กรุ่นไอรักหลังลมร้อน
สบายๆ คลายเครียด..
Tags: สาวขอนแก่นเข้ากรุง

ตอน: ตอนที่4: ความบังเอิญ

“จริงง่ะ! 5555+” แจ๊ดหัวเราะเสียงดัง หลังจากที่ฟังคนางค์เล่าจนจบ

“นี่แจ๊ด...แกไม่ต้องหัวเราะสะใจขนาดนั้นก็ได้” คนางค์บ่นงึมงำไม่สบอารมณ์! เท้าเจ็บไม่พอ..
ยังจะต้องมาทนนั่งเล่าไอ้เรื่องที่อยากจะลืมให้แจ๊ดฟังอีก

“ก็มันขำอ่ะ!..แกนี่มันดวงซวยจริงๆว่ะนาง...มาทำงานวันแรกก็ปล่อยไก่ออกมาเป็นเล้า..แถม
วันนี้ยังทำสะเหร่อเอาเส้นเล็กไปแปะไว้ที่หน้าให้ตอดุ้นเดิมมาหยิบออกให้อีก..และไหนจะเรื่อง
เท้า..โฮะๆ โชคหลายชั้น..มันส์พะยะค่ะ” คนางค์ค้อนประหลับประเหลือก

“แกเห็นความซวยของเพื่อนเป็นเรื่องน่าขำเหรอแจ๊ด!..ไม่ตลกเลยนะ” ลูบส้นเท้าปร้อยๆ แจ็ด
หัวเราะเสียงดัง

“ตลกสิ!..ใครว่าไม่ตลกฉันนึกภาพตอนแกถูกอุ้มออกเลย...555+ คงจะโวยวายโวกเวกเสียง
ดังล่ะสิท่า” ยังหัวเราะไม่เลิก และก็นึกขึ้นได้ทำตาโตรีบเขย่าแขนคนางค์อย่างไว

“ว่าแต่ไอ้ชั้นบนน่ะ! มันเป็นไงบ้างนาง..สวยมั๊ย..เริดหรือเปล่า เหมือนกับที่ป้าจวบแกบอกไว้
หรือเปล่า..เฮอะ! นาง” เขย่าแขนยิก ยิก อยากรู้จัด คนางค์เบะปากส่งให้

“งั้นๆ แหละ ก็เหมือนห้องชุดทั่วๆไป จะดีหน่อยก็ตรงที่มันกว้างเท่านั้นแหละ..นอกนั้นก็ไม่มี
อะไร” แจ๊ดเลิกคิ้วไม่อยากจะเชื่อ

“จริงง่ะ!..แกดูทั่วหรือเปล่านาง..ป้าจวบบอกว่าสวยมากเลยนะ..บอกมีระเบียงด้วยเห็นวิวรอบๆ
ด้วยอ่ะ..พูดแล้วฉันอยากจะขึ้นไปบ้างจัง..เมื่อไหร่ฉันจะมีโอกาสบ้างน้า” นั่งยิ้มหลับตาพริ้ม
และก็หันมาหาคนางค์

“จะว่าไปแล้ว ฉันว่าแกก็ไม่ซวยซะทีเดียวนะนาง...ฉันว่าหลังความซวยแกยังมีความโชคดีแฝง
อยู่ได้ขึ้นไปถึงชั้นบนสุด แบบไม่ต้องเดินด้วยมีพระเอกของฉันอุ้มไปให้...กรี๊ดดด! ฉันอยาก
เป็นแบบแกบ้างจัง” ทำท่าตื่นเต้น คนางค์มองด้วยหางตา ยัยนี่! ไม่เห็นโรงศพไม่หลั่งน้ำตา..
เห็นกงจักรเป็นดอกบัว..ถ้าแกมาเจออย่างฉันแล้วแกจะรู้สึก!

“เวอร์ไปยัยแจ๊ด!..แกก็ทำท่าทางซะเว่อร์..และจะกลับได้ยังอ่ะจะสี่ทุ่มแล้วด้วยเดี๋ยวรถหมด”
คนางค์บ่นงึมงำ หลังจากที่ต้องนั่งคอยแจ๊ดเคลีย์งานมาเกือบสามชั่วโมง..คนางค์ลงมาทัน
ประชุมช่วงวาระที่3 พอดี นั่งประชุมกันยาวจนถึงหกโมงครึ่ง..

“ไป! เสร็จแล้ว” แจ๊ดขยับลุกจากโต๊ะ หันมาหาคนางค์เต็มตัว

“แกเดินไหวมั๊ยน่ะนาง”

“ไหว!..ซำบายมาก..ไอ้ที่เมื่อบ่ายมันไม่ไหวก็เพราะว่าไอ้ส้นรองเท้ามันค้ำอยู่น่ะ...เจ็บระบมไป
หมด จะถอดก็ถอดไม่ได้แผลมันติด..แต่ตอนนี้ สบม.ยห” แจ๊ดเห็นรองเท้าที่คนางค์ใส่ก็
หัวเราะออกมา

“แกไปเอาฟองน้ำใครมาใส่น่ะ..เขียวอื๋อเลย และก็ใหญ่เบ้อเริ่มเทิ่ม”

“อ๋อ! ป้าจวบแกหามาให้..แกบอกแกไปยืมพี่เบิ้มมาอีกทีน่ะ...เป็นไง!...เซ็กซี่มั๊ย” ยื่นเรียวขา
อันสวยงามโผล่มาให้แจ๊ดดู...แจ๊ดหัวเราะ

“เซ็กเสื่อมน่ะสิไม่ว่า..ไม่เขิลล์ไม่อายหรือไงนาง..ข้างบนดูดีมากแต่พอเหลือบดูข้างล่างนี่หมด
ราคาเลย”

“จะไปอายทำไม!..มันก็ไอ้รองเท้าเหมือนกัน..ใส่แล้วก็เดินได้เหมือนกัน..ไม่เห็นต้องอาย
เลย” พากันเดินออกมาจากห้องยืนรอลิฟท์

“เออแจ๊ด!..ตกลงย้ายกันเยอะมั๊ย!..ปรับตำแหน่งหลายคนหรือเปล่า! ฉันเข้าไปไม่ทัน” คนางค์
พูดพลางยื่นมือไปกดปุ่มลิฟท์ แจ๊ดยักคิ้วส่งให้

“ล้างบาง!”

“จริงอ่ะ!”

