Sweet Taste รสหวาน...บันดาลรัก
คนหนึ่งคนออกตามหาผู้หญิงที่มีแต่ความลับเพื่อที่ราคาแพง

คนหนึ่งคนถูกเรียกมาให้ปกป้อง ไม่ให้แผนการขายที่สำเร็จ

คนหนึ่งคนยังสนุกกับการเดินทาง แต่ไม่รู้ทำไมชีวิตถึงเริ่มวุ่นวายเมื่อมาถึงปักกิ่ง สถานที่สุดท้ายที่จะมาก่อนเธอกลับไทย

คนหนึ่งคนเติบโตมาในครอบครัวใหญ่ถูกเลี้ยงมาเป็นคนงานในบ้าน ทั้งที่เจ้าตัวรู้ว่าใครเป็นพ่อ แต่เพราะครอบครัวจะทำร้ายคนอื่น เธอจึงไม่อยากให้พ่อหย่อนขาไปในนรก

คนหนึ่งคนมีแต่ความแค้น ปลูกฝังในหัวไม่สิ้นสุด รู้แค่ว่าเกลียด และต้องทำลาย

คนห้าคนในวังวนใกล้กัน ผจญอันตราย และเรื่องราวสุดจะคาดเดา กลับมีความหวานก่อเกิดขึ้นทีละนิดในใจของแต่ละคน...มารู้ตัวอีกที ความรัก ก็เกิดขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
Tags: Sweet รสหวาน ภีม พรพิรุณ ปุณณ์ แพรระพี

ตอน: กลับบ้าน

ภีมเหลือบตามองน้องชายเพื่อนที่สุดท้ายก็ปล่อยให้เดินทางมาหาอันตรายคนเดียวไม่ได้ อย่างน้อยๆ การที่เขามาช่วยด้วยอีกแรงมันอาจจะปลอดภัยกว่า

จากคนที่เคยขี้เล่น ปากเสีย กวนคนไปเรื่อยในอดีต มาวันนี้ปุณณ์ต่างจากวันวานราวกับคนละคน ภีมก็เพิ่งรู้ว่าความรักมันทำให้คนเราเปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้ คนที่ไม่เคยห่วงชีวิตตนเอง ใช้ชีวิตเน้นตามใจ อยากทำอะไรก็ทำ ไม่ชอบข้องแวะกับธุรกิจของครอบครัว ยามนี้เจ้าตัวจะรู้ไหมว่าหลายๆ อย่างได้เปลี่ยนแปลง

เสียงลมหายใจเข้ายาวลึก และความเครียดลอยวนภายในห้องโดยสารเล็กบอกชัดว่าคนต้นคิดกำลังวิตกขนาดไหน ปุณณ์กวาดตามองทางข้างหน้า ขณะที่แสงไฟสีส้มนวลตามทางผ่านตาไปเรื่อยๆ

“จริงๆ พี่ภีมไม่น่ามากับผม”

“ทำไมล่ะ”

“มันไม่ปลอดภัยครับ” เสียงนุ่ม แต่เคร่งเครียด ความรู้สึกเขาอยากให้เวลาเดินทางมันลดหดเหลือแค่หนึ่งนาที หรือเป็นไปได้วินาทีถัดไปถึงเลยก็ได้

มือใหญ่กำเข้าหาตัวแน่น ทุกวินาทีที่เดินทางเต็มไปด้วยอันตรายเสมอ และหากโดนเล่นงานระหว่างเดินทาง คนทั้งคันย่อมไม่ปลอดภัย

ปัง ปัง ปัง!!

