รักดังฝัน
เขา นิมมาน อดีตชาติเป็นถึงพระยานิมมาน ผู้ที่มีใจปฏิพัทธ์ต่อลูกสาวของศัตรู จนตัวตาย เขาก็พร้อมยกวิญญา แก่ยาใจที่รักสมิตาเพียงผู้เดียว แต่ผ่านมาพันปี นิมมานก็พบว่าความรักของเขาหมดลง ไอ้รักนิรันดร์ไม่มีจริงหรอก “ชาตินี้เจ้าจะแต่งงานกับใครก็ช่าง แต่ก่อนเจ้าจะพบกับไอ้มนุษย์เนื้อคู่ของเจ้า ข้าจะทำให้เจ้ารักข้าให้ได้ก่อน”
เธอ สมิตานัน ผู้หญิงสวย ดำรงตำแหน่งพิธีกรรายการดัง หลอนดีนัก...เดี๋ยวจัดให้ แต่จริงแล้ว คนที่ทำเก่งหน้าจอ แท้จริงกลับกลัวผีขึ้นสมอง ทั้งที่ไม่เคยเจอ แต่พอปุบปับกระหน่ำได้เจอจริง สมิตานันก็อยากให้ทุกอย่างเป็นแค่ฝัน...เอ หรือที่จริงเธอไม่ได้ฝัน
เธอ สมิตานัน ผู้หญิงสวย ดำรงตำแหน่งพิธีกรรายการดัง หลอนดีนัก...เดี๋ยวจัดให้ แต่จริงแล้ว คนที่ทำเก่งหน้าจอ แท้จริงกลับกลัวผีขึ้นสมอง ทั้งที่ไม่เคยเจอ แต่พอปุบปับกระหน่ำได้เจอจริง สมิตานันก็อยากให้ทุกอย่างเป็นแค่ฝัน...เอ หรือที่จริงเธอไม่ได้ฝัน
Tags: หลอนโรแมนติก แฟนตาซี นิมมาน สมิตา
ตอน: บทที่ 3 : การปลอบโยนคน(ไม่อยาก)เห็นผี
รถคันกะทัดรัดสีม่วงขับอย่างช้าๆ เลียบเข้ามาในซอยรถเลนเดียวพอให้รถสองคันวิ่งสวนกันได้ ผู้ชายสวมเสื้อโคร่งสีขาว กางเกงยีนส์ สะพายย่ามสีซีดหน้าตาคุ้นเคยกำลังเดินนำหน้ารถของเธออยู่หลายก้าว ปาริตาเลิกคิ้วมอง ขับรถไปจอดเทียบด้านข้างคนที่เธอรู้จักดี ลดกระจกลง
“พุท จะไปไหน ไปด้วยกันสิ”
“พี่ตี้โทรเรียกผมมาครับ”
ปาริตาส่งเสียงประหลาดใจ ร้อยวันพันปีพุทธาไม่ค่อยคบค้าสมาคมกับใครนัก ค่อนข้างสันโดษ สมิตานันเคยเล่าให้เธอฟังอยู่หลายครั้งว่าพุทธามีอะไรแปลกๆ รู้เรื่องลี้ลับเยอะ หลายครั้งที่เธอมีเวลาว่าง มาพบสมิตานันนั้น รายนั้นก็มักพาเธอเข้ามาในโลกลี้ลับด้วยพวกพ้องแปลกตาเหล่านี้
“งั้นขึ้นมาเลย พี่กำลังไปบ้านตี้จ้ะ ว่าแต่เกิดอะไรกับตี้ ทำไมตี้ต้องโทรเรียกพุทมา”
พุทธาไม่ตอบ แต่ขึ้นมานั่งเรียบร้อยในรถ เอ่ยเร่งแทน “รีบไปก่อนเถอะครับ น้ำเสียงพี่ตี้ตอนโทรมาไม่ดีเอามากๆ”
ไม่เห็น...ไม่รับรู้
ช่วยด้วย ช่วยพวกเราด้วย พวกเราเจ็บปวดเหลือเกิน...
สภาพผู้คนหิวโหย ลอยไปลอยมาหน้าบ้าน ผิวซีด บางคนหัวร่องแร่ง บางคนเลือดเกรอะเต็มหน้า คนใช่ไหม กลางวันแสกๆ แบบนี้ โหยหวนรับอรุณของเธอแบบนี้
สมิตานันยกมือพนมไปถึงท่านพระภูมิของบ้าน น้ำตาร่วงกราว ไม่ใช่แค่เห็นคนที่ไม่ใช่คน ยังพานไปถึงผู้ดูแลประจำบ้านที่เป็นคนแก่ใจดี ยืนตรวจตราอย่างใจเย็น
กว่าเธอจะตั้งสติลากขาสั่นๆ กลับเข้าบ้านฐานที่มั่นได้ สติของเธอก็หล่นทีละนิดตามทาง เบอร์โทรของคนที่คิดว่าน่าจะช่วยได้มีเพียงพุทธา หนุ่มรุ่นน้องของเธอ
“พ่อแก้วแม่แก้ว ช่วยลูกด้วย” ปากสั่น สายตาหวาดระแวง คอยสอดส่องว่าจะมีอะไรมาสั่นจิตใจของเธอให้พังทลาย สูญสิ้นไปในวันนี้อีกไหม ไม่เอาแล้ว...ไม่อยากเจอแล้ว
“ฮือ...ลูกจะไม่ลองดีแล้ว”
ยกนิ้วขึ้นมากัดเล็บระบายความเครียด เวลานี้แค่หญิงสาวหลับตาภาพวิญญาณทุกข์ทรมานเหล่านั้นแล่นมาเป็นฉากๆ ร่างกายสั่นเทาจนต้องกอดตัวเองกระชับมากขึ้น
‘ไม่ว่าจะหลับหรือตื่น เจ้าก็ต้องฟัง ไม่ว่าอะไรจะผ่านตาเจ้า อย่าไปสนใจ อย่าไปมอง อย่าไปรับรู้ ข้าไม่อยากให้เจ้าบ้าตายเข้าใจไหม’
เสียงปริศนาของผู้ชายในฝันลอยมาราวกับรับรู้ว่าเธอกำลังอ่อนแอ สมิตานันหายใจเข้าปอดหลายเฮือก รวบรวมสติที่กระจัดกระจายให้กลับมา จู่ๆ ก็สัมผัสได้ว่าเวลานี้เธอกำลังถูกจดจ้องจากบางสิ่งบางอย่าง แต่สิ่งนั้นมีกระแสความอบอุ่น และปกป้องเธออยู่
ร่างบนที่นอนคู้ตัวงอลงนอนพยายามหลับตา รอคอยผู้มาช่วยเหลือเธอ สมิตานันพอรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ดวงตาพิเศษของเธอเปิดออกแล้ว นับจากนี้อะไรที่เคยอยากเจอเธอก็จะได้เจอ
ไม่ต่างจากที่คิดเท่าไหร่...นิมมานนั่งมองร่างสั่นเทา งันงก ซมซานกลับเข้ามาในบ้านด้วยความเป็นห่วง หลายภพหลายชาติเหลือเกิน ที่สมิตานันคุมสติตัวเองไม่อยู่ในช่วงดวงตกสุดขีดของชีวิต จุดจบถึงได้น่ากลัว แต่ครั้งนี้มันต่างออกไป เขาเองก็ไม่รู้ว่าทำไมสมิตานันถึงได้สนใจเรื่องพรรค์นี้มาแต่เล็ก ทั้งที่ไม่มีสัมผัสพิเศษอะไร และการคลุกคลีกับเรื่องพวกนี้ด้วยล่ะมังถึงทำให้สมิตานันพอมีภูมิต้านทานอยู่บ้าง
ร่างสูงทรุดตัวลงนั่งเคียงข้างร่างที่หลับสนิท ลูบผมนุ่มที่ปรกหน้าน้ำตานองออกให้พ้นทางด้วยความระมัดระวัง พอจะรู้ตัวว่าไม่ควรแสดงตัวให้คนจิตอ่อนรับรู้การมีตัวตนของเขาในชีวิตจริง หรือถึงเข้าไปในความฝันได้ ตอนนี้ก็ยังไม่ควร