“จริง! ก็ที่ฉันเคยบอกแกไว้ไงนาง..ไอ้พวกที่ฉันกะไว้แล้วน่ะเปลี่ยนใหม่หมดทั้งชุด..ฉันล่ะ
สะใจจริงๆ” แจ๊ดอมยิ้ม แล้วลิฟท์ก็เคลื่อนลงมารับ ทั้งสองก้าวเข้าไปหยุดยืน

“ไปหมดเลยเหรอ!” คนางค์ขมวดคิ้วถาม

“อึมม์!..ไม่เหลือหลอออกหมด..ฉันบอกแล้วไงนางไอ้พวกที่คิดไม่ซื่อกับบริษัทฯน่ะ..กินไม่ได้
นาน..คุณธันวาไม่ปล่อยไว้หรอก..ที่ยังอยู่มาได้จนถึงวันนี้นี่ฉันว่าคุณธันวาคงเกรงใจคุณพ่อ
เค้าน่ะ..คนเก่าคนแก่กันทั้งนั้นก็คงไม่อยากปรักปรำโดยไม่มีหลักฐาน..ตอนนี้หลักฐานมัน
พร้อมมัดตัวได้เต็มที่ก็เลยเรียกประชุมใหญ่..ตอนแกลงมาแกได้เจอคุณเทียม กับคุณพวัล พ่อ
กับแม่ของคุณธันวาหรือเปล่านาง” แจ๊ดหันมาถาม

“หึ! ไม่รู้สิ..ฉันไม่รู้ว่าคนไหน..แต่ไม่น่าจะเจอนะ..ฉันลงมาก็หลังเบรกแล้ว เริ่มวาระที่3”

“อ๋อ! งั้นก็คงไม่ได้เจอเพราะเค้ากลับกันก่อน น้องชายคุณธันวาก็มานะ..คุณสิงหาน่ะ คงจะบิน
ด่วนมาจากตรังเลยล่ะมากันหมด..ช่วงวาระแรกนะประชุมเครียดมากฉันนั่งใจเต้นตุ๊บ! ตุ๊บ!..
เหลือบไปมองพวกนั้นเห็นหน้าซีดๆ กันทุกคนคงจะเริ่มรู้ตัวน่ะ..พอประชุมเริ่มไปได้หน่อย..
รู้สึกโทรศัพท์จะเรียกเข้ามือถือคุณธันวา..แกก็เลยขอตัวออกไป และก็ไม่ได้กลับเข้ามาอีก
เลย..ก็คงเป็นตอนที่ออกไปเจอแกข้างนอกนั่นแหละมั้ง” คนางค์พยักหน้าส่งให้

“และที่ประชุมมันเดินต่อไปได้เหรอแจ๊ด...ในเมื่อคุณธันวาไม่อยู่ในนั้นด้วยน่ะ” แจ๊ดหัวเราะ
ลิฟท์ถึงชั้นหนึ่งพอดี..พากันก้าวเดินออกมาปากก็ยังจ้อไม่หยุด

“อุ้ย! เหลือแหล่..พระเอกของแกไง คุณดลน่ะเปิดวาระเองหมดเสร็จสรรพ..หลักฐานทุกอย่าง
พี่ท่านมีหมด..เล่นเอาพวกนั้นนั่งทำตาปริบๆ เถียงไม่ออกซักคำยอมแต่โดยดี เซ็นต์รับเสร็จก็
ฟาดหัวฟาดหางพากันเดินออกไปจากที่ประชุม..พวกลูกกระจ๊อกอย่างฉันนั่งยิ้มกันเป็นแถบ”
อมยิ้มพริ้ม คนางค์หันมาเห็นก็หัวเราะ

“อะไรจะดีใจขนาดนั้น”

“ดีใจสิ!..เพราะพวกฉันรู้ไงนางแต่ทำอะไรไม่ได้ มันเห็นๆ กันอยู่มันก็เลยอึดอัดพอพวกนั้น
ออกไปได้มันก็โล่งใจ..ดีใจน่ะ..จริงๆแล้วถ้าถามฉันนะ เก้าสิบห้าเปอร์เซ็นต์ของพนักงานที่นี่
รักบริษัทฯ นี้มากนะนาง..รักและก็นับถือผู้ก่อตั้งบริษัทฯนี้มาก..ก็คุณเทียมพ่อของคุณธันวา
นั่นแหละ..อันที่จริงบริษัทฯ นี้มันเคยทรุดฮวบมาแล้วนะเมื่อห้าปีก่อนน่ะ..เกือบล้มละลาย
เหมือนกัน” คนางค์เลิกคิ้ว

“จริงอ่ะ!” แจ๊ดพยักหน้าส่งให้

“จริง!..พวกพนักงานอย่างฉันก็อยู่กันด้วยใจ..ไม่ออกไปทำที่อื่นรอเวลาที่มันจะฟื้นตัวอีกครั้ง
นึง..และมันก็กลับมาได้จริงๆ ฝีมือคุณธันวา กับเพื่อนทั้งสองคนนั่นแหละ..ฉันก็ไม่รู้ว่าเค้าทำ
กันยังไงหรอกนะเป็นเรื่องของผู้บริหารระดับสูงเค้า..รู้แต่ว่าพอคุณธันวากับเพื่อนๆ ของแกเข้า
มารับงานน่ะ..พนักงานที่นี่แอคทีพกันมาก..ฉันจำได้ว่าคุณปานเรียกเลขาฝ่ายทุกคนรวมทั้งฉัน
ด้วยให้ขึ้นไปช่วยกันพิมพ์รายงานอะไร ต่อมิอะไรเยอะไปหมดทำงานหามรุ่งหามค่ำ..ประชุม
กันไม่เว้นแต่ละวันโปรเจคเยอะมาก และมันก็ประสบผลสำเร็จ! เพียงแค่ระยะเวลาหกเดือน
บริษัทฯ ก็กลับมายืนได้แถมชื่อเสียงยังดีกว่าเก่าด้วย..คุณธันวาเปลี่ยนวิธีการทำงานและก็
บริหารงานใหม่หมดทุกอย่าง..คุณเทียมเริ่มวางมือตั้งแต่ตอนนั้นแหละ..ปล่อยให้ลูกชาย
บริหารแทน ถัดมาอีกซักปีได้มั้งคุณสิงหา กับคุณเมษาถึงได้เข้ามาช่วยอีกสองแรงบริษัทฯ มัน
ถึงเป็นกราฟขาขึ้นมาถึงตอนนี้ไงนาง..แต่พวกเหลือบลิ้นไรมันยังอยู่นะ..คอยดูดเลือดคอยกิน
เนื้ออยู่ยังไม่หายไปไหน..วันนี้ได้โอกาสเหมาะสามทหารเสือก็เลยจับเจี๋ยนซะเลย” หันมายิ้ม
แป้นอีกครั้งนึง คนางค์หัวเราะและทั้งสองก็เดินมาถึงป้ายรถเมล์..แจ็ดมองไปรอบๆก็บ่นงึม งำ

