Sweet Taste รสหวาน...บันดาลรัก
คนหนึ่งคนออกตามหาผู้หญิงที่มีแต่ความลับเพื่อที่ราคาแพง

คนหนึ่งคนถูกเรียกมาให้ปกป้อง ไม่ให้แผนการขายที่สำเร็จ

คนหนึ่งคนยังสนุกกับการเดินทาง แต่ไม่รู้ทำไมชีวิตถึงเริ่มวุ่นวายเมื่อมาถึงปักกิ่ง สถานที่สุดท้ายที่จะมาก่อนเธอกลับไทย

คนหนึ่งคนเติบโตมาในครอบครัวใหญ่ถูกเลี้ยงมาเป็นคนงานในบ้าน ทั้งที่เจ้าตัวรู้ว่าใครเป็นพ่อ แต่เพราะครอบครัวจะทำร้ายคนอื่น เธอจึงไม่อยากให้พ่อหย่อนขาไปในนรก

คนหนึ่งคนมีแต่ความแค้น ปลูกฝังในหัวไม่สิ้นสุด รู้แค่ว่าเกลียด และต้องทำลาย

คนห้าคนในวังวนใกล้กัน ผจญอันตราย และเรื่องราวสุดจะคาดเดา กลับมีความหวานก่อเกิดขึ้นทีละนิดในใจของแต่ละคน...มารู้ตัวอีกที ความรัก ก็เกิดขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
Tags: Sweet รสหวาน ภีม พรพิรุณ ปุณณ์ แพรระพี

ตอน: ห้องเดียวกัน

ปาริตาวางสายจาก...ใครบางคนเมื่อชั่วโมงที่แล้ว ด้วยสีหน้าที่ไม่สบายใจนัก ดวงใจหนักอึ้งอย่างที่ไม่เคยนึกฝันมาก่อนในชีวิต การเติบโตมาในครอบครัวใหญ่ ด้วยฐานะที่เป็นเพียงคนรับใช้ในบ้านคนหนึ่งมันไม่น่ากลัวเลยสักนิด มันทำให้เธอเจียมตัว ไม่คิดอาจหาญไปเทียบใคร คำว่าพ่อ ท่านไม่เคยให้เรียกด้วยซ้ำ

ในวันนี้ หากมีนรก หรือมัจจุราชมาฉุดคุณศานติให้ขาข้างหนึ่งลงไปในความดำมืด เธอก็ควรจะปกป้องท่าน ก่อนที่ความเป็นคนของท่านจะถูกความโลภกลืนกินไปจนไม่เหลือ

หมอมีหน้าที่รักษาคน แต่กับจิตใจของคน ใช่ว่าจะมีคนทุกคนที่รักษาได้

โชคดีที่ชีวิตของปาริตาเป็นแค่เด็กรับใช้ที่มีสิทธิ์พิเศษถูกส่งเรียนจนจบหมอ ทุกครั้งที่กลับมาบ้าน หน้าที่ทุกอย่างเธอยังต้องดูแล ถึงได้รู้สถานที่แน่ชัดของที่ที่คุณศานติจะจัดการทำร้ายคนอื่น

เวลาบ่ายคล้อยแดดเตรียมเข้าร่มร่างผอมบางในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์ กับกระเป๋าเสื้อผ้าใบย่อมหนึ่งใบออกมาจากตัวคฤหาสน์หลังใหญ่ด้วยอาการนิ่งสงบ คล้ายกับทุกครั้งที่จะออกไปช่วยเหลือคนป่วยตามชุมชนกับเพื่อนๆ อาสา...แต่วันนี้ไม่ใช่

เดินกึ่งวิ่งจนถึงประตูใหญ่ คนงานในบ้านทุกคนล้วนรักเด็กสาวคนนี้ที่เป็นลูกหัวหน้าแม่บ้านของตระกูลธวัชเดชา ความอ่อนหวาน น่ารัก ยิ้มง่าย มีเมตตาจิตเปรียบดังน้ำทิพย์คอยหยดรดลงกลางใจพวกเขายามต้องเอาหน้าไปรับพายุอารมณ์ร้ายของคุณๆ ทั้งหลาย

