Uluru ด้วยรักนิรันดร์
ตอนที่ความรักนั้นจบลง
ชีวิตของผมก็เหมือนไม่อยู่บนโลกใบนี้อีกต่อไป ...
นานเท่านาน ...
หัวใจจมดิ่งลงไปสู่เบื้องลึกของความทรงจำอันเจ็บปวด
ตอนที่คุณหายไป ...
ชีวิตผมบาดเจ็บจนลืมไปว่ามันสามารถรักษาได้

นานเท่านาน ...
หัวใจได้เยียวยาด้วยหัวใจ ...
แล้วเราคงข้ามผ่านมันไปด้้วยกัน ...
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่ 27 : ซิดนี่ย์ วอล์ค (3)

เหมือนอยู่ในความฝัน พีรพงษ์รู้สึกเช่นนั้น เมื่อการที่ได้เดินไปข้างๆ เกมแบบนี้อีกครั้งเหมือนเป็นความฝันจริงๆ ชายหนุ่มเองก็นึกอยากจะถามหญิงสาวที่เดินอยู่ข้างกันอีกครั้งเพื่อให้รู้ว่าเป็นความจริงหรือความฝันกันแน่

พีรพงษ์เดินตามเกมที่พาตัดตรอกเล็กๆ ทะลุออกไปยังลานสาธารณะ ช่วงขายาวๆ ของเกมก้าวไปอย่างมั่นคง เสียงพื้นร้องเท้าส้นเตี้ยเคาะพื้นถนน ก็อกๆ มือที่แกว่งสลับกันเป็นอิสระอยู่ในจังหวะเดิน ใจของชายหนุ่มอยากเอื้อมไปคว้ามือมาจับไว้แล้วเดินไปด้วยกัน แต่ความรู้สึกบางอย่างห้ามใจตัวเองไว้

“ได้มาเดินไปด้วยกันกับพี่ไนท์ในซิดนี่ย์แบบนี้ เหมือนไม่ใช่ความจริงเลยเน๊อะ” เกมพูดลอยๆ เอียงคอมามองชายหนุ่ม และยิ้มนิดๆ
“อืม ยังกับความฝัน” เขาตอบ
“งั้นแบบนี้ล่ะ” เกมบิดแขนเขาเบาๆ “ยังเป็นความฝันอยู่ไหม?”
“อุ๊บ!” พีรพงษ์อุทาน

ชายหนุ่มรับรู้ได้ว่าหญิงสาวใช้มือของเธอจับเข้ากับฝ่ามือของเขา จะสัญชาตญาณหรือเพราะความปรารถนาก็ตาม เขากุมมือนั้นไว้โดยอัตโนมัติ มือของเกมยังคงบอบบางไม่ต่างกับวันเก่าก่อน มันสั่นเล็กน้อยเหมือนคนตื่นกลัวอะไรบางอย่าง เขาเลยออกแรงบีบเบาๆ
เกมหันมายิ้ม ยิ้มจนตาหยีแบบที่เกมเป็นเจ้าของ พีรพงษ์รู้ได้ทันทีว่าเขาปรารถนาที่จะเห็นภาพนี้มาโดยตลอด

คนสองคนที่เคยรักกันมาก เดินเคียงข้างกันไป เกมทำหน้าที่เหมือนไกด์นำเที่ยวไปด้วย สลับกับเล่าเรื่องราวของตัวเองไปด้วย แต่ชายหนุ่มรับรู้แต่เรื่องราวของหญิงสาวเท่านั้น

เกมพาเขาเดินเข้าไปในสวนสาธารณะขนาดไม่ใหญ่นัก หญ้าอ่อนของฤดูใหม่ถูกตัดแต่งไว้อย่างเรียบร้อย ใต้ร่มเงาของต้นไม้ต้นโตมีแสงแดดที่ทะลุลอดลงมาเต้นบนผิวทางถนน เกมนั่งลงบนม้านั่งเหล็กในมุมที่มองออกไปเห็นหมู่ตึกสูงลิบของนครแห่งนี้ เธอออกแรงดึงเขานั่งลงข้างกัน

