รักดังฝัน
เขา นิมมาน อดีตชาติเป็นถึงพระยานิมมาน ผู้ที่มีใจปฏิพัทธ์ต่อลูกสาวของศัตรู จนตัวตาย เขาก็พร้อมยกวิญญา แก่ยาใจที่รักสมิตาเพียงผู้เดียว แต่ผ่านมาพันปี นิมมานก็พบว่าความรักของเขาหมดลง ไอ้รักนิรันดร์ไม่มีจริงหรอก “ชาตินี้เจ้าจะแต่งงานกับใครก็ช่าง แต่ก่อนเจ้าจะพบกับไอ้มนุษย์เนื้อคู่ของเจ้า ข้าจะทำให้เจ้ารักข้าให้ได้ก่อน”

เธอ สมิตานัน ผู้หญิงสวย ดำรงตำแหน่งพิธีกรรายการดัง หลอนดีนัก...เดี๋ยวจัดให้ แต่จริงแล้ว คนที่ทำเก่งหน้าจอ แท้จริงกลับกลัวผีขึ้นสมอง ทั้งที่ไม่เคยเจอ แต่พอปุบปับกระหน่ำได้เจอจริง สมิตานันก็อยากให้ทุกอย่างเป็นแค่ฝัน...เอ หรือที่จริงเธอไม่ได้ฝัน


Tags: หลอนโรแมนติก แฟนตาซี นิมมาน สมิตา

ตอน: บทที่ 4 : เจ้าถึก

ไม่รู้ว่าอิงกับสิ่งที่เจอมาหรือเปล่า เพราะสิ่งนี้พอที่จะทำให้จิตใจของสมิตานันสงบขึ้น ชุดคลุมสีดำยาวกรอมเท้าที่หาได้ไม่ยากสวมอยู่บนตัวพิธีกรคนสวยแห่งรายการหลอนดีนัก เดี๋ยวจัดให้ ผมปล่อยยาวเคลียร์บ่า หญิงสาวโปะแป้งให้หนาจนหน้าขาวซีด ตัดกับริมฝีปากที่สีแดงหม่น อดใจไม่ไหวทำรอยเลือดตรงมุมปากด้วยลิปสติก เล็บทั้งสิบนิ้วเป็นสีแดงจัดยาวเฟี้ยว กระตุกยิ้มมุมปาก หัวเราะหึๆ ให้ดูหลอนขณะที่เดินหมุนตัวเฉิดฉายกลางเวทีเล็กของผับชื่อดัง เป็นปกติของทุกปีในคืนฮาโลวีน ที่ผับนี้จะปิดไว้ให้รายการหลอนดีนักจัดปาร์ตี้พร้อมเหล่าแฟนคนนิยมเรื่องขนหัวลุก

แสงไฟสว่างจ้าสาดส่องยมทูตสาวที่ยิ่งดูสง่าสะดุดตาผู้คนนับร้อยในชุดผีนานาชาติ สมิตานันอยากหลับตาให้พ้นเพื่อนพ้องแฟนคลับเบื้องล่างจริงเชียว แต่คำว่าหน้าที่ทำให้เธอยึดมั่นสิ่งที่ต้องทำโดยไม่มีขาดตกบกพร่อง

“วันนี้ยมทูตสาวพราวเสน่ห์สมิตตี้มาเปิดฟลอร์แดนซ์ผีหลุดโลกกันแล้วค่า” ควงมือขึ้นกลางอากาศสามรอบในเพลงหลอนๆ จังหวะรีมิกซ์ใหม่เร้าใจ เสียงเฮต้อนรับชมรมสมาคมคนอยากหลอน ที่แฟนคลับร่วมกันตั้งมานั้นร่วมกันกรีดร้องดีใจ

“แล้วหลังจากนั้นจะมาหลอนระทึกกับวิชชี่เจ้าแม่สคริปต์ลองดีของเรา” แสงไฟสาดส่องไปยังผีสาวญี่ปุ่นบนรองเท้าไม้ ริมฝีปากเล็กทาลิปสติกแดงเพียงกระจับปาก ทำท่ากระพริบตาถี่ โบกมืออย่างกับนางงามในมุมอับของร้านมุมหนึ่ง

ใครหลายคนในทีมรายการถูกแนะนำจนครบ สมิตานันเต้นนำบนเวทีอีกเพลง เหล่ามนุษย์ผีคนอยากหลอนก็กรูกันมาเต้นบ้าง สมิตานันเตรียมหลบฉากไปหาเพื่อนที่กลายเป็นผีคนป่วยในชุดคนไข้ นั่งหัวเราะอยู่กับพุทธาซึ่งยังคงคอนเส็ปต์ชุดง่ายๆ สไตล์คนปราบผี