“อือหือ!..ทำไมมันเปลี่ยวเงียบ..หยั่งงี้ล่ะนาง” คนางค์ค้อนตาคว่ำ

“สี่ทุ่มแล้วย่ะ..ใครที่ไหนมันจะมาอยู่รอแก” แจ๊ดหัวเราะแหะๆ

“ขอโทษอ่ะนาง..พอดีพรุ่งนี้คุณดลต้องใช้รายงานด่วนฉันก็เลยต้องอยู่ทำให้เค้า..จะนั่งคน
เดียวก็กระไรอยู่..กลัว! ก็เลยให้แกอยู่เป็นเพื่อน..ขอโทษอีกครั้งนะ” ยกมือขึ้นไหว้พงก พงก
คนางค์ยู่หน้าส่งให้ หมั่นไส้..แจ๊ดหัวเราะสายตาหันไปเห็นแท็กซี่กำลังขับเข้ามาก็โบกมือเรียก

“ไปนาง!..แท๊กซี่มาแล้ว..ไปด้วยกัน” คนางค์ส่ายหน้ายิก ยิก

“ไม่เอาอ่ะ!..บ้านอยู่คนละทิศเลยขับย้อนไปย้อนมา..เปลือง!..เดี๋ยวฉันเรียกอีกคันนึง!” แจ๊ด
ตาโต

“แล้วแกจะยืนได้ไงคนเดียวนาง..ตรงนี้มันเปลี่ยว” คนางค์พยักพยักเยิกหน้าส่งให้

“ไปเหอะ! อยู่ได้เดี๋ยวมันก็มาอีกคันนึง” แจ๊ดยังรีรออยู่..แต่เสียงบีบแตรเรียก ปริ๊น ปริ๊นจากรถ
แท็กซี่ ทำให้แจ๊ดเลิกลั่ก

“แกอยู่ได้แน่นะนาง”

“ได้! ไปเหอะ” นั่นแหละถึงก้าวขาขึ้นรถ.. ก่อนจะปิดประตูยังโผล่หน้าออกมาอีก

“ถึงบ้านแล้ว..โทรหาฉันด้วยนะนาง” โบกมือหยอยๆ

“เออ!” แล้วรถแท็กซี่ก็ขับออกไป..คนางค์ยืนคว้างอยู่ตรงป้ายรถเมล์ มือก็ตบยุงที่มาตอมที่ขา
แปะๆหน้ามุ้ย! เมื่อไหร่มันจะมาซักทีวะ..คอยนานแล้วนะเนี่ย!..เดี๋ย!ถ้าอีกห้านาทีไม่มานะ..แม่
จะเดินกลับบ้านให้ดู! บ่นงึมงำในใจ..ห้านาทีก็แล้ว..สิบนาทีก็แล้ว..รถก็ยังไม่มา..หญิงสาวเริ่ม
เมื่อยถอยไปนั่งเก้าอี้รอรถประจำทาง ยกนาฬิกาขึ้นดู...ตาย! สี่ทุ่มจะครึ่งแล้วอ่ะทำไงดี หัน
หน้าเลิกลั่ก..แล้วแสงไฟหน้ารถก็สาดออกมาจากตัวตึก คนางค์หันไปมอง..เห็นรถเก๋งบีเอ็มดับ
บิวสีดำมันละเลื่อม กำลังเคลื่อนตัวออกมา จอดชะลอจะเลี้ยวซ้ายมาทางป้ายรถเมล์ที่หญิงสาว
นั่งอยู่..คนางค์จ้องมองเต็มที่..ตาเหลือกทันที..จ๊ากกก! ตอ! ตอ! ตอ! รีบหันข้าง ทำตัวนิ่งไม่
ขยับเขยื้อน..ไม่เห็น! อย่าเห็นนะ! เพี๊ยง!..ภาวนาในใจ..แล้วรถก็ขับเลยไป..หญิงสาวถอน
หายใจ เฮือก! หันหน้ากลับมาที่ป้ายรถเมล์อีกครั้งยิ้มแป้น..แต่ดีใจยังไม่ถึงวินาทีก็มีอันต้อง
สะดุ้ง..บีเอ็มดับบิวสีดำถอยมาอย่างไว เบรกเอี๊ยดตรงหน้าคนางค์..แล้วหน้าต่างรถก็เลื่อนลง..

“นั่งทำอะไรอยู่ยัยเบื้อก!..บ้านช่องไม่กลับหรือไง” เสียงธันวาลอยมาจากตัวรถ จ้องมอง
คนางค์นิ่ง หญิงสาวหน้าบึ้งกอดกระเป๋าแน่น! ปากดีนักนะตานี่..ว่าฉันเบื้อกอีกแล้ว อย่าได้คำ
ตอบเลย! ปิดปากเงียบซะงั้นไม่ตอบ!..ชายหนุ่มขมวดคิ้ว

“เป็นบ้าอะไรยัยบ๊อง!..ถามไม่ตอบ” หญิงสาวยังคงนิ่งเงียบ หันหน้าไปมองทางอื่น ชายหนุ่ม
ฉุน! เคลื่อนรถออกไป คนางค์ถอนหายใจอีกครั้ง..นั่งรออยู่อย่างงั้นรถก็ไม่มาซักที..ลุกขึ้น
เดินไปเดินมาก็ยังไม่โผล่มาซักคัน..ยกนาฬิกาขึ้นดู ฮือๆ สี่ทุ่มสี่สิบห้าแล้วอ่ะ..จะห้าทุ่มแล้วรถ
มันไปไหนหมด!..ป่านนี้ยัยแจ๊ดนั่งผึ่งพุงดูหนังอยู่ที่บ้านแล้วมั้ง..แล้วมันเปลี่ยวอย่างงี้มันจะมี
อะไรหรือเปล่าเนี่ย..และ และ! ถ้าเจอไอ้พวกบ้ากามล่ะ!..แกจะทำยังไง..แกจะมาเสียความ
บริสุทธิ์ที่กรุงเทพฯ เหรอยัยนาง..ไม่เอ๊า!..คิดไปทั่วกลัวไปหมด!..หน้าตาเลิกลั่กหันซ้ายหัน
ขวา..มันเงียบผิดปรกติ..แล้วก็ทำหน้าชั่งใจ..เอาวะเดินก็เดินวะหวังว่าสี่แยกข้างหน้าคงจะมีรถ
นะ..รีบลากขาที่ไม่ค่อยจะสมประกอบกอดกระเป๋าแน่นเดินตัวตรงแด๋ว..เดินมาได้ซักพักก็ต้อง
หยุดชะงักเห็นคนยืนอยู่ตะคุ่มๆ ใจเต้นตึกๆ ค่อยๆ ก้าวขาออกไปพอผ่านตรงที่คิดว่าเป็นคนยืน
อยู่ ก็สปีดเต็มที่

“จะเดินไปไหน” หญิงสาวสะดุ้งตกใจ มีมือมาจับแขนคนางค์ไว้

“กรี๊ดดดด!...ปะ ปล่อย อะ อะไอ้บ้า..ฉะ ฉันมีปืนนะ”เบี่ยงตัวหลบ ตีกระเป๋าผลั่วๆ ไปบนเงา
ตะคุ่ม ตะคุ่ม กำลังจะวิ่งหนี..ถอยไปได้หนึ่งก้าวก็โดนจับข้อมือเอาไว้

“เดี๋ยว!”