“นี่คือเมืองของเกม” เธอเอ่ยถ้อยคำเรียบๆ แต่พีรพงษ์รู้สึกเหมือนประโยคดังกล่าวได้ระบุช่องว่างระหว่างเขากับเธอ
“เมืองที่เกมกำลังมีชีวิตอยู่ เมืองที่เกมมีวันพรุ่งนี้ให้สู้และพยายาม” หญิงสาวบอกด้วยเสียงหนักแน่น

เกมเล่าว่าสามปีที่แล้วหลังจากเกมเปลี่ยนงานไปหลายแห่ง เธอโชคดีได้งานการตลาดของบริษัทสินค้าอุตสาหกรรมเกษตรไทยรายหนึ่ง บริษัทกำลังจะทำตลาดย่านที่อยู่อาศัยของชาวเอเชียในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ มีตำแหน่งที่ต้องไปประจำที่ต่างประเทศ และเธอเลือกโอกาสนั้นให้ตัวเอง

นอกจากจะต้องแนะนำสินค้าแก่ร้านต่างๆ เธอยังต้องวางแผนจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายเพื่อให้สินค้าสามารถสู้กับเจ้าของพื้นที่เดิมๆ ให้ได้ เธอเล่าว่าเป็นงานที่หนักมากเพราะบริษัทตั้งเป้าการเติบโตไว้สูง และพิจารณาทุกสามเดือน ถ้าไม่ถึงเกณฑ์ก็ต้องดึงกลับประเทศไทยและส่งคนใหม่มาแทน และเกมก็เอาชนะการแข่งขันได้เพียงแค่ช่วงสั้นๆ หกเดือนหรือสองครั้งของการพิจารณาเท่านั้นที่เกมผ่านมาได้ แต่ในรอบที่สามหญิงสาวรู้ตัวว่าอย่างไรก็คงเป็นไปไม่ได้ สุดท้ายเกมเลือกที่จะสมัครงานใหม่ในบริษัทของผู้หญิงไทยที่มาแต่งงานอยู่กินกับสามีชาวออสเตรเลียที่นี่ และลาออกจากบริษัทเดิม

“แล้ว?” พีรพงษ์อยากจะถามว่าชีวิตของคนที่เขาเคยรักเป็นอย่างไร
“เกมยอมแพ้ไม่ได้หรอกนะพี่ไนท์ เกมเรียนรู้ที่จะต้องเข้มแข็ง ถึงมันจะเหนื่อยและหนัก แต่ถ้ามันทำให้เกมอยู่รอดถึงพรุ่งนี้และวันต่อๆ ไปได้ เกมก็จะต้องทน”

คำบอกเล่าแบบนี้พีรพงษ์รับรู้ได้ทันทีว่าหญิงสาวคงไม่ได้มีชีวิตที่สบายนัก ความสงสารจับกุมหัวใจ เขาอยากจะชวนเธอกลับไปเมืองไทยด้วยกัน

“คิดถึงพี่ไนท์นะ” หญิงสาวเปลี่ยนเรื่อง
พีรพงษ์จ้องหน้า มองเข้าไปดวงตาสุกใสคู่เดิมที่เขาชอบมอง “พี่ก็คิดถึงเกม” คำพูดนั้นเต็มไปด้วยความโหยหา
“เมื่อหลายปีก่อนที่เราแยกทางกัน ตอนนั้นเกมยังนึกสงสัยอยู่เลยว่าพี่ไนท์จะตามหาเกมไหม แต่ต่อให้พี่ไนท์อยากตามหาพี่ไนท์ก็ไม่มีทางเจอเกมหรอก เพราะเกมไปอยู่ไกลจนพี่ไนท์ไม่มีทางไปเจอ”
“จริงเหรอ?”
“จริ๊งง!” เธอทำเสียงสูง
“ตอนนั้นเกมไปอยู่ภูเก็ต ทำรีสอร์ทบนเกาะเล็กๆ สัญญาณติดต่อก็ไม่ค่อยจะมี”
“พี่รู้ไหม? กลับจากเกาะมาเกมก็ไม่เคยกลับเข้ามาอยู่ในกรุงเทพฯ แม้แต่ช่วงเวลาเดียว”

ชายหนุ่มขมวดคิ้วและถาม “ทำไม?”