แต่จู่ๆ หญิงสาวก็ตะลึงงันเมื่อเท้าของเธอถูกมือปริศนาดึงเท้าอย่างแรงทั้งที่กำลังจะเดินลงจากพื้นยกระดับ หน้าเกือบทิ่มลงพื้น สัมผัสเย็นเฉียบจับตรึงร่างเธอไว้ จนใจเธอเผลอเต้นรัวอย่างตระหนก ผิวเย็นเฉียบแบบนี้เธอรู้สึกว่าเป็นเขา...นายผีตัวพ่อ

“ไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ”

ไม่ใช่...ผู้ชายมีเลือดฝาดตรงหน้า ดวงตาอบอุ่นภายใต้กรอบแว่นสีเงิน จมูกงองุ้มเล็กน้อย และตรงหน้าผากมีสายฟ้า มือที่จับไหล่เธออยู่มีไม้กายสิทธิ์อันเรียวยาวถือค้างไว้

“ไม่ได้เสกคาถาอะไรใส่ฉันใช่ไหมคะ...แฮร์รี่ พอตเตอร์”

ธนิทธิหัวเราะเขิน ลดมือประคองไหล่คนที่ยืนได้ด้วยตัวเองลง แม้จะอายกับการพบสมิตานันแต่ไม่วายมีแรงตอบกลับไปอย่างอารมณ์ดี “ผมกำลังตามหาจินนี่ นางเอกของแฮร์รี่อยู่ครับ”

สมิตานันทำหน้าครุ่นคิดพอเป็นพิธี ก่อนปล่อยเสียงหัวเราะคิก ไม่ให้การทำหน้าที่ดำเนินงานบิดพลิ้ว ในใจสวนทางกังวลกับการพบว่ามีบางสิ่งฉุดขาเธอให้ล้มลง

“รับสมิตตี้ไปแทนจินนี่ชั่วคราวดีไหมคะ”

ธนิทธิหลบทางให้คนสวยได้เดินลงไป ส่วนตัวเองเผลอเดินตาม สมกับที่สมิตานันแนะนำตัวเองไว้ ว่าตัวเธอนั้นเป็นยมทูตสาวพราวเสน่ห์จริงๆ แฟนคลับอย่างเขาถึงได้เฝ้าแอบชอบมานานนม

“ดีใจที่เจอคุณธีอีกนะคะ มาทุกปีเลย” สมิตานันสั่งเครื่องดื่มกับบาร์เทนเดอร์ของร้าน ขอแบบแรงๆ พอที่จะทำให้เธอหลับสนิทโดยไม่ต้องฝัน หรือพบเจออะไรแปลกๆ หลอนๆ อีก อย่างน้อยปาริตากับพุทธาก็มีสติพอจะทำหน้าที่เก็บร่างเธอส่งบ้าน

“พลาดได้ไงครับ ผมมาเพราะเป็นห่วง ได้ข่าวว่าคุณตี้กับทีมงานไปเจอเรื่องน่ากลัวมา”

สมิตานันส่งเสียงประหลาดใจ แต่สายตาก็พลันหันมองตัวต้นเหตุที่น่าจะเป็นผู้สาธยายเรื่องราว อย่างคนร่างบึกบึนสวมชุดตุ๊กตาผียักษ์ ด้วยชุดสีชมพูฟูฟ่อง หมวกสีขาว ที่เจ้าตัวโฆษณามาตั้งแต่สามเดือนก่อนว่าเจ้าหล่อนจะโดดเด่นสะดุดตาใครในสามโลก

กมลโดดเด่นจริง แต่ใครเห็นก็ขอถอยหนีออกมาหนึ่งก้าวเป็นอย่างต่ำ รอบรัศมีกมลจึงปราศจากคน เจ๊ใหญ่ขาเม้าท์ชอบนำเรื่องวงในไปป่าวประกาศตามหน้าเว็บบอร์ดของเหล่าแฟนคลับก่อนเสมอ...เหตุผลที่นำมาบอกเล่ายามโดนผู้กำกับบูรณ์บ่นก็จะบิดเสียงเล็ก ทำตาปิ๊งๆ ว่า แค่น้ำจิ้มๆ ให้แฟนๆ รู้ก่อน

“พวกเราทำงานแบบนี้ ไม่เจอก็แปลกสิคะ” ถลึงตาดุใส่คุณหมอตัวผอมที่ยื้อแก้วกับเธอ ไม่ยอมให้ดื่ม แต่สุดท้ายคนอยากหลับก็ชิงแก้วน้ำสีสดใส แต่ฤทธิ์ไม่ใสมาดื่มรวดเดียวจนหมดแก้ว

ธนิทธิขยับเข้ามานั่งเคียงข้าง ลังเลใจเพียงนิด แต่ยอมหยิบกล่องของขวัญขนาดเล็ก กระดาษห่อสีน้ำเงิน โบสีเงินเรียบหรู ออกมาส่งให้เจ้าตัว “สุขสันต์วันเกิดครับคุณตี้ เป็นของเล็กๆ น้อยๆ”

