จอมใจเพชฌฆาต(ผ่านการพิจารณาจากสนพ.sugarbeat แล้ว)
ความรักที่เป็นไปไม่ได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อเธอถูกลักพาตัวโดยนักฆ่า
ความรักที่เป็นไปไม่ได้ดำเนินไปเมื่อนักฆ่าไร้หัวใจกลับรู้สึกหวั่นไหว
ความรักที่เป็นไปไม่ได้จะลงเอยอย่างไร เมื่อเสียงเรียกร้องจากหัวใจ
อาจเปลี่ยนชีวิตของพวกเขาไปตลอดกาล!

Tags: โรแมนติก,แอคชั่น,ดราม่า

ตอน: บทที่ 3 - ลักพาตัว

Even in the most infertile of all lands, a seed of love always grows

แม้แต่ในดินแดนที่แห้งแล้งมากที่สุด เมล็ดพันธุ์แห่งความรักก็ยังสามารถงอกงามได้เสมอ



- นิรนาม



บทที่ 3 – ลักพาตัว





สหพันธรัฐคำแสนหิรัญ

เมืองบุนจี, เขตบุนจี



วันสุดสัปดาห์อันเป็นนัดหมายที่ทอฟ้าตั้งใจแอบนัดพบกับแฟนหนุ่มมาถึงอย่างรวดเร็ว

ตามธรรมดาแล้วเธอจะไม่มีธุระที่โรงเรียนสอนเต้นของตัวเองในช่วงวีคเอนด์นานนัก โดยเฉพาะวันอาทิตย์เช่นนี้ แต่ไคก็ไม่ได้ติดใจสงสัยอะไรทั้งสิ้นเมื่อติดตามเธอมาที่โรงเรียน ทอฟ้าบอกเขาว่ามีเอกสารบัญชีการเงินต้องเคลียร์ให้เรียบร้อย

ดังนั้น ภายในเวลาสิบนาฬิกา เธอจึงเปิดออฟฟิศเข้ามานั่งจัดทำเอกสารปลอมๆ ที่โต๊ะทำงาน โดยมีไคนั่งอ่านหนังสือพิมพ์คอยจับตาดูความเคลื่อนไหวของเธอตลอดเวลาที่โซฟามุมห้อง วันนี้โรงเรียนค่อนข้างเงียบเหงาเพราะไม่ใช่วันเปิดทำการ เหล่าก๊วนเพื่อนของทอฟ้าป่านนี้คงกำลังเฮฮาปาจิงโกะอยู่กับคนรู้ใจที่ไหนสักแห่ง หญิงสาวแอบยิ้มน้อยๆ เมื่อวาดภาพว่าอีกไม่กี่ชั่วโมง เธอก็จะได้ไปออกเดทกับเขาแล้วเหมือนกัน

ทอฟ้านั่งเขียนนู่นเขียนนี่ เปิดคอมพิวเตอร์แกล้งพิมพ์หน้าเครียด จนใกล้เที่ยง ทอฟ้าก็ปิดแฟ้มเอกสาร ละมือจากคีย์บอร์ดและลุกขึ้นยืน

ไคพับหนังสือพิมพ์แล้วลุกขึ้นยืนตามทันที

“คุณหนูจะไปไหนครับ?”

“ไม่ได้ไปไหน ฉันจะเดินไปชงกาแฟ”

ทอฟ้าตอบ เดินเนิบนาบตรงไปที่ห้องครัวประจำออฟฟิศ ได้ยินเสียงฝีเท้าบอดี้การ์ดเดินตามมาห่างๆ เมื่อเข้าครัวมาแล้วทอฟ้าก็หยุดเท้าหน้าเครื่องชงกาแฟ หลุบตามองบนเงาที่สะท้อนบนเคาน์เตอร์สีเงินเงาวับ ไคยืนมองเธออยู่ที่หน้าประตูห้องครัว ทอฟ้าพูดพลางเปิดตู้หยิบกาแฟซองกึ่งสำเร็จรูปออกมาจากที่เก็บ

“ไม่ต้องคอยตามฉันตลอดเวลาก็ได้ ฉันหนีไปไหนไม่รอดหรอกน่า”

