สัญญารักจอมโหดแดนเถื่อน
"พี่สตรองไม่มีวันลืมน้องฟาง วันใดน้องฟางเดือดร้อนพี่สตรองจะมาหา" มันคือคำสัญญาก่อนจากลา
ของปรินทร์ที่มีให้ลษิดาเด็กสาวกำพร้าก่อนจากลาเมื่อสิบห้าปีก่อน
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 2

ตอนที่ 2
“แม่คิดว่าสตรองลืมแล้วเสียอีกไม่เห็นพูดถึงตั้งสิบกว่าปีที่จากมา” พีรชามองหน้าบุตรชายอย่างแปลกใจ
ตั้งแต่วันที่ไปรับบุตรชายมาอยู่ด้วยหลังตามหาผู้ที่สามีให้ไปขอความช่วยเหลือพบเธอจึงได้กลับไปรับบุตรชาย
มาอยู่ด้วย จากนั้นปรินทร์ก็ไม่เคยเอ่ยถึงลษิดาอีกจนเธอคิดว่าลืมหมดแล้ว

“แม่คิดว่าผมจะลืมได้เหรอครับ อยู่ด้วยกันมาเกือบสองปี” ปรินทร์สารภาพเบาๆแล้วนิ่งเงียบไปอีกทว่า
ใจกลับคิดถึงวันที่มารดาไปรับเขามาอยู่ด้วย วันนั้นเป็นวันที่เขาสะเทือนใจมากที่สุดที่ต้องจากคนที่เขารักและเอ็น
ดูมา เขายังจำวันนั้นได้ดี

มือเล็กบางของลษิดาจับแขนเขาไว้แน่น น้ำตาไหลอาบแก้มเนียนใสที่เขาเคยขโมยหอมบ่อยๆด้วยทน
ความน่ารักไม่ได้ เสียงใสของเธอพยายามออดอ้อนไม่ให้เขาจากไป

‘พี่สตรองอยู่กับน้องฟางอีกวันไม่ได้เหรอคะ พี่สตรองไปแล้วใครจะเล่นกับฟาง สอนการบ้านให้ฟาง
พี่นุก็ไม่ยอมให้ฟางเข้าใกล้คุณอาก็ไม่ชอบฟางไม่ยอมให้ฟางเข้าใกล้พี่นุ เวลาน้องฟางถูกรังแกใครจะช่วยคะ
พี่สตรองอย่าทิ้งน้องฟางไปเลยนะคะ” ลษิดากลัวผู้คุ้มกันตัวโตจากไปแล้วจะถูกเพื่อนๆของทานุที่มาบ้านแล้ว
แกล้งเอาบ่อยๆ โดยเฉพาะเพื่อนผู้ชายที่ชอบหยิกแก้มบ้าง แอบหอมแก้มบ้างยามเจอเด็กหญิงอยู่ตามลำพังไม่
มีมารดาหรือคนในบ้านอยู่ด้วย แต่ตั้งแต่ปรินทร์มาอยู่ด้วยพวกนั้นต่างไม่กล้าเข้ามาแกล้งเด็กหญิงเล่นอีก

ร่างสูงจึงต้องย่อตัวลงดึงร่างเล็กมากอดไว้แนบอกก่อนค่อยๆดันออกแล้วเช็ดน้ำตาให้พลางจ้องมองดวง
ตากลมโตงดงามแดงช้ำจากการร้องไห้มานาน แล้วลอบถอนใจเบาๆแต่ใบหน้ากลับยิ้ม

‘อย่าร้องไห้คนดีของพี่สตรอง ถ้าน้องฟางไม่อยากให้พี่สตรองไป น้องฟางต้องไม่ร้องไห้ เพราะถ้าน้องฟาง
ร้องไห้ หมายถึงน้องฟางแช่งให้พี่สตรองตาย ถ้าพี่ตายแล้ว จะกลับมาหาน้องฟางได้อย่างไร’ เสียงอ่อนโยนปลอบ
ได้ผลลษิดาหยุดร้องไห้ทันที

‘น้องฟางไม่ร้องแล้วค่ะ น้องฟางไม่อยากให้พี่สตรองตาย แต่พี่สตรองต้องสัญญานะคะจะไม่ลืมน้องฟาง
และกลับมาหาน้องฟางด้วย’ แม้จะยังเด็กนักแต่ลษิดาก็รู้จักขอสัญญาจากเขา

‘พี่สตรองให้สัญญาด้วยเกียรติของลูกผู้ชาย พี่สตรองไม่มีวันลืมน้องฟาง วันใดน้องฟางเดือดร้อนพี่สตรอง
จะไปหา’ เขารับรองหนักแน่น

‘จริงๆนะคะ’ เสียงใสถามสั่นเครืออย่างไม่แน่ใจ

‘พี่สตรองเคยโกหกน้องฟางเหรอครับ’

ลษิดาสั่นศีรษะแทนคำตอบแล้วยิ้มหวานให้ก่อนยื่นหน้าเข้าไปหอมแก้มสากของปรินทร์กับคำพูดสุดท้าย
ก่อนวิ่งเข้าบ้าน

‘น้องฟางจะรอ นานแค่ไหนน้องฟางก็จะรอให้พี่สตรองมาหา’

