รักดังฝัน
เขา นิมมาน อดีตชาติเป็นถึงพระยานิมมาน ผู้ที่มีใจปฏิพัทธ์ต่อลูกสาวของศัตรู จนตัวตาย เขาก็พร้อมยกวิญญา แก่ยาใจที่รักสมิตาเพียงผู้เดียว แต่ผ่านมาพันปี นิมมานก็พบว่าความรักของเขาหมดลง ไอ้รักนิรันดร์ไม่มีจริงหรอก “ชาตินี้เจ้าจะแต่งงานกับใครก็ช่าง แต่ก่อนเจ้าจะพบกับไอ้มนุษย์เนื้อคู่ของเจ้า ข้าจะทำให้เจ้ารักข้าให้ได้ก่อน”
เธอ สมิตานัน ผู้หญิงสวย ดำรงตำแหน่งพิธีกรรายการดัง หลอนดีนัก...เดี๋ยวจัดให้ แต่จริงแล้ว คนที่ทำเก่งหน้าจอ แท้จริงกลับกลัวผีขึ้นสมอง ทั้งที่ไม่เคยเจอ แต่พอปุบปับกระหน่ำได้เจอจริง สมิตานันก็อยากให้ทุกอย่างเป็นแค่ฝัน...เอ หรือที่จริงเธอไม่ได้ฝัน
เธอ สมิตานัน ผู้หญิงสวย ดำรงตำแหน่งพิธีกรรายการดัง หลอนดีนัก...เดี๋ยวจัดให้ แต่จริงแล้ว คนที่ทำเก่งหน้าจอ แท้จริงกลับกลัวผีขึ้นสมอง ทั้งที่ไม่เคยเจอ แต่พอปุบปับกระหน่ำได้เจอจริง สมิตานันก็อยากให้ทุกอย่างเป็นแค่ฝัน...เอ หรือที่จริงเธอไม่ได้ฝัน
Tags: หลอนโรแมนติก แฟนตาซี นิมมาน สมิตา
ตอน: บทที่ 7 : กุมารเกเร
เสียงลมหวีดหวิวพัดผ่านร่างกาย ผิวกายราวกับต้องแสงอรุณยามเช้า สมิตานันลืมตาขึ้นมอง ท้องฟ้าสว่างสดใส สีขาวปุยเมฆลอยเอื่อย ละล่องผ่านหน้าไปอย่างแช่มเชื่อง ดวงตามองเหม่อ ในอกด้านซ้ายเธอไมได้ยินเสียงหัวใจเต้น ไม่มีชีวิตอยู่ตรงนั้น
ตายไปแล้วสินะ...
หญิงสาวคิดอย่างทดท้อ มือสัมผัสต้นหญ้าข้างกายที่เธอนอนทับพวกพ้องมันอยู่บางส่วน ดวงตาเศร้าจัด นี่เธอไม่ได้ตายเพราะใคร แต่ตายเพราะผีอย่างนั้นเหรอ
ป่านนี้จะมีกี่คนที่กำลังร่ำไห้กับการจากไปของเธอ
สมิตานันหลับตาลงเพื่อหลบหนีความคิดอันน่าเศร้าสลด จินตนาการว่าเธอกำลังโบยบิน แขนเอื้อมออกสุดตัว มือกำหลวมๆ อยากให้โลกมาอยู่ใต้อุ้งมือของตัวเอง
ปล่อยให้แสงนวลอ่อนของพระอาทิตย์ลามไล้ผิวกาย ริมฝีปากยิ้มน้อยๆ รู้สึกว่ามีบางสิ่งที่มีเท้าเล็กเกาะบนปลายนิ้ว หญิงสาวลืมตาขึ้นมอง พบว่าเป็นผีเสื้อตัวใหญ่กำลังกระพือปีก และบินจากไป
“อยากตายนักหรือไง”
อารมณ์กรุ่นโกรธ มีความไม่พอใจดังชัดอยู่ไม่ห่างกันนัก สมิตานันยันตัวขึ้นอย่างเกียจคร้าน มองผู้ชายที่เธอพบเขาในภาพสุดท้ายก่อนทุกอย่างจะมืดมิด ผู้ชายคนนั้นต่อหน้าเสลี่ยง บัดนี้มีไอยะเยือก และความลึกลับรายรอบตัว กำลังยืนค้ำหัวเธอ
ทำไมเธอพบว่าเขากำลังเสียใจ
“ฉันตายไปแล้ว ไม่กลัวผีหน้าไหนหรอก”
“แต่เจ้าตายไม่ได้” ภูตหนุ่มยอบตัวลงนั่งจนสายตาอยู่ระดับเดียวกัน นิมมานมองคนเชิดคอ มีแววรั้น ทำไมสมิตาตรงหน้าถึงได้บ้า ไม่ได้อ่อนหวาน นิ่มนวล อย่างเจ้านางในอดีต “ข้าไม่ยอมให้เจ้าตาย”
“อย่ามาทำพูดดี ใครกันปล่อยให้ฉันโดนผีทะเลรัดร่างจนตาย”
“ผีทะเลที่เจ้าว่า เป็นภูตของบริเวณนั้น”
“เหมือนท่านหิมพานต์”
“นิมมาน” ใบหน้าคร้ามคมเตือนความจำด้วยชื่อที่ถูกต้อง มองคนจงใจเรียกผิดแล้วเกิดอาการอยากหยุดความช่างหาเรื่องนี้เสียจริง “ขอโทษที่เจ้าต้องเจ็บตัว”
“คนมันถึงคราวจะตายเอาอะไรมารั้งไม่อยู่หรอกค่ะ ฉันเข้าใจ”
ท่าทีปลงๆ ยอมรับความเป็นไปของชีวิตโดยง่าย ทำให้นิมมานรู้สึกโกรธอย่างบอกไม่ถูก สำหรับตนนั้น พยายามเพื่อแลกกับการมีลมหายใจอีกครั้งในรอบหนึ่งพันปี แต่กับสมิตานัน เธอเพียงแค่เข้าใจกับความตาย
