♥ ♥ ♥ หัวใจร้อยดาว [ชุด ทางลัดสลัดโสด สนพ.อรุณ] ♥ ♥ ♥
อะไรนะ! ถ้าไม่แต่งงานภายในเก้าสิบวัน

เธอต้องขึ้นคานไปตลอดชีวิตเหรอ บ้าไปแล้ว!



ดอกเตอร์ โมนา วิมาลิน อยากอุทานเป็นภาษาต่างดาวชะมัด

แม้จะเป็นคนรุ่นใหม่ ที่ไม่เชื่อเรื่องงมงาย

แต่รุ่นพี่ที่เจออาถรรพ์ก็ขึ้นคานกันไปแล้วถ้วนหน้า

เธอจะเสี่ยงเป็นคนต่อไปจริงเหรอ...



นับว่าพระเจ้ายังไม่ใจร้ายจนเกินไป

เพราะท่านส่ง ชัชวิน มาจีบเธออย่างออกนอกหน้า

ตามมาด้วย เมอร์ซิเออร์ โนแอล เดอแบร์มองต์ สุดหล่อ

แถมยังมี เอกชัย เทรนเนอร์หล่อล่ำ

กับ กฤต นักดนตรี อารมณ์ศิลป์มาให้เลือกพร้อมเพรียง



โมนาไม่ได้โชคดีขนาดนั้น

เพราะระหว่างหาทางลงจากคาน

เธอกลับต้องเผชิญปัญหาเรื่องการงานหนักหน่วง



ในท่ามกลางมรสุมที่พัดจนเธอซวนเซ

โมนาจึงได้เห็นความรักของใครบางคน...ชัดเจนขึ้นในหัวใจ

อยากรู้ก็แต่ว่า...อีกฝ่ายจะรักเธอมากพอ

และชวนเธอลงจากคานทันเวลาไหมหนอ


♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥

เนื้อหาทั้งหมดที่ปรากฎบนหน้าเพจนี้สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พุทธศักราช ๒๕๓๗ ห้ามมิให้ทำการคัดลอก ดัดแปลง หรือแก้ไข บทความเพื่อนำไปใช้ก่อนได้รับการอนุญาต

หากฝ่าฝืน สิริณ(แม่มณี) จะดำเนินการทางกฎหมายทั้งจำและปรับ โดยไม่มีการประนีประนอมใดๆทั้งสิ้น

ผู้ใดชี้เบาะแสการคัดลอก สิริณ(แม่มณี) มีรางวัลนำจับให้ด้วยนะคะ ^^

♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥

เตรียมยิ้มและหัวเราะไปกับ ดอกเตอร์สาวตัวกลม ที่จะทำให้คุณเข้าใจนิยามของความรักในอีกรูปแบบหนึ่ง

หัวใจร้อยดาว - เจ้าสาวร้อยชั่ง ในชุดทางลัดสลัดโสด


เขียนโดย สิริณ - ดวงมาลย์

จ่อคิววางแผงต่อจาก ใต้ปีกรักสีเพลิง เลยค่ะ

เชิญติชมกันได้เต็มที่เช่นเคย



ชวนเพื่อนๆนักอ่านไปกดไล้ค์แฟนเพจของสิริณกันด้วย

ตรงนั้นจะมีกิจกรรมร่วมสนุก แจกของที่ระลึกกันเป็นระยะ

(แน่นอนว่าของที่สิริณมีมากที่สุดคือ 'หนังสือ' :D )

ไปกดไล้ค์กันเยอะๆนะคะ

www.facebook.com/SirinFC
Tags: โนแอล โมนา ขิมคราม รอยตะวัน สลัดโสด

ตอน: ตอนที่ ๑๐ (ครึ่งแรก)