ปรินทร์คิดถึงวันจากลาเมื่อสิบห้าปีก่อนแล้วนึกตำหนิตัวเองหลังจากวันนั้นเป็นต้นมาเขาก็ไม่ได้กลับไป
หาลษิดาอย่างที่รับปากไว้เพราะชีวิตต่อจากนั้นต้องผจญกับเรื่องราวต่างๆมากมายกว่าจะมาถึงวันนี้ได้แม้ใจไม่
เคยลืมเด็กหญิงตัวน้อยหน้าตาน่ารักน่าหยิกที่เขารู้สึกรักและเอ็นดูแต่แรกเห็นหน้าสิบห้าปีมาแล้วน้องฟางลืมพี่
สตรองหรือยัง โตแล้วคนพวกนั้นยังกล้ารังแกอีกไหม ยังอยู่ในบ้านนั้นอีกหรือเปล่าถ้าเจอหน้าอีกครั้งจะจำได้ไหม
จะโกรธพี่สตรองที่ไม่รักษาสัญญาไหม หน้าตาเปลี่ยนไปมากแค่ไหน ชายหนุ่มเกิดคำถามในใจมากมายคิดแล้ว
พลางถอนใจเบาๆจนมารดาต้องร้องถามออกมา

“สตรอง ลูกเป็นอะไรไป”

“เปล่าครับแม่ ผมแค่คิดถึงน้องฟาง ป่านนี้ไม่รู้จะเป็นอย่างไรบ้าง ยังอยู่กับน้าดาหรือเปล่า” ชายหนุ่มสาร
ภาพตามตรง

“อยู่แต่...ถ้าลูกอยากรู้ดูจดหมายจากน้าดาก่อน” พีรชายื่นจดหมายให้บุตรชายแล้วก็ไม่พูดอะไรจนชายหนุ่ม
แปลกใจแต่พออ่านจดเขาถึงเข้าใจ ร่างสูงใหญ่ขยับเข้าไปใกล้ร่างบางของมารดาแล้วจับมือบางมากุมไว้พลางจ้อง
มองใบหน้าหมองเศร้าของมารดาอย่างเข้าใจ

“แม่ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะทำตามคำขอร้องของน้าดา ไม่มีวันยอมให้น้องฟางเป็นอะไรไปแน่ ใครทำ
น้องฟาง ผมจะเอาคืนให้สาสม” คำพูดหนักแน่นกับแววตาแข็งกร้าวนั้นบอกให้พีรชารู้บุตรชายต้องทำตามที่ลั่นวา
ใจไว้แน่ แต่จะทันการหรือเปล่าเธอไม่แน่ใจ สิ่งที่ชาดาเพื่อนรักห่วงและเป็นกังวลมากที่สุดคือลษิดาบุตรสาวบุญ
ธรรมที่ผูกพันกันยิ่งกว่าเลือดในอกซึ่งเธอนั้นไม่ค่อยเข้าใจนักว่าทำไมแต่คำขอร้องในจดหมายของเพื่อนรักที่ฝาก
ลษิดาไว้ในกำมือเธอกับลูกชายหากเธอเป็นอะไรไปนั้นพีรชาต้องทำให้ได้เพื่อตอบแทนบุญคุณเพื่อนแม้ใจจะสง
สัยในคำพูดแปลกๆในจดหมายก็ตาม เธอรู้ดี ชาดานั้นภายนอกดูอ่อนโยนแต่กลับใจเด็ดยิ่งนักลองตัดสินใจ
ทำอะไรต้องทำให้ได้ และคำตอบทั้งหมดคงจะรู้เร็วๆนี้หลังบุตรชายกลับไปบ้านสิทธิไพศาลอีกครั้งและขออย่าให้
เป็นอย่างที่เธอคิดเลย

‘ดา ไม่ว่าเธอจะมีเหตุผลอะไรที่ไม่อยากพบฉันกับลูกอีก แต่ฉันกับลูกจะทำตามคำขอร้องของเธออย่าง
แน่นอน ไม่ต้องห่วง ฉันให้สัญญา’
==========
หลังงานศพชาดาผ่านไปไม่นาน คนเก่าคนแก่ในบ้านที่ภักดีกับชาดาก็ถูกเลิกจ้างและส่งกลับบ้านหมด
โดยฝีมือของวรดากับปิยดาขณะที่ทานุไม่เคยคิดจะสนใจเรื่องราวภายในบ้านเอาแต่ทำงานอย่างเดียวและ
ปล่อยให้อากับภรรยาจัดการเรื่องภายในบ้านเองโดยลืมนึกไปถึงน้องสาวบุญธรรมซึ่งทั้งคู่ต้องการกำจัดไปให้
เร็วที่สุดเพียงแต่รอจังหวะที่ทานุไม่อยู่บ้านเท่านั้น และไม่นานนักโอกาสก็มาถึง ดังนั้นวันรุ่งขึ้นหลังทานุเดินทาง
ไปต่างประเทศทั้งสองก็มาหาลษิดาที่เรือนปีกไม้ซึ่งตั้งอยู่ด้านขวาของบ้านสิทธิไพศาลที่ลษิดาอยู่กับมารดามา
มาตั้งแต่เล็ก

“มาแล้วเหรอแม่คุณหนูกาฝาก ตอนนี้พี่ดาก็ตายแล้ว ฉันกับหนูดาด้าคิดว่า แกควรจะย้ายไปอยู่เรือนคน
ใช้ได้แล้ว วาสนาแกมันจบแล้วนังฟาง เรือนนี้หนูดาด้าจะย้ายเข้ามาอยู่แทนส่วนปีกซ้ายจะเอาไว้ต้อนรับแขก
แล้วไม่ต้องถามว่าเป็นความคิดใคร มันเป็นความคิดตานุเอง” ปิยดาซึ่งรอคอยจังหวะเล่นงานลูกเลี้ยงของชาดา
บอกจุดประสงค์โดยไม่มีการอารัมภบท