เงาของไคยังไม่ขยับเขยื้อน

ทอฟ้าชักสีหน้ารำคาญหันขวับกลับไป “นายกลับไปนั่งที่ของนายเถอะ มีคนจ้องทุกวินาทีแบบนี้มันอึดอัดจะตายอยู่แล้วนะ”

ไคก้มหน้ามองพื้น ยกมือไขว้หลัง แต่ยังคงยืนอยู่ที่เดิม

“นายคิดว่าฉันจะหนีออกไปจากที่นี่โดยที่นายไม่เห็นได้หรือไง!” ทอฟ้าขึ้นเสียงอย่างเหลืออด “เหลือพื้นที่ส่วนตัวไว้ให้ฉันบ้างสิ ฉันแค่เข้ามาชงกาแฟเองนะ!”

ไคเหลือบตามองมาที่เธอแวบหนึ่ง ทอฟ้าเห็นเขาระบายลมหายใจยาวแรงและค้อมศีรษะให้เธอ ก่อนจะหมุนกายก้าวออกไปจากประตูครัว

สำเร็จ...

ทอฟ้าอมยิ้ม รีบหันกลับมาหยิบกาแฟสองซองและถ้วยมาสองใบ ขณะชงกาแฟทั้งสองถ้วยนั้น หญิงสาวก็แอบหยิบขวดยาขวดเล็กๆ ออกมาจากกระเป๋ากางเกงและหยดน้ำยาในขวดใส่ถ้วยกาแฟทางซ้ายมือ

ไม่กี่นาทีต่อมา ทอฟ้าก็เดินถือถ้วยกาแฟทั้งสองออกมาจากห้องครัว เธอเดินนำถ้วยหนึ่งไปยื่นให้บอดี้การ์ดที่กลับมานั่งอ่านหนังสือพิมพ์ตามเดิม

“เอ้า รับไปสิ ฉันชงมาเผื่อ ถือว่าเป็นคำขอโทษที่ฉันใส่อารมณ์กับนายเมื่อกี้แล้วกันนะ” ทอฟ้าแกล้งพูดอย่างรู้สึกผิด

ไคมีสีหน้าประหลาดใจ แต่ก็พับหนังสือพิมพ์วางข้างกายและรับกาแฟไปแต่โดยดี

“ขอบคุณคุณหนูมากนะครับ” เขายิ้ม ชูกาแฟให้เธอเล็กน้อยและยกขึ้นจิบ

เมื่อเห็นคนชิมขมวดคิ้ว ทอฟ้าก็กล่าวเสริม “ขมหน่อยนะ ฉันไม่รู้ว่าปกตินายชอบกินรสไหน ส่วนตัวฉันชอบกินขมๆ เลยชงแบบขมๆ มาให้ หวังว่านายคงกินได้นะไค”

“อ้อ ได้ครับ ไม่มีปัญหา” ไครีบตอบ

“งั้นก็เอาให้หมดถ้วยไปเลยนะ” ทอฟ้ากล่าวต่ออย่างอารมณ์ดี นำถ้วยกาแฟในมือชนกับถ้วยของเขาแก๊งหนึ่งและยกขึ้นจิบพลางเดินกลับมาที่โต๊ะทำงาน

เธอนั่งหน้าคอมพิวเตอร์ แอบปรายตามองบอดี้การ์ดหนุ่มเป็นระยะว่าเขาดื่มกาแฟไปถึงไหน เมื่อพบว่าเขาดื่มไปเกินครึ่งถ้วยแล้ว ทอฟ้าก็ลุกขึ้นยืนและบอกกับเขาว่า

“ฉันขอเข้าห้องน้ำก่อนนะ นายไม่ต้องตามมายืนเฝ้าล่ะ เข้าใจมั้ย?”

