Sweet Taste รสหวาน...บันดาลรัก
คนหนึ่งคนออกตามหาผู้หญิงที่มีแต่ความลับเพื่อที่ราคาแพง
คนหนึ่งคนถูกเรียกมาให้ปกป้อง ไม่ให้แผนการขายที่สำเร็จ
คนหนึ่งคนยังสนุกกับการเดินทาง แต่ไม่รู้ทำไมชีวิตถึงเริ่มวุ่นวายเมื่อมาถึงปักกิ่ง สถานที่สุดท้ายที่จะมาก่อนเธอกลับไทย
คนหนึ่งคนเติบโตมาในครอบครัวใหญ่ถูกเลี้ยงมาเป็นคนงานในบ้าน ทั้งที่เจ้าตัวรู้ว่าใครเป็นพ่อ แต่เพราะครอบครัวจะทำร้ายคนอื่น เธอจึงไม่อยากให้พ่อหย่อนขาไปในนรก
คนหนึ่งคนมีแต่ความแค้น ปลูกฝังในหัวไม่สิ้นสุด รู้แค่ว่าเกลียด และต้องทำลาย
คนห้าคนในวังวนใกล้กัน ผจญอันตราย และเรื่องราวสุดจะคาดเดา กลับมีความหวานก่อเกิดขึ้นทีละนิดในใจของแต่ละคน...มารู้ตัวอีกที ความรัก ก็เกิดขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
คนหนึ่งคนถูกเรียกมาให้ปกป้อง ไม่ให้แผนการขายที่สำเร็จ
คนหนึ่งคนยังสนุกกับการเดินทาง แต่ไม่รู้ทำไมชีวิตถึงเริ่มวุ่นวายเมื่อมาถึงปักกิ่ง สถานที่สุดท้ายที่จะมาก่อนเธอกลับไทย
คนหนึ่งคนเติบโตมาในครอบครัวใหญ่ถูกเลี้ยงมาเป็นคนงานในบ้าน ทั้งที่เจ้าตัวรู้ว่าใครเป็นพ่อ แต่เพราะครอบครัวจะทำร้ายคนอื่น เธอจึงไม่อยากให้พ่อหย่อนขาไปในนรก
คนหนึ่งคนมีแต่ความแค้น ปลูกฝังในหัวไม่สิ้นสุด รู้แค่ว่าเกลียด และต้องทำลาย
คนห้าคนในวังวนใกล้กัน ผจญอันตราย และเรื่องราวสุดจะคาดเดา กลับมีความหวานก่อเกิดขึ้นทีละนิดในใจของแต่ละคน...มารู้ตัวอีกที ความรัก ก็เกิดขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
Tags: Sweet รสหวาน ภีม พรพิรุณ ปุณณ์ แพรระพี
ตอน: ปาริตา
สัมผัสแข็งแรงโอบกอดร่างของพรพิรุณไว้แน่นขณะที่ปุณณ์ดันให้ทั้งเธอและเขาหมอบลงกับพื้น สะเก็ดบางอย่างกรีดผ่านผิวเนื้อของเธอตามแขนและขาจนรู้สึกเจ็บ และความหนืดเหนอะหนะของโลหิตไหลออกมา เสียงอันดังก้องไปทั่วจนเธอรู้สึกหูอื้อตาลาย รอบข้างทุกอย่างเหมือนหยุดชะงัก ยกเว้น ลมหายใจของปุณณ์ และดวงตาของเขาที่ทอดมองเธอมาแน่วแน่มั่นคง ราวกับกลัวว่าเธอจะหายไปจากตรงนี้
ชั่วนาทีนานราวกับหยุดนิ่ง น้ำตาของพรพิรุณไหลออกมาเงียบๆ ยกมือขึ้นปิดปาก โลหิตสีแดงไหลออกมาช้าๆ บริเวณขมับของปุณณ์ คนตรงหน้ากัดฟันกรอด เอื้อมมือทั้งที่เจ็บร้าวไปทั้งตัวซับน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน ปลอบคนที่กำลังขวัญเสีย
“ขอโทษนะอุ่นที่ผมทำให้คุณอยู่ในอันตราย ขอโทษจริงๆ ไม่เป็นอะไรใช่ไหม”
ยิ่งได้ยินคำปลอบประโลม ความเข้มแข็งทั้งหมดของพรพิรุณถึงคราวพังล้มครืนไม่เป็นท่า หญิงสาวลุกขึ้นนั่งกอดเขาไว้พลางสะอื้นหนัก
“ไม่เป็นอะไรใช่ไหมปูน ปลอดภัยใช่ไหม”
“อืม”
พรพิรุณชะงักมือที่กำลังลูบหลังของปุณณ์ สิ่งที่มือแตะโดนพานให้ใจของเธอดิ่งลงเหว เลือดในกายเย็นเยียบ สายตาของเธอมองไปยังความเสียหายตรงหน้า กับชิ้นส่วนของมนุษย์คนหนึ่งกระจัดกระจายเต็มพื้นที่ ห่างออกไปหลายเมตร
ไม่มีทางที่ปุณณ์จะปลอดภัย
หญิงสาวยกมือขึ้นดู ของเหลวแดงฉานติดเต็มฝ่ามือ น้ำตายิ่งออกมามากขึ้นเรื่อยๆ ขวัญของเธอกำลังถูกดึงหายไปเหมือนที่ครั้งหนึ่ง ภาพพ่อและแม่เคยปกป้องเธอไว้
“ปูน ปูน”
พรพิรุณใช้ไหล่ตัวเองดันร่างของปุณณ์ กลัวว่ามือของเธอจะไปโดนร่างกายของเขาให้เจ็บ แต่ภาพผู้ชายเปลือกตาปิดสนิท ลมหายใจแผ่วเบาทีละนิด คล้ายจะหมดแรงลงไป ทำให้หญิงสาวกรีดร้องออกมา
“ปูน! ฟื้นสิ” เมื่อเรียกร่างที่สลบไปเท่าไหร่ไม่ฟื้น คนจีนที่กำลังมุงอยู่กลายเป็นเหมือนมนุษย์นอกโลกที่พรพิรุณไม่รู้จัก ภาษาจีนคล่องส่งออกไป “จะรอให้เขาตายก่อนหรือไง ใครก็ได้เรียกรถพยาบาลเดี๋ยวนี้!”