ไม่มีอะไรให้ต้องห่วง พะวง หรือคิดถึงอีก
“ขอโทษที่ทำให้เจ้าผิดหวัง...ตราบใดที่ข้ายังอยู่ เจ้าจะไม่มีวันได้ตาย จนกว่าเจ้าจะรักข้า”
คนโดนสั่งให้รักใช้แขนหนุนศีรษะนอนราบกับพื้นหญ้าเขียวเหลืองนุ่มสบายเหมือนเดิม สีหน้าครุ่นคิด ไม่รู้จะตอบโต้เรื่องหมายจะให้เธอรักนี้อย่างไร ในเมื่อภาพบางอย่างที่เธอได้เห็นนั้น สำนึกบอกว่ามันเคยเกิดขึ้นจริง
“เล่าเรื่องพันปีที่แล้วให้ฉันฟังได้ไหมคะ” ดวงตาอยากรู้สบกับบุคคลที่ลงนอนเคียงข้าง
“กลัวว่าถ้าเจ้ารู้ เจ้าจะรักข้าโดยไม่รู้ตัว”
“หลงตัวเองชะมัด” ยื่นปากบ่นอุบ บอกความจริงที่เธออยากรู้ “ฉันเห็นภาพคนบนเสลี่ยงหน้าตาเหมือนฉัน แต่งองค์ทรงเครื่องเหนือกว่าชาวบ้านทั่วไป ว่าแต่สมิตาของท่านตัดสินใจอะไรไปเหรอ”
คำว่าสมิตาของท่านราวกับปัดตัวเองออกจากความเป็นของใครทิ้ง สมิตานันคิดว่าอดีตกับปัจจุบันอย่างไรนั้นก็ไม่มีทางเหมือนกันได้ ไม่ทันได้เห็นประกายตาแดงจ้าอย่างไม่พอใจ
“สมิตา ไม่ว่าเจ้าเกิดอีกกี่ครั้ง เจ้าก็ยังเป็นสมิตาคนเดิม”
“กัดฟันพูดทำไมคะ ฉันทำอะไรให้ไม่พอใจเหรอ หรือเพราะว่าฉันไม่ได้รักท่านเหมือนในอดีต”
“อย่าพูดดูถูกกับเรื่องอดีต สำหรับข้ามันเป็นเรื่องที่สำคัญเสมอ” นิมมานดวงตาสีดำพลันแดงก่ำ สมิตานันจากเคยกลัวเขาจนหัวหด เพียงแค่ถอนหายใจ ยอมรับว่าเธอมองเขาไม่ต่างจากมนุษย์คนหนึ่ง
“ถ้าไม่อยากให้ยุ่งเรื่องอดีตของท่าน ท่านก็เลิกยุ่งกับชีวิตปัจจุบันของฉันเสียที ต่างคนต่างเลิกแล้วต่อกัน ต่างคนต่างอยู่ ส่วนเรื่องการช่วยชีวิตของฉัน ฉันขอบคุณท่านมากๆ”
“ไม่มีทาง”
“เอ๊ะ!” เด้งตัวลุกขึ้นยืน เท้าสะเอวเหนือดวงวิญญาณที่มีอิทธิฤทธิ์นานนับพันปีด้วยความไม่พอใจเช่นกัน “จะเอาอะไรกับฉันนักหนาคะ เอาอย่างนี้...ฉันรักท่าน รักท่านนิมมานมาก รักๆๆ”
มือเย็นเฉียบปิดปากสมิตานันไว้แน่น กระแสเย็นเฉียบลามเลีย เกาะกินจิตใจ แขนเกี่ยวเอวบางไว้ ดึงเข้าหาตัว “อย่าเอามาพูดพร่ำเพรื่อ ถ้าใจของเจ้าไม่รู้สึก วันที่ข้าเป็นอิสระ ต่อให้วันนั้นเจ้าไม่พูด ข้าจะรับรู้ได้ ว่าเจ้า...รัก”
คำว่ารักในคำสุดท้ายนั้นสั่นจิตใจของสมิตานันอย่างรุนแรง ถึงเธอสัมผัสการเต้นของหัวใจไมได้ แต่อาการวูบไหวในช่องอก และความรู้สึกอุ่นภายในพานให้เธอเคลื่อนสายตาหลีกหนีจากเขาไม่ได้สักวินาที ดวงตาจริงจัง ราวกับจะถ่ายทอดคำสำคัญให้เธอรู้
เธอเกือบหลงละเมอกับความรู้สึกที่ได้เดินท่ามกลางทุ่งดอกไม้นี้ ถ้าเพียงแต่คนที่นิมมานรู้สึกรัก...ไม่ใช่คนตรงหน้าเขาในยามนี้...จับมือที่เขาปิดปากออก รู้สึกห่อเหี่ยวอย่างช่วยไม่ได้ มันน่าดีใจที่มีใครรอรับความรัก แต่มันก็น่าเสียใจที่ความรักนั้นไม่ได้เกิดมาเพื่อเรา
“ฉันกับเขาต่อให้หน้าตาเหมือนกัน จิตวิญญาณเดียวกัน แต่ความทรงจำ ความรู้สึก การเติบโตขึ้นมาไม่เหมือนกัน ฉันกับเขาก็เหมือนคนละคน คนที่ท่านรักคือสมิตา ท่านควรไปเรียกร้องความรักจากสมิตา ไม่ใช่สมิตานัน”
“สมิตา”
“ฉันชื่อสมิตานัน ไม่ใช่สมิตา จะเรียกว่าตี้ก็ได้นะคะ” เลิกคิ้วยียวน ลบเลือนความรู้สึกไม่น่าอภิรมย์ออกไป รู้แน่ว่าไม่มีทางที่ภูตจอมหยิ่งจะเรียกเธอได้ตามที่พูดแน่นอน
คนยึดติดกับอดีตอย่างเขาไม่มีวันเปลี่ยนแปลงความคิดได้หรอก...
