Sweet Taste รสหวาน...บันดาลรัก
คนหนึ่งคนออกตามหาผู้หญิงที่มีแต่ความลับเพื่อที่ราคาแพง

คนหนึ่งคนถูกเรียกมาให้ปกป้อง ไม่ให้แผนการขายที่สำเร็จ

คนหนึ่งคนยังสนุกกับการเดินทาง แต่ไม่รู้ทำไมชีวิตถึงเริ่มวุ่นวายเมื่อมาถึงปักกิ่ง สถานที่สุดท้ายที่จะมาก่อนเธอกลับไทย

คนหนึ่งคนเติบโตมาในครอบครัวใหญ่ถูกเลี้ยงมาเป็นคนงานในบ้าน ทั้งที่เจ้าตัวรู้ว่าใครเป็นพ่อ แต่เพราะครอบครัวจะทำร้ายคนอื่น เธอจึงไม่อยากให้พ่อหย่อนขาไปในนรก

คนหนึ่งคนมีแต่ความแค้น ปลูกฝังในหัวไม่สิ้นสุด รู้แค่ว่าเกลียด และต้องทำลาย

คนห้าคนในวังวนใกล้กัน ผจญอันตราย และเรื่องราวสุดจะคาดเดา กลับมีความหวานก่อเกิดขึ้นทีละนิดในใจของแต่ละคน...มารู้ตัวอีกที ความรัก ก็เกิดขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
Tags: Sweet รสหวาน ภีม พรพิรุณ ปุณณ์ แพรระพี

ตอน: ความบาดหมาง

กว่าจะหนีการตามล่าของแฟนวรรษมาได้จากโรงแรมดีเอสในปักกิ่ง พอมาถึงสนามบิน เจ้าหน้าที่ก็รีบบอกให้เขาลงจากเครื่องบินปุ๊บ รถจากที่บ้านก็มารอรับทันที ไม่ต้องเดินเข้าไปในเกทให้เสียเวลา และเสี่ยงต่อการวิ่งหนีแฟนๆ ของวรรษเหมือนเดิม

ปุณณ์เริ่มรู้สึกสยองกับอิทธิพลของพรพิรุณก็วันนี้ ป่านนี้ไม่รู้คนต้นเรื่องหนีไปอยู่มุมไหนในประเทศไทยแล้ว ตอนนี้ที่ที่พรพิรุณปลอดภัยสุดอาจเป็นประเทศไทย ไม่ต้องโดนตามติดจากเหล่าแฟนคลับ ถึงมันจะทำให้ดีเอสหุ้นขึ้นมามากมายหลายสิบจุด อาจเพิ่มพรวดพราดมากสุดในประวัติการณ์ แต่ถ้าต้องแลกอิสรภาพขนาดนี้ มันคุ้มกันไหม

เขายังอยากเดินเล่นกับพรพิรุณ นั่งกินหอยย่าง หรือนั่งรถเมล์เล่นกันได้...คนที่เริ่มหวงพื้นที่ส่วนตัวของพรพิรุณทำหน้ายักษ์ใส่ทุกสรรพสิ่งที่ผ่านหน้าไป จนใครต่อใครแขยงที่จะเข้ามาจัดการ ถึงแม้ว่าเจ้าตัวจะพร่ำบอกว่าไม่เป็นอะไรก็ตาม

“น่าจะดีใจนะที่พออุ่นมาจัดการเรื่องให้ อะไรๆ ก็ดูดีขึ้นไปหมด”

ปุณณ์ส่งเสียงหึ เก็บซ่อนอารมณ์ไปจากสีหน้าไม่มิดจนภีมหลุดขำ “มันเริ่มมาจากพี่นั่นแหละพี่ภีม ตัวต้นเหตุของเรื่องเลย”

“ฉัน ฉันไปทำอะไรฮะเจ้าปูน ฉันเจออุ่นก่อนแกด้วยซ้ำ ใช้เวลาตั้งสามเดือนกว่าจะรู้ว่าวรรษคืออุ่น แกต่างหากสบาย มีฉันคอยขู่อุ่น ทำให้แกรู้”

“ไม่ใช่สักหน่อย ผมรู้เพราะย่าส่งผมมาขัดขวางการได้ที่สีลมของพี่ภีมต่างหาก ให้ตายเถอะ ถ้าผมกับอุ่นเป็นเนื้อคู่กันจริง ยังไงก็คงหนีกันไม่พ้น แต่มาเจอแล้วลงเอยแบบนี้ ผมอยากย้อนเวลาชะมัด”

ภีมตาโตขึ้นเท่าตัว มองคนที่มีคนบงการด้านหลังอีกทอดด้วยความเข่นเขี้ยว “แสบจริงๆ ย่าก็ด้วย นี่ถ้าไม่มีย่าส่งนายมา พี่คงสมหวังไปกับอุ่นแล้ว นายมันขัดลาภพี่ แต่ยังไงทางดีเอสก็บอกจะยกที่สีลมให้พี่ฟรีๆ บอกว่าเป็นค่าเสี่ยงตายกับนาย”

ปุณณ์หันมองปาริตาที่นั่งมาด้วยกันอย่างเป็นห่วงความรู้สึก นับตั้งแต่เกิดเรื่องวุ่นวาย จนคลายลงปาริตากับภีมก็ดูจะไม่ยอมพูดคุยกันเท่าไหร่ ภีมเองก็ทำตัวเหมือนปาริตาไม่มีตัวตน มันเกิดอะไรขึ้น เขาพยายามถามเท่าไหร่ปาริตาก็ไม่ยอมตอบ

คงมีแต่ปาริตาเท่านั้นที่รู้


‘เธอเป็นคนของแพรระพีที่แฝงตัวมาใช่ไหมมิลัน’