ไคมีสีหน้าลังเล แต่เขาก็ก้มมองถ้วยกาแฟในมือและเงยหน้ามองเธอ ก่อนจะผงกศีรษะในที่สุด

“งั้นฉันไปก่อนล่ะนะ” ทอฟ้าพูดทิ้งทายเป็นนัย เอื้อมมือคว้ากระเป๋าสะพายและเดินไปที่ห้องน้ำประจำออฟฟิศซึ่งอยู่ติดกับห้องครัว ยานอนหลับที่เธอซื้อมานั้นคนขายโฆษณาว่าจะออกฤทธิ์ภายในเวลาสิบนาที ทอฟ้าไม่อยากดูภาพที่ไคล้มฟุบไปต่อหน้าต่อตา เธอจึงหลบเข้ามาในห้องน้ำเพื่อแต่งหน้าเตรียมตัวออกไปหาโคมินต์

ผ่านไปแล้วห้านาที ทอฟ้ากำลังส่องกระจกแต่งเติมลิปสติกบนริมฝีปาก ฝ้าเพดานของห้องน้ำที่อยู่ด้านบนพลันขยับออก ร่างกำยำกระโดดวูบลงมาอย่างปราศจากสัญญาเตือน ทอฟ้าร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจได้เพียงคำเดียว ฝ่ามือหนาใต้ถุงมือดำก็โปะผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งปิดปากและจมูกของเธอ

ทอฟ้าพยายามดิ้นรน แต่เพียงแค่สูดหายใจเข้าปอดเท่านั้น เรี่ยวแรงทั่วกายเธอก็เหือดหาย สติสัมปชัญญะเลื่อนลอย สองตางามหรี่ปิดลงพร้อมกับร่างที่ทรุดฮวบเข้ามาในอ้อมแขนของชายหนุ่มที่เธอไม่ทันเห็นหน้า

ทันใดนั้น เสียงของไคตะโกนขึ้น

“แกเป็นใคร ปล่อยตัวคุณหนูเดี๋ยวนี้!”



++++++



ไคแข็งใจฝืนร่างกายที่อ่อนแรงกะปลกกะเปลี้ยพังประตูห้องน้ำและโซเซเข้าไป ปืนบาเรตต้าในมือถูกยกเล็งตรงไปที่เป้าหมาย แม้จะไม่รู้แน่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เขาคิดว่าตนเองได้ยินเสียงทอฟ้าร้องอุทานเหมือนตกใจสุดขีดกับอะไรบางอย่าง

บัดนี้ไคทราบแล้วว่าอะไรบางอย่างนั้นคือสิ่งใด

มันคือชายในชุดดำคนหนึ่ง กายสูงใหญ่เหมือนนักกีฬากำลังโอบทอฟ้าอยู่ในอ้อมแขน หน้ากากไอ้โม่งที่สวมใส่ปิดบังใบหน้าทั้งหมด หลงเหลือให้เห็นแต่เพียงดวงตาเยือกเย็นที่จ้องมองมาที่ไคอย่างไม่สะทกสะท้านหรือมีประกายตื่นตกใจแม้แต่น้อย

“ปล่อย...คุณหนู...ซะ”

บอดี้การ์ดหนุ่มพูดอย่างยากลำบาก สายตาของเขาพร่ามัวลงทุกขณะ เช่นเดียวสติที่ใกล้ดับวูบ

ไคเพิ่งตระหนักได้ว่าในกาแฟที่คุณหนูชงให้ดื่มมีสิ่งไม่พึงประสงค์เจือปนอยู่เมื่อไม่กี่นาทีก่อนนี่เอง หากเป็นคนที่ไม่เคยได้รับการฝึกฝนให้ทนทานต่อสารพิษและยาสลบก็คงหมอบสนิทไปแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย แต่กับชายหนุ่มที่ผ่านการฝึกหน่วยรบพิเศษสุดทรหดอย่างไค ยานอนหลับจึงออกฤทธิ์กับเขาได้ช้ากว่าปกติ

ชายในชุดดำจับร่างทอฟ้าขึ้นพาดบ่า ย่างสามขุมเข้ามาหาไคอย่างไม่กลัวเกรง

ไคกำลังจะเหนี่ยวไก เท้าของชายชุดดำก็ตวัดวาดเตะปืนกระเด็นออกไปจากมือของเขาและตามด้วยการหมุนตัวซัดข้อศอกใส่กกหูของไคทั้งที่ยังมีร่างของทอฟ้าอยู่บนไหล่

ถ้าเป็นเวลาที่มีสติครบถ้วนเต็มร้อย มันไม่ยากเลยสำหรับไคที่จะฉากหลบข้อศอกนั้น

แต่ในตอนนี้...

