Uluru ด้วยรักนิรันดร์
ตอนที่ความรักนั้นจบลง
ชีวิตของผมก็เหมือนไม่อยู่บนโลกใบนี้อีกต่อไป ...
นานเท่านาน ...
หัวใจจมดิ่งลงไปสู่เบื้องลึกของความทรงจำอันเจ็บปวด
ตอนที่คุณหายไป ...
ชีวิตผมบาดเจ็บจนลืมไปว่ามันสามารถรักษาได้
นานเท่านาน ...
หัวใจได้เยียวยาด้วยหัวใจ ...
แล้วเราคงข้ามผ่านมันไปด้้วยกัน ...
ชีวิตของผมก็เหมือนไม่อยู่บนโลกใบนี้อีกต่อไป ...
นานเท่านาน ...
หัวใจจมดิ่งลงไปสู่เบื้องลึกของความทรงจำอันเจ็บปวด
ตอนที่คุณหายไป ...
ชีวิตผมบาดเจ็บจนลืมไปว่ามันสามารถรักษาได้
นานเท่านาน ...
หัวใจได้เยียวยาด้วยหัวใจ ...
แล้วเราคงข้ามผ่านมันไปด้้วยกัน ...
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: บทที่ 28 : บางคนที่คิดถึง
“เกมขอโทษที่เกมไม่เคยติดต่อพี่ไนท์เลย แต่เกมอยากให้พี่ไนท์รู้ว่าเกมไม่เคยโกรธพี่ไนท์แม้แต่นิดเดียว” หญิงสาวเอ่ย
“ขอบคุณนะคะที่เคยดูแลเอาใจใส่เกมเป็นอย่างดี”
“ตอนนี้เกมกำลังใช้ชีวิตของเกมตามเส้นทางที่เกมกำหนดเอง เกมมีงานใหม่ ในแผ่นดินใหม่ และกำลังจะมีชีวิตใหม่เกิดขึ้นในนี้” หญิงสาวบอกและเอาฝ่ามือเรียวบางของเธอลูบไปที่ท้อง
“เกมกำลังจะมีเด็ก?” เขาอุทาน
“ใช่” เกมพูดและยิ้ม “เด็กคนนี้คือทั้งหมดของชีวิตเกมในวันเวลาต่อไปจากนี้”
“แล้วพ่อของเค้า” พีรพงษ์เอ่ยถาม
“เขาเป็นนักบัญชีของบริษัทนำเข้าที่นี่”
“แล้ว...”
“เกมเจอเค้าตอนที่เกมกำลังสับสนในเส้นทางที่เกมจะเดิน โชคดีที่เค้ามีงานเล็กๆ น้อยๆ ให้เกมทำพอให้ผ่านวันเวลาช่วงนั้นได้ แล้วเค้าก็ช่วยเหลือเกมอีกหลายๆ เรื่อง ที่สุดเราก็คบหากัน”
“เกมแต่งงานกับเขาแล้วเหรอ?”
หญิงสาวส่ายหน้าเบาๆ “ยังหรอก ตอนนี้เกมยังมีปัญหาเรื่องขอฐานะพลเมืองของที่นี่ แต่เขาก็รับรองว่ามันต้องเรียบร้อย ตอนนี้ก็เป็นพวกลอบเข้าเมืองไปก่อน” เกมพูดแล้วก็หัวเราะ
“เขาเป็นคนยังไง?” ชายหนุ่มเป็นห่วงอดีตคนรักซึ่งบัดนี้กำลังจะกลายเป็นแม่คนในอีกไม่นาน เขารู้สึกว่าโลกที่เกมอยู่นั้นไกลจากจุดที่เคยอยู่ด้วยกันมากนัก
“เป็นคนดี” เกมเว้นระยะก่อนย้ำคำอีกครั้ง “ดีมากๆ” ก่อนจะพูดต่อเมื่อเห็นสีหน้าผ่อนคลายของชายหนุ่มที่นั่งข้างๆ
“เป็นคนอ่อนโยน ฉลาด แต่ก็เจ้ากี้เจ้าการน่าดู” เธอพูดจบก็ยิ้ม