“เกมไม่รู้ว่าเกมจะบังเอิญเจอพี่ไนท์หรือใครที่รู้จักวันไหนตอนไหน เกมกลัวความทรงจำและเรื่องราวเก่าๆ จะทำให้รู้สึกเจ็บปวด” หญิงสาวบอก
“พี่ขอโทษนะ” พีรพงษ์รู้สึกว่าความทุกข์กำลังถาโถมเข้าใส่เขา
“ไม่เป็นไร ตอนนั้นเกมก็แค่รู้สึกน้อยใจ แต่พอผ่านมาเรื่อยๆ อยู่ตัวคนเดียวมานานๆ เกมก็อยู่กับมันได้ แล้วเกมก็ค่อยเป็นค่อยไปจนได้มาที่นี่”

ชายหนุ่มนิ่งเงียบ จนหญิงสาวหันมายิ้มให้

“พี่คงใจร้ายมากเลยสินะตอนนั้น” เขาถาม
หญิงสาวไม่ตอบ แต่ใช้มือทั้งสองข้างจับมือของเขาไว้แน่น
“อย่าไปคิดถึงมันเลยนะ อดีตผ่านไปแล้ว อย่าไปจมอยู่กับมันเลย” เธอบอก
....................

เสียงเคาะประตูห้องพักรัวดัง เกมสะดุ้งตื่นจากนอนหลับไปด้วยความเพลีย งานออกตลาดต่างจังหวัดในวันแรกทำให้เธอรู้สึกเหมือนมีไข้รุมๆ คงเพราะทั้งการเดินทางไกลและงานใช้แรงขนย้ายพวกอุปกรณ์และสินค้าเพื่อจัดบูธที่ทำเอาเกมแทบไม่เหลือเรี่ยวแรงนั่น ดังนั้นเมื่อเสร็จงานหญิงสาวจึงปฎิเสธที่จะไปสังสรรค์เล็กน้อยกับเพื่อนร่วมงาน

เกมขอตัวกลับห้องพักก่อนโดยมีผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายการตลาดที่มาในฐานะหัวหน้าชุดคุมงานเป็นคนขับรถมาส่ง ลมแอร์จากช่องในรถทำให้เธอปวดขมับ ดังนั้นเมื่อกลับถึงห้องพักเกมก็ตรงเข้าห้องทันทีและทิ้งตัวลงบนที่นอน

หญิงสาวเดินมาเปิดประตูเพราะคิดว่าเป็นพี่ผู้หญิงอีกคนที่จะพักด้วยกันกลับมาแล้ว แต่กลายเป็นว่าใครสักคนที่อยู่ข้างนอกกระแทกประตูเข้ามาจนเกมล้มลงกับพื้น

แล้วผู้ชายคนนั้นก็กระโจนรวบตัวเกมเอาไว้ มันใช้มือใหญ่หนาปิดปากไม่ให้เกมร้องออกมา และด้วยหมัดเพียงหมัดเดียวเข้าที่ท้อง ความจุกก็ทำให้เกมหมดแรงสู้หรือดิ้นรน ความทรงจำสุดท้ายที่เธอจำได้คือผ้าที่มีกลิ่นแปลกๆ และแล้วสติของเกมน็อกไป
เพราะการที่ไม่รู้สึกตัว เกมเลยไม่รู้ว่าเกิดอะไรกับตัวเองบ้าง และเมื่อรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกครั้ง มันก็เป็นวันใหม่ แต่เป็นวันใหม่ที่ทำลายโลกของหญิงสาวไปจนไม่เหลือหรอ

โน้ตสั้นๆ ที่โต๊ะหัวเตียงของพี่ผู้หญิงร่วมห้องพักเขียนทิ้งไว้ว่า “น้องเกมคงเป็นไข้ หัวหน้าอนุญาตให้พักไม่ต้องออกไปบูธ” และหน้าจอโทรศัพท์ที่มีรูปภาพที่ทำให้เธอต้องช็อก มันเป็นรูปถ่ายจากกล้องมือถือ รูปที่ถ่ายเธอซึ่งไม่ได้สติกำลังถูกทำอะไรต่ออะไร รูปนั้นถูกส่งเข้ามือถือของเธอโดยเบอร์ของผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายการตลาด และข้อความอีกหนึ่งข้อความที่บอกว่า “ยังมีอีกหลายสิบรูป คงรู้นะว่าถ้าเอาเรื่องนี้ไปแจ้งความหรือบอกใครจะเกิดอะไรขึ้น”

