สะใภ้ตีทะเบียน (เทเรน่า)
'สหรัฐ นฤเบศบดินทร์’ นักธุรกิจหนุ่มผู้เป็นเจ้าของบริษัทตกแต่งภายในระดับประเทศ
ต้องเดือดเป็นไฟ เมื่อมารดาที่เคยตามใจลูกชายหัวแก้วหัวแหวนมาตลอดชีวิต
จู่ๆก็มาตั้งแง่รังเกียจคนรักของเขาราวกับเธอเป็นขยะโสโครก
แต่กลับเจ้ากี้เจ้าการ ยัดเยียดผู้หญิงหน้าตาจืดชืด ไร้รสชาติให้มาเป็นเมียเขา
แถมผู้หญิงคนนั้นยังเป็น ‘นังเด็กโรคจิต’ ที่คอยแอบมองเขาด้วยสายตาน่าขนลุกเมื่อหลายปีก่อน
ที่สำคัญมารดาของเขาจะรู้หรือเปล่าว่าตัวจริงของแม่สาวหน้าซื่อ ว่าที่ลูกสะใภ้คนดี
ไม่ใช่นางฟ้าชุดขาวอย่างที่คิด... หากแต่เป็นผู้หญิงใจแตก ที่ผ่านผู้ชายมาแล้วเป็นร้อย
ถึงจะน่าขยะแขยงแค่ไหน แต่เพื่อให้มารดาได้ตาสว่างเสียที
เขานี่แหละจะใช้ความหนุ่มแน่นของตัวเอง
พิสูจน์ความคาวและตีแผ่ความกร้านโลกของเธอออกมาให้ได้รับรู้กันไป
เหตุผลที่นางพยาบาลสาวผู้อ่อนหวานและเรียบร้อยอย่าง ‘น้ำลิน’
ยอมเข้ามาใกล้ชิดกับสหรัฐตามความต้องการของเพื่อนมารดา
นั่นเป็นเพราะชายหนุ่มคือ ‘ความรักครั้งแรก’ ที่เธอเฝ้าใฝ่ฝันมาตั้งแต่ยังเรียนชั้นมัธยม
แต่เมื่อได้รู้ตัวจริงว่าเทพบุตรในฝันกลับกลายเป็นซาตานนิสัยทราม
ที่ทั้งปากร้าย เอาแต่ใจ และคอยแต่จะหาเรื่องแดกดันเธออย่างหยาบคายเจ็บแสบอยู่เสมอ
แล้วคนที่ดูอ่อนแอแต่ภายนอกอย่างน้ำลินมีหรือจะยอมถูกเขารังแกอยู่ข้างเดียว
ยิ่งเคยรักมากเท่าไหร่ พอกลายเป็นความเกลียดมันก็ยิ่งมากขึ้นเป็นทบเท่าทวีคูณ
และหญิงสาวก็ตั้งใจเอาไว้แล้ว ว่าต่อไปนี้ถ้าเขาร้ายมา เธอจะร้ายกลับ... ถ้าด่ามา จะตบกลับ...
เธอจะขอยืนงัดข้อ ท้าชนกับผู้ชายจิตใจเสื่อมคนนั้นด้วยคำว่าศักดิ์ศรีและเกียรติยศ!
ต้องเดือดเป็นไฟ เมื่อมารดาที่เคยตามใจลูกชายหัวแก้วหัวแหวนมาตลอดชีวิต
จู่ๆก็มาตั้งแง่รังเกียจคนรักของเขาราวกับเธอเป็นขยะโสโครก
แต่กลับเจ้ากี้เจ้าการ ยัดเยียดผู้หญิงหน้าตาจืดชืด ไร้รสชาติให้มาเป็นเมียเขา
แถมผู้หญิงคนนั้นยังเป็น ‘นังเด็กโรคจิต’ ที่คอยแอบมองเขาด้วยสายตาน่าขนลุกเมื่อหลายปีก่อน
ที่สำคัญมารดาของเขาจะรู้หรือเปล่าว่าตัวจริงของแม่สาวหน้าซื่อ ว่าที่ลูกสะใภ้คนดี
ไม่ใช่นางฟ้าชุดขาวอย่างที่คิด... หากแต่เป็นผู้หญิงใจแตก ที่ผ่านผู้ชายมาแล้วเป็นร้อย
ถึงจะน่าขยะแขยงแค่ไหน แต่เพื่อให้มารดาได้ตาสว่างเสียที
เขานี่แหละจะใช้ความหนุ่มแน่นของตัวเอง
พิสูจน์ความคาวและตีแผ่ความกร้านโลกของเธอออกมาให้ได้รับรู้กันไป
เหตุผลที่นางพยาบาลสาวผู้อ่อนหวานและเรียบร้อยอย่าง ‘น้ำลิน’
ยอมเข้ามาใกล้ชิดกับสหรัฐตามความต้องการของเพื่อนมารดา
นั่นเป็นเพราะชายหนุ่มคือ ‘ความรักครั้งแรก’ ที่เธอเฝ้าใฝ่ฝันมาตั้งแต่ยังเรียนชั้นมัธยม
แต่เมื่อได้รู้ตัวจริงว่าเทพบุตรในฝันกลับกลายเป็นซาตานนิสัยทราม
ที่ทั้งปากร้าย เอาแต่ใจ และคอยแต่จะหาเรื่องแดกดันเธออย่างหยาบคายเจ็บแสบอยู่เสมอ
แล้วคนที่ดูอ่อนแอแต่ภายนอกอย่างน้ำลินมีหรือจะยอมถูกเขารังแกอยู่ข้างเดียว
ยิ่งเคยรักมากเท่าไหร่ พอกลายเป็นความเกลียดมันก็ยิ่งมากขึ้นเป็นทบเท่าทวีคูณ
และหญิงสาวก็ตั้งใจเอาไว้แล้ว ว่าต่อไปนี้ถ้าเขาร้ายมา เธอจะร้ายกลับ... ถ้าด่ามา จะตบกลับ...