กระแสวิญญาณของสมิตานันกำลงสับสน และพร้อมจะแตกสลายได้ทุกเมื่อ เหมือนแก้วที่เปราะบาง
“ผ่านมันไปให้ได้นะสมิตา ข้ายังอยู่ข้างๆ เจ้า จะไม่มีอะไรทำร้ายเจ้าได้”
ภูตหนุ่มกระชับมือสั่นที่กุมกลางลำตัวมาจับไว้มั่น ดวงตาจับจ้องใบหน้าซีดเผือดไร้สีเลือด นิมมานรู้สึกเจ็บปวดอย่างช่วยไม่ได้ กี่ครั้งแล้วที่เขาต้องมาพบเจอสภาพของสมิตานันเจ็บปวด ทั้งที่ไม่อยากพบ ก็ต้องเจอ
ไม่ใช่เพียงแค่เธอหรอกนะที่ต้องเจอในสิ่งที่ไม่ปรารถนา เขาเองก็ไม่ต่างกัน การได้พบกับเธอ มันทำให้เขาเจ็บปวดเช่นกัน...
“ไม่...ออกไปให้พ้น อย่ามายุ่งกับฉัน ไม่...ได้โปรดเถอะ” เสียงละเมอของคนหลับที่ยกมือปัดป่ายไปมา ภาพความฝันที่เกิดจากความกลัวสร้างให้ตัวเองต้องฝันร้ายไม่มีที่สิ้นสุด
“เฮ้อ...แล้วอย่างนี้ข้าจะปล่อยเจ้าไปได้ยังไง ผู้หญิงบื้อ”
นิมมานหลับตาลงพาตัวเองเข้าสู่ความฝันมืดดำของสมิตานัน ถ้าขืนยังไม่พาสมิตานันหลุดออกจากฝันร้าย คงต้องรออีกชาติ หากเขาจะทำให้ผู้หญิงบ้า สติไม่เต็มมาหลงรัก แค่บื้ออย่างเดียวก็เกินทน
กรี๊ดดดดดด... ผีบ้าพวกนี้มันอะไร ทำไมถึงตามล่าเธอได้ไม่หยุดหย่อน
สมิตานันหลับหูหลับตาวิ่ง รอบด้านมีเพียงความมืดมิด และเสียงระงมของความทุกข์ทรมานจากดวงวิญญาณที่ไปผุดไปเกิดไม่ได้
“มาดีๆ มาทีละน้อยๆ อย่ากระหน่ำกันมาได้ไหม” สองขาออกวิ่งสุดตัว ไม่สนว่าทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไร แต่เงาดำด้านหลังที่ลอยมาเกือบจะถึงกายทำให้หญิงสาวต้องออกวิ่งเร็วมากขึ้น
ปึ้ก...สมิตานันชนวัตถุแข็งหนาเต็มแรงจนร่างเกือบหงายหลัง มือเย็นเฉียบมาดึงรั้งแขนสองข้างไว้ ความเย็นชืดจากผิวสัมผัสเริ่มทำให้สมิตานันคุ้นเคย
หมอนั่นแน่ๆ... เปลือกตาปิดแน่น มือสองข้างยกพนมแนบอก “ผีตัวพ่อ อย่ามาหลอกหลอนกันเลย วันนี้ไม่ไหวแล้วจริงๆ จะเอาฉันไปอยู่ด้วยเหรอ ไม่เอาไม่ไป ฉันยังมีแม่ มีน้องต่างพ่อคอยดูแลนะ ฉัน...ฉันเนื้อไม่อร่อยด้วย ไม่หวาน จืดชืด ไม่ถูกปากผีตัวพ่ออย่างคุณหรอก”
ผีตัวพ่อกำต้นแขนเรียวเล็กไว้แน่น อารมณ์อยากช่วยกลายเป็นหมั่นไส้คนเรียกลดชั้นตนแบบนั้น ที่สำคัญเห็นเขาเป็นผีดูดเลือดหรือไง
“สมิตา...ลืมตาเดี๋ยวนี้” เสียงมีอำนาจ และพลัง ควบคุมร่างสั่นเทาให้ต้องลืมตากว้างขึ้น รอบด้านที่เคยเป็นสีดำ กลายเป็นทุ่งหญ้าเขียวขจีกว้าง แสงอาทิตย์สาดส่องสดใส ที่ที่เธอเคยเจอเขาในฝันมาก่อน
ขนตางอนยาวกระพริบขึ้นลงปริบๆ ก่อนจะปล่อยโฮร้องด้วยสติควบคุมน้อยนิด ใบหน้าหล่อ แต่สัมผัสเย็นยะเยือกของผีตัวพ่อตรงหน้าน่ากลัวทุกสัมผัสจิตใจ
มันดูเหงา เศร้า จนสมิตานันไม่กล้าอยู่ใกล้... “ต้องการอะไร ฉันเป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ โสด แล้วก็ยังอยากแต่งงาน มีชีวิตที่ดี พบผู้ชายที่จะฝากฝังชีวิตได้ ไม่ใช่ฝากชีวิตไว้กับผี”
“นี่ขนาดกลัว...ยังดูถูกข้าขนาดนี้ หึ แล้วถ้าข้าจะมาพาเจ้าไปอยู่ด้วยกัน คิดว่าข้าจะทำไม่ได้อย่างนั้นเหรอ ผีตัวพ่ออย่างข้าทำได้มากกว่าที่เจ้าคิด”
เจอผีต่อล้อต่อเถียง แววตาดำขลับลึกลับส่องประกายสนุกมากกว่าพูดเอาจริงเอาจัง พานให้คนกลัวผีขึ้นสมอง ลดความกลัวลง สภาพรอบด้านสว่างไสว มีนกร้อง ต้นไม้ใหญ่ขึ้นตั้งเด่นสง่า ดีกว่าภาพความมืดที่เธอพบเจอไหนๆ
“ท่านไม่ทำหรอก”
“ทำไมถึงรู้ดี” เยี่ยมหน้ามาใกล้ๆ ให้สมิตานันต้องเบะปากใส่ นิมมานมองอาการแสดงออกอัตโนมัตินั้นด้วยความพึงพอใจ อย่างน้อยๆ เขาก็พอลบความกลัวในใจสมิตานันไปได้
“เพราะนี่คือความฝัน...ความฝันของฉัน ฉันว่าฉันน่าจะบินได้ ถ้ามันเป็นความฝัน จริงไหม”
ไม่พูดเปล่า ทำท่าหลับตา กางแขนออกกว้าง คิดว่าต้องมีปีกงอกออกมากลางหลัง แล้วตัวจะลอยเบาหวิว คนมองได้แต่กลั้นหัวเราะ นิมมานเริ่มคิดว่าสมิตานันอาจสมองกระทบกระเทือนได้ที่
“ไหนล่ะ จะบิน จะเหาะ มีวงนางฟ้าบนหัวของเจ้าด้วยไหมสมิตา...หรือว่าอยากให้ข้าจัดให้”
คนที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับร่างกายลืมตาขึ้นมาอย่างยอมแพ้ ฟาดค้อนวงโตให้คนพูด ลดแขนลงแนบลำตัวยอมแพ้ “แต่ฉันเคยฝันว่าบินได้ ฝันว่าปล่อยพลังเป็นซุปเปอร์ไซย่าก็เคยมาแล้วนะ”
“ซุปเปอร์อะไรนะ เจ้าช่วยพูดภาษาคนไม่ได้หรือไง”
หญิงสาวมองคนที่ไม่รู้จักการ์ตูนเรื่องโปรดของเธอ อยากจะถามว่าเขาตายมากี่ศักราชให้รู้แล้วรู้รอด หญิงสาวเผลอตกใจในความคิดตัวเอง...เธอยอมรับว่าเขาเป็นผีได้ ที่สำคัญเธอกำลังเจรจากับผีตัวพ่อ คุยเล่นกัน
“ทำไมมันเหมือนจริง ฉันรู้ว่ามันคือความฝัน แต่...”