“ขอบคุณนะคะ จริงๆ ไม่ต้องลำบากซื้ออะไรมาให้เลย แค่มาร่วมงานวันนี้ก็เหมือนมาวันเกิดตี้แล้ว”

“วันนี้วันดีนะจ๊ะทุกคน...” เสียงประกาศไมค์ดังลั่น สมิตานันยืนขึ้นเท้าสะเอวมองเจ๊ใหญ่เดินดุ่มเข้ามา ยังคงพูดไม่หยุด “ธรรมเนียมของเราคืออะไรจ๊ะเด็กๆ”

หญิงสาวเจ้าของวันเกิดกระโดดหลบเกาะแขนปาริตาแน่น มองวัตถุอันตรายในมือของกมลด้วยความสยอง ห้าปีมานี้นับตั้งแต่รายการดังพอจนจัดงานฮาโลวีนได้ งานใหญ่นี้มีธรรมเนียมเพิ่มที่เธอไม่เคยหนีพ้นสักครั้ง

“กินเค้ก...” หลายเสียงประสานกันอย่างพร้อมเพรียง

สมิตานันคอตก ปากเบ้ กระซิบกระซาบบอกปาริตาท่าทางเศร้าสร้อย “สวยอีกแล้วนังตี้ มิลันเพื่อนโดนรังแกนะ”

“สนุกๆ น่า” ผีคนไข้กระทุ้งผีคนสวยสะดุดตาออกไปข้างหน้า คนทำหน้าง้ำต้องปั้นหน้ายิ้มหัวเราะอีกครั้ง สายตามองค้อนกมลกับการส่งแฮร์รี่ พอตเตอร์มาถือเค้กก้อนโตตรงหน้าเธอ

เชียร์คุณธนิทธิจนเธอไม่รู้เลย...ค่อนขอดอย่างหมั่นไส้

แสงไฟในงานเปิดส่องบริเวณหน้าบาร์เครื่องดื่มที่มีคนบางตา สมิตานันโดดเด่นขณะที่ก้อนเค้กใหญ่จุดเทียนสว่าง เสียงเพลงวันเกิดถูกร้องด้วยโทนต่ำ ทำนองช้า คล้ายงานโศกมากกว่างานรื่นเริง

เพลงวันเกิดมงคลจนอยากร้องไห้คร่ำครวญเป็นอินโทรของเพลง...

ใบหน้าผู้ชายถือเค้กดูอบอุ่น และจริงใจ สมิตานันยิ้มให้เขา แต่ก็พลันจืดชืดขึ้น หน้าของธนิทธิถูกใบหน้าใครซ้อนทับ ดวงตาดุจัดจ้องเธอเขม็ง และกดดันเธออย่างแปลกประหลาด

ไม่จริงน่า...ฝันอยู่แน่ๆ

“ขอพรเถอะครับ”

สมิตานันได้ยินเสียงธนิทธิบอก แต่ภาพซ้อนทับก็ยังอยู่บนหน้าธนิทธิแบบนั้น หญิงสาวรีบหลับตา กุมมือเย็นเฉียบ และสั่นไว้มั่น ขอพรสักร้อยข้อเลยได้ไหม

‘ฉันขอให้ชีวิตหลุดพ้นเรื่องน่ากลัวเสียที อะไรที่น่ากลัวอย่าได้แผ้วพาน ขอให้คนรอบข้างของฉันมีแต่ความสุข ชีวิตสงบสุข อย่าได้เจอเรื่องแบบที่ฉันเจอเลย ลืมตาขึ้นมา อย่าได้เห็นภาพหลอน เพียง!’ กลั้นใจเป่าเทียนหลายเล่ม ก่อนจะเงยขึ้นมาอีกครั้ง

แต่ใบหน้าซ้อนทับกับธนิทธิก็ยังไม่จางหายไป เธอได้ยินเสียงเขาตะโกนก้องในหัว ในขณะที่ใครๆ ต่างยังปกติ

“สิ่งที่หวัง ข้าจะจัดให้เอง หึๆ สมิตาที่รัก”

แปะ...เค้กก้อนโตฝีมือเจ๊มลแปะลงบนหน้าสมิตานัน รสหวานเค็มของครีมเข้าปาก แต่เพียงแค่ไม่กี่วินาที คนสัมผัสรสนั้นก็ล้มตึง แน่นิ่งไปกับพื้น

“ตี้!” ปาริตารีบลงมาดูเพื่อน อาการแปลกของเพื่อนต้องไม่ใช่โรคแพ้ครีมกะทันหันอะไรเทือกนั้นแน่ มือสั่น ปากสั่น ตาเบิกกว้าง แต่สติกำลังหมด ตัวเย็นเฉียบแบบนี้ ปาริตารีบเช็ดเค้กออกไปจากหน้าเพื่อน หันมองพุทธาที่ลุกขึ้นอย่างมีสติ ดวงตาแปรเปลี่ยนไปโดยที่หญิงสาวไม่ทันสังเกต