เธอจะขอยืนงัดข้อ ท้าชนกับผู้ชายจิตใจเสื่อมคนนั้นด้วยคำว่าศักดิ์ศรีและเกียรติยศ!
Tags: นิยายรัก สาริน ลินิน เทเรน่า
ตอน: ตอนที่ 4 100%
หลายคนหันมามองครอบครัวนี้โดยพร้อมเพรียงกันเพราะส่งเสียงดังโหวกเหวกไม่เกรงใจ เมขลานั้นแทบอยากจะร้องไห้ น้ำตาคลอเอ่อ เป็นไปได้อยากแทรกกายผ่านลงไปบนพื้นกระเบื้อง จมหายไปกับธรณีเลยยิ่งดี
ทำไม…ทำไมเธอจะต้องมีแม่เป็นอีตัว มีพ่อเป็นแมงดา
หญิงสาวเฝ้าถามตัวเองอย่างขมขื่น ความเจ็บปวดในใจ ปมด้อยที่เธอไม่อาจลบเลือน
“จะรีบไปไหนของเขา” มณีจันทร์บุ้ยปากไปยังว่าที่ลูกสะใภ้ก่อนเหลียวไปมองสี่คนพ่อแม่ลูกที่วิ่งกระหืดกระหอบพร้อมกวักมือเรียกหย็อยๆ
“อะไรก็ไม่รู้นะคะแม่ ส่งเสียงดังโหวกเหวกไม่รู้จักอาย” สโรชาเบ้หน้า มองคนข้างหลังด้วยสายตารังเกียจเดียดฉันท์
“เขาคงมารับญาติ คงหากันไม่เจอ” สมิตาบอกขึ้นแล้วเหลียวมองกลับไปอีกครั้ง “ได้ยินเหมือนเรียกเมย์ เมย์จะใช่พี่เมย์หรือเปล่าบัวลองไปถามดูสิ”
“โอ้ย…เป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ คนอย่างพี่เมย์นะเหรอจะเป็นญาติกับไอ้พวกบ้านนอกนั่น สภาพต่างกันลิบลับ ชื่อคงเหมือนกัน” สโรชายักไหล่แล้วเดินสาวเท้าเร็วๆ ไปหาว่าที่พี่สะใภ้ ที่พอพ้นจากตัวอาคารมาได้ก็ถอนหายใจโล่งอก แต่ยังไม่ไว้ใจจนกว่าจะขึ้นไปนั่งบนรถ
เมื่อชายหนุ่มตามมาทันจึงเร่ง
“รีบไปเถอะค่ะรัฐ”
“เป็นอะไร สีหน้าคุณไม่ดีเลยนะ” เขาเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง ในยามนี้ใบหน้าสวยแต่งเข้มของเมขลาซีดเผือด สีสันของเครื่องสำอางเลือนลบ
“นั่นสิคะ หน้าพี่เมย์ซี้ดซีด”
“ม…เมย์ปวดหัวมากเลยค่ะ ช่วยพาไปหาหมอที” หญิงสาวต้องเล่นบทคนป่วยเมื่อมองเห็นไกลๆ ว่าสมาชิกครอบครัวของเธอกำลังตรงมาทางนี้
“ตายจริง” ชายหนุ่มตกใจ สโรชาจึงรีบประคองให้เดินไปยังลานจอดรถที่รถตู้สีดำยี่ห้อดังจอดอยู่ ชายหนุ่มทิ้งสัมภาระทั้งหมดให้คนขับรถแล้ววิ่งตามไปด้วยความเป็นห่วง สนันต์กับมณีจันทร์จึงต้องเร่งฝีเท้าตาม
“ไปเถอะคุณ ท่าทางหนูเมย์จะไม่สบาย”
เมื่อขึ้นมานั่งบนรถและเคลื่อนตัวออกไป เมขลาจึงผ่อนลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอก แม้ลึกๆ จะรู้สึกผิดแต่เธอจะให้คนในตระกูลนฤเบศบดินทร์รู้ไม่ได้ว่าพื้นเพดั้งเดิมของเธอเป็นอย่างไร
“ท่าทางดีขึ้นแล้วนี่คะ ไปหาหมอไหม” สมิตาถามขึ้น มือควานหายาดมในกระเป๋ามายื่นส่งให้ เมขลารับมาแต่ตาเบือนจับไปด้านหลัง เห็นพ่อแม่กับน้องอีกสองคนวิ่งตามมาจึงรีบบอกคนขับ
“ช่วยเร่งความเร็วหน่อยนะคะ ฉันเวียนหัวมาก”
“อย่างนั้นก็ไปโรงพยาบาลดีกว่านะ คุณไม่เคยเป็นแบบนี้เลย” สหรัฐขยับเข้ามาหา มืออังหน้าผากหญิงคนรักอย่างห่วงใย