เสียงดังลั่นหลายนัดเล่นงานบริเวณล้อรถ และตัวเครื่อง คนขับควบคุมการเคลื่อนที่ของรถอย่างยากเย็น เขมรัฐสั่งเสียงกร้าว ในยามที่มัจจุราชกำลังมาเยือนในชีวิต คนที่เผชิญความตายมาทุกรูปแบบปราศจากความกลัว

“ทิ้งรถเดี๋ยวนี้”

ประตูรถสี่ด้านเปิดออกพร้อมกัน ปุณณ์ไม่ได้รับรู้ว่าใครจะเป็นอย่างไรอีก นอกจากอาการเจ็บแสบตามผิวหนัง แขน ขาจากการเสียดสีผิวหนังกับพื้นถนน ถึงพยายามเก็บลำตัว และปล่อยให้ร่างกายกลิ้งไปตามถนน เวลาดึกขนาดนี้รถบนท้องถนนไกลเมืองไม่ต่างจากถนนร้าง

เสียงโครมดังสนั่นจากรถที่ตนโดยสารพุ่งชนก่อนระเบิดตูมใหญ่ เป็นแสงสว่างจ้าจนชายหนุ่มต้องหลับตาลง กัดฟันทนต่ออาการเจ็บกายเตรียมลุกขึ้นยืน วัตถุเย็นเฉียบก็จ่อตรงหน้าผาก ปลายกระบอกปืนตั้งลำมั่นคง ปุณณ์เงยหน้ามองคนร้ายด้วยรอยยิ้มหยัน

เป็นไปตามคาด...แพรระพี

ปัง!


“ปูน!” พรพิรุณตื่นขึ้นมา หอบหายใจแรง เหงื่อผุดพรายเต็มหน้าผาก ภาพฝันร้ายยังคงวนเวียนหลอกหลอนตามไปถึงในฝัน

มันน่ากลัว และหนาวไปถึงกระดูก

ใบหน้าขาวซีดเผือดเปรอะเปื้อนน้ำตามากมาย ความกลัวทำให้ขาสองข้างของพรพิรุณออกวิ่งจากห้อง โดยไม่สนใจว่าปาริตาที่ต้องตื่นเพราะเสียงตะโกนของเธอนั้นจะพยายามรั้งไว้แค่ไหน

กระชากประตูห้องออก ผู้ชายสามชีวิตที่เฝ้าอยู่หันมามอง และกางแขนกั้นไว้ พูดเสียงเรียบ “ออกไปไม่ได้ครับ”

“ฉันจะไปหาปูน เลิกขวางฉันได้ไหม”

สัญชาตญาณในด้านลบทำงานจนพรพิรุณทนอยู่เฉยไม่ได้ ภาพความฝันที่ทั้งชีวิตนี้หลอกหลอนทุกวัน คือภาพลมหายใจสุดท้ายของพ่อและแม่ อ้อมกอดจากลาของแม่เพื่อปกป้องเธอ ปุณณ์กำลังเพิ่มภาพฝันร้ายอีกภาพในชีวิต หากมันเกิดอีกครั้งพรพิรุณไม่มั่นใจว่าเธอจะสามารถใช้ชีวิตได้อย่างเดิม

ชีวิตที่คล้ายกับคนไม่มีหัวใจ ไม่รับรู้สุขทุกข์ของใคร รู้แค่ว่ามีชีวิตเพื่อวิญญาณของพ่อแม่บนสวรรค์ หรือในภพภูมิใดได้เห็น แต่ถ้าปุณณ์จะจากไป...

ร่างของพรพิรุณทรุดนั่งกับพื้น เมื่อไร้สิ้นหนทาง หรือแรงใจจะวิ่งไปหาปุณณ์ได้ เสียงร่ำไห้ดังทะลุใจของสามชีวิตที่ได้แต่ยืนหยัดทำหน้าที่ของตน เพื่อปกป้องคนสำคัญของเจ้านาย

ปาริตาเดินมาโอบพรพิรุณด้วยหัวใจอันหนักหน่วงไม่ต่างกัน ถึงจะบอกว่าหลับไป แต่เธอก็หลับได้ไม่เต็มที่ ความปลอดภัยของผู้ชายที่เพิ่งรู้ว่าเป็นญาติกัน ถึงไม่ได้ใช้ชีวิตหรือรู้จักกันมาก่อน แต่ความใจดี และเปิดใจให้เธอราวกับเป็นพี่ชายคนหนึ่งทำให้ปาริตารักปุณณ์เป็นพี่ชายได้จริงๆ และเขา ผู้ชายที่ปาริตารู้สึกเป็นห่วง ไม่ว่าจะในอดีต หรือปัจจุบัน เธอก็ยังห่วงภีม