ต่อให้เขาจะก้าวขาไปสู่ยมโลก เธอก็จะไม่มีวันปล่อยให้เขาได้เดินไปตามที่ควรจะเป็น เขาต้องตื่นมาให้เธอด่าว่าโทษฐานเอาตัวเองมาปกป้องเธอ ทั้งที่ครั้งหนึ่งเคยบอกแล้วว่าไม่ให้ทำ
พรพิรุณไม่รู้เลยว่าที่จริงความเจ็บลึกๆ ในใจมันคืออะไร แต่คนที่คอยช่วยเหลือเธอคนหนึ่งกำลังจากไป มันทนไม่ได้จริงๆ
“ปูน...อย่าเป็นอะไรนะ”
‘อ้วนเป็นหมูตอนแบบนี้ยังคิดจะแบ่งอาหารหมูมาให้อีกเหรอ เก็บไว้กินเองเถอะ’
เด็กหญิงผมเปียสองข้างในชุดประถมสี่ตัวเล็กลอบมองแพรระพี เด็กสาวสวยโดดเด่น บุคคลที่ใครต่อใครในบ้านต้องประคบประหงมอย่างดี รวมทั้งเธอ การต้องคอยปรนนิบัติพัดวี เป็นลูกไล่เจ้าหล่อนตั้งแต่รู้ความ
ภาพผู้ชายตัวอ้วนถือขวดโหลคุกกี้โดนปฏิเสธจากแพรระพี และว่าออกมาเสียงดังโดยไม่สนว่าจะมีสายตากี่คู่มองมา หลังจากพูดทำร้ายน้ำใจของเด็กหนุ่มตัวอ้วนคนนั้นเสร็จ ผู้หญิงในชุดนักเรียนรีดเรียบทุกกระเบียด มองเขาคนนั้นทางหางตาก่อนเดินจากไป
ปาริตาเห็นคนตัวอ้วนที่เธอเพิ่งเคยพบเป็นครั้งแรกมองโหลคุกกี้ในมือเศร้าซึม ถ้าไม่บังเอิญว่ารถที่บ้านต้องมาแวะรับแพรระพี และใช้ให้เธอมาตามคุณหนูใหญ่ของบ้านกลับ เธอก็คงไม่ต้องมา
‘พี่ชายหนูขอคุกกี้ในมือพี่ได้ไหม’
‘อยากได้ก็เอาไปสิ มันคงไม่อร่อยเท่าไหร่หรอกนะ’
เด็กหญิงผิวขาว หน้าตาจิ้มลิ้มยิ้มใสซื่อ รับโหลคุกกี้มาถือไว้ หมุนฝาเปิดหยิบมาชิ้นหนึ่งขึ้นทาน รสชาติของคุกกี้อร่อยกว่าที่เธอเคยทานที่ไหน
‘อร่อยมากๆ ค่ะ’ เงยหน้าขึ้นมาจะบอก ผู้ชายตัวอ้วนคนนั้นก็เดินจากไปไกล เด็กหญิงผมแกละมองตาม รู้สึกถึงความเศร้าจากชายคนนั้นได้ชัด แต่ช่วยอะไรไม่ได้
‘ยิ้มไวๆ นะคะ พี่คุกกี้’
ปาริตาลืมตาตื่น ไม่รู้ว่าตัวเองเผลองีบหลับตอนเครื่องบินขึ้นไปตอนไหน แต่ระยะเดินทางเกือบห้าชั่วโมงก็ถึงเวลาสิ้นสุดเสียที โชคดีที่เธอคาดเข็มขัดติดตัวไว้ตลอดเวลา ไม่ต้องถูกปลุกจากนางฟ้าบนเครื่อง มารู้สึกตัวตื่นตอนที่เครื่องวิ่งบนพื้นสนามบินเรียบร้อยแล้ว
ผู้โดยสารทยอยเดินออกเมื่อเครื่องจอดเทียบท่าเรียบร้อย ปาริตาสะพายเป้ของเธอที่มีติดตัวมาเพียงใบเดียวโดยไม่ต้องโหลดสัมภาระสะพายหลังเรียบร้อยจึงเดินออกไปก่อนใคร ผ่านด่านตรวจโดยเร็ว ภาพสนามบินของปักกิ่งกว้างใหญ่จนคนที่ไม่เคยเดินทางไปนอกประเทศไม่รู้เหนือรู้ใต้
หยิบโทรศัพท์พกพาที่วสุธรให้มาเปิดใช้ที่เมืองจีนกดหาเบอร์บันทึกในเครื่องที่มีอยู่เพียงเบอร์เดียว ฟังสัญญาณไม่นานปลายสายก็รับ
“สวัสดีครับ คุณใช่คนที่ผมต้องมารับใช่ไหม”
“ค่ะ...คือคุณอยู่ไหนคะ” ปาริตาตั้งใจฟังถึงรายละเอียดของจุดนัดพบ ตั้งใจจะเดินออกไปให้เร็วที่สุดเพราะรู้ว่าตัวเองไม่ปลอดภัยนัก
รับคำแล้วจึงวางสาย ใครบางคนก็มาดักทางของเธอเสียก่อน
“แส่ไม่เข้าเรื่อง คิดว่าเก่งมาจากไหน ปาริตา”
“คุณอี๊ด”
อุทานชื่อบุคคลที่ยืนสวยตรงหน้าอย่างตะลึงพรึงเพริด ขนคอลุกชันขึ้นมา สองขาก้าวถอยหลังอัตโนมัติ มองหาทางหนีทีไล่เงียบๆ
“แกเอาเรื่องนี้ไปบอกใครนังมิลัน” ธาตุแท้ของผู้หญิงใจมืดดำแสดงออกชัดเจน เสียงเข่นเขี้ยว สีหน้าโกรธแค้น และพร้อมจะบีบคอปาริตาทุกเมื่อ “อยู่เงียบๆ ไม่ชอบ แม่ของแกเดือดร้อนแน่”
ปาริตามองปีศาจตรงหน้า ดวงตาฉายความกลัวออกมาชั่วพริบตาก่อนที่มันจะหายไป เธอไม่มีทางเอาแม่มาเสี่ยงในเรื่องความเป็นความตายนี้อย่างแน่นอน...ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่พึ่งใบบุญของเดชอนันต์สิทธิ์
ตอนนี้คนของวสุธรคงพาแม่ของเธอไปอยู่ในที่ที่ปลอดภัย ตารางเวลาชีวิตของปิลันธน์ผู้เป็นแม่ถูกส่งไปในมือของเขมรัฐ คนสนิทวสุธร ตีห้าจนถึงหกโมงเช้า แม่ของเธอจะออกไปตลาด ซึ่งเขมรัฐบอกจะให้คนมาพาไป ตอนนี้แม่ของเธอคงไม่ได้อยู่ในบ้านใหญ่หลังนั้นไว้ให้แพรระพีมาขู่เธอแน่
หากจะตาย เธอก็ขอตายแค่คนเดียว...