มณีจันทร์มองลูกชายเอาใจใส่ผู้หญิงคนอื่นไม่สนใจแม่ก็ชักหงุดหงิด อาการหวงลูกชายกำเริบ ทั้งที่บอกว่าอยากได้ลูกสะใภ้เต็มแก่
“งั้นก็ไปโรงพยาบาลก่อนถึงบ้านเรา ไม่รู้ว่าหนูลินขึ้นเวรหรือเปล่าจะได้เจอกันด้วย” มณีจันทร์พลั้งปาก เมื่อสมิตากับสโรชามองมาจึงรีบแก้ “แม่หมายถึงคนรู้จักกันจะได้ดูแลเป็นพิเศษ”
“โรงพยาบาลไหนก็ได้ครับ ขอแค่ให้เมย์อาการดีขึ้น” ชายหนุ่มออกอาการทุกข์ร้อน ไม่สนใจถามไถ่ว่า ‘หนูลิน’ ที่แม่พูดถึงจะเป็นใคร จนกระทั่งรถตู้คันงามจอดหน้าโรงพยาบาล สโรชากับสมิตาปฏิเสธไม่ขอเข้าไปด้วย แต่เดินไปนั่งรอในร้านกาแฟพร้อมสนันต์
มณีจันทร์กดโทรศัพท์หา ‘หนูลิน’ อย่างตั้งอกตั้งใจ ตอนอยู่ในรถพยายามพูดชื่อนี้อยู่หลายครั้งแต่ลูกชายก็หาได้สนใจ เพราะใจจดจ่ออยู่กับอาการป่วยการเมืองของหญิงคนรัก
หลังวางโทรศัพท์ไม่นานหนูลินของมณีจันทร์ก็ออกมาจากลิฟต์ หญิงสาวเดินแกมวิ่งออกมาหยุดหน้าห้องฉุกเฉิน สีหน้าค่อนข้างตกใจเพราะคิดว่ามีใครเป็นอะไรหนักหนามณีจันทร์ถึงได้มาโรงพยาบาลทั้งที่ปกติเป็นคนที่ไม่ชอบเฉียดใกล้โรงพยาบาล แม้กระทั่งการตรวจสุขภาพประจำปีหากไม่ถูกลูกสาวคนโตเคี่ยวเข็ญก็คงไม่ย่างกราย
“คุณป้า”
“หนูลิน” มณีจันทร์ยิ้มกว้าง รวบข้อมือขาวมากุมไว้ ทว่าพยาบาลสาวจับเนื้อตัวผู้สูงวัยกว่าไปมาก่อนถามขึ้นอย่างห่วงใย
“คุณป้าเป็นอะไรไปคะ หรือใครที่บ้าน…”
“เปล่าจ้ะเปล่าๆ ป้าไปรับพี่รัฐที่สนามบิน เพื่อน…” มณีจันทร์เน้นหนักคำนี้ก่อนบุ้ยปากไปในห้องฉุกเฉินที่ชายหนุ่มกำลังประคองเมขลาออกมา
“พี่รัฐ!” น้ำลินกลืนน้ำลายลงคอแทบไม่ได้ ภาพความสนิทสนมระหว่างเขากับคนที่มณีจันทร์บอกว่าเพื่อนทำให้ลำคอเธอแห้งผาก
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมอง คิ้วหนาขยับย่น คุ้นแต่นึกไม่ออก และดูเหมือนจะเห็นร่องรอยกระดากวาบผ่านในดวงตาคู่นั้น
หญิงสาวในชุดขาวยกมือไหว้ จากสายตาของเขาน้ำลินออกจะแน่ใจว่าเขาจำเธอไม่ได้ ก็นั่นสินะผู้หญิงอย่างน้ำลินจะมีค่าอะไรให้เขาจดจำ
“ตารัฐ จำน้องไม่ได้หรือไง” มณีจันทร์เห็นลูกชายรับไหว้น้ำลินแบบงงๆ จึงได้ตีเบาๆ ไปบนต้นแขนก่อนรุนหลังให้เข้ามาเผชิญหน้ากันทำให้เมขลาไม่พอใจแต่สะกดเอาไว้แล้ววางหน้าเรียบเฉย เธอไม่สบายเขาควรจะสนใจเธอมากกว่าผู้หญิงหน้าจืดในชุดขาวนี่
“น้ำลินค่ะ” หญิงสาวเป็นฝ่ายแนะนำตัวขึ้นเอง สหรัฐหลับตาลง คิ้วยังขยับเข้าชิดกัน อึดใจหนึ่งจึงลืมตาขึ้นดีดนิ้วดังๆ
“น้องลิน! นึกได้แล้ว ลูกสาวเพื่อนแม่”
“ก็ใช่นะสิจ๊ะ อะไรกันหนูลินมาบ้านเราออกบ่อยทำเป็นจำน้องไม่ได้ เอ…แต่หนูลินก็สวยขึ้นเป็นกองเลยนะ ถึงว่าสิพี่เขาเลยจำไม่ได้” มณีจันทร์เกรงว่าน้ำลินจะน้อยใจจึงเอ่ยแก้แทน
เมขลาแอบเบ้หน้า มองจับไปยังใบหน้าหวานใสที่เครื่องสำอางแตะแต้มมาน้อยอยู่แล้ว ในยามนี้จึงยิ่งจางลงจนซีด