พุทธาช้อนร่างคนช็อกตาค้างขึ้นแนบกาย เดินออกไปโดยไม่สนใจว่าคนทั้งร้านกำลังตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากแค่ไหน ปาริตารีบลุกตาม เกิดอาการร้อนรนพอกัน

“พุท เกิดอะไรขึ้นกับตี้ ตี้เห็นอะไรอีกใช่ไหม”

“ไม่หรอก ก็แค่ตกใจ” เสียงทุ้มต่ำ เย็นยะเยือกตรึงร่างของปาริตาค้าง ความรู้สึกของหมอแน่ชัดว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงกับพุทธา

“คุณไม่ใช่พุท”

“เก่งดีนี่...แต่ไม่ต้องกลัว ข้ามาดี”

ปาริตาได้สติรีบเดินเร็วตามมา ทั้งที่ใจนึกหวั่นกับอะไรที่นอกเหนือตำรา แต่เธอปล่อยเพื่อนไปในมือสิ่งมีชีวิตอื่นไม่ได้ “ส่งตี้มาให้ฉันเถอะค่ะ ฉันเป็นหมอ ฉันรักษาเขาได้ ไม่อยากรบกวนคุณ”

“ไม่ได้รบกวนอะไร ข้ายินดี เจ้าขวางหมอนั่นให้ข้าก็พอ แล้วรีบตามมา”

คนโดนสั่งนึกอยากวิ่งตามไป แต่ในสถานการณ์ไม่ปลอดภัย ไม่ปกติแบบนี้ ปาริตาไม่อยากเสี่ยงให้ใครมาสติแตก นี่ถ้าเธอไม่เคยเจอคนไข้หลากรูปแบบ เรียนจิตเวชจนบางครั้งก็ไม่มั่นใจว่าจิตใจมนุษย์มีกี่ระดับ หรือน่ากลัวขนาดไหน เธอเองก็คงรับสภาพจิตมนุษย์รูปแบบหนึ่งไม่ได้ จิตที่ปราศจากรูปร่าง แต่ก็ยังเป็นจิต

อย่างน้อยๆ ร่างของพุทธาก็ยังอยู่ตรงนั้น ปาริตาคิดปลอบใจก่อนหันมายกมือขวางธนิทธิทันที “ฉันจะดูแลเพื่อนเองนะคะ ตี้แค่เมาหลับ” หาข้ออ้างสดๆ ร้อนๆ มาสนับสนุน

ทางเดินหลังร้านค่อนข้างมืด และไม่ได้สว่างมากนัก ธนิทธิเองดูจะเป็นห่วง แต่ยังพอเว้นที่ว่างให้ปาริตากับสมิตานัน “รีบตามคุณตี้ไปเถอะครับ ผมเป็นห่วงเขามาก”

“ไว้ตี้ตื่นขึ้นมา ฉันจะบอกเขาให้นะคะ”

“ฝากดูแลคุณตี้ด้วยนะครับ”

ปาริตาพยักหน้ารับ รู้สึกว่าธนิทธิเป็นผู้ชายที่ใช้ได้คนหนึ่ง...รถคันเล็กของเธอแล่นมาจอดตรงหน้า ปาริตารีบเข้าไปนั่งที่นั่งตอนหลัง มองเพื่อนหลับคอพับ คล้ายว่าเพียงแค่ตกใจจนเป็นลมไปอยู่ที่นั่งข้างคนขับ คนมีสติมองเสี้ยวหน้าเครียดเขม็งของพุทธาอย่างไม่วางใจ

“ทำไมคุณต้องมาวุ่นวายกับตี้ด้วยคะ ตี้กลัวเรื่องพวกนี้ขึ้นสมอง”

คนขับรถไม่ได้กลัวเกรง หมุนพวงมาลัยไปมา จนท้ายที่สุดก็ปล่อยให้ยานพาหนะที่เคลื่อนไปได้เองโดยไม่ต้องควบคุม ให้คนมีสติทางด้านหลังตาเหลือก รู้สึกเหลือหัวเดียวกะเทียมลีบ หากจิตเธออ่อนอีกคน เห็นทีงานนี้ต้องฝากชีวิตไว้กับใครไม่ได้...ยกเว้น

“ข้าเป็นภูต ดวงวิญญาณผูกติดกับสมิตามานานนับพันปี...ข้าอยากให้ชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย ข้าจึงจำเป็นต้องได้รับการปลดปล่อย”

“ต้องทำยังไงคะ บอกมาได้เลย ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรงฉันจะทำแทนให้”

ดีกว่าให้สมิตานันหลอนตลอดชีพแบบนี้แน่ๆ...