ชายหนุ่มรู้สึกดีกับการได้รู้ว่ามีใครบางคนได้ดูแลคนที่เขาเคยรักในช่วงที่เธอหายไปจากชีวิต แต่ก็อดรู้สึกไม่ดีกับตัวเองที่ไม่ได้เป็นคนคอยโอบอุ้มเธอไว้
“กี่เดือนแล้ว?” เขาถาม
“สามเดือนแล้วค่ะ” เกมตอบและยิ้มอย่างมีความสุขเมื่อเอามือแตะท้องของเธอเบาๆ
โลกมันเคลื่อนไปข้างหน้า ทุกคนต่างก็ต้องก้าวเดินไปและทิ้งเรื่องราวเก่าๆ ไว้เบื้องหลัง พีรพงษ์นึกโมโหตัวเองที่ไม่เคยเข้าใจ ไม่เคยเรียนรู้ ไม่เคยยอมรับและปล่อยวาง เขาเป็นผู้ชายคนเดียวกันกับวันเวลาตอนที่ปล่อยเกมเดินออกไปจากชีวิต
“นั่นสินะ... วันเวลามันไม่ได้หยุดนิ่ง ผู้คนรอบข้างก็ยังคงเคลื่อนไหวไปกับวันเวลา ที่หยุดนิ่งอยู่กับที่ก็มีแค่ตัวเราเองคนเดียว ผู้คนเรียนรู้และเติบโตขึ้น แต่ตัวเราเองกลับไม่เคยทำอะไรแบบนั้นเลย” พีรพงษ์คิด
“ยินดีด้วยนะ” พีรพงษ์จับมืออดีตคนรักเบาๆ
“ขอบคุณค่ะ” เธอยิ้มตอบ กอดแขนของเขาและซบศีรษะบนไหล่
....................
สายลมอ่อนโยนเคลื่อนผ่านวันเวลาอันโหดร้าย ปัดเป่าความทุกข์ที่ค่อยๆ ร่อนออกจากจิตใจเหมือนผิวลำต้นยูคาลิปตัสในทะเลทรายเกรตวิคตอเรีย ทั้งหมดเป็นไปตามกำหนดธรรมชาติเพื่อให้ลำต้นภายในได้เติบโตขยายใหญ่ขึ้น
พีรพงษ์รู้สึกตัวเองเหมือนหนอนที่เพิ่งรู้สึกตัวเองว่าแท้จริงกลายเป็นผีเสื้อมานานแล้ว หากแต่ไม่เคยคิดสลัดคราบที่ห่อหุ้มอยู่เพื่อกระพือปีกออกบิน
พระจันทร์บนฟ้าสุกสว่าง หลังคาบ้านเรือนย่านที่พักของต๊อดเมื่อพีรพงษ์มองออกไปจากหน้าต่างกำลังอาบแสงจันทร์อันเยือกเย็น ความรู้สึกมากมายที่เคยมีก่อนการมาเจอเกมเหมือนสลายไปจนหมด ครั้งแรกที่รู้จักเกมเมื่อตอนนั้นทำให้ใจของเขาพล่านเหมือนหนูติดจั่น ความรู้สึกอยู่ไม่สุขจนต้องกดโทรศัพท์หาเกมบ่อยครั้ง น่าแปลกใจที่คราวนี้แม้แต่ความคิดที่จะโทรศัพท์ไปหาเหมือนเมื่อครั้งนั้นไม่มีเลย จิตใจของเขาสงบโดยเฉพาะเมื่อรู้ว่าเกมมีชีวิตในแบบของเธอและมีเส้นทางเดินของเธอ
“เรียนคุณหมอ ในที่สุดผมก็ได้พบกับเกมจนได้ จะเรียกว่าเป็นความบังเอิญหรือโชคชะตาก็ไม่รู้ แต่ผมคิดว่ามันเป็นการดีจริงๆ ที่ผมตัดสินใจมาที่นี่และตัดสินใจตามหาเธอ
