จอมใจเพชฌฆาต(ผ่านการพิจารณาจากสนพ.sugarbeat แล้ว)
ความรักที่เป็นไปไม่ได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อเธอถูกลักพาตัวโดยนักฆ่า
ความรักที่เป็นไปไม่ได้ดำเนินไปเมื่อนักฆ่าไร้หัวใจกลับรู้สึกหวั่นไหว
ความรักที่เป็นไปไม่ได้จะลงเอยอย่างไร เมื่อเสียงเรียกร้องจากหัวใจ
อาจเปลี่ยนชีวิตของพวกเขาไปตลอดกาล!
ความรักที่เป็นไปไม่ได้ดำเนินไปเมื่อนักฆ่าไร้หัวใจกลับรู้สึกหวั่นไหว
ความรักที่เป็นไปไม่ได้จะลงเอยอย่างไร เมื่อเสียงเรียกร้องจากหัวใจ
อาจเปลี่ยนชีวิตของพวกเขาไปตลอดกาล!
Tags: โรแมนติก,แอคชั่น,ดราม่า
ตอน: บทที่ 4 – เชลยพิศวาส
The human heart is a strange vessel. Love and hatred can exist side by side
หัวใจของมนุษย์นับเป็นสิ่งแปลกประหลาด เพราะความรักและความเกลียดชังสามารถดำรงอยู่ด้วยกันได้
- Scott Westerfeld
สกอตต์ เวสเตอร์เฟลด์ - นักเขียนชาวอเมริกัน
บทที่ 4 – เชลยพิศวาส
สหพันธรัฐคำแสนหิรัญ
เมืองบุนจี, เขตกีโด
ทอฟ้าเคยได้ยินว่าพวกฆาตกรโรคจิตหรือไม่ก็พวกวิปริตซาดิสม์ชอบเปลือยกายเหยื่อเพื่อให้เหยื่อรู้สึกสูญเสียศักดิ์ศรี
ตอนนี้เธอคิดว่าตนเองเข้าใจความรู้สึกของเหยื่อเหล่านั้นแล้ว
เข้าใจดีมากทีเดียวเลยล่ะ...
“คุณตั้งใจจะทำอะไรกับฉันกันแน่?”
ทอฟ้าถามชายหนุ่มที่บอกว่าชื่ออินทรีน้ำแข็งขณะเขาหยิบเสื้อผ้าของตัวเองมาสวมอย่างใจเย็น
“คุณจับตัวฉันมาทำไม?”
อินทรีน้ำแข็งเหลือบตามองเธอแวบหนึ่ง “ผมต้องพาคุณไปที่เมืองไทย มีใครบางคนต้องการตัวคุณ”
“ใคร?”
“ผมไม่ทราบ”
ทอฟ้ากอดตัวเอง รู้สึกอยากร้องไห้และกรีดร้องออกมาดังๆ ที่ต้องนั่งล่อนจ้อนต่อหน้าชายหนุ่มที่ไม่เคยรู้จัก ทันใดนั้น เธอก็นึกอะไรขึ้นมาได้ ทอฟ้ายกสองมือขึ้นมอง แต่แหวนที่โคมินต์ซื้อให้เธอเป็นของแทนใจหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้
“แหวน...แหวนของฉันอยู่ที่ไหน!” ทอฟ้าตะโกนด้วยความตกใจ
อินทรีน้ำแข็งหยิบอะไรบางอย่างขึ้นมาจากโต๊ะเครื่องแป้งหลังสวมเสื้อเสร็จ
“คุณหมายถึงแหวนวงนี้?” เขาถาม
ทอฟ้าเขม้นตามอง เผยอยิ้มออกมาด้วยความดีใจ “ใช่ แหวนวงนั้นแหละ เอามาให้ฉันเถอะนะ”
“มันสำคัญกับคุณมากหรอ?” ชายหนุ่มยกแหวนขึ้นมามองพร้อมกับหมุนมันไปรอบๆ เพื่อตรวจดูตัวแหวนทุกซอกทุกมุม
“ใช่ สำคัญมาก” ทอฟ้าผงกศีรษะร้อนรน “คืนฉันมาเถอะ ฉันขอร้อง”
“ผมจะคืนให้ถ้าคุณทำตามคำสั่งของผมโดยไม่ขัดขืน” เขาพูด ยิ้มมุมปากคล้ายพบความน่าสนใจบางอย่างบนแหวน
“คุณจะให้ฉันทำอะไร?” ทอฟ้าถาม หัวใจเต้นไม่เป็นส่ำ
อินทรีน้ำแข็งมองเธออย่างเย็นชาและไม่ตอบอะไร เขายัดแหวนเข้าในกระเป๋ากางเกงก่อนเดินไปเปิดประตูห้องและก้าวเท้าออกไป ปล่อยให้ทอฟ้าได้อยู่ในห้องเพียงลำพัง
หญิงสาวคิดว่านี่แหละคือโอกาสของการหลบหนี เธอพยายามใช้มือกระชากโซ่ที่ล่ามข้อเท้าให้หลุดออก แต่ไม่ว่าพยายามเท่าไหร่ก็ไม่สำเร็จสักที จนกระทั่งประตูเปิดออกและชายหนุ่มกลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง ทอฟ้าก็ทำได้เพียงทุบมือลงไปบนผ้าปูที่นอนเพื่อระบายอารมณ์ โอกาสหลบหนีของเธอหมดลงแล้ว...
หรือว่ายังนะ?
คนเรามันต้องมีชีวิตอยู่ด้วยความหวังสิ
“ใส่เสื้อผ้าพวกนี้ซะ” อินทรีน้ำแข็งพูดพร้อมกับยื่นเสื้อผ้าชุดหนึ่งมาให้เธอ
“คุณล่ามข้อเท้าฉันอยู่แบบนี้ ฉันจะใส่ได้ยังไง” ทอฟ้ากล่าวเสียงอ่อย รับเสื้อผ้าชุดนั้นมาถือเพื่อปิดบังร่างกายไว้ก่อน
อินทรีน้ำแข็งยังคงมีสีหน้าเรียบเฉยเมื่อล้วงกุญแจออกมาโน้มตัวไขปลดโซ่ล่ามให้เธอ
“คุณหันหน้าไปทางอื่นสิ” ทอฟ้าพูดต่อ
แต่คราวนี้เขาตอบ “ไม่ล่ะ”
“แต่ฉันเป็นผู้หญิงนะ!” ทอฟ้าขึ้นเสียงอย่างลืมตัว
“ถ้าลีลามากนัก เดี๋ยวผมจะใส่ให้คุณเอง เอามั้ยล่ะ” พูดไม่พูดเปล่า แต่ยังขยับตัวเข้ามาใกล้เหมือนตั้งใจจะทำตามที่พูดจริงๆ
ทอฟ้ารีบขยับตัวหนีลงมายังอีกฝั่งหนึ่งของเตียงทันที “ก็ได้ๆ ฉันจะใส่เอง”
เมื่อบังคับให้อีกฝ่ายหันหลังไม่ได้ ทอฟ้าจึงต้องเป็นฝ่ายยืนหันหลังให้เขาเสียเอง ถึงอย่างไรในยามที่มีสติอยู่ให้เห็นแค่แผ่นหลังก็ยังดีกว่าให้เห็นหมดทั้งตัว หญิงสาวสวมชุดชั้นในราคาถูกที่เขาหามาให้อย่างรวดเร็ว แล้วตามด้วยชุดเดรสสั้นสีแดงที่ชวนให้นึกถึงชุดหากินของพวกโสเภณีขึ้นมาอย่างประหลาด
เธอเกี่ยวสายรัดไหล่ขึ้นมาและหมุนตัวหันกลับไปถามเขา “ทีนี้แล้วไงต่อ?”