แต่ถ้ายังไม่สิ้นหนทาง เธอจะตายไม่ได้เด็ดขาด
“แกหนีไปไหนไม่ได้แล้ว มิลัน”
อีกครั้งที่หญิงสาวอยู่ในวงล้อมของมนุษย์ คนที่วันๆ จับแต่มีดผ่าตัด อ่านแต่หนังสือกายวิภาค ไม่เคยต่อสู้กับใครที่ไหนเริ่มใจหาย คนหลายคนที่แต่งตัวเหมือนนักเดินทางกำลังเดินมาเตรียมประกบ ปาริตาตัดสินใจได้นาทีนั้น ใช้สองมือผลักลำตัวของแพรระพีที่ยืนอยู่ตรงหน้าบนส้นสูงจนหงายหลังล้มกระเด็นก้นจ้ำเบ้า
ไม่รอชื่นชมผลงานตัวเอง ร่างผอมรีบวิ่งสวนออกมา ปล่อยให้เหล่าคนของแพรระพีวุ่นวายกับการประคองผู้เป็นนายยืนขึ้น ปาริตาไม่รู้ว่าตัวเองต่อจากนี้จะถูกหมายหัวเพิ่มขนาดไหน แต่ถ้ามันจะทำให้ขุมนรกในธวัชเดชาหายไปได้ เธอก็ต้องทำ ไม่รู้ว่าความบาดหมางนั้นเริ่มมาด้วยอะไร จะตามที่คุณท่านว่าไว้จริงไหม แต่ทุกครั้งที่ธวัชเดชาลงมือ เดชอนันต์สิทธิ์ไม่เคยเอาเรื่องกลับ นอกจากเอาคืนเล็กๆ น้อยๆ พอให้เข็ดหลาบ แต่คนทางนี้กลับยิ่งได้ใจ
จนถึงขั้นให้คนตาย...ปาริตาห่อไหล่ด้วยความกลัวที่บาดลึกในใจมาเนิ่นนาน การอยู่ในวังวนสีดำ มองเห็นคนบ้านนี้แค้นได้ไม่มีที่สิ้นสุด มันไม่เคยมีความสุข ถ้าหากเธอไม่มีแม่ และคนงานในบ้านคนอื่นๆ คอยมอบความสุข และรอยยิ้มให้ ปาริตาก็คิดไม่ออกว่าเธอจะเติบโตมาแบบไหน
สิ่งเดียวปิลันธน์ย้ำเตือนกับเธอก็คือ
‘หนูจะยุติความบาดหมางของสองตระกูลได้นะมิลัน หนูอย่าเป็นเครื่องมือความแค้นของใครนะลูก อย่าทำร้ายใครเด็ดขาด’
ทุกครั้งที่คนของธวัชเดชาทำร้าย ทำลายเดชอนันต์สิทธิ์ ปาริตาจะเห็นแม่ของเธอนอนร้องไห้ทุกครั้งโดยที่ตัวเองช่วยอะไรไม่ได้นอกจากกอดแม่ไปพร้อมความไม่เข้าใจ และครั้งนี้เป็นเธอเองที่ทนไม่ไหว
สองขาวิ่งสุดกำลัง มีเสียงวิ่งไล่ตามมาไม่หยุด แต่ก่อนจะสับสนกับเส้นทางในสนามบิน มือของใครคนหนึ่งก็ฉุดรั้งแขนเธอไว้สุดตัว กระชากเข้าข้างทางเป็นช่วงห้องน้ำพอดี ปาริตาปะทะกับแผ่นอกใครไม่รู้อย่างแรงเกือบร้องออกมาสุดเสียงคิดว่าโดนจับได้แล้ว แต่พอเงยหน้าขึ้นมอง ใบหน้าแปลกตา แต่ดูคุ้นเคยอย่างประหลาดมองมาพร้อมเอานิ้วแตะริมฝีปากให้เงียบ...และเธอก็เชื่อเขาหมดใจ
เสียงเท้าหลายคู่วิ่งผ่านไปโดยไม่ทันเฉลียวใจ ปาริตาผ่อนลมหายใจโล่งอก “ขอบคุณนะคะ” ใช้ภาษาไทยอย่างเคยชิน
“ไม่โดนพวกนั้นทำอะไรใช่ไหม”
เสียงทุ้มดูคุ้นหูอย่างประหลาด ดวงตาสีน้ำตาลเขม้นมองใบหน้าคร้ามคมตรงหน้า โครงหน้า หรือหลายอย่างในตัวคนนี้ทำให้เธอรู้สึกคุ้นเคย คล้ายกับใครคนนั้นที่เธอเพิ่งฝันถึง
“เราเคยเจอกันไหมคะ” ถามออกไปหน้ามุ่ย ใจส่วนหนึ่งรู้สึกว่าใช่ แต่ด้วยหุ่นที่ต่างจากในอดีต เธอถึงไม่อยากเชื่อนัก พี่คุกกี้หน้าเศร้าคนนั้นที่เจอเพียงครั้งเดียวกลับสร้างรสชาติขนมที่เธอรู้สึกชอบแบบที่หาที่ไหนทานไม่ได้
“เจอกันครั้งแรกก็ไวไฟเลยนะน้อง...มิลัน ชื่อมิลันเหรอ” ภีมก้มหน้ามาถาม มองสร้อยภาษาอังกฤษบนคอของหญิงสาวตรงหน้า ถูกแซวไปนิดเดียวก็หลบตาไม่ยอมมองตอบซะอย่างนั้น
“รีบไปกันเถอะ ไม่รู้พวกนั้นจะดักทางออกไว้หมดหรือยัง” คว้าข้อมือเล็กไว้แน่น โอบแนบชิดลำตัวตามนิสัยเสือมือไวไม่ยอมทิ้งลาย “เผื่อพวกมันเอะใจ จะได้ดึงมากอดไว้ทัน” บอกเหตุผลข้างๆ คูๆ แต่คนโดนสัมผัสกลับรู้สึกใจเต้นไม่เป็นส่ำ
ร้อยวันพันปีไม่เคยใกล้ชิดใครขนาดนี้มาก่อน ยกเว้นศพ คนไข้ หรืออาจารย์ใหญ่
เงยหน้ามองคนตัวสูงกับรอยยิ้มมุมปากดูมีเสน่ห์น่ามอง ไม่ทันรู้ตัวว่ากำลังโดนเสือจ้องเขมือบอยู่
ตรงกันข้ามกับคนแอบหวังผลที่กระหยิ่มยิ้มย่อง ตัวบางๆ ดูใสซื่อ ไม่ทันคนแบบนี้ เห็นทีจะตกหลุมเขาง่ายๆ ไม่เหมือนกับพรพิรุณ รายนั้นจับนิดจับหน่อยพานให้เขาน่วมไปทั้งตัว...ว่าแต่คนๆ นี้มีความสำคัญยังไงกับทางดีเอส
คนของทางธวัชเดชาถึงได้ออกล่าเป็นหมาล่าเหยื่อแบบนั้น “ไม่ต้องกลัวนะ อยู่กับพี่น้องปลอดภัยแน่”
ผิวแก้มขึ้นสีชมพูอ่อนตอนที่เงยหน้าขึ้นมามองทำให้ภีมยิ่งยิ้มกริ่ม บางทีมันก็ไม่น่าเบื่อนักหรอก มีของง่ายๆ มาถึงมือ ดูแลดีแน่ๆ ออกจะบอบบางน่าทะนุถนอม
ภีมคิดว่าตนคิดอย่างบริสุทธิ์ใจสุดๆ แล้วนะ
โทรศัพท์ของปุณณ์สั่น ภีมต้องรีบกดรับ เสียงพูดภาษาไทยชัดเจนของวสุธรเกือบตะโกนใส่หู
“เจอแพรระพีไหมภีม!”
