุ่มบอกมา..และสลักประตูก็ดังคลิ๊ก..ชายหนุ่ม
เลิกคิ้วแปลกใจไม่คิดว่าคนางค์จะจำได้..หญิงสาวยักคิ้วแพล๊บ! แพล๊บ! ส่งให้

“แปลกใจล่ะสิ!..ไม่คิดว่าฉันจะจำได้ใช่มั๊ยล่ะ..555+” หัวเราะสะใจสุดๆ และก็หยุดฉับทำตา
หลี่ๆใส่ชายหนุ่มด้วย...

“ไม่ต้องแปลกใจไปหรอก..เรื่องแค่นี้ขี้ประติ๋วไม่คณาหัวสมอง..ประมวลกฎหมายเป็นร้อยๆ
พันๆ มาตราฉันยังอ่านมาแล้ว..ไม่งั้นไม่ได้เป็นหรอกเนติน่ะ..เพราะฉะนั้นเรื่องแค่นี้จิ๊บจ๊อย!”
อวดสรรพคุณใหญ่..ลอยหน้าลอยตาพูด..ชายหนุ่มขี้เกียจเถียงพยักหน้าส่งๆไป ก้าวเดินเข้ามา
ในห้อง ใช้ขาเขี่ยประตูปิดกลับที่เดิม คนางค์หันหน้ามามอง โอ้โห!..สวยจังเลยอ่ะ อย่างกับใน
หนังแหนะ..หญิงสาวพึมพำในใจ..ธันวาอุ้ม คนางค์มานั่งที่โซฟา..

“นั่งรอตรงนี้ก่อน..เดี๋ยวฉันมา”ว่าแล้วก็เดินลับสายตาไป..หญิงสาวนั่งกวาดสายตาไปรอบๆ
ห้อง..มองความหรูเป็นระเบียบ..ความเนี๊ยบของสีที่ทาในแต่ละจุดมันช่างกลมกลืนกันดีเหลือ
เกิน..ดูอบอุ่น!

ธันวาตกแต่งชั้นบนสุดเป็นที่พักผ่อนส่วนตัว...เวลาทำงานติดพันไม่ได้กลับบ้านชายหนุ่มก็มัก
จะอาศัยที่นี่แหละเป็นที่หลับนอน..เพราะฉะนั้นเครื่องอำนวยความสะดวกทุกอย่างจึงมีพร้อม
สรรพ..พื้นที่กินอณาบริเวณกว้างทั้งชั้น..แบ่งรอบนอกส่วนหน้าไว้เป็นสวนหย่อมน้อยๆ มีราว
ระเบียงกั้น...บนผนังกำแพงก็กรุกระจกหนามองเห็นทัศนีย์ภาพโดยรอบ..ภายในห้องชุดมี
เพียงห้องนอนหนึ่งห้องและก็ห้องน้ำในตัวเท่านั้น..นอกนั้นเปิดโล่งหมด..พื้นที่ทำครัวจะอยู่ด้าน
ในสุด มีเคาร์เตอร์ตัวน้อยๆ ตั้งอยู่ด้านหน้าครัว ห้องชุดของธันวาจะมีแค่เพื่อนสนิทและก็คน
ใกล้ชิดเท่านั้นที่ได้ขึ้นมา..นอกเหนือจากนั้นก็จะเป็นแม่บ้านขึ้นมาทำความสะอาดเวลาที่ชาย
หนุ่มไม่อยู่

ซักครู่ธันวาก็เดินกลับมา ในมือถือกะละมังใบย่อมพร้อมน้ำกลับมาด้วย นั่งลงข้างๆ คนางค์..
พลางแกะกระดุมเสื้อสูทที่ใส่อยู่ คนางค์ตาเหลือกถอยหลังกรูดไปพิงพนักท้าวแขน ส่งเสียง
ถามอย่างไว

“จะทำอะไร!” ชายหนุ่มถอนหายใจอีกระรอก

“ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอกน่ะ..ไม่คิดพิศวาส!..ไม่มีอารมณ์!..ฉันจะถอดเสื้อมันไม่ถนัด” คนางค์
นั่งจ้องนิ่ง เห็นชายหนุ่มถอดเสื้อสูทออกโยนไปไว้ข้างๆ มืออีกข้างก็แกะเนคไทออกจากคอรูด
อย่างเร็ว แล้วก็ส่งไปกองรวมกันกับเสื้อ..พับแขนเสื้อเชิ้ตทั้งสองข้างขึ้น เป็นอันเสร็จ และก็หัน
มาหาคนางค์กวักมือเรียก ยิก ยิก