ทันทีที่ได้ยินคำว่า เธอไม่เคยโกรธผมเลยตอนที่เราเลิกกัน ผมเหมือนตัวเองหลุดจากอะไรบางอย่างที่ผูกไว้ ตอนที่เธอบอกว่าผมไม่ได้ใจร้าย ผมรู้ว่านั่นคือสิ่งที่ผมต้องการมาตลอด ผมไม่ได้ต้องการเธอกลับมา แต่ผมต้องการการปลดปล่อยจากความทรงจำที่ผมเอาแต่ยึดติด
ผมเล่าเรื่องที่ผมป่วยและเรื่องที่ผมไปรักษากับคุณหมอให้เธอฟัง เธอร้องไห้ มันทำให้ผมต้องร้องไห้ตามไปด้วย
พรุ่งนี้ผมคงกลับเมืองไทยได้อย่างสบายใจ และจะนัดวันเข้าไปพบคุณหมออีกครั้งเร็วๆ นี้
ด้วยความเคารพอย่างสุดซึ้ง
พีรพงษ์ นคประพันธ์”
ชายหนุ่มลามือจากการพิมพ์รายงานตัวไปยังคุณหมอสุรพิชัย หลายครั้งที่เขารู้สึกสับสนกับการคิดอ่านไปล่วงหน้าว่าการเจอเกมจะก่อผลอย่างไรกับเขาบ้าง บางครั้งมันก็นำความหวาดกลัวมาสู่จิตใจของเขา รวมถึงลึกๆ ที่อยากให้ตัวเองตามหาอดีตคนรักไม่เจอ
ในเสี้ยวนาทีหนึ่งของการปล่อยความคิดล่องลอยไปกับการจ้องมองดวงจันทร์กระจ่าง เขานึกถึงทิวทัศน์จากหน้าต่างคอนโดของหญิงสาวอีกคนหนึ่ง ภาพหญิงสาวที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียง ใบหน้าผ่องต้องแสงสว่างจากภายนอกรางๆ คิ้วงามขยับย่นและเรียวปากบางเฉียบก็ขยับเม้มเหมือนกำลังครุ่นคิด บางทีเธออาจกำลังฝัน ฝันร้ายหรือฝันดี?
“สวัสดีค่ะไนท์” ปลายสายตอบรับ
“ครับจูน” เขาทัก
“นึกไงโทรมาจากที่นู่นคะเนี่ย?”
ชายหนุ่มกำลังคิดหาเหตุผลให้ตัวเองว่าทำไม “ไม่รู้สิ อยู่ๆ ก็นึกอยากโทรหาจูนขึ้นมา” เขาตอบไปเช่นนั้น
“หือ... ประหลาดจัง” เธอบอก
“ว่าแต่ไนท์ได้เจอแฟนเก่าหรือเปล่า?”
“ครับ เจอแล้ว”
“ว้าย... ดีใจด้วยนะคะ” สรัญญาอุทาน
“ขอบคุณครับ”
“แล้วเธอเป็นยังไงบ้างพอจะเล่าให้จูนฟังได้ไหม?” หญิงสาวถามด้วยน้ำเสียงไม่มั่นใจนัก
“อ๋อ... ได้สิ ไม่มีปัญหา” พีรพงษ์รีบตอบ
ชายหนุ่มเริ่มต้นเล่าต้องแต่ตอนที่เกมส่งข้อความมาหาซึ่งเป็นตอนที่เขาในใจลึกๆ ของเขากำลังนึกถึงคำว่าหมดหวัง เขาพยายามบรรยายความรู้สึกของตัวเองในตอนที่ได้ยินเสียงเรียกจากผู้หญิงที่เขาเคยรัก การเดินไปด้วยกันในเมืองใหญ่ต่างถิ่น และเรื่องอื่นๆ เท่าที่นึกออก
“ดีจัง อยากมีคนจูงมือเดินชมบรรยากาศซิดนี่ย์บ้าง” ว่าแล้วสรัญญาก็หัวเราะคิกๆ
“เอามั้ยล่ะ?” เขาถาม
“หือ?” เธอทำเสียงสงสัย
“ผมถามว่ามาเดินจูงมือกันที่ซิดนี่ย์มั้ย?” เขากึ่งถามกึ่งชวน
หญิงสาวเงียบไปครู่หนึ่ง
“ไม่อยากมาเหรอ?”