ผัวะ!

ใบหน้าไคหงายเริ่ดตามแรงกระแทก ดาวระยิบลอยว่อนให้เห็นเต็มสองตาก่อนที่ร่างของเขาจะหมุนคว้างลงไปกองอยู่บนพื้นและสิ้นสติลงทันที



++++++



สหพันธรัฐคำแสนหิรัญ

เมืองบุนจี, เขตกีโด



ภารกิจลักพาตัวลูกสาวนายพลอัศวินผ่านครึ่งแรกไปอย่างง่ายดายกว่าที่อินทรีคาดคิดหลายเท่า

เขาและทอฟ้าในสภาพสลบไสลเดินทางมาถึงเขตกีโดที่อยู่ห่างจากเขตบุนจีสองร้อยกิโลเมตรและเป็นเขตที่อยู่ติดชายแดนไทยมากที่สุดเมื่อสองชั่วโมงที่แล้ว

เมื่ออินทรีขับรถเก๋งที่มิสเตอร์เกรย์มอบให้ใช้ปฏิบัติการในภารกิจนี้เข้าจอดในโรงแรมสองดาวราคาถูกที่มีเจ้าของเป็นเครือข่ายของมิสเตอร์เกรย์ อินทรีได้รับการต้อนรับด้วยความเคารพยำเกรงเป็นอย่างมาก เจ้าของโรงแรมให้เขาเข้าพักในห้องชั้นบนสุดซึ่งเป็นห้องที่ดีที่สุด

อินทรีเดินแบกร่างบางพาดบ่าขึ้นบันไดสี่ชั้นอย่างไม่ปรากฏความเหน็ดเหนื่อยและทันทีที่ได้อยู่ในห้องเป็นการส่วนตัว เขาก็วางร่างหญิงสาวลงบนเตียง จัดการเปลื้องเสื้อผ้าออกทั้งหมดเพื่อทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัว ยอมอยู่ใต้อำนาจของเขาแต่โดยดีเมื่อฟื้นขึ้นมา ก่อนจะนำโซ่มาล่ามข้อเท้าเอาไว้กับขาเตียงป้องกันการหลบหนี

อินทรีใช้สายตาสำรวจมองร่างเปลือยของทอฟ้า ปัจฉิมวงศ์ด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะขยุ้มเสื้อและกางเกงรวมถึงชุดชั้นในของเธอนำไปยัดไว้ในลิ้นชักโต๊ะเครื่องแป้ง นาฬิกาข้อมือบอกเวลาบ่ายสองโมงเย็น ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด ทอฟ้าจะตื่นภายในสองชั่วโมงข้างหน้าและเขาต้องพาเธอข้ามพรมแดนไปที่ประเทศไทยก่อนด่านตรวจคนเข้าเมืองจะปิดทำการ

ชายหนุ่มระบายลมหายใจหนักๆ ขณะปลดปืนพก Glock 17 วางลงบนโต๊ะเครื่องแป้ง โชคดีที่ไม่ต้องใช้งานมันกับคนที่ไม่ข้องเกี่ยวกับภารกิจของเขาอย่างบอดี้การ์ดคนนั้น ถ้าไม่ใช่เป้าหมายที่ได้รับคำสั่งให้ไปฆ่า อินทรีก็ไม่เคยเหนี่ยวไกยิงใครโดยพร่ำเพรื่อ เขาไม่อยากให้มีผู้บริสุทธิ์ต้องมาตายด้วยน้ำมือของเขา

พัดลมเพดานแกว่งตัวตัดอากาศดังขวับๆ ส่งระลอกลมลงมาต้องร่างเปลือยขาวผ่องบนเตียง อินทรีเดินกลับมาหาร่างนั้น และควักโทรศัพท์มือถือพิเศษที่ป้องกันการดักฟังกดโทร.หาผู้เป็นเจ้านาย