“ทำไมถึงปล่อยให้เขาไป” พรพิรุณทวนคำเดิมซ้ำไปมา ภาพฝันร้ายที่ทำให้ตื่น ยังปรากฏชัดในใจ สลัดมันไปเท่าไหร่ก็ไม่ยอมหาย หัวใจรู้สึกว่ามันพร้อมจะขาดรอน แค่หายใจยังรู้สึกเหนื่อย

พรพิรุณเพิ่งรู้ว่าปุณณ์ทำให้เธอรู้สึกขาดเขาไม่ได้ ให้เขาไร้ชีวิตบนโลกใบนี้ไม่ได้ ยิ่งหากเขามาจากไปด้วยเธอเป็นเหตุผลหลัก...มันทนไม่ได้จริงๆ

ลิฟต์ดังขึ้นสุดทางเดิน ชะงักความรู้สึกของพรพิรุณ ภาพผู้ชายหลายชีวิตเดินเข้ามา เนื้อตัวมอมแมม บางคนมีเลือดออกตามแขนขา เสื้อผ้าขาดวิ่น หรือจะลอยเลือดกระเซ็นเต็มเสื้อของปุณณ์ที่กำลังเดินนำออกมา ในมือกำสมุดเล่มหนาสีน้ำตาลของพรพิรุณไว้แน่น

ร่างบางลุกขึ้นยืน วิ่งตรงเข้าสู่อ้อมกอดของคนที่เธอกลัวเขาจะไร้ตัวตน และลมหายใจ จากเธอไปจากโลกนี้เหมือนที่ครั้งหนึ่งพ่อกับแม่จากไป เสียงสะอื้นดังลั่นโถงกรีดหัวใจคนที่โอบกอดร่างของพรพิรุณไว้แน่น

“อย่าทำแบบนี้อีกรู้ไหม ฉันทนไม่ไหวนะปูน เหมือนใจฉันมันจะตาย”

ปุณณ์ยกมือขึ้นลูบหลังของพรพิรุณด้วยความซึ้งใจ อาการเจ็บแสบตามตัว หรือจะความเหน็ดเหนื่อยกายหายไปโดยปริยาย แค่ความห่วงใยของพรพิรุณ มันทำให้ปุณณ์รู้สึกว่าหัวใจของพรพิรุณกำลังเต้นเป็นจังหวะเดียวกับเขา

“ผมกลับมาแล้ว”

“ฮื่อ” รับคำขณะที่ยอมออกจากอ้อมกอดคนตัวโต รับรู้สายตาของคนหลายคนมองมายิ้มๆ “ปลอดภัยใช่ไหม”

ปุณณ์ไม่ตอบ แต่กระชับมือของพรพิรุณไว้มั่น จับจูงไปยังห้องของตัวเอง เห็นสีหน้าลังเลของหญิงสาวที่กำลังชั่งใจว่าจะเข้าไปในห้องของเขาดีไหม ปุณณ์กลับหัวเราะเบาๆ ส่งสายตาจริงใจจนคนมองทนมองต่อไปไม่ไหว หลบตาเสียเอง

“ผมไม่มีวันทำอะไรอุ่นหรอก”

ร่างเพรียวถึงยอมเดินเข้าไป หลังประตูห้องปิดลง บุคคลหลายคนที่เหนื่อยล้ามานาน และเจ็บกายพากันนั่งหมดสภาพ ทิ้งตัวลงนอนเหยียดยาวกลางทางเดิน ภีมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น สายตาจับจ้องปาริตา ขณะที่หัวใจตัวเองก็รู้สึกมีความสุขกับการมีชีวิตรอดกลับมาจากนาทีระทึกนั้น

