Sweet Taste รสหวาน...บันดาลรัก
คนหนึ่งคนออกตามหาผู้หญิงที่มีแต่ความลับเพื่อที่ราคาแพง

คนหนึ่งคนถูกเรียกมาให้ปกป้อง ไม่ให้แผนการขายที่สำเร็จ

คนหนึ่งคนยังสนุกกับการเดินทาง แต่ไม่รู้ทำไมชีวิตถึงเริ่มวุ่นวายเมื่อมาถึงปักกิ่ง สถานที่สุดท้ายที่จะมาก่อนเธอกลับไทย

คนหนึ่งคนเติบโตมาในครอบครัวใหญ่ถูกเลี้ยงมาเป็นคนงานในบ้าน ทั้งที่เจ้าตัวรู้ว่าใครเป็นพ่อ แต่เพราะครอบครัวจะทำร้ายคนอื่น เธอจึงไม่อยากให้พ่อหย่อนขาไปในนรก

คนหนึ่งคนมีแต่ความแค้น ปลูกฝังในหัวไม่สิ้นสุด รู้แค่ว่าเกลียด และต้องทำลาย

คนห้าคนในวังวนใกล้กัน ผจญอันตราย และเรื่องราวสุดจะคาดเดา กลับมีความหวานก่อเกิดขึ้นทีละนิดในใจของแต่ละคน...มารู้ตัวอีกที ความรัก ก็เกิดขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
Tags: Sweet รสหวาน ภีม พรพิรุณ ปุณณ์ แพรระพี

ตอน: เปิดตัววรรษ

เธอไปแล้ว...

ปุณณ์รู้สึกมึนงงกับยามเช้าวันใหม่ ภาพผู้หญิงร่างเพรียวที่คอยวนเวียนไม่ห่างจากสายตาเขาอันตรธานไปพร้อมกระเป๋าสัมภาระของเธอ ไม่มีจดหมาย ไม่มีการอำลา นอกจากให้เขารับรู้ด้วยตัวเองว่าเธอจากไปอย่างสมัครใจ ไม่มีการจับตัว หรืออะไรใดๆ

“แน่ใจนะว่าเมื่อคืนไม่มีใครเข้ามาในห้องจริงๆ”

ภีมเป็นกระบอกเสียงแทนน้องชายเพื่อนที่ยามนี้สมองไม่สั่งการไปชั่วคราว ปาริตาเองตกใจไม่น้อย งานเปิดร้านผ่านไปโดยไร้เงาของพรพิรุณ ทั้งที่เธอคิดว่าพรพิรุณลงไปก่อนหน้า แต่เมื่อกลับขึ้นมาไม่พบถึงได้รีบบอกให้ปุณณ์ทราบ

และสภาพคนรู้เรื่องก็ออกแนวไม่อยากจะรับรู้ใดๆ

“ไม่มีค่ะ ไม่เชื่อก็เช็คกล้องวงจรปิดได้นะคะ”

“ไม่ต้องขนาดนั้นหรอก” ปุณณ์ขัดขึ้นมาเรียบๆ เริ่มเข้าใจอะไรบางอย่าง อะไรที่พรพิรุณว่าไว้เมื่อคืน หรือจะเป็นเรื่องนี้

‘แล้วถ้าความสุขของฉันคือการไม่มีปูนล่ะ’

เช้าวันนี้เธอได้เดินออกไปด้วยขาสองข้างตัวเอง พรพิรุณเลือกแล้วอย่างนั้นหรือ

“รีบไปคุยกับอุ่นให้รู้เรื่องสิปูน”

“ผมเคารพการตัดสินใจของอุ่น” ปุณณ์ถอยกลับไปตามทางเดิมที่ตัวเองขึ้นมา หัวใจมันเจ็บหนึบ ไม่ได้มีความสุขอย่างที่พร่ำให้พรพิรุณรับรู้สักนิด ทรมาน และอยากคว้าตัวคนหนีไปมากักขังไม่ให้ไปไหน แต่ถ้ามันเป็นความต้องการของพรพิรุณจริงๆ

เขาจะไปรั้งหัวใจดวงนั้นของเธอได้อย่างไร...