ประโยคที่ภีมว่าไว้ดังลั่นในใจเพียงแค่เธอหลับตานึก ที่ผ่านมาปาริตาเฝ้าถามว่าตัวเองไปแสดงอาการอะไรออกมาให้ภีมตีความไปในทางนั้นได้ แค่เธอทนเห็นธวัชเดชาทำร้ายเดชอนันต์สิทธิ์ต่อไปไม่ได้มันทำให้เธอกลายเป็นคนไม่น่าเชื่อถือ เป็นนกสองหัว หรือหนอนบ่อนไส้ในสายตาของภีม ผู้ชายที่เธอเคยคิดว่าเขาจริงใจกับเธอ แต่ทุกอย่างมันผิดไปหมด เธอคิดไปเอง เขาก็แค่หลอกใช้ความเชื่อใจของเธอ ก่อนจะตบหน้าแรงๆ ให้ตื่น หลังจากเรื่องผ่านพ้น

ปาริตารู้แล้วว่าที่จริงใจของเขาไม่ใช่แค่ป่วย แต่สมองด้านการประมวลผลก็พิการขั้นรุนแรง ไม่มีทางที่เธอจะรักษาคนแบบนั้นอีก

“ให้พี่ไปส่งพี่ภีมที่บ้านก่อนนะ”

“ไม่ต้องหรอกค่ะพี่ปูน เขาเองก็อยากจะรู้เรื่องของมิลันอยู่แล้ว ให้เขาฉลาดก่อนโง่ไปตลอดชีวิตก็ดีเหมือนกันค่ะ” ปาริตาเมินหน้าภีม ตั้งใจพูดให้ปุณณ์ฟังด้วยการสบตาคู่สนทนาเพียงญาติผู้พี่ ความรู้สึกดีๆ ที่เธอเคยมีให้ภีม ในสายตาเขามันคงเป็นความรู้สึกธรรมดา และไม่มีค่าราคาใดๆ เป็นแค่ของปลอม

“หมายความว่าไงมิลัน” คนโดนด่าว่าโง่หันกลับมาหน้าถมึงทึง พยายามมองหน้าคนที่นั่งชิดผนังรถอีกด้านไม่สบอารมณ์ ยิ่งรู้สึกว่าโดนเมิน คนที่อยู่ในสายตาของสาวๆ มาทั้งชีวิตยิ่งไม่ชอบ ไหนล่ะที่เคยตอแยว่าเขาเคยทำขนมไหม เกลียดขนมหวานเพราะอะไร เอาเข้าจริงก็วิ่งหนีเตลิด “หมอเก๊ๆ”

ปุณณ์รู้สึกว่าวันนี้ นอกจากไม่พบพรพิรุณให้เขารู้สึกดี ยังอยู่ท่ามกลางสมรภูมิอเมริกา ปะทะ อิรักในรถคับแคบแห่งนี้ โดยที่เขาเลือกข้างไม่ได้

มันเกิดอะไรขึ้นกับคนคู่นี้อีกล่ะ...

“นี่ถ้าไม่เกรงใจผมจะอพยพตัวเองลงแล้วให้พี่ภีมกับมิลันทำสงครามสองคนกันในรถนี้ได้ตามสะดวก อย่าเห็นผมเป็นองค์การยูเอ็นคอยสมานแผลได้ไหม แผลผมยังไม่ทันหายเลย”

“วิ่งหนีแฟนคลับของพี่อุ่นยังสนุกกว่าร่วมหายใจกับใครแถวนี้เลยค่ะ”

ปุณณ์อ้าปากค้างกับวาจาเดือดของปาริตา ปุณณ์ตบไหล่ภีมที่ดูจะไม่คุ้นชินกับนิสัยนี้ของสาวเจ้าเช่นกัน

“เปิดเพลงฟังกันดีกว่านะ”

ปุณณ์หยิบรีโมทมากดหาคลื่นวิทยุ แต่...”วันนี้มีคนพบวรรษเดินเข้าร้านที่ชลบุรีครับ เอ๊ะ ที่กาญจนบุรีด้วย ข้อความนั้นก็บอกว่าที่เชียงใหม่ เดี๋ยวนะครับ ข่าวไหนข่าวจริง ข่าวเท็จ กระแสตอนนี้คงไม่มีใครเผ็ดร้อนเท่าวรรษ หญิงสาวแห่งสวีทเมจิกแน่นอน”

ภีมกับปาริตาเผลอสบตากันเมื่อผู้รายงานตัดเข้าเพลงหลังอ่านข่าวจบ แล้วเปล่งเสียงหัวเราะออกมาพร้อมกัน ปล่อยให้คนต้นคิดเปิดวิทยุกำรีโมท โกรธหน้าดำหน้าแดง

ใครบังอาจปลอมเป็นอุ่นของเขา...อย่าให้รู้นะ ว่าแต่ตอนนี้ตัวจริงของเขาไปหลบซ่อนอยู่มุมไหนในประเทศไทย อิศยาก็ไม่ยอมช่วยอะไรเขาเลย ช่วยพรพิรุณอุบเงียบสิท่า


อิศยามาทำงานที่ดีเอสแกรนด์เบเกอร์รี่ปกติ วันนี้แปลกที่คุณปุณนาเข้ามานั่งสบายๆ ในห้องบริหารของเธอ ซึ่งพักหลังๆ เริ่มถ่ายโอนงานมาให้เธอดูแลเกือบหมดแล้ว แม้ว่าจะยังไม่ได้แต่งงานกับลูกชายของคุณปุณนาก็ตาม