“ถ้าจะให้ฟางย้ายก็ขอให้ฟางได้คุยกับพี่นุก่อน” ลษิดาไม่เชื่อในสิ่งที่ปิยดาอ้าง

“ไม่ต้องถามหานุหรอก เพิ่งบินยุโรปเมื่อคืนเอง ฉันบอกให้ตามตรงก็ได้ ที่อาดาบอกเป็นคำสั่งของนุเอง
เขาสั่งฉันก่อนไปขึ้นเครื่องให้มาทวงคืนเรือนนี้จากแก กลัวหาที่เตรียมต้อนรับแขกสำคัญที่จะมาพักด้วยไม่ทัน
พวกฉันถึงต้องรีบ แต่ฉันก็เห็นใจนะกะทันอย่างนี้แกคงเตรียมย้ายไม่ทัน ไม่เป็นไรฉันให้คนมาช่วยขนย้ายแล้ว
ให้เวลาวันหนึ่งพอมั้ย เพราะฉันเองก็ต้องรีบย้ายเหมือนกัน หวังว่าแกคงเข้าใจนะ อย่าหาว่าพวกฉันใจร้ายเลย”
วรดาเป็นฝ่ายตอบแทนและแสร้งทำหน้าเห็นใจน้องสามี ที่จริงเธอบอกความจริงเพียงครึ่งเดียวคือทานุไปยุโรป
และสั่งเธอให้เตรียมห้องพักให้แขกแต่ไม่ได้บอกให้มาเอาเรือนปีกไม้ของมารดาแต่อย่างไร เธอต้องการกำจัด
ลษิดาให้เร็วที่สุดก่อนทานุจะกลับมา เธอไม่อยากเอาไว้เป็นหอกข้างแคร่กลัวสามีเอ็นดูเกินฐานะน้องสาวเพราะ
ไม่ใช่พี่น้องกันจริงๆซ้ำร้ายลษิดาก็สวยจนใครๆเห็นแล้วอดชอบไม่ได้ด้วยหากมองด้วยสายตาเป็นธรรม

“ไม่ค่ะ ฟางไม่เชื่อจนกว่าจะได้ยินจากปากพี่นุเอง” ลษิดาไม่หลงกลเพราะเธอเชื่อทานุไม่ใช่คนจิตใจคับ
แคบแม้จะไม่ได้รักเอ็นดูเธอเหมือนกับน้องสาวมากนักแต่ก็ไม่เคยรังแกและรังเกียจเธอแม้แต่น้อย

“นี่นังฟาง จนป่านนี้แล้วแกยังไม่จักฐานะตัวเองอีกเหรอ จะบอกให้นะ ที่ตานุทำดีกับแกก็เพราะเกรงใจ
พี่ดา ตอนนี้พี่ดาตายแล้วน้องกาฝากอย่างแกไม่ควรมาชูคออยู่ในบ้านใหญ่อีก ที่ของแกคือเรือนคนใช้โน่น
หนูดาด้าอุตส่าห์ให้เกียรติมาบอกด้วยตัวเอง ยังคิดว่าเธอแกล้งอีก แกนี่มันช่างไม่เจียมบ้างเลย” ปิยดาไม่ยอมให้
ลษิดาแข็งข้อถือโอกาสซ้ำ นางต้องการกำจัดลูกเลี้ยงของชาดาให้เร็วที่สุดโดยอาศัยวรดาก่อนที่หลานชายจะกลับ
มา ถ้าลษิดาไปอยู่เรือนคนใช้ก็ง่ายต่อการกำจัด และคงไม่มีเวลาไหนเหมาะที่จะลงมือเท่าตอนหลานชายไม่อยู่
การกำจัดลษิดาไปจากบ้านสิทธิไพศาลได้เร็วเท่าไรยิ่งดีเพราะพินัยกรรมของชาดาใกล้เปิดแล้วและนางก็เชื่อว่า
ต้องยกให้ลษิดาไม่น้อยโดยเฉพาะบ้านหลังนี้ ถ้ากำจัดได้เท่ากับไม่มีคนรับมรดกและคนที่มีสิทธิ์รับคือลูกชาย
แท้ๆตามกฎหมายหากชาดาไม่มีเงื่อนไขอื่นอีก แล้วนางจะอยู่รอดปลอดภัยอย่างมีความสุขและวรดาก็มีความคิด
เช่นเดียวกันเพราะของสามีก็เหมือนของเธอ

“อาดาพูดถูก แกจะหน้าด้านอยู่ทำไม อย่าลืมสิแกเป็นแค่ลูกเลี้ยง สิ้นคุณแม่แล้วแกยังกล้าลอยหน้าลอยตา
ทำตัวเป็นคุณหนูผู้สูงส่งอยู่อีกหรือ แกควรคืนบ้านให้นุได้แล้วและกลับสู่ฐานะผู้อาศัยทำตัวเจียมเนื้อเจียมตัวได้แล้ว
หรือแกจะรอให้นุกลับมาออกปากตอกย้ำฐานะแท้จริงของแกตรงๆก็ได้นะ” วรดาช่างร้ายนักเข้าใจทับถมเหยียบย่ำ
ให้ลษิดาดูต่ำต้อยไปต่อหน้าผู้คนในบ้านและเป็นการเตือนทุกคนไม่ให้ความเคารพนับถือลษิดาอีกต่อไป ซึ่งต่างคน
ต่างได้แต่เห็นใจแต่ก็ไม่กล้าพาตัวเข้าไปช่วยคุณฟางของพวกเขาเพราะรู้ดีใครคือผู้มีสิทธิ์ชี้เป็นชี้ตายพวกเขาได้