นี่นะหรือสวยขึ้นเป็นกอง
เมขลาเย้ยหยัน หากจะเทียบน้ำลินกับเธอแล้วก็เหมือนดอกมะลิกับดอกกุหลาบสีแดง ไม่มีผู้ชายคนไหนเลือกดอกมะลิไปปักในแจกันหรอก นอกจากเอาขึ้นหิ้ง ท่าทางมณีจันทร์ยกยอแม่พยาบาลคนนี้ออกนอกหน้า แต่อย่าหวังเลยว่าจะเปลี่ยนใจสหรัฐไปจากเธอได้
เขารักเธอ จนตายอย่างไรสหรัฐก็ต้องรักเธอคนเดียว ไม่มีผู้หญิงคนไหนหรอกจะตอบสนองเรื่องบนเตียงได้ถูกใจเขาเท่าเธอ แถมยังเป็นเพื่อนคู่คิดได้ทุกเรื่อง
“คงจะอย่างนั้นครับ” ชายหนุ่มหัวเราะขึ้น แววตาที่เขาทอดมองเธอมีร่องรอยขบขันทำให้น้ำลินเกิดอาการแปลบปลาบในอก โดยเฉพาะเมื่อมีสายตาแบบเดียวกันจากผู้หญิงอีกคน
“ลินไม่สวยขึ้นหรอกค่ะเคยขี้เหร่อย่างไรก็อย่างนั้น” น้ำลินบอกเสียงเรียบแววตาขบขันจากผู้หญิงคนนั้นเปลี่ยนเป็นดูแคลนในวินาทีถัดมา
“จริงสิ ลืมแนะนำนี่เมขลา เป็น…”
“เพื่อนของพี่รัฐจ้ะ กลับจากอเมริกามาพร้อมๆ กันแต่บ้านหนูเมย์อยู่ต่างจังหวัดป้าก็เลยจะให้ไปพักที่บ้าน คงวันสองวัน” เพราะกลัวน้ำลินจะเข้าใจถูก มณีจันทร์จึงยอมเสียมารยาทแทรกกลางขึ้น
คำแนะนำฐานะของเธอที่ดูจะต่ำกว่าที่ควรจะเป็นทำให้เมขลาหน้าตึง ชักได้กลิ่นไม่ดี
“ค่ะคุณป้า ถ้าไม่มีใครเป็นอะไรแล้ว ลินคงต้องขอตัวนะคะ ยังทำงานไม่เสร็จเลยค่ะ”
“วันนี้หนูลินลงเวรกี่โมงจ๊ะ”
มณีจันทร์ยังไม่ละความพยายาม เธอชอบน้ำลินมากว่าบรรดาผู้หญิงทุกคนของลูกชาย ถึงจะไม่ขนาดบีบบังคับคลุมถุงชนให้สหรัฐแต่งงานกับคนที่ตัวเองชอบแล้วกีดกันผู้หญิงที่ลูกรัก แต่ก็ขอพยายามจนถึงที่สุด เธอเชื่อว่าหากลูกชายได้รู้จักสนิทสนมกับน้ำลินมากกว่านี้ เขาจะต้องเปลี่ยนใจ
น้ำลินเป็นคนน่ารัก สหรัฐจะต้องรักน้ำลินได้แน่ๆ
“สี่โมงเย็นค่ะ”
“ดีเลยจ้ะ ป้าจะให้คนรถมารับที่หอพักนะ ไปทานอาหารด้วยกัน ป้านวลบ่นคิดถึงจะแย่ ตั้งเดือนหนึ่งแล้วไม่แวะไปหาบ้างเลย” มณีจันทร์ทำสุ้มเสียงน้อยอกน้อยใจหญิงสาวจึงดินเข้าไปใกล้แล้วกอดแขนประจบด้วยอาการของเด็กขี้อ้อน
“ก็ลินงานยุ่งนี่คะ ยิ่งเป็นน้องใหม่ยิ่งต้องขึ้นเวรเยอะ”
“อย่างนั้นก็ไถ่โทษซะดีๆ ไปทานอาหารเย็นที่บ้านป้า ไม่อย่างนั้นละก็ป้าจะเคือง”
“แต่ลินนัดกับเพื่อนเอาไว้แล้วค่ะ” หญิงสาวพยายามหาทางบ่ายเบี่ยง ยิ่งเห็นสหรัฐประคองกอดผู้หญิงอีกคนเธอก็ยิ่งไม่อยากไปเห็นภาพบาดตาบาดใจ
“แต่ป้าโทรบอกล่วงหน้าหลายวันแล้วนะ ไม่รู้ล่ะ งั้นก็ชวนเพื่อนหนูมาด้วย หกโมงเย็นจะให้คนรับมารับนะจ๊ะ งานยุ่งก็ขึ้นไปทำงานต่อเถอะไป๊ เดี๋ยวงานไม่เสร็จจะลงเวรช้า เจอกันที่บ้านจ้ะ” มณีจันทร์สรุปหัวข้อสนทนาชนิดที่น้ำลินหาทางปฏิเสธไม่ออก
