รักดังฝัน
เขา นิมมาน อดีตชาติเป็นถึงพระยานิมมาน ผู้ที่มีใจปฏิพัทธ์ต่อลูกสาวของศัตรู จนตัวตาย เขาก็พร้อมยกวิญญา แก่ยาใจที่รักสมิตาเพียงผู้เดียว แต่ผ่านมาพันปี นิมมานก็พบว่าความรักของเขาหมดลง ไอ้รักนิรันดร์ไม่มีจริงหรอก “ชาตินี้เจ้าจะแต่งงานกับใครก็ช่าง แต่ก่อนเจ้าจะพบกับไอ้มนุษย์เนื้อคู่ของเจ้า ข้าจะทำให้เจ้ารักข้าให้ได้ก่อน”

เธอ สมิตานัน ผู้หญิงสวย ดำรงตำแหน่งพิธีกรรายการดัง หลอนดีนัก...เดี๋ยวจัดให้ แต่จริงแล้ว คนที่ทำเก่งหน้าจอ แท้จริงกลับกลัวผีขึ้นสมอง ทั้งที่ไม่เคยเจอ แต่พอปุบปับกระหน่ำได้เจอจริง สมิตานันก็อยากให้ทุกอย่างเป็นแค่ฝัน...เอ หรือที่จริงเธอไม่ได้ฝัน


Tags: หลอนโรแมนติก แฟนตาซี นิมมาน สมิตา

ตอน: บทที่ 6 : ผีทะเล

วุ้นมะพร้าวในลูกเขียวเปลือกหนาหวานหอมช้อนเข้าปาก คนทานยิ้มพริ้มกับรสชาติลิ้มละมุน เสียงคลื่นซัดฝั่งระลอกแล้วระลอกเล่าเข้าบรรยากาศน่ามาท่องเที่ยว ยกเว้นว่าเวลานี้จะไม่ใช่เที่ยงคืนตรง

มาตามล่าหาผีทะเลหรือไง...

สมิตานันเบะปากไม่เห็นด้วยกับการมารบกวนความสงบสุขของดวงวิญญาณที่ตายจากไปด้วยความเศร้า นับตั้งแต่เธอเริ่มพบเห็นวิญญาณ ถึงการมองเห็นจะลดลง จนเกือบไม่เห็น แต่ชีวิตเธอก็ยังถูกผีที่ไหนไม่รู้ตนหนึ่งทำตัวเรียกร้องความสนใจได้ไม่ต่างจากผีโพลเตอร์ไกต์ในต่างประเทศ กลางค่ำกลางคืนเธอตั้งใจจะนอน ก็พานทำโน่นนี่หล่นแตก ปิดประตู กระแทกหน้าต่างดังปึงปัง

โชคดีที่เธอมีเจ้าถึกคอยนอนอยู่ข้างๆ ไม่อย่างนั้นเธอได้บ้าตายกับการทนอยู่กับอะไรก็ไม่รู้ วันนี้ที่ทีมงานกำลังถ่ายทำเทปใหม่กันอย่างจริงจัง เรื่องการตามพิสูจน์ว่าดวงวิญญาณสุดเฮี้ยนที่ตายไปในทะเล และมักขึ้นมายืนอยู่ตรงโขดหินเฝ้ามองออกไปไกล หลอกให้ชาวบ้านแตกตื่นนั้นมันจริงแค่ไหน ทางช่องทีวีก็กำลังฉายเทปการถ่ายที่ตึกร้าง เชื่อได้ว่าเว็บของรายการได้ล่มในชั่วข้ามคืน

คนที่เปิดรายการด้วยการดำเนินการ รอเพียงแค่การตั้งกล้อง ซุ่มดูเงียบๆ เก็บบรรยากาศอยู่ริมหาด สืบเสาะขุดคุ้ยประวัติเรื่องน่าขนลุกนี้ตั้งแต่หกโมงเย็น พอฟ้ามืดประมาณสี่ทุ่มกว่าเธอก็ดำเนินเปิดรายการปกติ เสร็จก็มานั่งครองพื้นที่หลังจอมอนิเตอร์กับเจ๊มล ส่วนคนอื่นปล่อยไปทำหน้าที่ของตัวเองไป

“วันนั้นเจ๊ยังตกใจไม่หาย น้องตี้ล้มครืนไปเฉยเลย”