“เบื่อหน้าท่านแล้ว ปล่อยให้ฉันตื่นได้หรือยัง” รอยยิ้มแต้มหวาน ไล่มองผีเสื้อสีดำเขลือบน้ำเงินพาดลายสวยสะดุดตา บินวนกลับมาแตะบนปลายนิ้วของเธอ เลิกสนใจบุคคลที่ยังรั้งเอวเธอไว้ ตอนนี้สมิตานันก็ได้แต่รอว่าเขาจะปล่อยให้เธอกลับไปสู้ชีวิตจริงเมื่อไหร่
“เจ้ายังต้องเจอข้าไปอีกนาน...ตี้”
ใบหน้าสวยหันกลับมาจ้องมองดวงตาลึกล้ำที่อยู่ใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ปาก และคำถามที่ตั้งใจถามมากมายถูกเก็บซ่อนลงคอไว้จนหมด สัมผัสเย็น แต่ซ่อนความร้อนแตะหน้าผากของเธอเพียงแผ่วเบา ชื่อเรียกของเธอจากปากเขาดังย้ำในหัวของเธอ
อาการถูกปล่อยลงจากที่สูง ความมืดมิดเคลื่อนวนไปมาตรงหน้าจนน่าเวียนหัว อาการปวดหัวหนัก หายใจครั้งหนึ่งก็เจ็บร้าว ไม่ได้คล่องปอด
กลับมาแล้ว...การมีชีวิตอีกครั้ง
มันทำให้เธออยากรู้ว่าเกิดอะไรในอดีต และเธอจะได้รู้ไหม มันไม่ได้ค้นหาได้ง่ายๆ เหมือนเหตุการณ์สักร้อยปี ไม่ง่ายเลยจริงๆ
“ตี้”
และความวุ่นวายในห้องพักเล็กๆ ของโรงพยาบาลก็ทำให้หญิงสาวลืมคิดเรื่องในอดีตไปได้ชั่วคราว คนที่อยู่ใกล้ตัวเธอสุด และไม่คาดคิดว่าจะมา เสียงแหบแห้ง ติดอ่อนระโหย เรียกเพื่อนรักแผ่วเบา
“มาได้ยังไงมิลัน”
“พุทโทรไปบอกฉัน บอกว่าตี้ตกน้ำหัวกระแทกโขดหิน แล้วก็จมน้ำ”
“อะไรนะ” สำรวจบริเวณหัว เพียงแค่ย่นหน้า อาการเจ็บแปลบแล่นปราด จนภาพตรงหน้าพร่ามัวชั่วคราว เธอพอจำได้แล้วว่าทำไมพอลงน้ำเธอถึงจัดการถีบภูตดูแลทะเลนั่นไปได้ เพราะเธอก็คงเป็นวิญญาณที่หลุดจากร่างออกมาเหมือนกัน “ใครช่วยฉัน”
“พุทเป็นคนไปเอาร่างตี้ขึ้นมาจากน้ำ ตอนนั้นกองถ่ายเรามัวแต่รวมตุ๊ดกันอยู่ สติแตกกันเป็นแถว” กมลเหยียดปากใส่ผู้กำกับกับตากล้อง ยกพัดโบกไปมาด้วยความสบายใจมากขึ้น
“พุท ขอบคุณนะ”
“ไม่ใช่ผมหรอกที่ช่วยพี่ตี้...ผมว่าพี่ตี้อาจจะรู้ว่าใคร”
สมิตานันงงกับคำบอกเล่าของพุทธา เด็กหนุ่มรุ่นน้องพยักหน้าเพียงนิดไปทางปลายเตียง รอยยิ้มนิดหนึ่งจุดวาบมุมปาก เหมือนบอกใบ้ทุกๆ อย่างให้เธอรับรู้...หรือล้อเลียนก็ไม่ทราบได้
หญิงสาวกลอกตาหน่ายเพียงนิด เผชิญหน้ากับสิ่งที่คาดว่าจะต้องพบ หนึ่งตนยืนทำหน้าถมึงทึงจ้องเธอด้วยความไม่พอใจ สมิตานันทำเป็นมองเลยผ่าน ไม่สนใจ เพราะใจกระหวัดว่าใครอีกคนนั้นมาถึงที่นี่ได้อย่างไรกัน
“หมอธีมาได้ยังไงคะ”
ธนิทธิมองหน้าสวยกับรอยยิ้มซีดเซียวด้วยความกังวลไม่หาย และคำตอบของชายหนุ่มก็พานให้มีบางสิ่งเหนือธรรมชาติพัดพากระเช้าดอกไม้ที่คุณสัตวแพทย์ตั้งใจเอามาเยี่ยมล้มคว่ำกระจายบนพื้น
“ผมเป็นห่วงคุณตี้ครับ”