“รู้แค่ว่าข้าคือความจริงก็พอ ไม่ว่าอะไรที่เจ้าเจอ จงใช้สติ พวกเขาทำร้ายอะไรเจ้าไม่ได้...ไม่มีวัน”
คำยืนยันหนักแน่น และดวงตาที่จริงจัง ดังคำมั่นสัญญา ทำให้สมิตานันรู้สึกเชื่อมั่น หัวใจไร้ที่พึ่ง ดังพบเจอมรสุมวิญญาณจากต่างมิติ...แต่เดี๋ยวก่อน หรือว่าเขาคือสิ่งที่พุทธาพูดถึง
“เจ้าต้องตื่นได้แล้ว”
“เดี๋ยวสิ...คุณใช่สิ่งที่คอยดูแลฉันใช่ไหม แล้วชื่ออะไร”
นิมมานยิ้มละมุน มือยกขึ้นลูบผมที่ปรกหน้าผากเธออย่างแผ่วเบา อีกครั้งที่หญิงสาวรู้สึกอบอุ่นหัวใจ ความกลัว ความเย็นของมือเขา ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่เธอเคยรู้สึก
“จะได้เจอกันอีกไหม” ยอมเลือกคำถามที่เขาน่าจะตอบได้ง่ายกว่าคำถามยาวเหยียดของเธอ
“ข้านิมมานขอสัญญา...สมิตาที่รัก”
เปลือกตาเผลอปิดลงทันทีเมื่อไอเย็นจากตัวของนิมมานเคลื่อนเข้ามาใกล้ จุมพิตบนหน้าผากของเธอแตะลงเพียงแผ่วเบา แต่ซึมซาบลงกลางใจ สมิตานันรู้สึกว่าเธอกำลังลอยละล่อง
“ยิ้มอะไรน่ะตี้ หลับพริ้มเชียว”
แต่แค่ลืมตาขึ้น ห้องนอนของเธอก็ยังอยู่ตรงหน้า...ความฝันนั่นจริงใช่ไหม นิมมาน หรือหิมพานต์ อะไรนั่นของผีตัวพ่อ ก็มีจริงใช่หรือเปล่า
“แก้มแดงด้วย ฝันถึงชายหนุ่มรูปงามเหรอจ๊ะ”
“ฝันถึงผีน่ะสิ...แฮร่!” สมิตานันทำท่าจะกระโดดขย้ำคอเพื่อนสนิทที่กำลังนั่งวินิจฉัยอาการของเธออยู่ข้างเตียง แต่เพียงแค่หัวตั้งเหนือหน้าต่าง ภาพวิญาณที่เพ่นพ่านไปมาตามท้องถนนโดยไม่มีเหน็ดเหนื่อยอารมณ์ที่เพิ่งสงบพานโดนกวนอีกครั้ง ร่างระหงกระโดดกอดร่างคุณหมออย่างหาที่พึ่ง กรีดร้องเสียงดัง
“ผีหลอก! ฉันต้องบ้าแน่ๆ มิลัน นังตี้เพื่อนเธอเห็นผีน่ะ”
ดวงตก หรือพูดง่ายๆ ว่าอยู่ในช่วงชีวิตของความ...ซวย มากด้วยสินะ สมิตานันได้รับการวินิจฉัยจากคุณหมอผู้เลื่องลือในเรื่องลี้ลับจากพุทธาว่าเธอไมได้บ้าแน่นอน พิสูจน์จากการชี้ชัดลักษณะจำเพาะของวิญญาณท่านพระภูมิได้ละเอียดอย่างที่ตาของพุทธาเองก็มองเห็น และขอปฏิเสธการเล่าภาพวิญญาณนอกบ้านโดยเด็ดขาด ถึงจะสงสารวิญญาณเหล่านั้นแค่ไหน แต่เธอยังไม่พร้อมมีเมตตากับใคร
โดยเฉพาะวันที่เธอเพิ่งรู้ตัวว่าต้องทนเห็นภูตผีไปจนกว่าดวงจะกลับมาแข็งกว่าเดิม หรือไม่มีวันนั้นดังที่พุทธาย้ำว่า เธอต้องเตรียมเผื่อใจไว้บ้าง
มองสร้อยพระองค์เล็กบนคอตัวเองด้วยความปลอดภัยขึ้นมาบ้าง พุทธาบอกว่าเธอจะปลอดภัยจากดวงวิญญาณเร่ร่อน หรือภาพซ้อนทัพจากต่างมิติ แต่ถ้าพบเจอกับวิญญาณที่มีแรงอาฆาต หรือพลังมากๆ เข้า ดวงตาของเธอก็ยังต้องมองเห็น หลีกเลี่ยงไม่ได้ ยิ่งถ้ามันเป็นบ่วงกรรมของเธอ เจ้ากรรมนายเวรจะกระหน่ำซ้ำเติมเธออย่างแน่นอน
ยิ่งฟังยิ่งเครียด...