ผู้หญิงที่ไม่แก่ไปตามวัย เหมือนคุณแม่วัยรุ่น จริงๆ นิสัยก็ออกจะวัยรุ่น กระฉับกระเฉงดีอยู่ หากไม่บอกว่าหกสิบแล้ว เธอก็คิดว่ายังเพิ่งแตะเลขห้า หรือเลขสี่ปลายๆ ยิ่งทำงานน้อยลงคุณปุณนาก็ดูจะมีเวลาดูแลตัวเองมากขึ้น

“มาแล้วเหรอลูกย่า มานั่งนี่มา แม่อยากรู้อะไรนิดหน่อย”

“อะไรเหรอคะ” อิศยายังรู้สึกหวาดๆ กับการคุยอะไรที่เป็นทางการในห้องทำงานแบบนี้ทุกครั้ง ไม่ใช่ว่าเธอแพ้เหลี่ยมของคุณปุณนาหรอกหรือถึงต้องดูแลดีเอสแกรนด์เบเกอร์รี่แบบไร้ข้อบิดพลิ้ว

นั่งยังไม่ทันหายใจหายคอ คนที่คุณปุณนาถามถึงก็พานทำให้อิศยารู้สึกว่าเมฆฝนกำลังลอยไปหาใครอีกคนเป็นเพื่อนเธอแล้ว

“แม่อยากรู้จักหนูอุ่นด้วยอีกคน เคยเจอเมื่อนานมาแล้ว แม่ลืมไปหมด ตอนเกิดเรื่องวุ่นวายที่ปักกิ่งแม่ยังสงสัยว่าหนูอุ่นไปทำอะไรที่นั่นมาตอนนี้แม่คลายใจแล้ว” ดวงตาคุณปุณนามีประกายยามเอ่ยออกมาอย่างภูมิใจ “ที่แท้คนที่แม่เป็นแฟนคลับอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลมาตลอด ให้องศาตามหาให้ตั้งนาน แม่รู้ว่าถามจากลูกย่าตรงๆ ก็คงไม่บอก”

“เอ๋...หมายความว่า” อิศยาว่าได้แค่นั้น เหมือนเมฆหมอกที่พัดผ่านกรรโชกก็สว่างไสวด้วยแสงอาทิตย์ อีกแล้ว คุณปุณนาจัดการทุกอย่างอีกครั้ง นี่โชคดีที่เธอเอาปุณณ์ไปขัด เดี๋ยวก่อนนะ...

“เรื่องปูนเป็นเรื่องเหนือความคาดหมายจริงๆ ขอบคุณนะลูกย่า ที่ทำให้เรื่องรักเกิดขึ้นได้ ถึงมันจะดูวุ่นวาย เหนื่อย เสี่ยงตาย แต่ในเมื่อตอนนี้ทุกคนปลอดภัย ปูนเองก็เป็นข่าวกับคนที่แม่เห็นดีเห็นงามแม่พอใจ รูปหลุดก็ดูน่ารักเชียว”

อิศยาว่าเธอควรไปเตือนพรพิรุณให้ระวังฤทธิ์คุณปุณนาบ้าง หากไม่ระวังอาจโดนหลวมตัวเป็นหนึ่งในดีเอสดังเช่นเธอ แต่คิดอีกทีก็ดี ให้พรพิรุณมาช่วยเธอทำงานบ้าง แบ่งๆ งานวุ่นวายนี้สักที เธอเองลับสมองกับคุณปุณนาทีไรแพ้ทุกครั้ง พรพิรุณเองอาจจะรับมือไหว

“ว่าแต่ลูกย่ารู้ไหมว่าหนูอุ่นอยู่ไหน ตอนนี้ใครๆ ก็ตามหาตัวกัน”

จะเป็นแฟนคลับกิตติมศักดิ์ล่ะสิ...อิศยายิ้มกริ่มอยากหาทางเอาคืนคุณปุณนามานานแล้ว “เป็นความลับค่ะคุณแม่ ตอนนี้ทางเราแค่ลงข่าวทางเน็ตบอกว่าอุ่นยังไม่เคลื่อนไหวใดๆ คนที่ปลอมตัวเป็นอุ่นจะได้ไม่ฉวยโอกาสกินฟรีอะไรอีก อย่างที่อุ่นบอก อุ่นไม่ชอบแสดงตัวค่ะ งานนี้ย่าเองคงช่วยคุณแม่ไม่ได้”

“สักนิดน่าลูกย่า แม่นี่ตั้งตนเป็นแฟนคลับหมายเลขหนึ่งของวรรษเลยนะ จะได้เจอกันแล้วแท้ๆ ต้องพลัดพรากกันไป”

อิศยาทำหน้าเศร้ากลับไปบ้าง ทันมุขนี้ของคุณปุณนา “ขอโทษนะคะคุณแม่ อุ่นเขาบอกเองว่าระหว่างปุณณ์กับวรรษ ย่าจะเลือกอะไร ย่าก็ต้องเลือกวรรษใช่ไหมคะ คุณแม่ต้องเข้าใจนะคะ ว่าเรื่องอย่างนี้ย่าช่วยไม่ได้จริงๆ”

คนที่เป็นทั้งแฟนคลับ และหวังให้สาวคนเก่งมาเป็นสะใภ้คนเล็กของบ้านยอมพ่ายทัพกลับไปก่อน พบหน้าลูกชายคนเล็กทำหน้าหงอย ได้แต่ปลอบใจไปแกนๆ

“ในสิ้นปีนี้ถ้ายังแต่งงานกับหนูอุ่นไม่ได้ ตัดออกจากกองมรดก ตัดงบทุกอย่าง แล้วจะเรียกคืนที่เราเอาไปใช้เที่ยวเล่นทำวิจัยในญี่ปุ่นคืนให้หมด”