ภูตหนุ่มดวงตาแดงก่ำ ไม่รู้ว่าตัวเองจะโกรธ หงุดหงิดกับการพบหน้าธนิทธิได้มากขนาดนี้ จะกี่ภพกี่ชาติ สมิตานันอยู่ที่ไหน เจ้านี่ก็ยังตามมาเจอ มาพบได้ไม่เว้น
พื้นที่ส่วนตัวของนิมมานที่เขาสร้างสรรค์ได้ตามใจ แปรเปลี่ยนเป็นความดำทะมึน เงียบงัน
ผีเสื้อตัวเดิมบินมาช้าๆ ก่อนแปรเปลี่ยนร่างเป็นคราม ยมทูตที่จัดการเก็บดวงวิญญาณภูตผู้หญิงที่ทำร้ายมนุษย์ไปจัดการลงโทษ
“ฬาฬีชักจะควบคุมได้ยาก นี่ถึงกับเอาอำนาจบาตรใหญ่มาล่อหลอกภูตปลายแถวให้หลงเชื่อ ท่านจะปล่อยนางไปอย่างนี้ถึงเมื่อไหร่”
“บางครั้งโชคชะตาเองก็ไม่ได้อยู่ข้างข้ามานานแล้วมิใช่หรือ ทุกชาติข้าถึงต้องทนมองสมิตาอยู่ฝ่ายเดียวเรื่อยมา”
“นี่ท่านอยากเกิด หรืออยากได้ความรักจากสมิตากัน ท่านนิมมาน”
นิมมานไม่ตอบ แต่มองความมืดรอบกายที่เป็นของคู่กายตนสายตาว่างเปล่า “สิ่งที่ข้าต้องการ คงเป็นแสงสว่าง”
“อย่างเช่นความรัก”
“ท่านก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ ข้าเองก็เลิกคิดถึงมันมานานแล้ว”
“แม้กระทั่งตอนนี้ด้วยสินะ...ที่ความหวังดูคล้ายจะมีโอกาสเกิดขึ้น ไม่อย่างนั้นท่านคงไม่ทุ่มสุดตัว”
วาจาราวกับมานั่งอยู่ในใจนิมมาน คนที่เป็นภูตอยู่น้อยปีกว่าครามซึ่งกลายเป็นยมทูต คอยดูแลความเรียบร้อยของดวงวิญญาณทั้งหลายหัวเราะในลำคอ
“เป็นภูต แต่แสดงตัวเยี่ยงมนุษย์ไม่ได้นี่ลำบากนะว่าไหม” ครามไม่พูดเปล่า ดึงบรรยากาศดำทึบทึมสู่ห้องพักพิเศษของผู้ป่วย ซึ่งบัดนี้มีคุณหมอรักษาสัตว์ อยู่กับสมิตานันเพียงแค่สองคน
เสียงของหล่นกระจายตอบรับคนมาถึงอีกครั้ง สมิตานันเพียงแค่ยิ้มเย็น ปลอบใจคุณหมอแว่นไม่ให้มองหาที่มาที่ไป
“รับได้ไหมคะหมอธี ถ้าการอยู่ใกล้ๆ ฉัน จะมีพวกกุมารเกเรมาคอยสร้างความรำคาญเรื่อยๆ แบบนี้”
ธนิทธิ ส่ายหน้าบอก สมิตานันกำลังจะรับรู้ว่าเขารับไม่ได้ “ผมเองก็อยากทดสอบจิตของผมเหมือนกันครับว่าแข็งแรงแค่ไหน”
หญิงสาวหัวเราะด้วยความลำบาก อาการเจ็บทางกายยังไม่หาย แต่ในใจนึกตอบโต้ด้วยมั่นใจว่าใครอีกตนได้ยินความคิดเธออย่างแน่นอน
งานนี้การพิชิตความรักของฉันคงไม่ง่ายแล้วล่ะท่านหิมพานต์...
...........................................................................
คุณ นักอ่านเหนียวหนึบ เป็นผีทะเลที่นิยามคำเรียกขึ้นมาใหม่ค่ะ ฮา พาหิมพานต์ เอ๊ย ท่านนิมมานมาแสดงฤทธิ์เล็กน้อย
คุณ ปอกะเจา ผีทะเลจบไป ผีไหนมาอีกรอปวรานิยามค่ะ ฮา พายมทูตครามมาทำหล่ออีกค่ะ นิมมาน่าหมั่นไส้นิดๆ ฮา
ขอบคุณทั้งสองคน และนักอ่านเงาทุกท่านมากๆ นะคะ ^^
ตายไปแล้วสินะ...