“ท่าทางน้องลินเขาไม่อยากไป คุณแม่ไปบังคับน้องเขาทำไมครับ” สหรัฐประคองเมขลาให้เดินตามแม่ออกไป หลังจากที่เข้าไปในห้องฉุกเฉิน ดมแอมโมเนียแค่หน่อยเดียวอาการหน้าซีดวิงเวียนของเมขลาก็หายเป็นปลิดทิ้ง ทั้งความดันโลหิต ทั้งระดับน้ำตาลปกติ และเจ้าตัวก็ปฏิเสธจะเข้ารับการตรวจแบบละเอียด
“ใครว่าหนูลินไม่อยากไป เขาออกจะสนิทสนมกับครอบครัวเรา แกเองก็เหมือนกันทำห่างเหินกับน้องอยู่ได้ ทั้งที่เมื่อก่อนก็เห็นวิ่งเล่นกันอยู่เลย” มณีจันทร์มองค้อน
ชายหนุ่มเลิกคิ้ว นึกไม่ออกว่าเขาเคยวิ่งเล่นกับน้ำลินตั้งแต่เมื่อไหร่ จำได้ว่าเด็กหญิงน้ำลิน ผมม้าสั่นเต่อเหนือคิ้วขี้แย ชอบเล่นตุ๊กตา โดนใครแกล้งอะไรนิดหน่อยก็เอาแต่ร้องไห้ เห็นจะมีแค่สมิตาเท่านั้นที่ทนนั่งเล่นด้วยกันได้ เพราะนิสัยคล้ายคลึงกัน
เมขลาเห็นว่าตัวเองใกล้จะถูกกันออกจากวงสนทนาเต็มทีจึงได้ทำซวนเซ หน้ามืดทำให้ชายหนุ่มปัดเรื่องของน้ำลินออกไปจากความสนใจทันที
“เมย์”
“เมย์เวียนหัวจังค่ะ อยากกลับไปพัก”
“จ้ะๆ งั้นเรารีบกลับกันเถอะครับคุณแม่” สหรัฐประคองหญิงคนรักเดินออกไปปล่อยแม่ให้เดินตากแดดตามหลังทำให้มณีจันทร์ยิ่งหมั่นไส้
‘ไม่ทันไรก็เห็นผู้หญิงสำคัญกว่าแม่’
“ทำป่วย เดี๋ยวเวียนหัว เดี๋ยวจะเป็นลม พอมาถึงโรงพยาบาลกลับไม่ยอมตรวจ มารยา” มณีจันทร์ยัดข้อหาให้ว่าที่สะใภ้ หงุดหงิดเต็มกำลัง
สมองเฝ้าขบคิดหาหนทางกีดกันเมขลา ใครจะว่าเธออคติก็ช่าง แต่ไม่รู้ทำไมแค่เห็นครั้งแรกก็ไม่ถูกชะตา คงอย่างที่คำพูดติดปากสมัยนี้ที่เขาว่า ‘เคมีไม่เข้ากัน’
ทำไม…ทำไมเธอจะต้องมีแม่เป็นอีตัว มีพ่อเป็นแมงดา
หญิงสาวเฝ้าถามตัวเองอย่างขมขื่น ความเจ็บปวดในใจ ปมด้อยที่เธอไม่อาจลบเลือน
“จะรีบไปไหนของเขา” มณีจันทร์บุ้ยปากไปยังว่าที่ลูกสะใภ้ก่อนเหลียวไปมองสี่คนพ่อแม่ลูกที่วิ่งกระหืดกระหอบพร้อมกวักมือเรียกหย็อยๆ
“อะไรก็ไม่รู้นะคะแม่ ส่งเสียงดังโหวกเหวกไม่รู้จักอาย” สโรชาเบ้หน้า มองคนข้างหลังด้วยสายตารังเกียจเดียดฉันท์
“เขาคงมารับญาติ คงหากันไม่เจอ” สมิตาบอกขึ้นแล้วเหลียวมองกลับไปอีกครั้ง “ได้ยินเหมือนเรียกเมย์ เมย์จะใช่พี่เมย์หรือเปล่าบัวลองไปถามดูสิ”
“โอ้ย…เป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ คนอย่างพี่เมย์นะเหรอจะเป็นญาติกับไอ้พวกบ้านนอกนั่น สภาพต่างกันลิบลับ ชื่อคงเหมือนกัน” สโรชายักไหล่แล้วเดินสาวเท้าเร็วๆ ไปหาว่าที่พี่สะใภ้ ที่พอพ้นจากตัวอาคารมาได้ก็ถอนหายใจโล่งอก แต่ยังไม่ไว้ใจจนกว่าจะขึ้นไปนั่งบนรถ
เมื่อชายหนุ่มตามมาทันจึงเร่ง
“รีบไปเถอะค่ะรัฐ”
“เป็นอะไร สีหน้าคุณไม่ดีเลยนะ” เขาเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง ในยามนี้ใบหน้าสวยแต่งเข้มของเมขลาซีดเผือด สีสันของเครื่องสำอางเลือนลบ
“นั่นสิคะ หน้าพี่เมย์ซี้ดซีด”