“เกิดอะไรครับพี่โป้ง ผมเจอคนที่พี่ให้มารับแล้ว”
“คนของพี่จะไปถึงที่นั่น ครั้งนี้ทางนั้นเปิดศึกมา พี่จะไม่ทนอย่างที่ปู่เคยบอกให้อภัยพวกนั้นอีก รีบไปสมทบที่โรงพยาบาล...อย่าถามเหตุผล รีบไปที่นั่นจะรู้เอง ฝากดูแลมิลันด้วย ดูแลน้องสาวพี่ให้ดีๆ”
วสุธรสั่งด้วยอารมณ์โกรธขนาดคนฟังยังสัมผัสได้ มองหน้าบุคคลที่เขาโอบไว้แน่นด้วยใบหน้าที่ฉงนสงสัย
น้องสาว โรงพยาบาล มีเรื่องอะไรที่เขาต้องรู้อีกไหม...ว่าแต่มันเกิดอะไรขึ้น ช่วงที่เขามารับผู้หญิงคนนี้
มันเกี่ยวกับที่สีลมที่เขาต้องการตรงไหน ถึงโรงพยาบาลเมื่อไหร่ได้มีโทรเคลียร์กับเจ้าปัณณ์แน่ๆ
ภีมเข็นรถเข็นที่มีร่างของพรพิรุณนั่งเงียบมาตามทางได้พักใหญ่ คนบนรถในชุดคนไข้ของโรงพยาบาลมีแผลตามตัวเล็กน้อยประปราย ดวงตาของหญิงสาวมองป้ายไฟเหนือประตูห้องผ่าตัดที่มีใครอยู่ในนั้นมานานหลายชั่วโมง ผู้หญิงแปลกหน้าอีกคนที่เธอไม่รู้จักยิ้มปลอบใจมาให้แทนคำพูดใดๆ
เลือดหลายถุงถูกบรรจุบนรถเข็นเข้าไปต่อหน้าพรพิรุณ ภาพคนบนเตียงนอนคว่ำรับการผ่าตัดด้วยแพทย์หลายคนอย่างเต็มความสามารถ น้ำตาที่ออกมาไม่ได้ขาดเมื่อชั่วโมงที่แล้วก็เริ่มเอ่ออีกรอบ พรพิรุณเกลียดที่ใครต่อใครที่ปกป้องเธอต้องเป็นแบบนี้เสมอ
ปุณณ์มาช่วยย้ำแผลในใจด้วยตัวเขาเองอีกครั้ง ย้ำจนเหมือนจะทำให้เธอนึกกลัว หากเขาเป็นอะไรไปจริง ชีวิตนี้เธอคงให้อภัยตัวเองไม่ได้ตลอดชีวิต
“เขาจะปลอดภัยใช่ไหม”
เสียงเบาหวิวเกือบจะหมดแรงล้มพับไปได้ทุกเมื่อของพรพิรุณดังฝ่าความเงียบของบุคคลอีกสองคน ปาริตาลุกขึ้นมา ความเป็นแพทย์ของเธอคือการให้กำลังใจญาติคนไข้ให้เข้มแข็งที่สุด โดยเฉพาะกับคนที่พ่อของเธอได้ทำร้าย
“คุณปุณณ์จะต้องปลอดภัยค่ะ เขาจะต้องกลับมาหาคนที่เขารักแน่นอน”
พรพิรุณหัวเราะเบาๆ ไม่รู้สึกสนุกกับการแสร้งหลอกตาภีมอีกต่อไป ระยะเวลาไม่นานที่ได้พบปุณณ์ ไม่มีครั้งไหนเลยที่เขาจะไม่ดีกับเธอ นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ระเบิดขึ้น พรพิรุณรู้สึกเหมือนกับชีวิตของเธอมันไม่ใช่ของเธออีกต่อไป ดวงตาของเธอจดจ้องเข้าไปในห้องผ่าตัด มองผู้มีพระคุณของเธอที่กำลังต่อสู้กับความเจ็บปวด
พ่อคะแม่คะ อุ่นขอได้ไหม ขอลมหายใจของเขาให้รอดพ้นจากความตายได้หรือเปล่า ให้เขาลุกขึ้นมาบอกว่าต้องการชีวิตของอุ่น อุ่นก็จะให้เขา แต่อย่าให้เขาตายได้ไหมคะ
ไฟป้ายผ่าตัดปิดลง ไม่ถึงนาทีหมอเดินออกมาด้วยใบหน้าผ่อนคลาย และคำพูดภาษาจีนที่พรพิรุณฟังออกดังก้องในหู
“ปลอดภัยแล้วครับ...” อีกหลายประโยคที่คุณหมอว่ามาแต่พรพิรุณฟังผ่านหูไป น้ำตาหยดหนึ่งหล่นลงมา เหมือนความอึดอัดคล้ายจะหายใจไม่ออกตลอดเวลาที่เกิดขึ้นนี้โล่งจมูกมากขึ้น
“ปลอดภัยแล้วค่ะ...ปูนปลอดภัยแล้ว”
ภีมรับฟังคำถ่ายทอดของพรพิรุณ ถึงกับกระโดดตัวลอย กอดคนตัวผอมอีกคนไว้แน่น ปาริตาเองก็มีอารมณ์ร่วมไปกับเหตุการณ์นี้ กอดตอบรับคนตัวสูง ปล่อยให้เขาโยกไปมา นานเข้าเจ้าตัวถึงเพิ่งรู้สึกตัวจะออกมาภีมก็ไม่ยอมปล่อย
“ชีกอไม่เลิก”
ภีมหันมาถลึงตาใส่คนเจ็บบนรถเข็น ยอมปล่อยมือจากร่างนุ่มอย่างเสียดาย ถอยหลบเข้าข้างทางเมื่อประตูห้องผ่าตัดเปิดกว้าง ร่างของคนเจ็บนอนอยู่บนนั้น พรพิรุณมองใบหน้าของปุณณ์ราวกับจะจดจำเขาไว้ในความทรงจำของบุคคลสำคัญในชีวิต
“ปูน ขอบคุณนะ” ...ขอบคุณที่ยังมีชีวิต
“ร้องไห้อีกแล้ว...ถ้าเจ้าปูนฟื้นมาจะร้องไห้ต้อนรับการฟื้นไหมเนี่ย” ภีมเอ่ยเหน็บแนมแกมเย้ามากกว่าเอาแต่จีบหรือชีกอใส่อย่างที่แล้วๆ มา ภาพการเสียสละของเจ้าน้องชายเพื่อนแบบนี้สมแล้วที่เขาถอยออกมาให้
พรพิรุณไม่ถือสาคำเหน็บแต่จริงๆ คือคำปลอบในแบบของภีม มีรอยยิ้มระบายบนหน้าของหญิงสาว ดวงตามีความดีใจชัดเจน
“ถ้าเขาตื่นขึ้นมา ฉันจะยิ้มให้เขา”
ปาริตาเป็นคนเข็นรถให้พรพิรุณด้วยตัวเอง ยามที่สังเกตความสัมพันธ์ของพี่สาวตรงหน้ากับบุคคลบนเตียงที่เจ็บอยู่ ปาริตาก็รู้สึกถึงสายใยบางเบา อบอุ่น ไม่รู้ว่ามันเป็นความรักไหม แต่คนนอกอย่างเธอแค่มองเห็นจากจุดนี้ อยากพบเจอบ้าง
“ไม่ต้องอิจฉาหรอก” ภีมพูดลอยๆ ขณะเดินเคียงมาไม่ห่าง สายตามีร่องรอยกะลิ้มกะเหลี่ยจนครั้งนี้ปาริตาสัมผัสได้ “คนแถวนี้ยังมีพื้นที่ข้างๆ ว่างอยู่”
ว่าแต่เขาจะใช่พี่คุกกี้หน้าเศร้าคนนั้นจริงเหรอ...ปาริตาตั้งคำถามกับตัวเอง แต่ยังไม่กล้าถามออกไป
.....................................................................