ถามพลางขยับถอยหลังออกมาทีละนิดโดยไม่ให้ชายหนุ่มสังเกตเห็น ทอฟ้าตั้งใจจะไปที่ประตูห้อง หากเขารู้ตัว เธอก็น่าจะกระโจนไปเปิดประตูห้องออกทัน
“ผมอยากให้คุณเปิดประตู” อินทรีน้ำแข็งตอบ พยักหน้าไปยังประตูห้องที่เธอตั้งใจจะหนีออกไป
ทอฟ้าแอบยิ้มกระหยิ่มในใจ หมุนตัวเดินปราดๆ ไปที่ประตูตามคำสั่งอย่างว่าง่าย ทว่าพอเอื้อมมือหมุนลูกบิดเท่านั้น เธอก็รู้ว่าแผนของเธอพังพินาศหมดแล้ว
ประตูถูกล็อค...บ้าจริง
“ก็อย่างที่คุณเห็น คุณไม่สามารถหนีออกไปจากห้องนี้ได้หรอก” อินทรีน้ำแข็งพูด “หรือถึงจะออกไปได้ เจ้าหน้าที่ของโรงแรมนี้ก็เป็นพวกของผมทั้งหมด เขาคงไม่ยอมให้คุณผ่านไปง่ายๆ แน่”
ทอฟ้าหันขวับกลับไปมองเขาและพบว่าเขาชูกุญแจห้องให้เธอดูอย่างเย้ยหยัน
“สิ่งที่คุณควรทำในตอนนี้คือทำตามที่ผมสั่ง ไม่ใช่คิดหาทางหนี” ชายหนุ่มหน้านิ่งย่างสามขุมเข้ามาหาหญิงสาว เธอได้แต่ถอยกายมาจนแผ่นหลังติดประตู
เจ้าของนัยน์ตาเยือกเย็นใช้สองแขนยันประตูกักเธอไว้ให้อยู่ตรงกลาง
ทอฟ้าก้มหน้างุด ได้ยินอีกฝ่ายโน้มริมฝีปากลงมากระซิบข้างหูว่า
“เข้าไปในห้องน้ำ มีสเปรย์เปลี่ยนสีผมวางอยู่ คงไม่ต้องให้บอกอีกนะว่าคุณต้องทำอะไร?”
ทอฟ้าพยักหน้า ไม่กล้าเงยหน้ามองเขาสักเท่าไหร่ เธอไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร แต่ที่แน่ใจคือคงไม่ใช่คนดีแน่นอน
อินทรีน้ำแข็งหันกายเดินนำหน้าเธอไปที่ห้องน้ำ ระหว่างที่เดินตามหลังกำยำไปนั้น สายตาของทอฟ้าก็สะดุดเข้ากับบานหน้าต่างที่ถูกปิดเอาไว้ ไม่ต้องคิดอะไรให้มากความอีกแล้ว ทอฟ้าโผไปที่หน้าต่างบานนั้นและดึงมันเปิดออก ก่อนจะต้องชะงักงันด้วยความผิดหวังอีกรอบเมื่อพบว่าเบื้องหลังหน้าต่างยังมีลูกกรงเหล็กดัดครอบทับจากด้านนอกอีกหนึ่งชั้น
“บอกแล้วไงว่าไม่มีประโยชน์ที่จะคิดหนี”
เสียงยานคางดังขึ้นด้านหลังทอฟ้า ขณะที่เธอหันกลับไป ก็เกือบจะชนเข้ากับแผงอกล่ำสันของคนพูด
“จะคิดหนีให้ได้ใช่มั้ย?” เขากระซิบใส่หน้าเธอ มือแกร่งคว้าหมับรอบข้อมือบางข้างขวา
“ปล่อยนะ...ฉันเจ็บ” ทอฟ้าพยายามสะบัดมือเขาออกไป แต่ทำยังไงก็สะบัดไม่หลุด
“เจ็บสิดี จะได้จำ” อินทรีน้ำแข็งฉุดกระชากร่างบางให้เดินตามมาที่ห้องน้ำ เมื่อผ่านประตูเข้ามาแล้ว เขาก็เหวี่ยงเธอจนไปกระแทกกับผนังกระเบื้องเบาๆ
ไม่เคยมีใครกระทำหยาบคายเช่นนี้กับเธอมาก่อน ทอฟ้าลุกขึ้นยืนทันทีด้วยความโมโห ยิ่งเห็นใบหน้าเรียบเฉยประดับยิ้มมุมปากหยันเธอน้อยๆ แล้ว ทอฟ้าก็ถึงกับปรี๊ดแตก
เธอกัดฟันกรอด ถลามาที่อ้างล้างหน้า อะไรที่คว้าติดมือได้จากชั้นวางของเป็นอันถูกเธอเขวี้ยงใส่เขาหมด
“คิดว่าฉันจะยอมให้แกข่มเหงได้ง่ายๆ งั้นเหรอ?!” ทอฟ้าแผดเสียงลั่น
แต่ของทุกชิ้นที่เขวี้ยงออกจากมือเธอ ชายหนุ่มที่เป็นเป้ากลับสามารถตวัดมือรับไว้ได้หมดด้วยความว่องไวไม่น่าเชื่อ ชั้นวางของเหนืออ่างล้างหน้าไม่หลงเหลืออะไรให้ขว้างปาอีกแล้ว ทอฟ้าท้าวแขนกับอ่างล้างหน้าและยืนหอบหายใจด้วยความเหนื่อย เหหน้าหนีไปทางอื่นเมื่อร่างกำยำเดินเข้ามาหยุดยืนด้านข้าง
เขาทำทีเป็นไม่สนใจเธอ นำข้าวของในสองมือจัดเรียงกลับคืนที่ของมันทีละชิ้นๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ทอฟ้ายกมือกุมขมับ ระบายลมหายใจแรงๆ ก่อนหันกลับไปหาชายหนุ่มและตัดสินใจใช้ไม้อ่อนอีกครั้ง
“คนที่จ้างคุณมามันให้เงินคุณเท่าไหร่? ฉัน – ไม่สิ - พ่อฉันสามารถให้มากกว่านั้นได้ร้อยเท่า คุณลองติดต่อพ่อฉันดูสิ”
แต่คนที่บอกว่าตัวเองชื่ออินทรีน้ำแข็งกลับตอบออกมาเหมือนไม่ได้ยินสิ่งที่เธอพูด
เขาว่า “เราจะออกเดินทางจากที่นี่ตอนห้าโมงเย็น จะมีคนขับรถไปให้ คุณต้องแกล้งเป็นผู้หญิงที่ผมซื้อตัวมา หรือพูดง่ายๆ ก็คือ - ”
“ - ฉันต้องปลอมเป็นพวกผู้หญิงขายตัวอย่างนั้นน่ะเรอะ!” ทอฟ้าสั่นศีรษะ “ไม่มีทาง”
ชายหนุ่มกระพริบตาเนิบช้าจ้องมองเธอครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินลากเท้าตรงไปที่ชักโครก ล้วงอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกงและชูให้เธอดู
“อยากให้ผมหย่อนแหวนลงไปในนี้มั้ย?” พูดพลางทำท่าจะทิ้งแหวนที่โคมินต์ให้เธอลงชักโครก
“อย่านะ” ทอฟ้าร้องเสียงหลง จะถลาเข้าไปแย่งแหวนมาจากเขา แต่ก็โดนดักคอเสียก่อน
“ถ้าคุณขยับเข้ามาอีกเพียงนิดเดียว คุณจะไม่มีวันได้เห็นแหวนวงนี้อีก”
ชายหนุ่มเลิกคิ้วข้างหนึ่งจ้องมองมาเป็นเชิงท้าทายว่า...กล้าหรือเปล่า?
