Sweet Taste รสหวาน...บันดาลรัก
คนหนึ่งคนออกตามหาผู้หญิงที่มีแต่ความลับเพื่อที่ราคาแพง

คนหนึ่งคนถูกเรียกมาให้ปกป้อง ไม่ให้แผนการขายที่สำเร็จ

คนหนึ่งคนยังสนุกกับการเดินทาง แต่ไม่รู้ทำไมชีวิตถึงเริ่มวุ่นวายเมื่อมาถึงปักกิ่ง สถานที่สุดท้ายที่จะมาก่อนเธอกลับไทย

คนหนึ่งคนเติบโตมาในครอบครัวใหญ่ถูกเลี้ยงมาเป็นคนงานในบ้าน ทั้งที่เจ้าตัวรู้ว่าใครเป็นพ่อ แต่เพราะครอบครัวจะทำร้ายคนอื่น เธอจึงไม่อยากให้พ่อหย่อนขาไปในนรก

คนหนึ่งคนมีแต่ความแค้น ปลูกฝังในหัวไม่สิ้นสุด รู้แค่ว่าเกลียด และต้องทำลาย

คนห้าคนในวังวนใกล้กัน ผจญอันตราย และเรื่องราวสุดจะคาดเดา กลับมีความหวานก่อเกิดขึ้นทีละนิดในใจของแต่ละคน...มารู้ตัวอีกที ความรัก ก็เกิดขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
Tags: Sweet รสหวาน ภีม พรพิรุณ ปุณณ์ แพรระพี

ตอน: เพื่อนตาย(ไม่อยากเป็น)

เสียงเคลื่อนไหวเนิบนาบบริเวณใกล้ๆ ดังขึ้นเพียงเล็กน้อย สัมผัสแผ่วเบาบริเวณฝ่ามือของเขาอุ่นวาบเมื่อมีมือของใครคนหนึ่งกุมไว้ มือคู่นั้นนุ่ม และแตะมือเขาราวกับกลัวว่ามันจะบาดเจ็บ...ไม่เลย มันไม่เจ็บ

เปลือกตาหนักอึ้ง กับร่างกายคล้ายตกลงมาจากที่สูงลงกระแทกพื้น ร่างกายเริ่มรับรู้ความเจ็บปวดทั่วร่างกาย แต่ในใจตอนนี้ไม่มีอะไรที่เขากลัวแล้วจริงๆ โดยเฉพาะเจ้าของเสียงที่กำลังพูด และลูบมือขึ้นลงบริเวณหลังฝ่ามือของเขา

“ปูน รีบตื่นได้แล้วนะ รู้ไหมฉันฝึกยิ้มจนเหงือกแห้ง รอปูนตื่นนานแล้ว”

มุมปากของคนเจ็บขยับเป็นรอยยิ้ม ฝืนเรี่ยวแรงร่างกายที่สูญกำลังไปมากลืมตาตื่นได้สำเร็จ แต่แสงสว่างจ้าสีส้มกระทบม่านตาจนต้องหลับลงไปอีกครั้ง ค่อยๆ พยายามลืมขึ้นมาอีกครั้งคราวนี้ให้สายตาปรับภาพปัจจุบันจนพบว่าเขานอนอยู่ในห้องของคนไข้ที่โรงพยาบาลโดยไม่ต้องสงสัย

ปุณณ์ไม่มีเวลาสำรวจสภาพห้องเท่าไหร่เพราะใจกระหวัดถึงเจ้าของเสียงเมื่อครู่ ผู้หญิงที่เขาเป็นห่วงตลอดเวลาจนในความฝันนั้นมีแต่พรพิรุณอยู่ เขากลัว กลัวว่าพรพิรุณจะเป็นอะไรไป

ภาพผู้หญิงตาเบิกกว้างมองเหมือนกวางตื่นตกใจมองเขาค้างหลังจากเงยหน้าขึ้นมองสบกันพอดิบพอดี เป็นชายหนุ่มที่ยิ้มให้อย่างที่คิดว่าเป็นยิ้มที่สวยที่สุดเท่าที่คนเจ็บคนหนึ่งจะทำได้ ดวงตาเล็กโค้งขึ้นเป็นขีดอย่างเบิกบาน มือกระชับส่วนเดียวกันของพรพิรุณไว้มั่น บอกกลายๆ ว่าเขากลับมาหาเธอแล้ว

“ไหนบอกจะยิ้มให้ผม” ทวงถามเย้าๆ แต่การณ์กลับทำให้คนตื่นตกใจน้ำตาหยดลงต่อหน้าต่อตา ปุณณ์เริ่มใจเสีย คิดว่าตัวเองทำอะไรผิดพลาดไปตรงไหนหรือเปล่า