“ข้ารู้แล้วว่าไม่ควรพาตัวเองมาให้สมิตาพบหน้า...แต่ข้าต้องพึ่งแค่สมิตาเท่านั้น ส่วนเจ้าขอให้บทสนทนานี้เป็นเพียงความลับ เรื่องทำอย่างไรนั้นข้าจะจัดการเอง รับรองว่าจะพยายามไม่ทำให้สมิตาเพื่อนของเจ้าหลอนอีก”


บ้านหลังกะทัดรัด เหมาะจะอยู่คนเดียวยังคงมีความเงียบรับอรุณ แม้ว่าเธอจะตื่นมาตักบาตรด้วยอาหารของป้าแม่ค้าหน้าปากซอย ก็ไม่น่ากลัวเท่าไหร่ คนแถวนี้ออกไปทำงาน ส่งลูกหลาน ที่สำคัญเลย การที่ไม่ตื่นมาเห็นอะไรแปลกตาทำให้สมิตานันรู้สึกปลอดภัยมากขึ้น

แต่ทำไมตั้งแต่เธอเดินจากหน้าปากซอยเข้ามา...เธอรู้สึกถูกติดตาม

คนสวยประจำซอย คนเจอหน้ากันจนเบื่อ ยังจะตามกันอีกเหรอ

สมิตานันส่ายหัวให้กับความคิดตัวเอง เร่งเดินด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้น ข้ามถนนซอยแยกเล็กๆ ในซอย ทันก่อนรถอีกคันจะมา

เอี๊ยดดด...ตุบ

เสียงเบรกรถดัง ล้อเสียดสีกับพื้นถนน ก่อนกระแทกกับบางอย่างเสียงดังตุบ ใจคนได้ยินหล่นวูบ มองกลับไปพบภาพรถยนต์ขายผักเร่ทุกเช้าขับหนีไป ปล่อยให้สิ่งมีชีวิตตัวเล็กนอนจมกองเลือดครางอย่างน่าสงสาร

แมว...คนเฉยๆ กับสัตว์แต่เห็นสิ่งมีชีวิตที่เธอพอช่วยเหลือได้ตายไปต่อหน้าต่อตานั้นเธอเองก็ทนไม่ได้ ร่างระหงวิ่งกลับไปยังสิ่งมีชีวิตที่เสียงลมหายใจเริ่มผะแผ่ว ดวงตาดำสนิทจ้องมองมายังใบหน้าของเธอหรี่ปรืออย่างน่าสงสาร

เสื้อคลุมสีเหลืองสดใสของเธอถูกถอดออกคลุมร่างแมวตัวน้อย ไม่สนว่าครั้งนี้อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอจะได้ใส่เสื้อตัวนี้ก็ตาม ช้อนร่างท่วมไปด้วยเลือด ประคองอย่างระวัง กลัวกระดูกสิ่งมีชีวิตตัวน้อยจะทิ่มแทงอวัยวะภายในซ้ำเติมอาการเดิมให้หนักขึ้น

“อดทนหน่อยนะเจ้าแมว ฉันเห็นว่ามีคลินิกหมออยู่ไม่ไกลจากนี้เท่าไหร่ จะพาไปนะ อย่าเพิ่งเป็นอะไรเข้าใจไหม”

พยายามย้ำเตือนให้ดวงตาสีดำสนิทของแมวดำในอ้อมแขนของเธอคอยลืมตาขึ้นมามอง สองขาออกวิ่งสุดตัว นึกสงสารเจ้าแมวจับใจ ไม่รู้จะโทษใครที่แมวเดินไม่มองทาง ไม่ระวัง หรือคนไร้ความรับผิดชอบ ชนแล้วหนี

เธอเองก็ทำในสิ่งที่พอทำได้ และมีแรงกำลังทำเท่านั้น

คลิกนิกหมอที่เคยเห็นมานานเปิดยาวตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ปกติเคยขับรถผ่านไปมาแต่ไม่เคยเฉียดกรายเข้าไปเพราะว่าเธอไม่ได้เลี้ยงสัตว์ สมิตานันเหยียบย่างคลินิกหมอธีที่มีกลิ่นยาจนฉุนเพียงแค่เข้ามา

“ขอโทษนะคะ ช่วยทีค่ะ แมวโดนรถชนค่ะ” ผู้หญิงที่น่าจะเป็นลูกมือของหมอนั่งอยู่ตรงเคาว์เตอร์โค้ง ด้านหลังเป็นตู้ยารีบออกมารับร่างในเสื้อคลุมมีแต่เลือดของเธอไปวางบนเตียงรักษา หมอตัวสูง หุ่นไม่ผอมแห้ง พอมีกล้ามเดินออกมา

ธนิทธิมองเจ้าของสัตว์ที่มารักษารายแรกของวันด้วยความฉงน “คุณตี้”

“คุณธีเองเหรอคะ” สมิตานันร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ ก่อนรีบขอความช่วยเหลือโดยด่วนจากธนิทธิ “ช่วยรักษาเจ้าแมวตัวนี้ทีนะคะ ฉันเจอมันถูกรถชนเข้า เลยพามารักษา”

“ผมจะทำให้เต็มที่นะครับ”

“งั้นฝากด้วยนะคะ” หญิงสาวยิ้มซีดเซียว ดวงตาของเจ้าเหมียวเคราะห์ร้ายจ้องหน้าคุณหมอนิ่ง ขณะที่เริ่มทำการรักษา อาการเจ็บปวดที่สร้างมาหายเป็นปลิดทิ้ง...