ใครว่ามีแต่คนญี่ปุ่นที่เป็นชาตินิยม! โมนารู้ซึ้งว่าคนทุกชาติทุกภาษารักบ้านเกิดก็วันนี้ เพราะขณะค้นหาโรงเรียนสอนอาหาร หนุ่มปารีเซียงก็คลิกเข้าเว็บไซต์สถาบันสอนทำอาหารชื่อดังของฝรั่งเศส แถมยังประกาศด้วยน้ำเสียงภาคภูมิผยองยิ่ง “ผมแนะนำเลอกอร์ดองเบลอ ดุสิตฯ ที่นี่มีหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาการครัวไทยด้วย น่าเรียนมาก”

โมนากวาดตาอ่านตามรายละเอียดที่อีกฝ่ายนำเสนอแล้วอยากจะทุบเขาสักอั้ก “หลักสูตรละสี่แสนสอง! คุณจะบ้าเรอะ นั่นน่ะเหมาะสำหรับคนจะเป็นเชฟ มีพรสวรรค์ มีใจรัก และมีอะไรต่อมิอะไรอีกมากที่ฉันไม่มี เอาแบบสามสี่พันที่คนอื่นเขาเรียนกันไม่ได้หรือไง ถึงจะรวย แต่ฉันก็ไม่บ้าจี้ทุ่มเงินครึ่งล้านเพื่อหัดทำอาหารให้คุณกินหรอกนะ”

“พูดมาได้ว่าผมไม่คู่ควรให้คุณทุ่มเงินครึ่งล้านไปหัดทำอาหารให้กิน รู้หรือเปล่าว่านอกจากแม่กับขะ...” เขาชะงักเล็กน้อย แล้วเสเปลี่ยนเรื่องทันที “คุณเป็นผู้หญิงที่โชคดีมากนะ ที่จะมีโอกาสได้ทำกับข้าวให้ผมกินน่ะ”

โมนาหรี่ตาจับผิด “เมื่อกี้คุณพูดไม่จบประโยคนะ นอกจากแม่แล้ว มีผู้หญิงอีกคนเคยทำกับข้าวให้คุณกินเหรอ ใครอะ เล่าให้ฟังหน่อยสิ”

“มันเป็นเรื่องส่วนตัวของผม” เขาบอกปัด หน้าบึ้ง

“อะไรอ่า...ลำเอียงนี่นา” หญิงสาวงอแง “ทีคุณยังรู้ความลับทุกเรื่องของฉันเลย แต่คุณกลับไม่เคยเล่าเรื่องตัวเองให้ฉันฟังสักเรื่อง น่า...นะโนแอล เล่าให้ฟังหน่อย ฉันอยากรู้เรื่องคนที่ทำกับข้าวให้คุณกินคนนั้น”

“เธอมีคนรักใหม่ไปแล้ว จบปะ” ตอนท้ายเขาทำเสียงห้วนๆสั้นๆตัดบทชนิดไม่ถนอมน้ำใจคนฟังสักนิด

“โธ่...อย่าเพิ่งจบสิ เพิ่งเริ่มเรื่องเอง เธอเป็นคนยังไงเหรอ เอ๊ะ! หรือต้องใช้คำว่าเขา” หญิงสาวทำหน้าเป็นล้อเลียน เอื้อมไปหยิบหมอนจากโซฟาใกล้ๆมากอดแล้วตั้งใจรอฟังอีกฝ่ายเล่าตาแป๋ว

“ก็ต้องเป็น ‘เธอ’ สิ” เขาแก้คำเสียงเขียว ชั่งใจอยู่ครู่ใหญ่จึงเริ่มเล่าช้าๆ “ขิมเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ อ่อนหวาน ผมซอยสั้นทะมัดทะแมง ยิ้มหวานเย็นๆของเธอทำให้โลกสดใสขึ้นง่ายดาย แต่เธอกลับเก็บตัวไม่ค่อยสุงสิงกับใครนัก ดวงตาเธอมักจะมีรอยเศร้าๆบางอย่างอยู่เสมอ เราเจอกันตอนขิมไปเรียนที่ปารีส เธอเป็นเชฟกรองด์ดีโปลมของเลอกอร์ดองเบลอที่ฝรั่งเศส คนที่จะได้รับประกาศนียบัตรกรองด์ดีโปลมได้ จะต้องเรียนจบทั้งขั้นพื้นฐาน ปานกลาง แล้วก็ระดับสูงครบทั้งด้านอาหารคาวและหวาน”