“ขอโทษ”

“ขอโทษทำไมครับ...ผมต่างหากต้องขอโทษอุ่น ลากมาเจออันตรายแท้ๆ” ยกมือเช็ดน้ำตาให้อย่างเบามือและสุภาพ ยิ้มปลอบใจ พรพิรุณเองก็อยู่ในชุดคนไข้ “เจ็บมากไหม”

“แย่งคำถามฉันทำไม ฉันต่างหากต้องถามปูน” คนตั้งใจจะยิ้มแสดงสีหน้าง้ำงอ อย่างที่ปุณณ์ไม่เคยได้เห็น คนโดนเอ็ดหัวเราะเบาๆ แต่ก็แอบเบ้หน้าเพราะกระเทือนไปถึงแผล

“มีเสียงหวานๆ คอยนำทาง ไม่มีทางที่ผมจะเดินหลงทางไปที่อื่นหรอกครับ”

พรพิรุณสังเกตเห็นประกายตาหวานเป็นประกายจากดวงตาของปุณณ์ชัดเจนครั้งแรกนับตั้งแต่พบหน้ากัน และมันก็ส่งกระแสแปลกมาถึงหัวใจของเธออย่างที่ไม่ควรจะเป็น และไม่เคยเป็นกับใครมาก่อน

บางทีอาจเพราะเฉียดความตายมาด้วยกัน อะไรๆ ถึงไม่เหมือนเดิม

“ฉันขยับความสัมพันธ์ให้ปูนได้ไหม”

“หืม” รอยยิ้มเบิกบานเป็นจากดาวเทียม ถึงมีร่องรอยอ่อนเพลียผสมอ่อนแรง แต่ใบหน้าเกลี้ยงเกลาของคนที่โกนหนวดออกไปจนหมดยังมีความหวังส่องแสงเจิดจ้าภายใน จนคนที่ตัดสินใจขยับความสัมพันธ์คิดว่าตนทำถูก

“ผมเลือกเองได้ไหม”

“ปูนเลือกไม่ได้หรอก...เพราะปูนได้เป็นไปแล้ว”

ปุณณ์รู้สึกหัวใจตัวเองกำลังกระเด็นกระดอนไร้ทิศทางอยู่ในกาย มันกำลังรอคอยคำตอบยิ่งกว่านั่งลุ้นผลสอบเข้ามหาวิทยาลัยเสียอีก ดวงตาของพรพิรุณมั่นคงที่สุดกับคำตอบนั้น

“เพื่อนตาย ปูนคือเพื่อนตายของฉัน”

...เพื่อนตาย คนฟังก็อยากตาย ปุณณ์ยิ้มออกได้จืดชืด แต่พอพบรอยยิ้มตรงหน้าดังพระอาทิตย์ของพรพิรุณ ปากของเขาก็ยิ้มตอบกลับไป

ถึงไม่ได้อยากเป็นเพื่อนกับพรพิรุณแค่ไหนก็ตาม


ภาพผู้คนในบ้านหลังใหญ่สีหน้าเคร่งเครียดกระจายตัวอยู่ภายในห้องรับแขก มีชันนาเลียสวยห้อยระย้าติดเพดาน แต่ก็ไม่ช่วยให้บรรยากาศดีขึ้น โดยเฉพาะศูนย์กลางของสายตาทุกคู่พุ่งตรงไปที่หญิงสาวสวมเสื้อผ้าฝ้ายติดกระดุม กระโปรงสีฟ้ายาวกรอมเท้า ไม่เข้ากับคนในชุดสูทที่เหลือ

“เลิกปกป้องเขาสักทีเถอะ” ผู้หญิงนั่งไขว่ห้าง ด้วยอายุเกือบหกสิบแต่ยังสวยพริ้งอย่างคนดูแลตัวเองดีหัวคิ้วขมวดเป็นปมกับการจ้องมองคนเป็นน้องสาว ที่ทำตัวสาบสูญในเขตแดนศัตรูมาเนิ่นนาน ปุณนารู้สึกอยากระเบิดอารมณ์ ทันทีที่รับรู้ความเป็นไปของลูกชายคนเล็กที่ปักกิ่ง ความอดทนที่เคยมีต่อธวัชเดชาก็ถึงคราวสิ้นสุด