“ไปนานไหมมิลัน” ลุงคนขับรถเก่าแก่ถามอย่างปรานี มองหญิงสาวบอบบางที่โดนคำกระทบกระเทียบมากมายจากเจ้านายของบ้านนี้มากที่สุด

“ฉันก็ไม่รู้จ้ะลุง น่าจะพักหนึ่ง ฝากลุงดูแลแม่ของฉันด้วยนะจ๊ะ ไว้จะซื้อของมาฝาก”

“พระคุ้มครองนะมิลัน” ชายวัยหกสิบอวยพรไปตามที่ใจคิด รู้สึกอีกนานกว่าตนจะได้พบหน้าปาริตา คนที่ไม่ใช่ลูกใช่หลานก็เหมือนใช่

หญิงสาวรับคำ เดินออกจากบ้านด้วยความไม่รีบร้อน หันมาปิดประตูเล็ก สายตากวาดมองบ้านหลังโต แต่ไร้ชีวิตจืดชืด และเย็นเยียบจับขั้วหัวใจอย่างที่สุด มองเข้าไปยังสถานที่สวยงาม แต่เหมือนมีเมฆหมอกหนาคอยบดบังสายตาไว้ มือกุมสร้อยมิลันเป็นภาษาอังกฤษที่ห้อยติดตัวมาตั้งแต่เกิด ส่งยิ้มให้คนงานในบ้านทิ้งท้าย เดินเลียบถนน

ในหมู่บ้านละแวกของคนมั่งมีนี้ ถนนไม่ได้แออัด บ้านแต่ละหลังจะตั้งอยู่ห่างกัน หลังหนึ่งก็กินพื้นที่หลายไร่ ปาริตาเดินแกมวิ่งเมื่อรู้สึกเสียงมอเตอร์ไซค์ดังไล่หลังมา นาทีนับจากพ้นรั้ว ปาริตาก็รู้สึกว่าอะไรๆ ก็พร้อมพรากลมหายใจของเธอให้ปลิดปลิวไปทั้งนั้น

แต่ดูเหมือนเงาดำมืดจะไล่ตามเธอแจจนถึงตัว...

โอ๊ย...ปาริตาเม้มปากไม่ส่งเสียงร้อง ขณะมองรถมอเตอร์ไซค์คันต้นเหตุที่เฉี่ยวชนเธอจอดดักทางไว้ไม่ให้เธอเดิน ขวัญในใจหายวูบจนรู้สึกวูบโหวง หมอสาวไม่เคยต้องพบเจอเหตุการณ์รุนแรงแบบนี้กับตัว

โดยเฉพาะกับการมีวัตถุสีดำมะเมื่อมจ่อที่ขมับ

“จะไปไหน” คนสวมหมวกกันน็อคจนมองไม่เห็นหน้าเค้นเสียงถามรอดไรฟัน ความอำมหิตแผ่ออกมาจนหญิงสาวเริ่มขนคอลุกชัน

“ไม่สำคัญหรอก”

เสียงพูดดังมาจากบุคคลที่จอดรถสีทะมึนเทียบรถมอเตอร์ไซค์ บดติดใต้ล้อโดยไม่รู้สึกรู้สา บุคคลในรถลงมายืนล้อมเจ้าของปืนหน้านิ่ง คนสั่งการในรถที่เอนหลังสบายหน้าตรงสั่งการเสียงเรียบ

“มือเปล่า ให้เงียบ จับมันมา มันยังมีประโยชน์”

ปาริตาไม่ได้รู้สึกอะไรมากนักต่อจากนั้นนอกจากภาพการต่อสู้ เธอหวุดหวิดจะโดนจับไปเป็นตัวประกัน อีกแค่ปลายนิ้ว ร่างทั้งร่างก็ถูกคุ้มกันจากบุคคลอีกกลุ่ม ไม่นานผู้ชายในหมวกกันน็อคก็ล้มลงไปกองกับพื้น ปืนถูกยึด

และตัวเธอก็ถูกผลักให้เข้าไปนั่งทางเบาะด้านหลัง ความเย็นเฉียบ มีความเด็ดขาดแฝงมา ปาริตามองเห็นหน้าคนขับมีรอยบากชัดตรงหน้า บอกว่าเขาผ่านมรสุมมามากมายเพียงไร แต่ที่คาดไม่ถึงดูจะเป็นคนที่สั่งการมากกว่า