ริมฝีปากของโมนาบิดเบ้ด้วยความหงุดหงิด “มิน่า คุณถึงจะให้ฉันไปเรียนเลอกอร์ดองเบลอ นี่จะให้ฉันเป็นตัวแทนแฟนเก่าทำอาหารให้กินหรือไงยะ เชอะ! ฝันไปเถอะ”

“ไม่มีใครเป็นตัวแทนของขิมได้ทั้งนั้นแหละ!” โนแอลเสียงเข้ม สีหน้าไม่พอใจ ไร้ร่องรอยล้อเลียนอย่างเคย

โมนาอึ้งไปเสี้ยววินาที เป็นเพราะท่าทีขี้เล่นและความใจดีที่เขาคอยช่วยเธอไม่ให้โดนดูถูกอย่างสม่ำเสมอ ทำให้เธอเห็นผู้ชายคนนี้เป็นเสมือนเพื่อนสนิท ที่แซวเล่น หยอกล้อ เล่นหัวกันได้มาตลอด เพิ่งจะมาบัดนี้ที่เธอได้เห็นแง่มุมใหม่ๆของเขา ไม่น่าเชื่อว่าโนแอลจะเคยรักผู้หญิงคนหนึ่งถึงขนาดเก็บไว้ในความทรงจำโดยไม่ยอมให้ใครแตะต้องเช่นนี้ โมนายิ้มจ๋อย “ขอโทษ ฉันลืมคิดไปว่าเรื่องบางเรื่องอ่อนไหวเกินกว่าจะเอามาล้อเล่น”

“ช่างเถอะ ไม่ใช่ความผิดของคุณหรอก”

“ช่างได้ไง คุณโกรธฉันนี่” โมนาจิ้มนิ้วที่แขนเขา “ดีกันเถอะนะ ฉันสัญญาว่าจะไม่พูดถึงเธอแบบนั้นอีก”

โนแอลมีสีหน้าอึดอัดใจ “มันก็ไม่ใช่ว่าพูดถึงไม่ได้หรอก ผมเพียงแต่...”

“ไม่เป็นไรค่ะโนแอล ฉันเข้าใจจริงๆนะ คุณไม่ต้องอธิบายหรอก คนทุกคนก็ย่อมต้องอยากมีพื้นที่ส่วนตัวไว้เก็บเรื่องราวบางอย่างไว้กับตัวเองกันทั้งนั้นแหละ”

“ไม่ใช่ว่าผมอยากจะเก็บเรื่องนี้ไว้จนใครก็แตะต้องไม่ได้หรอก บางที...ที่ผมไม่อยากพูดถึง อาจเป็นเพราะผมก็ไม่แน่ใจตัวเองเหมือนกัน ว่าทุกวันนี้รู้สึกยังไงกับเธอกันแน่” ดวงตาสีน้ำเงินแกมฟ้าเลื่อนมาสบกับเธอนิ่งๆ ก่อนเขาจะเริ่มต้นเล่าช้าๆคล้ายกำลังชะลอเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในอดีตให้มาเกิดขึ้นตรงหน้าเธอ

“ผมเจอขิมครั้งแรกที่ร้านหนังสือ เธอกำลังหาซื้อดิกชันนารีภาษาฝรั่งเศสอยู่ ทีแรกผมนึกว่าเธอเป็นเด็กมัธยม เพราะขิมตัวเล็กมาก เธอทั้งผอมบางแล้วก็ไว้ผมสั้นๆ ดวงตาเธอเศร้าแม้แต่ตอนที่กำลังยิ้ม” เขายิ้มเขินเมื่อเสหลบตาคนฟัง “ผมรักเธอตั้งแต่ครั้งแรกที่เราพบกัน”

โมนาอ้าปากค้าง รำพึงราวกับเด็กหญิงที่กำลังฟังเทพนิยายแสนหวาน “รักแรกพบเลยเหรอ ว้าว...จะโรแมนติกชะมัดเลย”

“ผมไปดักรอเธอที่ร้านหนังสือหลายวัน แต่ก็ไม่เคยพบอีกเลย มันคงต้องเป็นพรหมลิขิตแน่ๆ เพราะวันที่สามผมเกิดไม่สบายขึ้นมา ก็เลยไปซื้อยา...”