“ไอ้ปูน”

เสียงเรียกดังไม่เกรงใจใครเรียกสติของปุณณ์ที่กำลังคิดถึงแต่พรพิรุณขณะสองขาพาเดินมาถึงล็อบบี้ของโรงแรม เขม้นมองชัดๆ ว่าใครบังอาจเติมสรรพนามเป็นกันเองมาให้ข้างหน้าชื่อ

แต่คนสูงโย่ง คอยาว ใบหน้าตอบ ผิวสองสีกำลังยืนยิ้มโบกมือเหย็งๆ มาให้ ราวกับยืนอยู่คนละโลกความรู้สึกของปุณณ์ วายุศิษย์เอกของอิศยาที่ประจำร้านคุณตาคุณยาย ร้านที่อิศยาสร้างไว้เมื่อสามปีก่อน ถูกเรียกให้มาดูแลที่นี่เป็นการชั่วคราว เพื่อนสมาชิกหนึ่งในหกของปุณณ์ ที่นัดเจอกันสม่ำเสมอทุกครั้งที่ปุณณ์กลับประเทศไทย

“มาได้ยังไงไอ้ยุ”

“เรียกไอ้วาดีกว่าไหม ไอ้ยุมันดูทำชาวบ้านชาวช่องแตกแยก”

คนอารมณ์คล้ายอกหักพอหัวเราะออกมาได้บ้าง แต่ในใจยังรู้สึกโหยหาพรพิรุณ อยากรู้เหตุผลการจากไปครั้งนี้สักนิดก็ยังดี บอกให้ชัดๆ ว่าไม่ต้องการให้เขาวอแว ไม่ใช่หายไปดื้อๆ

“ย่าให้มาดูแลร้านให้ก่อน บอกว่าอุ่นติดเรื่องสำคัญต้องรีบกลับไป นี่ยังบอกย้ำให้ฉันเปิดอินเตอร์เน็ทดูข่าวสำคัญเนี่ย มาดูด้วยกันก่อน” วายุเดินนำไปนั่งตรงล็อบบี้ หยิบแท็บเล็ตมาตั้งเปิดไวไฟที่ขอรหัสจากพนักงานโรงแรมเรียบร้อย ปากยังบ่นไม่เลิก “กำชับนักหนา ขนาดมาถึงแล้วยังโทรมาจิกบอกว่าบ่ายสามต้องมาให้ทันนายดูข่าวนี่ แล้วจะรู้อะไรเอง ว่าแต่จะรู้อะไรวะ”

เพียงแค่เปิดหน้าเว็บข่าวทั่วไป หัวข้อข่าวใหญ่ประจำวันก็ทำให้ปุณณ์หัวใจหล่นวูบ

‘นักเขียนเงาระดับโลก เตรียมเผยหน้า วรรษ วันนี้บ่ายสามโมง’

ข่าวออนไลน์เริ่มฉายภาพเข้างานแถลงที่จัดขึ้นกลางสวีทเมจิก สถานที่ดัง ห้างขนมหวานของอิศยาที่เพิ่งเปิดตัวมาได้ไม่นาน ตรงข้ามกับนิตยสารสวีทเมจิกที่ตีตลาดโลกมาได้นานแล้ว ผู้หญิงหน้าเรียบ ปราศจากรอยยิ้มเดินออกมาพร้อมอิศยา

“วรรษ คือย่าเหรอ”

ปุณณ์ส่งสายตาดุไปมองคนมีตาแต่ไร้แวว ผู้หญิงในชุดเดรสยาวสีหวานดูแปลกตาไปจากทุกครั้ง ท่าทีดูสงบ และไร้ความลังเลใดๆ ขณะนั่งบนเก้าอี้ต่อหน้าสื่อทุกสำนักเท่าที่จะเดินทางมาทำข่าวได้ทัน เว็บข่าวออนไลน์ยามนี้มีผู้ชมจากทั่วโลกด้วยยอดวิวทะลุล้าน