ทอฟ้าจ้องฝ่ายตรงข้ามด้วยความโกรธแค้น เพิ่งตระหนักเดี๋ยวนี้เองว่าเธอไม่มีทางต่อกรกับเขาได้เลย เธอจะต้องยอมทำตามที่เขาบอกทุกอย่าง ตกเป็นเบี้ยล่างโดยสมบูรณ์แบบ
ทำไมเธอต้องมาพบเจอเรื่องอย่างนี้ด้วยนะ?
ป่านนี้โคมินต์คงยืนชะเง้อรอคอยเธอหลายชั่วโมงแล้ว...น้ำตาอุ่นๆ ผุดซึมขึ้นมาปริ่มขอบตาโดยไม่รู้ตัว ทอฟ้าหันกายเข้าหากระจกเหนืออ่างล้างหน้า คิดถึงโคมินต์ อยากจะพบหน้าเขาแทบขาดใจ ทันใดนั้น ทอฟ้าก็นึกถึงชายหนุ่มอีกคนขึ้นมาได้
ไค!
“คุณทำอะไรบอดี้การ์ดของฉันหรือเปล่า?” ทอฟ้าหันขวับกลับไปถามชายหนุ่มที่ยืนเอนตัวพิงผนังอย่างสบายอารมณ์
“เปล่านี่ ผมไม่ได้ทำอะไรเลย ตอนที่เขาเข้ามาเจอผม เขาก็ไม่อยู่ในสภาพที่จะช่วยเหลือคุณได้อยู่แล้ว”
“คุณหมายความว่า...”
“เขาโดนใครบางคนวางยานอนหลับ”
เมื่อได้รับฟังคำตอบ ทอฟ้าก็ถึงได้นึกออกว่าเธอเองที่วางยาไค หญิงสาวรู้สึกเหมือนเข่าจะทรุดหมดแรงยืนต้องพยุงตัวโดยการเกาะอ่างล้างหน้าเอาไว้ ในสมองวนเวียนแต่ความคิดที่ว่า ถ้าหากเมื่อตอนเที่ยงเธอไม่ผสมยานอนหลับลงไปในกาแฟของเขา ไคก็คงสามารถปกป้องเธอได้จากชายคนนี้
และเธอก็ไม่ต้องมาตกระกำลำบากอย่างที่เป็นอยู่...
“รีบๆ หน่อยสิ พวกเราไม่ได้มีเวลาทั้งวันนะ” อินทรีน้ำแข็งส่งเสียงเร่งน่าหมั่นไส้
ทอฟ้าตวัดสายตามองเขา พลันความรู้สึกเร่าร้อนขณะสองกายแนบชิดเมื่อตอนที่เธอฟื้นสติใหม่ๆ ก็กลับเข้ามาฉาบฉายในสมอง รวมถึงรสจูบที่เหมือนกับประทับตรึงอยู่บนริมฝีปาก
จริงสิ นั่นเป็นจูบแรกในชีวิตของเธอ ทอฟ้าคิดว่าจะมอบมันให้โคมินต์เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม แต่กลายเป็นว่าเธอต้องมีจูบแรกกับใครก็ไม่รู้
ทอฟ้าหันหน้าเข้าหากระจกเหนืออ่างล้างหน้า เปิดก๊อกน้ำและโน้มใบหน้าลงไปชะล้างเช็ดถูอย่างรังเกียจ
เธอบอกกับตัวเองว่าหากเขากล้าแตะต้องตัวเธออีก เธอจะต้องสู้สุดชีวิต
แม้ต้องตายก็จะยอม
++++++
สหพันธรัฐคำแสนหิรัญ
ถนนหลวงหมายเลข 117
การจราจรยามเย็นของเขตกีโดไม่คับคั่งหนาแน่นเหมือนเขตบุนจี ถนนสี่เลนมีรถวิ่งตามหลังมาบ้างแต่ไม่มากนัก รถกระบะสี่ประตูที่พวกเขาใช้โดยสารยังคงวิ่งต่อไปข้างหน้ามุ่งสู่สถานีตรวจคนเข้าเมืองของจังหวัดเชียงรายในประเทศไทย
ทอฟ้าผู้นั่งอยู่บนเบาะหลังเคียงข้างอินทรีน้ำแข็ง เธอเอนตัวพิงพนักเบาะและหลับตาลงด้วยไม่อยากเห็นเงาของตัวเองที่สะท้อนอยู่ในกระจกหน้าต่างรถขณะนี้
มันเป็นเงาของหญิงสาวผู้แต่งหน้าจัด สวมแว่นตากันแดดสีดำอันโต ย้อมผมสีทองทั้งศีรษะ ใส่เดรสเปิดไหล่คว้านลึกโชว์หน้าอกหน้าใจ ทอฟ้าคิดว่าคงไม่มีใครเชื่อแน่ๆ หากบอกว่าเธอคือบุตรสาวของนายทหารใหญ่คนดังอย่างนายพลอัศวิน
“ฉันต้องไปทำอะไรที่ประเทศไทย?” ทอฟ้าโพล่งถามกลางความเงียบทั้งที่ยังหลับตา เธอคงทนไม่ไหวหากต้องกลายเป็นทาสสวาทของใครสักคน แต่ก็ยังแอบหวังอยู่ว่ามันคงไม่ได้เป็นอย่างที่เธอหวาดกลัว บางทีนี่อาจเป็นแค่เพียงการจับตัวเรียกค่าไถ่ธรรมดาก็ได้
“ผมไม่ทราบ” ชายหนุ่มตอบราบเรียบ
ทอฟ้าถอดแว่นกันแดดออกและลืมตาขึ้น กำลังสงสัยใจว่าป่านนี้พ่อเธอจะรู้หรือยังว่าลูกสาวของท่านถูกใครก็ไม่รู้จับตัวมาอย่างง่ายดาย เธอจะได้กลับไปพบหน้าพ่ออีกหรือเปล่านะ? ทอฟ้าถามตัวเอง แล้วโคมินต์ก็คงเป็นห่วงเธอมาก เขาจะตกใจขนาดไหนถ้ารู้ข่าว...