เขาคือ ใครคนนั้นที่เธอได้คุยเมื่อชั่วโมงที่แล้ว ใครคนนั้น...วสุธร เดชอนันต์สิทธิ์


คอมพิวเตอร์เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ทเปิดโปรแกรมแชทแบบเห็นหน้าขึ้นมาติดต่อกับคนทางประเทศไทย มื้ออาหารเย็นเสร็จสิ้น เธอต้องทนคำจีบน่าเอียนจากคนเจ้าชู้ หรือบทเงียบ นอกจากประกายตาวิบวับแปลกไปของปุณณ์ คนพวกนี้เป็นอะไร แปลกกันหมด

“นี่ฟังฉันอยู่หรือเปล่าอุ่น...อุ่น”

“หือ”

“เหม่ออะไร ไม่ได้ฟังเลยใช่ไหม” อิศยาบ่นอุบ แต่สีหน้าล้อเลียนส่งมา “คิดถึงใครอยู่ พี่ภีม หรือปูน”

“ไม่คิดถึงใครทั้งนั้นล่ะ ไม่เห็นจะน่าคิดถึง ของกินน่าคิดถึงกว่า...ว่าแต่เธอพูดอะไรก่อนหน้านะ”

อิศยาบ่นมุ้งมิ้งอีกเล็กน้อยก่อนจะยอมเข้าเรื่อง “อุ่น ฉันว่าจะไปเปิดดีเอสแกรนด์เบเกอร์รี่ที่ปักกิ่ง เธอว่าเป็นไง”

“ก็ดีนี่นา จะมาเปิดเองเลยไหม จะได้เจอกัน” พรพิรุณจับผ้าเช็ดผมที่ใช้พาดคออยู่เช็ดให้ผมที่เพิ่งสระหมาด อากาศเย็นธรรมชาติแบบไม่ต้องเปิดเครื่องปรับอากาศหรือฮีทเตอร์ ให้ความรู้สึกสบาย และผ่อนคลาย ลบล้างปัญหาหนักหัวของพรพิรุณไปได้มาก

อิศยาส่ายหัวดิก เท้าแขนกับโต๊ะนวดแป้ง ชุดยังไม่ได้เปลี่ยนจากชุดเชฟสีขาว “อุ่นช่วยฉันได้ไหม”

“ฉันเหรอ”

“อืม ในเมืองจีนร้านเบเกอร์รี่พวกนี้มีเยอะ ถ้าเราเอาไปสู้ในตลาดเขาก็น่าเสี่ยงไม่ใช่เหรอ ในสามปีกว่า ดีเอสแกรนด์เบเกอร์รี่ชื่อเสียงเพิ่มขึ้น จะขยับขยายฐานให้กว้างขึ้นก็ไม่แปลก”

“อืม ดีเอสไม่แปลก แต่ฉันอยากทำอีกร้านได้หรือเปล่า คุณตาเบเกอร์รี่ในโรงแรมดีเอส”

“หือ?” อิศยาสีหน้าประหลาดใจ แต่เมื่อคิดได้ สาวเจ้าก็รีบรับคำ เหมือนที่ครั้งหนึ่งพรพิรุณออกความเห็นในการเขียนคอลัมน์

“ดีเลย งั้นอุ่นช่วยๆ ดูให้ทีนะ จะส่งข้อมูลไปให้ ขอบคุณมากๆ เอ๊ะ?” และคำพูดก็ขาดหายไป พรพิรุณมองหน้าญาติผู้น้องที่กำลังเบิกตาโต อ้าปากค้าง ร้องกรี๊ดสั้นๆ แค่นิดเดียวปัณณ์ที่เฝ้าคนรักจนงานเลิกก็มาอยู่ในเฟรมกล้องด้วย และต่างมีอาการไม่ต่างกับอิศยา

พรพิรุณโบกมือไปมาหน้ากล้อง เริ่มรู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆ คงไม่มีผีมายืนถมึงทึงอยู่ด้านหลังเธอ จนแช่แข็งคนอีกฟากหนึ่งของประเทศหรอกนะ