“ปล่อยย..ยะ อย่า อย่าแกจะทำอะไรฉัน” น้ำเสียงละล่ำละลัก หวาดกลัวเต็มที่ซัดผลั่วๆ ดึงเท่า
ไหร่ก็ไม่หลุด เลยก้มลงใช้ฟันงับไปที่มือของชายแปลกหน้าซะเลย

“โอ๊ยยย! ยัยบ้า..เจ็บนะ!” สะบัดมือหลุดออกจากปากของหญิงสาว..นั่นแหละคนางค์ถึงหยุด
นิ่ง น้ำเสียงคุ้นๆ เพ่งสายตาฝ่าแสงไฟสลัวๆ มองคนตรงหน้า

“คะ คะ คุณธันวา” ชายหนุ่มมองตาขวาง

“ก็ใช่น่ะสิ!..เป็นบ้าอะไรอีกล่ะ!..กัดซะเป็นรอยเลย!” บ่นพึมพำลูบมือปร้อยๆ หญิงสาวตาพอง
โต..เริ่มฉุนบ้าง..

“และใครใช้ให้มายืนในที่มืดๆ..ฉันก็ป้องกันตัวสิ ใครจะไปรู้ว่าเป็นคุณ” พูดเสร็จก็หันควับจะ
เดินออกไป..แต่มีอันต้องหยุดชะงัก ก้มลงมองเท้าตัวเองเห็นแต่เท้าเปล่า..หงุดหงิด!

“หายไปไหนอีกล่ะ” บ่นเป็นหมีกินผึ้ง หันซ้ายหันขวาหาใหญ่และก็เจอ เดินไปเก็บตรงโน้น
ข้าง..ตรงนี้ข้าง..ผ่านหน้าชายหนุ่มที่ยืนมองนิ่งอยู่ก็ค้อนส่งให้..โยนรองเท้าแตะไปบนพื้นรีบ
สอดเท้าเข้าไปอย่างเร็ว..และก็เดินโขยกเขยกห่างออกไป..ชายหนุ่มขมวดคิ้วส่งเสียงตามหลัง

“จะไปไหนน่ะ” หญิงสาวไม่หัน หน้าบึ้ง! ส่งเสียงข้ามไหล่ไป

“กลับบ้าน!” ยังคงเดินอยู่

“ไม่กลัวหรือไง!” เบรกเอี๊ยด!..หน้าเหวอรีบหันมาหาชายหนุ่มอย่างไว

“กะ กะ กลัวอะไร!..มะ มันมีอะไร!” น้ำเสียงละล่ำละลัก ธันวายักไหล่

“ไม่รู้สิ..เมื่อกี้เธอกลัวอะไรล่ะ” พูดจบก็หันหลังเดินไปที่รถ..คนางค์เสียวหลังวูบๆ หันซ้ายหัน
ขวาเลิกลั่ก เริ่มหวาดระแวง..แถวนี้มันมีจริงๆ เหรอไอ้พวกบ้ากามน่ะ..ฮือๆ..ไม่เอ๊า! นึกได้ดัง
นั้นรีบเร่งสปีด กวดชายหนุ่มมาติดๆ

“นี่! นี่!” ส่งเสียงมาเบาๆ ชายหนุ่มไม่หันเดินอ้อมไปด้านคนขับ คนางค์ยืนกอดกระเป๋านิ่งอยู่อีก
ฝั่งนึง

“ฉะ..ฉันขออาศัยไปลงตรงสี่แยกข้างหน้าหน่อยสิ” เงียบ!..ไม่มีเสียงตอบรับจากชายหนุ่ม..
ธันวาไม่สนใจเปิดประตูได้ก็ก้าวขึ้นรถ..หญิงสาวเริ่มหน้าเสีย! ยืนนิ่ง..ไอ้บ้า!ไม่มีน้ำใจเลย..ต่อ
ว่าชายหนุ่มในใจ..หันไปมองทางเบื้องหน้า..มีแต่แสงไฟสลัวๆ แทบจะไม่มีผู้คนเดินอยู่..รถรา
ก็นานๆ จะผ่านมาซักที..และก็ขยับขาจะก้าวเดิน ‘ปริ๊นนนน!’ เสียงแตรรถของชายหนุ่มดัง
ยาว..คนางค์สะดุ้งโหยง

“นี่ยัยเบื้อก..จะเดินไปไหนอีก! มาขึ้นรถ..หรือจะต้องให้ฉันถ่อไปเปิดประตูให้ใช่มั๊ย ถึงจะขึ้น
ได้น่ะ” ส่งเสียงรอดออกมาจากจากหน้าต่าง..หน้าตาบึ้งตึงหงุดหงิดเต็มที่..คนางค์ค้อนให้
วับ..ก็ใครจะไปตรัสรู้ได้ล่ะว่าให้ขึ้นได้น่ะ..ปากปิดซะแน่นเชียว..กลัวดอกพิกุลจะร่วงหลุดออก
จากปากหรือไงไม่รู้! รีบเปิดประตูก้าวขาขึ้นไป นั่ง..กลัวชายหนุ่มเปลี่ยนใจ

“รัดเข็มขัดด้วย!..ไม่ใช่รถเมล์” คนางค์เบ้ปาก ไม่ใช่รถเมล์ เชอะ!..เคยขึ้นหรือเปล่าเถอะ..ทำ
มาเป็นรู้ดี! ..ว่าเค้าในใจปากเงียบกริ๊บ! มือก็รัดเข็มขัดตามที่ชายหนุ่มบอกอย่างไว..ธันวาออก
รถอย่างเร็ว..เล่นเอาตัวของหญิงสาวคมำไปข้างหน้าดีที่มีเข็มขัดรั้งไว้อยู่..ไม่งั้นมีได้โขก
คอนโซลหน้ารถเป็นแน่แท้..หันมาทำตาขวางใส่ชายหนุ่ม

“นี่!นี่!..ฉันไม่รีบขนาดนั้นหรอก..ไม่ต้องขับเร็วขนาดนั้นก็ได้” บ่นงึมงำ

“ฉันรีบ!” ชายหนุ่มตอบมาลอยๆ สายตายังมองถนน..ความเร็วของรถยังคงที่อยู่ หญิงสาว
ขมวดคิ้ว..

“งั้นก็จอดให้ฉันลงตรงโค้งหน้านั่นก็ได้..ตรงงั้นสว่างดี และก็มีคนยืนอยู่ด้วยไม่เปลี่ยว”

“บ้านอยู่ไหน!” ถามออกมาดื้อๆ ไม่สนใจสิ่งที่คนางค์พูดซักคำ..หญิงสาวค้อนตาคว่ำสะบัดน้ำ
เสียงส่งมา

“ทำไม!”