“ได้ค่ะ ในเมื่อเป็นความต้องการของพี่นุ พวกคุณไม่ต้องห่วงตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปพวกคุณจะไม่เห็นฉัน
อยู่ที่เรือนนี้อีก ฉันควรไปอยู่ในที่ๆเหมาะสมกับฐานะของฉันเสียที แล้วไม่ต้องใจดีส่งใครมาช่วยฉันเก็บของด้วย”
ในที่สุดลษิดาก็จำยอมรับสภาพและคำตอบของเธอก็ทำให้ปิยดากับวรดายิ้มอย่างพอใจ

“ว่าง่ายอย่างนี้ค่อยยังชั่วหน่อย หวังว่าแกคงทำอย่างที่พูดนะ เรากลับกันเถอะหนูดาด้า พรุ่งนี้ค่อยแวะมา
ดูอีกทีว่าทำอย่างที่พูดมั้ย” จากนั้นก็พากันกลับขณะที่ลษิดายืนนิ่งเป็นเวลานานก่อนเดินเข้าห้องมารดาแล้วยืน
อยู่หน้ารูปถ่ายของชาดาที่แขวนอยู่ในห้อง ดวงตากลมโตจ้องมองรูปมารดานิ่งเป็นเวลานานก่อนเสียงหวานปน
เศร้าจะพูดต่อหน้ารูปถ่ายตรงหน้า

“แม่คะ บอกฟางสิคะ ฟางจะทำอย่างไรต่อไป พี่นุให้คนมาไล่ฟางแล้ว ฟางคงต้องไปจากบ้านที่เคยอยู่
อย่างมีความสุขมาตั้งแต่เล็กในไม่ช้า ฟางไม่เข้าใจทำไมพี่นุถึงใจร้ายกับฟางนัก ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปฟางก็ไม่มี
สิทธิ์อยู่ที่นี่แล้ว ต้องย้ายไปอยู่เรือนคนใช้รวมกับพวกลูกจ้าง และไม่ช้าก็ต้องจากบ้านนี้ไป ครั้งนี้อาจเป็นครั้ง
สุดท้ายที่ฟางจะได้พูดกับแม่อยู่กับแม่ ฟางให้สัญญาค่ะ ฟางจะต้องอยู่ให้ได้ด้วยตัวเอง แม่คอยเป็นกำลังใจให้
ฟางด้วยนะคะ ฟางขอลาแม่วันนี้เลย ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้นกับฟางอีกและจะมีโอกาสเข้ามากราบแม่ได้อีก
ไหม แม่บอกฟางเสมอให้เข้มแข็ง ฟางจะไม่ทำให้แม่ผิดหวังค่ะ” ร่างบางอรชรก้มลงกราบรูปถ่ายมารดาเป็น
ครั้งสุดท้ายก่อนตัดใจเดินเข้าห้องตัวเองเพื่อเตรียมเก็บของและย้ายไปอยู่ที่ใหม่
===============
“อ้าวคุณตนัยมาได้ยังไงคะเนี่ย นุไม่อยู่ไปต่างประเทศนะคะ” วรดาแปลกใจที่เห็นตนัยเพื่อนของสามีมา
คอยอยู่ในห้องรับแขกหลังกลับจากเรือนปีกไม้

“แล้วนี่เด็กๆไปไหนกันหมดแขกมาไม่รู้จักหาน้ำท่ามาต้อนรับ” ปิยดาตะโกนเรียกหาเด็กรับใช้ในบ้าน
ให้วุ่นวายไปหมด

“ไม่ต้องหรอกครับคุณอา ผมแค่เป็นห่วงน้องฟาง กลัวว่าจะยังเศร้าเสียใจไม่เลิก เสียแม่ไปทั้งคน เลยอยาก
มาปลอบใจสักหน่อย” ตนัยแสร้งทำเป็นห่วงใยลษิดาจนออกนอกหน้า และมีหรือปิยดากับวรดาจะไม่รู้ว่าชายหนุ่ม
ตรงหน้าเป็นคนอย่างไร พลันวรดาก็นึกแผนดีๆขึ้นมาได้

“ใช่ค่ะ ยังอยู่ในอารมณ์เศร้า คงอยากได้คนปลอบ แต่..” วรดาหยุดแล้วหันไปหาปิยดาแล้วแสร้งทำเป็น
ไหว้วานให้ทำอะไรให้สักอย่าง “อาดาคะ ช่วยไปบอกแม่ครัวให้เตรียมทำอาหารกลางวันเพิ่มอีกที่ เลี้ยงคุณตนัย”

“ได้จ้าหนูดาด้า อาก็ลืมไป นี่ก็จวนเที่ยงแล้วนี่ ตามสบายนะคะคุณตนัย” ปิยดาทำตามอย่างง่ายดาย
เรื่องบางเรื่องแม้จะรู้ก็ต้องแสร้งทำเป็นไม่รู้เพื่อความอยู่รอด