ทันใดนั้น เสียงของคนขับรถก็ดังขึ้นสลายห้วงคิดของหญิงสาว
“คุณอินทรีครับ ข้างหน้ามีด่านตรวจ ตำรวจอยู่เต็มเลย เอายังไงต่อดีครับ?”
นัยน์ตาทอฟ้าเป็นประกายด้วยความหวัง มีตำรวจตั้งด่านอยู่ข้างหน้า โอกาสรอดของเธอมาถึงแล้ว!
“อย่าคิดทำอะไรโง่ๆ เชียวล่ะ” อินทรีหนุ่มหันมากระซิบข้างหูเธอ ก่อนจะหันกลับไปบอกคนขับรถ “ขับต่อไป ถ้าตำรวจเรียกก็ทำตัวตามปกติ”
“ครับ”
หัวใจที่ห่อเหี่ยวของทอฟ้ากลับมาเต้นตึกๆ ด้วยความมีชีวิตชีวาอีกครั้งขณะรถยนต์ของพวกเขาแล่นเข้าไปใกล้ด่านตรวจมากขึ้นและมากขึ้น
ทอฟ้าวางแผนว่าทันทีที่คนขับรถลดกระจกลงเพื่อพูดคุยกับตำรวจ เธอจะร้องตะโกนขอความช่วยเหลือและดิ้นรนให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ เพราะนี่อาจหมายถึงโอกาสสุดท้ายที่เธอจะได้กลับไปหาคนที่เธอรักอย่างปลอดภัย
คล้ายสวรรค์จะเอาใจช่วยทอฟ้า นายตำรวจที่ด่านตรวจโบกมือให้รถของพวกเขาเข้าเทียบจอดข้างทางตามที่เธอหวังจริงๆ
ทอฟ้าพยายามข่มความกระตือรือร้นเมื่อเห็นนายตำรวจสองคนเดินตรงเข้ามา ทว่าพริบตานั้น เอวบางของเธอก็ถูกมือใหญ่โอบกระชับและดึงเข้าไปประชิดตัว ทอฟ้าไม่อาจส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลืออย่างที่ใจต้องการได้อีกเมื่อริมฝีปากของเธอถูกประกบปิดโดยริมฝีปากของชายหนุ่มเจ้าของฉายาอินทรีน้ำแข็ง
เขาพลิกตัวดันเธอติดกับมุมเบาะ ใช้ร่างกำยำบังเธอไว้จากสายตาตำรวจ สองมือที่ปัดป่ายขัดขืนถูกจับล็อคแน่น ทอฟ้าพยายามเบี่ยงหน้าหนีแต่ก็ไม่อาจหลบพ้น ริมฝีปากของเธอถูกบดขยี้อย่างเร่าร้อน สัมผัสหวิวหวามกลับแผ่ซ่านครอบคลุมจิตใจชั่วขณะ
หูได้ยินเสียงคนขับรถลดกระจกหน้าต่างลงเอ่ยทักทายตำรวจอย่างอารมณ์ดี
“มีอะไรให้รับใช้ครับผู้หมวด?”
นายตำรวจหนึ่งในสองที่เดินมาหยุดข้างประตูรถเป็นคนตอบ “ทางเราได้รับแจ้งว่าเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน มีคนร้ายได้ทำการลักพาตัวคุณหนูทอฟ้าลูกสาวนายพลอัศวินมาจากเขตบุนจีครับ ตามเขตข้ามเมืองต่างๆ จึงมีด่านตรวจคอยกันไม่ให้คนร้ายพาคุณหนูทอฟ้าหลบหนีไปที่อื่นได้”
นายตำรวจอีกคนกล่าวเสริม “แล้วนี่จะไปไหนกันหรือครับ?”
“กลับไทยครับ” คนขับรถตอบ บุ้ยหน้ามาทางเบาะหลัง “พอดีน้องชายเพิ่งเจอสาวถูกใจที่หอจรุงจิต ก็ว่าจะกลับไปต่อกันที่บ้านล่ะครับ”
หอจรุงจิตคือหอนางโลมชื่อดังในเขตกีโด
นายตำรวจทั้งสองชะโงกหน้าเข้ามามองไปที่เบาะหลังเล็กน้อย สิ่งที่เห็นคือชายหญิงคู่หนึ่งกำลังพัวพันนัวเนียอย่างไม่อายสายตาใคร คนขับรถหัวเราะแหะๆ และยักไหล่เป็นทำนองว่าจนปัญญาที่จะห้ามทั้งคู่ไม่ให้เล่นหนังสดกันในรถ
นายตำรวจคนหนึ่งหัวเราะเหยียดๆ ขณะอีกคนกล่าวว่า
“ท่าทางจะถูกใจมากสินะนั่น”
พูดจบก็ขยับกายพร้อมคู่หูก้าวถอยหลังออกไปเล็กน้อย
“งั้นก็รีบๆ ไปซะ ประเดี๋ยวด่านตม.ปิดจะยุ่ง”
“ขอบคุณมากเลยครับผู้หมวด” คนขับรถค้อมศีรษะเป็นจังหวะเหมือนไก่จิกข้าวเปลือก กำลังจะกดปุ่มเลื่อนกระจกหน้าต่างขึ้นปิด มือของนายตำรวจที่ยิ้มเหยียดหยามก็ยื่นเข้ามากดกระจกเอาไว้และพูด
“เดี๋ยวก่อนสหาย”
คนขับรถกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ แค่นยิ้มถามกลับไป “มีอะไรหรือครับ?”
นายตำรวจกระซิบ พยักพเยิดหน้าไปทางเบาะหลัง
“เตือนน้องชายคุณด้วยว่าไปยุ่งกับผู้หญิงหอจรุงจิตมากๆ ระวังจะติดโรค พี่ชายผมน่ะเจอมาแล้วกับตัว ระวังหน่อยก็ดี”
“ฮ่าๆ ครับ จะเตือนให้ครับ” คนขับรถแสร้งหัวเราะเสียงดัง “แต่คิดว่าตอนนี้มันคงไม่ฟังหรอกครับ”
นายตำรวจทั้งสองระเบิดเสียงหัวเราะตามอย่างขบขัน ก่อนจะโบกมือส่งสัญญาณให้ผ่านด่านมาได้โดยสะดวก
ทอฟ้าซึ่งถูกกดอยู่ภายใต้ร่างของชายหนุ่มไม่รู้ว่ามือของตัวเองถูกปล่อยให้เป็นอิสระตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่เธอตกใจก็คือแทนที่ตัวเองจะใช้มันผลักตัวเขาออกไป แต่กลับใช้โอบกอดแผ่นหลังเขาอย่างไม่รู้ตัว ทว่าทันทีที่ตั้งสติได้ เธอก็เอียงหน้าหนีและผลักเขาออกจากตัวสุดแรงเกิด
เธอพบว่าตัวเองกำลังหอบหายใจ ใบหน้า ริมฝีปาก ทั่วกายร้อนผ่าวไปหมด
ทอฟ้ารู้สึกละอายใจจนต้องหลับตาลงรวบรวมสติอีกครั้ง
แว่วเสียงอินทรีน้ำแข็งกระซิบอย่างเย็นชาเช่นเดิมว่า
“ไม่ว่าคุณจะคิดหนีสักกี่ครั้งมันก็ไม่สำเร็จหรอก จำไว้ให้ขึ้นใจซะ...”