คุณ ใบบัวน่ารัก ดราม่าต่ออีกนิด ไม่รู้ว่าภีมออกมาเบรกอารมณ์ได้ขนาดไหน
คุณ ameerah จุดพลุค่ะ แต่พี่ภีมยังนิสัยเหมือนเดิม ฮา แก้ไม่หาย
คุณ OhLaLa ระเบิดภูเขายังไม่ได้คิด ระเบิดพลีชีพไปก่อนค่ะ อยากให้หวานจริงๆ นะคะ แต่ลากเข้าดราม่าตลอดเลย
คุณ นักอ่านเหนียวหนึบ รับรองว่าคู่ของภีมไม่น้อยหน้าปูนค่ะ แอบพาเซ คนเขียนก็เซเหมือนกันค่ะ
คุณ ร้อยวจี ปิดแบบนี้ไม่รู้ใจเสียอีกรอบไหม ผ่านอันนี้ไปจะหวานขึ้นค่ะ ไม่ไขว้นิ้ว ฮา
ชั่วนาทีนานราวกับหยุดนิ่ง น้ำตาของพรพิรุณไหลออกมาเงียบๆ ยกมือขึ้นปิดปาก โลหิตสีแดงไหลออกมาช้าๆ บริเวณขมับของปุณณ์ คนตรงหน้ากัดฟันกรอด เอื้อมมือทั้งที่เจ็บร้าวไปทั้งตัวซับน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน ปลอบคนที่กำลังขวัญเสีย
“ขอโทษนะอุ่นที่ผมทำให้คุณอยู่ในอันตราย ขอโทษจริงๆ ไม่เป็นอะไรใช่ไหม”
ยิ่งได้ยินคำปลอบประโลม ความเข้มแข็งทั้งหมดของพรพิรุณถึงคราวพังล้มครืนไม่เป็นท่า หญิงสาวลุกขึ้นนั่งกอดเขาไว้พลางสะอื้นหนัก
“ไม่เป็นอะไรใช่ไหมปูน ปลอดภัยใช่ไหม”
“อืม”
พรพิรุณชะงักมือที่กำลังลูบหลังของปุณณ์ สิ่งที่มือแตะโดนพานให้ใจของเธอดิ่งลงเหว เลือดในกายเย็นเยียบ สายตาของเธอมองไปยังความเสียหายตรงหน้า กับชิ้นส่วนของมนุษย์คนหนึ่งกระจัดกระจายเต็มพื้นที่ ห่างออกไปหลายเมตร
ไม่มีทางที่ปุณณ์จะปลอดภัย
หญิงสาวยกมือขึ้นดู ของเหลวแดงฉานติดเต็มฝ่ามือ น้ำตายิ่งออกมามากขึ้นเรื่อยๆ ขวัญของเธอกำลังถูกดึงหายไปเหมือนที่ครั้งหนึ่ง ภาพพ่อและแม่เคยปกป้องเธอไว้
“ปูน ปูน”
พรพิรุณใช้ไหล่ตัวเองดันร่างของปุณณ์ กลัวว่ามือของเธอจะไปโดนร่างกายของเขาให้เจ็บ แต่ภาพผู้ชายเปลือกตาปิดสนิท ลมหายใจแผ่วเบาทีละนิด คล้ายจะหมดแรงลงไป ทำให้หญิงสาวกรีดร้องออกมา
“ปูน! ฟื้นสิ” เมื่อเรียกร่างที่สลบไปเท่าไหร่ไม่ฟื้น คนจีนที่กำลังมุงอยู่กลายเป็นเหมือนมนุษย์นอกโลกที่พรพิรุณไม่รู้จัก ภาษาจีนคล่องส่งออกไป “จะรอให้เขาตายก่อนหรือไง ใครก็ได้เรียกรถพยาบาลเดี๋ยวนี้!”
ต่อให้เขาจะก้าวขาไปสู่ยมโลก เธอก็จะไม่มีวันปล่อยให้เขาได้เดินไปตามที่ควรจะเป็น เขาต้องตื่นมาให้เธอด่าว่าโทษฐานเอาตัวเองมาปกป้องเธอ ทั้งที่ครั้งหนึ่งเคยบอกแล้วว่าไม่ให้ทำ
พรพิรุณไม่รู้เลยว่าที่จริงความเจ็บลึกๆ ในใจมันคืออะไร แต่คนที่คอยช่วยเหลือเธอคนหนึ่งกำลังจากไป มันทนไม่ได้จริงๆ
“ปูน...อย่าเป็นอะไรนะ”
‘อ้วนเป็นหมูตอนแบบนี้ยังคิดจะแบ่งอาหารหมูมาให้อีกเหรอ เก็บไว้กินเองเถอะ’
เด็กหญิงผมเปียสองข้างในชุดประถมสี่ตัวเล็กลอบมองแพรระพี เด็กสาวสวยโดดเด่น บุคคลที่ใครต่อใครในบ้านต้องประคบประหงมอย่างดี รวมทั้งเธอ การต้องคอยปรนนิบัติพัดวี เป็นลูกไล่เจ้าหล่อนตั้งแต่รู้ความ
ภาพผู้ชายตัวอ้วนถือขวดโหลคุกกี้โดนปฏิเสธจากแพรระพี และว่าออกมาเสียงดังโดยไม่สนว่าจะมีสายตากี่คู่มองมา หลังจากพูดทำร้ายน้ำใจของเด็กหนุ่มตัวอ้วนคนนั้นเสร็จ ผู้หญิงในชุดนักเรียนรีดเรียบทุกกระเบียด มองเขาคนนั้นทางหางตาก่อนเดินจากไป
ปาริตาเห็นคนตัวอ้วนที่เธอเพิ่งเคยพบเป็นครั้งแรกมองโหลคุกกี้ในมือเศร้าซึม ถ้าไม่บังเอิญว่ารถที่บ้านต้องมาแวะรับแพรระพี และใช้ให้เธอมาตามคุณหนูใหญ่ของบ้านกลับ เธอก็คงไม่ต้องมา
‘พี่ชายหนูขอคุกกี้ในมือพี่ได้ไหม’
‘อยากได้ก็เอาไปสิ มันคงไม่อร่อยเท่าไหร่หรอกนะ’
เด็กหญิงผิวขาว หน้าตาจิ้มลิ้มยิ้มใสซื่อ รับโหลคุกกี้มาถือไว้ หมุนฝาเปิดหยิบมาชิ้นหนึ่งขึ้นทาน รสชาติของคุกกี้อร่อยกว่าที่เธอเคยทานที่ไหน
‘อร่อยมากๆ ค่ะ’ เงยหน้าขึ้นมาจะบอก ผู้ชายตัวอ้วนคนนั้นก็เดินจากไปไกล เด็กหญิงผมแกละมองตาม รู้สึกถึงความเศร้าจากชายคนนั้นได้ชัด แต่ช่วยอะไรไม่ได้
‘ยิ้มไวๆ นะคะ พี่คุกกี้’
ปาริตาลืมตาตื่น ไม่รู้ว่าตัวเองเผลองีบหลับตอนเครื่องบินขึ้นไปตอนไหน แต่ระยะเดินทางเกือบห้าชั่วโมงก็ถึงเวลาสิ้นสุดเสียที โชคดีที่เธอคาดเข็มขัดติดตัวไว้ตลอดเวลา ไม่ต้องถูกปลุกจากนางฟ้าบนเครื่อง มารู้สึกตัวตื่นตอนที่เครื่องวิ่งบนพื้นสนามบินเรียบร้อยแล้ว
ผู้โดยสารทยอยเดินออกเมื่อเครื่องจอดเทียบท่าเรียบร้อย ปาริตาสะพายเป้ของเธอที่มีติดตัวมาเพียงใบเดียวโดยไม่ต้องโหลดสัมภาระสะพายหลังเรียบร้อยจึงเดินออกไปก่อนใคร ผ่านด่านตรวจโดยเร็ว ภาพสนามบินของปักกิ่งกว้างใหญ่จนคนที่ไม่เคยเดินทางไปนอกประเทศไม่รู้เหนือรู้ใต้
หยิบโทรศัพท์พกพาที่วสุธรให้มาเปิดใช้ที่เมืองจีนกดหาเบอร์บันทึกในเครื่องที่มีอยู่เพียงเบอร์เดียว ฟังสัญญาณไม่นานปลายสายก็รับ
“สวัสดีครับ คุณใช่คนที่ผมต้องมารับใช่ไหม”
“ค่ะ...คือคุณอยู่ไหนคะ” ปาริตาตั้งใจฟังถึงรายละเอียดของจุดนัดพบ ตั้งใจจะเดินออกไปให้เร็วที่สุดเพราะรู้ว่าตัวเองไม่ปลอดภัยนัก
รับคำแล้วจึงวางสาย ใครบางคนก็มาดักทางของเธอเสียก่อน
“แส่ไม่เข้าเรื่อง คิดว่าเก่งมาจากไหน ปาริตา”
“คุณอี๊ด”
อุทานชื่อบุคคลที่ยืนสวยตรงหน้าอย่างตะลึงพรึงเพริด ขนคอลุกชันขึ้นมา สองขาก้าวถอยหลังอัตโนมัติ มองหาทางหนีทีไล่เงียบๆ
“แกเอาเรื่องนี้ไปบอกใครนังมิลัน” ธาตุแท้ของผู้หญิงใจมืดดำแสดงออกชัดเจน เสียงเข่นเขี้ยว สีหน้าโกรธแค้น และพร้อมจะบีบคอปาริตาทุกเมื่อ “อยู่เงียบๆ ไม่ชอบ แม่ของแกเดือดร้อนแน่”
ปาริตามองปีศาจตรงหน้า ดวงตาฉายความกลัวออกมาชั่วพริบตาก่อนที่มันจะหายไป เธอไม่มีทางเอาแม่มาเสี่ยงในเรื่องความเป็นความตายนี้อย่างแน่นอน...ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่พึ่งใบบุญของเดชอนันต์สิทธิ์
ตอนนี้คนของวสุธรคงพาแม่ของเธอไปอยู่ในที่ที่ปลอดภัย ตารางเวลาชีวิตของปิลันธน์ผู้เป็นแม่ถูกส่งไปในมือของเขมรัฐ คนสนิทวสุธร ตีห้าจนถึงหกโมงเช้า แม่ของเธอจะออกไปตลาด ซึ่งเขมรัฐบอกจะให้คนมาพาไป ตอนนี้แม่ของเธอคงไม่ได้อยู่ในบ้านใหญ่หลังนั้นไว้ให้แพรระพีมาขู่เธอแน่
หากจะตาย เธอก็ขอตายแค่คนเดียว...