“เปล่า...” หญิงสาวเสียงสั่น
“ผมคิดถึงจูนนะ” พีรพงษ์เอ่ยมันออกมาเมื่อเห็นว่าปลายสายที่เมืองไทยเงียบไปอีกครั้ง
“ค่ะ”
“อยากเจอผมมั้ย?” คำถามที่ถามไปหญิงสาวไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธกลับมา เธอเพียงแต่นิ่งเงียบ ความเงียบทำให้ชายหนุ่มเข้าใจว่ามันคือการปฏิเสธ
“งั้นกลับไปเมืองไทย ถ้าเป็นไปได้เราคงได้เจอกันอีกนะ” พีรพงษ์บอกแล้วขอตัววางสายอย่างผิดหวัง สัญญาณที่ตัดจบการเชื่อมต่อขาดห้วงไปแล้ว มีเพียงน้ำตาใสๆ ที่ไหลลงมาเป็นทาง ในที่สุดเขาก็รู้แล้วว่าผู้หญิงคนนี้มีความหมายกับเขาไม่ใช่เพราะเธอเหมือนหรือคล้ายกับเกม ผู้หญิงที่เขาเคยรัก แต่เธอเป็นผู้หญิงอีกคนที่เขารักจนกลัวว่าสิ่งที่ตัวเองเป็นอยู่จะทำร้ายเธอในสักวันหนึ่ง
....................
เช้าวันสุดท้ายของการอยู่ออสเตรเลีย เช้าวันสุดท้ายของการมาตามหาความฝันและตามหาคนที่หายไปจากชีวิต ต๊อดกับดั๊กขับรถมาส่งเขาที่สนามบินและอยู่เป็นเพื่อนจนกระทั่งถึงเวลาขึ้นเครื่อง
พนักงานต้อนรับบนเครื่องเดินไปมาเพื่ออำนวยความสะดวกและบริการผู้โดยสาร ชายหนุ่มปฏิเสธเครื่องดื่มและขอรับผ้าห่มทันที เขาห่อตัวเองไว้ในผ้าผืนหนาปิดเปลือกตาลงเพื่อรอคอยเวลาเครื่องทะยานจากพื้น
ทันทีที่เครื่องบินทรงตัวกลางอากาศ ทิวทัศน์ข้างล่างของมหานครใหญ่ก็เลือนรางในสายตา แสงแดดช่วงสุดท้ายของวันคล้อยตัวเองไว้ด้านหลัง พีรพงษ์นึกถึงเกม อวยพรให้เธอโชคดีกับชีวิตใหม่ เขาถอนหายใจเบาๆ เก็บความทรงจำตลอดช่วงที่อยู่ที่นี่ แม้จะไม่กี่วันแต่เหมือนเขาได้ผ่านเวลามาหลายปี หัวใจเขาเต้นเบาเหมือนมันไม่ได้ทำงานอยู่ เขาเตือนตัวเองให้รู้ว่าพรุ่งนี้ทุกสิ่งจะต้องเริ่มต้นใหม่อีกครั้งเสียที
................................
อีกสองบทที่เขียนไว้เรียบร้อยแล้ว เมื่อโพสต์เสร็จก็จะจบเรื่องนี้เสียที (เรื่องอื่นกำลังอิ่มจินตนาการและการดำเนินเรื่อง)
ขอบคุณที่ตามอ่านกันนะครับ
“ขอบคุณนะคะที่เคยดูแลเอาใจใส่เกมเป็นอย่างดี”
“ตอนนี้เกมกำลังใช้ชีวิตของเกมตามเส้นทางที่เกมกำหนดเอง เกมมีงานใหม่ ในแผ่นดินใหม่ และกำลังจะมีชีวิตใหม่เกิดขึ้นในนี้” หญิงสาวบอกและเอาฝ่ามือเรียวบางของเธอลูบไปที่ท้อง
“เกมกำลังจะมีเด็ก?” เขาอุทาน
“ใช่” เกมพูดและยิ้ม “เด็กคนนี้คือทั้งหมดของชีวิตเกมในวันเวลาต่อไปจากนี้”
“แล้วพ่อของเค้า” พีรพงษ์เอ่ยถาม
“เขาเป็นนักบัญชีของบริษัทนำเข้าที่นี่”
“แล้ว...”
“เกมเจอเค้าตอนที่เกมกำลังสับสนในเส้นทางที่เกมจะเดิน โชคดีที่เค้ามีงานเล็กๆ น้อยๆ ให้เกมทำพอให้ผ่านวันเวลาช่วงนั้นได้ แล้วเค้าก็ช่วยเหลือเกมอีกหลายๆ เรื่อง ที่สุดเราก็คบหากัน”
“เกมแต่งงานกับเขาแล้วเหรอ?”