สมิตานันทำบุญสังฆทาน ไหว้พระเสร็จ เดินมาให้อาหารปลาที่แม่น้ำหน้าวัด ครุ่นคิดถึงสิ่งที่พบเจอไม่ถึงวันมานี้ด้วยสมองซึ่งทำงานได้ชักช้ากว่าปกติ ทำรายการเจอผีหลอกไม่พอ ฝันประหลาดๆ ที่เหมือนจริง ไหนจะยังตื่นนอนตอนเช้าพบกับกองทัพผี
ช่างเป็นวันเกิดที่น่างดงามอะไรอย่างนี้...เผลอนึกประชดชีวิตตัวเอง สมิตานันหวังให้แม่ที่อยู่ที่ไหนสักที่กับครอบครัวโทรมาหาเธอบ้าง แต่ว่างเปล่า เงียบเชียบ
“สบายใจขึ้นหรือยังตี้”
ปาริตาส่งน้ำเปล่าเย็นที่เพิ่งไปซื้อมาจากร้านค้าจากแม่ค้าในวัดให้ สมิตานันขอบคุณรับมาเปิดกระดกดื่มไม่รักษามาดกุลสตรีเหมือนที่ปาริตาใช้หลอดดื่มสักนิด
“กำลังงงกับชีวิตมากกว่า...มันเหมือนเรื่องบ้าที่ตื่นขึ้นมาในเช้าวันเกิด แล้วก็พบว่าตัวเองเห็นผี มิลันต้องไม่เชื่อฉันใช่ไหม จะตรวจฉันอย่างละเอียดสักรอบก็ได้ ฉันก็อยากให้ตัวเองเป็นบ้าไปเหมือนกัน”
คุณหมอส่ายหน้า และบอกชัดถึงสิ่งที่ตัวเองคิด “เห็นเราเป็นหมอแบบนี้ แต่อะไรที่มองไม่เห็น เราก็ยังเชื่อว่ามีอยู่จริงนะ...เราเชื่อตี้”
“ขอบคุณนะมิลัน”
“ไปกินเค้กอร่อยๆ ดีกว่า นี่ขอให้เชฟใหญ่ของดีเอสแกรนด์ทำให้เลย บอกว่าเพื่อวันเกิดตี้แห่งหลอนดีนัก”
“จริงเหรอ...มันต้องอร่อยมากแน่ๆ ขอบคุณนะมิลัน” ยิ้มหน้าบาน รู้ว่าคนที่ทำซึ่งเป็นสะใภ้ของญาติทางแม่ปาริตาที่น้อยคนจะรู้นั้นดังแค่ไหน ปาริตาเองก็ไม่ยอมเปิดเผยตัวว่าตัวเองเป็นหนึ่งในตระกูลดังและใหญ่นั้นด้วย “วันนี้ไปงานปาร์ตี้เป็นเพื่อนฉันด้วยสิ เผื่อเจอผีจริงแฝงกายไป สติแตก มิลันก็พาฉันเข้าโรงพยาบาลไปรักษาได้เลย”
“พูดเป็นลางไม่ดีเลยนะตี้” ปาริตามองหน้าง้อ ทำท่าอ้อนของพิธีกรรายการผีชื่อดัง สุดท้ายก็ใจอ่อน “ก็ได้ เผื่อคนแถวนี้สติแตกจะแอดมิดให้เอง”
“เยี่ยม!” สมิตานันยิ้มหน้าบาน ก่อนจะรีบลูบต้นแขนตัวเองไปมาด้วยอาการขนลุก รู้สึกใจคอไม่ค่อยดี
มันอาจจะเป็นเพราะความไม่คุ้นกับการเห็นวิญญาณก็ได้...
ผู้หญิงชุดฟอร์มไม่ต่างจากนิมมานลอยขึ้นมาจากผืนน้ำ ดวงตาเคียดแค้น จ้องไม่วางตา ความเกลียดผู้หญิงหน้ายิ้มระรื่นนั้นยังคงฝังลึกในใจมานานนับพันปี ตลอดเวลาที่เธอเองก็เฝ้าติดตามนิมมานมา
“อย่าได้คิดมาพรากนิมมานไปจากข้าเด็ดขาด นังมนุษย์หน้าโง่” ฬาฬีดวงตาสีแดงวาวโรจน์ โครงหน้าเรียวรูปไข่ สวยจัด ริมฝีปากสีเข้มกระตุกยิ้มร้าย “คืนนี้เจ้าจะได้พบกับเนื้อคู่ของเจ้า และถ้านิมมานยังกล้าขวางพรหมลิขิตอีกล่ะก็ ข้านี่ล่ะจะลิขิตเอง”
ฬาฬีไม่สามารถเล่นงานสมิตานันได้เลยมานานหลายร้อยปีแล้ว บุญกุศล และเวรกรรมของเธอกับสมิตานันหมดไปนาน แม้ว่าสมิตานันจะเคยพรากคนรัก ชิงดวงใจของนิมมานไป แต่การที่เธอกลับมาจัดการจองล้างจองผลาญจนชีวิตของสมิตานันหาความสุขมิได้ในสามชาติแรก เธอก็เล่นงานสมิตานันตรงๆ อีกไม่ได้ จนต้องยืมมือคนอื่น
คนที่ยังมีบุญมีกรรมกับเจ้าหล่อน...เนื้อคู่ที่เธอเชิญมาให้เคียงกับสมิตานัน สำเร็จบ้าง ไม่สำเร็จบ้าง แต่ในชาตินี้เขาคนนั้นก็มาเกิดเช่นกัน
“ความแค้นในใจจะทำให้บุญของเจ้าหมดลงนะฬาฬี”
“หุบปากไปคราม อย่าคิดว่าทำให้นิมมานเกรงกลัวได้ แล้วข้าจะต้องเกรงใจท่าน”
ปลาตัวใหญ่สีทองว่ายน้ำวนเวียนรอบๆ ฬาฬี ส่งเสียงเข้ม แกมหยัน “บางทีนี่อาจจะเป็นบุญครั้งสุดท้ายของเจ้าก็ได้นะ ข้าถือว่าเตือนแล้ว การเสียสละเพื่อแผ่นดิน แต่มาจองเวรจองกรรมกับผู้หญิงตัวเล็กๆ คนเดียวนับพันปี เจ้านั่นล่ะที่กำลังหลงในบ่วง”
“อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ที่ท่านให้ความสำคัญกับนิมมานและนังมนุษย์สมิตานะ”
ครามหัวเราะก้องคุ้งน้ำ ภูตหนุ่มในร่างปลาผุดว่ายหายไป ดำดิ่งสู้เบื้องล่าง ทิ้งข้อความให้ฬาฬีได้แต่คั่งแค้น
“แน่นอน ก็พวกเขาเป็นคนสำคัญของข้าเช่นกัน สิ่งที่เกิดขึ้นมันถูกลิขิต และมันก็ต้องเกิด อย่าได้เอาตัวมาบาดเจ็บอีกเลย ฬาฬี”
..............................................................