สายตาของแมวตัวน้อยบอกชัดว่ามันไม่เป็นมิตรกับคนที่รักษา หลายครั้งที่เจ้าแมวตะปบมือ ฝากรอยเล็บ เรียกเลือดคนรักษาได้อยู่หลายหน

สมิตานันได้ยินเสียงคนรักษาร้องโอยมาบ้าง ไหนจะลูกมือคุณหมอที่มักจะร้องตกใจอยู่เนืองๆ หญิงสาวได้ยินประโยคหนึ่งถึงกับตกใจ “ทำไมใช้ยาสลบแล้วเจ้าแมวไม่ยอมง่วงคะหมอ”

ทรงพลังจริงๆ แมวตัวนี้...คงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง

หญิงสาวนั่งพิงพนักโซฟาในส่วนของลูกค้าของเจ้าของสัตว์เลี้ยงนั่งมองคลินิกสะอาด กรุกระจกแผ่นใหญ่มองออกไปเห็นถนนใหญ่มีรถราแล่นผ่านไปมา ห่างจากตัวบ้านของเธอไม่กี่ร้อยเมตร แต่เธอกลับไม่เคยรู้ว่าเป็นของธนิทธิ ไม่สิ เธอเพิ่งรู้วันนี้เอง ว่าธนิทธิแฟนคลับของเธอเป็นถึงสัตวแพทย์

นับจากวันงานผ่านมาหนึ่งอาทิตย์ สมิตานันตื่นขึ้นมาในตอนเช้าวันถัดมาจากวันเกิด พบว่าตัวเธอนอนอยู่ในห้องนอนเรียบร้อย มีปาริตาทิ้งโน้ตเล็กๆ บอกไว้ว่าทำข้าวต้มไว้ให้อย่าลืมทาน ไม่มีใครยอมเล่าว่าเธอพบเจออะไร แต่ใบหน้าซ้อนทับที่เธอเห็นบนหน้าธนิทธิในคืนนั้น หญิงสาวค่อนข้างมั่นใจว่าเธอไม่ได้หลอนไปเอง

แต่คิดไปก็น่าปวดหัว ดีเท่าไหร่ที่ความฝันประหลาดไม่มาเยี่ยมเยียนเธอให้หลอนมากขึ้น...ภาพความฝันที่เธอจำได้ราวกับว่ามันเกิดขึ้นจริงแม้ในยามตื่น หวังว่าผีตัวพ่อจะไม่ทำตามสัญญาที่ให้ไว้ว่าจะได้พบเจอกันอีกหรอกนะ

เมี้ยววว...แมวตัวน้อยร้องเรียกเธอให้ตื่นจากภวังค์ สมิตานันมองแมวขาเจ็บใส่เฝือกขาหน้ากะเผลกมาออดอ้อน เอาคอมาไถกับขาของเธอ ดวงตาสีดำจ้องมองมาทำให้เธอต้องมองกลับไป ก่อนยิ้มน้อยๆ ขณะยื่นมือไปลูบหัวนุ่ม แต่แมวจอมหยิ่งกลับสั่นหัวไปมา บอกชัดว่าไม่ชอบ

“เจ้านี่ เดี๋ยวเถอะ ลูบนิดลูบหน่อยไม่ได้”

เสียงดุของสมิตานันไม่ได้ทำให้แมวจอมหยิ่งรู้สำนึก นอกจากเบือนหน้าหนี กระดิกหางไปมา คนพามารักษาทำเสียงหึ หมั่นไส้แมวท่ามากนี้จริงๆ

“เชิญมาทำประวัติแมวด้วยค่ะคุณตี้” ผู้ช่วยหมอเรียกเธอด้วยรอยยิ้ม ใบหน้ายังมีความเหนื่อยไม่หาย ส่วนธนิทธิเธอไม่รู้ว่าหายไปไหนแล้ว อดมองหาไม่ได้ “หมอธีไปล้างแผล ทำความสะอาดมืออยู่ค่ะ โดนไปเยอะ”

“โดนอะไรคะ”

“แมวพยศน่ะค่ะ ขนาดฉีดยาสลบไป ไม่หลับเลย”

ดวงตาสีน้ำตาลเข้มหรี่มองสัตว์ตัวเล็กตรงหน้าอย่างจับผิด ความคิดหนึ่งพุ่งใส่ขณะสบตาดำขลับของมัน...แมวผี หรือเปล่า

เสื้อคลุมเปื้อนเลือดของเธอก็ถูกส่งมาให้ก่อน “คงซักไม่ออกแล้วนะคะคุณตี้”

คงไม่ใช่ผีหรอก เลือดแดงออกชัดเจน...

