เพลิงสวาทในรอยทราย
ทั้งๆ ที่รู้ว่าไม่สมควร ทั้งรู้ดีว่าจะเกิดเรื่องยุ่งยากตามมาภายหลัง แต่ความงามตรงหน้าก็ยากที่จะละสายตาให้ออกห่างจากเอวบางที่ยักย้ายส่ายพลิ้วไปพร้อมกับจังหวะกลอง
เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมที่เขาเคยค่อนแคะ กำลังกลายร่างเป็นนางระบำทรงเสน่ห์ที่ทำให้ใจของชายหนุ่มปั่นป่วน จนกลืนน้ำลายลงคอได้อย่างยากลำบาก
คุณธรรมและความถูกต้องกำลังดึงมูซาให้ออกห่างจากความเย้ายวนตรงหน้า ทว่า...
"ฮาน่า ไม่ว่าเจ้าจะรู้หรือไม่ก็ตามว่าเจ้ากำลังทำให้หัวใจของข้าแทบจะหยุดเต้น เจ้าจะไม่มีทางรอดพ้นอ้อมกอดของข้าในคืนนี้ไปได้"
เล่มนี้เป็นเรื่องราวของชายผู้หายสาบสูญในเรื่องเหลี่ยมรักบัลลังก์ทรายค่ะ ใครยังจำอดีตองค์รัชทายาทมูซาได้มั่งคะ ^^ พบกันหลังปิดต้นฉบับ หวานรักในลมหนาวนะคะ Coming Soon
เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมที่เขาเคยค่อนแคะ กำลังกลายร่างเป็นนางระบำทรงเสน่ห์ที่ทำให้ใจของชายหนุ่มปั่นป่วน จนกลืนน้ำลายลงคอได้อย่างยากลำบาก
คุณธรรมและความถูกต้องกำลังดึงมูซาให้ออกห่างจากความเย้ายวนตรงหน้า ทว่า...
"ฮาน่า ไม่ว่าเจ้าจะรู้หรือไม่ก็ตามว่าเจ้ากำลังทำให้หัวใจของข้าแทบจะหยุดเต้น เจ้าจะไม่มีทางรอดพ้นอ้อมกอดของข้าในคืนนี้ไปได้"
เล่มนี้เป็นเรื่องราวของชายผู้หายสาบสูญในเรื่องเหลี่ยมรักบัลลังก์ทรายค่ะ ใครยังจำอดีตองค์รัชทายาทมูซาได้มั่งคะ ^^ พบกันหลังปิดต้นฉบับ หวานรักในลมหนาวนะคะ Coming Soon
Tags: ทะเลทราย,มูซา
ตอน: บทที่ 1 บุรุษปริศนา
ท่ามกลางเปลวแดดที่ร้อนระอุในพื้นที่ที่มีทะเลทรายกินบริเวณกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ของประเทศนั้นยังคงมีชนเผ่าเร่ร่อนอยู่หลายร้อยชีวิตที่อาศัยอยู่ตามรอยต่อระหว่างประเทศในแถบตะวันออกอยู่หลายเผ่า ซึ่งในแต่ละเผ่านั้นจะมีข้อตกลงในการอยู่ร่วมกันเพื่อลดการแก่งแย่งพื้นที่ทำกิน แต่ก็อย่างว่ากฎระเบียบใช้ไม่ได้กับทุกคนใน 10 คนก็จะมีอยู่สักคนสองคนที่ฝ่าฝืนกฎระเบียบ ดังเช่นเด็กหนุ่มพวกนี้