“นี่ยัยบื้อ!..เธอจะตอบในสิ่งที่ฉันถามโดยที่ไม่มีประโยคคำถามมาต่อท้ายประโยคฉันบ้างได้
มั๊ย!..น่าเบื่อ” หันมาถลึงตาใส่หญิงสาว และก็กลับไปจดจ่ออยู่กับถนนใหม่..คนางค์นั่งหน้า
งอ! นี่ฉันเห็นว่านายมีพระคุณนะเอื้อเฟื้อเบาะหนังให้ฉันนั่งน่ะ..ไม่งั้นแม่ไม่นั่งเฉยๆ ให้ด่าฟรีๆ
หรอก กัดฟันกรอดๆ

“ว่าไง!..บ้านอยู่ไหน”

“ลาดพร้าว”

“ลาดพร้าวอะไร..บอกให้มันแคบๆ หน่อย..มีตั้งกี่สิบกี่ร้อยซอย” กระชากน้ำเสียงห้วนๆ ส่งมา
อีก สายตาก็จับจ้องไปบนถนนเบื้องหน้า..หญิงสาวค้อนส่งให้ชายหนุ่มควับ

“ร้อยหนึ่ง”

“เออ! บอกๆ มาก็สิ้นเรื่อง..ยักท่าอยู่ได้” หญิงสาวยู่หน้าทำปากขมุบขมิบ..ขี้บ่นยิ่งกว่าผู้หญิง
อีก..หมอนี่ท่าทางจะเข้าใกล้วัยทอง..สงสัยฮอร์โมนเพศกำลังจะหมด..ถึงได้ปากเหมือน
ตะไกรโรงพยาบาลอย่างนี้..ค่อนขอดเค้าในใจ..สายตาก็มองไปเบื้องหน้าบ้าง แล้วก็รีบส่ง
เสียงออกมา

“นี่คุณ!...จอดสี่แยกข้างหน้านี่ก็ได้..เดี๋ยวฉันต่อรถแท็กซี่กลับเอง” ชายหนุ่มหันมามอง ส่ง
เสียงเนิบๆออกมา

“ไม่กลัวหรือไง...ห้าทุ่มกว่าแล้ว” คนางค์จ้องชายหนุ่มเขม็ง!

“กะ กลัวอะไร” ชายหนุ่มหัวเราะ หึ หึ หันกลับไปมองถนนต่อ

“ไม่เคยได้ยินเหรอ..ออกจะถมถืดไปตามหน้าหนังสือพิมพ์น่ะ..ข่มขืนแล้วฆ่า ลากศพไปหมก
ในป่าอย่างงี้..หรือไม่ก็หวังชิงทรัพย์สับเป็นชิ้นๆ ใส่ถุงแล้วก็ยัดใส่ท้ายรถไปทิ้งลงคลอง” หญิง
สาวกลืนน้ำลายเอื๊อก! หน้าตาเหยเก..

“มะ..มันโหดขนาดนั้นเลยเหรอ” ชายหนุ่มไม่ตอบ..นั่งนิ่งขับรถเฉย..คนางค์เริ่มใจไม่ดีส่งเสียง
มาใหม่

“งะ..งั้นคุณขับเลยไปอีกหน่อยก็ได้นะ..ไม่ต้องเอาแยกนี้ก็ได้..แยกหน้าท่าทางคนจะเยอะกว่า
นี้..แท็กซี่ดีๆ ก็ท่าทางจะเยอะ..แหะๆ” หัวเราะมาเบาๆ กลบเกลื่อนความกลัวที่มีอยู่ในใจ ชาย
หนุ่มยกมุมปากขึ้นมานิดนึง..สมาธิกลับมาจดจ่อบนถนนต่อ..บรรยากาศภายในรถตกอยู่ใน
ความเงียบ..คนางค์เริ่มอึดอัดไม่เคยตกอยู่ในสภาพแบบนี้มาก่อน ไม่รู้จะหาเรื่องอะไรมาคุย..
นั่งมองไปทั่วเห็นไฟเครื่องเสียงตรงคอนโซลหน้ารถหมุนติ้วๆ ก็เพ่งมองใหญ่

“มันเปิดได้มั๊ยอ่ะ” ไม่พูดเปล่ายื่นมือออกมาด้วย ‘เพี๊ย!’ เสียงเนื้อกระทบเนื้อ ธันวาตีลงมาบน
มือหญิงสาวเบาๆ คนางค์สะดุ้งโหยง

“มืออยู่ไม่สุขหรือไง..นั่งนิ่งๆ เป็นหรือเปล่า” หันมามองด้วยหางตา..และก็ตั้งหน้าตั้งตาขับรถ
ต่อ คนางค์ปั้นหน้ายักษ์ใส่..งก!..แตะนิดแตะหน่อยก็ไม่ได้..ค้อนส่งให้อีกควับ สายตาเหลือบ
เห็นบาดแผลที่หลังมือชายหนุ่มที่ตัวเองฝากร่องรอยเอาไว้ก็ขมวดคิ้ว..ตายแล้วยัยนาง..แกงับ
เค้าเป็นจ้ำขนาดนั้นเลยเหรอน่ะ..เริ่มสำนึกผิด สะกิดไหล่ชายหนุ่มยิก ยิก

“นี่!นี่!”

“อะไร๊” ขานรับออกมาน้ำเสียงรำคาญเต็มที่

“เจ็บหรือเปล่าน่ะ” ชายหนุ่มหันมามองเลิกคิ้วส่งให้

“อะไรเจ็บ!”

“นั่นน่ะ..ที่มือน่ะ” พยักเพยิกหน้าไปที่หลังมือชายหนุ่ม..ธันวาทำปากจึก จัก หันกลับไปหาถนน
ใหม่ปากก็ส่งเสียงมาอย่างดัง

“เจ็บสิ! ถามออกมาได้..ผิวคนนะแม่คุณ..ไม่ใช่ตุ๊กตายาง..เธอมาลองให้ฉันงับดูบ้างมั๊ยล่ะ..
ถามบื้อๆ” ปิดท้ายด้วยคำอวยพร..คนางค์นั่งหน้างอ! ส่งเสียงออกมาเบาๆ

“ขอโทษ” ธันวาหันมองหญิงสาวอีกระรอก

“อะไร!”