ปุณณ์หน้าหงายรับอรุณวันใหม่ ลับหลังมารดาที่ดูอารมณ์หงุดหงิดจากการล้วงความลับจากว่าที่สะใภ้คนโตไม่สำเร็จ ถึงได้มาลงกับตนแทน ปุณณ์งุ่นง่าน เดินดุ่มเข้ามาในห้องทำงานของอิศยา ซึ่งเจ้าตัวกำลังฮัมเพลงสบายในลำคอ ช้อนตามองเพียงเล็กน้อย ก่อนก้มไปสนใจงานในมือแทน

“ย่า ช่วยอีกนิดเถอะนะ ตอนนี้อุ่นอยู่ที่ไหน”

“ทำไมถึงต้องช่วยด้วย ที่ผ่านมาช่วยไม่พออีกเหรอ” ตอนแรกอิศยาเคยคิดอยากช่วยปุณณ์ให้ถึงที่สุด แต่พอยามนี้เห็นว่าเล่นคนลูก กระทบไปถึงคนเป็นแม่ที่อิศยาแพ้มาตลอดหลายปีนี้ให้เต้นผ่างได้ มันรื่นรมย์จิตใจอย่างบอกไม่ถูก

“ใจร้าย”

“นี่ว่าเราใจร้ายอีกคำจะขอแช่งให้อุ่นหนีไปไกลๆ เลย ถ้าเราไม่ส่งนายไปขัดขวางพี่ภีม ป่านนี้แผนแม่ของนายสำเร็จไปแล้วนะปูน”

“แผนแม่เหรอ”

“ใช่สิ คุณแม่ใช้ให้องศาตามหาวรรษ สุดท้ายผลก็ลงเอยอย่างที่นายเห็น นี่ล่ะน้า เพราะเราแท้ๆ สำนึกบุญคุณไว้บ้าง ชิส์” อิศยายังรู้สึกแกล้งปุณณ์ให้ดิ้นพล่านไม่พอ ถึงหน้าตาคนรับรู้ความจริงจะกำลังโดนน็อกกลางอากาศมากแค่ไหน อิศยาก็ยังสนุกพอจะกดโทรศัพท์คุยกับที่รัก

“พี่ปั้นขา วันนี้ย่าอารมณ์ดี”

“หืม อารมณ์ดี มาแปลกนะ”

“พาย่าไปเลือกชุดแต่งงานหน่อยสิ”

“หา!” เสียงคนปลายสายดังลั่นจนปุณณ์ที่ยืนอยู่ในห้องเองยังได้ยิน อิศยาหันมายักคิ้วยั่วปุณณ์ส่งท้ายกล่าวลอยๆ

“ถ้าหาไม่เจอก็กลับไปจุดเริ่มต้น...แต่ไว้เคลียร์เรื่องมิลันเสร็จค่อยกลับไปก็ยังไม่สาย วันนี้คุณตาจะกลับมาใช่ไหม ปูนต้องไปรับนะ เรากับพี่ปั้นจะไปดูชุดแต่งงาน หมั้นกันนานแล้ว อยากแต่งสักที”

ไม่รอให้พูดจบ ประตูห้องทำงานของอิศยาก็เปิดรับแขกใหม่อีกครั้ง สภาพปัณณ์เหนื่อยหอบขณะเท้ามือกับกรอบประตู “ผมมาฟังอีกครั้ง หนูย่าพูดอีกรอบได้ไหม”

ประกายตาคนรอแต่งงานเต็มแก่ดูมีความหวัง อิศยาไม่ตอบนอกจากพยักหน้ายืนยันคำพูดตัวเอง ไม่ได้คิดประชดใดๆ เพราะยามนี้ที่คนอีกคู่กำลังรอเวลา คู่ของเธอก็แค่ไปรออยู่ตรงเส้นชัย อะไรที่ปัณณ์หวังผลไว้ในทีแรก ที่จริงไม่ใช่ความผิดของปัณณ์เลย เธอเองก็ทำให้ปัณณ์รอมานานเอง คนต้นคิดทั้งหมดน่ะคุณปุณนา เวลานี้อะไรที่ยั่วทั้งคุณปุณนา และปุณณ์ที่เธอหมั้นไส้กับการตกกระไดพลอยโจร ให้อิจฉาตาร้อนผ่าวหนักขึ้น และเธอมีความสุขขึ้น...มันสนุกสนานใช่เล่น

ปัณณ์อุ้มคนตัวเล็กด้วยแขนข้างเดียวหมุนไปรอบๆ ก่อนพุ่งตัวออกไปประกาศเสียงดังให้ใครต่อใครได้ยิน ใครต่อใครที่ชินกับการแสดงความรักของปัณณ์มานานแล้ว นับตั้งแต่เปิดตัวงานหมั้นเอกเกริกต่อหน้าคนพันคน คนคู่นี้ก็สวีทน้ำตาลขึ้น มดกัดคนพบเจอเป็นประจำ

“หนูย่าจะแต่งงานกับผมแล้วครับ วันนี้ปิดตึก เลี้ยงขนมไม่อั้น หนูย่าใจดี”

“อะไรใครเลี้ยง ย่าแต่งแล้วย่าต้องเสียเงินอีกเหรอ ไม่เอานะ”

“งั้นพี่เลี้ยงเอง”

“ใครบอก ย่าจะทำขนมเลี้ยงทุกคนเอง แล้วไปบอกกับคุณตาด้วยนะคะพี่ปั้น” บิดแก้มคนรักไปมา ที่กำลังทำหน้าเหงื่อตกกับคำว่าคุณตา

“พ่อของย่าน่ะเหรอ พี่ต้องเตรียมร่างกายให้พร้อมไปเป็นกระสอบทรายก่อนนะ”