“ไม่เป็นไรค่ะ ถือว่าทำบุญให้แมวซักตัว ค่ารักษาเท่าไหร่คะ”

“เขียนใบประวัติน้องแมวก่อนดีกว่าค่ะ ว่าแต่แมวชื่ออะไรคะ ไม่เห็นมีปลอกคอ”

“ไม่มีหรอกค่ะ ฉันเองก็แค่ผ่านมาเจอ ตั้งใจว่าถ้าที่นี่มีรับดูแลจะฝากให้ดูแลด้วยเลย พอมันหายก็ปล่อยไป”

เมี้ยววว...มาเดินพันแข้งพันขาออเซาะเหลือเกิน สมิตานันถลึงตามองดุ ชี้นิ้วสั่งห้ามวุ่นวาย เจ้าแมวดำได้แต่นั่งสงบ เชิดคอหนี และน่าหมั่นไส้ด้วยการกระดิกหางขึ้นลง...โดนแมวกวนใส่แบบนี้อยากมีกรงเล็บตะปบแข่งซะจริง

“ขามันเจ็บ คงต้องใส่เฝือกไปสักพัก มาตรวจซ้ำตามใบนัดนี้ก็ได้ค่ะ ที่นี่เองก็ไม่ได้รับสัตว์มาดูแลประจำถ้าไม่หนักจริง เพราะสถานที่ไม่เอื้อ ส่วนแมวตัวนี้ เราตรวจละเอียดแล้ว ก็มีแค่ขาค่ะที่เจ็บ”

“แค่นั้นเหรอคะ” หยิบเสื้อตัวโปรดเลือดท่วมแดงฉานกางออกดู สีหน้าเหลือเชื่อว่าแมวตัวนั้นจะเจ็บแค่ขา ไหนจะยังเรื่องโดนปฏิเสธรับฝากดูแลของคลินิก

“แมวถึกๆ แบบนี้คงดูแลตัวเองได้หรอกค่ะ ออกไปข้างนอกก็ทางใครทางมัน” ลงมือเขียนชื่อแมวว่า ‘ถึก’ ให้สมกับความสมบุกสมบันของร่างกายแมวดำ ชื่อเจ้าของลังเลว่าจะเขียนความเป็นเจ้าของมันดีไหม แต่สบกับสายตาลึกล้ำ แต่น่ามองของเจ้าแมวแปลกหน้าจอมถึก สมิตานันก็ยอมเขียนชื่อตัวเองลงไป

จับพลัดจับผลูมาขนาดนี้แล้วทำไงได้... สมิตานันหยิบเงินมาจ่าย ซึ่งค่ารักษาสัตว์ก็แพงกว่าของคนอยู่พอสมควร ไหนจะนิสัยแสนหยิ่งของมันอีก คิดว่าเป็นแมวสะบัดคอหนีใส่คนได้ฝ่ายเดียวหรือไง นึกไปคนช่วยชีวิตแมวก็ทำท่าไม่สนใจบ้าง

“ชื่อแมวน่ารักดีนะคะ”

“สมตัวเขาล่ะคะ...แมวถึก” อดไม่ได้แลบลิ้นใส่ตาดำขลับของมันอย่างหมั่นเขี้ยว ก่อนปรับสีหน้าเป็นปกติ เมื่อผู้รักษาแมวออกมาจากหลังร้าน

“ต้องฉีดบาดทะยักไหมคะหมอธี แมวตัวนี้ไม่รู้เป็นแมวบ้าหรือเปล่า”

เมี้ยววว...เสียงแมวจอมหยิ่งดังราวกับรู้ สมิตานันเชิดหน้าขึ้น ดูเงินในกระเป๋า เห็นธนบัตรยังพอมี ไม่รอช้าทันที “ฉีดยาให้แมวเลยนะคะ ฉันว่ากันไว้ไม่เสียหาย เผื่อสักวันไปกัดใครเข้าอีก ดูนิสัยแล้วไม่ค่อยดีเลย”

“เมี้ยววว...” เจ้าถึกแยกเขี้ยว หนวดกระตุกใส่หน้าคนสั่งการ สมิตานันอุ้มร่างนุ่ม ขนลื่นมืออย่างระวังขึ้นแนบอก ตาจ้องตาไม่มีใครยอมใคร “เสร็จแน่ ไอ้ถึก หึๆ”

“เมี้ยววว” แมวตัวน้อย ขนนุ่มมือ และสัมผัสนั้นสมิตานันก็เริ่มรู้สึกชอบการอุ้มสัตว์เริ่มร้องดิ้นอาละวาด หญิงสาวต้องตะครุบ กอดไว้แน่น ตัดสินใจเด็ดขาด