แต่ถ้ายังไม่สิ้นหนทาง เธอจะตายไม่ได้เด็ดขาด
“แกหนีไปไหนไม่ได้แล้ว มิลัน”
อีกครั้งที่หญิงสาวอยู่ในวงล้อมของมนุษย์ คนที่วันๆ จับแต่มีดผ่าตัด อ่านแต่หนังสือกายวิภาค ไม่เคยต่อสู้กับใครที่ไหนเริ่มใจหาย คนหลายคนที่แต่งตัวเหมือนนักเดินทางกำลังเดินมาเตรียมประกบ ปาริตาตัดสินใจได้นาทีนั้น ใช้สองมือผลักลำตัวของแพรระพีที่ยืนอยู่ตรงหน้าบนส้นสูงจนหงายหลังล้มกระเด็นก้นจ้ำเบ้า
ไม่รอชื่นชมผลงานตัวเอง ร่างผอมรีบวิ่งสวนออกมา ปล่อยให้เหล่าคนของแพรระพีวุ่นวายกับการประคองผู้เป็นนายยืนขึ้น ปาริตาไม่รู้ว่าตัวเองต่อจากนี้จะถูกหมายหัวเพิ่มขนาดไหน แต่ถ้ามันจะทำให้ขุมนรกในธวัชเดชาหายไปได้ เธอก็ต้องทำ ไม่รู้ว่าความบาดหมางนั้นเริ่มมาด้วยอะไร จะตามที่คุณท่านว่าไว้จริงไหม แต่ทุกครั้งที่ธวัชเดชาลงมือ เดชอนันต์สิทธิ์ไม่เคยเอาเรื่องกลับ นอกจากเอาคืนเล็กๆ น้อยๆ พอให้เข็ดหลาบ แต่คนทางนี้กลับยิ่งได้ใจ
จนถึงขั้นให้คนตาย...ปาริตาห่อไหล่ด้วยความกลัวที่บาดลึกในใจมาเนิ่นนาน การอยู่ในวังวนสีดำ มองเห็นคนบ้านนี้แค้นได้ไม่มีที่สิ้นสุด มันไม่เคยมีความสุข ถ้าหากเธอไม่มีแม่ และคนงานในบ้านคนอื่นๆ คอยมอบความสุข และรอยยิ้มให้ ปาริตาก็คิดไม่ออกว่าเธอจะเติบโตมาแบบไหน
สิ่งเดียวปิลันธน์ย้ำเตือนกับเธอก็คือ
‘หนูจะยุติความบาดหมางของสองตระกูลได้นะมิลัน หนูอย่าเป็นเครื่องมือความแค้นของใครนะลูก อย่าทำร้ายใครเด็ดขาด’
ทุกครั้งที่คนของธวัชเดชาทำร้าย ทำลายเดชอนันต์สิทธิ์ ปาริตาจะเห็นแม่ของเธอนอนร้องไห้ทุกครั้งโดยที่ตัวเองช่วยอะไรไม่ได้นอกจากกอดแม่ไปพร้อมความไม่เข้าใจ และครั้งนี้เป็นเธอเองที่ทนไม่ไหว
สองขาวิ่งสุดกำลัง มีเสียงวิ่งไล่ตามมาไม่หยุด แต่ก่อนจะสับสนกับเส้นทางในสนามบิน มือของใครคนหนึ่งก็ฉุดรั้งแขนเธอไว้สุดตัว กระชากเข้าข้างทางเป็นช่วงห้องน้ำพอดี ปาริตาปะทะกับแผ่นอกใครไม่รู้อย่างแรงเกือบร้องออกมาสุดเสียงคิดว่าโดนจับได้แล้ว แต่พอเงยหน้าขึ้นมอง ใบหน้าแปลกตา แต่ดูคุ้นเคยอย่างประหลาดมองมาพร้อมเอานิ้วแตะริมฝีปากให้เงียบ...และเธอก็เชื่อเขาหมดใจ
เสียงเท้าหลายคู่วิ่งผ่านไปโดยไม่ทันเฉลียวใจ ปาริตาผ่อนลมหายใจโล่งอก “ขอบคุณนะคะ” ใช้ภาษาไทยอย่างเคยชิน
“ไม่โดนพวกนั้นทำอะไรใช่ไหม”
เสียงทุ้มดูคุ้นหูอย่างประหลาด ดวงตาสีน้ำตาลเขม้นมองใบหน้าคร้ามคมตรงหน้า โครงหน้า หรือหลายอย่างในตัวคนนี้ทำให้เธอรู้สึกคุ้นเคย คล้ายกับใครคนนั้นที่เธอเพิ่งฝันถึง
“เราเคยเจอกันไหมคะ” ถามออกไปหน้ามุ่ย ใจส่วนหนึ่งรู้สึกว่าใช่ แต่ด้วยหุ่นที่ต่างจากในอดีต เธอถึงไม่อยากเชื่อนัก พี่คุกกี้หน้าเศร้าคนนั้นที่เจอเพียงครั้งเดียวกลับสร้างรสชาติขนมที่เธอรู้สึกชอบแบบที่หาที่ไหนทานไม่ได้
“เจอกันครั้งแรกก็ไวไฟเลยนะน้อง...มิลัน ชื่อมิลันเหรอ” ภีมก้มหน้ามาถาม มองสร้อยภาษาอังกฤษบนคอของหญิงสาวตรงหน้า ถูกแซวไปนิดเดียวก็หลบตาไม่ยอมมองตอบซะอย่างนั้น
“รีบไปกันเถอะ ไม่รู้พวกนั้นจะดักทางออกไว้หมดหรือยัง” คว้าข้อมือเล็กไว้แน่น โอบแนบชิดลำตัวตามนิสัยเสือมือไวไม่ยอมทิ้งลาย “เผื่อพวกมันเอะใจ จะได้ดึงมากอดไว้ทัน” บอกเหตุผลข้างๆ คูๆ แต่คนโดนสัมผัสกลับรู้สึกใจเต้นไม่เป็นส่ำ
ร้อยวันพันปีไม่เคยใกล้ชิดใครขนาดนี้มาก่อน ยกเว้นศพ คนไข้ หรืออาจารย์ใหญ่
เงยหน้ามองคนตัวสูงกับรอยยิ้มมุมปากดูมีเสน่ห์น่ามอง ไม่ทันรู้ตัวว่ากำลังโดนเสือจ้องเขมือบอยู่
ตรงกันข้ามกับคนแอบหวังผลที่กระหยิ่มยิ้มย่อง ตัวบางๆ ดูใสซื่อ ไม่ทันคนแบบนี้ เห็นทีจะตกหลุมเขาง่ายๆ ไม่เหมือนกับพรพิรุณ รายนั้นจับนิดจับหน่อยพานให้เขาน่วมไปทั้งตัว...ว่าแต่คนๆ นี้มีความสำคัญยังไงกับทางดีเอส