คนฟังหัวเราะคิก โอบคอคนพูดไว้แน่น ขณะที่ส่งสายตาไปยังปุณณ์ซึ่งกำลังเท้าสะเอวหน้ามุ่ยมองมา “ย่าหมายถึงตาของพี่ปั้น ส่วนพ่อของย่าน่ะอีกไม่นานพี่ปั้นได้มีเพื่อนไปเป็นกระสอบทรายด้วยกันแน่ค่ะ”

ภาพคู่รักที่กำลังทำโลกชมพูมาระรานคนโลกสีหม่นได้อย่างน่าหมั่นไส้ จนปุณณ์อดรนทนไม่ได้ต้องทำตัวเป็นคนขี้โวยวายขัดความหวานนี้บ้าง

“อิจฉาโว้ย หวานไม่เกรงใจคนห่างรักบ้างเลย”

แต่ประโยคระคายหูไม่เข้าไปทำลายความหวานลงได้ ที่สำคัญปัณณ์ออกโรงเอง “ปล่อยให้มันอิจฉาไปเนอะ พวกเก่งแต่ปลูกแห้ว เราอย่าได้หวานประหยัดเลยนะหนูย่า เดี๋ยวใครแถวนี้จะไม่อิจฉา”

แล้วเสียงหัวเราะคิกคักอารมณ์ดีก็พานให้คนปลูกแห้วตาร้อนผ่าว อยากไล่ล่าพรพิรุณขึ้นมาสวีทแข่งกับคู่ที่เขาดันมาเองกับมือ ถ้าดันมาเองกับมือให้มาทำภาพบาดบาดใจในวันนี้ จ้างให้ไอ้ปูนก็ไม่ช่วยหรอก

เรื่องอุ่นก็เลิกช่วยกันดื้อๆ...ใจร้ายชะมัด

ความตึงเครียดลอยกรุ่นไปทั่วบริเวณเพียงแค่บุคคลที่ถูกคุมตัวเข้ามาจากที่ลับถึงสามชีวิตปรากฏกายขึ้น ปาริตาทนสบตาต่อสายตาของผู้เป็นพ่อไม่ได้จนต้องเบือนหน้าหนี ความรู้สึกผิดเกาะกินหัวใจทุกครั้งที่รู้ว่าเธอเองได้เลือกข้างคนละด้านกับคนเป็นพ่อ

“นังลูกทรพี แกรู้ชาติกำเนิดตัวเองมานานเท่าไหร่แล้ว สุดท้ายก็วิ่งแจ้นกลับมา แกไม่น่าเกิดมาให้ชีวิตฉันอัปยศเลยนะ”

เพียะ...เสียงมือกระทบแก้มดังลั่น ความเงียบแฝงกรุ่นความยะเยือกยามที่ปิลันธน์ทนเห็นผู้ชายที่เธอรักก่นด่าลูกสาวตัวเอง

“ทุกอย่างมันเกิดเพราะฉันโง่ โง่ที่รักคนแบบคุณ มิลันไม่ผิดอะไร สิ่งที่แกทำ สำหรับฉันมันถือว่าถูกต้องทุกอย่าง คนอย่างคุณต่างหากที่นอกจากจะเลว ยังบ้า อาฆาตเคียดแค้นไม่จบไม่สิ้น ยังกล้าเรียกร้องสิทธิ์ความเป็นพ่ออีกเหรอ ลูกที่เป็นได้แค่เด็กรับใช้ในบ้าน ทำไมล่ะ วันนี้ลูกของฉันแค่กลับมาในที่ของตัวเอง รับไม่ได้เชียวหรือ”

ปิลันธน์ประกาศกร้าว จากอดีตหัวหน้าแม่บ้านแห่งบ้านธวัชเดชาสู่ลูกสาวคนเล็กของเจ้าของดีเอส ปิลันธน์เคยคิดว่าตัวเองทนได้เพราะรัก เคยคิดว่าตัวเองจะทำให้ผู้ชายตรงหน้าหยุดความแค้นแก่กันได้ แต่มันไม่เคยมีจริง จนกระทั่งถึงกับเข่นฆ่าลูกหลานของเธอ

ตั้งใจทำลายดีเอสให้จมดิน วันนี้เธอตาสว่างแล้ว

ปาริตาน้ำตาคลอหน่วย ครอบครัวของเธอไม่เคยสมบูรณ์พร้อมมาแต่ไหนแต่ไร แม่ได้แต่หลบๆ ซ่อนๆ เป็นเพียงเมียลับๆ ของคุณศานติ ส่วนเธอต้องยอมรับไปว่าไม่ใช่ลูกของเขา วันนี้ทุกอย่างมันยิ่งเลวร้ายลงกว่าเดิม

“แม่คะ ทุกอย่างมันจบแล้ว”

“ใช่สิ ก็เพราะแกทำลายชีวิตฉัน ฉันน่าจะฆ่าแกไปตั้งนาน ไม่ให้โตมาเป็นหนามยอกอก เป็นหอกข้างแคร่ ฉันจะฆ่าแก”

ผู้ชายตัวโตที่คุมตัวแพรระพีอยู่กระเด็นคนละทิศเมื่อคนถูกความโกรธ อาฆาตแค้นครอบงำสะบัดตัวจนหลุด พุ่งเข้าใส่ปาริตา สองมือบีบลำคอเล็กของคนที่ไม่ขัดขืนใดๆ ปล่อยให้ตัวเองโดนกระทำ รับทุกอย่างแต่โดยดี เล็บยาวจิกรอบคอของเธอจนของเหลวเริ่มไหลซึม ปาริตามองความโกรธแค้นในนัยน์ตาของพี่สาวต่างมารดาอย่างชัดเจน...พี่สาวของเธอจำเป็นต้องได้รับการรักษา