“คุณหมอครับ คนไข้เยอะแบบนี้ คืนนี้คงเหนื่อยหน่อยนะครับ” คนถูกเย้ามองค้อนคนพูด รีบหันกลับเข้าไปในห้อง หยิบกล่องยาที่พรพิรุณมีติดห้องไว้ออกมา สภาพร่างกายของแต่ละคนเจ็บคนละนิดละหน่อย แต่แผลไม่ได้ร้ายแรงอะไร

ภีมเป็นคนสุดท้ายที่ปาริตาทำแผลให้หลังสุด มองเขาด้วยความหมั่นไส้ นอกจากรอยถลอก กับฟกช้ำนิดหน่อย ภีมก็ไม่ได้เป็นอะไรมากนัก แต่สายตานิ่งๆ แฝงบางอย่างมาทำให้ปาริตาเลือกมองแผลมากกว่าดวงตาคนมอง

“มันจบแล้ว”

“คะ?”

“คุณเขมรัฐจับตัวคุณอี๊ดได้แล้ว ตอนนี้คงจะอยู่โรงพยาบาล”

ปาริตาเงยหน้าขึ้นทันที ดวงหน้าซีดเผือด มือเย็นเฉียบ กล่าวกะท่อนกะแท่นไม่เป็นภาษา แต่สิ่งหนึ่งที่ภีมจับได้ชัดคือ

“ทำไมถึงเป็นแบบนี้”

หลังจากนั้นปาริตาไม่พูดสิ่งใดออกมาอีก นอกจากเก็บของเข้าห้องตัวเอง ดวงตามีความเศร้าฉายชัด มีหลายอย่างที่ภีมอยากจะถาม อยากจะรู้ แต่กำแพงบางๆ ที่เรียกว่าความลับมันกางกั้นจนเขาข้ามไปไม่ได้ และความคิดแง่ร้ายก็เล่นงานภีม เขาเริ่มคิดว่าบางทีปาริตาอาจผิดหวังที่ทุกอย่างผิดแผนไปจากที่เจ้าตัวคิด


ปุณณ์เล่าเรื่องนับจากเกิดเรื่องว่ารถคันที่เขานั่งไปถูกยิงล้อทั้งสี่ล้อพร้อมกันจนต้องทิ้งรถ สภาพตอนกระโดดออกมาจากรถทุกคนถึงมีสภาพอย่างที่เห็น ถลอกปอกเปิกกันไป ส่วนรถพุ่งชนเสาไฟก่อนระเบิด ในช่วงนาทีที่ตนกำลังจะลุกขึ้นยืน ปลายกระบอกปืนของแพรระพีก็มาจ่อเล็งที่ศีรษะเขา

เล่ามาถึงตรงนี้พรพิรุณเผลอกำมือตัวเองด้วยความเครียด ดวงตามีน้ำตาคลอหน่วยอยู่ตลอดเวลา ในใจรู้สึกผิดที่ตัวเองเป็นสาเหตุทำให้เขาต้องเกือบตาย ปุณณ์เอื้อมมือมากุมหญิงสาวอย่างอ่อนโยน ปลอบโยน และลบเรื่องร้ายในใจจากการฝันร้ายไปด้วยความใจเย็น

“คุณเขมยิงมือของคุณอี๊ด ก่อนจะจัดการควบคุมตัวคุณอี๊ดไว้ได้ ส่วนลูกน้องคุณอี๊ดคนอื่นๆ ทางเราจัดการรวบตัวไว้ได้ทั้งหมด พรุ่งนี้เช้าเราจะส่งตัวคนพวกนี้ไปดำเนินคดีที่เมืองไทย”

“แล้วเลือดนั่น”

“ของคุณอี๊ดครับ คงกระเด็นมาใส่ตอนถูกยิง” จบคำพูดริมฝีปากของปุณณ์ถูกแทนที่ด้วยความนุ่มละมุนจากกลีบปากสีซีด เย็นชืด แต่มันทำให้คนถูกกระทำยิ้มออกกับความไร้เดียงสา แค่แตะเบาๆ ทิ้งรอยให้อยากแล้วจากไป