“ฉันขอโทษด้วยแล้วกัน..ไอ้เรื่องแผลนั่นน่ะ” นั่งทำหน้าสำนึกผิด ชายหนุ่มเห็นเข้าก็อมยิ้ม
นิดๆ หันกลับไปมองถนนใหม่ ปากก็พูดออกมาปาวๆ

“เออ!..ทำผิดแล้วสำนึกว่าตัวเองผิดน่ะ อย่างงี้มันน่าช่วยเหลือหน่อย..นึกว่าจะไม่รู้ตัว” หญิง
สาวค้อนควับ

“ก็คุณดันไปยืนตรงนั้นทำไมล่ะ” ยังไม่เลิกเถียงส่งมา..ชายหนุ่มทำปากจึกจัก

“นี่! จะวนกลับไปเรื่องเดิมอีกใช่มั๊ย..แสดงว่าไม่สำนึกจริงๆ” คนางค์นั่งหน้าคว่ำ รีบส่งเสียงมา
อย่างไว

“ก็ได้!.. ก็ได้!” เลิกราแต่โดยดี

“แต่ฉันฉีดยาแล้วนะ” ส่งเสียงมาอีกระรอก ธันวาหันมามองขมวดคิ้วส่งให้

“ฉีดยาอะไร!” คนางค์ยิ้มแป้น

“ก็ยากันโรคกลัวน้ำไง..ฉีดเมื่อสามเดือนก่อน..5555+” เงียบ!..ไม่มีเสียงหัวเราะร่วมออกมา
จากปากคนข้างๆซักแอะ!..มุขแป๊ก! หญิงสาวหุบยิ้มฉับ เขวี้ยงค้อนให้ชายหนุ่มควับๆ..เส้นลึก
จริงๆ นายนี่..สงสัยต้องขุดกันเป็นปี ๆ ละมั้งถึงจะหัวเราะออกมาได้น่ะ..นี่ถ้าเป็นไอ้เปี๊ยกมัน
หัวเราะตั้งแต่ฉันยังไม่อ้าปากแล้ว..หรือว่าไม่มีไอ้เส้นนี้อยู่ในตัว..มันถึงได้บึ้งตึงขึงขมวดขนาด
นั้น..ว่าแล้วก็ค้อนให้ชายหนุ่มอีกซักวง..ธันวาเหลือบมาเห็นเข้าพอดี..ส่งเสียงออกมาเบาๆ

“ติ้งต๊อง!” และก็กลับไปมองถนนใหม่ หญิงสาวกำลังจะอ้าปาก มีอันต้องหุบทันที เพราะ
กระเพาะน้อยๆ ดันส่งเสียงครืดคราดออกมาอย่างดัง..เล่นเอาคนข้างๆหันมามอง

“เสียงอะไร!”

“อะไร! อะไร!..เสียงอะไร..ไม่มี๊!” หญิงสาวปฏิเสธเสียงแข็ง..ทำหน้าบริสุทธิ์ผุดผ่อง..ธันวา
เห็นหน้าหญิงสาว แล้วอยากจะบีบคอนัก..ปากแข็งจังยัยนี่..นี่ละมั้งนิสัยทนายความต้อนเท่า
ไหร่ก็ไม่จน..หันหน้าไปมองถนนใหม่ ปากก็พูดออกมาเนิบๆ

“ฉันหิว!” คนางค์เลิกคิ้ว

“ถ้างั้น..ปล่อยฉันลงข้างหน้านั่นก็ได้ตรงนั้นคนเยอะ..และไฟฟ้าก็สว่างด้วย..คุณจะได้รีบไป
กินข้าว”

“อยากกินก๊วยเตี๋ยว..กินเป็นเพื่อนฉันหน่อย” ว่าแล้วก็เปิดไฟซ้าย ชะลอรถเข้าไปจอดริมฟุต
บาต..หญิงสาวขมวดคิ้ว..ตานี่หนิ!..นึกจะจอดก็จอดไม่ถามความคิดเห็นของคนอื่นบ้างเลย
รำพึง รำพันในใจ

“ไป!..ลง!..อย่าลีลาน่ะหิวแล้ว!” สั่งมาอีกระรอก..คนางค์ค้อนควับ!

“และฉันต้องเอากระเป๋าลงไปด้วยหรือเปล่า” ชายหนุ่มทำปากจึก จัก เริ่มมีอารมณ์

“ไม่ต้อง..ฉันจ่ายเอง” หญิงสาวยิ้มแป้น

“ดีๆ ฉันชอบ” รีบปลดเข็มขัดอย่างเร็ว เปิดประตูลงไปยืนรอชายหนุ่มก่อนด้วยซ้ำ ธันวาลงจาก
รถเดินอ้อมมาหาหญิงสาว..เพิ่งสังเกตเห็นรองเท้าแตะที่คนางค์สวมอยู่..มีอันต้องอมยิ้มออก
มา เหมือนเด็กแอบเอารองเท้าผู้ใหญ่มาใส่เล่นอย่างงั้น..เพราะดูมันหลวมๆพิกล..และก็สีเขียว
อื๋อมากๆ..

“ยิ้มอะไร” คนางค์ส่งเสียงออกมา..ชายหนุ่มเลิกคิ้วส่งให้

“เปล่า!”

“ก็เห็นอยู่ว่ายิ้ม” ยังไม่เลิกรา..ธันวาทำหน้าตาขึงขัง

“เรื่องมากน่า..ไปเร็ว! หิวแล้ว!” คว้าข้อมือหญิงสาวหมับ! จูงเดินไปด้วยกัน ทั้งสองเดินผ่าน
ร้านอาหารที่ตั้งอยู่ริมฟุตบาทหลายร้าน ไฟสีขาวสีส้มสว่างไสวเต็มไปหมด..ชายหนุ่มเลือกร้าน
ที่คนไม่ค่อยพลุกพล่าน จับหญิงสาวนั่งลง..

“เอาอะไร” ก้มลงมาถาม..

“มันมีอะไรล่ะ” เงยหน้าขึ้นมอง..ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือก! เซ็งจัด!

“ร้านก๊วยเตี๋ยวมันก็ต้องมีก๊วยเตี๋ยวสิเธอ..จะให้มันมีอะไรล่ะ..ข้าวผัดหรือไง..หรือว่าสุกี้” ตอบ
ยียวนมาซะอย่างงั้น..

“มีมั๊ยล่ะ..อยากจะกิน”สวนกลับไปบ้างเหมือนกันหน้าบึ้งตึง! เริ่มไม่สบอารมณ์..เป็นบ้าหรือไง
ตานี่..ผีเข้าผีออก..ตามอารมณ์ไม่ทัน

“เร็วๆ อย่าเรื่องมากน่า..ดึกแล้ว!..ไม่ง่วงหรือไง” เร่งมาอีกยิก ยิก

“ง่วง!..ก็เพราะคุณไม่ใช่เหรอ..ฉันถึงต้องมานั่งอยู่นี่อ่ะ..ปล่อยให้ลงตั้งแต่แรกก็แล้วเรื่อง” บ่น
งึมงำ พลางส่งเสียงออกมาอีก

“เล็กน้ำ”