“ม…เมย์ปวดหัวมากเลยค่ะ ช่วยพาไปหาหมอที” หญิงสาวต้องเล่นบทคนป่วยเมื่อมองเห็นไกลๆ ว่าสมาชิกครอบครัวของเธอกำลังตรงมาทางนี้
“ตายจริง” ชายหนุ่มตกใจ สโรชาจึงรีบประคองให้เดินไปยังลานจอดรถที่รถตู้สีดำยี่ห้อดังจอดอยู่ ชายหนุ่มทิ้งสัมภาระทั้งหมดให้คนขับรถแล้ววิ่งตามไปด้วยความเป็นห่วง สนันต์กับมณีจันทร์จึงต้องเร่งฝีเท้าตาม
“ไปเถอะคุณ ท่าทางหนูเมย์จะไม่สบาย”
เมื่อขึ้นมานั่งบนรถและเคลื่อนตัวออกไป เมขลาจึงผ่อนลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอก แม้ลึกๆ จะรู้สึกผิดแต่เธอจะให้คนในตระกูลนฤเบศบดินทร์รู้ไม่ได้ว่าพื้นเพดั้งเดิมของเธอเป็นอย่างไร
“ท่าทางดีขึ้นแล้วนี่คะ ไปหาหมอไหม” สมิตาถามขึ้น มือควานหายาดมในกระเป๋ามายื่นส่งให้ เมขลารับมาแต่ตาเบือนจับไปด้านหลัง เห็นพ่อแม่กับน้องอีกสองคนวิ่งตามมาจึงรีบบอกคนขับ
“ช่วยเร่งความเร็วหน่อยนะคะ ฉันเวียนหัวมาก”
“อย่างนั้นก็ไปโรงพยาบาลดีกว่านะ คุณไม่เคยเป็นแบบนี้เลย” สหรัฐขยับเข้ามาหา มืออังหน้าผากหญิงคนรักอย่างห่วงใย
มณีจันทร์มองลูกชายเอาใจใส่ผู้หญิงคนอื่นไม่สนใจแม่ก็ชักหงุดหงิด อาการหวงลูกชายกำเริบ ทั้งที่บอกว่าอยากได้ลูกสะใภ้เต็มแก่
“งั้นก็ไปโรงพยาบาลก่อนถึงบ้านเรา ไม่รู้ว่าหนูลินขึ้นเวรหรือเปล่าจะได้เจอกันด้วย” มณีจันทร์พลั้งปาก เมื่อสมิตากับสโรชามองมาจึงรีบแก้ “แม่หมายถึงคนรู้จักกันจะได้ดูแลเป็นพิเศษ”
“โรงพยาบาลไหนก็ได้ครับ ขอแค่ให้เมย์อาการดีขึ้น” ชายหนุ่มออกอาการทุกข์ร้อน ไม่สนใจถามไถ่ว่า ‘หนูลิน’ ที่แม่พูดถึงจะเป็นใคร จนกระทั่งรถตู้คันงามจอดหน้าโรงพยาบาล สโรชากับสมิตาปฏิเสธไม่ขอเข้าไปด้วย แต่เดินไปนั่งรอในร้านกาแฟพร้อมสนันต์
มณีจันทร์กดโทรศัพท์หา ‘หนูลิน’ อย่างตั้งอกตั้งใจ ตอนอยู่ในรถพยายามพูดชื่อนี้อยู่หลายครั้งแต่ลูกชายก็หาได้สนใจ เพราะใจจดจ่ออยู่กับอาการป่วยการเมืองของหญิงคนรัก
หลังวางโทรศัพท์ไม่นานหนูลินของมณีจันทร์ก็ออกมาจากลิฟต์ หญิงสาวเดินแกมวิ่งออกมาหยุดหน้าห้องฉุกเฉิน สีหน้าค่อนข้างตกใจเพราะคิดว่ามีใครเป็นอะไรหนักหนามณีจันทร์ถึงได้มาโรงพยาบาลทั้งที่ปกติเป็นคนที่ไม่ชอบเฉียดใกล้โรงพยาบาล แม้กระทั่งการตรวจสุขภาพประจำปีหากไม่ถูกลูกสาวคนโตเคี่ยวเข็ญก็คงไม่ย่างกราย
“คุณป้า”
“หนูลิน” มณีจันทร์ยิ้มกว้าง รวบข้อมือขาวมากุมไว้ ทว่าพยาบาลสาวจับเนื้อตัวผู้สูงวัยกว่าไปมาก่อนถามขึ้นอย่างห่วงใย
“คุณป้าเป็นอะไรไปคะ หรือใครที่บ้าน…”
“เปล่าจ้ะเปล่าๆ ป้าไปรับพี่รัฐที่สนามบิน เพื่อน…” มณีจันทร์เน้นหนักคำนี้ก่อนบุ้ยปากไปในห้องฉุกเฉินที่ชายหนุ่มกำลังประคองเมขลาออกมา
“พี่รัฐ!” น้ำลินกลืนน้ำลายลงคอแทบไม่ได้ ภาพความสนิทสนมระหว่างเขากับคนที่มณีจันทร์บอกว่าเพื่อนทำให้ลำคอเธอแห้งผาก