แก้มแดงปลั่งของพรพิรุณ กับอาการทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้หลังทำให้ใจของปุณณ์เต้นระบำในอกได้หลังผ่านเหตุระทึก ทำให้ปุณณ์อดใจไม่ไหว มือหนาคว้าเอวของคนร่างเพรียวมานั่งลงบนตักเขา ที่กำลังนั่งสบายบนที่นอน พรพิรุณอุทานเบาๆ สองมือยันกับอกปุณณ์เว้นระยะห่างให้ตัวเองหายใจหายคอได้

“ไม่เอาเดี๋ยวเปื้อนเลือด ตอนนี้ฉันเริ่มง่วงแล้วด้วย”

“แต่ผมเพิ่งตื่น” คำตอบพานให้คิดไกล ทำให้คนฟังหน้าแดงก่ำ พรพิรุณเบือนหน้าหนี แต่ปุณณ์กลับไม่ยอม กระชับเอวบางแน่นขึ้น วางคอเกยบนไหล่ ให้ไรหนวดสัมผัสแก้มนุ่มอย่างคนขี้แกล้ง “อยากตื่นมาเจออุ่นทุกวันเลย”

ประโยคนุ่มข้างหูกระตุ้นให้หัวใจของพรพิรุณเต้นรุนแรงขึ้น ความอบอุ่น หรืออ้อมกอดไม่ว่าจากใครหลังจากพ่อแม่เสียไป พรพิรุณก็รู้สึกเธอเข้มแข็ง และแกร่งพอด้วยตัวเองคนเดียว แต่นับตั้งแต่ได้มารู้จักปุณณ์ เขามักทำให้รู้สึกว่าเธออ่อนแอ ไม่ได้แกร่งเลย ต้องคอยมีเขามาช่วยเหลือ ปกป้อง...จนชีวิตของเธอกำลังขาดเขาไปไม่ได้

พรพิรุณเม้มปากไม่ยอมตอบคำหวานรับนั้น นอกจากนั้นยังทำมึนใส่ สำหรับเขาเธอมั่นใจว่าผ่านเข้ามาในใจเธอเรียบร้อย แต่ถ้าหากเธอยังทำให้ชีวิตของเขาต้องพบเจออันตราย หรือวันใดที่เขาต้องเสี่ยงตายแบบนี้อีก ใจของเธอเองก็รับไม่ไหว ไม่กล้าเสี่ยงพอ

“แย่จัง สงสัยต้องสู้ไปเรื่อยๆ”

“ไว้จะหาหนุ่มๆ มาแข่งด้วยนะ” พรพิรุณตอบดวงตาเริ่มฉายแววเจ้าเล่ห์บ้าง ปุณณ์หน้าหงิก ไม่คิดเก็บอาการ หญิงสาวมองรู้สึกอารมณ์ดี พลอยหัวเราะออกมาด้วย

ปุณณ์กอดร่างนุ่มแน่นขึ้น รู้สึกหวงขึ้นมา แต่หากสักวันในอนาคตหัวใจของพรพิรุณอยากจะโบยบินออกไปให้ไกลจากเขา ปุณณ์ก็ไม่มั่นใจนักว่าวันนั้นเขาจะทำตามหัวใจตัวเอง คือกักขังพรพิรุณไว้กับตัว หรือจะปล่อยพรพิรุณได้พบความสุข บางทีท้ายที่สุดเขาอาจเลือกอย่างหลัง เขาห่วงความสุขของพรพิรุณมากกว่าความสุขของตัวเอง

“อะไรที่อุ่นทำแล้วมีความสุข ทำไปเลย ไม่ต้องห่วงผมหรอก แค่อุ่นมีความสุข ผมก็มีความสุข”

พรพิรุณเบี่ยงตัว เพื่อที่จะมองหน้าคนพูดได้ชัดเจน รอยยิ้มอ่อนโยน และความมุ่งมั่นที่จะยินดีกับความสุขของเธอ มันทำให้พรพิรุณรู้สึกกลัว กลัวเขาจะเอาตัวเข้าแลกเพื่อความสุขของเธออย่างที่ทำมา