“อย่าบอกนะว่าคุณไปเจอเธอที่ร้านขายยาแทนน่ะ”

“ใช่! ที่เธอไม่ได้ไปร้านหนังสือก็เพราะเพิ่งหายป่วย ส่วนวันนั้นที่เราได้เจอกัน เธอกินยาหมดแล้ว และเพื่อนร่วมห้องติดหวัดจากเธอ ก็เลยเขียนใบสั่งยาฝากเธอมาซื้อให้แทน เพื่อนเธอเป็นหมอน่ะ”

“นี่มันโรแมนติกยิ่งกว่านิยายที่ฉันเคยอ่านอีกนะเนี่ย”

“คงเพราะมันไม่ใช่นิยายมั้ง ตอนจบถึงไม่ได้แฮ็ปปี้เอนดิ้ง”

“อ้าว...ทำไมอย่างนั้นล่ะคะ”

“ขิมบอกผมตลอดเวลาว่าเธอไม่พร้อมจะรักใคร ผมคิดเอาเองว่ามันเป็นแค่คำพูดของคนที่อยากตั้งใจเรียนให้จบก่อน แล้วค่อยเริ่มต้นมีความรัก แต่ความจริงก็คือ...เธอไม่พร้อมจริงๆ แม่กับพี่ชายส่งขิมไปเรียนที่ปารีส เนื่องจากเธอสูญเสียความทรงจำชั่วคราว เธอไม่ยอมรับรักผม เพราะกลัวว่าเมื่อฟื้นความทรงจำได้ อาจจะพบว่าตัวเองมีคนรักอยู่แล้ว และเธอก็ไม่อยากทำร้ายคนถึงสองคน ขิมปฏิเสธผม ไม่เคยให้ความหวังผมเลยสักครั้ง แต่ผมก็ยังเชื่อมั่นว่าเธอจะต้องเห็นความรักของผมในสักวัน”

“แต่วันนั้นไม่เคยมาถึง...ใช่ไหมคะ” คนชอบเทพนิยายหน้าเศร้าโดยไม่รู้ตัว

“หลังขิมเรียนจบ ผมตัดสินใจขอเธอแต่งงาน เธอตอบปฏิเสธ บอกตรงๆว่าผมไม่แปลกใจสักนิด ออกจะทำใจไว้ว่าจะต้องได้รับคำตอบอย่างนั้นอยู่แล้วด้วยซ้ำ”

โมนาเอื้อมไปกุมมือชายหนุ่มอย่างปลอบโยน “คุณโอเคใช่ไหม”

“โอเคสิ ผมถามในสิ่งที่รู้คำตอบอยู่แล้ว ผมก็ต้องเผื่อใจไว้บ้างสิ” รอยยิ้มบางๆบนใบหน้าหล่อเหลานั้น วันนี้กลับดูเศร้าหมองอย่างประหลาด

เจ้าของห้องปล่อยมือหนุ่มปารีเซียงแล้วตบบ่าเขาเบาๆแทน “ต้องแบบนี้สิ ถึงค่อยสมกับเป็นโนแอล เดอแบร์มองต์ ที่ฉันรู้จักหน่อย”

