ยามเมื่อลมห่มฟ้า...มะนิลา
'ฟิลิปปินส์' ประเทศหมู่เกาะที่พายุลูกแล้วลูกเล่าพัดผ่านสร้างความเสียหาย
แต่คนยังคงยืนหยัดต่อสู้ได้ทุกครั้ง
เช่นเดียวกับกลุ่มนักศึกษาที่มีอุดมการณ์ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตเพื่อนร่วมชาติ
โดยไม่ระย่อต่ออุปสรรคที่เข้ามา


'ลิปดา' เป็นเหมือนสายลมแห่งความหวัง เธอมีความหวังและเชื่อมั่นในทุกสิ่งที่ลงมือทำ
แต่สายลมนี้ก็แห้งผาก รอลมชุ่มชื้นพัดผ่านมาเสียที


กระทั่งได้พบใครคนหนึ่งเหมือนฝัน
'รัญชน์' ชายหนุ่มที่ใช้ชีวิตดังสายลมซึ่งไม่เคยหยุดนิ่งจากเมืองไทย
เขานำพาความเย็นชื่น หอบเอาความอบอุ่นมาหลอมรวมกับเธอ


แต่กว่าสายลมสองสายจะพัดมารวมภายใต้ฟ้าเดียวกัน
ก็ต้องรอวันพายุจางไปจากมะนิลาเสียที

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่ ๖/๑

๖/๑

การเดินทางจากมะนิลาสู่สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในเมืองตะเกย์เตย์ จังหวัดคาวิเต จังหวัดทางตอนใต้ติดกับกรุงมะนิลานั้นค่อนข้างสะดวกสบาย มีหลายวิธีให้เลือก ตั้งแต่เช่ารถขับไปตามทางด่วนสายสเล็กซ์ (SLEX) ซึ่งย่อมาจาก South Luzon Express หรือจะซื้อแพ็กเกจท่องเที่ยวจากบริษัททัวร์ในกรุงมะนิลาก็ง่ายดาย แต่อีกวิธีหนึ่งที่ผู้ซึ่งชาวฟิลิปปินส์ใช้เดินทางก็คือการเดินทางโดยรถทัวร์ อาจสะดวกสบายน้อยที่สุดแต่ก็คุ้มค่าเงิน

สาวเจ้าถิ่นยืนรอรถบัสโดยสารระหว่างเมืองด้วยความคุ้นเคย รถจี๊ปนีย์วิ่งผ่านไปคันแล้วคันเล่าในเขตมากาติ ไม่ไกลจากโรงแรมที่พักชายหนุ่มสักเท่าไร พร้อมกับที่แสงแดดยามสายเพิ่มอุณหภูมิจากผิวถนนให้ร้อนอ้าวกว่าเดิม

เธอลอบมองบุรุษร่างสูงคนข้างๆ เขากำลังยืนล้วงมือในกระเป๋ากางเกงทั้งสองข้าง ไม่ยี่หระกับเหงื่อชื้นข้างจอนและไรผม เขาหรี่ตาหนีแสงจ้าพลางหันมาราวรู้ว่าเธอแอบมอง

"คุณรอที่ร่มก่อนก็ได้" เธอหมายถึงร่มเงาต้นไม้ที่ทอดไปบนทางเท้าลึกเข้าไป

ในฐานะผู้นำเที่ยวที่รับเงินเขามา ลิปดาอดรู้สึกอึดอัดใจไม่ได้ที่ต้องพาเขามาลำบากไปด้วย ทว่าเขากลับผายมือข้างหนึ่งให้รู้ว่าไม่เป็นไร แล้วก้าวมายืนริมขอบทางเท้า ใกล้เธอมากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก

การจราจรที่ติดขัดเช่นเดียวกับเมืองหลวงทุกเมืองในโลกทำให้กว่ารถแต่ละคันจะผ่านแยกไฟแดงไปได้ติดพันจนท้ายสะสมต่อเนื่องชนแยกสัญญาณไฟจราจร แล้วลิปดาก็พลันสังเกตเห็นรถบัสไม่ปรับอากาศต่อหลังรถจี๊ปนีย์บนเลนที่สองกลางถนน

"นั่นไงคะ" เธอชี้บอกเขาด้วยความดีใจ

หญิงสาวคว้าข้อมือชายหนุ่มให้วิ่งย้อนขึ้นไปด้วยกัน พร้อมกับที่รถเริ่มเคลื่อนช้าไปข้างหน้าอีกครั้งเมื่อสัญญาณไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียว

"เฮ่! รอก่อน" เธอตะโกนพลางชูมือ

ลิปดาก้มศีรษะขอโทษคนขับรถบนเลนในสุดเมื่อพวกเธอวิ่งตัดหน้ารถเขา เสียงบีบแตรดังลั่น ก่อนพวกเธอจะก้าวขึ้นรถโดยสารที่เปิดประตูรออยู่แล้วอย่างรู้งาน

มัคคุเทศก์สาวถอนหายใจปนหอบเมื่อขึ้นมาได้สำเร็จ แว่วเสียงหัวเราะในลำคอของคนที่ตามขึ้นมาทีหลัง ไม่มีวี่แววโกรธเคืองที่ไกด์เถื่อนคนนี้พาเขามาลำบากแล้วยังเกือบถูกรถชน

ลิปดาหยุดยืนข้างเก้าอี้คู่ให้เขาเข้าไปนั่งฝั่งในชิดหน้าต่าง เผื่อเขาจะถ่ายรูปข้างทางไปพลาง แต่แล้วจังหวะที่รัญชน์จะแทรกตัวผ่านไปนั้น รถโดยสารก็เบรกกะทันหัน ร่างระหงที่ยืนอยู่พลอยเซถลาไปปะทะแผงอกแกร่งที่ชายหนุ่มกางแขนประคองไว้ได้ทัน

เขาหันไปมองสาเหตุด้วยความไม่พอใจ แล้วก็เห็นหนุ่มสาวตัวต้นเหตุจูงมือกันก้าวขึ้นมาบนรถเช่นเดียวกับพวกตนเมื่อกี้นี่เอง อารมณ์ขุ่นมัวจึงกลายเป็นขบขันกับกรรมที่ช่างตามติดจรวดจริงๆ

...................................

ใช้เวลากว่าสองชั่วโมงจากกรุงมะนิลามาถึงเมืองบนภูเขาสวยงามอย่างตะเกย์เตย์ที่ห่างกันราวหกสิบกิโลเมตร จำนวนนักท่องเที่ยวทั้งชาวฟิลิปปินส์และชาวต่างชาติที่ออกเดินทางท่องเที่ยวในวันหยุดสุดสัปดาห์เช่นนี้คับคั่ง เมืองที่เงียบสงบจึงคึกคักทันตา

ทันทีที่ลงจากรถบัสโดยสารมาแล้ว พวกเธอก็ต้องขึ้นรถจี๊ปนีย์ต่อเพื่อไปยังตาลิเซย์ ที่ตั้งของ 'ตาอัล ยอชต์ คลับ' ใช้เวลาไม่นานที่รถแฮนด์เมดของชาวฟิลิปปินส์แล่นไปตามถนนสองเลน ลดเลี้ยวไปตามภูมิประเทศที่เป็นเทือกเขา ก็ถึงที่หมายที่พวกเธอจะต่อเรือข้ามทะเลสาบตาอัลไปยังจุดชมวิวสำคัญของภูเขาไฟตาอัล ภูเขาไฟลูกเล็กที่สุดที่รอวันปะทุอยู่กลางทะเลสาบงดงามล้อมรอบมัน

"เรือจะออกอีกสิบนาทีค่ะ ฉันจองม้าสำหรับขี่ขึ้นเขาไว้ด้วย จองทางนี้จะถูกกว่าเช่าที่เกาะ" ลิปดาเอ่ยหลังเดินกลับมาสมทบกับชายหนุ่มที่ยืนถ่ายรูปทิวทัศน์ทะเลสาบจากบนระเบียง

หญิงสาวคืนเงินทอนให้เขาพร้อมกับแซนด์วิชไก่และแฮม รวมทั้งน้ำดื่มที่ซื้อมาเพื่อรองท้องพวกตน เขาเพียงรับไปถือ สนใจภาพเกาะเล็กที่เป็นภูเขาไฟไกลๆ กลางทะเลสาบรอบทิศเสียมากกว่า บนผิวน้ำสีน้ำเงินมีนักท่องเที่ยวแล่นเรือใบ บ้างก็พายเรือคายัคสีสดใสตัดกับผิวน้ำ

"ผมชอบที่นี่มาก ไม่ผิดหวังจริงๆ ที่ได้มา" เขาเอ่ยพร้อมรอยยิ้มทั้งปากและตา

สาวเจ้าถิ่นอดยิ้มตามด้วยความภูมิใจไม่ได้ เธอเก็บแซนด์วิชและขวดน้ำของตนใส่กระเป๋าสะพายใบเก่ง ก่อนอาสาถ่ายรูปให้เขากับภาพทิวทัศน์เบื้องล่างให้