หญิงสาวคิดอย่างทดท้อ มือสัมผัสต้นหญ้าข้างกายที่เธอนอนทับพวกพ้องมันอยู่บางส่วน ดวงตาเศร้าจัด นี่เธอไม่ได้ตายเพราะใคร แต่ตายเพราะผีอย่างนั้นเหรอ
ป่านนี้จะมีกี่คนที่กำลังร่ำไห้กับการจากไปของเธอ
สมิตานันหลับตาลงเพื่อหลบหนีความคิดอันน่าเศร้าสลด จินตนาการว่าเธอกำลังโบยบิน แขนเอื้อมออกสุดตัว มือกำหลวมๆ อยากให้โลกมาอยู่ใต้อุ้งมือของตัวเอง
ปล่อยให้แสงนวลอ่อนของพระอาทิตย์ลามไล้ผิวกาย ริมฝีปากยิ้มน้อยๆ รู้สึกว่ามีบางสิ่งที่มีเท้าเล็กเกาะบนปลายนิ้ว หญิงสาวลืมตาขึ้นมอง พบว่าเป็นผีเสื้อตัวใหญ่กำลังกระพือปีก และบินจากไป
“อยากตายนักหรือไง”
อารมณ์กรุ่นโกรธ มีความไม่พอใจดังชัดอยู่ไม่ห่างกันนัก สมิตานันยันตัวขึ้นอย่างเกียจคร้าน มองผู้ชายที่เธอพบเขาในภาพสุดท้ายก่อนทุกอย่างจะมืดมิด ผู้ชายคนนั้นต่อหน้าเสลี่ยง บัดนี้มีไอยะเยือก และความลึกลับรายรอบตัว กำลังยืนค้ำหัวเธอ
ทำไมเธอพบว่าเขากำลังเสียใจ
“ฉันตายไปแล้ว ไม่กลัวผีหน้าไหนหรอก”
“แต่เจ้าตายไม่ได้” ภูตหนุ่มยอบตัวลงนั่งจนสายตาอยู่ระดับเดียวกัน นิมมานมองคนเชิดคอ มีแววรั้น ทำไมสมิตาตรงหน้าถึงได้บ้า ไม่ได้อ่อนหวาน นิ่มนวล อย่างเจ้านางในอดีต “ข้าไม่ยอมให้เจ้าตาย”
“อย่ามาทำพูดดี ใครกันปล่อยให้ฉันโดนผีทะเลรัดร่างจนตาย”
“ผีทะเลที่เจ้าว่า เป็นภูตของบริเวณนั้น”
“เหมือนท่านหิมพานต์”
“นิมมาน” ใบหน้าคร้ามคมเตือนความจำด้วยชื่อที่ถูกต้อง มองคนจงใจเรียกผิดแล้วเกิดอาการอยากหยุดความช่างหาเรื่องนี้เสียจริง “ขอโทษที่เจ้าต้องเจ็บตัว”
“คนมันถึงคราวจะตายเอาอะไรมารั้งไม่อยู่หรอกค่ะ ฉันเข้าใจ”
ท่าทีปลงๆ ยอมรับความเป็นไปของชีวิตโดยง่าย ทำให้นิมมานรู้สึกโกรธอย่างบอกไม่ถูก สำหรับตนนั้น พยายามเพื่อแลกกับการมีลมหายใจอีกครั้งในรอบหนึ่งพันปี แต่กับสมิตานัน เธอเพียงแค่เข้าใจกับความตาย
ไม่มีอะไรให้ต้องห่วง พะวง หรือคิดถึงอีก
“ขอโทษที่ทำให้เจ้าผิดหวัง...ตราบใดที่ข้ายังอยู่ เจ้าจะไม่มีวันได้ตาย จนกว่าเจ้าจะรักข้า”
คนโดนสั่งให้รักใช้แขนหนุนศีรษะนอนราบกับพื้นหญ้าเขียวเหลืองนุ่มสบายเหมือนเดิม สีหน้าครุ่นคิด ไม่รู้จะตอบโต้เรื่องหมายจะให้เธอรักนี้อย่างไร ในเมื่อภาพบางอย่างที่เธอได้เห็นนั้น สำนึกบอกว่ามันเคยเกิดขึ้นจริง
“เล่าเรื่องพันปีที่แล้วให้ฉันฟังได้ไหมคะ” ดวงตาอยากรู้สบกับบุคคลที่ลงนอนเคียงข้าง
“กลัวว่าถ้าเจ้ารู้ เจ้าจะรักข้าโดยไม่รู้ตัว”