ร่างบางของหญิงวัยยังสี่สิบ เป็นน้องหลงจากสามพี่น้องห่อไหล่ ไม่เหลือเค้าของอดีตความเป็นเดชอนันต์สิทธิ์ ปิลันธน์นึกย้อนไปถึงวันที่เธอถูกศานติหลอกให้รักตั้งแต่อายุสิบเจ็ดปี พลังเผลอมีอะไรกันจนพลาดมีปาริตา ชีวิตที่เคยสวยงามดังฝันก็ถึงคราวพลิกผัน ความรักทำให้เธอเลือกหันหลังให้ครอบครัว ทนกัดฟันอยู่ในที่ที่มีผู้ชายที่เธอรัก ถึงจะรู้ว่าถูกเขาใช้เป็นเครื่องมือต่อรองกับครอบครัวก็ยอม เพราะเธอเชื่อเสมอว่าความบาดหมางน่าจะเบาบางลงได้เพราะเธอ

แต่มันเป็นอะไรที่ไม่จริง เธอทนหลอกตัวเองมาตลอด ทนรับรู้ว่าศานติและครอบครัวทำร้ายเดชอนันต์สิทธิ์อยู่เสมอ และครั้งนี้เขาตั้งใจทำร้ายลูกสาวตัวเอง และตั้งใจฆ่าหลานชายของเธอ

“ลันขอโทษค่ะ” ปิลันธน์ทรุดตัวลงนั่งกับพื้น ตั้งใจกราบขอขมากับที่แล้วมา แต่อิศยาที่กลายเป็นหนึ่งในผู้รับรู้เหตุการณ์ครั้งนี้ทนเห็นต่อไปไม่ไหว รีบมาดึงให้ลุกขึ้นนั่ง ส่งสายตาขอความช่วยเหลือปัณณ์ที่นั่งอยู่ติดกันให้ช่วยกู้สถานการณ์ครั้งนี้บ้าง

“เรามาอยู่กับปัญหาปัจจุบันดีกว่านะครับ อย่ามัวพูดถึงอดีตที่แก้ไม่ได้อยู่เลย ตอนนี้ปูนกับอุ่นก็ปลอดภัยแล้ว คนของพี่โป้งจะคอยคุ้มครองพวกนั้นอยู่ห่างๆ ระวังภัยให้ เผื่อพวกนั้นเล่นไม่ซื่ออีก คราวนี้จะได้จับแบบคาหนังคาเขา”

ชเยศที่กลายเป็นประมุขใหญ่ของบ้านแทนบิดาที่ไปพักผ่อนอยู่ต่างประเทศตามประสาคนแก่ชอบท่องเที่ยว ทิ้งอำนาจไว้ในมือลูกชายลูกสาวทั้งสองคนได้ดูแลงานเต็มที่นั่งหลังตรง ริ้วรอยบนหน้ามีความอ่อนล้าบ้าง แต่ร่องรอยความเห็นใจยังมากกว่าปุณนา

“เจ้าโป้งคงไปเลื่อยขาเก้าอี้คนของทางธวัชเดชาอยู่ หวังว่าน้องลันจะไม่คัดค้าน ต่อให้อยากจะหนีกลับไป พี่คงปล่อยไม่ได้ เราเสียน้องลันให้พวกมันเหยียบหัวพวกเรานานเกินไป นานพอที่มันจะทำร้ายลูกๆ หลานๆ ที่เหลือของเรา พี่ก็แค่ขอสั่งสอนให้เขารู้จักเล่นธุรกิจในเกมกติกาที่ถูกต้อง”

“ถ้าไม่มีใครตาย ลันจะไม่ขัดขวางใครอีกแล้ว ลันเป็นห่วงลูก มิลันจะไม่โดนหางเลขไปด้วยใช่ไหม” ปิลันธน์ถามเสียงแผ่ว พร้อมหมดแรงได้ทุกเมื่อ หลังจากตอนเช้าที่โดนจับตัวกลับมาบ้านที่เธอไม่ได้เหยียบย่างมาตลอดชีวิตของลูกสาว

“ไม่ต้องห่วงครับ มิลันอยู่ในความดูแลของภีม”

“นั่นแหละน่าเป็นห่วง” อิศยาบ่นอุบกับความจริงที่คู่หมั้นหนุ่มว่ามา รู้จักเพื่อนของปัณณ์ดีว่านิสัยเป็นอย่างไร “แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ ย่าจะกำชับให้อุ่นคอยดูแลน้องมิลันอีกที ปูนเองก็เพิ่งพ้นขีดอันตรายมา เราน่าจะเตรียมรับพวกเขากลับบ้าน”