“พื้นที่ตรงนี้มันไม่ใช่ของพวกเจ้าเสียหน่อย เส้นแบ่งเขตก็ชัดเจนตั้งแต่เมื่อสมัยการประชุมผู้นำเผ่าตั้งแต่คราวที่แล้ว ยังจะหน้าด้านมาบุกรุกพื้นที่ของพวกเราอีกเหรอ” เด็กสาวที่สองแขนเล็กถูกเหนี่ยวไว้ด้วยแขนแข็งแรงของเพศตรงข้ามที่ตั้งใจมาเป็นเพื่อนกำลังต่อว่าคนนอกเผ่าที่แอบเข้ามาเก็บพืชผลของตนเองอย่างโมโห
“พื้นที่ของพวกเรา พูดออกมาเต็มปากเต็มคำ ที่ๆ เจ้ายืนอยู่ตอนนี้มันก็ไม่ใช่ของเจ้าเหมือนกันนั้นแหละ แค่จับสลากได้พื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์กว่าทำเป็นกร่าง ทั้งที่จริงๆ แล้วก็เร่ร่อนเหมือนกันละวะ”
“ปล่อยข้านะเตมี” ร่างเล็กที่อารมณ์เดือดพยายามดิ้นสะบัด หันไปมองเพื่อนอย่างเอาเรื่อง
“พอได้แล้วฮาน่า ให้ๆ เขาไปเถอะ ของแค่นี้เอง พวกเจ้าได้ของแล้วก็รีบไปเสียสิจะมาพูดพร่ำอะไร หรือต้องรอให้พ่อข้าไปรายงานหัวหน้าเผ่าของพวกเจ้าเสียก่อน” ชายหนุ่มร่างยักษ์ที่ใช้มือข้างเดียวรั้งแขนเล็กๆ ของผู้หญิงที่โกรธเป็นไฟหันไปไล่เด็กหนุ่มสองคน
เด็กหนุ่มหน้าตาขมุกขมัวพอได้ยินคำขู่ก็รีบสะบัดหน้าเดินหนีทันที เพราะแน่นอนว่าหากเรื่องนี้ถึงหูหัวหน้าเผ่าของพวกเขาไม่ใช่แต่เพียงพวกเขาที่จะถูกลงโทษ แต่พ่อแม่เขาก็ยังจะถูกลงโทษไปด้วย
“เจ้าใจดีเกินไปแล้วเตมี แบบนี้เด็กพวกนั้นก็จะมาขโมยของของเราอีก คนเราลองมีครั้งแรกก็ต้องมีครั้งต่อไปๆ คราวนี้พืชผักที่ข้าปลูกไว้กักตุนในยามที่เราเกิดจับสลากได้ในพื้นที่แห้งแล้งมิต้องถูกพวกมันขโมยหมดรึไง” เด็กสาวโวยวายต่อว่าเพื่อนชายอย่างฉุนเฉียว แล้วส่งสายตาอาฆาตไปให้เด็กวัยรุ่นกลุ่มนั้นที่วิ่งปรื๋อเหลือเพียงรอยฝุ่นตลบไว้ให้เธอเจ็บใจเล่น
“เอาน่า เด็กๆ คงทำอะไรไม่คิด เจ้าก็เคยเด็กน่าจะเข้าใจ”
“ใช่ ตอนเด็กแม้จะเกเรไปบ้าง แต่ข้าก็ไม่เคยพาพวกเจ้าไปขโมยของของใครนะ ไอ้เด็กพวกนั้นทำจนเคยตัวมากกว่า ไม่ใช่เพราะยังเด็กอะไรเสียหน่อย ตอนข้าอายุเท่าพวกมัน ข้าไปช่วยท่านตาเก็บสมุนไพรแล้วด้วยซ้ำ”
เตมีส่ายหน้าอย่างระอาเพราะรู้ดีว่าตอนนี้ต่อให้เขาพูดอะไรไปเพื่อนคนนี้ก็พร้อมจะยกถ้อยคำมาหักล้างได้เสมอ ผู้หญิงอารมณ์ร้อน ขี้โมโหอย่างฮาน่าถ้าได้ลองไม่พอใจอะไรก็จะบ่นจะพูดอยู่เป็นวันๆ
“ตาย! เจ้าดูสิ ไอ้เด็กพวกนั้นไม่ได้คืนของที่ขโมยพวกเราไป ไม่ได้การล่ะ ข้าจะต้องไปทวงคืน”