"ฉันถ่ายรูปคุณกับทะเลสาบตาอัลข้างหลังให้ไหมคะ" เอ่ยพลางยื่นมือออกไปรอรับกล้อง

รัญชน์ไหวไหล่ราวจำยอมก่อนส่งกล้องดิจิตอลที่มีเลนส์ซูมยื่นออกมาให้ แล้วตนจึงถอยไปติดราวระเบียง พร้อมกับเท้าแขนที่ในมือถือแซนด์วิชและขวดน้ำไว้ข้างหนึ่ง หันหลังพิงราวเหล็กสีขาวนั้นโดยมีทะเลสาบและภูเขาไฟตาอัลเป็นฉากหลัง

กว่าจะรอนักท่องเที่ยวคนอื่นที่เดินผ่านไปมาและถ่ายรูปได้ก็เล่นเอาคนกดชัตเตอร์นับจนเมื่อย ชายหนุ่มโบกมือเรียกเธอ ลิปดาคิดว่าเขาอาจต้องการดูภาพจึงเดินไปส่งคืนกล้องให้ ทว่ามือเรียวยาวกลับวาดโอบเอวเธอไว้ไม่ให้ไปไหน การกระทำนั้นลื่นไหล จัดเจน เธอหันมองปลายคางเขาก็เห็นนักท่องเที่ยวหนุ่มมองตรงไปยังกล้องที่ยื่นออกไปสุดแขน แล้วก็นึกรู้ว่าเขาคงไม่ได้ตั้งใจฉวยโอกาสกับตน

หญิงสาวสะดุ้งน้อยๆ เมื่อได้ยินเสียงชัตเตอร์ ก่อนเขาจะบอกโดยไม่หันมอง

"อีกรูป"

คราวนี้ลิปดาหันมองกล้อง เมื่อนิ้วจากมือที่โอบจิ้มเอวเธอโดยไม่ทันตั้งตัว เจ้าหล่อนก็หลุดหัวเราะกิ๊กพร้อมกับขดเอวข้างนั้นเล็กน้อย เวลาเดียวกับที่รัญชน์กดถ่ายภาพแล้วปล่อยมือจากเอวบาง

"คุณนี่"

เขาเลิกคิ้วรอว่าเธอจะพูดอะไรอย่างยียวน ลิปดาค้อนลมค้อนแล้งขณะชายหนุ่มกดดูรูปถ่าย มีเสียงหัวเราะในลำคอแผ่วเบา


..............................



หนุ่มสาวต้องรีบทานของว่างเพื่อรองท้องเมื่อใกล้เวลาเรือออกเต็มที ก่อนจะพากันลงมาที่ท่าเรือซึ่งมีนักท่องเที่ยวทยอยขึ้นไปนั่งรอบนเรืออยู่ก่อนแล้ว เธอหันไปมองคนที่ตามมากระชั้นก็เห็นเขาพยักหน้าเห็นด้วย ร่างระหงจึงเดินไปบนบันไดเหล็กแคบที่เทียบเข้ากับหัวเรือซึ่งสูงเป็นพิเศษ ในตัวเรือนั้นมีที่นั่งไม้เรียงกันเว้นทางเดินตรงกลาง จุคนได้สักห้าสิบคนกระมัง มีหลังคาป้องกันแดดฝนอย่างดี

รัญชน์เข้าไปนั่งฝั่งใน เขาชะโงกมองออกไปจากกราบเรือก็เห็นมีวัสดุคล้ายท่อพลาสติกต่อสานออกไปเป็นช่องสี่เหลี่ยมตลอดลำเรือ ดูเผินๆ เหมือนกระชังเลี้ยงปลา

"ที่ยื่นออกไปทั้งสองข้างจากเรือเขามีไว้ทำไม"

"อ๋อ มันช่วยประคองเรือไม่ให้จมน่ะค่ะ" เมื่อนึกได้เธอจึงอธิบายสืบไป "เรือแบบนี้เรียกว่า 'บังคา' ค่ะ เป็นเรือที่ใช้ในการประมง แต่ก็ดัดแปลงมาเป็นเรือรับนักท่องเที่ยว เป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของฟิลิปปินส์ก็ว่าได้ มีหลายขนาดอย่างที่จุคนเป็นร้อยได้ก็มี"

"ตัวเรือทำจากไม้" เขาต่อพลางวางมือลงบนกราบเรือที่เป็นไม้แผ่นใหญ่

"ค่ะ นั่นไงคะคนขับมาแล้ว สงสัยเรามาสายไป ปกติเขานิยมขึ้นเขากันรอบเช้าค่ะ ช่วงนั้นคนคงแน่นเรือกว่านี้แน่"