“วันนี้ทางเราได้ทำตามเจตนารมณ์ของคุณวรรษ เป็นการตัดสินใจทันด่วนต้องขอประทานโทษพี่น้องชาวสื่อที่บางสำนักอาจมาไม่ทัน ก่อนอื่นขอให้วรรษได้แนะนำตัวเองก่อนนะคะ เชื่อว่าหลายคนในที่นี้กำลังอยากรู้ว่าเขาเป็นใคร” อิศยาเป็นคนนำในการสัมภาษณ์ครั้งนี้ด้วยตัวเอง

ส่งต่อมาให้พรพิรุณที่ยิ้มนิดๆ เป็นการขอบคุณ ปุณณ์สังเกตว่าดวงตาของพรพิรุณดูว่างเปล่า แต่เศร้า ถึงจะพยายามซ่อนไว้ จากตรงนี้เขาก็ยังสัมผัสได้


“สวัสดีค่ะ ฉันคือวรรษ” เกิดเสียงฮือฮาตามมา แม้จะพอรู้ว่าบุคคลที่นั่งเคียงข้างอิศยาจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก วรรษ “ชื่อจริงๆ ของฉันคือพรพิรุณ เป็นลูกพี่ลูกน้องกับคุณอิศยา คนที่ทำให้ฉันได้ทำตามความฝันยาวนานถึงสามปีครึ่ง ให้ฉันได้ท่องเที่ยว ได้ชิมอาหารรสอร่อยจากทั่วทุกมุมโลก จนนำกลับมาเขียนแนะนำให้ทุกคนได้อ่านกันค่ะ”

รอยยิ้ม และแววตามีความสุข ยามได้เล่าย้อนถึงเรื่องราวที่ผ่านมา กล้องแฟลชวูบวาบ และเทปบันทึกพานกันรอคอยให้บุคคลที่ยิ่งใหญ่ในวงการอาหารได้พูดต่อ

“ฉันได้พบคนมากมาย มีความสุขกับการได้ชิมอาหาร มันเหมือนเป็นความหวานในชีวิตฉัน ที่ฉันไม่ได้เจอะเจอบ่อยๆ เหมือนชื่อคอลัมน์ที่ฉันเขียน สวีทเทส ฉันมีความสุขจริงๆ นะคะ สนุกกับการมีใครหลายคนพยายามตามหาฉันแทบพลิกแผ่นดิน แม้จะคว้าน้ำเหลว หรือใช้เวลาหลายเดือน ก็ยังพยายามเพื่อตามหา ในที่สุดไม่นานมานี้มีคนจับฉันได้แบบคาหนังคาเขา...ฝีมือการหนีของฉันคงไม่ได้เรื่องจริงๆ”

เสียงหัวเราะเบาๆ กับท่าทีผ่อนคลายของพรพิรุณปรับให้บรรยากาศไม่หนักเกินไป พรพิรุณหันมองอิศยา รอยยิ้มเริ่มจืดลงทันตา

“ฉันมาเปิดตัวในวันนี้เพื่อขอบคุณทุกคนที่คอยสนับสนุนนิตยสารสวีทเมจิกมาสม่ำเสมอ วันนี้ฉันเพิ่งมีความคิดที่อยากจะกลับบ้านอย่างจริงจัง ฉันเขียนแนะนำอาหารมายาวนาน แต่น่าเสียดายที่บ้านของตัวเองฉันไม่เคยเขียนแนะนำเลยสักครั้ง ไม่ต้องตามหาฉัน ถ้าอาหารอร่อยจริง ฉันจะรู้ด้วยตัวฉันเองค่ะ แต่คงไม่ไปแบบเปิดตัวแบบนี้แน่นอน”