“โธ่ เจ๊...ตี้เมาแชมเปญหรอก ล้มหน้าทิ่มเลยไม่เห็นเหรอ” แม้แต่ปาริตาเองเวลามาบ้านเธอก็จะคอยเอาของมงคลมาตั้งไหว้ในบ้านให้ หรือจะคอยมองบ้านของเธออย่างระแวงระวัง ราวกับรู้ว่ามีอะไรอยู่ แต่พอเค้นคอถามก็บ่ายเบี่ยงไม่ยอมตอบเสียอย่างนั้น

ส่วนคุณหมอธีก็ยังคอยมาทานข้าวที่บ้านเธอวันละมื้อ ด้วยข้ออ้างว่ามาตรวจอาการเจ้าถึก...สงสัยคงคิดว่าเธอเป็นเด็กอนุบาลไม่รู้เรื่องราว

แต่ว่า ความสุภาพ ให้เกียรติ ไม่บุ่มบ่ามน่ารังเกียจ พอให้รู้ว่าเขาชอบเธอ เธอว่าธนิทธิก็น่ารักดี น่ารักกว่าผีตัวพ่อที่วันๆ เอาแต่ป่วนให้เธอต้องคอยหาเรื่องไล่ธนิทธิกลับออกจากบ้านก่อนเวลาเสมอ

กวนประสาทจริงๆ...

แม้แต่บางครั้งเจ้าถึกเองยังชอบลุกขึ้นมาวาดกรงเล็บไปบนแขนของหมอ ยิ่งทำเธอเองยิ่งรู้สึกผิดจนรับผิดชอบด้วยการทำอาหารไปฝาก หรือให้เขามาทานข้าวที่บ้าน บ่อยๆ เข้าเจ้าถึกก็เลยเลิกอาการพยศลงบ้าง

แมวอะไรสองอารมณ์บางครั้งก็ดูหยิ่ง แต่ก็ดูติดเธอ บางอารมณ์สันโดษ นอนอยู่ห่างๆ ไม่ยุ่งเกี่ยวเสียอย่างนั้น...

“เฮ่ย!”

หลายเสียงละแวกไม่ไกลกันอุทานเสียงไม่เบานักพร้อมกัน หญิงสาวในชุดเดรสจัมพ์สูทสีขาวกางเกงผ้าสีดำเหนือเข่าคืบหนึ่งมีสายผูกเอวเด้งตัวขึ้นตรงด้วยความอยากรู้ ฉุดชายร่างยักษ์ข้างกันให้หันมาจ้องจอมอนิเตอร์ ภาพผู้หญิงผมยาวยืนตรงชะแง่งหิน ปล่อยผมยาวสยายพัดปลิว เสี้ยวหน้าด้านข้างฉายความเศร้าออกมา ผิวซีดเกือบเป็นกระดาษ หมิ่นเหม่ว่าใกล้จะลงไปในทะเลอยู่รอมร่อ

“เอาอีกแล้ว”

ขนคอคนมองเห็นลุกชัน ภาพในจอมอนิเตอร์ฉายชัดว่าใครเป็นใคร กล้องถ่ายของทางรายการทำด้วยเลนส์พิเศษ อย่างที่วิชาหนุ่มผมยาวมัดจุกตากล้องหลอนดีนักเป็นคนไปสรรหามา

สมิตานันบ่นไม่สบายใจ ลุกขึ้นยืน คว้าไมค์ติดตัวอันเล็กในมือวิชชี่มาถือ รู้หน้าที่ผู้ดำเนินรายการที่ดี

“ไปใกล้ให้มากกว่านี้”

ผู้กำกับคนเก่งสั่ง ทั้งที่ตัวเองเกาะหลังพุทธา พยักพเยิดให้เธอรีบออกไป สมิตานันย่นจมูก ความกลัวภูตผีวิญญาณมันลดลงไปมากเพียงแค่ต้องทนร่วมอยู่ใต้ชายคากับนิมมาน

จากตรงนี้ไปยังผู้หญิงผิวซีดคนนั้น ห่างกันเกือบร้อยเมตร และยังคงอยู่ตรงนั้นที่เดิม

“อย่าไป สมิตา” ต้นแขนเรียวโดนดึงรั้งไว้ หญิงสาวหันมองเงาสูงกว่าเธอหลายสองคืบ อดตะลึงไม่ได้ที่ครั้งนี้เธอรู้สึกว่าเขาปรากฏกายชัดเจนมากที่สุด จากที่ไม่เคยเห็นอะไรเลย “มันอันตราย”