เกมร้องไห้ออกมาโดยอัตโนมัติเมื่อรู้ว่าตัวเองกลายเป็นผู้เคราะห์ร้าย คนแรกที่เธอนึกถึงคือคนรักที่รอเวลาเธอกลับจากทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ ผู้ชายที่เธอรักมาก ผู้ชายที่เป็นครอบครัวของเธอในตอนนี้ ผู้ชายที่เป็นที่ยึดและพักพิงชีวิต ความสับสน ความกลัว ความกังวลใจ ทำให้หญิงสาวเลือกที่จะไม่บอกเขา เธอเลือกที่จะเก็บมันเป็นความลับที่จะไม่ยอมให้เขารู้

ตลอดสัปดาห์ที่เหมือนตกนรกทั้งเป็นของหญิงสาว เกมพยายามต่อรองเอารูปที่ถูกถ่ายอย่างยากลำบาก แต่สุดท้ายเงื่อนไขข้อตกลงทุกอย่างระหว่างเธอและผู้ชายคนนั้นก็เป็นที่พอใจกันทั้งสองฝ่าย

เงื่อนไขมีอยู่ว่าหญิงสาวจะต้องเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ ห้ามแพร่งพรายให้ใครรู้ เมื่อกลับไปกรุงเทพให้ทำตัวเป็นปกติ แต่ต้องอยู่ในชุดทีมงานออกบูธกิจกรรมการตลาดของบริษัททุกครั้งในช่วงสองเดือนจากนี้ ซึ่งก็คือสัปดาห์เว้นสัปดาห์ และแน่นอนว่าต้องมีอะไรกับผู้ชายคนนั้นด้วย โดยข้อแลกเปลี่ยนคือภาพที่ถ่ายไว้จะถูกลบทิ้งไปเรื่อยๆ เมื่อครบสองเดือนภาพก็จะถูกลบจนหมด
....................

โชคร้ายที่คนเลวๆ บนโลกมักไม่มีสัจจะ สองเดือนที่หญิงสาวคิดว่าจะปลดตัวเองจากเรื่องทุกข์ทรมานนี้กลับกลายเป็นการถูกหักหลัง
เงื่อนไขเรื่องเวลาถูกยืดออกไปอีกหนึ่งเดือน พร้อมกับที่ต้องยอมทำตามคำสั่งบังคับของอีกฝ่าย ไม่ว่าจะไปกินข้าว ดูหนัง หรือไปหลับนอนด้วย

น้ำตาของหญิงสาวรินไหลอย่างเจ็บปวด แต่เธอก็คิดว่ามันไม่มีทางเลือกนอกจากยอมรับข้อตกลงนั้นแบบกล้ำกลืน เพราะเธอไม่รู้ว่าถ้าคนที่เธอรักรู้ความจริงว่าเธอกำลังเผชิญกับอะไรอยู่ เขาจะรับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอได้หรือไม่ ถ้าอีกแค่เดือนเดียวทุกอย่างก็จบ ภาพถูกลบทิ้งจนหมด เธอก็จะได้รับอิสระ

สิ่งที่เกมทำคือการหาข้ออ้างให้กับการกลับถึงห้องดึกมากขึ้น ข้ออ้างของการต้องออกจากห้องในวันหยุดสุดสัปดาห์บ่อยครั้ง ไม่ว่าจะอ้างเรื่องออกบูธของบริษัท นัดกินข้าวกับเพื่อน หรือแม้แต่กระทั่งอ้างว่ากลับบ้านต่างจังหวัดที่เธอไม่เคยกลับไปเหยียบสักครั้ง

ความเสียใจที่สุดต่อสิ่งที่หญิงสาวได้ทำ... มันคือการที่ต้องโกหกคนที่เธอรักโดยตลอด

และที่เธอเจ็บปวดที่สุดก็คือ... เขาขับไล่ให้เธอต้องเดินออกมาจากชีวิตของเขาโดยที่ไม่เคยรู้ความจริงเบื้องหลังแม้แต่น้อย
....................