หัวใจของมนุษย์นับเป็นสิ่งแปลกประหลาด เพราะความรักและความเกลียดชังสามารถดำรงอยู่ด้วยกันได้
- Scott Westerfeld
สกอตต์ เวสเตอร์เฟลด์ - นักเขียนชาวอเมริกัน
บทที่ 4 – เชลยพิศวาส
สหพันธรัฐคำแสนหิรัญ
เมืองบุนจี, เขตกีโด
ทอฟ้าเคยได้ยินว่าพวกฆาตกรโรคจิตหรือไม่ก็พวกวิปริตซาดิสม์ชอบเปลือยกายเหยื่อเพื่อให้เหยื่อรู้สึกสูญเสียศักดิ์ศรี
ตอนนี้เธอคิดว่าตนเองเข้าใจความรู้สึกของเหยื่อเหล่านั้นแล้ว
เข้าใจดีมากทีเดียวเลยล่ะ...
“คุณตั้งใจจะทำอะไรกับฉันกันแน่?”
ทอฟ้าถามชายหนุ่มที่บอกว่าชื่ออินทรีน้ำแข็งขณะเขาหยิบเสื้อผ้าของตัวเองมาสวมอย่างใจเย็น
“คุณจับตัวฉันมาทำไม?”
อินทรีน้ำแข็งเหลือบตามองเธอแวบหนึ่ง “ผมต้องพาคุณไปที่เมืองไทย มีใครบางคนต้องการตัวคุณ”
“ใคร?”
“ผมไม่ทราบ”
ทอฟ้ากอดตัวเอง รู้สึกอยากร้องไห้และกรีดร้องออกมาดังๆ ที่ต้องนั่งล่อนจ้อนต่อหน้าชายหนุ่มที่ไม่เคยรู้จัก ทันใดนั้น เธอก็นึกอะไรขึ้นมาได้ ทอฟ้ายกสองมือขึ้นมอง แต่แหวนที่โคมินต์ซื้อให้เธอเป็นของแทนใจหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้
“แหวน...แหวนของฉันอยู่ที่ไหน!” ทอฟ้าตะโกนด้วยความตกใจ
อินทรีน้ำแข็งหยิบอะไรบางอย่างขึ้นมาจากโต๊ะเครื่องแป้งหลังสวมเสื้อเสร็จ
“คุณหมายถึงแหวนวงนี้?” เขาถาม
ทอฟ้าเขม้นตามอง เผยอยิ้มออกมาด้วยความดีใจ “ใช่ แหวนวงนั้นแหละ เอามาให้ฉันเถอะนะ”
“มันสำคัญกับคุณมากหรอ?” ชายหนุ่มยกแหวนขึ้นมามองพร้อมกับหมุนมันไปรอบๆ เพื่อตรวจดูตัวแหวนทุกซอกทุกมุม
“ใช่ สำคัญมาก” ทอฟ้าผงกศีรษะร้อนรน “คืนฉันมาเถอะ ฉันขอร้อง”
“ผมจะคืนให้ถ้าคุณทำตามคำสั่งของผมโดยไม่ขัดขืน” เขาพูด ยิ้มมุมปากคล้ายพบความน่าสนใจบางอย่างบนแหวน
“คุณจะให้ฉันทำอะไร?” ทอฟ้าถาม หัวใจเต้นไม่เป็นส่ำ
อินทรีน้ำแข็งมองเธออย่างเย็นชาและไม่ตอบอะไร เขายัดแหวนเข้าในกระเป๋ากางเกงก่อนเดินไปเปิดประตูห้องและก้าวเท้าออกไป ปล่อยให้ทอฟ้าได้อยู่ในห้องเพียงลำพัง
หญิงสาวคิดว่านี่แหละคือโอกาสของการหลบหนี เธอพยายามใช้มือกระชากโซ่ที่ล่ามข้อเท้าให้หลุดออก แต่ไม่ว่าพยายามเท่าไหร่ก็ไม่สำเร็จสักที จนกระทั่งประตูเปิดออกและชายหนุ่มกลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง ทอฟ้าก็ทำได้เพียงทุบมือลงไปบนผ้าปูที่นอนเพื่อระบายอารมณ์ โอกาสหลบหนีของเธอหมดลงแล้ว...
หรือว่ายังนะ?
คนเรามันต้องมีชีวิตอยู่ด้วยความหวังสิ
“ใส่เสื้อผ้าพวกนี้ซะ” อินทรีน้ำแข็งพูดพร้อมกับยื่นเสื้อผ้าชุดหนึ่งมาให้เธอ
“คุณล่ามข้อเท้าฉันอยู่แบบนี้ ฉันจะใส่ได้ยังไง” ทอฟ้ากล่าวเสียงอ่อย รับเสื้อผ้าชุดนั้นมาถือเพื่อปิดบังร่างกายไว้ก่อน
อินทรีน้ำแข็งยังคงมีสีหน้าเรียบเฉยเมื่อล้วงกุญแจออกมาโน้มตัวไขปลดโซ่ล่ามให้เธอ
“คุณหันหน้าไปทางอื่นสิ” ทอฟ้าพูดต่อ
แต่คราวนี้เขาตอบ “ไม่ล่ะ”
“แต่ฉันเป็นผู้หญิงนะ!” ทอฟ้าขึ้นเสียงอย่างลืมตัว
“ถ้าลีลามากนัก เดี๋ยวผมจะใส่ให้คุณเอง เอามั้ยล่ะ” พูดไม่พูดเปล่า แต่ยังขยับตัวเข้ามาใกล้เหมือนตั้งใจจะทำตามที่พูดจริงๆ
ทอฟ้ารีบขยับตัวหนีลงมายังอีกฝั่งหนึ่งของเตียงทันที “ก็ได้ๆ ฉันจะใส่เอง”
เมื่อบังคับให้อีกฝ่ายหันหลังไม่ได้ ทอฟ้าจึงต้องเป็นฝ่ายยืนหันหลังให้เขาเสียเอง ถึงอย่างไรในยามที่มีสติอยู่ให้เห็นแค่แผ่นหลังก็ยังดีกว่าให้เห็นหมดทั้งตัว หญิงสาวสวมชุดชั้นในราคาถูกที่เขาหามาให้อย่างรวดเร็ว แล้วตามด้วยชุดเดรสสั้นสีแดงที่ชวนให้นึกถึงชุดหากินของพวกโสเภณีขึ้นมาอย่างประหลาด
เธอเกี่ยวสายรัดไหล่ขึ้นมาและหมุนตัวหันกลับไปถามเขา “ทีนี้แล้วไงต่อ?”