หญิงสาวส่ายหน้าเบาๆ “ยังหรอก ตอนนี้เกมยังมีปัญหาเรื่องขอฐานะพลเมืองของที่นี่ แต่เขาก็รับรองว่ามันต้องเรียบร้อย ตอนนี้ก็เป็นพวกลอบเข้าเมืองไปก่อน” เกมพูดแล้วก็หัวเราะ
“เขาเป็นคนยังไง?” ชายหนุ่มเป็นห่วงอดีตคนรักซึ่งบัดนี้กำลังจะกลายเป็นแม่คนในอีกไม่นาน เขารู้สึกว่าโลกที่เกมอยู่นั้นไกลจากจุดที่เคยอยู่ด้วยกันมากนัก
“เป็นคนดี” เกมเว้นระยะก่อนย้ำคำอีกครั้ง “ดีมากๆ” ก่อนจะพูดต่อเมื่อเห็นสีหน้าผ่อนคลายของชายหนุ่มที่นั่งข้างๆ
“เป็นคนอ่อนโยน ฉลาด แต่ก็เจ้ากี้เจ้าการน่าดู” เธอพูดจบก็ยิ้ม
ชายหนุ่มรู้สึกดีกับการได้รู้ว่ามีใครบางคนได้ดูแลคนที่เขาเคยรักในช่วงที่เธอหายไปจากชีวิต แต่ก็อดรู้สึกไม่ดีกับตัวเองที่ไม่ได้เป็นคนคอยโอบอุ้มเธอไว้
“กี่เดือนแล้ว?” เขาถาม
“สามเดือนแล้วค่ะ” เกมตอบและยิ้มอย่างมีความสุขเมื่อเอามือแตะท้องของเธอเบาๆ
โลกมันเคลื่อนไปข้างหน้า ทุกคนต่างก็ต้องก้าวเดินไปและทิ้งเรื่องราวเก่าๆ ไว้เบื้องหลัง พีรพงษ์นึกโมโหตัวเองที่ไม่เคยเข้าใจ ไม่เคยเรียนรู้ ไม่เคยยอมรับและปล่อยวาง เขาเป็นผู้ชายคนเดียวกันกับวันเวลาตอนที่ปล่อยเกมเดินออกไปจากชีวิต
“นั่นสินะ... วันเวลามันไม่ได้หยุดนิ่ง ผู้คนรอบข้างก็ยังคงเคลื่อนไหวไปกับวันเวลา ที่หยุดนิ่งอยู่กับที่ก็มีแค่ตัวเราเองคนเดียว ผู้คนเรียนรู้และเติบโตขึ้น แต่ตัวเราเองกลับไม่เคยทำอะไรแบบนั้นเลย” พีรพงษ์คิด
“ยินดีด้วยนะ” พีรพงษ์จับมืออดีตคนรักเบาๆ
“ขอบคุณค่ะ” เธอยิ้มตอบ กอดแขนของเขาและซบศีรษะบนไหล่
....................
สายลมอ่อนโยนเคลื่อนผ่านวันเวลาอันโหดร้าย ปัดเป่าความทุกข์ที่ค่อยๆ ร่อนออกจากจิตใจเหมือนผิวลำต้นยูคาลิปตัสในทะเลทรายเกรตวิคตอเรีย ทั้งหมดเป็นไปตามกำหนดธรรมชาติเพื่อให้ลำต้นภายในได้เติบโตขยายใหญ่ขึ้น
พีรพงษ์รู้สึกตัวเองเหมือนหนอนที่เพิ่งรู้สึกตัวเองว่าแท้จริงกลายเป็นผีเสื้อมานานแล้ว หากแต่ไม่เคยคิดสลัดคราบที่ห่อหุ้มอยู่เพื่อกระพือปีกออกบิน
พระจันทร์บนฟ้าสุกสว่าง หลังคาบ้านเรือนย่านที่พักของต๊อดเมื่อพีรพงษ์มองออกไปจากหน้าต่างกำลังอาบแสงจันทร์อันเยือกเย็น ความรู้สึกมากมายที่เคยมีก่อนการมาเจอเกมเหมือนสลายไปจนหมด ครั้งแรกที่รู้จักเกมเมื่อตอนนั้นทำให้ใจของเขาพล่านเหมือนหนูติดจั่น ความรู้สึกอยู่ไม่สุขจนต้องกดโทรศัพท์หาเกมบ่อยครั้ง น่าแปลกใจที่คราวนี้แม้แต่ความคิดที่จะโทรศัพท์ไปหาเหมือนเมื่อครั้งนั้นไม่มีเลย จิตใจของเขาสงบโดยเฉพาะเมื่อรู้ว่าเกมมีชีวิตในแบบของเธอและมีเส้นทางเดินของเธอ