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมอง คิ้วหนาขยับย่น คุ้นแต่นึกไม่ออก และดูเหมือนจะเห็นร่องรอยกระดากวาบผ่านในดวงตาคู่นั้น
หญิงสาวในชุดขาวยกมือไหว้ จากสายตาของเขาน้ำลินออกจะแน่ใจว่าเขาจำเธอไม่ได้ ก็นั่นสินะผู้หญิงอย่างน้ำลินจะมีค่าอะไรให้เขาจดจำ
“ตารัฐ จำน้องไม่ได้หรือไง” มณีจันทร์เห็นลูกชายรับไหว้น้ำลินแบบงงๆ จึงได้ตีเบาๆ ไปบนต้นแขนก่อนรุนหลังให้เข้ามาเผชิญหน้ากันทำให้เมขลาไม่พอใจแต่สะกดเอาไว้แล้ววางหน้าเรียบเฉย เธอไม่สบายเขาควรจะสนใจเธอมากกว่าผู้หญิงหน้าจืดในชุดขาวนี่
“น้ำลินค่ะ” หญิงสาวเป็นฝ่ายแนะนำตัวขึ้นเอง สหรัฐหลับตาลง คิ้วยังขยับเข้าชิดกัน อึดใจหนึ่งจึงลืมตาขึ้นดีดนิ้วดังๆ
“น้องลิน! นึกได้แล้ว ลูกสาวเพื่อนแม่”
“ก็ใช่นะสิจ๊ะ อะไรกันหนูลินมาบ้านเราออกบ่อยทำเป็นจำน้องไม่ได้ เอ…แต่หนูลินก็สวยขึ้นเป็นกองเลยนะ ถึงว่าสิพี่เขาเลยจำไม่ได้” มณีจันทร์เกรงว่าน้ำลินจะน้อยใจจึงเอ่ยแก้แทน
เมขลาแอบเบ้หน้า มองจับไปยังใบหน้าหวานใสที่เครื่องสำอางแตะแต้มมาน้อยอยู่แล้ว ในยามนี้จึงยิ่งจางลงจนซีด
นี่นะหรือสวยขึ้นเป็นกอง
เมขลาเย้ยหยัน หากจะเทียบน้ำลินกับเธอแล้วก็เหมือนดอกมะลิกับดอกกุหลาบสีแดง ไม่มีผู้ชายคนไหนเลือกดอกมะลิไปปักในแจกันหรอก นอกจากเอาขึ้นหิ้ง ท่าทางมณีจันทร์ยกยอแม่พยาบาลคนนี้ออกนอกหน้า แต่อย่าหวังเลยว่าจะเปลี่ยนใจสหรัฐไปจากเธอได้
เขารักเธอ จนตายอย่างไรสหรัฐก็ต้องรักเธอคนเดียว ไม่มีผู้หญิงคนไหนหรอกจะตอบสนองเรื่องบนเตียงได้ถูกใจเขาเท่าเธอ แถมยังเป็นเพื่อนคู่คิดได้ทุกเรื่อง
“คงจะอย่างนั้นครับ” ชายหนุ่มหัวเราะขึ้น แววตาที่เขาทอดมองเธอมีร่องรอยขบขันทำให้น้ำลินเกิดอาการแปลบปลาบในอก โดยเฉพาะเมื่อมีสายตาแบบเดียวกันจากผู้หญิงอีกคน
“ลินไม่สวยขึ้นหรอกค่ะเคยขี้เหร่อย่างไรก็อย่างนั้น” น้ำลินบอกเสียงเรียบแววตาขบขันจากผู้หญิงคนนั้นเปลี่ยนเป็นดูแคลนในวินาทีถัดมา
“จริงสิ ลืมแนะนำนี่เมขลา เป็น…”
“เพื่อนของพี่รัฐจ้ะ กลับจากอเมริกามาพร้อมๆ กันแต่บ้านหนูเมย์อยู่ต่างจังหวัดป้าก็เลยจะให้ไปพักที่บ้าน คงวันสองวัน” เพราะกลัวน้ำลินจะเข้าใจถูก มณีจันทร์จึงยอมเสียมารยาทแทรกกลางขึ้น
คำแนะนำฐานะของเธอที่ดูจะต่ำกว่าที่ควรจะเป็นทำให้เมขลาหน้าตึง ชักได้กลิ่นไม่ดี
“ค่ะคุณป้า ถ้าไม่มีใครเป็นอะไรแล้ว ลินคงต้องขอตัวนะคะ ยังทำงานไม่เสร็จเลยค่ะ”
“วันนี้หนูลินลงเวรกี่โมงจ๊ะ”
มณีจันทร์ยังไม่ละความพยายาม เธอชอบน้ำลินมากว่าบรรดาผู้หญิงทุกคนของลูกชาย ถึงจะไม่ขนาดบีบบังคับคลุมถุงชนให้สหรัฐแต่งงานกับคนที่ตัวเองชอบแล้วกีดกันผู้หญิงที่ลูกรัก แต่ก็ขอพยายามจนถึงที่สุด เธอเชื่อว่าหากลูกชายได้รู้จักสนิทสนมกับน้ำลินมากกว่านี้ เขาจะต้องเปลี่ยนใจ
น้ำลินเป็นคนน่ารัก สหรัฐจะต้องรักน้ำลินได้แน่ๆ