นักข่าวต่างปรบมือให้กับความคิดของคนที่เคยหลบอยู่ฉากหลังตลอดมา พรพิรุณหายใจด้วยความลำบาก เหลือบตาลงมองเวลาพบว่าเข็มยาวเดินมาถึงเลขหก เสียงข้อความโทรศัพท์นักข่าวดังกันถ้วนหน้า พรพิรุณมีสติพอจะฉุดรั้งให้ตัวเองเข้มแข็ง

“มีผู้ไม่หวังดีส่งภาพถ่ายมาให้พวกคุณนักข่าวใช่ไหมคะ”

หลายเสียงตอบรับ หลังจากเปิดภาพพบภาพถ่ายคู่ระหว่างพรพิรุณกับปุณณ์ หนึ่งในทายาทของธุรกิจดีเอส

“ที่ฉันมาเปิดตัววันนี้ เพื่อแถลงข่าวให้รู้กันถ้วนทั่วโดยไม่มีคลางแคลงใจ หรือถูกใครใช้นำมาข่มขู่อีกค่ะ” พรพิรุณนิ่งคิด ตัดสินใจเด็ดขาดเพื่อพูดต่อมา “ฉันว่าหลายคนอาจคิดว่าฉันเป็นนักเขียนอิสระ ที่สังกัดอยู่แค่สวีทเมจิก แต่จริงๆ ฉันเองก็เป็นหนึ่งในคนทำขนม ผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการของฉันคือทางดีเอสค่ะ”

“ฉันเป็นแค่เด็กธรรมดาที่โตมาในต่างจังหวัด อยู่ร้านทำขนมมาตั้งแต่เกิดกับอาแท้ๆ และคุณอิศยา เราสองคนต่างมีความฝัน อยากจะทำให้มันเป็นจริง ที่นี่คือความฝันของคุณอิศยา และของฉันคือการได้ออกเดินทางเหมือนกับอาของฉันในวัยหนุ่ม แต่ฉันจะเดินทางฟรีๆ คนเดินดินอย่างฉันคงทำไม่ได้ ถ้าขาดการสนับสนุนจากดีเอส ที่พัก หรือแม้แต่ค่าใช้จ่าย ฉันสำนึกในบุญคุณของทางดีเอส แต่กับเรื่องความลำเอียงที่ว่าฉันกำลังจะหวังรวยทางลัด หรือรวมเป็นหนึ่งกับดีเอสด้วยการเข้าหาคุณปุณณ์ไม่มีทางเกิดขึ้นจริงค่ะ”

อิศยาหันขวับไปมอง รอยยิ้มที่ยิ้มออกมาเก้อ มองพรพิรุณพูดเรื่องปฏิเสธความสัมพันธ์กับปุณณ์อย่างไม่เชื่อหู “เป็นความบังเอิญที่ฉันได้พบเขาที่นั่น และบังเอิญได้อยู่ร่วมเหตุการณ์ระเบิดที่โรงแรมดีเอสในปักกิ่ง คุณปุณณ์เป็นคนมาช่วยเหลือฉันไว้ จนตัวเองเจ็บหนัก แต่ทุกอย่างก็เป็นเพียงความช่วยเหลือบนพื้นฐานคุณธรรมของมนุษย์ ภาพพวกนั้นเป็นแค่การเลี้ยงขอบคุณจากฉัน จริงๆ ฉันเอากล้องไว้ถ่ายงาน ซึ่งจะออกในฉบับหน้านะคะ คุณปุณณ์เองก็ทราบว่าฉันคือวรรษ เป็นลูกมือกิตติมศักดิ์คนแรกที่ฉันเคยมีมาตลอดการทำงาน”

“อย่างนี้จะมีการพัฒนาความสัมพันธ์ในอนาคตหรือเปล่าครับ ผ่านนาทีความเป็นความตายมาด้วยกันแบบนั้น” นักข่าวสำนักหนึ่งออกตัวถาม