คุณ นักอ่านเหนียวหนึบ มันเป็นฝันแต่เกิดขึ้นจริง เอ๊ะ ยังไง ฮา นางเอกเรื่องนี้เสี่ยงต่อการเป็นบ้าเท่าที่เคยแต่งมากที่สุดค่ะ และเอ๋อที่สุดด้วย ฮา
ขอบคุณสำหรับนักอ่านเงาทุกคนด้วยค่า ^_^
ตอนหน้าจะมาเปิดตัวพระรองค่ะ จะสู้พี่ภูตนิมมานได้ไหมต้องคอยดู ยังมีอิทธิฤทธิ์เหนือธรรมชาติมาประกาศศักดาอีก อิทธิฤทธิ์น่ารักๆ ของพระเอกค่ะ...อุบ
“พุท จะไปไหน ไปด้วยกันสิ”
“พี่ตี้โทรเรียกผมมาครับ”
ปาริตาส่งเสียงประหลาดใจ ร้อยวันพันปีพุทธาไม่ค่อยคบค้าสมาคมกับใครนัก ค่อนข้างสันโดษ สมิตานันเคยเล่าให้เธอฟังอยู่หลายครั้งว่าพุทธามีอะไรแปลกๆ รู้เรื่องลี้ลับเยอะ หลายครั้งที่เธอมีเวลาว่าง มาพบสมิตานันนั้น รายนั้นก็มักพาเธอเข้ามาในโลกลี้ลับด้วยพวกพ้องแปลกตาเหล่านี้
“งั้นขึ้นมาเลย พี่กำลังไปบ้านตี้จ้ะ ว่าแต่เกิดอะไรกับตี้ ทำไมตี้ต้องโทรเรียกพุทมา”
พุทธาไม่ตอบ แต่ขึ้นมานั่งเรียบร้อยในรถ เอ่ยเร่งแทน “รีบไปก่อนเถอะครับ น้ำเสียงพี่ตี้ตอนโทรมาไม่ดีเอามากๆ”
ไม่เห็น...ไม่รับรู้
ช่วยด้วย ช่วยพวกเราด้วย พวกเราเจ็บปวดเหลือเกิน...
สภาพผู้คนหิวโหย ลอยไปลอยมาหน้าบ้าน ผิวซีด บางคนหัวร่องแร่ง บางคนเลือดเกรอะเต็มหน้า คนใช่ไหม กลางวันแสกๆ แบบนี้ โหยหวนรับอรุณของเธอแบบนี้
สมิตานันยกมือพนมไปถึงท่านพระภูมิของบ้าน น้ำตาร่วงกราว ไม่ใช่แค่เห็นคนที่ไม่ใช่คน ยังพานไปถึงผู้ดูแลประจำบ้านที่เป็นคนแก่ใจดี ยืนตรวจตราอย่างใจเย็น
กว่าเธอจะตั้งสติลากขาสั่นๆ กลับเข้าบ้านฐานที่มั่นได้ สติของเธอก็หล่นทีละนิดตามทาง เบอร์โทรของคนที่คิดว่าน่าจะช่วยได้มีเพียงพุทธา หนุ่มรุ่นน้องของเธอ
“พ่อแก้วแม่แก้ว ช่วยลูกด้วย” ปากสั่น สายตาหวาดระแวง คอยสอดส่องว่าจะมีอะไรมาสั่นจิตใจของเธอให้พังทลาย สูญสิ้นไปในวันนี้อีกไหม ไม่เอาแล้ว...ไม่อยากเจอแล้ว
“ฮือ...ลูกจะไม่ลองดีแล้ว”
ยกนิ้วขึ้นมากัดเล็บระบายความเครียด เวลานี้แค่หญิงสาวหลับตาภาพวิญญาณทุกข์ทรมานเหล่านั้นแล่นมาเป็นฉากๆ ร่างกายสั่นเทาจนต้องกอดตัวเองกระชับมากขึ้น
‘ไม่ว่าจะหลับหรือตื่น เจ้าก็ต้องฟัง ไม่ว่าอะไรจะผ่านตาเจ้า อย่าไปสนใจ อย่าไปมอง อย่าไปรับรู้ ข้าไม่อยากให้เจ้าบ้าตายเข้าใจไหม’
เสียงปริศนาของผู้ชายในฝันลอยมาราวกับรับรู้ว่าเธอกำลังอ่อนแอ สมิตานันหายใจเข้าปอดหลายเฮือก รวบรวมสติที่กระจัดกระจายให้กลับมา จู่ๆ ก็สัมผัสได้ว่าเวลานี้เธอกำลังถูกจดจ้องจากบางสิ่งบางอย่าง แต่สิ่งนั้นมีกระแสความอบอุ่น และปกป้องเธออยู่
ร่างบนที่นอนคู้ตัวงอลงนอนพยายามหลับตา รอคอยผู้มาช่วยเหลือเธอ สมิตานันพอรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ดวงตาพิเศษของเธอเปิดออกแล้ว นับจากนี้อะไรที่เคยอยากเจอเธอก็จะได้เจอ
ไม่ต่างจากที่คิดเท่าไหร่...นิมมานนั่งมองร่างสั่นเทา งันงก ซมซานกลับเข้ามาในบ้านด้วยความเป็นห่วง หลายภพหลายชาติเหลือเกิน ที่สมิตานันคุมสติตัวเองไม่อยู่ในช่วงดวงตกสุดขีดของชีวิต จุดจบถึงได้น่ากลัว แต่ครั้งนี้มันต่างออกไป เขาเองก็ไม่รู้ว่าทำไมสมิตานันถึงได้สนใจเรื่องพรรค์นี้มาแต่เล็ก ทั้งที่ไม่มีสัมผัสพิเศษอะไร และการคลุกคลีกับเรื่องพวกนี้ด้วยล่ะมังถึงทำให้สมิตานันพอมีภูมิต้านทานอยู่บ้าง
ร่างสูงทรุดตัวลงนั่งเคียงข้างร่างที่หลับสนิท ลูบผมนุ่มที่ปรกหน้าน้ำตานองออกให้พ้นทางด้วยความระมัดระวัง พอจะรู้ตัวว่าไม่ควรแสดงตัวให้คนจิตอ่อนรับรู้การมีตัวตนของเขาในชีวิตจริง หรือถึงเข้าไปในความฝันได้ ตอนนี้ก็ยังไม่ควร
กระแสวิญญาณของสมิตานันกำลงสับสน และพร้อมจะแตกสลายได้ทุกเมื่อ เหมือนแก้วที่เปราะบาง
“ผ่านมันไปให้ได้นะสมิตา ข้ายังอยู่ข้างๆ เจ้า จะไม่มีอะไรทำร้ายเจ้าได้”
ภูตหนุ่มกระชับมือสั่นที่กุมกลางลำตัวมาจับไว้มั่น ดวงตาจับจ้องใบหน้าซีดเผือดไร้สีเลือด นิมมานรู้สึกเจ็บปวดอย่างช่วยไม่ได้ กี่ครั้งแล้วที่เขาต้องมาพบเจอสภาพของสมิตานันเจ็บปวด ทั้งที่ไม่อยากพบ ก็ต้องเจอ
ไม่ใช่เพียงแค่เธอหรอกนะที่ต้องเจอในสิ่งที่ไม่ปรารถนา เขาเองก็ไม่ต่างกัน การได้พบกับเธอ มันทำให้เขาเจ็บปวดเช่นกัน...