ถามพลางขยับถอยหลังออกมาทีละนิดโดยไม่ให้ชายหนุ่มสังเกตเห็น ทอฟ้าตั้งใจจะไปที่ประตูห้อง หากเขารู้ตัว เธอก็น่าจะกระโจนไปเปิดประตูห้องออกทัน
“ผมอยากให้คุณเปิดประตู” อินทรีน้ำแข็งตอบ พยักหน้าไปยังประตูห้องที่เธอตั้งใจจะหนีออกไป
ทอฟ้าแอบยิ้มกระหยิ่มในใจ หมุนตัวเดินปราดๆ ไปที่ประตูตามคำสั่งอย่างว่าง่าย ทว่าพอเอื้อมมือหมุนลูกบิดเท่านั้น เธอก็รู้ว่าแผนของเธอพังพินาศหมดแล้ว
ประตูถูกล็อค...บ้าจริง
“ก็อย่างที่คุณเห็น คุณไม่สามารถหนีออกไปจากห้องนี้ได้หรอก” อินทรีน้ำแข็งพูด “หรือถึงจะออกไปได้ เจ้าหน้าที่ของโรงแรมนี้ก็เป็นพวกของผมทั้งหมด เขาคงไม่ยอมให้คุณผ่านไปง่ายๆ แน่”
ทอฟ้าหันขวับกลับไปมองเขาและพบว่าเขาชูกุญแจห้องให้เธอดูอย่างเย้ยหยัน
“สิ่งที่คุณควรทำในตอนนี้คือทำตามที่ผมสั่ง ไม่ใช่คิดหาทางหนี” ชายหนุ่มหน้านิ่งย่างสามขุมเข้ามาหาหญิงสาว เธอได้แต่ถอยกายมาจนแผ่นหลังติดประตู
เจ้าของนัยน์ตาเยือกเย็นใช้สองแขนยันประตูกักเธอไว้ให้อยู่ตรงกลาง
ทอฟ้าก้มหน้างุด ได้ยินอีกฝ่ายโน้มริมฝีปากลงมากระซิบข้างหูว่า
“เข้าไปในห้องน้ำ มีสเปรย์เปลี่ยนสีผมวางอยู่ คงไม่ต้องให้บอกอีกนะว่าคุณต้องทำอะไร?”
ทอฟ้าพยักหน้า ไม่กล้าเงยหน้ามองเขาสักเท่าไหร่ เธอไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร แต่ที่แน่ใจคือคงไม่ใช่คนดีแน่นอน
อินทรีน้ำแข็งหันกายเดินนำหน้าเธอไปที่ห้องน้ำ ระหว่างที่เดินตามหลังกำยำไปนั้น สายตาของทอฟ้าก็สะดุดเข้ากับบานหน้าต่างที่ถูกปิดเอาไว้ ไม่ต้องคิดอะไรให้มากความอีกแล้ว ทอฟ้าโผไปที่หน้าต่างบานนั้นและดึงมันเปิดออก ก่อนจะต้องชะงักงันด้วยความผิดหวังอีกรอบเมื่อพบว่าเบื้องหลังหน้าต่างยังมีลูกกรงเหล็กดัดครอบทับจากด้านนอกอีกหนึ่งชั้น
“บอกแล้วไงว่าไม่มีประโยชน์ที่จะคิดหนี”
เสียงยานคางดังขึ้นด้านหลังทอฟ้า ขณะที่เธอหันกลับไป ก็เกือบจะชนเข้ากับแผงอกล่ำสันของคนพูด
“จะคิดหนีให้ได้ใช่มั้ย?” เขากระซิบใส่หน้าเธอ มือแกร่งคว้าหมับรอบข้อมือบางข้างขวา
“ปล่อยนะ...ฉันเจ็บ” ทอฟ้าพยายามสะบัดมือเขาออกไป แต่ทำยังไงก็สะบัดไม่หลุด
“เจ็บสิดี จะได้จำ” อินทรีน้ำแข็งฉุดกระชากร่างบางให้เดินตามมาที่ห้องน้ำ เมื่อผ่านประตูเข้ามาแล้ว เขาก็เหวี่ยงเธอจนไปกระแทกกับผนังกระเบื้องเบาๆ
ไม่เคยมีใครกระทำหยาบคายเช่นนี้กับเธอมาก่อน ทอฟ้าลุกขึ้นยืนทันทีด้วยความโมโห ยิ่งเห็นใบหน้าเรียบเฉยประดับยิ้มมุมปากหยันเธอน้อยๆ แล้ว ทอฟ้าก็ถึงกับปรี๊ดแตก
เธอกัดฟันกรอด ถลามาที่อ้างล้างหน้า อะไรที่คว้าติดมือได้จากชั้นวางของเป็นอันถูกเธอเขวี้ยงใส่เขาหมด
“คิดว่าฉันจะยอมให้แกข่มเหงได้ง่ายๆ งั้นเหรอ?!” ทอฟ้าแผดเสียงลั่น
แต่ของทุกชิ้นที่เขวี้ยงออกจากมือเธอ ชายหนุ่มที่เป็นเป้ากลับสามารถตวัดมือรับไว้ได้หมดด้วยความว่องไวไม่น่าเชื่อ ชั้นวางของเหนืออ่างล้างหน้าไม่หลงเหลืออะไรให้ขว้างปาอีกแล้ว ทอฟ้าท้าวแขนกับอ่างล้างหน้าและยืนหอบหายใจด้วยความเหนื่อย เหหน้าหนีไปทางอื่นเมื่อร่างกำยำเดินเข้ามาหยุดยืนด้านข้าง
เขาทำทีเป็นไม่สนใจเธอ นำข้าวของในสองมือจัดเรียงกลับคืนที่ของมันทีละชิ้นๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ทอฟ้ายกมือกุมขมับ ระบายลมหายใจแรงๆ ก่อนหันกลับไปหาชายหนุ่มและตัดสินใจใช้ไม้อ่อนอีกครั้ง
“คนที่จ้างคุณมามันให้เงินคุณเท่าไหร่? ฉัน – ไม่สิ - พ่อฉันสามารถให้มากกว่านั้นได้ร้อยเท่า คุณลองติดต่อพ่อฉันดูสิ”
แต่คนที่บอกว่าตัวเองชื่ออินทรีน้ำแข็งกลับตอบออกมาเหมือนไม่ได้ยินสิ่งที่เธอพูด
เขาว่า “เราจะออกเดินทางจากที่นี่ตอนห้าโมงเย็น จะมีคนขับรถไปให้ คุณต้องแกล้งเป็นผู้หญิงที่ผมซื้อตัวมา หรือพูดง่ายๆ ก็คือ - ”
“ - ฉันต้องปลอมเป็นพวกผู้หญิงขายตัวอย่างนั้นน่ะเรอะ!” ทอฟ้าสั่นศีรษะ “ไม่มีทาง”
ชายหนุ่มกระพริบตาเนิบช้าจ้องมองเธอครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินลากเท้าตรงไปที่ชักโครก ล้วงอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกงและชูให้เธอดู
“อยากให้ผมหย่อนแหวนลงไปในนี้มั้ย?” พูดพลางทำท่าจะทิ้งแหวนที่โคมินต์ให้เธอลงชักโครก
“อย่านะ” ทอฟ้าร้องเสียงหลง จะถลาเข้าไปแย่งแหวนมาจากเขา แต่ก็โดนดักคอเสียก่อน
“ถ้าคุณขยับเข้ามาอีกเพียงนิดเดียว คุณจะไม่มีวันได้เห็นแหวนวงนี้อีก”
ชายหนุ่มเลิกคิ้วข้างหนึ่งจ้องมองมาเป็นเชิงท้าทายว่า...กล้าหรือเปล่า?