อากาศกำลังจะหมดลงไป ร่างของแพรระพีถูกผลักกระเด็นจนไปกระแทกกับขอบโต๊ะ ภีมที่อยู่ใกล้สุด และได้สติก่อนใครสำรวจใบหน้าขาวจนไร้สีเลือด ปาริตายืนโงนเงนได้สักครู่ ก็ล้มพับหมดสติไป

“มิลัน...มิลัน”

ภีมเขย่าร่างไร้สติอย่างเป็นห่วง อิศยาเป็นคนลุกนำ “พี่ภีมคะพามิลันไปนอนพักข้างบนก่อน เดี๋ยวย่าสั่งให้คนเอายาดม ยาหม่องมาเอง”

อิศยาหันมาบีบมือของปัณณ์ชั่วครู่ ส่งสายตาบอกให้รู้ว่าต่อจากนี้เป็นเรื่องของคนในครอบครัว แต่เพียงก้าวออกจากห้องโถงกว้างมาได้ไม่เท่าไหร่ เสียงกรีดร้องเจ็บปวดอย่างคนเสียสติก็กรีดลึกใจคนฟัง และมันดังไปถึงคุณหมอตัวน้อย ให้ระลึกว่าการกระทำของเธอครั้งนี้มีใครบ้างที่ต้องเจ็บแค้น

“ขอโทษค่ะ...ขอโทษ” ปาริตาละเมอออกมาแผ่วเบา แต่สะกิดใจคนฟัง ภีมมองคนในอ้อมแขนด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป ความรู้สึกผิดเกาะกุมชัด ความจริงของปาริตา และท่าทีที่ผ่านมาทั้งหมด เจ้าตัวกระทำไปโดยที่ใจส่วนหนึ่งรับรู้ความผิดบาปต่อสายเลือดครึ่งหนึ่งของตัวเอง

แต่ไม่ใช่คนทรยศต่อเดชอนันต์สิทธิ์ เขาเองที่โง่งมมานาน


ภาพแพรระพีเสียสติกรีดร้องด้วยความคั่งแค้นเป็นภาพสลดหดหู่ของทุกคนในที่นั้น ปุณณ์ไม่เคยคิดว่าความแค้นอาฆาต ที่มากมายในอดีต ถึงวันนี้เขากลับรู้สึกไม่โกรธเคืองอะไรต่อการกระทำที่แล้วมาของแพรระพีอีก คนหนึ่งคนที่กักเก็บความรู้สึกมากมายนั้นไว้ ชีวิตก็คงไม่ได้มีความสุข

“พอได้แล้ว ทั้งแก ทั้งยัยอี๊ด ฉันเองที่ผิด” คนบนรถเข็นที่ถูกเข็นมาด้วยมือของเขมรัฐ ความแก่กลืนกินวัยแปดสิบปลายๆ ให้ดูไร้เรี่ยวแรง เสียงพูดแหบพร่า น้ำตาไหลออกมาช้าๆ ตอกย้ำว่าใครกันแน่ที่ผิด

ปุณณ์นิ่งฟังความจริงเบื้องลึกเบื้องหลังของความบาดหมางระหว่างธวัชเดชากับเดชอนันต์สิทธิ์ อดีตที่เล่าจากคุณชาติ ธวัชเดชา

แต่เดิมท่านกับปกป้อง ตาของตนนั้นเคยเป็นเพื่อนรักกันมา เคยมีความฝันว่าจะก้าวไปข้างหน้าด้วยกัน แต่พอเดินบนทางธุรกิจ หลายครั้งที่ทั้งสองต้องล้มลุกคลุกคลานในวงการนี้มาไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ จนกระทั่งความโลภครอบงำ ในช่วงเวลาที่ปกป้องใกล้จะเป็นคนล้มละลาย ชาติหนีไปแต่งงานกับลูกสาวตระกูลธวัชเดชา นักธุรกิจใหญ่ ปล่อยเพื่อนลอยแพ แต่ไม่นานปกป้องก็กลับมาผงาดได้อีกครั้ง ทั้งแรงใจจากภรรยา ลูกๆ หรือลูกน้องดีๆ ท้ายที่สุดเดชอนันต์สิทธิ์ก็ก้าวนำธวัชเดชา ความเคียดแค้น และอิจฉาบ่มเพาะกลายเป็นความเกลียดในใจของชาติ ครอบครัวไม่มีความสุข ภรรยาก็ไม่รัก ลูกก็ไม่ได้เรื่อง

แต่เมื่อท่านหันมองสภาพหลานสาวที่เคยคิดฝากความหวังไว้ในมือ ดวงตาเหม่อลอย พร่ำเพ้อ ก่นด่าทุกเรื่องราวในชีวิตทำให้ชาติรู้ว่าที่ผ่านมาทั้งหมด เกิดขึ้นเพราะเขาเอง

ชาติจับที่จับรถเข็นมั่น ก่อนที่จะทำสิ่งที่ใครต่อใครไม่คาดคิด อาการโรคคนแก่ต่อให้เจ็บกระดูกมากแค่ไหน คงไม่เท่าแผลเรื้อรังที่มีอยู่ในใจมานานเกือบทั้งชีวิต ทรุดลงกับพื้น ยกมือพนมแทบอกหันหน้าไปทางทิศที่มีชายแก่วัยเดียวกัน แต่ต่างกันตรงที่ยังแข็งแรง เดินเหินสะดวก ผมบนศีรษะยังมีเต็มหนังหัว

“ขอโทษสำหรับทุกอย่าง อย่าเอาเรื่องเจ้าศานติกับยัยอี๊ดเลยนะ ฉันไหว้ล่ะ”