เสียงหัวเราะหึๆดังในลำคอ ก่อนเขาจะเปลี่ยนสีหน้าให้กลับมาสดใสดังเดิม สลัดร่องรอยหมองๆออกจากใบหน้าและแววตา “เพื่อนร่วมห้องชวนเธอไปเที่ยวเยอรมนีก่อนกลับเมืองไทย[1] แล้วโชคชะตาก็พัดพาเธอออกจากชีวิตผมโดยสิ้นเชิง ขิมไปพบใครคนนึงที่นั่น คนที่หล่นหายไปจากความทรงจำของเธอเกือบสี่ปี สองคนนั้นรักกันจนผมรู้ดีว่าคงไม่มีวันรักขิมได้อย่างผู้ชายคนนั้น ตั้งแต่นั้นมาเราก็ไม่ได้พบกันอีกเลย เธอส่งข่าวหาผมบ้างนานๆครั้งว่ายังมีความสุขดีอยู่ ซึ่งได้รับรู้แค่นี้ ผมก็พอใจแล้ว”

“คุณเท่ชะมัดเลยโนแอล” โมนายกนิ้วโป้งให้เขา “ต้องอย่างนี้สิถึงจะเรียกว่ารักแท้ รักที่ไม่ต้องครอบครอง แต่คือการเห็นคนที่เรารักมีความสุขก็พอแล้ว”

“แต่ถ้าเลือกได้ ผมอยากเป็นคนคุ้มครอง ดูแล แล้วก็ปกป้องรักแท้ด้วยตัวของผมเองมากกว่านะ” เขาหัวเราะแห้งๆ เห็นได้ชัดว่ามิได้ขันจริงๆ แต่ประชดตัวเองมากกว่า

“คุณเคยบอกฉันว่า สักวันฉันต้องเจอใครสักคนที่ดี รักฉันในแบบที่ฉันเป็น แล้วก็มีค่าพอให้ฉันรัก คุณก็เหมือนกันนะคะ สักวันคุณต้องเจอผู้หญิงคนที่ใช่อีกครั้งแน่นอน แล้วคุณก็จะรักเธอมากกว่าที่เคยรักผู้หญิงในความทรงจำคนนั้นด้วย”

“ผมโชคดีใช่ไหม ตรงที่ไม่ต้องรีบหาใครคนที่ว่าให้เจอในเก้าสิบวันเหมือนคุณน่ะ”

“ย่ะ! พ่อคนโชคดี พอหายเศร้าก็ปากเสียเหมือนเดิมเลยนะ” โมนาตีแขนเขาด้วยความหมั่นไส้ แล้วจึงหมุนเก้าอี้กลับไปทางหน้าคอมพิวเตอร์ดังเดิม “เรื่องของคุณดราม่าเคล้าน้ำตาชะมัด หาโรงเรียนสอนทำอาหารต่อดีกว่า เอ...หาที่ไหนดีน้า เอาแบบใกล้ๆรถไฟฟ้าละกัน จะได้เดินทางง่ายหน่อย คุณว่าดีไหม”

“แล้วแต่คุณสิ คุณเป็นคนเรียนนี่นา” โนแอลหันไปที่หน้าจออีกครั้ง แล้ว ‘ว่าที่นักเรียนโรงเรียนการเรือน’ กับ ‘คนเตรียมตัวเป็นแม่ช้อยนางรำจำเป็น’ ก็ช่วยกันค้นหาโรงเรียนสอนทำอาหารไทยที่ตรงตามความต้องการของโมนากันต่อ เกือบห้าทุ่มกว่าทั้งคู่จึงแยกย้ายกันไปนอน เพื่อเตรียมตัวไปสมัครเข้าเรียนในวันรุ่งขึ้น





“ฉันประทับใจมากที่คุณประกาศต่อหน้าคนเกือบครึ่งออฟฟิศว่ารักยายอ้วนนั่น เป็นการเดินเกมเหนือเมฆที่น่าทึ่งจริงๆ” ผู้พูดสวมกระโปรงผ่าสูงนั่งไขว่ห้างโดยไม่สนใจว่ารอยแหวกจะอวดให้เห็นขาเรียวจนเกือบถึงขาอ่อน

“บอกตรงๆว่าผมก็แปลกใจเหมือนกัน เรื่องที่ผมคุยกับโมตามลำพัง ทำไมถึงมีบุคคลที่สามรู้ได้”

“แหม...คุณนี่ซื่อจัง ยายนั่นเป็นก้างชิ้นใหญ่ของเรา ฉันก็ต้องรู้เขารู้เราไว้บ้างสิ!”