พอเห็นร่างท้วมของปิยดาไปแล้ว วรดาจึงหันมาพูดกับตนัยตรงๆ

“เอาล่ะไม่มีคนอื่น บอกมาตรงๆดีกว่ามาทำไม แล้วไอ้ที่ปากบอกว่าห่วงนังฟางมันคงแค่ข้ออ้าง เราต่าง
ก็รู้จักกันดี ไม่ต้องแสแสร้งหรอก”

“เธอนี่เก่งจริงๆดาด้า บอกให้ก็ได้ที่มาก็เพราะคิดถึงแฟนเก่าไม่ไหว เลยอยากมาทบทวนอดีตรักอัน
หวานฉ่ำหน่อย” ตนัยตอบได้ชวนโมโหมาก วรดาไม่เถียงหรอกเธอเคยคบกับตนัยและมีอะไรกันมาก่อนเจอทานุ

“ถ้าอยากได้อะไรหวานฉ่ำ น่าจะไปหานังฟางนะ มันกำลังเหงา ว้าแหว่ คุณจะไม่ไปปลอบใจมันหน่อย
เหรอ ถ้าอยากปลอบใจฉันยินดีเปิดไฟเขียว สนใจไหม” วรดานำเสนอสิ่งที่คิดว่าตนัยต้องรีบคว้าแน่

“ไม่เสียแรงที่เคยรักกัน รู้ใจกัน ว่าแต่ไม่หลอกฉันแน่นะ” ตนัยยังไม่ค่อยไว้วางใจวรดาหญิงเจ้าเล่ห์นัก

“ไม่หลอก เอาเป็นว่าคืนพรุ่งนี้ห้าทุ่มที่เรือนคนใช้ คุณเข้าไปหาได้เลย เพราะนังกาฝากนั่นถูกเฉดไปอยู่ที่นั่น
แล้ว สนใจไหม รับรองเข้าออกสะดวกฉันจะเอากุญแจห้องมันมาให้ แล้วเชิญเสพสุขกับมันให้สบาย แต่ถ้าจะให้ดี
ก็เอาตัวมันไปเป็นนางบำเรอก็ได้ รับรองไม่มีใครกล้าขวาง เป็นไงสนใจไหม” วรดาปูทางสะดวกให้กับเพื่อนสามี
และอดีตคนรักเพราะคงไม่มีใครเหมาะสมที่จะช่วยเธอกำจัดลษิดาเท่ากับผู้ชายเจ้าชู้ตรงหน้า

“เธอนี่ยังคงความชั่วร้ายไม่เปลี่ยนเลยนะดาด้า แต่ฉันชอบ คืนพรุ่งนี้ฉันจะมาเอากุญแจ วันนี้ขอตัวนะจ๊ะ
ที่รัก....จุ๊บ” ตนัยหอมแก้มวรดาทีหนึ่งก่อนเดินผิวปากออกจากบ้านไป วรดามองตามร่างสูงโปร่งแล้วยิ้ม

‘แกเสร็จแน่นังฟาง แล้วอย่ามาโทษฉัน ถ้าโทษก็โทษความสวยของแก’ วรดาคิดอย่างสะใจแล้วหันไป
มองรูปแม่สามีที่ติดอยู่ผนังห้องรับแขกแล้วยิ้มเยาะเย้ยใส่รูป ‘คุณแม่อย่าว่าดาด้านะคะ ถ้าจะว่าต้องว่าตัวเอง
ที่รักนังลูกกาฝากมากจนมองไม่เห็นหัวสะใภ้คนนี้ ขอให้คุณแม่ตายตาหลับนะคะ’ สายตาของคนเป็นสะใภ้
ยามจ้องมองรูปถ่ายแม่สามีนั้นมีแววสะใจไม่น้อยที่กำจัดลูกเลี้ยงของแม่สามีได้ หลังงานศพแม่สามีผ่านไปวรดา
ก็ทำตัวเป็นใหญ่ในบ้านเรียกคนเก่าคนแก่ที่อยู่รับใช้ชาดามานานแล้วบังคับให้ออกกลัวเป็นมือเท้าให้ลษิดาโดยที่
ทานุไม่ติดใจสงสัยเพราะเธออ้างว่าคนพวกนั้นมาขอลากลับไปใช้ชีวิตอยู่บ้านกับลูกหลานเอง ที่เหลือก็เป็นคนใหม่
ที่เพิ่งรับมาไม่นานซึ่งต้องเชื่อฟังเธอผู้เป็นนายหญิงคนใหม่ของบ้านอยู่แล้ว เธอมั่นใจ ลษิดาไม่มีทางรอดพ้นการ
เป็นนางบำเรอของตนัยแน่และถ้าทานุกลับมาเธอจะบอกว่าน้องสาวทำเรื่องงามหน้าหนีตามผู้ชายไป แค่นี้สามีผู้
ไม่เคยสนใจเรื่องของใครนัก ยิ่งเป็นเรื่องในบ้านยิ่งไม่เคยสนใจ มีหรือจะไม่เชื่อ
===========
ลษิดาเก็บเสื้อผ้าและสมบัติส่วนตัวซึ่งมีไม่มากนอกจากกล่องเครื่องประดับล้ำค่าที่มารดาให้แต่ที่เธอตัดใจ
ไม่ได้คงเป็นบ้านที่อยู่มานานพอรู้ตัวว่ากำลังจะจากไปก็ใจหายรู้สึกอาลัยอย่างบอกไม่ถูก ดวงตากลมโตกวาดมอง
ไปรอบๆห้องอีกครั้งแล้วสะดุดเข้ากับของบางอย่างบนโต๊ะข้างหัวเตียง มันเป็นอัลบั้มรูปถ่ายสมัยเด็กที่เธอลืมเอา
ใส่กระเป๋าหลังหยิบออกจากตู้ จึงหยิบมาแล้วเปิดดู ภาพแห่งความทรงจำระหว่างเธอกับมารดาเห็นแล้วน้ำตาก็
พาลจะไหลด้วยความคิดถึงแม้จะรู้ว่าไม่มีโอกาสได้พบท่านอีกตลอดชีวิตเพราะท่านจากไปโดยไม่หวนกลันสักพัก
น้ำตาก็หายไปและสายตาสะดุดกับภาพถ่ายคู่กันของใครบางคนที่จากไปนานกำลังแบกเด็กหญิงลษิดาไว้ที่หลัง
เป็นภาพที่เธอไม่เคยลืม จำได้เพราะความซนของตัวเองเลยตกจากต้นมะม่วงแล้วขาแพลงในสวนผลไม้ของเพื่อน
มารดาแต่โชคดีปรินทร์อยู่ด้วยจึงรีบเข้าไปดูพร้อมเสียงดุๆซึ่งเป็นเรื่องที่เธอไม่เคยลืมเพราะเป็นครั้งแรกที่เธอถูก
พี่ชายแสนดีดุเอา