หญิงสาวตัดสินใจหันไปช้าๆ ภาพตรงหน้าน่ากลัวยิ่งกว่าผีเสียอีก...เพราะมัวแต่คุยอยู่กับอิศยาถึงได้ไม่ทันได้ฟังว่าปุณณ์ออกมาจากห้องน้ำ ที่สำคัญคือเธอลืมด้วยซ้ำว่ามาอยู่ห้องเดียวกับเขา

เสียงที่เกือบหลุดออกไปยั้งไว้ได้ทัน ดวงตากลมโตสีนิลจ้องลึกไล่ไปยังด้านบนที่มีหยดน้ำเกาะพราว ผิวสีแทน กล้ามแขนเป็นมัดๆ หรือจะพานมาถึงกล้ามท้องเป็นลอน ดูแข็งแรง จนเธอเกือบลืมภาพหนุ่มตี๋ ท่าทางเก่งแต่ปากสมัยก่อนไปสิ้น

แต่ตาของเธอก็หยุดแค่หกห่อของเขาเท่านั้น ไม่กล้ามองต่ำลงมา ทั้งที่พยายามทำใจกล้าท้าทายคนน่าไม่อายมายืนอวดหุ่นพันผ้าขนหนูด้านล่างไม่ให้อุจาดตาเท่านั้น

ผ้าเช็ดผมสีขาวสะอาดของปุณณ์วางโปะลงบนหน้าแดงๆ ของพรพิรุณ สายตาเจ้าหล่อนดูใสซื่อ แต่พานทำให้เลือดในกายเข้าร้อนขึ้นมา นี่คงตั้งใจใช้วิธีต่อสู้กับพวกโรคจิตที่ว่าอย่ากรี๊ดแต่ให้จ้องตาไม่วาง ไหนไม่จ้องต่ำลงมาอีกล่ะ แค่นี้แก้มขาวขึ้นสี กระตุ้นใจเขาให้เต้นตึกตักไม่เป็นจังหวะ...น่ารักชะมัด

“ผู้หญิงทะลึ่ง”

ปุณณ์จงใจนั่งลงข้างตัวพรพิรุณ โดยที่ร่างหญิงสาวนิ่งขึงไม่ขยับ ไม่ยอมเอาผ้าที่ปิดหน้าออกด้วยซ้ำ ไม่รู้ว่าภายใต้ผ้านั่นตอนนี้จะเป็นยังไงบ้าง หันกลับมาสนใจบุคคลสองคนที่กำลังเริ่มโวยวาย

“อะไรเนี่ยปูน นายทำอะไรอุ่น อยู่ห้องเดียวกันได้ยังไง” อิศยาเป็นคนเริ่มโวยก่อน

“แกไปทำอะไรที่นั่นเจ้าปูน อธิบายมาเดี๋ยวนี้” พี่ชายเพียงคนเดียวเริ่มร้องโวยต่อ

“ไปถามย่าเอานะครับคุณพี่ชาย” ปิดโปรแกรมแชทให้เรียบร้อย ถึงยอมลุกขึ้นนั่ง ไปจัดการแต่งตัวให้เรียบร้อยเงียบๆ ในมุมหนึ่งไม่อาย สายตาเหลือบมองพรพิรุณที่ไม่ยอมเอาผ้าปิดหน้าลง และใต้ผ้านั่นก็คงหลับตาปี๋ ปิดสนิท

“เรียบร้อยแล้วครับอุ่น”

พรพิรุณถึงยอมเคลื่อนไหวอีกครั้ง สายตานิ่ง มีแววดุจัด ไม่ยอมเอ่ยเสียงใดออกมาอีกกับคำว่าโหดร้าย ผู้หญิงทะลึ่ง...แค่นึกภาพที่เธอกะเล่นงานเขา แต่สายตาดันเลื่อนไปเอง ใจก็เต้นไม่เป็นส่ำ นึกๆ แล้วตัวเองเข้าข่ายผู้หญิงพรรค์นั้นหรือไง

เขาเองก็บ้าพอกัน ใส่ผ้าผืนเดียวเดินร่อนในห้องที่มีผู้หญิงอยู่...บ้าที่สุด

“ผมขอโทษ พอดีลืมหยิบเสื้อผ้าเข้าไปในห้องน้ำ ผมเลยต้องออกมาสภาพนี้”