“ก็ปกป้องฉันสิ จะไปยากอะไร”

ทำท่าเบี่ยงไหล่ นวดต้นแขนอีกนิดหน่อย ไม่ให้ทางทีมงานรู้ว่าเธอกำลังเจรจาอยู่กับภูต ติดไมค์ให้เรียบร้อย ชูนิ้วโป้งขึ้นส่งสัญญาณให้ทีมงานว่าเธอพร้อม พุทธาคอยสังเกตการณ์อยู่ไม่ห่าง จะได้เข้าชาร์ตได้เสมอหากเกิดเรื่องไม่คาดคิด

“ตอนนี้เราพบสิ่งผิดปกติค่ะ ก่อนหน้าที่จะเดินออกมา จากจอมอนิเตอร์เราพบว่ามีบางสิ่งอยู่ตรงนั้น...อ้าว” สมิตานันรีบวิ่งไปยังบริเวณชั้นหินสูงหลายก้อนที่ลงไปในทะเลพอสมควร ยิ่งน้ำกำลังขึ้นสูง ทำให้การจะปีนขึ้นไปบนหินเป็นไปด้วยความยากลำบาก

วิชาวิ่งตามมาในระยะไม่ไกลกัน จัดการตั้งกล้องหาสิ่งที่หายไปต่อหน้าต่อตา “เมื่อครู่ตรงนี้นะคะ” นิ้วยาวชี้ไปทางโขดหินสูงตั้งอยู่ในทะเล “ทุกคนในกองถ่ายพบว่ามีผู้หญิงผมยาวยืนอยู่ คาดว่าน่าจะเป็นดวงวิญญาณที่ใครต่อใครกล่าวถึงกัน อยากพิสูจน์กว่านี้ต้องปีนขึ้นไปค่ะ”

หญิงสาวเริ่มปีนขึ้นโขดหิน ถึงทุลักทุเลบ้าง และขาสองข้างต้องไปอยู่ในน้ำทะเลก่อนขึ้นปีนได้ คนที่ลุยมานักต่อนัก บางเทปสบายแค่ขุดคุ้ยหาความจริงของสิ่งลี้ลับบางสิ่ง เช่น กุมารทอง เหล็กไหล แต่ถ้าเป็นเรื่องสืบหาความจริงแบบนี้ สมิตานันก็ต้องลุยเองตลอด

มือเกาะโขดหิน ยืนขึ้นไปได้ หันกลับมาอีกทีวิชายืนอยู่บนฝั่งตาค้าง ไม่ได้จับอยู่ที่เลนส์กล้อง สมิตานันเลื่อนสายตาไปยังกองถ่ายคนอื่นๆ ในทีม ทุกคนวิ่งมายืนริมหาดหน้าตาตื่น จู่ๆ น้ำในทะเลขึ้นสูงจนไม่มีใครปีนขึ้นมาได้ เท่ากับยามนี้หญิงสาวโดนตัดขาดชั่วคราวจากฝั่ง

ไอเย็นยะเยือกลอยวนอยู่ด้านหลัง มือทั้งสองข้างเย็นเฉียบกุมกระชับกันเองเพื่อให้ตัวเองเข้มแข็งไว้ ห้ามสติแตก หรือเป็นลมเด็ดขาด เธอจะไม่ยอมให้อะไรน่ากลัวผ่านมายืมร่างเธออีกเป็นครั้งที่สอง

หันกลับไป ผู้หญิงหน้าซีดจนเส้นเลือดเขียวขึ้นจ่อประชิดหน้าเธอจนน่าขนลุก ชุดสีขาวพลิ้วที่เห็นมีสาหร่ายขึ้นแซมบ้าง และที่น่ากลัวกว่าสิ่งอื่นใด ผมยาวของเจ้าหล่อนกำลังยาวมากขึ้น และเริ่มเลื้อยมายังร่างของเธอ

“แก อยากจะรู้อะไร ก็ต้องตายก่อน!”