“เดี๋ยวสิ เฮ้ ฮาน่า อย่าไป โธ่เว้ย เจ้านี่มันดื้อด้านจริงๆ” เตมีมองตามหลังบางที่วิ่งตามรอยเท้าของเด็กหัวขโมยทั้งสองไปอย่างเพลียใจ ก่อนจะวิ่งตามไปอย่างเสียไม่ได้
“ไอ้เด็กบ้าพวกนั้นวิ่งเร็วจริงๆ หายไปไหนแล้วนะ” ฮาน่าวิ่งมาหยุดหอบหายใจอย่างเจ็บใจ ท่ามกลางอากาศร้อนเปรี้ยงประกอบกับความร้อนระอุของไอร้อนเหนือผืนทรายทำให้ร่างบางชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ ดวงตากลมหรี่มองไปด้านหน้าอย่างชั่งใจ อีกไม่กี่สิบก้าวจากจุดที่เธอยืนอยู่นี้เป็นพื้นที่ของอีกเผ่าที่ร่อนเร่มาเหมือนกัน
ฮาน่าหลับตาลงอย่างคนตัดสินใจดีแล้ว เธอเดินมุ่งมั่นมองไปข้างหน้าพร้อมก้าวเดินอย่างไม่ลังเล ทว่าเดินไปได้เพียง 5 ก้าวเด็กสาวกลับร้องกรีดร้องดังลั่นจนคนที่ตามมาติดต้องเร่งฝีเท้าเข้ามาดูด้วยความตกใจ
“กรี๊ด เตมี!”
“ฮาน่า! เจ้าเป็นอะไร”
“สะ ศพ เตมี มีศพคนอยู่ตรงนั้น"
“พื้นที่ตรงนี้มันไม่ใช่ของพวกเจ้าเสียหน่อย เส้นแบ่งเขตก็ชัดเจนตั้งแต่เมื่อสมัยการประชุมผู้นำเผ่าตั้งแต่คราวที่แล้ว ยังจะหน้าด้านมาบุกรุกพื้นที่ของพวกเราอีกเหรอ” เด็กสาวที่สองแขนเล็กถูกเหนี่ยวไว้ด้วยแขนแข็งแรงของเพศตรงข้ามที่ตั้งใจมาเป็นเพื่อนกำลังต่อว่าคนนอกเผ่าที่แอบเข้ามาเก็บพืชผลของตนเองอย่างโมโห
“พื้นที่ของพวกเรา พูดออกมาเต็มปากเต็มคำ ที่ๆ เจ้ายืนอยู่ตอนนี้มันก็ไม่ใช่ของเจ้าเหมือนกันนั้นแหละ แค่จับสลากได้พื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์กว่าทำเป็นกร่าง ทั้งที่จริงๆ แล้วก็เร่ร่อนเหมือนกันละวะ”
“ปล่อยข้านะเตมี” ร่างเล็กที่อารมณ์เดือดพยายามดิ้นสะบัด หันไปมองเพื่อนอย่างเอาเรื่อง
“พอได้แล้วฮาน่า ให้ๆ เขาไปเถอะ ของแค่นี้เอง พวกเจ้าได้ของแล้วก็รีบไปเสียสิจะมาพูดพร่ำอะไร หรือต้องรอให้พ่อข้าไปรายงานหัวหน้าเผ่าของพวกเจ้าเสียก่อน” ชายหนุ่มร่างยักษ์ที่ใช้มือข้างเดียวรั้งแขนเล็กๆ ของผู้หญิงที่โกรธเป็นไฟหันไปไล่เด็กหนุ่มสองคน
เด็กหนุ่มหน้าตาขมุกขมัวพอได้ยินคำขู่ก็รีบสะบัดหน้าเดินหนีทันที เพราะแน่นอนว่าหากเรื่องนี้ถึงหูหัวหน้าเผ่าของพวกเขาไม่ใช่แต่เพียงพวกเขาที่จะถูกลงโทษ แต่พ่อแม่เขาก็ยังจะถูกลงโทษไปด้วย