“เรียนคุณหมอ ในที่สุดผมก็ได้พบกับเกมจนได้ จะเรียกว่าเป็นความบังเอิญหรือโชคชะตาก็ไม่รู้ แต่ผมคิดว่ามันเป็นการดีจริงๆ ที่ผมตัดสินใจมาที่นี่และตัดสินใจตามหาเธอ
ทันทีที่ได้ยินคำว่า เธอไม่เคยโกรธผมเลยตอนที่เราเลิกกัน ผมเหมือนตัวเองหลุดจากอะไรบางอย่างที่ผูกไว้ ตอนที่เธอบอกว่าผมไม่ได้ใจร้าย ผมรู้ว่านั่นคือสิ่งที่ผมต้องการมาตลอด ผมไม่ได้ต้องการเธอกลับมา แต่ผมต้องการการปลดปล่อยจากความทรงจำที่ผมเอาแต่ยึดติด
ผมเล่าเรื่องที่ผมป่วยและเรื่องที่ผมไปรักษากับคุณหมอให้เธอฟัง เธอร้องไห้ มันทำให้ผมต้องร้องไห้ตามไปด้วย
พรุ่งนี้ผมคงกลับเมืองไทยได้อย่างสบายใจ และจะนัดวันเข้าไปพบคุณหมออีกครั้งเร็วๆ นี้
ด้วยความเคารพอย่างสุดซึ้ง
พีรพงษ์ นคประพันธ์”
ชายหนุ่มลามือจากการพิมพ์รายงานตัวไปยังคุณหมอสุรพิชัย หลายครั้งที่เขารู้สึกสับสนกับการคิดอ่านไปล่วงหน้าว่าการเจอเกมจะก่อผลอย่างไรกับเขาบ้าง บางครั้งมันก็นำความหวาดกลัวมาสู่จิตใจของเขา รวมถึงลึกๆ ที่อยากให้ตัวเองตามหาอดีตคนรักไม่เจอ
ในเสี้ยวนาทีหนึ่งของการปล่อยความคิดล่องลอยไปกับการจ้องมองดวงจันทร์กระจ่าง เขานึกถึงทิวทัศน์จากหน้าต่างคอนโดของหญิงสาวอีกคนหนึ่ง ภาพหญิงสาวที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียง ใบหน้าผ่องต้องแสงสว่างจากภายนอกรางๆ คิ้วงามขยับย่นและเรียวปากบางเฉียบก็ขยับเม้มเหมือนกำลังครุ่นคิด บางทีเธออาจกำลังฝัน ฝันร้ายหรือฝันดี?
“สวัสดีค่ะไนท์” ปลายสายตอบรับ
“ครับจูน” เขาทัก
“นึกไงโทรมาจากที่นู่นคะเนี่ย?”
ชายหนุ่มกำลังคิดหาเหตุผลให้ตัวเองว่าทำไม “ไม่รู้สิ อยู่ๆ ก็นึกอยากโทรหาจูนขึ้นมา” เขาตอบไปเช่นนั้น
“หือ... ประหลาดจัง” เธอบอก
“ว่าแต่ไนท์ได้เจอแฟนเก่าหรือเปล่า?”
“ครับ เจอแล้ว”
“ว้าย... ดีใจด้วยนะคะ” สรัญญาอุทาน
“ขอบคุณครับ”
“แล้วเธอเป็นยังไงบ้างพอจะเล่าให้จูนฟังได้ไหม?” หญิงสาวถามด้วยน้ำเสียงไม่มั่นใจนัก
“อ๋อ... ได้สิ ไม่มีปัญหา” พีรพงษ์รีบตอบ
ชายหนุ่มเริ่มต้นเล่าต้องแต่ตอนที่เกมส่งข้อความมาหาซึ่งเป็นตอนที่เขาในใจลึกๆ ของเขากำลังนึกถึงคำว่าหมดหวัง เขาพยายามบรรยายความรู้สึกของตัวเองในตอนที่ได้ยินเสียงเรียกจากผู้หญิงที่เขาเคยรัก การเดินไปด้วยกันในเมืองใหญ่ต่างถิ่น และเรื่องอื่นๆ เท่าที่นึกออก
“ดีจัง อยากมีคนจูงมือเดินชมบรรยากาศซิดนี่ย์บ้าง” ว่าแล้วสรัญญาก็หัวเราะคิกๆ
“เอามั้ยล่ะ?” เขาถาม
“หือ?” เธอทำเสียงสงสัย
“ผมถามว่ามาเดินจูงมือกันที่ซิดนี่ย์มั้ย?” เขากึ่งถามกึ่งชวน
หญิงสาวเงียบไปครู่หนึ่ง
“ไม่อยากมาเหรอ?”