“ไม่...ออกไปให้พ้น อย่ามายุ่งกับฉัน ไม่...ได้โปรดเถอะ” เสียงละเมอของคนหลับที่ยกมือปัดป่ายไปมา ภาพความฝันที่เกิดจากความกลัวสร้างให้ตัวเองต้องฝันร้ายไม่มีที่สิ้นสุด
“เฮ้อ...แล้วอย่างนี้ข้าจะปล่อยเจ้าไปได้ยังไง ผู้หญิงบื้อ”
นิมมานหลับตาลงพาตัวเองเข้าสู่ความฝันมืดดำของสมิตานัน ถ้าขืนยังไม่พาสมิตานันหลุดออกจากฝันร้าย คงต้องรออีกชาติ หากเขาจะทำให้ผู้หญิงบ้า สติไม่เต็มมาหลงรัก แค่บื้ออย่างเดียวก็เกินทน
กรี๊ดดดดดด... ผีบ้าพวกนี้มันอะไร ทำไมถึงตามล่าเธอได้ไม่หยุดหย่อน
สมิตานันหลับหูหลับตาวิ่ง รอบด้านมีเพียงความมืดมิด และเสียงระงมของความทุกข์ทรมานจากดวงวิญญาณที่ไปผุดไปเกิดไม่ได้
“มาดีๆ มาทีละน้อยๆ อย่ากระหน่ำกันมาได้ไหม” สองขาออกวิ่งสุดตัว ไม่สนว่าทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไร แต่เงาดำด้านหลังที่ลอยมาเกือบจะถึงกายทำให้หญิงสาวต้องออกวิ่งเร็วมากขึ้น
ปึ้ก...สมิตานันชนวัตถุแข็งหนาเต็มแรงจนร่างเกือบหงายหลัง มือเย็นเฉียบมาดึงรั้งแขนสองข้างไว้ ความเย็นชืดจากผิวสัมผัสเริ่มทำให้สมิตานันคุ้นเคย
หมอนั่นแน่ๆ... เปลือกตาปิดแน่น มือสองข้างยกพนมแนบอก “ผีตัวพ่อ อย่ามาหลอกหลอนกันเลย วันนี้ไม่ไหวแล้วจริงๆ จะเอาฉันไปอยู่ด้วยเหรอ ไม่เอาไม่ไป ฉันยังมีแม่ มีน้องต่างพ่อคอยดูแลนะ ฉัน...ฉันเนื้อไม่อร่อยด้วย ไม่หวาน จืดชืด ไม่ถูกปากผีตัวพ่ออย่างคุณหรอก”
ผีตัวพ่อกำต้นแขนเรียวเล็กไว้แน่น อารมณ์อยากช่วยกลายเป็นหมั่นไส้คนเรียกลดชั้นตนแบบนั้น ที่สำคัญเห็นเขาเป็นผีดูดเลือดหรือไง
“สมิตา...ลืมตาเดี๋ยวนี้” เสียงมีอำนาจ และพลัง ควบคุมร่างสั่นเทาให้ต้องลืมตากว้างขึ้น รอบด้านที่เคยเป็นสีดำ กลายเป็นทุ่งหญ้าเขียวขจีกว้าง แสงอาทิตย์สาดส่องสดใส ที่ที่เธอเคยเจอเขาในฝันมาก่อน
ขนตางอนยาวกระพริบขึ้นลงปริบๆ ก่อนจะปล่อยโฮร้องด้วยสติควบคุมน้อยนิด ใบหน้าหล่อ แต่สัมผัสเย็นยะเยือกของผีตัวพ่อตรงหน้าน่ากลัวทุกสัมผัสจิตใจ
มันดูเหงา เศร้า จนสมิตานันไม่กล้าอยู่ใกล้... “ต้องการอะไร ฉันเป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ โสด แล้วก็ยังอยากแต่งงาน มีชีวิตที่ดี พบผู้ชายที่จะฝากฝังชีวิตได้ ไม่ใช่ฝากชีวิตไว้กับผี”
“นี่ขนาดกลัว...ยังดูถูกข้าขนาดนี้ หึ แล้วถ้าข้าจะมาพาเจ้าไปอยู่ด้วยกัน คิดว่าข้าจะทำไม่ได้อย่างนั้นเหรอ ผีตัวพ่ออย่างข้าทำได้มากกว่าที่เจ้าคิด”
เจอผีต่อล้อต่อเถียง แววตาดำขลับลึกลับส่องประกายสนุกมากกว่าพูดเอาจริงเอาจัง พานให้คนกลัวผีขึ้นสมอง ลดความกลัวลง สภาพรอบด้านสว่างไสว มีนกร้อง ต้นไม้ใหญ่ขึ้นตั้งเด่นสง่า ดีกว่าภาพความมืดที่เธอพบเจอไหนๆ
“ท่านไม่ทำหรอก”
“ทำไมถึงรู้ดี” เยี่ยมหน้ามาใกล้ๆ ให้สมิตานันต้องเบะปากใส่ นิมมานมองอาการแสดงออกอัตโนมัตินั้นด้วยความพึงพอใจ อย่างน้อยๆ เขาก็พอลบความกลัวในใจสมิตานันไปได้
“เพราะนี่คือความฝัน...ความฝันของฉัน ฉันว่าฉันน่าจะบินได้ ถ้ามันเป็นความฝัน จริงไหม”
ไม่พูดเปล่า ทำท่าหลับตา กางแขนออกกว้าง คิดว่าต้องมีปีกงอกออกมากลางหลัง แล้วตัวจะลอยเบาหวิว คนมองได้แต่กลั้นหัวเราะ นิมมานเริ่มคิดว่าสมิตานันอาจสมองกระทบกระเทือนได้ที่
“ไหนล่ะ จะบิน จะเหาะ มีวงนางฟ้าบนหัวของเจ้าด้วยไหมสมิตา...หรือว่าอยากให้ข้าจัดให้”
คนที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับร่างกายลืมตาขึ้นมาอย่างยอมแพ้ ฟาดค้อนวงโตให้คนพูด ลดแขนลงแนบลำตัวยอมแพ้ “แต่ฉันเคยฝันว่าบินได้ ฝันว่าปล่อยพลังเป็นซุปเปอร์ไซย่าก็เคยมาแล้วนะ”
“ซุปเปอร์อะไรนะ เจ้าช่วยพูดภาษาคนไม่ได้หรือไง”
หญิงสาวมองคนที่ไม่รู้จักการ์ตูนเรื่องโปรดของเธอ อยากจะถามว่าเขาตายมากี่ศักราชให้รู้แล้วรู้รอด หญิงสาวเผลอตกใจในความคิดตัวเอง...เธอยอมรับว่าเขาเป็นผีได้ ที่สำคัญเธอกำลังเจรจากับผีตัวพ่อ คุยเล่นกัน
“ทำไมมันเหมือนจริง ฉันรู้ว่ามันคือความฝัน แต่...”