“ทำไมไม่ใส่ชุดคลุมล่ะคะ มันไม่สุภาพ” คนปรับอารมณ์พอให้ปกติ อุณหภูมิบนหน้าเหลือแค่อุ่นๆ ดุใส่ “ป่านนี้คุณปั้นกับย่าเข้าใจไปถึงไหนต่อไหน”

“เหมือนที่พี่ภีมเข้าใจไงครับ หลอกต้องหลอกให้ครบ”

ผู้ชายในชุดลำลองเสื้อยืดสีขาว กางเกงผ้าคอตตอนคลุมเข่าเดินมานั่งขัดสมาธิอีกเตียงที่ห่างกันหนึ่งเมตร หันหน้าเข้าหาพรพิรุณ รู้สึกสะใจที่ได้เอาคืนเล็กๆ กับผู้หญิงก๋ากั่น

‘ฉันไม่อยากโดนเพื่อนพี่ชายปูนลวนลามอีก ฉะนั้นปูนต้องช่วยฉัน’

เธอคิดว่าเขาเป้นพระมาโปรดหรือไง แววตาเลื่อมใส และเชื่อใจเขาแบบนั้นทำให้ปุณณ์ต้องมาระงับความอดทนต่อด้านมืดของตัวเอง กลิ่นกายหอมธรรมชาติจากเรือนร่างของพรพิรุณเหมือนติดจมูกเขาไปทุกที่ภายในห้องนี้ตลอดเวลาที่เขาเคลื่อนไหว แต่เพราะเขาเหมือนที่พึ่งของหญิงสาว

เขาจะไม่มีวันทำให้พรพิรุณผิดหวังเด็ดขาด

การได้มีพรพิรุณมาทำสีหน้าดุใส่ ตอนนี้ รอยยิ้มบนหน้าก็เกิดขึ้นอัตโนมัติ “ฉันเสียหายนะ ย่าจะเอาไปเล่าให้ใครฟังบ้างก็ไม่รู้”

“ผมจะรับผิดชอบผลการกระทำทุกอย่าง อุ่นไม่ต้องกลัวนะ”

“หึ...ไม่ต้องหรอก ชีวิตของฉันก็ไม่ต้องการหาบ่วงมารัด ครั้งหน้าใส่เสื้อคลุมด้วยนะ ไม่อยากเป็นตากุ้งยิง”

“ผมออกจะภูมิใจ” ยกสองมือลูบกล้ามท้อง ขยิบตาข้างหนึ่ง กลบเกลื่อนความรู้สึกแปลบเล็กๆ ในอก พรพิรุณมองเขาเป็นแค่บ่วงรัดเท่านั้นเอง

“ไปทำกับสาวอื่นเถอะ”

ปุณณ์หัวเราะในคอ ยื่นมือสองข้างออกมาตรงหน้าพรพิรุณ “เพื่อความสบายใจของอุ่น ให้รัดมือผมตอนผมนอน”

“ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอก” คนพูดหยิบวัตถุสีดำเล็กใต้หมอนออกมา กดปุ่มจนเกิดประกายไฟแล่นเปรี๊ยะ “ที่ช็อตไฟฟ้าน่าจะคุมอยู่ ทำไม กลัวแพ้เสน่ห์สุดเร้าใจของฉันหรือไงปูน” กดเสียงเปรี๊ยะๆ ของเครื่องในมือข่มขวัญอีกสองสามครั้งพอให้คนมองยอมล้มตัวลงนอนอย่างสบายใจ

เกิดเขาบ้าขึ้นมาจริง...อย่างน้อยก็สบายใจได้ว่าพรพิรุณจะมีอาวุธป้องกัน เสน่ห์ของพรพิรุณไม่ต้องยั่วอะไร เขาก็สัมผัสได้จริง

“เพื่อนกัน เขาไม่คิดอะไรเกินเลยหรอก ใช่ไหมอุ่น” ชายหนุ่มตอกย้ำสถานะที่เขาเฝ้าเพียรเตือนตัวเองไว้อย่างใจเย็น

“ใช่ เพื่อนกันจะไม่ทำร้ายกัน”