“เปล่า...” หญิงสาวเสียงสั่น
“ผมคิดถึงจูนนะ” พีรพงษ์เอ่ยมันออกมาเมื่อเห็นว่าปลายสายที่เมืองไทยเงียบไปอีกครั้ง
“ค่ะ”
“อยากเจอผมมั้ย?” คำถามที่ถามไปหญิงสาวไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธกลับมา เธอเพียงแต่นิ่งเงียบ ความเงียบทำให้ชายหนุ่มเข้าใจว่ามันคือการปฏิเสธ
“งั้นกลับไปเมืองไทย ถ้าเป็นไปได้เราคงได้เจอกันอีกนะ” พีรพงษ์บอกแล้วขอตัววางสายอย่างผิดหวัง สัญญาณที่ตัดจบการเชื่อมต่อขาดห้วงไปแล้ว มีเพียงน้ำตาใสๆ ที่ไหลลงมาเป็นทาง ในที่สุดเขาก็รู้แล้วว่าผู้หญิงคนนี้มีความหมายกับเขาไม่ใช่เพราะเธอเหมือนหรือคล้ายกับเกม ผู้หญิงที่เขาเคยรัก แต่เธอเป็นผู้หญิงอีกคนที่เขารักจนกลัวว่าสิ่งที่ตัวเองเป็นอยู่จะทำร้ายเธอในสักวันหนึ่ง
....................
เช้าวันสุดท้ายของการอยู่ออสเตรเลีย เช้าวันสุดท้ายของการมาตามหาความฝันและตามหาคนที่หายไปจากชีวิต ต๊อดกับดั๊กขับรถมาส่งเขาที่สนามบินและอยู่เป็นเพื่อนจนกระทั่งถึงเวลาขึ้นเครื่อง
พนักงานต้อนรับบนเครื่องเดินไปมาเพื่ออำนวยความสะดวกและบริการผู้โดยสาร ชายหนุ่มปฏิเสธเครื่องดื่มและขอรับผ้าห่มทันที เขาห่อตัวเองไว้ในผ้าผืนหนาปิดเปลือกตาลงเพื่อรอคอยเวลาเครื่องทะยานจากพื้น
ทันทีที่เครื่องบินทรงตัวกลางอากาศ ทิวทัศน์ข้างล่างของมหานครใหญ่ก็เลือนรางในสายตา แสงแดดช่วงสุดท้ายของวันคล้อยตัวเองไว้ด้านหลัง พีรพงษ์นึกถึงเกม อวยพรให้เธอโชคดีกับชีวิตใหม่ เขาถอนหายใจเบาๆ เก็บความทรงจำตลอดช่วงที่อยู่ที่นี่ แม้จะไม่กี่วันแต่เหมือนเขาได้ผ่านเวลามาหลายปี หัวใจเขาเต้นเบาเหมือนมันไม่ได้ทำงานอยู่ เขาเตือนตัวเองให้รู้ว่าพรุ่งนี้ทุกสิ่งจะต้องเริ่มต้นใหม่อีกครั้งเสียที
................................
อีกสองบทที่เขียนไว้เรียบร้อยแล้ว เมื่อโพสต์เสร็จก็จะจบเรื่องนี้เสียที (เรื่องอื่นกำลังอิ่มจินตนาการและการดำเนินเรื่อง)
ขอบคุณที่ตามอ่านกันนะครับ

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 29 ต.ค. 2556, 14:07:02 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 29 ต.ค. 2556, 14:07:02 น.
จำนวนการเข้าชม : 1030
<< บทที่ 27 : ซิดนี่ย์ วอล์ค (3) | บทที่ 29 : เส้นทางไปทะเล >> |