“ถ้าอยากให้ฉันเลี้ยง แกต้องสงบเสงี่ยม น่ารักให้หมอธีฉีดยา ไม่อย่างนั้นล่ะก็ทางใครทางมัน เอาไงฮะไอ้ถึก”

“เมี้ยว...” เสียงร้องเบาลง ซบลงบนไหล่คนพูด แลบลิ้นเลียหน้าสมิตานันไปสองทีพอให้คนโดนย่นคอหนี รู้สึกไม่ชิน ที่สำคัญสายตาสีดำที่จ้องมานี่ราวกับบอกว่าตนไม่ไปไหนนั้นคืออะไร

อยู่ดีๆ จะมาอ่านภาษาแมวออก...บ้าไปแล้วนังตี้

หื่ออ... เสียงขู่จากแมวจอมถึกดังขู่คุณหมอหนุ่มก่อนที่เขาจะมาคว้าเอาไป กรงเล็กกำลังตั้งท่าเตรียมตะปบ สมิตานันยกมือข้างหนึ่งตีแปะลงไปบนศีรษะนิ่มทีหนึ่ง อาการพยศจึงหยุดลงได้ เหลือเพียงสายตาเคือง อย่างกับคนมองค้อนให้กับหญิงสาว

“จะหาเรื่องกันหรือไง ฉันอุ้มเองจะกล้ากัดฉันไหม ถ้ากล้า จับฆ่าทิ้งหมกถังขยะแน่...แง่ง” ลดตัวไปข่มขู่ใส่แมว และสิ่งที่เจ้าแมวที่มีใบหน้าห่างกันไม่มาก ก็แลบลิ้นเลียตอบกลับมา เอียงคอไซร้ขนนุ่มๆ กับหญิงสาว จากหน้าบึ้งสุดท้ายก็เผลอยิ้ม กอดเจ้าแมวน้อยอย่างระวังลูบขนคอเริ่มนึกเอ็นดู

บทจะอ้อนก็น่ารักจริงเชียว...เจ้าถึกเอ๊ย

..................................................
คุณ นักอ่านเหนียวหนึบ รวมเหนือมนุษย์ค่ะ ขาดซุปเปอร์แมน ฮา เป็นความรักที่ดูเป็นไปไม่ได้ ตามชื่อเรื่องเลย ว่าแต่เคยฝันว่ารักกับภูตบ้างไหมคะ ฮา นี่ลดความหลอนลงเยอะแล้วนะคะ ตอนนี้พามาน่ารักๆ ว่าไหมว่าแมวถึกมันดูแปลกๆ
คุณ ปอกะเจา ขอบคุณที่สนุกกับเรื่องนี้นะคะ เดี๋ยวพาครามมาชะแวบตอนหน้าค่ะ พาผู้ชายคนสำคัญของเรื่องอีกคนมาเปิดตัว ผู้ชายธรรมดาที่สุดของเรื่องด้วยค่ะ ฮา ก่อนหน้า ทั้งนิมมาน คราม พุทธา ไม่มีใครธรรมดาสักคน
ขอบคุณนักอ่านเงาทุกท่านด้วยค่ะ ^^ มายาวเลยตอนนี้ ตามอารมณ์คนเขียนมาก



ปวรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 พ.ย. 2556, 00:33:58 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 พ.ย. 2556, 00:34:34 น.

จำนวนการเข้าชม : 1548





<< บทที่ 3 : การปลอบโยนคน(ไม่อยาก)เห็นผี   บทที่ 5 : ภูตขี้อิจฉา >>
นักอ่านเหนียวหนึบ 4 พ.ย. 2556, 02:34:01 น.
ตอนแรกนึกว่าในเค้กมีอัลไลแฝงอยู่ซะอีก นู๋ตี้ถึงไเ้ช็ิคต่ค้างขนาดนั้น อ่านแรกๆ นึกว่าพุทธาจะเป็นอีกหนึ่งหนุ่มที่ลงสังเวียน ดันกลายเป็นพ่อสื่อซะนี่ ส่วนตาหมอหมาคงเป็นคู่บุพเพสินะ แล้ว..... บุพเพ กะรักเก่านับพันปี ใครจะดี ใครจะได้ละเนี่ยยย


ปอกะเจา 4 พ.ย. 2556, 09:50:31 น.
มั่นใจว่าไอ้เจ้าถึกจะต้องเป็นคุณนนิมมานแปลงร่างมาแน่ ลดความหลอนไม่ให้นางเอกกลัว แถมนิสัยก็เข้ากับธรรมชาติของแมว ไม่ต้องกลัวนางเอกจับได้(?) แหม่ ชักอยากได้แมวแบบนี้ไว้เลี้ยงท่ีบ้านสักตัว คงจะบันเทิงไม่น้อยเลยค่ะ 555555


รักเร่ 4 พ.ย. 2556, 19:42:50 น.
ติดตามค่า เจ้าถึกน่ารักจังเลย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account