เพื่อนก็เพื่อน เป็นเพื่อนวันนี้ วันหน้าใช่ว่าจะต้องเป็นนี่...หันมองเตียงข้างๆ ที่มีร่างของพรพิรุณนอนเหยียดยาว หันข้างไปด้านโน้นภายใต้ผ้าห่มผืนหนา จิตใจปุณณ์รู้สึกสงบอย่างประหลาด เหมือนอยากให้ทุกวัน ทุกคืน มีใครสักคนมานอนให้เขามองเห็น มาทำให้อวัยวะด้ายซ้ายมันเต้นสงบ และมีความอุ่นซ่านลอยวนอยู่ในนั้น

“ฝันดีนะครับอุ่น”

เสียงหวานขานรับในคอ ยังคงหันหลังให้ท่าเดิม นานเหมือนนาที ปุณณ์เริ่มรู้สึกง่วง มีรอยยิ้มแต้มมุมปาก เมื่อภาพสุดท้ายคล้ายเลือนรางก่อนเข้าสู้ห้วงนิทราคือใบหน้าของพรพิรุณหันกลับมามอง เสียงพูดนิ่งๆ ลอยมาจากที่ไกลแสนไกล แต่ก็ช่วยทำให้คืนนั้นของปุณณ์ฝันดี

“ปูนก็เหมือนกันนะ...”

ข้าวผัดไข่จากร้านอาหารจีน มีผัดผักเขียวกรอบค่อนข้างน้ำมันมาก ซุปรสหวานที่ภีมโบกมือลาไม่ขอตักซด และเมนูโปรดที่ได้รับความนิยมไก่ผัดซอสหวานๆ เค็มๆ มีไม่กี่อย่างเท่านั้นที่ภีมยอมทาน ปล่อยให้คู่สามีภรรยาที่ตนเข้าใจเติมไปเป็นชามที่สาม

“ตายอดตายอยากมาจากไหน เมื่อคืนเจ้าปูนมันใช้งานคุณอุ่นหนักเหรอ”

“ค่อกๆ...” พรพิรุณสำลักข้าว อาหารยัดเยียดจะเข้าไปในหลอดลมของเธอให้ได้ โชคดีที่มีน้ำอุ่นจากปุณณ์ส่งมาให้ถึงปาก คอยลูบหลังอย่างเป็นห่วง

“ไม่เป็นไรนะอุ่น...พี่ภีมนี่ก็พูดไม่ดูเวลา เรื่องแบบนี้อย่าพูดบนโต๊ะอาหารสิครับ” หันมายิ้มปลอบใจพรพิรุณทีหนึ่ง กลับไปต่อประโยคให้ครบ “หลังโต๊ะอาหารค่อยแซว”

ปุณณ์มองโทรศัพท์ที่สั่นของตัวเองขัดสีหน้าสุดแสนจะหมั่นไส้ของภีม และสายตาเอาเรื่องจากพรพิรุณมาต่อบทสนทนาจากคนต่างแดน คนที่ไม่ได้มีโอกาสคุยกันได้บ่อยๆ

“ว่าไงครับพี่โป้งมีอะไรให้ผมรับใช้”

“จะให้ไปรับคนที แกต้องไปรับเองเท่านั้น” เสียงปลายสายจากวสุธรเอาการเอางาน และเข้มงวดกว่าทุกครั้ง “เรื่องสำคัญ คนสำคัญ”

“มีอะไรหรือเปล่าครับเฮีย” สีหน้าของปุณณ์เริ่มเครียดเขม็ง สังหรณ์ใจไม่ดีชอบกล

“เรื่องสำคัญ คุยทางโทรศัพท์ไม่ได้ ตอนนี้อีกไม่ถึงชั่วโมงน่าจะไปถึงปักกิ่ง มีใครอยู่บ้าง”

ปุณณ์มองพรพิรุณ กับภีม โดยที่โต๊ะอาหารเช้านอกสถานที่ เป็นร้านอาหารจีนตรงข้ามโรงแรมไม่ได้รับการต้อนรับจากปากของแพรระพี จะว่าไปตั้งแต่เช้าที่ไปเคาะเรียกเจ้าตัวก็ไม่ยอมมาเปิด

“ตอนนี้มีแต่คนที่ไว้ใจได้ครับ ผมรับประกัน”