“หลงตัวเองชะมัด” ยื่นปากบ่นอุบ บอกความจริงที่เธออยากรู้ “ฉันเห็นภาพคนบนเสลี่ยงหน้าตาเหมือนฉัน แต่งองค์ทรงเครื่องเหนือกว่าชาวบ้านทั่วไป ว่าแต่สมิตาของท่านตัดสินใจอะไรไปเหรอ”
คำว่าสมิตาของท่านราวกับปัดตัวเองออกจากความเป็นของใครทิ้ง สมิตานันคิดว่าอดีตกับปัจจุบันอย่างไรนั้นก็ไม่มีทางเหมือนกันได้ ไม่ทันได้เห็นประกายตาแดงจ้าอย่างไม่พอใจ
“สมิตา ไม่ว่าเจ้าเกิดอีกกี่ครั้ง เจ้าก็ยังเป็นสมิตาคนเดิม”
“กัดฟันพูดทำไมคะ ฉันทำอะไรให้ไม่พอใจเหรอ หรือเพราะว่าฉันไม่ได้รักท่านเหมือนในอดีต”
“อย่าพูดดูถูกกับเรื่องอดีต สำหรับข้ามันเป็นเรื่องที่สำคัญเสมอ” นิมมานดวงตาสีดำพลันแดงก่ำ สมิตานันจากเคยกลัวเขาจนหัวหด เพียงแค่ถอนหายใจ ยอมรับว่าเธอมองเขาไม่ต่างจากมนุษย์คนหนึ่ง
“ถ้าไม่อยากให้ยุ่งเรื่องอดีตของท่าน ท่านก็เลิกยุ่งกับชีวิตปัจจุบันของฉันเสียที ต่างคนต่างเลิกแล้วต่อกัน ต่างคนต่างอยู่ ส่วนเรื่องการช่วยชีวิตของฉัน ฉันขอบคุณท่านมากๆ”
“ไม่มีทาง”
“เอ๊ะ!” เด้งตัวลุกขึ้นยืน เท้าสะเอวเหนือดวงวิญญาณที่มีอิทธิฤทธิ์นานนับพันปีด้วยความไม่พอใจเช่นกัน “จะเอาอะไรกับฉันนักหนาคะ เอาอย่างนี้...ฉันรักท่าน รักท่านนิมมานมาก รักๆๆ”
มือเย็นเฉียบปิดปากสมิตานันไว้แน่น กระแสเย็นเฉียบลามเลีย เกาะกินจิตใจ แขนเกี่ยวเอวบางไว้ ดึงเข้าหาตัว “อย่าเอามาพูดพร่ำเพรื่อ ถ้าใจของเจ้าไม่รู้สึก วันที่ข้าเป็นอิสระ ต่อให้วันนั้นเจ้าไม่พูด ข้าจะรับรู้ได้ ว่าเจ้า...รัก”
คำว่ารักในคำสุดท้ายนั้นสั่นจิตใจของสมิตานันอย่างรุนแรง ถึงเธอสัมผัสการเต้นของหัวใจไมได้ แต่อาการวูบไหวในช่องอก และความรู้สึกอุ่นภายในพานให้เธอเคลื่อนสายตาหลีกหนีจากเขาไม่ได้สักวินาที ดวงตาจริงจัง ราวกับจะถ่ายทอดคำสำคัญให้เธอรู้
เธอเกือบหลงละเมอกับความรู้สึกที่ได้เดินท่ามกลางทุ่งดอกไม้นี้ ถ้าเพียงแต่คนที่นิมมานรู้สึกรัก...ไม่ใช่คนตรงหน้าเขาในยามนี้...จับมือที่เขาปิดปากออก รู้สึกห่อเหี่ยวอย่างช่วยไม่ได้ มันน่าดีใจที่มีใครรอรับความรัก แต่มันก็น่าเสียใจที่ความรักนั้นไม่ได้เกิดมาเพื่อเรา
“ฉันกับเขาต่อให้หน้าตาเหมือนกัน จิตวิญญาณเดียวกัน แต่ความทรงจำ ความรู้สึก การเติบโตขึ้นมาไม่เหมือนกัน ฉันกับเขาก็เหมือนคนละคน คนที่ท่านรักคือสมิตา ท่านควรไปเรียกร้องความรักจากสมิตา ไม่ใช่สมิตานัน”
“สมิตา”
“ฉันชื่อสมิตานัน ไม่ใช่สมิตา จะเรียกว่าตี้ก็ได้นะคะ” เลิกคิ้วยียวน ลบเลือนความรู้สึกไม่น่าอภิรมย์ออกไป รู้แน่ว่าไม่มีทางที่ภูตจอมหยิ่งจะเรียกเธอได้ตามที่พูดแน่นอน
คนยึดติดกับอดีตอย่างเขาไม่มีวันเปลี่ยนแปลงความคิดได้หรอก...