“แล้วถ้าความสุขของฉันคือการไม่มีปูนล่ะ”

ปุณณ์ยิ้มเศร้าลง แต่ดวงตาแน่วแน่เหนือสิ่งอื่นใด และคำตอบมันทำให้ใจคนฟังคล้ายจะขาดรอน เธอกลัวหากว่าปุณณ์จะทำแบบนั้นจริงๆ

“ผมจะถอย และหายไปจากชีวิตอุ่น”

พรพิรุณทนฟังไม่ได้ ถึงใช้วิธีปิดปากเขาด้วยปากของเธอ แต่ครั้งนี้คนโดนกระทำไม่ยอมให้ทำอยู่ฝ่ายเดียวอีก ความรู้สึกลึกล้ำ กล้ำกรายใจของพรพิรุณ เหมือนผีเสื้อกำลังบินพึ่บพั่บอยู่ที่หัวใจ ทุกสัมผัสอ่อนโยนของปุณณ์ทำให้พรพิรุณหลับตาลง

ร่างบางถูกประคองลงบนที่นอน โดยที่ทั้งสองทำไปตามความรู้สึก ประตูห้องก็เปิดออกเสียงดัง ปุณณ์ยอมละจากรสจุมพิตอันหวานจนเขาต้องการได้ไม่มีหยุดอย่างเสียดาย จูบลงไปบนกลีบปากบางอีกครั้ง หลังจากพรพิรุณลืมตาขึ้นมามองหน้าขึ้นสี ยกมือปิดหน้าตัวเอง ไม่อยากรับรู้ว่าใครเป็นคนมาขัดจังหวะ และนึกโทษตัวเองที่ลืมย้ำเตือนให้ตัวเองเข้มแข็งกว่านี้

ภีมหัวเราะหึ กอดอกพิงกำแพง เลิกคิ้วมองคนสองคนที่ทำหน้าไม่ถูกกับการมาของเขา เอ่ยเสียงลอยๆ “คุ้นๆ ไหม”

ปุณณ์รู้ดีว่าคำว่าคุ้นๆ ไหมของอีกฝ่ายหมายถึงอะไร คงตอนที่เขาลืมเอาถุงยาออกมาจากห้องวันแรกที่นอนโรงแรม ภาพที่พรพิรุณอยู่ในอ้อมกอดของภีมหลอกหลอนเขาอย่างบอกไม่ถูก เมื่อมานึกถึงตอนนี้ รู้สึกหวงคนที่เขาเพิ่งชิมความหวานไป

“ฉันไม่คุ้นอะไรทั้งนั้น” คนที่เพิ่งผ่านเรื่องน่าอายมาลุกขึ้นนั่ง จัดผม จัดชุดนอนให้เรียบร้อย มองค้อนคนที่บังอาจขัดคำพูดตัวเอง ดวงตาเอาเรื่อง

ปุณณ์ยิ้มขอโทษ ลุกขึ้นยืน ยื่นมือไปรั้งแขนเรียวขึ้นมาข้างตัว เดินไปส่งพรพิรุณให้ถึงห้องพัก พร้อมสมุดบันทึกที่ทำให้ใครหลายคนเหนื่อยมาตลอดคืน พรพิรุณขบริมฝีปากที่บวมเจ่อของตัวเองไว้ ถลึงตาใส่ภีมที่ยังส่งสายตายิ้มล้อเลียนมาให้ไม่เลิกจึงตัดบทสนทนาทั้งหมดด้วยการปิดประตูห้องใส่

คล้อยหลังร่างพรพิรุณ ภีมถึงกับหัวเราะลั่น แค่นึกภาพคนสองคนเข้าด้ายเข้าเข็ม แล้วโดนขัด มันน่าขันน้อยเสียที่ไหน