“เจ้าใจดีเกินไปแล้วเตมี แบบนี้เด็กพวกนั้นก็จะมาขโมยของของเราอีก คนเราลองมีครั้งแรกก็ต้องมีครั้งต่อไปๆ คราวนี้พืชผักที่ข้าปลูกไว้กักตุนในยามที่เราเกิดจับสลากได้ในพื้นที่แห้งแล้งมิต้องถูกพวกมันขโมยหมดรึไง” เด็กสาวโวยวายต่อว่าเพื่อนชายอย่างฉุนเฉียว แล้วส่งสายตาอาฆาตไปให้เด็กวัยรุ่นกลุ่มนั้นที่วิ่งปรื๋อเหลือเพียงรอยฝุ่นตลบไว้ให้เธอเจ็บใจเล่น
“เอาน่า เด็กๆ คงทำอะไรไม่คิด เจ้าก็เคยเด็กน่าจะเข้าใจ”
“ใช่ ตอนเด็กแม้จะเกเรไปบ้าง แต่ข้าก็ไม่เคยพาพวกเจ้าไปขโมยของของใครนะ ไอ้เด็กพวกนั้นทำจนเคยตัวมากกว่า ไม่ใช่เพราะยังเด็กอะไรเสียหน่อย ตอนข้าอายุเท่าพวกมัน ข้าไปช่วยท่านตาเก็บสมุนไพรแล้วด้วยซ้ำ”
เตมีส่ายหน้าอย่างระอาเพราะรู้ดีว่าตอนนี้ต่อให้เขาพูดอะไรไปเพื่อนคนนี้ก็พร้อมจะยกถ้อยคำมาหักล้างได้เสมอ ผู้หญิงอารมณ์ร้อน ขี้โมโหอย่างฮาน่าถ้าได้ลองไม่พอใจอะไรก็จะบ่นจะพูดอยู่เป็นวันๆ
“ตาย! เจ้าดูสิ ไอ้เด็กพวกนั้นไม่ได้คืนของที่ขโมยพวกเราไป ไม่ได้การล่ะ ข้าจะต้องไปทวงคืน”
“เดี๋ยวสิ เฮ้ ฮาน่า อย่าไป โธ่เว้ย เจ้านี่มันดื้อด้านจริงๆ” เตมีมองตามหลังบางที่วิ่งตามรอยเท้าของเด็กหัวขโมยทั้งสองไปอย่างเพลียใจ ก่อนจะวิ่งตามไปอย่างเสียไม่ได้
“ไอ้เด็กบ้าพวกนั้นวิ่งเร็วจริงๆ หายไปไหนแล้วนะ” ฮาน่าวิ่งมาหยุดหอบหายใจอย่างเจ็บใจ ท่ามกลางอากาศร้อนเปรี้ยงประกอบกับความร้อนระอุของไอร้อนเหนือผืนทรายทำให้ร่างบางชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ ดวงตากลมหรี่มองไปด้านหน้าอย่างชั่งใจ อีกไม่กี่สิบก้าวจากจุดที่เธอยืนอยู่นี้เป็นพื้นที่ของอีกเผ่าที่ร่อนเร่มาเหมือนกัน
ฮาน่าหลับตาลงอย่างคนตัดสินใจดีแล้ว เธอเดินมุ่งมั่นมองไปข้างหน้าพร้อมก้าวเดินอย่างไม่ลังเล ทว่าเดินไปได้เพียง 5 ก้าวเด็กสาวกลับร้องกรีดร้องดังลั่นจนคนที่ตามมาติดต้องเร่งฝีเท้าเข้ามาดูด้วยความตกใจ
“กรี๊ด เตมี!”
“ฮาน่า! เจ้าเป็นอะไร”
“สะ ศพ เตมี มีศพคนอยู่ตรงนั้น"
ลาฌีนุส
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 25 ต.ค. 2556, 22:37:35 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 พ.ย. 2556, 18:53:07 น.
จำนวนการเข้าชม : 1585
<< บทนำฉบับสมบูรณ์ | บทที่ 1 บุรุษปริศนา(จบตอน) >> |