“มา! เข้ามาใกล้ๆ ไปห่างๆมันไม่ถนัด” หญิงสาวยังไม่ไว้ใจ

“ฉะ ฉันทำเองก็ได้..ฉันทำไหว” ชายหนุ่มทำปากจึก จักเริ่มขัดใจ

“เหอะน่า!..เรื่องมากอยู่ได้” นั่นแหละถึงจะเขยิบเข้ามา..ธันวาถอยลงไปนั่งกับพื้น คนางค์
ตกใจรีบหดขาซะชิดโซฟา มือก็ปิดป้องปลายกระโปรงที่ไม่ค่อยจะเป็นไปตามแรงโน้มถ่วงของ
โลก มันคอยแต่จะพะเยิบๆ จะเปิดซะให้ได้ ชายหนุ่มเงยหน้ามองคนางค์ ตาขวาง

“ยื่นขาออกมาสิ! แล้วอย่างงี้ฉันจะถอดรองเท้าได้ไงเล่นถอยไปซะชิดโซฟาอย่างงั้น” น้ำเสียง
หงุดหงิดเต็มที่ คนางค์ค่อยๆยื่นขาออกมา..ชายหนุ่มจับไว้ มือก็เอื้อมไปลากกะละมังเข้ามา
ใกล้ ๆ จุ่มผ้าขนหนูที่ถือออกมาด้วยลงไปในน้ำ ยกขึ้นมาบิด และก็ซับไปบนส้นเท้าที่ยังคง
สวมรองเท้าอยู่..ซักแป๊บพอแผลเริ่มชื้นก็รองขยับรองเท้า คนางค์อุทานออกมาเบาๆ

“อุ้ย! เจ็บอ่ะ” ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมอง

“กลั้นใจนิดนึงได้หรือเปล่า..เดี๋ยวฉันกระตุกแป็บเดียวเอง..หนังมันเรื่มเปื่อยแล้วล่ะ” คนางค์
หน้าเบ้

“อย่าแรงนะ! ฉันเจ็บ!” ชายหนุ่มพยักหน้าส่งให้..คนางค์ยังไม่ทันกลั้นใจเลย ธันวาดึงรองเท้า
ควับออกมาแล้ว หญิงสาวตกใจตีบ่าชายหนุ่ม พลั๊กๆ

“ไอ้บ้า! ฉันยังไม่ทันกลั้นใจ คุณก็ดึงออกมาแล้ว จะแกล้งฉันเหรอ”

“แล้วเจ็บมั๊ยล่ะ” นั่นแหละถึงเริ่มรู้สึกตัวว่ามันไม่ค่อยเจ็บแล้ว..แต่รู้สึกเย็นวูบ วูบที่บริเวณ
แผล..ก้มลงดูเห็นผิวหนังหายไปไม่ใช่น้อย ยังคงมีคราบเลือดค้างคาอยู่..หญิงสาวรีบเงยหน้า
ขึ้นทันที กลัว!

“ว่าไง! ยังเจ็บอยู่หรือเปล่า”

“นะ..นิดหน่อย!”

“มา..งั้นก็มาเอาออกอีกข้างนึงจะได้เสร็จๆ” ว่าแล้วก็จับขาซ้ายคนางค์ เอาผ้าเช็ดไปบริเวณข้อ
เท้า..จนผิวหนังเริ่มอ่อนแล้วนั้นแหละ..ชายหนุ่มดึงออกทันทีไม่ได้บอกคนางค์ให้ได้ตั้งตัวซัก
คำ..

“นี่!นี่!..จะบอกฉันซักคำนึงมีบ้างมั๊ย! จะรีบดึงไปไหน!” บ่นกระปอด กระแปดเสียงดัง! ชาย
หนุ่มหัวเราะเบาๆ

“ลืม!” คนางค์ค้อนให้ควับ..ชายหนุ่มยื่นมือมาจับขาอีกครั้งนึง

“จะทำอะไร๊!”

“จะล้างแผลให้” นั่นแหละถึงเงียบลงได้..ธันวาค่อยๆ เอาผ้าลูบไปบริเวณข้อเท้าคนางค์..เออ!
ยัยนี่ขาสวยแฮะ! เรียวเนียนเชียว

“ยิ้มอะไร!” ตวาดแว๊ดส่งมาอีก..ธันวาหัวเราะเงยหน้าขึ้นจ้องคนางค์

“ยิ้มไม่ได้เหรอไง!” คนางค์มองตาขวาง

“และอยู่ดีๆ ยิ้มทำไม..แสดงว่าต้องคิดอะไรไม่ดีแน่ๆ” ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือก! มือก็ทำ
ปากก็พูดปาวๆ

“อย่าหลงตัวเองให้มากนัก..สวยๆ ระดับดาราฉันยังไม่แลเลย...และนับประสาอะไรกับเธอ..
เฮอะ!..ยากกส์” หญิงสาวหน้างอ..เออ! แล้วอย่ามาง้อฉันทีหลังแล้วกัน แม่จะหัวเราะให้ฟัน
โยกเลย!