“รู้แค่ว่าข้าคือความจริงก็พอ ไม่ว่าอะไรที่เจ้าเจอ จงใช้สติ พวกเขาทำร้ายอะไรเจ้าไม่ได้...ไม่มีวัน”
คำยืนยันหนักแน่น และดวงตาที่จริงจัง ดังคำมั่นสัญญา ทำให้สมิตานันรู้สึกเชื่อมั่น หัวใจไร้ที่พึ่ง ดังพบเจอมรสุมวิญญาณจากต่างมิติ...แต่เดี๋ยวก่อน หรือว่าเขาคือสิ่งที่พุทธาพูดถึง
“เจ้าต้องตื่นได้แล้ว”
“เดี๋ยวสิ...คุณใช่สิ่งที่คอยดูแลฉันใช่ไหม แล้วชื่ออะไร”
นิมมานยิ้มละมุน มือยกขึ้นลูบผมที่ปรกหน้าผากเธออย่างแผ่วเบา อีกครั้งที่หญิงสาวรู้สึกอบอุ่นหัวใจ ความกลัว ความเย็นของมือเขา ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่เธอเคยรู้สึก
“จะได้เจอกันอีกไหม” ยอมเลือกคำถามที่เขาน่าจะตอบได้ง่ายกว่าคำถามยาวเหยียดของเธอ
“ข้านิมมานขอสัญญา...สมิตาที่รัก”
เปลือกตาเผลอปิดลงทันทีเมื่อไอเย็นจากตัวของนิมมานเคลื่อนเข้ามาใกล้ จุมพิตบนหน้าผากของเธอแตะลงเพียงแผ่วเบา แต่ซึมซาบลงกลางใจ สมิตานันรู้สึกว่าเธอกำลังลอยละล่อง
“ยิ้มอะไรน่ะตี้ หลับพริ้มเชียว”
แต่แค่ลืมตาขึ้น ห้องนอนของเธอก็ยังอยู่ตรงหน้า...ความฝันนั่นจริงใช่ไหม นิมมาน หรือหิมพานต์ อะไรนั่นของผีตัวพ่อ ก็มีจริงใช่หรือเปล่า
“แก้มแดงด้วย ฝันถึงชายหนุ่มรูปงามเหรอจ๊ะ”
“ฝันถึงผีน่ะสิ...แฮร่!” สมิตานันทำท่าจะกระโดดขย้ำคอเพื่อนสนิทที่กำลังนั่งวินิจฉัยอาการของเธออยู่ข้างเตียง แต่เพียงแค่หัวตั้งเหนือหน้าต่าง ภาพวิญาณที่เพ่นพ่านไปมาตามท้องถนนโดยไม่มีเหน็ดเหนื่อยอารมณ์ที่เพิ่งสงบพานโดนกวนอีกครั้ง ร่างระหงกระโดดกอดร่างคุณหมออย่างหาที่พึ่ง กรีดร้องเสียงดัง
“ผีหลอก! ฉันต้องบ้าแน่ๆ มิลัน นังตี้เพื่อนเธอเห็นผีน่ะ”
ดวงตก หรือพูดง่ายๆ ว่าอยู่ในช่วงชีวิตของความ...ซวย มากด้วยสินะ สมิตานันได้รับการวินิจฉัยจากคุณหมอผู้เลื่องลือในเรื่องลี้ลับจากพุทธาว่าเธอไมได้บ้าแน่นอน พิสูจน์จากการชี้ชัดลักษณะจำเพาะของวิญญาณท่านพระภูมิได้ละเอียดอย่างที่ตาของพุทธาเองก็มองเห็น และขอปฏิเสธการเล่าภาพวิญญาณนอกบ้านโดยเด็ดขาด ถึงจะสงสารวิญญาณเหล่านั้นแค่ไหน แต่เธอยังไม่พร้อมมีเมตตากับใคร
โดยเฉพาะวันที่เธอเพิ่งรู้ตัวว่าต้องทนเห็นภูตผีไปจนกว่าดวงจะกลับมาแข็งกว่าเดิม หรือไม่มีวันนั้นดังที่พุทธาย้ำว่า เธอต้องเตรียมเผื่อใจไว้บ้าง
มองสร้อยพระองค์เล็กบนคอตัวเองด้วยความปลอดภัยขึ้นมาบ้าง พุทธาบอกว่าเธอจะปลอดภัยจากดวงวิญญาณเร่ร่อน หรือภาพซ้อนทัพจากต่างมิติ แต่ถ้าพบเจอกับวิญญาณที่มีแรงอาฆาต หรือพลังมากๆ เข้า ดวงตาของเธอก็ยังต้องมองเห็น หลีกเลี่ยงไม่ได้ ยิ่งถ้ามันเป็นบ่วงกรรมของเธอ เจ้ากรรมนายเวรจะกระหน่ำซ้ำเติมเธออย่างแน่นอน
ยิ่งฟังยิ่งเครียด...
สมิตานันทำบุญสังฆทาน ไหว้พระเสร็จ เดินมาให้อาหารปลาที่แม่น้ำหน้าวัด ครุ่นคิดถึงสิ่งที่พบเจอไม่ถึงวันมานี้ด้วยสมองซึ่งทำงานได้ชักช้ากว่าปกติ ทำรายการเจอผีหลอกไม่พอ ฝันประหลาดๆ ที่เหมือนจริง ไหนจะยังตื่นนอนตอนเช้าพบกับกองทัพผี
ช่างเป็นวันเกิดที่น่างดงามอะไรอย่างนี้...เผลอนึกประชดชีวิตตัวเอง สมิตานันหวังให้แม่ที่อยู่ที่ไหนสักที่กับครอบครัวโทรมาหาเธอบ้าง แต่ว่างเปล่า เงียบเชียบ
“สบายใจขึ้นหรือยังตี้”
ปาริตาส่งน้ำเปล่าเย็นที่เพิ่งไปซื้อมาจากร้านค้าจากแม่ค้าในวัดให้ สมิตานันขอบคุณรับมาเปิดกระดกดื่มไม่รักษามาดกุลสตรีเหมือนที่ปาริตาใช้หลอดดื่มสักนิด
“กำลังงงกับชีวิตมากกว่า...มันเหมือนเรื่องบ้าที่ตื่นขึ้นมาในเช้าวันเกิด แล้วก็พบว่าตัวเองเห็นผี มิลันต้องไม่เชื่อฉันใช่ไหม จะตรวจฉันอย่างละเอียดสักรอบก็ได้ ฉันก็อยากให้ตัวเองเป็นบ้าไปเหมือนกัน”
คุณหมอส่ายหน้า และบอกชัดถึงสิ่งที่ตัวเองคิด “เห็นเราเป็นหมอแบบนี้ แต่อะไรที่มองไม่เห็น เราก็ยังเชื่อว่ามีอยู่จริงนะ...เราเชื่อตี้”
“ขอบคุณนะมิลัน”
“ไปกินเค้กอร่อยๆ ดีกว่า นี่ขอให้เชฟใหญ่ของดีเอสแกรนด์ทำให้เลย บอกว่าเพื่อวันเกิดตี้แห่งหลอนดีนัก”
“จริงเหรอ...มันต้องอร่อยมากแน่ๆ ขอบคุณนะมิลัน” ยิ้มหน้าบาน รู้ว่าคนที่ทำซึ่งเป็นสะใภ้ของญาติทางแม่ปาริตาที่น้อยคนจะรู้นั้นดังแค่ไหน ปาริตาเองก็ไม่ยอมเปิดเผยตัวว่าตัวเองเป็นหนึ่งในตระกูลดังและใหญ่นั้นด้วย “วันนี้ไปงานปาร์ตี้เป็นเพื่อนฉันด้วยสิ เผื่อเจอผีจริงแฝงกายไป สติแตก มิลันก็พาฉันเข้าโรงพยาบาลไปรักษาได้เลย”
“พูดเป็นลางไม่ดีเลยนะตี้” ปาริตามองหน้าง้อ ทำท่าอ้อนของพิธีกรรายการผีชื่อดัง สุดท้ายก็ใจอ่อน “ก็ได้ เผื่อคนแถวนี้สติแตกจะแอดมิดให้เอง”
“เยี่ยม!” สมิตานันยิ้มหน้าบาน ก่อนจะรีบลูบต้นแขนตัวเองไปมาด้วยอาการขนลุก รู้สึกใจคอไม่ค่อยดี
มันอาจจะเป็นเพราะความไม่คุ้นกับการเห็นวิญญาณก็ได้...