คนของทางธวัชเดชาถึงได้ออกล่าเป็นหมาล่าเหยื่อแบบนั้น “ไม่ต้องกลัวนะ อยู่กับพี่น้องปลอดภัยแน่”
ผิวแก้มขึ้นสีชมพูอ่อนตอนที่เงยหน้าขึ้นมามองทำให้ภีมยิ่งยิ้มกริ่ม บางทีมันก็ไม่น่าเบื่อนักหรอก มีของง่ายๆ มาถึงมือ ดูแลดีแน่ๆ ออกจะบอบบางน่าทะนุถนอม
ภีมคิดว่าตนคิดอย่างบริสุทธิ์ใจสุดๆ แล้วนะ
โทรศัพท์ของปุณณ์สั่น ภีมต้องรีบกดรับ เสียงพูดภาษาไทยชัดเจนของวสุธรเกือบตะโกนใส่หู
“เจอแพรระพีไหมภีม!”
“เกิดอะไรครับพี่โป้ง ผมเจอคนที่พี่ให้มารับแล้ว”
“คนของพี่จะไปถึงที่นั่น ครั้งนี้ทางนั้นเปิดศึกมา พี่จะไม่ทนอย่างที่ปู่เคยบอกให้อภัยพวกนั้นอีก รีบไปสมทบที่โรงพยาบาล...อย่าถามเหตุผล รีบไปที่นั่นจะรู้เอง ฝากดูแลมิลันด้วย ดูแลน้องสาวพี่ให้ดีๆ”
วสุธรสั่งด้วยอารมณ์โกรธขนาดคนฟังยังสัมผัสได้ มองหน้าบุคคลที่เขาโอบไว้แน่นด้วยใบหน้าที่ฉงนสงสัย
น้องสาว โรงพยาบาล มีเรื่องอะไรที่เขาต้องรู้อีกไหม...ว่าแต่มันเกิดอะไรขึ้น ช่วงที่เขามารับผู้หญิงคนนี้
มันเกี่ยวกับที่สีลมที่เขาต้องการตรงไหน ถึงโรงพยาบาลเมื่อไหร่ได้มีโทรเคลียร์กับเจ้าปัณณ์แน่ๆ
ภีมเข็นรถเข็นที่มีร่างของพรพิรุณนั่งเงียบมาตามทางได้พักใหญ่ คนบนรถในชุดคนไข้ของโรงพยาบาลมีแผลตามตัวเล็กน้อยประปราย ดวงตาของหญิงสาวมองป้ายไฟเหนือประตูห้องผ่าตัดที่มีใครอยู่ในนั้นมานานหลายชั่วโมง ผู้หญิงแปลกหน้าอีกคนที่เธอไม่รู้จักยิ้มปลอบใจมาให้แทนคำพูดใดๆ
เลือดหลายถุงถูกบรรจุบนรถเข็นเข้าไปต่อหน้าพรพิรุณ ภาพคนบนเตียงนอนคว่ำรับการผ่าตัดด้วยแพทย์หลายคนอย่างเต็มความสามารถ น้ำตาที่ออกมาไม่ได้ขาดเมื่อชั่วโมงที่แล้วก็เริ่มเอ่ออีกรอบ พรพิรุณเกลียดที่ใครต่อใครที่ปกป้องเธอต้องเป็นแบบนี้เสมอ
ปุณณ์มาช่วยย้ำแผลในใจด้วยตัวเขาเองอีกครั้ง ย้ำจนเหมือนจะทำให้เธอนึกกลัว หากเขาเป็นอะไรไปจริง ชีวิตนี้เธอคงให้อภัยตัวเองไม่ได้ตลอดชีวิต
“เขาจะปลอดภัยใช่ไหม”
เสียงเบาหวิวเกือบจะหมดแรงล้มพับไปได้ทุกเมื่อของพรพิรุณดังฝ่าความเงียบของบุคคลอีกสองคน ปาริตาลุกขึ้นมา ความเป็นแพทย์ของเธอคือการให้กำลังใจญาติคนไข้ให้เข้มแข็งที่สุด โดยเฉพาะกับคนที่พ่อของเธอได้ทำร้าย
“คุณปุณณ์จะต้องปลอดภัยค่ะ เขาจะต้องกลับมาหาคนที่เขารักแน่นอน”
พรพิรุณหัวเราะเบาๆ ไม่รู้สึกสนุกกับการแสร้งหลอกตาภีมอีกต่อไป ระยะเวลาไม่นานที่ได้พบปุณณ์ ไม่มีครั้งไหนเลยที่เขาจะไม่ดีกับเธอ นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ระเบิดขึ้น พรพิรุณรู้สึกเหมือนกับชีวิตของเธอมันไม่ใช่ของเธออีกต่อไป ดวงตาของเธอจดจ้องเข้าไปในห้องผ่าตัด มองผู้มีพระคุณของเธอที่กำลังต่อสู้กับความเจ็บปวด
พ่อคะแม่คะ อุ่นขอได้ไหม ขอลมหายใจของเขาให้รอดพ้นจากความตายได้หรือเปล่า ให้เขาลุกขึ้นมาบอกว่าต้องการชีวิตของอุ่น อุ่นก็จะให้เขา แต่อย่าให้เขาตายได้ไหมคะ
ไฟป้ายผ่าตัดปิดลง ไม่ถึงนาทีหมอเดินออกมาด้วยใบหน้าผ่อนคลาย และคำพูดภาษาจีนที่พรพิรุณฟังออกดังก้องในหู
“ปลอดภัยแล้วครับ...” อีกหลายประโยคที่คุณหมอว่ามาแต่พรพิรุณฟังผ่านหูไป น้ำตาหยดหนึ่งหล่นลงมา เหมือนความอึดอัดคล้ายจะหายใจไม่ออกตลอดเวลาที่เกิดขึ้นนี้โล่งจมูกมากขึ้น
“ปลอดภัยแล้วค่ะ...ปูนปลอดภัยแล้ว”
ภีมรับฟังคำถ่ายทอดของพรพิรุณ ถึงกับกระโดดตัวลอย กอดคนตัวผอมอีกคนไว้แน่น ปาริตาเองก็มีอารมณ์ร่วมไปกับเหตุการณ์นี้ กอดตอบรับคนตัวสูง ปล่อยให้เขาโยกไปมา นานเข้าเจ้าตัวถึงเพิ่งรู้สึกตัวจะออกมาภีมก็ไม่ยอมปล่อย
“ชีกอไม่เลิก”
ภีมหันมาถลึงตาใส่คนเจ็บบนรถเข็น ยอมปล่อยมือจากร่างนุ่มอย่างเสียดาย ถอยหลบเข้าข้างทางเมื่อประตูห้องผ่าตัดเปิดกว้าง ร่างของคนเจ็บนอนอยู่บนนั้น พรพิรุณมองใบหน้าของปุณณ์ราวกับจะจดจำเขาไว้ในความทรงจำของบุคคลสำคัญในชีวิต