“เบื่อหน้าท่านแล้ว ปล่อยให้ฉันตื่นได้หรือยัง” รอยยิ้มแต้มหวาน ไล่มองผีเสื้อสีดำเขลือบน้ำเงินพาดลายสวยสะดุดตา บินวนกลับมาแตะบนปลายนิ้วของเธอ เลิกสนใจบุคคลที่ยังรั้งเอวเธอไว้ ตอนนี้สมิตานันก็ได้แต่รอว่าเขาจะปล่อยให้เธอกลับไปสู้ชีวิตจริงเมื่อไหร่
“เจ้ายังต้องเจอข้าไปอีกนาน...ตี้”
ใบหน้าสวยหันกลับมาจ้องมองดวงตาลึกล้ำที่อยู่ใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ปาก และคำถามที่ตั้งใจถามมากมายถูกเก็บซ่อนลงคอไว้จนหมด สัมผัสเย็น แต่ซ่อนความร้อนแตะหน้าผากของเธอเพียงแผ่วเบา ชื่อเรียกของเธอจากปากเขาดังย้ำในหัวของเธอ
อาการถูกปล่อยลงจากที่สูง ความมืดมิดเคลื่อนวนไปมาตรงหน้าจนน่าเวียนหัว อาการปวดหัวหนัก หายใจครั้งหนึ่งก็เจ็บร้าว ไม่ได้คล่องปอด
กลับมาแล้ว...การมีชีวิตอีกครั้ง
มันทำให้เธออยากรู้ว่าเกิดอะไรในอดีต และเธอจะได้รู้ไหม มันไม่ได้ค้นหาได้ง่ายๆ เหมือนเหตุการณ์สักร้อยปี ไม่ง่ายเลยจริงๆ
“ตี้”
และความวุ่นวายในห้องพักเล็กๆ ของโรงพยาบาลก็ทำให้หญิงสาวลืมคิดเรื่องในอดีตไปได้ชั่วคราว คนที่อยู่ใกล้ตัวเธอสุด และไม่คาดคิดว่าจะมา เสียงแหบแห้ง ติดอ่อนระโหย เรียกเพื่อนรักแผ่วเบา
“มาได้ยังไงมิลัน”
“พุทโทรไปบอกฉัน บอกว่าตี้ตกน้ำหัวกระแทกโขดหิน แล้วก็จมน้ำ”
“อะไรนะ” สำรวจบริเวณหัว เพียงแค่ย่นหน้า อาการเจ็บแปลบแล่นปราด จนภาพตรงหน้าพร่ามัวชั่วคราว เธอพอจำได้แล้วว่าทำไมพอลงน้ำเธอถึงจัดการถีบภูตดูแลทะเลนั่นไปได้ เพราะเธอก็คงเป็นวิญญาณที่หลุดจากร่างออกมาเหมือนกัน “ใครช่วยฉัน”
“พุทเป็นคนไปเอาร่างตี้ขึ้นมาจากน้ำ ตอนนั้นกองถ่ายเรามัวแต่รวมตุ๊ดกันอยู่ สติแตกกันเป็นแถว” กมลเหยียดปากใส่ผู้กำกับกับตากล้อง ยกพัดโบกไปมาด้วยความสบายใจมากขึ้น
“พุท ขอบคุณนะ”
“ไม่ใช่ผมหรอกที่ช่วยพี่ตี้...ผมว่าพี่ตี้อาจจะรู้ว่าใคร”
สมิตานันงงกับคำบอกเล่าของพุทธา เด็กหนุ่มรุ่นน้องพยักหน้าเพียงนิดไปทางปลายเตียง รอยยิ้มนิดหนึ่งจุดวาบมุมปาก เหมือนบอกใบ้ทุกๆ อย่างให้เธอรับรู้...หรือล้อเลียนก็ไม่ทราบได้
หญิงสาวกลอกตาหน่ายเพียงนิด เผชิญหน้ากับสิ่งที่คาดว่าจะต้องพบ หนึ่งตนยืนทำหน้าถมึงทึงจ้องเธอด้วยความไม่พอใจ สมิตานันทำเป็นมองเลยผ่าน ไม่สนใจ เพราะใจกระหวัดว่าใครอีกคนนั้นมาถึงที่นี่ได้อย่างไรกัน
“หมอธีมาได้ยังไงคะ”
ธนิทธิมองหน้าสวยกับรอยยิ้มซีดเซียวด้วยความกังวลไม่หาย และคำตอบของชายหนุ่มก็พานให้มีบางสิ่งเหนือธรรมชาติพัดพากระเช้าดอกไม้ที่คุณสัตวแพทย์ตั้งใจเอามาเยี่ยมล้มคว่ำกระจายบนพื้น
“ผมเป็นห่วงคุณตี้ครับ”
ภูตหนุ่มดวงตาแดงก่ำ ไม่รู้ว่าตัวเองจะโกรธ หงุดหงิดกับการพบหน้าธนิทธิได้มากขนาดนี้ จะกี่ภพกี่ชาติ สมิตานันอยู่ที่ไหน เจ้านี่ก็ยังตามมาเจอ มาพบได้ไม่เว้น
พื้นที่ส่วนตัวของนิมมานที่เขาสร้างสรรค์ได้ตามใจ แปรเปลี่ยนเป็นความดำทะมึน เงียบงัน
ผีเสื้อตัวเดิมบินมาช้าๆ ก่อนแปรเปลี่ยนร่างเป็นคราม ยมทูตที่จัดการเก็บดวงวิญญาณภูตผู้หญิงที่ทำร้ายมนุษย์ไปจัดการลงโทษ
“ฬาฬีชักจะควบคุมได้ยาก นี่ถึงกับเอาอำนาจบาตรใหญ่มาล่อหลอกภูตปลายแถวให้หลงเชื่อ ท่านจะปล่อยนางไปอย่างนี้ถึงเมื่อไหร่”