“พ่อ!” ศานติพยายามเข้ามารั้งพ่อของตนไว้ ทั้งชีวิตเติบโตมาด้วยการถูกปลูกฝังให้หยิ่งในเกียรติและศักดิ์ศรีมองบิดกาทั้งน้ำตา

“หุบปาก แล้วสำนึกซะ ฉันเองผิดที่เลี้ยงแกมาด้วยความแค้น ความอิจฉา คนพวกนี้ไม่เคยทำร้าย มีแต่ฉันที่กุเรื่องหลอกว่าพวกเขาขโมยของพวกเรา เข้าใจที่ฉันพูดไหม”

ศานติตาแดง จมูกแดงขณะสะบัดตัวหลุดจากการจับกุม คลานเข่ามากอดพ่อวัยชราของตนไว้แน่น “พวกเราก็ผิดกันทุกคน ไม่มีใครไม่ผิดหรอกครับพ่อ ผมขอโทษ ที่อี๊ดต้องเป็นแบบนี้ มันเป็นความผิดของทุกคน”

เสียงสะอื้นของน้าสาวร่ำไห้เงียบๆ ภายในอ้อมกอดปลอบของชเยศ และปุณนา ความเป็นพี่เป็นน้องไม่เคยตัดขาดจากกัน ปุณณ์รู้สึกว่าปัญหาเรื้อรังนานปีจะจบสิ้นกันในวันนี้

“เรื่องธวัชเดชาจะทำยังไง” ปกป้องพยักหน้าให้มาพาชายชราขึ้นนั่งรถเข็นให้เรียบร้อย ส่วนศานติจะยังนั่งคุกเข่ารับสภาพทุกข์ต่อก็สุดแล้วแต่

“ฉันจะขายทิ้ง”

“แน่ใจเรอะ แล้วจะทำยังไงต่อไป”

ปกป้องมองหน้าบุตรชาย หลานสาว และภาพการเคียดแค้นของหลานในอุทธรณ์ทั้งสอง ความหดหู่ยิ่งบาดใจ “ฉันจะไปใช้ชีวิตเรียบง่ายในที่ที่ไกล พอกันทีกับอำนาจเงินตรา ฉันยังจำได้ว่าครั้งหนึ่งแกเคยเตือนฉันในช่วงที่ฉันทิ้งแกไปว่าอย่าใช้ชีวิตโดยให้เงินนำทาง แต่จงใช้ชีวิตอยู่เหนือเงิน อำนาจ ถึงจะอยู่ได้ยาว”

“ดีใจที่ยังจำได้” คุณปกป้องยิ้มใจดี เดินมายืนตรงรถเข็นของเพื่อนเก่าแก่ เข็นพาเดินชมอากาศยามเย็นที่พระอาทิตย์กำลังลาลับขอบฟ้าจากทางกระจกใสบานใหญ่ของบ้าน

“ชีวิตเราก็เหมือนพระอาทิตย์ มีขึ้นมีลง มีส่องแสงสว่าง หรือว่าเป็นเพียงแค่เงามืด ทุกอย่างมันอยู่ที่เราเลือก สนใจไปเที่ยวรอบโลกกับฉันไหมชาติ เที่ยวกับพวกลูกน้องไม่สนุกเลย แม่ของลูกๆ ฉันก็เห่อเหลน”

“ถ้าฉันมีแรงกว่านี้ ฉันจะไปเที่ยวกับนายนะ”


อาการอึดอัดจนหายใจไม่ออก จนต้องไอโขลกขณะที่รอบลำคอยังรับรู้สัมผัสรัดแน่นไม่จาง ปาริตาสะดุ้งลุกขึ้นนั่ง กวาดสายตามองหาแพรระพี แต่พอพบห้องนอนกว้าง เตียงนอนขนาดใหญ่ และใครอีกคนกำลังนั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียง ซึ่งเธอไม่อยากพบหน้ามากที่สุด

“ขอบคุณที่ช่วยนะคะ” ปาริตาบอกเสียงเบา เลือกวางขาลงพื้นอีกฝั่งเตียง ถึงจะกลายเป็นการชันเข่าลงจากเตียง ท่าทีคล้ายกับหนีก็ตาม

“คุยกันก่อนสิ”

“ไม่ค่ะ ข้างล่างสำคัญกว่า ฉันจะไปหาครอบครัวของฉัน” ปาริตาตอบเสียงดังฟังชัด บอกให้ภีมรู้ว่าในนาทีนี้เขาไม่ได้สำคัญอะไรต่อเธอ

“พี่ขอโทษที่มองมิลันผิด”

“ให้อภัยค่ะ จะได้ไม่มีอะไรติดค้าง” ปาริตาส่งเสียงขัดใจ ร่างโตหมุนตัวมายืนขวางตรงประตูห้อง ก่อนที่ปาริตาจะหนีหน้าออกไป “เอาอะไรอีกคะ”

“พี่อยากหายจากโรคเกลียดรสหวาน”

ปาริตายิ้มมุมปาก เชิดคางขึ้น “ไปหาหมอที่อื่นเถอะค่ะ ความพยายามของฉันหมดลงไปตั้งแต่คุณไม่เชื่อใจฉันแล้ว” ดวงตาเจ็บหนักจากการรับรู้ว่าเขาเสแสร้งแกล้งทำให้เธอรู้สึกดี แล้วใช้วิธีการพูดกล่าวหาเธอ มันยิ่งกว่าการถูกสาดด้วยน้ำแข็งเย็นจัดเสียอีก

ภีมกุมข้อมือเล็กไว้มั่น ไม่ยอมปล่อยให้หนีหายไปง่ายๆ “มิลันที่น่ารักหายไปไหน”