ชายหนุ่มหรี่ตาด้วยอาการใคร่ครวญแค่เสี้ยววินาทีก็เข้าใจ “นี่คุณติดอุปกรณ์ดักฟังไว้ในห้องโมนางั้นเหรอ”

“ฉันก็ต้องหาวิธีสืบความเคลื่อนไหวและคำพูดของแม่นั่นทุกๆประโยคสิ เมื่อไหร่ที่มันทำท่าจะรู้มากเกินกว่าที่ควร ฉันจะได้จัดการทันท่วงที คุณเองก็เถอะ ใช้ประโยชน์จากยายอ้วนนั่นให้คุ้มๆหน่อยนะ”

“ระดับผมแล้ว คงไม่ต้องรอให้ใครมาสอนหรอก” ชัชวินบอกด้วยน้ำเสียงผยอง

หญิงสาวตบมือลงที่โซฟาข้างตัว ตวัดตาขึ้นมองเขาด้วยสายตาเย้ายวน “มานั่งตรงนี้สิคะ เดี๋ยวฉันจะบอกให้ว่ามีเรื่องไหนอีกบ้างที่คุณยังต้องเรียนรู้เพิ่มขึ้น”

“บอกแล้วไงว่าผมไม่ต้องการเรื่องอื่น ขอแค่ส่วนแบ่งที่ผมควรจะได้รับก็พอแล้ว”

เมื่อเชื้อเชิญแล้วเขาไม่มาหา เธอจึงลุกขึ้นมาใกล้ๆเสียเอง หญิงสาวสวมกอดเจ้าของร่างสูงจากด้านหลัง แนบหน้ากับแผ่นหลังของเขา พลางไล้ปลายเล็บที่เคลือบด้วยสีชมพูหวานไปตามแนวลาดไหล่บึกบึนแผ่วเบา “แน่วแน่แล้วก็มั่นคงดีจัง ฉันชอบคนแบบนี้นะ”

เขาบิดตัวให้พ้นจากการอ้อมกอดของอีกฝ่าย พลางก้าวออกห่าง แล้วมุ่งตรงเข้าประเด็นแทน “คุณมาหาผมวันนี้ จะคุยเรื่องอะไรก็ว่ามาสิ”

หญิงสาวยักไหล่ “เด็กบอกว่า ‘ไอ้ฝรั่งนั่น’ เรียกแฟ้มผลประกอบการย้อนหลังไปดู คุณวสันต์ไปป้วนเปี้ยนแถวๆห้องเก็บเอกสารอยู่พักใหญ่แล้ว ฉันอยากจะแน่ใจว่าในนั้นไม่มีอะไรสาวมาถึงเรา”

“ไม่ต้องห่วงหรอก เพราะเท่าที่ผมรู้มา โนแอลไม่ได้พุ่งเป้ามาที่เรา เขาคิดว่าโมเป็นคนทำเรื่องทุจริตทั้งหมดนั่นต่างหาก”

ดวงตาเรียวซึ้งเบิกกว้างนิดๆด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะลงเอยด้วยการหัวเราะสะใจ “ต๊าย! นี่คุณยังไม่เลิกหลอกตัวเองว่าไอ้หมอนั่นเข้าหายายอ้วนเพราะเหตุผลอื่นอีกเหรอ เขาจีบยายโมจริงๆต่างหากล่ะ ไม่แปลกหรอกนะ ผู้หญิงอ้วนๆมีเงินพอกเต็มตัว ใครก็ต้องอยากตกถังข้าวสารทั้งนั้นแหละ ฝรั่งก็คนเหมือนกัน ความโลภมันไม่เข้าใครออกใครหรอก”