“ฮะ!” ชายหนุ่มงง! คนางค์ทำปากจึกจักบ้าง

“บอกว่าเล็กน้ำ..ฉันสั่งเส้นเล็กน้ำ” ชายหนุ่มเพิ่งถึงบางอ้อ! ส่ายหัวให้หนึ่งที เอือม!และก็เดิน
ออกไป..หญิงสาวยู่จมูกตามหลัง..จอมบงการ! ยัยแจ๊ดมันไปชอบได้ไงไม่เห็นจะเปอร์เฟค
เลย..สู้คุณดลก็ไม่ได้สมบูรณ์แบบที่สุด อิอิ! ..และดูสิพรุ่งนี้ให้เราไปชลบุรีแทนด้วย น่ารักจัง
เลย!..ทะเล! ทะเล! ทะเล! ฉันจะได้เห็นทะเลแล้ว กรี๊ดดด! นั่งยิ้มพริ้มดีใจใหญ่..วันนี้หลังจาก
เลิกประชุมดลชัยเดินมาบอกกับคนางค์ให้ไปดูสัญญาการถ่ายโอนกรรมสิทธิ์ที่ดิน..ที่จังหวัด
ชลบุรีแทนชายหนุ่ม..เนื่องด้วยว่าดลชัยติดธุระกะทันหัน เลยไม่สามารถไปด้วยตัวเองได้ก็เลย
ต้องตกเป็นภาระหน้าที่..ที่คนางค์จะต้องกระทำการแทน..พอหญิงสาวได้ยินเท่านั้นแหละ..ดีใจ
จนลืมเจ็บเท้าไปชั่วขณะ..กระโดดเหยงๆ คนางค์ไม่เคยเห็นทะเล..ดูจะเป็นหญิงสาวหัวสมัย
ใหม่แต่ตกยุคไปซักหน่อย..ไม่ค่อยได้เที่ยวเหมือนกับคนอื่นเค้า..วนเวียนอยู่แต่ในจังหวัดที่
เกิด..และก็จังหวัดใกล้เคียงเท่านั้น..เคยเห็นทะเลก็แต่ในรูปในโทรทัศน์..ไม่เคยได้สัมผัส
จริงๆ สักครั้ง..ครั้งนี้เลยดีใจมากๆ

“เป็นอะไร! นั่งยิ้มอยู่ได้ยัยบื้อ!” เสียงชายหนุ่มส่งมา ทำให้คนางค์หลุดจากพวัง ธันวาเดินมา
นั่งข้างๆ..หญิงสาวหันมามองตาขวาง..เห็นชายหนุ่มดึงปลายเสื้อออกนอกกางเกงเรียบร้อย
แล้ว แขนเสื้อก็พับขึ้นมาถึงข้อศอกทั้งสองข้าง..ชายหนุ่มทำตัวกลมกลืนกับบรรยากาศรอบๆ
ได้ดี..ไม่ดูผิดแผกแตกต่างจากคนอื่นมากนัก..แต่ก็ยังดูโดดเด่นดูก็รู้ว่าแปลกถิ่นมา ไม่ใช่
บุคคลธรรมดาที่ใช้ชีวิตเหมือนชาวบ้านแถบนี้แน่นอน..เนื่องด้วยใบหน้าที่คมเข้ม..โครงร่างที่
สูงใหญ่ ที่ถึงกับดึงดูดใจสาวๆ และไม่สาวให้หันมามองตามๆกัน

“เปล่า” ปฏิเสธเสียงแข็ง..แล้วก็ต้องสะดุ้งตกใจกันทั้งคู่เสียงโทรศัพท์เรียกเข้ามือถือชาย
หนุ่ม..ธันวารีบกดรับ

“ครับ!....กลับครับแม่...ไม่ต้องฮะผมแวะกินข้างนอกกับเพื่อนแล้ว...ครับ!..ไม่ต้องรอฮะแม่
นอนได้เลย...ครับ!..หวัดดีครับ!” ชายหนุ่มกดปุ่มวางสาย แล้วเด็กเสริฟ์ก็ถือชามก๊วยเตี๋ยวมา
ส่ง..ธันวาเลื่อนชามไปตรงหน้าหญิงสาว

“อ่ะกินซะ! ท้องจะได้ไม่ร้อง..เดือนร้อนหนวกหูชาวบ้านเค้าอีก” คนางค์ค้อนควับ! คว้าตะเกียบ
กับช้อนได้ก็ก้มหน้าลงทันที..เตียมตัวจะก้มลงกินมีอันต้องตาเบิกโพรง..อุทานออกมาเสียงดัง

“ถั่วงอก!” ชายหนุ่มตกใจ..เงยหน้าขึ้นมองคนางค์นิ่ง

“เป็นบ้าอะไรอีกตะโกนซะเสียงดัง..ไม่อายคนอื่นบ้างเหรอไง” คนางค์หน้าแหย

“ก็ถั่วงอกอ่ะ”

“ก็ถั่วงอกน่ะสิ..เธอเห็นเป็นอะไรล่ะ..ถั่วฝักยาวหรือไง” น้ำเสียงเริ่มหงุดหงิด..หญิงสาวหน้างอ
บ่นพึมพำออกมาเบาๆ

“ไม่ใช่อย่างงั้น! ก็ฉันไม่กินถั่วงอกอ่ะ”

“ไม่กินแล้วสั่งทำไม” พยักหน้าถาม

“ก็สั่งที่ไหนล่ะ..สั่งแค่เล็กกับน้ำ” น้ำเสียงเริ่มเบาลง ชายหนุ่มทำปากจึก จัก ยื่นชามตัวเองมา
วางไว้ตรงหน้าหญิงสาว

“ไม่กินก็ตักมาไว้ชามฉันนี่..เดี๋ยวฉันกินเอง” เท่านั้นแหละหน้ายิ้มแป้นเลย รีบเอาช้อนจ้วงถั่ว
งอกใส่ชามชายหนุ่มอย่างไวไม่มีเหลือซักต้น

“ต้นหอม ผักชีฉันก็ไม่กิน” พูดพลางก็ช้อนเอาผักที่ลอยฟ่องอยู่มาใส่ชามชายหนุ่ม

“ลูกชิ้น หมูสับฉันก็ไม่กิน” ค่อยๆโกยมาไว้ในชามชายหนุ่ม..เป็นอันเสร็จ..เงยหน้าขึ้นยิ้มเห็น
ฟันขาวจั๊วส่งให้ธันวา

“เสร็จแล้ว....อ่ะ!” เลื่อนชามส่งคืนให้..ชายหนุ่มนั่งท้าวคางจ้องมองนิ่งปากก็เอื้อนเอ่ยออกมา
เบาๆ

“กินอะไรน่ะ..เหลือแต่เส้นกับน้ำ..มันจะไปอร่อยอะไรผักเผิกไม่รู้จักกิน..เป็นเด็กขาดสาร
อาหารนี่เอง..ตัวถึงได้แกนขนาดนี้” หญิงสาวไม่สนใจทำหูทวนลมซะอย่างงั้นนั่งก้มหน้ากิน
เฉย..ธันวาหัวเราะหึ หึ ก้มหน้าจัดการกับชามของตัวเองบ้าง