‘ยายเด็กซน พี่ห้ามแล้วไม่ฟัง บอกว่าอย่าปืนก็ไม่เชื่อ เจ็บละสิถึงได้ร้อง ไหนดูซิขาหักไหม’ มือเรียวใหญ่จับ
ข้อเท้าเล็กพลางขยับดูและนั่นยิ่งทำให้เด็กซนน้ำตาแทบเล็ดทีเดียว

‘ซี๊ด เจ็บค่ะพี่สตรอง น้องฟางเจ็บ ปล่อยนะ’ เสียงใสโวยลั่นใส่คนตัวสูงกว่า

‘เจ็บก็ต้องทน จะได้หาย’ คนตัวสูงกว่ายังคงทำเสียงดุทั้งที่แววตาเต็มไปด้วยความห่วงใยขณะที่มือก็
จับขาเล็กบิดทีเดียวพลันคนตัวเล็กกว่ารู้สึกดีขึ้นทำท่าจะลุกถ้าไม่มีเสียงดุซ้ำจากคนตัวสูงอีก

‘หยุดไม่ต้องขยับยายเด็กดื้อ พี่จัดการเอง’ จากนั้นก็อุ้มคนตัวเล็กแบกใส่หลังเดินออกจากสวนกับเสียงใส
ดังขึ้นเบาๆว่า ‘น้องฟางขอโทษค่ะที่ดื้อ’ และมันคงเป็นภาพที่น่ารักมากดังนั้นพอมารดาเห็นเข้าจึงหยิบกล้องมา
ถ่ายเก็บไว้

“พี่สตรองอยู่ไหนคะ ทำไมไม่มาหาน้องฟางบ้าง มาช่วยน้องฟางที” ลษิดาพึมพำเบาๆใส่ภาพคนตัวสูง
ที่จากไปกว่าสิบห้าปีโดยไม่ส่งข่าวคราวให้รู้แล้วปิดอัลบั้มลงเก็บใส่กระเป๋า มันคงไม่มีประโยชน์ที่จะหวนหาอีกแล้ว
พี่สตรองคงลืมน้องฟางไปนานแล้ว ต่อไปเธอต้องอยู่ให้ได้ด้วยตัวเอง จะลืมคนในอดีต คนใจร้ายไม่รักษาสัญญา
ให้หมด
ชชชชชชชชชชช
หน้าบ้านสิทธิไพศาลสตรีวัยกลางคน แต่งกายดี รูปร่างท้วมเดินไปกดกริ่งหน้าบ้านพลางสอดส่องสายตา
เข้าไปในบ้านที่อยู่ไกลจากประตูทางเข้าพอควร ไม่ช้าไม่นานนักก็มีคนเดินมาเป็นเด็กสาวผิวคล้ำสวมกางเกงยีน
เสื้อยืดสีดำรองเท้าแตะ ดูแล้วน่าจะเป็นเด็กรับใช้

“มาหาใครคะ” เด็กสาวถามพลางมองหน้าผู้มายืนกดกริ่ง

“สวัสดีจ้า ฉันเป็นเพื่อนคุณชาดามาเยี่ยมคุณชาดา ไม่ทราบว่าอยู่หรือเปล่าจ๊ะ” คนกดกริ่งบอกจุดประ
สงค์ คนในบ้านก็จ้องมองเพื่อนคุณชาดาด้วยแววกังขาก่อนถามกลับไป “คุณไม่รู้เหรอคะว่าคุณนายท่านเสียไป
สองอาทิตย์แล้วคะ” คำตอบนั้นทำเอาอีกฝ่ายนิ่งไปสนิทก่อนถามต่อ

“ทำไม ท่านเอ่อ คุณชาดาเป็นอะไรตาย”

“โรคหัวใจกำเริบเกิดอาการช๊อก เสียกะทันหันค่ะ”