“ปูน ขอบคุณนะ” ...ขอบคุณที่ยังมีชีวิต
“ร้องไห้อีกแล้ว...ถ้าเจ้าปูนฟื้นมาจะร้องไห้ต้อนรับการฟื้นไหมเนี่ย” ภีมเอ่ยเหน็บแนมแกมเย้ามากกว่าเอาแต่จีบหรือชีกอใส่อย่างที่แล้วๆ มา ภาพการเสียสละของเจ้าน้องชายเพื่อนแบบนี้สมแล้วที่เขาถอยออกมาให้
พรพิรุณไม่ถือสาคำเหน็บแต่จริงๆ คือคำปลอบในแบบของภีม มีรอยยิ้มระบายบนหน้าของหญิงสาว ดวงตามีความดีใจชัดเจน
“ถ้าเขาตื่นขึ้นมา ฉันจะยิ้มให้เขา”
ปาริตาเป็นคนเข็นรถให้พรพิรุณด้วยตัวเอง ยามที่สังเกตความสัมพันธ์ของพี่สาวตรงหน้ากับบุคคลบนเตียงที่เจ็บอยู่ ปาริตาก็รู้สึกถึงสายใยบางเบา อบอุ่น ไม่รู้ว่ามันเป็นความรักไหม แต่คนนอกอย่างเธอแค่มองเห็นจากจุดนี้ อยากพบเจอบ้าง
“ไม่ต้องอิจฉาหรอก” ภีมพูดลอยๆ ขณะเดินเคียงมาไม่ห่าง สายตามีร่องรอยกะลิ้มกะเหลี่ยจนครั้งนี้ปาริตาสัมผัสได้ “คนแถวนี้ยังมีพื้นที่ข้างๆ ว่างอยู่”
ว่าแต่เขาจะใช่พี่คุกกี้หน้าเศร้าคนนั้นจริงเหรอ...ปาริตาตั้งคำถามกับตัวเอง แต่ยังไม่กล้าถามออกไป
.....................................................................
คุณ ใบบัวน่ารัก ดราม่าต่ออีกนิด ไม่รู้ว่าภีมออกมาเบรกอารมณ์ได้ขนาดไหน
คุณ ameerah จุดพลุค่ะ แต่พี่ภีมยังนิสัยเหมือนเดิม ฮา แก้ไม่หาย
คุณ OhLaLa ระเบิดภูเขายังไม่ได้คิด ระเบิดพลีชีพไปก่อนค่ะ อยากให้หวานจริงๆ นะคะ แต่ลากเข้าดราม่าตลอดเลย
คุณ นักอ่านเหนียวหนึบ รับรองว่าคู่ของภีมไม่น้อยหน้าปูนค่ะ แอบพาเซ คนเขียนก็เซเหมือนกันค่ะ
คุณ ร้อยวจี ปิดแบบนี้ไม่รู้ใจเสียอีกรอบไหม ผ่านอันนี้ไปจะหวานขึ้นค่ะ ไม่ไขว้นิ้ว ฮา

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 21 ต.ค. 2556, 02:20:57 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 21 ต.ค. 2556, 02:20:57 น.
จำนวนการเข้าชม : 1575
<< ห้องเดียวกัน | เพื่อนตาย(ไม่อยากเป็น) >> |

นักอ่านเหนียวหนึบ 21 ต.ค. 2556, 02:51:54 น.
โว๊ะ อ่านตอนฉากระเบิดแล้วตกใจ นึกว่าชิ้นส่วนมนุษย์คนหนึ่งคือนายปูน ฮะๆๆๆ
นึกว่าไรเตอร์จะปล่อยให้เจ้โหดของเราต้องเจ็บช้ำอีก ฮิ้วๆๆ
โว๊ะ อ่านตอนฉากระเบิดแล้วตกใจ นึกว่าชิ้นส่วนมนุษย์คนหนึ่งคือนายปูน ฮะๆๆๆ
นึกว่าไรเตอร์จะปล่อยให้เจ้โหดของเราต้องเจ็บช้ำอีก ฮิ้วๆๆ

wind 21 ต.ค. 2556, 02:57:49 น.
ภีมสุดยอดจริงๆ สถานการณ์แบบนี้ยังหลีได้อีก
ภีมสุดยอดจริงๆ สถานการณ์แบบนี้ยังหลีได้อีก

ameerah 21 ต.ค. 2556, 07:35:46 น.
อ่านตอนนี้แล้วจะร้องไห้ตามอุ่นไปด้วยเลยนะเนี่ย ให้ภีมนิสัยเป็นแบบนี้แหละค่ะดีแล้วเป็นตัวสร้างสีสัน 555
อ่านตอนนี้แล้วจะร้องไห้ตามอุ่นไปด้วยเลยนะเนี่ย ให้ภีมนิสัยเป็นแบบนี้แหละค่ะดีแล้วเป็นตัวสร้างสีสัน 555

OhLaLa 21 ต.ค. 2556, 08:53:32 น.
ไรท์เตอร์อ่ะ ลากเข้าดราม่าตล๊อดๆ ระเบิดพลีชีพแล้ว ต่อด้วยระเบิดความหวานนะคะ เดี๋ยวจะส่งรถบรรทุกน้ำตาลเป็นกำลังเสริมไปให้ไรท์เตอร์นะคะ 555
ไรท์เตอร์อ่ะ ลากเข้าดราม่าตล๊อดๆ ระเบิดพลีชีพแล้ว ต่อด้วยระเบิดความหวานนะคะ เดี๋ยวจะส่งรถบรรทุกน้ำตาลเป็นกำลังเสริมไปให้ไรท์เตอร์นะคะ 555



ร้อยวจี 21 ต.ค. 2556, 20:15:02 น.
ไร้ท์เตอร์ตอนหน้าขอแบบหวานๆ เลยนะคะ ตอนนี้ดราม่าไปนอด ทำให้สงสารหนูอุ่น ส่วนนางมารอี๊ดขอแบบจัดหนักนะคะแบบโอนคืนแบบสุดๆ เลย รอตอนต่อนะคะ
ไร้ท์เตอร์ตอนหน้าขอแบบหวานๆ เลยนะคะ ตอนนี้ดราม่าไปนอด ทำให้สงสารหนูอุ่น ส่วนนางมารอี๊ดขอแบบจัดหนักนะคะแบบโอนคืนแบบสุดๆ เลย รอตอนต่อนะคะ

ปอปลาตากลม 21 ต.ค. 2556, 21:15:01 น.
ขอหวานๆๆๆ ด้วย อิอิ
ขอหวานๆๆๆ ด้วย อิอิ