“อ่ะ! เสร็จแล้ว” ชายหนุ่มวางมือ..คนางค์ก้มลงมองเห็นที่ส้นเท้ามีปลาสเตอร์ยาแปะอยู่ทั้งสอง
ข้าง ก็พึมพำออกมาเบาๆ

“ขอบคุณค่ะ!” ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนเดินเอากะละมังไปเก็บไม่คิดจะตอบรับคำขอบคุณจาก
คนางค์ซักนิด..คนางค์ยู่จมูกตามหลัง..เก๊ก!ซะไม่มีอ่ะ และก็เลิกสนใจเอื้อมมือไปหยิบรองเท้า
ขึ้นมาสวม

“จะทำอะไรน่ะ!” ธันวาส่งเสียงมาอย่างดัง..คนางค์เงยหน้าขึ้นมองเห็นชายหนุ่ม ยืนจ้องมาที่
เธอนิ่ง..เป็นบ้าอะไรอีกล่ะตานี่!

“จะใส่รองเท้า!”

“ยัยบื้อเอ๊ย!...และฉันจะนั่งทำแผลให้เธอทำเบื๊อกอะไรล่ะ..ใส่เข้าไปอีกเดี๋ยวก็ได้ช้ำกันพอดี..
ยังไม่ต้องใส่!”ออกคำสั่งมาซะอย่างงั้น

“ก็ถ้าไม่ใส่แล้วจะให้ฉันลงไปเท้าเปล่าหรือไง!” เถียง มีเถียง ชายหนุ่มเดินเข้ามาหายื่นของใน
มือส่งให้

“อ่ะ! เธอใส่คู่นี้ไปก่อน” นั่นแหละ คนางค์ถึงเพิ่งสังเกตเห็นของในมือชายหนุ่ม มีอันต้องยิ้ม
เผล่ออกมารองเท้าลำลองใส่เดินในบ้านลายคิตตี้ สีชมพูแป๊ดเลย..มีหัวแมวแปะอยู่ข้างบน
ด้วย คนางค์กำลังจะอ้าปากหัวเราะ

“คิดอะไรอยู่” ชายหนุ่มส่งเสียงเข้มส่งมา คนางค์หุบปากฉับ!

“ปะ..ปะ..เปล่า” รีบยื่นมือไปรับ

“อย่าคิดนะว่าฉันไม่รู้...หน้าตาเธอมันบ่งบอก” พูดเสร็จก็นั่งลงมาข้างๆ คนางค์นั่นแหละ..หญิง
สาวเบะปาก หมั่นไส้

“เป็นหมอดูหรือไง..เดาใจคนอื่นไปทั่ว” บ่นพึมพำ ขาก็สอดเข้าไปในรองเท้า ชายหนุ่มหัวเราะ
หึ หึ

“ไม่ต้องถึงกับหมอดูหรอกขนาดเด็กอนุบาลยังดูออกเลย..หน้าเธอมันแบไต๋ขนาดนั้น..กี่ขด
กี่ขดรู้หมด..ปิดไม่มิด” หญิงสาวค้อนตาคว่ำ..

“เออๆ..ก็ได้..ก็ได้..ก็ฉันขำนี่”ว่าแล้วก็หัวเราะคิก คิก ชายหนุ่มจ้องเขม็ง

“ขำอะไร”

“ก็ฉันไม่คิดว่าคุณจะมีรสนิยมแบบนี้ด้วย..หวานแหววแต่วจ๋าเชียว..คิตตี้สีชมพู 555+”อ้าปาก
หัวเราะซะกว้าง ชายหนุ่มเห็นแล้วหงุดหงิด..