“ยังกลับไม่ได้หรอกย่า” วสุธรเดินเข้ามาในบ้านหลังใหญ่ สีหน้าผ่อนคลายขึ้นหลังจากไปถล่มกระดานหุ้นของทางธวัชเดชา โดยยืมฝีมือภรรยาที่รักอย่างลัลริกาที่อ่านเกมการตลาดออก บีบผู้ถือหุ้นให้ขายหุ้นทิ้งก่อนที่ทางเดชอนันต์สิทธิ์จะใช้ช่วงทีเผลอจัดการกว้านมาถือไว้เองจนคุณศานติตั้งตัวไม่ทัน

“แต่มันอันตรายนะคะ อยู่ที่โน่นไม่รู้ว่าพวกนั้นวางแผนอะไรบ้าง เกิดตู้มต้าม มีใครโดนยิงอีก อุ่นเองตอนนี้ก็คงโดนเล็งไปด้วยอีกคน ในฐานะคนสำคัญของปูน”

“ไม่ต้องห่วงหรอกจ้ะลูกย่า ให้พวกเขากอบกู้ชื่อเสียงของดีเอสในปักกิ่งกันก่อน คนของโรงแรมก็พวกเรา มีคนของพวกเราไปช่วยอยู่ในนั้น ปลอดภัยแน่นอน ศัตรูบางทีก็ต้องใช้เหยื่อล่อ แล้วก็จับหักขาซะ”

ปุณนากล่าวยิ้มมุมปาก สีหน้ามีแววอาฆาตไม่น้อย แต่ก็ไม่ยอมให้เรื่องเกิดชะรอยเดิมแน่นอน “พวกเราจะตั้งฐานที่มั่นเตรียมตั้งรับการตอบโต้ของธวัชเดชาดีกว่า คนที่โดนบีบมากๆ สักวันก็ต้องเผยหน้าตาที่แท้จริง เราไม่ต้องฆ่าใครแบบสิ้นคิด เรามั่นใจว่าเราคุมได้ หนูเตรียมงานแต่งงานรอได้สบายใจ แค่แม่ ลุงชเยศ ตาโป้ง สามคนก็พอ”

อิศยารับคำทั้งที่ในใจยังเป็นห่วง ไม่ใช่ไม่เชื่อใจว่าทางเดชอนันต์สิทธิ์จะคุมสถานการณ์ไม่อยู่ แต่การไปต้อนให้คนจนมุม บางทีก็เหมือนหมาจนตรอก จะกระโดดแว้งกัดใครอีกก็ได้

หวังว่าการที่เธอส่งปุณณ์ไปพบเจออันตรายจนเกือบเอาชีวิตไม่รอดครั้งนี้ จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เจ็บตัว รวมทั้งพรพิรุณด้วยเหมือนกัน ป่านนี้ไม่รู้ว่าความรู้สึกของคนที่ถูกทำนายว่าเป็นรักสามเส้าจะเป็นอย่างไรกันบ้าง


ภีมเดินสำรวจที่เกิดเหตุบริเวณหน้าโรงแรม โดยมีร่างผอมของคุณหมอตามติด ตามคำสั่งที่วสุธรสั่งไว้ว่าห้ามปล่อยให้ปาริตาอยู่คนเดียวเด็ดขาด ไปไหนต้องไปด้วยกัน เวลานอนก็ให้ปาริตามานอนเฝ้าพรพิรุณที่ห้องพักในโรงพยาบาล ส่วนภีมก็ไปนอนเฝ้าห้องของปุณณ์

ผ่านมาสองวันเขาถึงพึ่งมีเวลามาดูพื้นที่ที่เพิ่งจัดการเก็บหลักฐานเสร็จ ตำรวจจีนบอกกับเขาว่าคนที่ตายเป็นคนไทย มาพร้อมกรุ๊ปทัวร์ที่เพิ่งมาลง ทำหน้าที่กดระเบิด แรงจูงใจคืออะไร ตำรวจจีนยังให้การแน่ชัดไม่ได้

ส่วนจำนวนผู้พักทั้งหมดออกจากโรงแรม พนักงานส่วนหนึ่งยอมลาออก เพราะไม่เชื่อถือในระบบความปลอดภัยของที่นี่ ภีมรู้สึกหนักใจแทนภาระที่ปุณณ์ต้องรับหน้าแก้ทั้งหมดตามที่ครอบครัวบัญชาการลงมาในเวลาอันสั้นนี้