เส้นผมยาวสีดำพันรัดข้อเท้าของสมิตานันแน่น ทั้งที่พยายามเคลื่อนตัวหนี แต่เธอสู้แรงเหนือธรรมชาตินี้ไม่ได้ หญิงสาวพยายามใจเย็น ในใจเริ่มสวดมนต์ คิดถึงคุณพระรัตนตรัย คิดถึงความดี ความบริสุทธิ์ของศาสนา และสิ่งสุดท้ายที่เผลอกระหวัดถึง...นิมมาน

ไหนบอกจะปกป้องกัน...

“มึงอย่ายุ่ง” เสียงวิญญาณสาวตะโกนลั่นใส่คนบนฝั่ง สมิตานันยามนี้เหมือนดักแด้ที่เริ่มโดนพันร่างด้วยผมแข็ง และน่าสะอิดสะเอียนด้วยกลิ่นเกลือทะเล

“ถึงว่าสิผีบ้าอย่างคุณถึงไปไหนไม่ได้ ตายแล้วก็ยังไม่ไปไหน กลัวตกนรกหรือไงถึงไม่ไปเกิด”

“ปากอย่างนี้อยากตายเร็วนักใช่ไหม” เสียงก้องสะท้อนจนคลื่นลูกใหญ่ซัดฝั่ง ใบหน้าขาวเริ่มเละ เป็นหนอง ดวงตาลึกโปน เพิ่มความสยดสยอง แต่คนโดนขู่เรื่องความตายเลิกกลัวเสียแล้ว สภาพตอนนี้เธอก็ไปไหนไม่รอด

ให้ตายง่ายๆ ก็ไม่ยอม แต่ถ้าไม่ได้ด่าผีบ้าตรงหน้าเธอก็ทนไม่ได้

“คุณมันผีทะเลจริงๆ ผีทะเล ยึดติด อาฆาต สร้างความหวาดผวาให้มนุษย์ แม้แต่จะฆ่าคนเป็น”

เส้นผมรัดคอเล็กแน่นขึ้น สมิตานันเริ่มหายใจไม่ออก มือรัดแนบร่าง ขยับอะไรแทบไม่ได้ น้ำตาอยู่ตรงขอบตา ความรู้สึกชาหนึบไปทั้งร่าง หรือเธอต้องตายจริงๆ ด้วยฝีมือผีทะเลตรงหน้า นึกหยันชีวิตเล็กๆ แต่ความหวังไม่ยอมสิ้นสุดลงง่ายๆ

ตัดสินใจโถมตัวหันหลัง ถอยลงจากโขดหินลงทะเล เสียงดังตู้ม และน้ำทะเล กลิ่นเกลือ รสเข็มแสบคอไหลทะลวงจมูก ปาก เผลอสูดลมหายใจเข้าไปเฮือก ยิ่งทำให้สภาพถูกผีรัดคอลำบากมากขึ้น

แรงน้ำทำให้เส้นผมที่รัดร่างเธอเริ่มคลายตัว แต่คราวนี้มือเย็นเฉียบของผู้หญิงผิวซีดพุ่งตรงมาบีบรัดคอเธอ ดวงตาแดงวาวโรจน์ เหมือนเธอไปทำให้เจ้าหล่อนเกลียดมาสักชาติก็ไม่ปาน

เธอทำอะไรผิด...สมิตานันเฝ้าถามตัวเองด้วยความสงสัย มือจับยึดโขดหินไว้ ขาตะเกียกตะกายเพื่อให้รู้ว่าเธอยังต้องมีชีวิต หญิงสาวตั้งจิตมั่น ขาที่เป็นอิสระจากเส้นผมจงใจถีบไปข้างหน้าสุดแรง ด้วยความโกรธบ้าง และวิญญาณนั้นเธอสัมผัสได้จริงๆ

อาการหายใจคล่องปอดเกิดขึ้นใต้น้ำ หญิงสาวลองปล่อยตัวให้ลอยน้ำนิ่ง ไม่ตีขา เธอลอยได้ จิตใจดิ่งวูบ เธอไม่สนว่ายามนี้ผีทะเลที่เอาชีวิตเธอเป็นอย่างไร คิดแค่ว่ามนุษย์จริงๆ ทำไม่ได้แบบเธอแน่ แสงประหลาดวาบขึ้นใต้น้ำ สมิตานันหลับตาลง ชั่ววินาทีแรงดึงมหาศาลดูดเธอดำดิ่งสู่บางสิ่ง