พรพิรุณมองกล้องตัวกลางที่อยู่ตรงหน้า เธอไม่รู้ว่าเขาจะได้ดูอยู่หรือไม่ แต่เธออยากจะส่งข้อความนี้ไปให้ถึงเขา “ตอนนี้ดีเอสเกิดเรื่องวุ่นๆ มากมาย ฉันไม่อยากให้เขามาเสียเวลาคิดปัญหาความลับฉันจะแตกอีก มาถึงวันนี้ฉันเองก็เพิ่งรู้ว่าความลับไม่มีในโลก ยิ่งเราปิดบังมากเท่าไหร่ มันอาจจะกลายเป็นจุดอ่อนของเราในสักวันกับคนไม่หวังดี บอกให้ทุกคนรู้กันวันนี้จะไปขุดคุ้ยประวัติฉันยังไงก็ตามสบายนะคะ ทุกคนอาจจะได้เจอแต่ขนม และของกิน ส่วนเรื่องอื่น ให้มันเป็นเรื่องของอนาคต ถ้าเป็นไปได้ พี่ๆ นักข่าวคะ ถ้าพี่ๆ นักข่าวรู้ว่าคนที่ส่งข่าวออกมาบอกให้พวกพี่ๆ รู้ ฝากบอกเขาด้วยนะคะ ว่าขอบคุณมากๆ วันนี้ฉันโล่งใจที่ไม่ต้องหลบซ่อนตัวตน และกลัวใครเอามาใช้หวังผลประโยชน์อีก ขอบคุณทุกคนที่มากันวันนี้นะคะ”

“เดี๋ยวครับ สรุปว่าคุณวรรษ ไม่สิ คุณพรพิรุณได้รับการสนับสนุนจากดีเอส แต่จะไม่ขายของให้ดีเอสเหรอครับ การออกมาตอบแบบนี้กลายเป็นการปัดปัญหาหรือเปล่า แล้วใครเป็นคนข่มขู่คุณครับ”

“เรื่องดีเอส ฉันว่าต่อให้ไม่มีฉัน คุณภาพของดีเอสเป็นอะไรที่ใครๆ รู้ดี ฉันไม่ต้องโฆษณา คนก็เข้ามากินมากมายอยู่แล้ว” อิศยาแอบชูนิ้วโป้งให้กับคำตอบนี้ “ส่วนเรื่องอื่น ฉันไม่ได้ใส่ใจค่ะ ขอบคุณอีกครั้งที่มาในวันนี้ค่ะ”


อิศยากล่าวปิดเล็กน้อย ก่อนจะพาญาติของตนเดินกลับเข้าไปในห้องด้านใน ภาพข่าวในจอแท็บเล็ทถูกนำเสนอด้วยรูปขนาดเล็กจากกล้องโพลาลอยต์ที่ถูกส่งต่อในหมู่นักข่าว ปุณณ์เอนหลังพิงกับพนักเก้าอี้ หลับตาหนีความวุ่นวายสักครู่ เริ่มเข้าใจเหตุผลการหนีของพรพิรุณ

ครั้งนี้เธอทำเพื่อเขา...ถึงกับยอมถอดหน้ากากออกมา

สุดท้ายเขาก็ปกป้องโลกอันสงบของคนที่เขารักไว้ไม่ได้

“เกิดเรื่องวุ่นวายขนาดนี้กับคุณวรรษ น่าอิจฉาชะมัด” วายุตาลุกวาว กระแสความอิจฉาถ่ายทอดออกมาชัดเจน ถึงพรพิรุณจะไม่ได้ตอบชัดเจน ออกจะบอกปัดเรื่องปุณณ์ออกไป แต่กรายๆ เรื่องที่ว่าด้วยอนาคต อย่างน้อยต้องเป็นเรื่องของไอ้เพื่อนตัวดีที่นั่งหน้าสลอนตรงนี้แน่

“เขาพูดไล่ฉันไม่เห็นหรือไง ไม่อยากเป็นส่วนหนึ่งของดีเอส ไม่อยากเป็นคนสำคัญของฉัน” พูดปลงตก