“ท่าทางต้องสร้างความเชื่อใจให้ลูกค้ากันเหนื่อยเลยนะคะ บางทีถ้าฉันมาเร็วกว่านี้ เรื่องแบบนี้อาจไม่เกิดขึ้นก็ได้” ปาริตานั่งลงตรงขั้นบันไดทางขึ้นของโรงแรม มองร่องรอบความเสียหายไม่ว่าจะต้นไม้ หรือเศษกระเบื้องที่แตก พื้นกระจายเป็นหลุมตามวิถีระเบิด ความตั้งใจของเธอดูจะสูญเปล่า

“ไม่หรอก นี่ไม่รู้ตัวเลยหรือไงว่าคุณช่วยชีวิตคนไว้ตั้งมาก ถ้าเกิดคุณไม่มาสิ นักท่องเที่ยวกี่คน ไหนจะพนักงานโรงแรม หรือคนไม่รู้เรื่องมาอยู่ในเหตุการณ์แบบไม่รู้อีโหน่อีเหน่ เจ้าปูนไม่รู้เรื่อง ก็จะไม่ตะโกนบอกให้คนวิ่งหนี สุดท้าย ดีเอสเองอาจจะพบปัญหาที่หนักกว่านี้ คุณน่ะมาทำให้เรื่องมันเบาลง แต่ตัวคุณเองอาจจะเป็นอันตรายนะมิลัน”

“ฉันไม่กลัวหรอกค่ะ จะตายก็ช่าง ขอแค่ให้พ่...ให้ท่านประธานยอมยุติความบาดหมางครั้งนี้สักที ฉันไม่อยากให้ใครต้องตายอีก”

“ด้วยการก้าวขามาที่ดีเอส” ภีมถามด้วยความสงสัย วูบหนึ่งเผลอคิดว่าถ้าหากทางนั้นส่งปาริตามาทำให้เชื่อใจ แล้วหลอกตลบหลังพวกตนได้เจ็บแสบ มันก็คงง่ายดายกว่าการทำลายล้างแบบนี้เสียอีก และผลทางจิตใจคงหนักหนากว่า

“ฉันมาดีนะคะ จะเชื่อหรือไม่เชื่อ ให้เวลาเป็นตัวพิสูจน์” ปาริตาตอบเป็นกลาง รู้ดีว่าบังคับให้ใครเชื่อแบบไร้ข้อกังขาในการมาของเธอไม่ได้ เธอก็แค่อยากช่วยพ่อ ไม่ให้เดินทางผิดไปมากกว่านี้ ความแค้นที่มีมาทั้งชีวิต เธอไม่คิดว่ามันจะเป็นความสุขที่แท้จริง

เหมือนเอาก้อนหินชุบไฟร้อนๆ ปาใส่กำแพงยักษ์หนาที่พร้อมสะท้อนกลับมาทุกรูปแบบ ด้วยความสงบเยือกเย็น มันเป็นแบบนี้มานักต่อนัก ที่ธวัชเดชาจะพ่ายต่อเดชอนันต์สิทธิ์

“ว่าแต่คุณภีมชอบคุณอี๊ดใช่ไหมคะ” สรรพนามถูกเรียกอย่างให้เกียรติตามที่คนอย่างเธอต้องเจียมเนื้อเจียมตัวมาทั้งชีวิต กลั่นคำถามที่เธอคาใจมาเนิ่นนาน “คุณภีมเคยอ้วนหรือเปล่าคะ”

“อ้วนไม่อ้วนแล้วเกี่ยวอะไรกับชอบคุณอี๊ด”

ภีมเก็บความสงสัยในตัวปาริตาเพิ่มไปอีกข้อ ทำไมดูหน้าตาใสซื่อ แต่ข้อมูลแน่นปึกในเรื่องของเขา

“ผู้หญิงร้ายกาจแบบคุณอี๊ดผมไม่กล้าชอบแล้ว”

“แปลว่าเคย...แล้วก็เคยอ้วนด้วยใช่ไหมคะ” คนถามซอกแซกยังไม่ยอมหยุดง่ายๆ ถ้าเขาตอบว่าใช่เธอจะได้มั่นใจว่าคือคนๆ เดียวกัน

“รู้ไปก็ไม่ช่วยอะไร หรือรู้ไปจะช่วยให้ข้อมูลในตัวผมแน่นขึ้น หืม มิลัน” ยื่นหน้ามาใกล้เกือบใช้หน้าผากชิกหน้าผากเหม่งๆ ของปาริตา ใช้สายตาทรงเสน่ห์ของตัวเองสำรวจดวงตาสีน้ำตาลเข้มสุกสว่าง มีแต่ความใส และไม่ปิดบังใดๆ นอกจากความอยากรู้ พอโดนจ้องหนักเข้าคนตัวผอมตัดสินใจหลับตาเสีย