“นี่ยัยบ้า!...หัวเราะทีเห็นไปถึงลูกกะเดือก..ไม่เคยมีใครสอนคุณสมบัติของสุภาพสตรีให้มั่ง
เหรอไงเฮอะ!..ให้ตายเหอะ!..ตั้งแต่เกิดมาฉันก็เพิ่งจะเจอเธอเนี่ยแหละคนแรก..ไม่มีความเป็น
กุลสตรี หัวเราะไม่มีบันยะบันยัง” ส่ายหัวหงึก หงัก เอือมเต็มที่...คนางค์ตาเบิกกว้าง เลือดขึ้น
หน้าอีกระรอก

“นี่คุณ!..ไม่จำเป็นต้องมาว่าฉันถึงขนาดนั้นก็ได้..ฉันไปทำอะไรให้คุณเฮอะ!..ไม่ได้ขอให้มา
ช่วยซักหน่อย..หรือเห็นว่าฉันกินเงินเดือนของคุณ จะโขกจะสับยังไงก็ได้ใช่มั๊ย!..ไอ้บ้านี่” รีบ
ลุกอย่างไว แค้นสุดๆ ผมเผ้าที่เกล้าไว้..ที่มันพาลจะหลุดแหล่มิหลุดแหล่..มีอันต้องดีดตัวหลุด
ผลึงด้วยแรงอารมณ์ของหญิงสาว..ผมดำขลับยาวสลวยกระจายเต็มหลัง..หญิงสาวฟึดฟัด! หัน
ซ้ายหันขวาหาหนังยางที่ร่วงหล่นพอไม่เห็นก็บ่นพึมพำ

“ไอ้บ้าเอ๊ย! อยู่ไหนล่ะ!” หันรีหันขวางหาใหญ่ สายตาพลันเจอหน้าชายหนุ่มที่นั่งเอามือท้าว
คาง ยันข้อศอกไว้บนพนักท้าวแขนของโซฟาจ้องนิ่งมาที่ตัวเอง ก็หงุดหงิดรำคาญอารมณ์..ไม่
หงไม่หามันแล้ว..รีบหันหลังเดินโขยกเขยกไปที่ประตู..พอไปถึงประตูก็ชะงักนึกขึ้นได้หันกลับ
มาใหม่ รีบเดินโขยกเขยกกลับมาเอารองเท้าของตัวเองที่แทบจะกองอยู่แทบเท้าชายหนุ่ม รีบ
ระล่ำระลักเอ่ยปากออกตัวไว้ก่อน

“รองเท้าฉัน..ซื้อมาหลายบาท” ชายหนุ่มเลิกคิ้วให้นิดนึง ยังคงนั่งมองนิ่งเอามือเท้าคางอยู่
อย่างงั้น คนางค์ค้อนส่งให้ควับ!..รีบคว้ารองเท้าเดินโขยกเขยกหันหลังกลับไปที่ประตู..มือ
กำลังจะเปิดนึกขึ้นได้หันกลับมาใหม่..รีบถอดรองเท้าแตะที่ชายหนุ่มเอามาให้ไว้ข้างหน้าทาง
เข้านั่นแหละ..ส่งเสียงออกมาปาวๆ

“ขอบคุณ!..ทีหลังไม่ต้อง” ปัง!!! เสียงประตูปิดตามหลังหญิงสาว..ห้องกลับมาอยู่ในความเงียบ
อีกครั้งนึง..ชายหนุ่มนั่งมองประตูอยู่ซักครู่..แล้วใบหน้าก็เผยรอยยิ้มออกมาที่มุมปาก..บรรจง
หยิบยางรัดผมที่หญิงสาวทำหล่นเผละมาบนตักเขา..ชายหนุ่มจ้องมองของที่อยู่ในมือนิ่งอมยิ้ม
น้อยๆ ช่างเป็นของกระจุกกระจิกที่ดูเหมาะกับหญิงสาวเป็นยิ่งนักสีส้มแป๊ด! มีตุ๊กตาตัวเล็กๆ
ติดอยู่เป็นระยะๆ ชายหนุ่มยกขึ้นมาดูซะชิด..และก็ต้องหัวเราะออกมาเสียงดัง

“โดเรมอน...ยัยเบื้อกนั่นชอบโดเรมอน” หน้ายังคงระบายด้วยรอยยิ้ม..เอนตัวพิงพนักโซฟานึก
ถึงใบหน้าของหญิงสาวตอนที่ก้มลงมาหยิบรองเท้าตรงหน้าเขา..ผมยาวสยายเกือบละพื้นมัน
ช่างเป็นภาพที่ประทับใจเขาเป็นยิ่งนัก..รู้สึกคุ้นๆ แต่นึกไม่ออกว่าเคยเห็นที่ไหน..ยัยบ้าเอ๊ย!
อย่าทำให้ฉันสับสน..ขอร้อง! ชายหนุ่มรำพึงรำพันในใจ........



กรกนก
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 มิ.ย. 2554, 19:35:25 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 มิ.ย. 2554, 19:35:25 น.

จำนวนการเข้าชม : 1738





<< ตอนที่2 : คำขอโทษ   ตอนที่4: ความบังเอิญ >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account