พรพิรุณรับฟังใจความประโยคนั้น รู้สึกเหมือนได้รับการคุ้มครองทางสายตาของปุณณ์ หรือนี่จะเป็นความรู้สึกจากการมีเพื่อนที่ดีเพิ่มมาคนหนึ่ง

“แพรระพีไม่อยู่ใช่ไหม”

“ครับ”

“บางทีเธออาจจะหนีไปแล้ว”

และหลายประโยคต่อมาในนาทีนั้นสร้างความเครียดแก่คนฟัง ปุณณ์วางสายไป แต่ใบหน้ายังนิ่ง และขบกรามไว้แน่น ภีม และพรพิรุณไม่รู้ว่าสิ่งที่ปุณณ์รับรู้มานั้นคือเรื่องอะไร แต่มันย่อมเป็นเรื่องร้ายแรง

“พี่ภีมครับ ผมขอให้พี่ไปรับคนๆ หนึ่งที่สนามบินแทนผม ไปพาเขามาให้ได้ก่อนจะถูกชิงตัวไป” ปุณณ์ลดระดับเสียงลง สีหน้าเคร่ง ส่งกุญแจรถไปในมือของภีม “ผู้หญิงคนนั้นจะมาคนเดียว”

“ใคร พี่รู้จักไหม”

เสียงข้อความดังขึ้นในโทรศัพท์ คนปลายทางกดดูรูปภาพที่แนบมา เป็นผู้หญิงผิวขาวจนเกือบซีดคนหนึ่ง เลื่อนไปให้ภีม “พี่ภีมพกไว้ เธอจะโทรเข้ามาที่เครื่อง ส่วนผมต้องไปจัดการเรื่องที่โรงแรม” ปุณณ์ลุกขึ้นยืน มองบุคคลที่เหลืออีกคน คนที่เขาเริ่มกังวล และห่วงในความปลอดภัย “อุ่น ผมจะปกป้องคุณยังไงดี”

“ฉันดูแลตัวเองได้” พรพิรุณไม่อยากเพิ่มภาระให้ปุณณ์ และไม่คิดว่าตัวเองจะไปสร้างปัญหาให้เขา เธอไม่มีศัตรูที่ไหน “ฉันจะกลับห้องพักแล้วกัน”

ปุณณ์จัดการเคลียร์ค่าอาหาร และรอจนภีมเอารถที่จอดไว้หน้าร้านอาหารไป จึงรีบวิ่งตรงไปยังร่างที่กำลังข้ามถนนใหญ่ไปยังที่ตั้งโรงแรม ในใจเขาร้อนรุ่มอย่างบอกไม่ถูก เมื่อสัญญาณไฟที่พรพิรุณข้ามไปขึ้นสีแดง เขาข้ามไปไม่ทัน หน้าโรงแรมมีกรุ๊ปคณะทัวร์คนไทยมาลง พรพิรุณกำลังเดินไปถึง กระเป๋าเดินทางใบหนึ่งถูกโยนขว้างอย่างแรงไปที่หน้าทางเข้าจากตัวรถบัส

สังหรณ์ใจของปุณณ์ทำงานทันควัน เลือดกายเดือดพล่านอย่างที่ไม่เคยเป็น เวลานี้สัญญาณไฟจะแดงยังไงเขาก็ไม่สนใจ นอกจากวิ่งไปให้ถึงตัวพรพิรุณให้เร็วที่สุด เสียงรถบีบแตรสนั่น เบรคระยะประชิดเกือบชนร่างของปุณณ์ แต่เขาไม่มีเวลาหันมาขอโทษ ตรงกันข้าม เสียงพวกนั้นหยุดให้พรพิรุณหันมามอง

กระเป๋าใบนั้นไม่มีเจ้าของ และรถบัสคันนั้นก็มีชายชุดดำกระโดดลงมา ปุณณ์ป้องปากตะโกนลั่นเป็นภาษาไทย ให้กรุ๊ปทัวร์นั้นรีบวิ่ง “รีบหนีไป มีระเบิด หนีไป!”