“บางครั้งโชคชะตาเองก็ไม่ได้อยู่ข้างข้ามานานแล้วมิใช่หรือ ทุกชาติข้าถึงต้องทนมองสมิตาอยู่ฝ่ายเดียวเรื่อยมา”
“นี่ท่านอยากเกิด หรืออยากได้ความรักจากสมิตากัน ท่านนิมมาน”
นิมมานไม่ตอบ แต่มองความมืดรอบกายที่เป็นของคู่กายตนสายตาว่างเปล่า “สิ่งที่ข้าต้องการ คงเป็นแสงสว่าง”
“อย่างเช่นความรัก”
“ท่านก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ ข้าเองก็เลิกคิดถึงมันมานานแล้ว”
“แม้กระทั่งตอนนี้ด้วยสินะ...ที่ความหวังดูคล้ายจะมีโอกาสเกิดขึ้น ไม่อย่างนั้นท่านคงไม่ทุ่มสุดตัว”
วาจาราวกับมานั่งอยู่ในใจนิมมาน คนที่เป็นภูตอยู่น้อยปีกว่าครามซึ่งกลายเป็นยมทูต คอยดูแลความเรียบร้อยของดวงวิญญาณทั้งหลายหัวเราะในลำคอ
“เป็นภูต แต่แสดงตัวเยี่ยงมนุษย์ไม่ได้นี่ลำบากนะว่าไหม” ครามไม่พูดเปล่า ดึงบรรยากาศดำทึบทึมสู่ห้องพักพิเศษของผู้ป่วย ซึ่งบัดนี้มีคุณหมอรักษาสัตว์ อยู่กับสมิตานันเพียงแค่สองคน
เสียงของหล่นกระจายตอบรับคนมาถึงอีกครั้ง สมิตานันเพียงแค่ยิ้มเย็น ปลอบใจคุณหมอแว่นไม่ให้มองหาที่มาที่ไป
“รับได้ไหมคะหมอธี ถ้าการอยู่ใกล้ๆ ฉัน จะมีพวกกุมารเกเรมาคอยสร้างความรำคาญเรื่อยๆ แบบนี้”
ธนิทธิ ส่ายหน้าบอก สมิตานันกำลังจะรับรู้ว่าเขารับไม่ได้ “ผมเองก็อยากทดสอบจิตของผมเหมือนกันครับว่าแข็งแรงแค่ไหน”
หญิงสาวหัวเราะด้วยความลำบาก อาการเจ็บทางกายยังไม่หาย แต่ในใจนึกตอบโต้ด้วยมั่นใจว่าใครอีกตนได้ยินความคิดเธออย่างแน่นอน
งานนี้การพิชิตความรักของฉันคงไม่ง่ายแล้วล่ะท่านหิมพานต์...
...........................................................................
คุณ นักอ่านเหนียวหนึบ เป็นผีทะเลที่นิยามคำเรียกขึ้นมาใหม่ค่ะ ฮา พาหิมพานต์ เอ๊ย ท่านนิมมานมาแสดงฤทธิ์เล็กน้อย
คุณ ปอกะเจา ผีทะเลจบไป ผีไหนมาอีกรอปวรานิยามค่ะ ฮา พายมทูตครามมาทำหล่ออีกค่ะ นิมมาน่าหมั่นไส้นิดๆ ฮา
ขอบคุณทั้งสองคน และนักอ่านเงาทุกท่านมากๆ นะคะ ^^

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 7 พ.ย. 2556, 01:32:09 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 7 พ.ย. 2556, 01:32:09 น.
จำนวนการเข้าชม : 1423
<< บทที่ 6 : ผีทะเล | บทที่ 8 : นิมมาน >> |

นักอ่านเหนียวหนึบ 7 พ.ย. 2556, 03:10:26 น.
อยากให้พี่หิมพานต์ เอ้ยท่านนิมมาน มีร่างคนจริงๆ
ยัยลีลา นี่ป่วนได้ตลอดศกนะ เมื่อไหร่นางจะเหนื่อยกับการตามล่าความรักจากผู้ชายซักที !!!!(แอบอิน มะกี้นั่งดูย้อนหลังต้นรักริมรั้วแล้วรู้สึกว่ายัยลีลานี่เหมือนแตงกวาเยย)
อยากให้พี่หิมพานต์ เอ้ยท่านนิมมาน มีร่างคนจริงๆ
ยัยลีลา นี่ป่วนได้ตลอดศกนะ เมื่อไหร่นางจะเหนื่อยกับการตามล่าความรักจากผู้ชายซักที !!!!(แอบอิน มะกี้นั่งดูย้อนหลังต้นรักริมรั้วแล้วรู้สึกว่ายัยลีลานี่เหมือนแตงกวาเยย)


ปอกะเจา 7 พ.ย. 2556, 07:20:41 น.
ความคิดสวนกันไปคนละทางเลย ท่านนิมมานต้องจูนคลื่นใหม่ด่วนค่ะ ไม่งั้นหมอธีคาบไปกินแน่ๆ
ความคิดสวนกันไปคนละทางเลย ท่านนิมมานต้องจูนคลื่นใหม่ด่วนค่ะ ไม่งั้นหมอธีคาบไปกินแน่ๆ

รักเร่ 7 พ.ย. 2556, 22:13:33 น.
อยากรู้เรื่องราวในอดีต
อยากรู้เรื่องราวในอดีต