ทอฟ้าจ้องฝ่ายตรงข้ามด้วยความโกรธแค้น เพิ่งตระหนักเดี๋ยวนี้เองว่าเธอไม่มีทางต่อกรกับเขาได้เลย เธอจะต้องยอมทำตามที่เขาบอกทุกอย่าง ตกเป็นเบี้ยล่างโดยสมบูรณ์แบบ
ทำไมเธอต้องมาพบเจอเรื่องอย่างนี้ด้วยนะ?
ป่านนี้โคมินต์คงยืนชะเง้อรอคอยเธอหลายชั่วโมงแล้ว...น้ำตาอุ่นๆ ผุดซึมขึ้นมาปริ่มขอบตาโดยไม่รู้ตัว ทอฟ้าหันกายเข้าหากระจกเหนืออ่างล้างหน้า คิดถึงโคมินต์ อยากจะพบหน้าเขาแทบขาดใจ ทันใดนั้น ทอฟ้าก็นึกถึงชายหนุ่มอีกคนขึ้นมาได้
ไค!
“คุณทำอะไรบอดี้การ์ดของฉันหรือเปล่า?” ทอฟ้าหันขวับกลับไปถามชายหนุ่มที่ยืนเอนตัวพิงผนังอย่างสบายอารมณ์
“เปล่านี่ ผมไม่ได้ทำอะไรเลย ตอนที่เขาเข้ามาเจอผม เขาก็ไม่อยู่ในสภาพที่จะช่วยเหลือคุณได้อยู่แล้ว”
“คุณหมายความว่า...”
“เขาโดนใครบางคนวางยานอนหลับ”
เมื่อได้รับฟังคำตอบ ทอฟ้าก็ถึงได้นึกออกว่าเธอเองที่วางยาไค หญิงสาวรู้สึกเหมือนเข่าจะทรุดหมดแรงยืนต้องพยุงตัวโดยการเกาะอ่างล้างหน้าเอาไว้ ในสมองวนเวียนแต่ความคิดที่ว่า ถ้าหากเมื่อตอนเที่ยงเธอไม่ผสมยานอนหลับลงไปในกาแฟของเขา ไคก็คงสามารถปกป้องเธอได้จากชายคนนี้
และเธอก็ไม่ต้องมาตกระกำลำบากอย่างที่เป็นอยู่...
“รีบๆ หน่อยสิ พวกเราไม่ได้มีเวลาทั้งวันนะ” อินทรีน้ำแข็งส่งเสียงเร่งน่าหมั่นไส้
ทอฟ้าตวัดสายตามองเขา พลันความรู้สึกเร่าร้อนขณะสองกายแนบชิดเมื่อตอนที่เธอฟื้นสติใหม่ๆ ก็กลับเข้ามาฉาบฉายในสมอง รวมถึงรสจูบที่เหมือนกับประทับตรึงอยู่บนริมฝีปาก
จริงสิ นั่นเป็นจูบแรกในชีวิตของเธอ ทอฟ้าคิดว่าจะมอบมันให้โคมินต์เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม แต่กลายเป็นว่าเธอต้องมีจูบแรกกับใครก็ไม่รู้
ทอฟ้าหันหน้าเข้าหากระจกเหนืออ่างล้างหน้า เปิดก๊อกน้ำและโน้มใบหน้าลงไปชะล้างเช็ดถูอย่างรังเกียจ
เธอบอกกับตัวเองว่าหากเขากล้าแตะต้องตัวเธออีก เธอจะต้องสู้สุดชีวิต
แม้ต้องตายก็จะยอม
++++++
สหพันธรัฐคำแสนหิรัญ
ถนนหลวงหมายเลข 117
การจราจรยามเย็นของเขตกีโดไม่คับคั่งหนาแน่นเหมือนเขตบุนจี ถนนสี่เลนมีรถวิ่งตามหลังมาบ้างแต่ไม่มากนัก รถกระบะสี่ประตูที่พวกเขาใช้โดยสารยังคงวิ่งต่อไปข้างหน้ามุ่งสู่สถานีตรวจคนเข้าเมืองของจังหวัดเชียงรายในประเทศไทย
ทอฟ้าผู้นั่งอยู่บนเบาะหลังเคียงข้างอินทรีน้ำแข็ง เธอเอนตัวพิงพนักเบาะและหลับตาลงด้วยไม่อยากเห็นเงาของตัวเองที่สะท้อนอยู่ในกระจกหน้าต่างรถขณะนี้
มันเป็นเงาของหญิงสาวผู้แต่งหน้าจัด สวมแว่นตากันแดดสีดำอันโต ย้อมผมสีทองทั้งศีรษะ ใส่เดรสเปิดไหล่คว้านลึกโชว์หน้าอกหน้าใจ ทอฟ้าคิดว่าคงไม่มีใครเชื่อแน่ๆ หากบอกว่าเธอคือบุตรสาวของนายทหารใหญ่คนดังอย่างนายพลอัศวิน
“ฉันต้องไปทำอะไรที่ประเทศไทย?” ทอฟ้าโพล่งถามกลางความเงียบทั้งที่ยังหลับตา เธอคงทนไม่ไหวหากต้องกลายเป็นทาสสวาทของใครสักคน แต่ก็ยังแอบหวังอยู่ว่ามันคงไม่ได้เป็นอย่างที่เธอหวาดกลัว บางทีนี่อาจเป็นแค่เพียงการจับตัวเรียกค่าไถ่ธรรมดาก็ได้
“ผมไม่ทราบ” ชายหนุ่มตอบราบเรียบ
ทอฟ้าถอดแว่นกันแดดออกและลืมตาขึ้น กำลังสงสัยใจว่าป่านนี้พ่อเธอจะรู้หรือยังว่าลูกสาวของท่านถูกใครก็ไม่รู้จับตัวมาอย่างง่ายดาย เธอจะได้กลับไปพบหน้าพ่ออีกหรือเปล่านะ? ทอฟ้าถามตัวเอง แล้วโคมินต์ก็คงเป็นห่วงเธอมาก เขาจะตกใจขนาดไหนถ้ารู้ข่าว...
ทันใดนั้น เสียงของคนขับรถก็ดังขึ้นสลายห้วงคิดของหญิงสาว
“คุณอินทรีครับ ข้างหน้ามีด่านตรวจ ตำรวจอยู่เต็มเลย เอายังไงต่อดีครับ?”
นัยน์ตาทอฟ้าเป็นประกายด้วยความหวัง มีตำรวจตั้งด่านอยู่ข้างหน้า โอกาสรอดของเธอมาถึงแล้ว!