ภีมสงสัยในที่มาที่ไปของปาริตา จากแค่อยากอยู่ใกล้ตามประสาคนเจ้าชู้ หนุ่มกะล่อนที่โชคดีมีสาวสวยมาทำให้กระชุ่มกระชวยต้องเปลี่ยนเป็นจ้องสังเกตความเป็นไปของเจ้าหล่อนทุกฝีก้าวให้ดี

“อยู่ไปเรื่อยๆ ก็จะรู้จักตัวตนผมเอง อะไรที่ซ่อนไว้ ผมจะล้วงออกมาเอง”

คำพูดกำกวมสร้างความตกใจแก่คนฟังมากพอจนใบหน้าขึ้นสี ภีมยิ้มกริ่ม จัดการฉวยแก้มนุ่มเป็นปราการแรกให้คนโดนอึ้งกิ่มกี่ มือไม้แข็งไปไม่ถูก

“เตรียมตัวระวังให้ดีนะมิลัน”

ว่าแต่ทำไมดวงตาเจ้าหล่อนถึงใสซื่อขนาดนี้...ไม่ได้ภีม ห้ามหลงเชื่อภาพลักษณ์คนจากธวัชเดชาเด็ดขาด บางทีเจ้าหล่อนอาจตั้งใจมาหลอกให้เชื่อใจอยู่แล้ว ดูสิโดนหอมแก้มไปยังไม่ตีโพยตีพายอะไร มันน่าโดนหอมอีกสักที


เพื่อนตายของเขาเดินได้เองโดยกะเผลกขาไปหยิบโน่นนี่ หาของมาให้กลัวเขาจะขาดอะไร หรือแม้แต่

“เข้าห้องน้ำไหวแน่นะ เราพยุงปูนเข้าได้”

มันจะเกินไปไหม...แม้แต่สรรพนามพรพิรุณก็จงใจเปลี่ยนไปใช้ตามที่อิศยาใช้กับเขา ปุณณ์ยกมือห้ามพยาบาลส่วนตัว ที่มานั่งกลางใจเขาเรียบร้อยในเวลาไม่นาน ห้าวันที่อยู่ในโรงพยาบาลเขาก็เริ่มทำอะไรได้เองบ้างแล้ว แต่คนที่เอาแต่บอกว่าเป็นเพื่อนตาย เพื่อนแท้ ต้องช่วยสิ อย่าขัดน้ำใจ มันทำให้คนคิดไม่ซื่อน้ำท่วมปาก

เขาเริ่มเกลียดคนที่บัญญัติคำว่าเพื่อนมาทำร้ายจิตใจเขาในตอนนี้ มองหน้าสวยเนียน มีสีเลือดไม่ได้ซีดแบบวันแรกที่ตื่นมาเจอ ภีมเล่าให้ฟังตอนกลางคืนที่นอนเฝ้าว่าพรพิรุณไม่ยอมทานอะไรเลยตลอดเวลาที่เขาไม่ฟื้น เอาแต่นั่งอยู่ข้างเตียง

พอเขาฟื้น นอกจากเพื่อนตาย พรพิรุณก็ได้เพื่อนกินเพิ่มมาด้วย

ให้ตายสิ เกลียดคำว่าเพื่อนแบบที่ไม่เคยเกลียดมาก่อน ปุณณ์ได้กลิ่นหอมอ่อนจากแป้งเด็ก และสบู่อาบน้ำจากตัวพรพิรุณ แล้วอยากจะอยู่ใกล้ๆ แบบฐานะอื่น เพื่อนตาย มันทำอะไรได้บ้าง ได้ทุกอย่างยกเว้นฐานะคนรักใช่ไหม

“ไม่ต้องหรอกอุ่น ผมพอเดินได้แล้ว อุ่นนั่งพักบ้างก็ได้นะ” ขืนตามเข้าห้องน้ำมาด้วยจริง สติเขาได้แตกซ่านพอดี

“เอาอย่างนั้นเหรอ”

“จ้ะ รอผมหน่อยนะ” หยิบกระเป๋าเสื้อผ้า ที่เขาต้องอ้อนวอนให้ภีมไปเอามาให้ ไม่สนว่าหมอจะยังไม่อนุญาตให้ออกไป ขืนอยู่ที่นี่ต่อไปแบบนี้ในฐานะเพื่อนตายของพรพิรุณ ใจได้ตายแห้งแล้งกันพอดี