วายุเริ่มหมั่นไส้ ยื่นมือมาโบกใส่หัวคนดูแลโรงแรมดีเอสในปักกิ่งสุดแรงเกิด “ไอดอลฉันตอบกลางๆ ทั้งปกป้องแก แล้วก็ไม่ตัดความหวังแกนะไอ้ปูน คนทั้งโลกต้องอิจฉาแกอยู่แน่ๆ เขาบอกว่าเขาไม่ใช่พวกหวังรวยทางลัด เขาเป็นคนมีความสามารถ และการใกล้ชิดแกจะทำให้การทำงานของเขาเกิดความลำเอียงเข้าข้างดีเอสก็ไม่จริง แต่ไม่วายแอบโฆษณาดีเอสให้อีกแน่ะ ฉลาดจริงๆ ไอดอลของฉัน” ทั้งนักกิน หรือคนทำอาหารกว่าค่อนโลก ไม่มีใครไม่รู้จักวรรษ แต่พอวรรษเปิดตัว ก็ทำท่าว่าหัวใจจะไม่ว่างเสียแล้ว

แต่ดูท่าคนแถวนี้จะยังไม่รู้ตัว...น่าปล่อยให้โง่ต่อไปจริงๆ

“คุณพรพิรุณถูกเอาความลับมาข่มขู่หรือเปล่า จากใครฉันก็ไม่รู้หรอก แต่ว่ามันทำให้เขาเป็นห่วงแก ไม่อยากให้มันเป็นปัญหาเพิ่ม นี่ก็คงถูกข่มขู่มา ไอดอลฉันน่าสงสาร อย่าให้รู้นะว่าใครทำ นี่คงให้เห็นความสัมพันธ์ของแกกับเขา แล้วหวังผลเล่นงานดีเอสเรื่องความลำเอียง ปิดบังว่าสนับสนุนวรรษมาตลอด”

ปุณณ์มองคนที่เอาแต่พูดไอดอลของฉันแล้วคันเท้าอยากไล่เตะเพื่อนให้กลิ้งเป็นลูกฟุตบอล แต่ความเครียดหลายๆ อย่างก็ดูลดน้อยลงไปจากใจ พรพิรุณเลือกปกป้องเขา นั่นคือสิ่งที่เขาเองก็รับรู้และสัมผัสได้

เพียงแต่ สิ่งที่เขาไม่เข้าใจก็คือ...ทำไมพรพิรุณถึงรู้ว่าพวกนั้นจะเล่นงานเธอ

หรือว่า สมุดบันทึกนั่นมีอะไร


‘พรุ่งนี้ก่อนสามโมงครึ่ง ถ้าแกไม่หาทางช่วยฉัน อย่าหวังว่าความลับของแกจะอยู่รอดปลอดภัย ฉันจะแฉว่าแกคือใคร เป็นอะไรกับปุณณ์ ทีนี้ล่ะความน่าเชื่อถือของวรรษก็จะหมดไป ดีเอสเองก็คงรับผลกระทบหนัก ในฐานะผู้สนับสนุนวรรษอย่างเป็นทางการ ชีวิตของฉันพัง แก และดีเอสก็อย่าหวังว่าจะอยู่รอด’

ข้อความในหน้ากระดาษแผ่นล่าสุดที่เธอเขียน ถูกเขียนไว้ราวกับแพรระพีเผื่อว่าตัวเองจะถูกจับ แล้วใช้เธอเป็นเครื่องมือในด่านสุดท้าย คงคิดว่าเธอจะไม่ยอมเสียหน้ากากนั้นไป

แต่เจ้าหล่อนคิดผิด ความเครียดที่มีมาจนร้องไห้หนัก เธอกลัวแค่ว่า เธอจะตอบคำถามนักข่าวได้ไม่ดี และมันจะส่งผลเสียทั้งปุณณ์ และดีเอส หรือแม้แต่งานที่เธอรัก

“กระแสตอบรับของการถอดหน้ากากของอุ่น มันเยี่ยมมากเลย คนที่บีบให้เธอออกมาโดนกระแสทั้งบวกและลบไปแทน แต่กับเธอที่เป็นไอดอลของคนทั้งโลก ยามนี้พูดอะไรใครๆ ก็เชื่อ และรับฟังทั้งนั้น ดูนี่สิ เว็บนี้บอกรวบรวมการเดินทางของเธอผ่านพาสปอร์ต และการตามสืบจากกล้องวงจรปิด ให้ตายเถอะอุ่น เธอใส่ชุดนี้ไปทำงานจริงเหรอ”