“ผมได้ตัวเป้าหมายมาแล้ว ตอนนี้อยู่ที่โรงแรมของมองเกอครับท่าน”

อินทรีรายงานทันทีเมื่ออีกฝ่ายรับสาย

“อืมม์ ดีมาก ดูแลเธอให้ดีล่ะ คุณหนูทอฟ้ามีราคาที่แพงมากสำหรับพวกเรา”

“รับทราบครับท่าน”

“ถ้าภารกิจนี้สำเร็จ ฉันมีรางวัลมอบให้แกอย่างงามทีเดียวล่ะอินทรีเอ๋ย”

“ขอบคุณครับท่าน”

อินทรีรับคำด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์ แล้วจึงขอตัววางสายเพราะไม่มีอะไรจะพูดต่อ เขาเป็นคนมีนิสัยพูดน้อยมาแต่ไหนแต่ไร ยิ่งกับความเย็นชาต่อทุกสิ่งเหมือนผลึกน้ำแข็งบนรอยสักของเขาด้วยแล้ว เขาจึงได้รับฉายา ‘อินทรีน้ำแข็ง’ ไปโดยปริยาย

หลังจากเก็บโทรศัพท์กลับเข้าที่ ชายหนุ่มก็กลับไปทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ตอนนี้ก็ได้แต่รอให้ทอฟ้าตื่นขึ้นมาเท่านั้น อินทรีตวัดตามองเรือนร่างของเธออีกครั้งโดยไม่ได้ตั้งใจ ยอดปทุมถันสีชมพูอ่อนที่ว่ากันว่าคือที่สุดแห่งความสวยงามของสตรีชูชันท้าทายสายตาเขาเป็นอย่างยิ่ง

อินทรียังไม่เคยพบเห็นปทุมถันของใครสวยงามได้รูปหมดจดเท่านี้มาก่อน ยังไม่นับหน้าท้องแบนราบปราศจากไขมันส่วนเกินไล่เรื่อยลงไปถึงทุ่งกุหลาบอ่อนอันบริสุทธิ์ที่เย้ายวนใจ

ผู้ชายหลายคนคงแทบคลั่งตายด้วยความหิวกระหายเมื่อได้ยลร่างเปลือยของเธอ

แต่หากใครได้มีชีวิตอยู่กับฐานปิศาจในฐานะผู้รับใช้มิสเตอร์เกรย์ คนผู้นั้นจะไม่รู้สึกกระตือรือร้นต่อร่างเปลือยของเหล่าสาวงามสักเท่าไหร่ เพราะที่ฐานปิศาจแห่งนั้น พวกเขาสามารถเชยชมสาวงามที่สุดของที่สุดกี่คนต่อวันก็ไม่มีปัญหา ขอเพียงแค่เมื่อถึงเวลาทำงาน ก็ต้องทำภารกิจให้ลุล่วงเท่านั้น

หาไม่แล้ว สิ่งที่รอคอยอยู่ปลายทางก็มีเพียงความตาย

อินทรีไม่แน่ใจว่าหากสักวันหนึ่งเขาทำงานพลาด มิสเตอร์เกรย์จะไว้ชีวิตเขาหรือไม่ เขาและพี่น้องอีกสามคนอยู่กับมิสเตอร์เกรย์มาตั้งแต่แปดขวบ เคารพรักเสมือนบุพพการีแท้ๆ มิสเตอร์เกรย์รับพวกเขาสี่พี่น้องมาจากข้างถนนแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร ชุบเลี้ยงอย่างดีและใช้เวลาหลายปีหลังจากนั้นฝึกฝนให้พวกเขาเป็นนักฆ่าฝีมือพระกาฬ

เมื่ออายุได้สิบห้าปี อินทรีกับพี่น้องก็ต้องรับคำสั่งฆ่าคนให้มิสเตอร์เกรย์เป็นครั้งแรก