“คุณไม่เชื่อผมก็ตามใจ” ชัชวินเหยียดริมฝีปากอย่างเยาะหยัน “ผมเตือนคุณแล้วนะ อย่าให้ความอวดดีของคุณต้องมาทำให้ส่วนแบ่งของผมหายไปล่ะ บอกก่อนว่าผมไม่ยอมแน่”

“ลมหายใจเข้าออกของคุณมีแต่เรื่องเงินหรือยังไงนะชัช!” หญิงสาวกระฟัดกระเฟียด หน้าบูดบึ้ง

“ใช่! เพราะมันเป็นความปรารถนาเดียวที่เรามีตรงกัน ไม่อย่างนั้นผมคงไม่ต้อนรับให้คุณมายืนอยู่ตรงนี้”

“ฉันไม่เชื่อหรอก ว่ามีเงินแค่อย่างเดียวที่เรียกร้องความสนใจจากคุณได้ คอยดูนะ สักวันฉันจะต้องหาให้พบให้ได้ว่ามีอะไรอีกที่ทำให้คุณละสายตาไม่ได้เลย”

“ก็คงมีอีกหลายอย่างแหละ แต่มั่นใจได้เลยว่าคุณไม่ใช่หนึ่งในนั้นแน่นอน” ชัชวินยกมุมปากขึ้นเปลี่ยนใบหน้าเขาให้เข้มคมเปี่ยมเสน่ห์อย่างน่าทึ่ง ก่อนเขาจะก้าวเข้ามาปัดริมฝีปากผ่านพวงแก้มอีกฝ่ายอย่างฉาบฉวย พลางกระซิบเบาๆที่ริมหูหญิงสาว “ผมแถมให้ เผื่อคืนนี้คุณอาจจะหลับฝันดี ราตรีสวัสดิ์ครับ”

หญิงสาวยกมือกุมพวงแก้มด้วยความตกใจ ดวงตาเรียวมองตามชายหนุ่มมาเปิดประตูห้องกว้างๆไว้รอท่า แล้วเธอก็ได้สติ ใบหน้างามแปรเป็นสีก่ำ ขณะเจ้าตัวคว้ากระเป๋าสะพายเดินกระแทกเท้าตึงๆออกจากห้อง เธอหยุดอยู่ตรงหน้าเจ้าของห้อง ยกมือขึ้นแตะแก้มเขาเบาๆ ขณะงึมงำเสียงพร่า “สักวันฉันจะทำให้คุณรักฉันให้ได้เลยชัช”

[1] จากเรื่องรอยตะวัน โดยสิริณ สำนักพิมพ์อรุณ


(จบครึ่งแรก)



สิริณ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 5 พ.ย. 2556, 00:05:40 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 5 พ.ย. 2556, 00:17:48 น.

จำนวนการเข้าชม : 1658





<< ตอนที่ ๙ (จบตอน)   ตอนที่ ๑๐ (จบตอน) >>
ree 5 พ.ย. 2556, 08:02:32 น.
ถูกดักฟังด้วย ร้ายชะมัด


นักอ่านเหนียวหนึบ 5 พ.ย. 2556, 12:29:42 น.
อร๊ายยยยย นายชัช ร้ายกว่าที่คิดไว้เยอะแฮะ
พี่โน น้องโม เทอทั้งสองได้พบคนที่คู่ควรแล้ว เค้ายืนอยู่ตรงหน้า มองกันชัดๆ สิจ้ะ คิๆๆๆ


รักเร่ 5 พ.ย. 2556, 16:15:12 น.
ยายผู้หญิงคนนี้ใครเนี่ย
ปล.เรื้องรอยตะวันเคยอ่านเมื่อนานมาแล้ว ต้องไปหามาฟื้นความทรงจำซะหน่อยล่ะ


Zephyr 6 พ.ย. 2556, 02:09:19 น.
ยายนี่ แสงดาวป่ะคะ
ขิมนี่ ขิมไหนละเนี่ย
ไปติดเครื่องดักฟังตอนไหนนะ


ketza 8 ธ.ค. 2556, 13:42:39 น.
หนุกมั่กๆๆๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account