รัญชน์หันมองตามนายคนขับก็เห็นเขาเข้าไปยังห้องกระจกที่เหมือนป้อมเล็กๆ ท้ายเรือ ก่อนชายหนุ่มจะมองนาฬิกาข้อมือบอกเวลาเที่ยงครึ่ง พระอาทิตย์กำลังแรงได้ที่ทีเดียว

"เครื่องยนต์เรือก็มาจากเครื่องยนต์รถนั่นแหละค่ะ ถ้าเรือลำขนาดนี้ก็คงใช้สักสองสามเครื่องยนต์ได้" ลิปดาเล่าฝ่าเสียงเครื่องยนต์และลมแรงที่พัดปะทะใบหน้า

ผมที่ถักเปียไว้หลุดลุ่ยเป็นปอยลงมาติดข้างแก้มผู้เล่า เขาช่วยจับทัดหูให้เธอก่อนจะหันกลับไปชื่นชมผิวน้ำสีเขียวมรกตที่ละอองไอกระเซ็นขึ้นมา

เรือแล่นผ่านผู้คนที่แล่นเรือใบไปตามคลื่นลมไกลๆ ยังดื่มด่ำกับธรรมชาติรอบตัวอันเงียบสงบได้เพียงยี่สิบนาทีก็มาถึงเกาะกลางทะเลสาบที่น้ำซึ่งลดลงทำให้เห็นพื้นที่ลาดเหมือนหาดด้านหนึ่ง มีสะพานไม้สูงยื่นออกไปเป็นท่าเรือ

ลิปดาปีนขึ้นไปจากตัวเรือโดยแสร้งไม่เห็นมือใหญ่ของชายหนุ่มซึ่งขึ้นไปก่อนแล้วยื่นมือมา รัญชน์ไหวไหล่ง่ายๆ ไม่ใส่ใจที่ถูกปฏิเสธไมตรี ก่อนทั้งสองจะเดินตามกลุ่มนักท่องเที่ยวไปยังศาลาที่พักหลบร้อน ระหว่างรอเอเจนซี่นำม้าที่เช่าไว้มา

"นี่เรามายืนอยู่บนภูเขาไฟแล้วสินะ" เขาว่าอย่างอัศจรรย์ใจ

"ค่ะ แล้วเราก็กำลังจะขึ้นไปบนปากปล่องภูเขาไฟ" เธอตอบพร้อมพรายยิ้มบาง

ดวงตาคู่งามเปล่งประกายด้วยความตื่นเต้นไม่แพ้กัน เธอเพิ่งเคยมาที่นี่เป็นครั้งที่สอง แต่จะเป็นครั้งแรกที่ได้ขี่ม้าขึ้นไป

"สูงสักเท่าไรฮึ"

"หนึ่งพันห้าร้อยฟุตได้มังคะถ้าจำไม่ผิด คุณไว้ใจจ้างไกด์เถื่อนอย่างฉัน ก็อาจจะข้อมูลคลาดเคลื่อนสักหน่อย"

"ช่างเถอะ อะไรจะดีเท่าคุณพาผมมาที่สวยๆ อย่างนี้ล่ะ จริงไหม"

ลิปดามองตามคนที่เอ่ยง่ายๆ แล้วหันไปสนใจกับการถ่ายรูปต่อด้วยความรู้สึกแปลกประหลาด บางทีเขาก็ดูไม่จริงจังกับชีวิต เหมือนคนไม่เอาถ่านเสียด้วยซ้ำ แต่ยามโกรธที่ถูกหลอก เขาก็กลายเป็นคนที่พร้อมจะทำลายผู้ที่ฉกฉวยไปจากเขาได้อย่างน่าสะพรึง แล้วที่สำคัญ... เขามีความสัมพันธ์อย่างไรกับแม่ของเธอ

.....................................

ม้าที่ถูกนำมาเป็นพาหนะขึ้นเขาตัวไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไปนัก ดูไม่มีพิษภัยจะเป็นอันตรายแก่นักท่องเที่ยวได้ ทั้งยังมีผู้ดูแลที่คอยเดินตามขบวนนักท่องเที่ยวอีกแรง จะน่ากลัวก็แต่ว่าม้าบางตัวดูเหนื่อยอ่อน อย่างที่ลิปดานึกเห็นใจว่ามันคงเดินขึ้นลงเขานี้หลายเที่ยวแล้วกระมัง

สภาพเส้นทางขึ้นเขาเป็นหินปนทราย ไอร้อนจากดวงตะวันยามบ่ายระอุผ่านผืนดินขึ้นมา นอกจากหญ้าที่ถูกคนไปใครมาเหยียบย่ำจนเหลือเป็นหย่อมๆ แล้ว ก็ยังไม่มีสิ่งใดดึงดูดสายตาหรือสร้างความประทับใจแก่รัญชน์เท่าที่ควร กระทั่งหญิงสาวเร่งม้าขึ้นมาตีคู่ ก่อนเขาจะหันไปเลิกคิ้วมอง