ชายหนุ่มสะบัดศีรษะไล่ภาพอดีตออกจากสมอง ตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาสี่พี่น้องไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว พี่ใหญ่ของพวกเขาเจ้าของฉายาพิราบอสูรกำลังกลายเป็นเจ้าพ่อใหญ่คุมการค้ายาบ้าแถบสามเหลี่ยมทองคำตามคำสั่งมิสเตอร์เกรย์ ตัวอินทรีเองเป็นพี่รองจึงใกล้ชิดมิสเตอร์เกรย์และได้รับความไว้วางใจมากที่สุด ส่งผลให้เจ้าสี่ฉายาค้างคาวไฟที่อยู่ ณ ฐานปิศาจด้วยกันเกิดอาการอิจฉาตาร้อนอย่างเห็นได้ชัด

ยังดีที่น้องสามฉายามังกรทะเลซึ่งคุมเรื่องการนำเข้าของเถื่อนเช่นน้ำมันเถื่อน ของหนีภาษีและอาวุธสงครามทางทะเลอันดามันยังให้ความเคารพอินทรีอยู่ไม่ขาดหาย ไม่เช่นนั้นแล้ว อินทรีก็อดรู้สึกไม่ได้ว่าเขาอยู่ตัวคนเดียวบนโลก

เข็มนาฬิกาเดินไปข้างหน้าอย่างเชื่องช้า อินทรีเอนตัวพิงพนักเก้าอี้และยกขาพาดโต๊ะเครื่องแป้ง เงยหน้ามองหยากไย่บนเพดานครู่หนึ่งก็รู้สึกเหนียวตัวจึงเหวี่ยงขาลงจากโต๊ะและลุกขึ้นยืน

นักฆ่าเดินตรงมาที่โต๊ะข้างเตียง ดึงลิ้นชักออกและคว้าผ้าเช็ดตัวขึ้นมาผืนหนึ่ง

เขาถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกต่อหน้าหญิงสาวที่หลับใหล ก่อนพันผ้าเช็ดตัวรอบเอวและเข้าไปอาบน้ำชำระล้างร่างกาย



++++++



เสียงพัดลมเพดานสนิมเขรอะหมุนตัดอากาศดังออดแอดเอี๊ยดอ๊าดเรียกให้ทอฟ้าฟื้นคืนสติ หญิงสาวปรือตาขึ้นแม้อ่อนเพลีย แสงไฟนีออนที่แยงตาทำให้เธอต้องเหหน้าหนีและยกมือป้องตา ต่อเมื่อสายตาเริ่มคุ้นชินกับแสงสว่างแล้ว เธอจึงได้ลืมตาขึ้นอีกครั้งและยันร่างอรชนลุกขึ้นนั่งอย่างไร้เรี่ยวแรง

เสียงสปริงบนเตียงดังกรอบแกรบตามสภาพที่ทรุดโทรม ทอฟ้ากวาดสายตามองรอบกาย พบว่าตนเองกำลังอยู่ในห้องพักแคบๆ และสกปรกในโรงแรมราคาถูกแห่งหนึ่ง

พลันก็รู้สึกหนาวสะท้านกายขึ้นมาอย่างประหลาด หญิงสาวยกมือกอดตัวเองเพื่อคลายหนาว แล้วก็ต้องรีบหลุบตาสำรวจมองเรือนร่างบอบบางด้วยความตื่นตระหนก

พระเจ้า...เธอกำลังเปลือยกาย!

นี่มันเกิดอะไรกันขึ้น?

เธอมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?

...และกับใคร...

“ตื่นเร็วกว่าที่คิดนะ” เสียงเย็นยะเยียบไร้ความรู้สึกดังขึ้นจากด้านข้าง

ทอฟ้าหันขวับไปมอง ชายหนุ่มร่างกำยำที่เธอไม่เคยรู้จักมาก่อนเดินออกจากห้องน้ำ คาดผ้าขนหนูผืนเดียวปิดบังกึ่งกลางร่างกายอย่างหมิ่นเหม่

“คุณเป็นใคร!” หญิงสาวตะโกนด้วยความหวาดหวั่น

“ผมเป็นใครไม่สำคัญ” ชายหนุ่มยกมือเสยผม หยดน้ำบนศีรษะไหลพรูลงมาตามมัดกล้ามแข็งแกร่งที่หญิงสาวผู้ใดเห็นเป็นต้องใจละลาย...แต่ในตอนนี้ทอฟ้าไม่อยู่ในอารมณ์นั้น