“สี่โมงเย็นค่ะ”
“ดีเลยจ้ะ ป้าจะให้คนรถมารับที่หอพักนะ ไปทานอาหารด้วยกัน ป้านวลบ่นคิดถึงจะแย่ ตั้งเดือนหนึ่งแล้วไม่แวะไปหาบ้างเลย” มณีจันทร์ทำสุ้มเสียงน้อยอกน้อยใจหญิงสาวจึงดินเข้าไปใกล้แล้วกอดแขนประจบด้วยอาการของเด็กขี้อ้อน
“ก็ลินงานยุ่งนี่คะ ยิ่งเป็นน้องใหม่ยิ่งต้องขึ้นเวรเยอะ”
“อย่างนั้นก็ไถ่โทษซะดีๆ ไปทานอาหารเย็นที่บ้านป้า ไม่อย่างนั้นละก็ป้าจะเคือง”
“แต่ลินนัดกับเพื่อนเอาไว้แล้วค่ะ” หญิงสาวพยายามหาทางบ่ายเบี่ยง ยิ่งเห็นสหรัฐประคองกอดผู้หญิงอีกคนเธอก็ยิ่งไม่อยากไปเห็นภาพบาดตาบาดใจ
“แต่ป้าโทรบอกล่วงหน้าหลายวันแล้วนะ ไม่รู้ล่ะ งั้นก็ชวนเพื่อนหนูมาด้วย หกโมงเย็นจะให้คนรับมารับนะจ๊ะ งานยุ่งก็ขึ้นไปทำงานต่อเถอะไป๊ เดี๋ยวงานไม่เสร็จจะลงเวรช้า เจอกันที่บ้านจ้ะ” มณีจันทร์สรุปหัวข้อสนทนาชนิดที่น้ำลินหาทางปฏิเสธไม่ออก
“ท่าทางน้องลินเขาไม่อยากไป คุณแม่ไปบังคับน้องเขาทำไมครับ” สหรัฐประคองเมขลาให้เดินตามแม่ออกไป หลังจากที่เข้าไปในห้องฉุกเฉิน ดมแอมโมเนียแค่หน่อยเดียวอาการหน้าซีดวิงเวียนของเมขลาก็หายเป็นปลิดทิ้ง ทั้งความดันโลหิต ทั้งระดับน้ำตาลปกติ และเจ้าตัวก็ปฏิเสธจะเข้ารับการตรวจแบบละเอียด
“ใครว่าหนูลินไม่อยากไป เขาออกจะสนิทสนมกับครอบครัวเรา แกเองก็เหมือนกันทำห่างเหินกับน้องอยู่ได้ ทั้งที่เมื่อก่อนก็เห็นวิ่งเล่นกันอยู่เลย” มณีจันทร์มองค้อน
ชายหนุ่มเลิกคิ้ว นึกไม่ออกว่าเขาเคยวิ่งเล่นกับน้ำลินตั้งแต่เมื่อไหร่ จำได้ว่าเด็กหญิงน้ำลิน ผมม้าสั่นเต่อเหนือคิ้วขี้แย ชอบเล่นตุ๊กตา โดนใครแกล้งอะไรนิดหน่อยก็เอาแต่ร้องไห้ เห็นจะมีแค่สมิตาเท่านั้นที่ทนนั่งเล่นด้วยกันได้ เพราะนิสัยคล้ายคลึงกัน
เมขลาเห็นว่าตัวเองใกล้จะถูกกันออกจากวงสนทนาเต็มทีจึงได้ทำซวนเซ หน้ามืดทำให้ชายหนุ่มปัดเรื่องของน้ำลินออกไปจากความสนใจทันที
“เมย์”
“เมย์เวียนหัวจังค่ะ อยากกลับไปพัก”
“จ้ะๆ งั้นเรารีบกลับกันเถอะครับคุณแม่” สหรัฐประคองหญิงคนรักเดินออกไปปล่อยแม่ให้เดินตากแดดตามหลังทำให้มณีจันทร์ยิ่งหมั่นไส้
‘ไม่ทันไรก็เห็นผู้หญิงสำคัญกว่าแม่’
“ทำป่วย เดี๋ยวเวียนหัว เดี๋ยวจะเป็นลม พอมาถึงโรงพยาบาลกลับไม่ยอมตรวจ มารยา” มณีจันทร์ยัดข้อหาให้ว่าที่สะใภ้ หงุดหงิดเต็มกำลัง
สมองเฝ้าขบคิดหาหนทางกีดกันเมขลา ใครจะว่าเธออคติก็ช่าง แต่ไม่รู้ทำไมแค่เห็นครั้งแรกก็ไม่ถูกชะตา คงอย่างที่คำพูดติดปากสมัยนี้ที่เขาว่า ‘เคมีไม่เข้ากัน’
สาริน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 26 ต.ค. 2556, 09:52:01 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 26 ต.ค. 2556, 09:52:01 น.
จำนวนการเข้าชม : 2540
<< ตอนที่ 4 80% | ตอนที่ 5 40% >> |