“อร่อยอ่ะ!” เสียงหญิงสาวอุทานออกมาเสียงดัง..พลอยทำให้ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมอง

“ยัยบ้าเอ๊ย!..พูดซะตกอกตกใจ...จะต่อหรือเปล่า”

“ต่อได้เหรอ!” ทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยม ดูดตะเกียบจุ๊บๆ ชายหนุ่มพยักหน้าส่งให้..นั่นแหละหน้ายิ้ม
แป้นเลยรีบลุกอย่างไวเดินไปสั่งต่อ และก็กลับมานั่งใหม่นั่งซดน้ำจากชามเดิม..อร่อย!..ซักครู่
เด็กเสริฟก็ถือชามเข้ามาส่ง หญิงสาวรีบรับกุลีกุจอเอามาวางตรงหน้า..จ้วงไอ้ของที่ไม่กินทั้ง
หลายแหล่ยื่นส่งลงไปในชามชายหนุ่ม..ธันวาถึงกับอึ้งเงยหน้าขึ้นมอง

“ไม่กินแล้วสั่งมาทำไม..เฮอะ!..ทำไมไม่บอกเค้าไปเลยว่าไม่เอา” ถามเสียงเข้มส่งมา หงุด
หงิด!

“เดี๋ยวขาดทุน!..เมื่อกี้ฉันถามเจ้าของร้าน..เค้าบอกว่าคิดราคาเดียวกันหมด ฉันก็เลยไม่ได้
บอกเค้า..เอามาให้คุณกินดีกว่า..คุณกินได้นี่” พูดเสร็จก็ก้มหน้าก้มตากินต่อ..ชายหนุ่มนั่งมอง
นิ่ง มือก็คีบลูกชิ้นส่งเข้าปากเคี้ยวแหงบๆ..บรรยากาศตอนหน้าหนาวกำลังดีเย็นสบาย มีเสียง
รถผ่านไปผ่านมาเป็นระยะๆ..ผู้คนเริ่มเบาบางลง..คนางค์สั่งต่ออีกชาม ภาระหน้าที่ของชาย
หนุ่มก็เลยยังไม่เสร็จสิ้น ต้องนั่งกินไอ้สิ่งที่หญิงสาวโกยใส่ช้อนส่งมาให้..นั่งกินกันได้ซักครู่ก็
อิ่ม..ธันวาจ่ายตังค์ และก็พากันเดินออกมาจากร้าน

“อร่อยจัง!” เสียงหญิงสาวลอยมาใบหน้าเต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม อาหารถูกปาก ชายหนุ่ม
หัวเราะหึ หึ

“ตะกละ!..ฉันไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหน..กินจุเท่าเธอเลย” หญิงสาวไม่ถือสา..ยังอารมณ์ดีอยู่
หน้ายังคงยิ้ม

“อ๊ะ! ไม่ได้หรอกนานๆ จะมีซักหน MD บริษัทฯใหญ่..เลี้ยงก๊วยเตี๋ยวมันก็ต้องกินให้คุ้มหน่อย”

“ก็ครั้งนี้ ครั้งเดียวนั่นแหละ..คงจะไม่ได้เจอะได้เจอกันอีกหรอก” นั่นแหละหน้าที่ยิ้มอยู่หุบฉับ
ทันที เชอะ!..ทำอย่างกับฉันอยากเจอนักนี่ แบะปากส่งให้อากาศเบื้องหน้า..ทั้งสองก้าวขึ้นรถ
บรรยากาศในรถอยู่ในความเงียบสงบ..ชายหนุ่มเอื้อมมือไปเปิดเพลงเบาๆ..คนางค์เริ่มเข้าสู่
พวังหนังท้องตึงหนังตาเริ่มหย่อน..เปลือกตาบนกับเปลือกตาล่างเริ่มมาบรรจบกัน..ชายหนุ่ม
เห็นเงียบผิดปกติเลยเหลือบตามองเห็นหญิงสาวนั่งหลับสัพหงกหัวโขกกระจกโป๊กๆ ก็หัวเราะ
ออกมาเบาๆ..ยัยนี่! กินง่าย หลับง่ายดีเหลือเกิน..หันกลับไปมองถนนเบื้องหน้าต่อ..ใบหน้ายัง
คงระบายด้วยรอยยิ้ม..

ชายหนุ่มไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมวันนี้ชีวิตเขาเกือบค่อนวันต้องมาพัวพันกับหญิงสาว
ข้างๆ กายตลอด..ทั้งๆที่เอ่ยปากออกไปแล้วว่าจะไม่ยุ่งไม่เกี่ยว..แต่มีอันให้ต้องบังเอิญได้
เจอะได้เจอกันอยู่เรื่อย..และแต่ละเหตุการณ์ก็ดูจะเป็นใจให้ได้ใกล้ชิดกันเสมอ..เห็นใบหน้า
คนางค์ตอนที่เจ็บส้นเท้าก็รู้สึกสงสารอยากจะช่วยซะอย่างงั้น..เห็นหญิงสาวนั่งนิ่งอยู่คนเดียว
ตรงป้ายรถเมล์ ก็เบรกรถตัวโก่งถอยหลังกลับมามองรู้สึกเป็นห่วงขึ้นมาตะหงิดๆ ถึงกับไปจอด
รอดูอยู่ห่างๆ..ไม่เพียงเท่านั้น!..พอได้ยินเสียงท้องร้องครืดคราดของบุคคลข้างๆ ก็อนาทร
ร้อนใจ อยากจะบรรเทาเบาบางความหิวของหญิงสาวให้หายเป็นปลิดทิ้ง...เป็นเรื่องที่ชายหนุ่ม
ก็ยัง งง! กับตัวเองอยู่..หรือว่าจะเป็นเพราะความแปลกไม่เหมือนใครของนิสัยหญิงสาวข้างๆ..
ชายหนุ่มก็ยังหาข้อสรุปไม่ได้...ได้แต่รำพึงรำพันในใจว่ามันคงเป็นความบังเอิญ..และก็คงจะ
ไม่โคจรมาเจอกันอีกแล้วตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป...หรือเปล่า!



กรกนก
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 มิ.ย. 2554, 19:35:40 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 มิ.ย. 2554, 19:35:40 น.

จำนวนการเข้าชม : 1905





<< ตอนที่ 3 : ขาเป็นเหตุ   ตอนที่ 5 : สิ่งที่ได้รู้ >>
goldensun 10 มิ.ย. 2554, 21:35:41 น.
เหมือนจำได้ลางๆ ตามอ่านต่อค่ะ


เจ้าหญิงสุเอะ 10 มิ.ย. 2554, 23:53:20 น.
ชอบมากกก


wane 11 มิ.ย. 2554, 10:25:56 น.
สนุกมากค๊า ...มาต่อไวไวนะค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account