ความอุ่นวาบเกิดขึ้นทั่วกาย ภาพมากมายสีขาวสว่างเริ่มเกิดเป็นภาพ ผู้คนมากมายอยู่สองข้างทาง หมอบก้มหน้า แต่งตัวด้วยชุดประหลาด สมิตานันเขม้นตามองสิ่งที่ทุกคนกำลังรอคอย เสลี่ยงสี่คนแบกด้วยชายฉกรรจ์ บนนั้นผู้หญิงสวยสะดุดตา ดวงตาหม่นเศร้า สายตาอาลัยอาวรณ์สองข้างทาง

มันคือการจากลา...สมิตานันอ่านแววตาจากบุคคลที่มีใบหน้าละม้ายคล้ายเธอยิ่งกว่าพิมพ์เดียวกัน ในใจเต้นรัวด้วยความตระหนก เสียงร่ำไห้ของผู้คนดังบาดลึกจิตใจคนที่ไม่รู้เรื่องราวอย่างเธอ น้ำตาอุ่นไหลลงอาบแก้มสุดจะกลั้น

มันเกิดอะไรขึ้น...หรือเธอตายไปแล้ว

เบื้องหลังของชายคนหนึ่งเดินมาหยุดหน้าเสลี่ยง ทะลุผ่านร่างของสมิตานันไป หญิงสาวจับจ้องเหตุการณ์ตรงหน้าไม่วางตา เสียงอันคุ้นเคยเอ่ยชื่อนั้นได้หวานลึกล้ำ เหมือนกับกอดเจ้าของชื่อไว้ได้

“สมิตา...ขอบใจในการตัดสินใจของเจ้า”

ผู้ชายร่างใหญ่ชุดผ้าทอสีขาว ชายชุดเป็นลายปักดอกไม้ประหลาด ผินใบหน้ามา และนั่นหัวใจคนมองยิ่งเต้นรัวอย่างตระหนก

พันปี...นี่คือความรักของนิมมานเมื่อพันปี

ใช่ไหม...

อาการหูอื้อ เจ็บหน้าอก หายใจลำบากฉุดดึงภาพทุกอย่างให้สลายไป เสียงดังไอโขลกของตัวเอง สำลักน้ำทะเลออกจากปอดอย่างแรง มันร้าวระบมไปทั้งอก แม้แต่ศีรษะของเธอยังรู้สึกใกล้แตกเป็นเสี่ยงๆ

เสียงสนทนาดังผ่านหูไปมาแบบที่จับใจความไม่ได้ สมิตานันหมดแรงที่จะปรือตาขึ้นมอง ค่อยๆ ปล่อยให้สติดับลง ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่รู้เลยสักนิดว่าได้ทำให้หัวใจของใครบางตนร้อนรนแทบบ้า
..............................................................................
คุณ ใบบัวน่ารัก นิมมานเป็นอะไรได้อีกเยอะ ฮา ตามแต่สถาการณ์จะเอื้ออำนวยค่ะ เป็นพุทธายังเคยมาแล้ว นี่มันพระเอกอะไร
คุณ ปอกะเจา นิมมานจะรู้ใจไหมไม่รู้ แต่เริ่มๆ เอาเรื่องอดีตมาทีละนิดแล้วค่า ปากบอกไม่รัก แต่การกระทำนี่นะ ฮา ส่วนคุณคราม รอดูไปนะคะ ว่าเขาจะเป็นใคร ^^
คุณ นักอ่านเหนียวหนึบ ไว้พาหมอมาให้เกลียดอีกนะคะ ฮา ตอนนี้ยังไม่มีโผล่มา ให้ตี้สู้กับผีทะเลจนเกือบตายอยู่ค่ะ
เดี๋ยวมาเฉลยตอนหน้าว่าเกิดอะไรขึ้นนะคะ
ขอบคุณทุกคนและนักอ่านเงาทุกท่านด้วยค่า ^_^



ปวรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 6 พ.ย. 2556, 00:10:32 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 6 พ.ย. 2556, 00:10:32 น.

จำนวนการเข้าชม : 1410





<< บทที่ 5 : ภูตขี้อิจฉา   บทที่ 7 : กุมารเกเร >>
นักอ่านเหนียวหนึบ 6 พ.ย. 2556, 00:44:56 น.
หืมมมม ผีทะเลเป็นงี้นี่เอง
555


ปอกะเจา 6 พ.ย. 2556, 20:18:46 น.
ผีทะเลรูปแบบใหม่ แหวกแนวดีค่ะ 5555


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account