“อย่าให้ถึงคราวพี่ภีมบ้างก็แล้วกัน ผมจะขัดตลอดคืนแน่” ปุณณ์เข่นเขี้ยวนัก แต่ใจหนึ่งก็ยินดีที่มีใครมารั้งอารมณ์เขาไว้ก่อนเตลิดไปไกล เขาอยากให้เกียรติพรพิรุณให้มากๆ ให้พรพิรุณได้แน่ใจความรู้สึกของตัวเอง ก่อนที่จะมาเสียใจหากเกิดอะไรเกินเลยขึ้นมา สุดท้ายหญิงสาวมาเสียใจเพราะไม่ได้รักเขา

“สารภาพความในใจกันแล้วสิ ถึงลงเอยแบบนั้น”

ปุณณ์ไม่ตอบ แต่เข้าห้องน้ำ มองหน้าตัวเองในกระจกนิ่ง หากวันใดที่พรพิรุณรู้แน่ชัดว่าตัวเองไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไรกับเขา

ใจของเขาจะทนเห็นเธอจากไปได้มากแค่ไหน...แต่คงไม่คิดว่าพรพิรุณจะกำลังจากไปทันด่วนเกินไป


ร่างเล็ก กับส่วนสูงร้อยหกสิบนิดๆ ยืนขยับขาไปมาด้วยความกังวล จู่ๆ ตอนเกือบรุ่งสางเธอก็ได้รับโทรศัพท์สายด่วนโทรเข้ามา พร้อมคำสั่งที่ว่าให้มารับด้วย แต่เธอต้องมาคนเดียว

อิศยาไม่รู้ว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น รู้แค่ว่าทันทีที่เวลาการรอคอยสิ้นสุด ผู้หญิงผมยาวดำขลับ กรอบหน้ารูปไข่ ที่มีวันเกิดห่างจากเธอไม่กี่วันกำลังเข็นรถสัมภาระมาด้วยใบหน้าเคร่งเครียด

พรพิรุณกวาดตามองว่าอิศยามารับเธอคนเดียวแน่หรือเปล่า สั่งกำชับเสียงเบา แต่ดังชัดเจน “ห้ามบอกเรื่องนี้กับใครเด็ดขาด”

“ทำไม นี่ปูน พี่ภีมไม่รู้เรื่องการมาของอุ่นเลยเหรอ”

อิศยาเองก็สงสัย เพราะจริงๆ วันนี้ร้านคุณตาในดีเอสต้องเปิดตัว แต่เจ้าตัวกลับบินมาไทย มันต้องมีเรื่องด่วนที่ทำให้พรพิรุณตัดสินใจทันด่วนแบบนี้ และมันคงไม่ใช่เรื่องน่ายินดี

พรพิรุณหลบตา ภาพความหวานเมื่อคืนยังตราตรึง แต่เธอเองก็ไม่คิดว่ามันจะเป็นจูบลา ถ้าไม่ใช่เพราะ...

“อย่าบอกใครเด็ดขาด อีกอย่างฉันมีเรื่องอยากขอร้องเธอ”

“อะไร”

“จัดโต๊ะแถลงเปิดตัวว่าฉันคือวรรษให้เสร็จภายในวันนี้”

“ทำไมล่ะ...เธอไม่เคยต้องการเปิดตัว” ถามออกไปด้วยความสงสัย

“ถ้าไม่อยากให้ดีเอสรับเคราะห์เพราะฉัน เธอต้องทำ”

อิศยาเพิ่งสังเกตว่าขอบตาของพรพิรุณแดงก่ำ แม้ยามนี้จะไม่มีน้ำตาหยดลงมาประจานความอ่อนแอ แต่กว่าที่เจ้าตัวจะมายืนตรงนี้ คงเสียน้ำตาไปไม่น้อย ญาติผู้น้องมองความทุกข์ที่แผ่ออกมาจากพรพิรุณ ความรู้สึกสงสาร และอยากช่วยแล่นพล่าน แต่สิ่งแรกที่ทำได้คืออ้อมกอดที่ครั้งหนึ่งเธอเคยทำยามมาส่งเพื่อนเดินออกไปสู่โลกกว้าง โลกที่พรพิรุณมีความสุขมาตลอด วันนี้ความเหนื่อยล้าเริ่มมาเยือน และหนักหนาเอาการ