“อย่าคิดทำอะไรโง่ๆ เชียวล่ะ” อินทรีหนุ่มหันมากระซิบข้างหูเธอ ก่อนจะหันกลับไปบอกคนขับรถ “ขับต่อไป ถ้าตำรวจเรียกก็ทำตัวตามปกติ”
“ครับ”
หัวใจที่ห่อเหี่ยวของทอฟ้ากลับมาเต้นตึกๆ ด้วยความมีชีวิตชีวาอีกครั้งขณะรถยนต์ของพวกเขาแล่นเข้าไปใกล้ด่านตรวจมากขึ้นและมากขึ้น
ทอฟ้าวางแผนว่าทันทีที่คนขับรถลดกระจกลงเพื่อพูดคุยกับตำรวจ เธอจะร้องตะโกนขอความช่วยเหลือและดิ้นรนให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ เพราะนี่อาจหมายถึงโอกาสสุดท้ายที่เธอจะได้กลับไปหาคนที่เธอรักอย่างปลอดภัย
คล้ายสวรรค์จะเอาใจช่วยทอฟ้า นายตำรวจที่ด่านตรวจโบกมือให้รถของพวกเขาเข้าเทียบจอดข้างทางตามที่เธอหวังจริงๆ
ทอฟ้าพยายามข่มความกระตือรือร้นเมื่อเห็นนายตำรวจสองคนเดินตรงเข้ามา ทว่าพริบตานั้น เอวบางของเธอก็ถูกมือใหญ่โอบกระชับและดึงเข้าไปประชิดตัว ทอฟ้าไม่อาจส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลืออย่างที่ใจต้องการได้อีกเมื่อริมฝีปากของเธอถูกประกบปิดโดยริมฝีปากของชายหนุ่มเจ้าของฉายาอินทรีน้ำแข็ง
เขาพลิกตัวดันเธอติดกับมุมเบาะ ใช้ร่างกำยำบังเธอไว้จากสายตาตำรวจ สองมือที่ปัดป่ายขัดขืนถูกจับล็อคแน่น ทอฟ้าพยายามเบี่ยงหน้าหนีแต่ก็ไม่อาจหลบพ้น ริมฝีปากของเธอถูกบดขยี้อย่างเร่าร้อน สัมผัสหวิวหวามกลับแผ่ซ่านครอบคลุมจิตใจชั่วขณะ
หูได้ยินเสียงคนขับรถลดกระจกหน้าต่างลงเอ่ยทักทายตำรวจอย่างอารมณ์ดี
“มีอะไรให้รับใช้ครับผู้หมวด?”
นายตำรวจหนึ่งในสองที่เดินมาหยุดข้างประตูรถเป็นคนตอบ “ทางเราได้รับแจ้งว่าเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน มีคนร้ายได้ทำการลักพาตัวคุณหนูทอฟ้าลูกสาวนายพลอัศวินมาจากเขตบุนจีครับ ตามเขตข้ามเมืองต่างๆ จึงมีด่านตรวจคอยกันไม่ให้คนร้ายพาคุณหนูทอฟ้าหลบหนีไปที่อื่นได้”
นายตำรวจอีกคนกล่าวเสริม “แล้วนี่จะไปไหนกันหรือครับ?”
“กลับไทยครับ” คนขับรถตอบ บุ้ยหน้ามาทางเบาะหลัง “พอดีน้องชายเพิ่งเจอสาวถูกใจที่หอจรุงจิต ก็ว่าจะกลับไปต่อกันที่บ้านล่ะครับ”
หอจรุงจิตคือหอนางโลมชื่อดังในเขตกีโด
นายตำรวจทั้งสองชะโงกหน้าเข้ามามองไปที่เบาะหลังเล็กน้อย สิ่งที่เห็นคือชายหญิงคู่หนึ่งกำลังพัวพันนัวเนียอย่างไม่อายสายตาใคร คนขับรถหัวเราะแหะๆ และยักไหล่เป็นทำนองว่าจนปัญญาที่จะห้ามทั้งคู่ไม่ให้เล่นหนังสดกันในรถ
นายตำรวจคนหนึ่งหัวเราะเหยียดๆ ขณะอีกคนกล่าวว่า
“ท่าทางจะถูกใจมากสินะนั่น”
พูดจบก็ขยับกายพร้อมคู่หูก้าวถอยหลังออกไปเล็กน้อย
“งั้นก็รีบๆ ไปซะ ประเดี๋ยวด่านตม.ปิดจะยุ่ง”
“ขอบคุณมากเลยครับผู้หมวด” คนขับรถค้อมศีรษะเป็นจังหวะเหมือนไก่จิกข้าวเปลือก กำลังจะกดปุ่มเลื่อนกระจกหน้าต่างขึ้นปิด มือของนายตำรวจที่ยิ้มเหยียดหยามก็ยื่นเข้ามากดกระจกเอาไว้และพูด
“เดี๋ยวก่อนสหาย”
คนขับรถกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ แค่นยิ้มถามกลับไป “มีอะไรหรือครับ?”
นายตำรวจกระซิบ พยักพเยิดหน้าไปทางเบาะหลัง
“เตือนน้องชายคุณด้วยว่าไปยุ่งกับผู้หญิงหอจรุงจิตมากๆ ระวังจะติดโรค พี่ชายผมน่ะเจอมาแล้วกับตัว ระวังหน่อยก็ดี”
“ฮ่าๆ ครับ จะเตือนให้ครับ” คนขับรถแสร้งหัวเราะเสียงดัง “แต่คิดว่าตอนนี้มันคงไม่ฟังหรอกครับ”
นายตำรวจทั้งสองระเบิดเสียงหัวเราะตามอย่างขบขัน ก่อนจะโบกมือส่งสัญญาณให้ผ่านด่านมาได้โดยสะดวก
ทอฟ้าซึ่งถูกกดอยู่ภายใต้ร่างของชายหนุ่มไม่รู้ว่ามือของตัวเองถูกปล่อยให้เป็นอิสระตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่เธอตกใจก็คือแทนที่ตัวเองจะใช้มันผลักตัวเขาออกไป แต่กลับใช้โอบกอดแผ่นหลังเขาอย่างไม่รู้ตัว ทว่าทันทีที่ตั้งสติได้ เธอก็เอียงหน้าหนีและผลักเขาออกจากตัวสุดแรงเกิด
เธอพบว่าตัวเองกำลังหอบหายใจ ใบหน้า ริมฝีปาก ทั่วกายร้อนผ่าวไปหมด
ทอฟ้ารู้สึกละอายใจจนต้องหลับตาลงรวบรวมสติอีกครั้ง
แว่วเสียงอินทรีน้ำแข็งกระซิบอย่างเย็นชาเช่นเดิมว่า
“ไม่ว่าคุณจะคิดหนีสักกี่ครั้งมันก็ไม่สำเร็จหรอก จำไว้ให้ขึ้นใจซะ...”

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 พ.ย. 2556, 17:46:54 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 พ.ย. 2556, 17:46:54 น.
จำนวนการเข้าชม : 1669
<< บทที่ 3 - ลักพาตัว | บทที่ 5 – ความปั่นป่วน >> |