พระอาทิตย์ลับฉากหลังตึกสูงแทนที่จะลับขอบฟ้า หนุ่มสาวคนไทยสองคนที่เคยรักกันมากเดินจับมือกันไปกลางมหานครอันวุ่นวาย ดูผิวเผินเหมือนคู่รักคู่หนึ่งที่มาเที่ยวต่างประเทศในช่วงความรักผลิบาน แต่นี่คือคนสองคนที่พลัดพรากจากกันมานาน

พีรพงษ์พบว่าตัวเองมีเวลาอยู่กับคนที่ตามหาได้แค่ฟ้ามืดเท่านั้น เพราะเธอมีงานในบ้านที่ต้องทำ ชายหนุ่มอยากไปส่งอดีตคนรักถึงที่พัก แต่เธอว่ามันจะลำบากในการเดินทางกลับที่พักของเขา และแม้จะพยายามอ้อนวอนขอไปส่งอย่างไร เกมก็ยืนยันคำเดียวว่าไม่ต้อง

สถานีเซ็นทรัลเป็นจุดล่ำลา พีรพงษ์โบกมือให้หญิงสาวที่อยู่อีกฟากประตูรถไฟฟ้า เธอโบกตอบพร้อมกับยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่เฉลยคำตอบว่าเธอยังโกรธและเกลียดเขาอยู่ไหม?

ชายหนุ่มเอียงตัวมองผ่านหน้าต่างออกไปเพื่อจับสายตาไว้ที่อดีตคนรักให้นานที่สุด จนกระทั่งภาพนั้นลับสายตา

“ช่วงเวลาที่ได้อยู่กับพี่ไนท์เป็นช่วงเวลาที่เกมมีความสุขที่สุด ถึงมันจะแค่ช่วงสั้นๆ ช่วงหนึ่งของชีวิต แต่เกมก็ขอบคุณตัวเองที่เคยมีช่วงเวลานั้นเสมอ” คำพูดของเกมเมื่อตอนอยู่ในสวนสาธารณะถูกหวนคิดขึ้นมา
“เกมโชคดีที่ได้รักพี่ไนท์ และโชคดียิ่งกว่าที่พี่ไนท์รักและใส่ใจเกมแบบที่เกมต้องการ”
“เกมเสียใจที่การจากมาของเกมทำให้ชีวิตพี่ไนท์ต้องมีปัญหา แต่เกมไม่เคยลืมแม้แต่ครั้งเดียวว่าเกมเคยมีพี่ เคยได้อยู่กับพี่ เคยฝันถึงอนาคตด้วยกัน”
“เกมไม่เคยโกรธวันที่พี่บอกเลิกกัน เกมเคยว่าพี่ไนท์ใจร้าย แต่จริงๆ ไม่ใช่... พี่ไนท์ไม่ได้ใจร้าย เป็นเกมต่างหากที่ใจร้าย เกมใจร้ายกับตัวเอง”

แรงโยกสั่นและเสียงกึงกังของรถไฟยามที่แล่นไปไม่ว่าที่ไหนก็ไม่ต่างกัน จากสถานีเซ็นทรัลที่รถเคลื่อนตัว พีรพงษ์ไม่รู้ว่าเขาจะได้เจอกับหญิงสาวอีกไหม? แต่บางอย่างที่ค้างคาอยู่ได้หลุดร่อนออก และแม้ว่าจะได้พบหรือไม่ได้พบเธออีกแล้ว เขาก็รู้ว่าบาดแผลที่มีเกมเกี่ยวข้องด้วยได้รับการรักษาแล้ว



นรมันร์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 28 ต.ค. 2556, 16:30:10 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 28 ต.ค. 2556, 16:30:10 น.

จำนวนการเข้าชม : 932





<< บทที่ 26 : ซิดนี่ย์ วอล์ก(2)   บทที่ 28 : บางคนที่คิดถึง >>
Sansanook 29 ต.ค. 2556, 08:41:56 น.


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account