ไม่กี่ชั่วโมง ข้อมูลมากมายจากทั่วโลกในเรื่องของเธอก็ถูกขุดคุ้ยอย่างละเอียด พรพิรุณมองชุดทอมบอยของตัวเอง กลายเป็นชุดที่มีคนกล่าวถึงในการปลอมตัวของเธอมากที่สุดไปด้วย สองสาวนอนคว่ำบนเตียงใหญ่ หน้าโน้ตบุ๊คส์ที่เปิดเลื่อนเช็คข่าวกันสนุกสนาน หลังจากเรื่องร้ายๆ ผ่านพ้นไป

“ฉันว่าน่ารักดีออก เชื่อไหมว่าคุณภีมดูออกว่าฉันเป็นผู้หญิงตั้งแต่แวบแรก แม้แต่ปูนเองก็จำได้ว่าฉันเป็นใคร ปลอมตัวแท้ๆ”

อิศยาหัวเราะเสียงดัง “หน้าไม่ได้โหด นอกจากชอบทำตาดุ ผิวก็ดี หลอกตาได้เฉพาะหนุ่มเนิร์ด เด็ก คนชราเท่านั้นล่ะ” นิ้วเรียวไล่คลิกต่อไป ตอนนี้เว็บเลิฟวรรษ ที่มีมานานถูกนำภาพพรพิรุณมาประดับแทนที่หน้ากาก หรือเงามืด ความสวย และการตอบฉะฉาน ถูกใจคนเพิ่มไปมาก รวมทั้งพวกผู้ชายที่ไม่ได้ชอบกิน พอเจอสาวเก่งก็พานมาสมัครเป็นสมาชิกเพิ่ม

“ส่วนเรื่องกระแสปูน กับดีเอส แฟนๆ ของเธอว่าไงรู้ไหม บอกยอมให้คบกันก็ได้ ถ้ามันจะทำให้เธอมีคนสนับสนุนตลอดไป อย่างน้อยๆ แค่แฟนๆ ของเธอได้นอนในโรงแรมดีเอสที่เธอเคยนอนแต่ละประเทศ พวกเขาก็ละเมอเพ้อพกเหมือนใกล้ชิดวรรษไปอีกก้าว”

“เป็นงั้นไป” พรพิรุณเริ่มเห็นกระแสแฟนๆ แล้วก็เริ่มชักกลัว สักวันเธอไม่ต้องหลบหลีกพวกนักธุรกิจที่จะมาให้เธอโฆษณาอะไรเพิ่มเติมหรอกนะ แค่นี้ดูเหมือนธุรกิจของดีเอสจะไปได้สวย

“โรงแรมดีเอสที่ปักกิ่งมีคนเข้าจองเต็มเรียบร้อย บอกว่าอยากไปดูนาทีระทึกของวรรษ แล้วก็ตามล่าพ่อหนุ่มในรูปภาพด้วย ไม่รู้ป่านนี้ปูนจะเป็นยังไง”

พรพิรุณไม่เคยคาดคิดว่าการเปิดเผยตัวตนของเธอจะช่วยให้เรื่องราวเลวร้ายที่ผ่านมามากมายคลี่คลายไปได้ทั้งหมด ภาพปุณณ์ที่คอยปกป้องเธอจากระเบิด การวิ่งหนีผู้ร้ายจนกระเป๋าหาย หรือท้ายที่สุดที่ปุณณ์ต้องกลับไปแย่งชิงสมุดเล่มนั้นของเธอคืนมา เพื่อที่เธอจะพบว่าแพรระพีไม่ยอมหยุด