“แล้วลูกสาวคุณชาดาล่ะ คุณฟางอยู่มั้ย ฉันขอพบหน่อย” คำถามนี้เล่นเอาผู้ถูกถามถึงกับอึ้ง เพราะเด็ก
สาวเพิ่งมาก่อนชาดาจะสิ้นไม่กี่วันและตอนนี้ผู้เป็นใหญ่ในบ้านก็คือวรดาลูกสะใภ้และปิยดาอาของทานุเจ้าของ
บ้านคนใหม่ หลังงานศพ วรดานายหญิงคนใหม่ของบ้านก็สั่งห้ามทุกคนเรียกลษิดาว่าคุณฟางเพราะเป็นแค่เด็ก
เก็บมาเลี้ยงของชาดาไม่มีสิทธิ์เสียงอะไรในบ้านและมีฐานะไม่ต่างจากคนใช้ในบ้านทว่าเด็กสาวก็ไม่รู้จะตอบ
อย่างไรดี ขณะที่เด็กสาวกำลังอ้ำอึ้งอยู่นั้นเสียงหนึ่งก็ตอบแทน

“คุณคงเข้าใจผิดแล้วมั้ง คุณชาดาไม่เคยมีลูกสาวมีแค่ลูกชายโทนคนเดียวคือคุณทานุ ส่วนคุณฟางที่คุณ
ถามหาคือเด็กรับใช้คุณชาดาที่ไม่เจียมทำตัวราวกับคุณหนู ที่ผ่านมาทุกคนเกรงใจเพราะเห็นแก่คุณชาดา แต่หลัง
งานศพคุณชาดาก็หนีตามผู้ชายไปแล้ว” คนตอบเป็นหญิงร่างท้วมอายุราวห้าสิบคนสนิทของปิยดา

“จริงเหรอ ไม่น่าเลยงั้นที่นี่คงไม่มีใครให้ฉันพบแล้ว ฉันลาล่ะ” ผู้มาเยือนทำหน้าสลดผิดหวังและเดินจากไป
ฝ่ายคนให้ข่าวก็หันมาเล่นงานเด็กสาวที่เพิ่งมาทำงานได้ไม่นานทันที

“นังกบ ทีหลังถ้ามีใครมาถามหายายคุณหนูกาฝากนั่น ให้บอกว่ามันหนีตามผู้ชายไปแล้ว เข้าใจมั้ย”

“จ้าๆ ป้าสร้อย” เด็กสาวรีบรับปากทั้งที่ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องให้ร้ายคุณคนสวยในฐานะน้องสาวบุญธรรม
ของเจ้าของบ้านและทำกับเธอถึงเพียงนี้

“ดี เชื่อฟังง่ายๆแบบนี้จะอยู่กันยืด” ว่าจบก็พาร่างท้วมเดินเข้าบ้านไม่แคล้วไปรายงานเจ้านายให้ทราบ
ชชชชชชชชชชชชช
ด้านหญิงที่อ้างตัวว่าเป็นเพื่อนชาดาหลังได้ข้อมูลแล้วก็เดินกลับไปหาชายหนุ่มร่างสูงใหญ่สวมแว่นดำเสื้อ
เชิ้ตสีขาวกางเกงยีนยืนพิงรถยุโรปสุดหรูสีดำจอดอยู่ไม่ไกลจากบ้านสิทธิไพศาลมากนัก

“เป็นไงได้ความว่าไงบ้าง ป้าลำไย” ปรินทร์ถามแม่บ้านของผาตะวันที่มักติดตามมารดาของเขาไปไหนมา
ไหนเสมอ

“คุณชาดาเสียแล้ว ส่วนคุณฟางเห็นบอกว่าหนีตามผู้ชายไปหลังงานศพคุณชาดา แต่ป้าว่ามันแปลกๆ
ท่าทางคนในบ้านมีพิรุธชอบกลค่ะ” ป้าลำไยเล่าพลางมองใบหน้าคมเข้มราวรูปสลักอย่างยากจะจับความรู้สึก
ใครๆต่างรู้ดีประธานหนุ่มแห่งวอเตอร์ฮิลล์แอนสปานั้นเก็บความรู้สึกเก่ง แต่ความดุดันเฉียบขาดที่ทุกคนต่าง
พากันกลัวเกรงนั้นเป็นที่รู้กันดี

“หมดหน้าที่แล้ว ป้าลำไยกลับไปดูแลคุณแม่เถอะ บอกท่านว่าไม่ต้องห่วง ผมจะพาน้องฟางไปหา แต่อย่า
เพิ่งบอกแม่เรื่องน้าดาเสียชีวิตแล้ว ไว้ผมจะบอกเอง” ปรินทร์ไม่ออกความเห็นเรื่องลษิดาต่อหน้าคนอื่นแม้คนๆ
นั้นจะเป็นคนสนิทของมารดาก็ตาม

“ค่ะ” ป้าลำไยรับรู้แต่เพียงว่าเจ้านายสั่งก็ต้องทำตามแม้เจ้านายหนุ่มจะค่อนข้างให้ความสนิทสนมกับ
นางในฐานะคนสนิทของมารดาก็ตาม

หลังคนสนิทของมารดาเดินไปขึ้นรถอีกคันที่จอดอยู่อีกฝากถนนร่างสูงใหญ่ก็เดินเข้าไปใกล้บ้านสิทธิไพศาล
แล้วมองเข้าไปในตัวบ้านที่เคยอยู่อาศัยมาเกือบปี สภาพบ้านยังคงเหมือนเดิม เพียงแต่คนเปลี่ยนไป พลางนึกถึงจด
หมายของชาดาที่มีถึงมารดาซึ่งเขียนไว้ก่อนที่จะเสียชีวิต เหมือนรู้ว่าอะไรจะเกิดกับลษิดาหากท่านเป็นอะไรไปจึงขอ
ให้เขามาช่วยพาตัวเธออกไปจากบ้านที