เธอผงะกายถอยหนีเมื่อเขาย่างสามขุมเข้ามา เสียงแก๊งดังขึ้น ทอฟ้ารู้สึกเจ็บที่ข้อเท้า เธอตวัดสายตามองไปที่ปลายเท้าของตัวเอง โซ่เส้นหนึ่งพันรอบข้อเท้าของเธอไว้กับปลายเตียง ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ตามที่ใจต้องการ

“อย่าแตกตื่นไป ใจเย็นๆ เข้าไว้คุณผู้หญิง”

ชายหนุ่มผู้ไม่ยอมบอกชื่อกับเธอเดินเข้ามาหยุดข้างเตียง กลิ่นสบู่...เธอไม่อยากคิดว่าเป็นกลิ่นกายหอมฟุ้งของเขา...ลอยมาแตะจมูก ทอฟ้ายกมือปิดบังหน้าอกอวบอิ่มสองข้างที่ท้าทายดวงตาเย็นชา พร้อมกับยกสองขาขึ้นมาหนีบแน่นปิดบังจุดซ่อนเร้นที่ยังไม่เคยมีบุรุษผู้ใดรุกล้ำ

ทันใดนั้น ความหวาดกลัวแปรเปลี่ยนเป็นกราดเกรี้ยวเมื่อคิดได้ว่าในดินแดนคำแสนหิรัญ ไม่มีใครบังอาจกล้าทำร้ายเธอซึ่งเป็นบุตรสาวหัวแก้วหัวแหวนของนายพลอัศวิน ปัจฉิมวงศ์ นายใหญ่แห่งกรมการรักษาความมั่นคงแห่งชาติอย่างแน่นอน

“ปล่อยฉันออกไปนะ แกรู้หรือเปล่าว่าพ่อฉันเป็นใคร?!” เธอแผดเสียงลั่น

ชายหนุ่มยังคงไม่มีสีหน้าเปลี่ยนแปลง “เบาหน่อยสิ จะเสียงดังทำไม เดี๋ยวข้างห้องก็ได้ยินกันพอดี”

“ถ้าพ่อฉันรู้ว่าแกทำกับฉันแบบนี้ แกโดนสั่งประหารแน่” ทอฟ้าตะเบ็งเสียงดังกว่าเดิม ไม่สนใจสิ่งที่เขาพูด

ชายหนุ่มไร้นามขยับมาข้างหน้า การเคลื่อนไหวของเขารวดเร็วไม่น่าเชื่อ เพียงวินาทีเดียว ทอฟ้าก็ถูกร่างบึกบึนกดให้นอนราบลงกับเตียง โดยที่มีกายกำยำของเขาทาบทับอยู่ด้านบน สองมือของหญิงสาวที่พยายามดิ้นรนขัดขืนถูกจับขึงพืด ลำตัวเปียกลื่นด้วยหยดน้ำบดเบียดเนื้อสาวจนร้อนผะผ่าว

“จะอยู่เงียบๆ หรือให้ผมหาอะไรยัดปากคุณเอาไว้ดีล่ะ?” เขากระซิบ โน้มใบหน้าลงมาประสานสายตาในระยะประชิด

“แกต้องการอะไร?” ทอฟ้าเสียงสั่น เบือนหน้าหนีไปทางอื่น จะได้ไม่ต้องจ้องมองนัยน์ตาเหมือนคนไม่มีความรู้สึกของเขา

“ผมอยากให้คุณตามผมไปที่ประเทศไทย” ชายหนุ่มตอบ “ตอนนี้เราอยู่เขตชายแดนที่จะข้ามไปฝั่งเชียงรายแล้ว กรุณาทำตามที่ผมบอก คุณจะได้ไม่ต้องเสียใจในภายหลัง”

“แกจะทำอะไรกับฉัน?” หญิงสาวหันหน้ากลับมาจ้องมองใบหน้าหล่ออย่างร้ายกาจด้วยความพรั่นพรึง