‘จะมีการวางระเบิดที่ดีเอสในปักกิ่ง ระวังตัวด้วยนะปูน’

คำเตือนของวสุธรดังอื้ออึงในหัว และหลังจากที่เขาบอกออกไป ไม่ว่าจะจริงหรือไม่ คนไทยกลุ่มนั้นแตกฮือหนีเข้าไปในโรงแรม ปุณณ์วิ่งมาถึงตัวของพรพิรุณ ตั้งใจจะพาวิ่งออกไปให้ไกลโรงแรม ภาพผู้ชายชุดดำที่เดินไปหยุดนิ่งข้างกระเป๋าใบนั้น หันมาจ้องหน้าเขานิ่ง ยิ้มมุมปากเหมือนคนจิตไม่สมประกอบ ใช้นิ้วโป้งกดปุ่มรีโมทสี่เหลี่ยมเล็ก ทุกสรรพสิ่งหยุดนิ่ง ก่อนที่เสียงกัมปนาทดังก้องไปทั่วบริเวณ

ตูมมม!!

...............................................................
คุณ sai อุ่นยังไม่แสดงความเป็นเจ้าของค่ะ ยังแย่งปูนกันได้เต็มที่ แต่ปูนบอก ปูนเป็นของอุ่นคนเดียว ฮา รักปูนกันเยอะๆ นะคะ
คุณ ใบบัวน่ารัก รักสามเส้าไม่เท่ามีเรื่องมาให้ดราม่าต่อ เรื่องนี้มันหวานตรงไหน ฮา
คุณ ameerah ตอนหน้าจะพาพี่ภีมไปลุยเดี่ยวเลยค่ะ ไม่ลืมแน่นอน พีคนที่ห้าโผล่มาเยอะขึ้นด้วย
คุณ OhLaLa เหมือนจะหวานนิดๆ แต่มาจบตู้มแบบนี้จะทำไงดี ตอนหน้าเนอะ
คุณ นักอ่านเหนียวหนึบ จะว่าไปชื่อเรื่องโหดๆ เจ็บๆ แบบนั้นอาจเหมาะนะ หาน้ำตาลไม่ค่อยเจอเลย
คุณ ใจใส ตอนนี้ปูนก็น่ารักนะคะ แอบพามาอวดหุ่น ^_^
คุณ ร้อยวจี เรื่องนี้ปูนคงไม่กลัวอุ่นเท่าพี่ปั้นกลัวหนูย่าค่ะ ฮา แต่อุ่นโหดกว่าหนูย่าแน่นอน
คุณ ปอปลาตากลม ยินดีเป็นอย่างยิ่งมากๆ ค่า ^^
ขอบคุณทุกเมนท์ ทุกไลค์ ทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ จบแบบนี้ไว้มาต่อตอนหน้า (นี่พยายามหวานขึ้นมาแล้ว...เหรอ)




ปวรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 20 ต.ค. 2556, 03:53:26 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 20 ต.ค. 2556, 08:04:36 น.

จำนวนการเข้าชม : 1520





<< คุยเปิดใจ   ปาริตา >>
ใบบัวน่ารัก 20 ต.ค. 2556, 08:31:52 น.
กรี๊ดดดดดดดดดดดด
อะไรกันค้า ผิดเรื่องหรือเปล่า ม่ายยยยยยนะอุ่นปูน


ameerah 20 ต.ค. 2556, 09:30:08 น.
ปูนน่ารักจังเลย และแล้วภีมก็มีผู้หญิงของตัวเองซะที


OhLaLa 20 ต.ค. 2556, 11:12:55 น.
เรื่องนี้นอกจากแนวรสหวานเข้มข้น มีระเบิดภูเขา เผากระท่อม บู๊แอดชั่นด้วยหรือเปล่าคะ


นักอ่านเหนียวหนึบ 20 ต.ค. 2556, 11:17:13 น.
โว๊ะ นี่ตกลงสลับคู่จริงๆ งะ
แอบตัวเอียงไป 3 วิ ปันใจให้ภีมไปนานแล้ว แอบหมั่นไส้เจ้าปูนไปแล้วด้วยยย
โว้ววววว มีระเบิดด้วย นี่มันละครมาเฟียชัดๆ
เกาะขอบจอ 555


ร้อยวจี 20 ต.ค. 2556, 12:14:49 น.
อุ่นกับปูน อย่าเป็นอะไรน้า หวาดเสียว Writer ชอบจบตอนหวาดเสียวทำให้คนอ่านหัวใจวาย ขอหวานๆนะคะ สู้ๆ ค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account