แต่ผลของมันกลับออกมาในเชิงบวก เรื่องวุ่นๆ จบลงได้ด้วยอาชีพของเธอ คอลัมน์ที่เธอเขียนด้วยความรัก แต่ห่วงอิสรภาพของตัวเองยิ่งชีพ ตลอดสามปีครึ่ง มันได้บันดาลผลออกมาได้อย่างน่าเหลือเชื่อ ขนาดที่เธอไม่คิดฝัน

เพราะเธอศรัทธาในรสชาติอาหาร ศรัทธาในความรักของคนอ่าน และศรัทธาในความดีของปุณณ์ เรื่องทุกอย่างมันถึงพลิกไป ราวกับถูกบางอย่างบันดาลให้เกิดมาแต่ต้น

เธอคิดว่าเธอได้ชดใช้ทุกอย่างให้ปุณณ์แล้ว จากนี้คงถึงเวลาที่เธอจะทำตามความปรารถนาของตัวเองอีกสักครั้ง

“อุ่น นี่เธอจะใจแข็งไม่รับโทรศัพท์ของปูนจริงๆ ใช่ไหม ฉันขี้เกียจเป็นหนังหน้าไฟแล้วนะ” อิศยาบ่นอุบ รับโทรศัพท์มาหลายรอบเพื่อฟังว่าคนทางนั้นอยากสนทนากับพรพิรุณแค่ไหน “ปูนจะกลับมาถึงคืนนี้นะ ไม่ต้อนรับเขาหน่อยเหรอ แฟนกลับมาทั้งที”

“ฉันยังไม่มีแฟนสักหน่อย อีกอย่างฉันไม่มีอะไรติดค้างปูนอีก ได้เวลาที่ฉันไปตามทางของฉันแล้ว”

“การหนีหัวใจตัวเองมันทรมานนะอุ่น ฉันเองแค่ไม่เจอหน้าพี่ปั้นตอนที่มีปัญหาตอนโน้น เกือบจะบ้าตาย” อิศยาพยายามเตือนให้พรพิรุณได้คิด แต่นอกจากพรพิรุณไม่คิดตาม ยังดีดหน้าผากคนพูดด้วยอารมณ์หมั่นไส้

“ฉันไม่เหมือนเธอหรอกย่า คนอย่างฉันเข้มแข็งกว่าเธอเยอะ ตอนนี้ฉันกับเขาก็แค่เสมอกัน”

“เสมอ นี่เธอใช้อะไรมาวัด”

หัวใจ...พรพิรุณไม่ตอบ ได้แต่นึกเก็บไว้ “ถ้าฉันต้องเจอปูนก่อนไปนะ ทีนี้ฉันจะแถลงข่าวอำลาวงการแน่ย่า ห้ามช่วยปูนเด็ดขาด” คนรู้นิสัยญาติผู้น้องดีขู่อย่างเป็นต่อ พลิกกายนอนแผ่บนที่นอนสบาย หลับตาพริ้ม

ได้หลับตาลงอย่างผ่อนคลายเสียที...ไม่ต้องพบเจอเรื่องระทึกใจใดๆ อีก

ตรงข้ามอิศยา ที่อยากออกอาการวี้ดบึ้มใส่คำขู่อหังการนั้น ก็รู้อยู่ว่าเธอต้องห่วงชื่อของวรรษมากกว่าปุณณ์อยู่แล้ว...งานนี้เวรกรรมของใครของมันละกัน
...................................................

อ่านตอนต่อไปต่อได้เลยค่ะ วันนี้มาอัพสองตอน อ่านแต่ละตอนเป็นไงกระซิบบอกกันได้นะคะ ^^



ปวรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 27 ต.ค. 2556, 00:24:00 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 27 ต.ค. 2556, 00:24:00 น.

จำนวนการเข้าชม : 1572





<< กลับบ้าน   ความบาดหมาง >>
OhLaLa 28 ต.ค. 2556, 10:14:24 น.
กรี๊ดดด ต่างฝ่ายต่างให้ ต่างฝ่ายต่างปกป้องซึ่งกันและกัน มีความรักมันดีอย่างนี้เอง


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account