ผู้หญิงชุดฟอร์มไม่ต่างจากนิมมานลอยขึ้นมาจากผืนน้ำ ดวงตาเคียดแค้น จ้องไม่วางตา ความเกลียดผู้หญิงหน้ายิ้มระรื่นนั้นยังคงฝังลึกในใจมานานนับพันปี ตลอดเวลาที่เธอเองก็เฝ้าติดตามนิมมานมา
“อย่าได้คิดมาพรากนิมมานไปจากข้าเด็ดขาด นังมนุษย์หน้าโง่” ฬาฬีดวงตาสีแดงวาวโรจน์ โครงหน้าเรียวรูปไข่ สวยจัด ริมฝีปากสีเข้มกระตุกยิ้มร้าย “คืนนี้เจ้าจะได้พบกับเนื้อคู่ของเจ้า และถ้านิมมานยังกล้าขวางพรหมลิขิตอีกล่ะก็ ข้านี่ล่ะจะลิขิตเอง”
ฬาฬีไม่สามารถเล่นงานสมิตานันได้เลยมานานหลายร้อยปีแล้ว บุญกุศล และเวรกรรมของเธอกับสมิตานันหมดไปนาน แม้ว่าสมิตานันจะเคยพรากคนรัก ชิงดวงใจของนิมมานไป แต่การที่เธอกลับมาจัดการจองล้างจองผลาญจนชีวิตของสมิตานันหาความสุขมิได้ในสามชาติแรก เธอก็เล่นงานสมิตานันตรงๆ อีกไม่ได้ จนต้องยืมมือคนอื่น
คนที่ยังมีบุญมีกรรมกับเจ้าหล่อน...เนื้อคู่ที่เธอเชิญมาให้เคียงกับสมิตานัน สำเร็จบ้าง ไม่สำเร็จบ้าง แต่ในชาตินี้เขาคนนั้นก็มาเกิดเช่นกัน
“ความแค้นในใจจะทำให้บุญของเจ้าหมดลงนะฬาฬี”
“หุบปากไปคราม อย่าคิดว่าทำให้นิมมานเกรงกลัวได้ แล้วข้าจะต้องเกรงใจท่าน”
ปลาตัวใหญ่สีทองว่ายน้ำวนเวียนรอบๆ ฬาฬี ส่งเสียงเข้ม แกมหยัน “บางทีนี่อาจจะเป็นบุญครั้งสุดท้ายของเจ้าก็ได้นะ ข้าถือว่าเตือนแล้ว การเสียสละเพื่อแผ่นดิน แต่มาจองเวรจองกรรมกับผู้หญิงตัวเล็กๆ คนเดียวนับพันปี เจ้านั่นล่ะที่กำลังหลงในบ่วง”
“อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ที่ท่านให้ความสำคัญกับนิมมานและนังมนุษย์สมิตานะ”
ครามหัวเราะก้องคุ้งน้ำ ภูตหนุ่มในร่างปลาผุดว่ายหายไป ดำดิ่งสู้เบื้องล่าง ทิ้งข้อความให้ฬาฬีได้แต่คั่งแค้น
“แน่นอน ก็พวกเขาเป็นคนสำคัญของข้าเช่นกัน สิ่งที่เกิดขึ้นมันถูกลิขิต และมันก็ต้องเกิด อย่าได้เอาตัวมาบาดเจ็บอีกเลย ฬาฬี”
..............................................................
คุณ นักอ่านเหนียวหนึบ มันเป็นฝันแต่เกิดขึ้นจริง เอ๊ะ ยังไง ฮา นางเอกเรื่องนี้เสี่ยงต่อการเป็นบ้าเท่าที่เคยแต่งมากที่สุดค่ะ และเอ๋อที่สุดด้วย ฮา
ขอบคุณสำหรับนักอ่านเงาทุกคนด้วยค่า ^_^
ตอนหน้าจะมาเปิดตัวพระรองค่ะ จะสู้พี่ภูตนิมมานได้ไหมต้องคอยดู ยังมีอิทธิฤทธิ์เหนือธรรมชาติมาประกาศศักดาอีก อิทธิฤทธิ์น่ารักๆ ของพระเอกค่ะ...อุบ

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 3 พ.ย. 2556, 01:26:25 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 พ.ย. 2556, 01:26:57 น.
จำนวนการเข้าชม : 1639
<< บทที่ 2 : เจอจังๆ หนีทั้งกอง | บทที่ 4 : เจ้าถึก >> |

นักอ่านเหนียวหนึบ 3 พ.ย. 2556, 02:44:46 น.
หืมมมม นี่กะจะรวมยอดมนุษย์ (เอ๊ะ หรือยอดอมนุษย์ดีละ) ไว้ในเรื่องเดียวเลยปะคะ 5555
ตอนนี้เริ่มเปิดปมให้เห็นที่ละนิดละ อูยยย ไปนอนดีก่า อ่านตอนดึก มันเสียวหลังแบบนี้นี่เอง ดีนะ ไรเตอร์ไม่ไเ้บรรยายฉากกองทัพ บรึ๋ยยยย
หืมมมม นี่กะจะรวมยอดมนุษย์ (เอ๊ะ หรือยอดอมนุษย์ดีละ) ไว้ในเรื่องเดียวเลยปะคะ 5555
ตอนนี้เริ่มเปิดปมให้เห็นที่ละนิดละ อูยยย ไปนอนดีก่า อ่านตอนดึก มันเสียวหลังแบบนี้นี่เอง ดีนะ ไรเตอร์ไม่ไเ้บรรยายฉากกองทัพ บรึ๋ยยยย

ปอกะเจา 3 พ.ย. 2556, 15:49:22 น.
ไปๆมาๆ รู้สึกชอบคุณครามนิดๆ (ชักจะหลายใจ)
ไปๆมาๆ รู้สึกชอบคุณครามนิดๆ (ชักจะหลายใจ)