‘น้าดาไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะไม่ยอมใครทำร้ายน้องฟาง จะดูแลปกป้องแทนน้าดาเองและใครที่คิดร้าย
กับน้องฟางผมจะไม่ปล่อยไว้แน่ ไม่ว่ามันเป็นใคร’ ปรินทร์ให้สัญญาในใจก่อนเดินกลับไปขึ้นรถและขับออกไป
เขาต้องไปเตรียมการบางอย่างก่อนแล้วค่อยย้อนกลับมาที่นี่อีกที
ชชชชชชชชชชชชชชชช
ยามค่ำคืนอันเงียบสงบในบ้านสิทธิไพศาลกลับมีผู้มาเยือนสองคน คนแรกเป็นชายหนุ่มร่างสูงโปร่งที่ภรรยา
เจ้าของบ้านเต็มใจต้อนรับในยามวิกาล กับชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่สวมเสื้อยึดสีดำคลุมทับด้วยแจ๊กเกตสีดำกับกาง
เกงยีนสีดำซึ่งปืนกำแพงเข้ามาและบังเอิญเห็นเข้าเลยตามไปดูจึงเห็นหญิงสาวรูปร่างเย้ายวนยืนรออยู่

“ทำไมมาช้านัก รู้มั้ยฉันยืนคอยจนเมื่อย เอานี่กุญแจห้องนังฟาง แล้วไม่ต้องห่วงทุกคนที่เรือนคนใช้หลับ
เป็นตายไม่ตื่นมารับรู้แน่ เชิญเสพสุขกับมันให้สบาย” วรดายื่นกุญแจให้

“ขอบใจมากที่รัก เธอนี่ช่างเป็นพี่สะใภ้แสนดีจริงๆนะดาด้า ถ้านุรู้เข้าคงอดสรรเสริญในความชั่วของเธอ
ไม่ไหวที่ไปทำกับน้องสาวเขาแบบนั้น” ตนัยด่าว่าตรงๆแต่วรดากลับยักไหล่ไม่แคร์

“มันก็แค่น้องกาฝาก นุไม่ได้พิศวาทอะไรมันมากนักหรอก รู้แล้วจะทำไม ยังไงนุก็ทำอะไรฉันไม่ได้หรอก”

“ผู้หญิงอย่างเธอนี่มันสุดๆจริงๆ นุไม่น่าตาบอดเอามาเป็นเมียเลย นี่ถ้ารู้ว่าเธอผ่านอะไรมาบ้างคงอึ้งจน
บอกไม่ถูกนะดาด้า”

“ฉันว่านุก็ตาบอดเหมือนกันที่คบคุณเป็นเพื่อน เลิกพูดมากได้แล้ว อยากฟาดนังฟางนักก็รีบๆไปเสีย
กุญแจก็ได้แล้วยังจะรออะไรอีก”

“ขอบใจที่เตือนดาด้า” ตนัยจบคำพูดด้วยการหอมแก้มวรดาก่อนเดินผิวปากจากไปขณะที่วรดายักไหล่แล้ว
เดินกลับขึ้นตึก

ทั้งคู่ไม่รู้ว่าผู้ที่แอบฟังอยู่นั้นจ้องมองทั้งคู่นัยน์ตาวาวโรจน์อย่างโกรธจัด ชายโฉดหญิงชั่วคู่นี้ต้องได้รับบท
เรียนอย่างสาสม และคนแรกที่เขาจะจัดการคือผู้ชายที่กำลังจะไปย่ำยีลษิดา

ชชชชชชชชชชชชชชชชชชชชชช
ที่จริงอยากมาอัพไวๆแต่ติดด้วยสุขภาพค่ะ ป่วยเข้ารพ ที่อยากอัพไม่ใช่อะไรเพราะคนเขียนอยากอ่านต่อด้วยเหมือนกัน
เรื่องนี้อาจไม่โดนใจบางคนแต่สำหรับคนเขียนชอบอะ อยากแต่งแนวนี้ รักซึ้งหวานปนโหดและบทสรุปของคนชั่ว จัดหนัก
ทุกอย่างค่ะ แล้วค่อยมาเจอกับการพบหน้าครั้งแรกของน้องฟางกับพี่สตรองนะคะ รักชอบเรื่องนี้ก็ช่วยโหวดส่งเสียงเม้ม
หน่อยค่ะ



เพลงใบไม้
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 24 ต.ค. 2556, 20:22:08 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 24 ต.ค. 2556, 20:22:08 น.

จำนวนการเข้าชม : 1781





<< ตอนที่ 1   ตอนที่ 3 >>
konhin 24 ต.ค. 2556, 21:07:26 น.
มันน่าอัดเทปมาประจานจริงๆ


ใบบัวน่ารัก 25 ต.ค. 2556, 07:07:47 น.
น้ำเน่าก็ยังมีนิ


saralun 25 ต.ค. 2556, 09:12:28 น.
เป็นกำลังใจให้นะค่ะ ^^


goldensun 25 ต.ค. 2556, 19:21:40 น.
หญิงร้าย ชายเลว โชคร้ายจริงฟาง ดีที่สตรองมาได้จังหวะ ไม่ต้องเสียเวลาหา มีคนนำทางให้เรียบร้อย


Pat 25 ต.ค. 2556, 21:17:11 น.
หายไวๆนะคะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account