ปุณณ์ตัดสินใจแน่วแน่ว่าถึงร่างกายไม่พร้อมแต่วันพรุ่งนี้จะเข้าไปบริหารโรงแรม ปรับปรุงครั้งใหญ่ เรื่องการก่อสร้างเขาให้ภีมเป็นคนดูแล เพราะเรียนมาทางด้านสถาปัตย์เหมือนๆ ที่พี่ชายตนเรียน มีนายช่างจากทางโรงแรมมาช่วยดำเนินงานให้อีกทางหนึ่ง ส่วนเขาต้องรีบๆ หายเพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้พนักงาน

ที่สำคัญพรพิรุณบีบบังคับให้เขาไม่ทนรับสภาพเพื่อนใกล้ตายอีกรอบ

“จะไปไหนปูน” พรพิรุณกอดอกรออยู่หน้าห้องน้ำถามเสียงดุ

“หนีออกจากโรงพยาบาลไงอุ่น”

“เราไม่อนุญาต”

“แน่ใจนะ”

“ผ่านเราไปสิ เราจะขวางปูนไว้อย่างนี้” ร่างสูงเพรียวยืนกางแขนจังก้า ปากเม้มแน่น นัยน์ตามีรอยขึ้งโกรธ ไม่พอใจกับคนเจ็บไม่ห่วงตัวเอง

“ก็ได้” ปุณณ์รับคำสั้นๆ มุมปากแต้มรอยยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ เดินขึ้นหน้าประชิดตัวพรพิรุณ จนระยะห่างเป็นศูนย์ ไม่เหลือที่ว่างให้พรพิรุณได้หายใจอีก เมื่อลมหายใจทั้งหมดถูกคนเจ็บช่วงชิงไป ริมฝีปากประกบแน่น และเริ่มรุกล้ำโดยไร้ความเกรงใจ

พรพิรุณตกใจตั้งใจผลักปุณณ์ออกตามสัญชาตญาณแต่พอสำนึกย้ำเตือนว่าเขาเจ็บอยู่มือกลับลดลงข้างตัว หลับตารับสัมผัส ทั้งที่ในใจรู้สึกผิดหวัง กับจังหวะแปลกหวานรสปะแล่มๆ ในใจ

ปุณณ์ถอนใบหน้าออกมาอย่างอ้อยอิ่ง ทิ้งจมูกไว้ที่แก้มนุ่มของพรพิรุณ รู้แน่ว่าทำสาวเจ้าโกรธ แต่ตนเองก็ทนรับสภาพเพื่อนตายไม่ไหวเช่นกัน

“รู้ใช่ไหมว่าเพื่อนกันไม่ทำแบบนี้” พรพิรุณลืมตาพูดเสียงสั่น ไม่แตะต้องปุณณ์ หรือรั้งไว้ ตอนนี้แค่ลมหายใจของตัวเองเธอยังควบคุมได้ลำบาก จูบแรกของเธอ เกิดขึ้นโดยที่เธอต่อต้านไม่ได้

“ผมไม่อยากเป็นเพื่อนอุ่น และที่ทำก็เพราะจะบอกให้รู้ว่าผมอยากเป็นมากกว่านั้น” จูบหน้าผากเนียนอย่างทะนุถนอม นุ่มนวล อยากให้พรพิรุณรู้ว่าเธอมีค่ากับเขาแค่ไหน ถึงจะรู้ดีว่าตัวเองเอาเปรียบพรพิรุณมาก แต่เขาก็แค่ทำตามหัวใจตัวเอง

“ไปกับผม”

“จะไปไหนก็ไปสิ ไม่ขวางแล้ว แต่ปล่อย” ดวงตาร้าวรานที่มีความผิดหวังกรีดใจคนมอง แต่ปุณณ์กล้ำกลืนมันไว้

“ถ้าไม่ไป ผมจะอุ้มอุ่นไป จะเอาอย่างนั้นไหม”

คนโดนย้อนทำตาโต อารมณ์โกรธยังมี แต่ความห่วงมีมากกว่า หมอสั่งห้ามปุณณ์ยกของหนักเป็นระยะเวลาหนึ่งเดือนจนกว่าแผลที่หลังจะหายดี ขบริมฝีปาก มองอดีตเพื่อนตายที่เธอยกย่องอย่างให้เกียรติด้วยความเคือง

“นำไปสิ”

“เดินไม่ค่อยไหว ต้องมีเพื่อนตายประคอง”

ท่าทีอ่อนเปลี้ยแบบเสแสร้งช่างขัดกับบุคลิกที่ผ่านมาที่เธอเคยเจอ พรพิรุณกัดฟันกรอด แต่ยอมให้เขาเอาเธอไปโอบเอวไว้ข้างกาย พาเดินออกจากห้อง โดยมีสายตามองมายิ้มๆ จากคนผ่านไปมา