“อุ่นยังมีฉันนะ เราจะผ่านมันไปด้วยกัน ฉันเชื่อในการตัดสินใจของเธอเสมอ แต่ฉันอยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น มีอะไรที่ฉันควรรู้ไหม”

“ฉันอยากกลับบ้านจังย่า” แทนที่จะตอบคำถาม กลับพูดเสียงแผ่ว แรงกายแรงใจที่เคยสั่งสมมานานปี หมดแรงจะเดินทางไกลอีกแล้ว “ฉันคิดถึงบ้าน”

..............................................................................
คุณ ใบบัวน่ารัก ปูนเขามีของดีคุ้มครอง รอดตายมาหลายรอบจริงๆ ค่ะ
คุณ ameerah ให้หวานก่อนโศกค่ะ ทำไมอุ่นพาดราม่าตลอด
คุณ ร้อยวจี เรื่องเริ่มดี แล้วตอนท้ายก็พางงอีกแล้ว ตอนหน้าจะมาเฉลยค่ะ
คุณ OhLaLa ปูนถ้ามีผ้าแดงผูกคออาจเหาะได้เป็นซุปเปอร์แมน ฮา แต่คงบินตามกลับมาไทยไม่ทันแน่ๆ
คุณ alittledog ปูนแมนตลอดเรื่องค่ะ พระเอกแบบนี้ไม่มีอยู่จริงในโลกแน่ๆ แต่แบบภีมน่าจะพอมีอยู่ ฮา
ขอบคุณทุกๆ คนค่า เรื่องนี้ไม่ได้ยาวเหมือนหนูย่าแน่นอน อีกพักหนึ่งคงจบค่ะ





ปวรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 26 ต.ค. 2556, 01:09:36 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 ก.พ. 2558, 22:15:27 น.

จำนวนการเข้าชม : 1412





<< การตัดสินใจ   เปิดตัววรรษ >>
Liez 26 ต.ค. 2556, 01:27:46 น.
เอาใจช่วยอุ่น ,,


Liez 26 ต.ค. 2556, 01:27:47 น.
เอาใจช่วยอุ่น ,,


wind 26 ต.ค. 2556, 01:34:26 น.


ใบบัวน่ารัก 26 ต.ค. 2556, 06:10:22 น.
กลับมาเงียบๆๆไม่ดีนะอุ่น
จะมีมือมี่สามอีกไหมน้า
แต่งงานกันซะมี โนน มีคนแอบบมองอยู่หลังเสาว่า
แต่งงานกันเถอะตาปริบๆๆ


ameerah 26 ต.ค. 2556, 08:45:55 น.
กรี๊ดดด จากหวานๆอยู่ ทำไมกลายเป็นแบบนี้ได้หล่ะเนี่ย มีเรื่องอะไรอีกอ่ะ สงสารปูนจัง เมื่อไหร่ปูนจะมีความสุขซะทีนะ


ร้อยวจี 26 ต.ค. 2556, 09:45:59 น.
จัดแถลงเปิดตัวเสร็จ ก็ต่อด้วยงานแต่งสองคู่ชู้ชื่นเลยค่ะ ส่วนคู่ของภีมไว้เรื่องต่อไปเลย จบฉากตื่นเต้นแล้วขอฉากวันแห่งความสุขนะคะ รอค่ะ
ปล. ปูนจะทนได้ไหมน้า ที่อุ่นกลับมาก่อนแต่หวังว่าจะไม่มีภัยใดๆ มาอีกนะคะ


OhLaLa 26 ต.ค. 2556, 13:10:10 น.
อะไรทำให้อุ่นกลับไทยด่วนจี๋


alittledog 26 ต.ค. 2556, 22:57:31 น.
นั้นสิค่ะ คนอย่างนายปูนท่าจะหาได้ยากมากๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account