"บางคนจะแวะเพิงขายน้ำมะพร้าวข้างหน้าค่ะ คุณจะแวะไหมคะ"

"คุณล่ะ"

"ฉันยังจุกอยู่เลย" เธอตอบเสียงอ่อน

"งั้นเราล่วงหน้าพวกเขาไปก็ได้มั้ง มีรอยถางทางไว้คงไม่หลง"

ลิปดาผงกศีรษะเห็นด้วย เมื่อนายจ้างตัดสินใจเช่นนั้นพวกเธอจึงโบกมือให้นักท่องเที่ยวคนอื่นที่แวะข้างเพิงขายน้ำมะพร้าว แม่ค้าชาวบ้านที่เป็นหญิงสาวพ้นวัยรุ่นมาได้ไม่เท่าไรกำลังยืนถือมีดเฉาะมะพร้าวน้ำหอมลูกโตแทบไม่ได้วางมือ

ลมแรงและเย็นขึ้นเรื่อยๆ เมื่อหนุ่มสาวใช้เวลาขี่ม้าขึ้นเขากว่าชั่วโมง ตลอดทางมีนักท่องเที่ยวขึ้นมาและสวนกลับลงไปเป็นระยะ พร้อมกับภาพความเขียวชอุ่มของพืชพรรณนานาพันธุ์ที่ปกคลุมภูเขาลูกนี้

สายลมโอบล้อมผิวกายพัดเอาความร้อนจากร่างกายระเหยไป ลิปดาคลี่ยิ้มทักทายสหายของตนที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น และบางคราวก็หยอกล้อด้วยการพัดแรงเสียจนผมซึ่งถักไว้หลุดลุ่ยจากเปีย แม้แต่เจ้าม้าก็ดูจะกระปรี้กระเปร่าขึ้น ฝีเท้าที่เหยาะย่างไปจึงเร็วขึ้นอย่างไม่ระย่อ มองเห็นจุดชมวิวที่หมายซึ่งเป็นระเบียงต่อจากไม้อยู่ไม่ไกล

"นั่นไงคะ" เธอหันไปชี้พลางตะโกนบอกกับผู้ที่ตามมาด้วยความดีใจ

รัญชน์ยิ้มตอบทั้งปากและตา เขาเห็นแล้ว แล้วความรู้สึกอิ่มเอิบก็อาบซ่านในใจ เช่นเดียวกับผู้ที่รักการท่องเที่ยวทุกคนยามได้ไปถึงจุดหมายที่ตั้งใจ

...................................

บทนี้มาครึ่งหนึ่งก่อนนะคะ แพรวตกใจตัวเอง ลงไปไม่กี่ตอนแล้วเหมือนจะจบแล้ว
แหะๆ แต่ยอดวิวนี่สิ ยังไม่กระเตื้องเล้ยยย
อ่านแล้วชอบหรือไม่ชอบก็ติชมได้นะคะ แพรวจะได้ปรับปรุง



ภาพิมล_พิมลภา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 31 ต.ค. 2556, 17:29:06 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 31 ต.ค. 2556, 17:29:06 น.

จำนวนการเข้าชม : 1178





<< บทที่ ๕    บทที่ ๖/๒ >>
omelate 31 ต.ค. 2556, 20:00:33 น.
ตามอ่านอยู่นะค่ะ แต่ไม่ค่อยชอบเม้น แฮะๆๆ


ปริยาธร 31 ต.ค. 2556, 20:19:49 น.
ได้รูปคู่เป็นที่ระลึกแล้ว คุณรัญชน์คงปลื้มน่าดู


ภาพิมล_พิมลภา 31 ต.ค. 2556, 20:37:24 น.
คุณomelate - แฮ่ ไม่เป็นไรนะคะ แล้วแต่จะสะดวกใจค่ะ แต่ได้รับเมนต์นี้แพรวก็ดีใจแล้วค่ะ

พี่นุ้ย - คุณรัญชน์ก็นะ หลอกสาวถ่ายรูป อิอิ คงได้เก็บเป็นที่ระทึกนะคะ


mayaleh 1 พ.ย. 2556, 11:13:26 น.
น่ารักดีนะคะ


ภาพิมล_พิมลภา 1 พ.ย. 2556, 14:49:56 น.
คุณmayaleh - ขอบคุณค่า ฝากติดตามด้วยนะคะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account