ก็แหม...ไม้ค้ำที่ดีที่สุดในโลกแบบนี้ นุ่มก็นุ่ม หอมก็หอม อยู่ใกล้แล้วหัวใจได้ทำงานออกกำลังกายกระหน่ำเต้นให้เขารู้ว่ามันคือเรื่องจริง

“คุณไม่ใช่เพื่อนฉัน” พรพิรุณกัดฟันว่ามา รู้สึกหน้าร้อนผ่าว แต่ตอบโต้คนเจ็บที่มีพระคุณล้นหัวคนนี้ไม่ได้ ที่สำคัญทำไมหัวใจมันต้องอบอุ่น รู้สึกดีกับการมีปุณณ์อยู่ข้างกายแบบนี้ด้วย

หัวใจช่างทรยศนัก...

“ก็บอกแล้วว่าไม่อยากเป็น”

“สถานะไหนก็ไม่ให้แล้ว”

ปุณณ์หัวเราะเบิกบาน ยิ้มตาเป็นประกาย ก้มลงมองจนพรพิรุณหลบตาไปไหนไม่ได้ มองตอบกลับมาอย่างหวาดหวั่น และเริ่มหวั่นไหว

“อุ่นเลือกไม่ได้หรอก...เพราะอุ่นได้เป็นไปแล้ว”

……………………………………………………
คุณ นักอ่านเหนียวหนึบ เจ๊โหดโดนปูนจัดให้ไปดอกหนึ่ง ฮา ทุ่มคืนไม่ได้ด้วยน้า
คุณ wind ภีมเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ ฮ่าๆๆ ตอนนี้พาน้ำตาลมาลงเพิ่มด้วยค่ะ
คุณ ameerah ภีมก็เด่นน้า แต่บทจะมาเรื่อยๆ ตัวละครภีมกับมิลันเด่นทั้งคู่ แต่ยังยกให้อีกคู่เป็นคู่หลัก ^^
คุณ OhLaLa ได้รถบรรทุกน้ำตาลมา เต็มที่กับตอนนี้ค่ะ ฮา หวานแน่นอน (มั้ง) ให้ปูนได้สมใจบ้าง
คุณ ร้อยวจี อี๊ดไม่โผล่ แต่ทางบ้านพระเอก จัดการแน่นอนค่ะ มาเฉลยด้วยว่ามิลันเป็นใคร แต่ตาภีมไม่รู้ ว่าแต่หวานระดับนี้พอไหมคะ เป็นตอนที่หวานที่สุดเท่าที่เขียนในเรื่องนี้มา แต่จะมีหวานกว่านี้ไหม รอต่อไปค่ะ ต้องไปกินน้ำตาลเพิ่มก่อน ฮา
คุณ ปอปลาตากลม จัดมาค่ะ น้ำตาลฉบับปูน ฮา
ไม่รู้ว่าหวานถูกใจไหม แต่คนเขียนเขียนเองก็ละเมอตามปูน เอ๊ะ ฮา ขอบคุณทุกๆ คนมากค่าที่เรียกร้องความหวานเข้ามา เค้นมาได้สักที ฮา



ปวรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 22 ต.ค. 2556, 03:35:46 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 ก.พ. 2558, 22:15:03 น.

จำนวนการเข้าชม : 1350





<< ปาริตา   คนมีความลับ >>
ร้อยวจี 22 ต.ค. 2556, 09:54:17 น.
หวานค่ะ แต่นิดๆ นะคะ ชอบคู่หนูอุ่นกับนายปูนค่ะ แล้สก็ชอบโครงเรื่องแบบนี้ด้วย เก่งทั้งครอบครัวแบบนี้สะใจดี ใครดีมาเราดีตอบ ใครร้ายมาเราร้ายตอบเป็นสองเท่าแล้วไม่ด้วยค่ะ


ใบบัวน่ารัก 22 ต.ค. 2556, 13:10:24 น.
ใครคู่ใครกับบ้าง
จับคู่สลับไปมางง จัง
ลุ้นทุกคู่จ้า


alittledog 22 ต.ค. 2556, 21:00:53 น.
กรี๊ด น่ารักมากนายปูน


ameerah 22 ต.ค. 2556, 22:37:12 น.
ครั้งนี้อุ่นโดนนายปูนย้อนคำตัวเอง 555


OhLaLa 22 ต.ค. 2556, 22:53:00 น.
ปูนบทจะจู่โจมทำเอาอุ่นตั้งตัวไม่ทัน


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account