“ยอมไปกับผมดีๆ เดี๋ยวคุณก็รู้” ชายหนุ่มลดสายตาลงสำรวจเรือนกายของเธอพลางอมยิ้มเจ้าเล่ห์ “แต่ถ้าไม่ ผมคงต้องสั่งสอนสักหน่อย”

“อย่าทำอะไรฉันนะ! ไอ้เลว! ไอ้โรคจิต! ไอ้ - ”

“บอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่าโวยวาย” ชายหนุ่มไร้นามกระซิบ ก่อนปิดปากทอฟ้าด้วยริมฝีปากของตัวเอง

หญิงสาวใต้ร่างเขาดิ้นรนขัดขืน แต่เมื่อรสจูบอันเร่าร้อนเริ่มแผลงฤทธิ์ การดิ้นรนขัดขืนก็เบาบางลงจนกลายเป็นการโอบกอดกระชับแผ่นหลังแกร่งอย่างลืมตัว โดยเฉพาะหลังจากที่เขาถอนริมฝีปากออกและขบเม้มติ่งหูและซฮกคอขาวเนียนไร้ราคีของเธอก่อนไซ้ต่ำลงเรื่อยๆ ทอฟ้าก็เหมือนตกอยู่ในภวังค์ เธอหลุดเข้าสู่โลกอีกหนึ่งใบ โลกที่เต็มไปด้วยความปรารถนาเร้นลับอันร้อนแรง...

“คงไม่อยากให้ผมทำอะไรมากไปกว่านี้ใช่มั้ยล่ะ” เจ้าของร่างกำยำเงยหน้าขึ้นจากเนินอกอวบอิ่มอย่างกะทันหัน

สติและอารมณ์ของหญิงสาวยังกระเจิดกระเจิงไม่เข้าที่ดีนัก สองตางามปรือขึ้นมองใบหน้าเขา แล้วโลกทั้งใบก็กลับคืนสู่ที่เดิม ทอฟ้าหน้าแดง เบือนหน้าหนีริมฝีปากละลายใจ พร้อมกันนั้นก็ผงกศีรษะรับคำ ไม่อยากให้เขารุกคืบเธอมากไปกว่าเท่าที่เป็น

“ไม่ต้องห่วงหรอก จนถึงตอนนี้คุณยังปลอดภัยดีไม่มีอะไรเสียหาย” เขาว่า แล้วพลิกตัวลงจากร่างเธอไปเฉยๆ ทอฟ้าเหลือบมองตามการเคลื่อนไหวของเขา สิ่งที่เธอเห็นในสายตาตอนนี้คือแผ่นหลังบึกบึนที่มีรอยสักรูปนกอินทรีตัวใหญ่เกาะอยู่บนแผ่นน้ำแข็งซึ่งกำลังละลาย

“ใครส่งแก...ใครส่งคุณมา?” ทอฟ้าเอ่ยเสียงแผ่ว ทั่วกายยังคงร้อนผ่าวกับสัมผัสทางกายที่เรือนร่างของฝ่ายตรงข้ามทิ้งเอาไว้

“บอกแล้วไงว่าไม่ต้องรู้หรอก” เขาตอบ ผุดกายลุกขึ้นยืน ยังหันหลังให้เธอ

“คุณเป็นใคร?”

“ก็บอกแล้วเหมือนกันว่าไม่ต้องรู้” ชายหนุ่มเดินเอื่อยๆ ไปที่โต๊ะเครื่องแป้งมุมห้อง

“แค่บอกชื่อสักหน่อยก็ยังดี คุณชื่ออะไร?” เสียงของทอฟ้าสั่นเครือเมื่อสายตาสะดุดเข้ากับปืนพกสีดำที่เขาหยิบขึ้นมาถือ

ชายหนุ่มเหลียวหน้ามาเล็กน้อยและตอบด้วยเสียงยานคาง

“ใครๆ ก็เรียกผมว่า - อินทรีน้ำแข็ง”




บุุหลันสีคราม
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 3 พ.ย. 2556, 14:34:03 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 พ.ย. 2556, 14:34:03 น.

จำนวนการเข้าชม : 2242





<< บทที่ 2 – ลูกสาวนายพล    บทที่ 4 – เชลยพิศวาส >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account