“โดนระเบิดตายไปแล้วมั้งคะ กะอีแค่เสียผู้หญิงที่ไม่ต่างจากตุ๊กตาตัวหนึ่งไป หนุ่มเจ้าเสน่ห์อย่างคุณก็คงมีตัวอื่นให้ไปหาอีกเยอะ...จริงไหมคะ”

สะบัดข้อมือออกอย่างแรง ดวงตาเชื่อง่าย น่ารัก ในสายตาของภีมไม่เหลือในตัวปาริตาอีก เรื่องเลวร้ายมากมายที่ได้พบเจอ หล่อหลอมปาริตาขึ้นมาใหม่

........................................................................
คุณ Liez ซึ้งแทนอุ่นเลยค่า อุ่นทำให้เรื่องคลี่คลาย
คุณ wind มาเฉลยแล้วนะคะ
คุณ ใบบัวน่ารัก จัดไปค่ะ หนูย่ายอมแต่งสักที ฮา ใกล้จบแล้ว เลยมาอัพให้สองตอนเลย มีการเอาคืนคุณปุณนาเล็กน้อย
คุณ ameerah แปะโป้งไปตอนหน้านะคะ แค่สองตอนก็แก้ปัญหาทีละเรื่องเลย ทิ้งปมของภีมไว้แทน
คุณ ร้อยวจี ปรบมือค่ะ กำลังคิดว่าของภีมลงให้จบในเรื่องนี้ไมได้แน่ๆ ผู้ชายนิสัยเสียต้องโดนดี ฮา สวีทสุดท้ายของภีมค่ะ ตอนหลังๆ ใจดีแล้วนะคะ กลัวคนอ่านระทึกเกินไป หลบระเบิด หนีกระสุน รถโดนยิง โดนแบล็คเมล์ มาเยอะพอแล้ว ฮา เรื่องของภีมขอเน้นๆ อารมณ์ค่ะ ไม่มีแล้วดราม่าเผากระท่อม
คุณ OhLaLa รอลุ้นว่าปูนจะเจออุ่นเมื่อไหร่นะคะ ไม่มีใครยอมช่วย คนรู้ก็ไม่ยอมบอก
คุณ alittledog ปูนถึงเหมาะจะอยู่ในนิยาย เกี่ยวไหม ฮา ใกล้จบแล้วค่า

ใครรอภีม แอบมีลุ้นว่าจะเป็นพระเอกเรื่องนี้ด้วย ตอนนี้ใครสังเกตไหมไม่รู้ แต่บทนำเรื่องนี้เปลี่ยนตอนเปิดไปแล้วเรียบร้อยค่ะ บทนำของเรื่องนี้ จะไปอยู่บทนำเรื่องหน้า และนางเอกของภีมจะเป็นมิลันแน่นอน รอเรื่องนี้จบก่อนนะคะ







ปวรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 27 ต.ค. 2556, 00:25:10 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 27 ต.ค. 2556, 00:25:10 น.

จำนวนการเข้าชม : 1788





<< เปิดตัววรรษ   แกล้งป่วย (ตอนจบ) >>
ร้อยวจี 27 ต.ค. 2556, 02:50:15 น.
ชอบทั้งสองตอนเลยค่ะ หวานทั้งคู่ ตอนที่แล้วคงเป็นอารมณ์ของการอยากปกป้องกันและกันของคนทั้งคู่ แต่ตอนนี้คู่ของย่าจะหวานมากเป็นพิเศษ ถามตามด้วยความเจ้าเล่ห์ของว่าที่แม่สามี ต่อบทดราม่าของคนรุ่นเก่า ชอบมากเลยค่ะ ยิ่งกว่านั้นชอบไร้ท์เตอร์ใจดีเป็นพิเศษลงมาให้สองตอนเลย ขอกลับไปอ่านอีกซักสองรอบนะคะ


wind 27 ต.ค. 2556, 06:46:29 น.
สองตอนรวด มีความสุข อิอิ

สงสารแพรระพี เพราะผู้ใหญ่แท้ๆ


ใบบัวน่ารัก 27 ต.ค. 2556, 07:25:40 น.
ปูนอายุเท่าไร อ่อนกว่าอุ่นกี่ปี อุ่นกินเด็กหรือเปล่าเนี่ย
ภีมก็ตามง้อ ๆๆเยอะๆๆนะคะคุณหมอจะได้ยอมรักษาให้
ความแค้นมากมายนักจบลงซะทีนะ เรื่องเยอะจริงๆๆนะคนเขียน
มาตามหาอุ่นกันเถอะ.


ปรางขวัญ 27 ต.ค. 2556, 12:17:26 น.
รออ่านคู่ของมิลันอยู่ค่ะ แก้แค้นภีมเลยนะคะ เชียร์


alittledog 27 ต.ค. 2556, 15:52:41 น.
มิลัน เอาให้หนักๆเลย
แล้วจะมาตามเชียร์ต่อค่ะ


ameerah 27 ต.ค. 2556, 21:30:52 น.
แฮปปี้มากกก มาสองตอนเลยแถมมีฉากหวานๆของคู่พี่ปั้นกะนู๋ย่ามาด้วย แต่คู่ของปูนกะอุ่นเมื่อไหร่จะลงเอยกันซะทีเนี่ย สงสารนายปูนอ่ะ ส่วนนายภีมสมควรโดนแบบนี้แล้ว 555


OhLaLa 28 ต.ค. 2556, 11:11:58 น.
ชอบพี่ปั้นกับหนูย่าสวีทหวานโชว์ปูน 55 แต่คู่ปูนกับอุ่นจะยังไงล่ะเนี่ย


ผักหวาน 4 ธ.ค. 2556, 16:05:08 น.
โสน้ำหน้า พีคุ๊กกี้


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account