รักดังฝัน
เขา นิมมาน อดีตชาติเป็นถึงพระยานิมมาน ผู้ที่มีใจปฏิพัทธ์ต่อลูกสาวของศัตรู จนตัวตาย เขาก็พร้อมยกวิญญา แก่ยาใจที่รักสมิตาเพียงผู้เดียว แต่ผ่านมาพันปี นิมมานก็พบว่าความรักของเขาหมดลง ไอ้รักนิรันดร์ไม่มีจริงหรอก “ชาตินี้เจ้าจะแต่งงานกับใครก็ช่าง แต่ก่อนเจ้าจะพบกับไอ้มนุษย์เนื้อคู่ของเจ้า ข้าจะทำให้เจ้ารักข้าให้ได้ก่อน”

เธอ สมิตานัน ผู้หญิงสวย ดำรงตำแหน่งพิธีกรรายการดัง หลอนดีนัก...เดี๋ยวจัดให้ แต่จริงแล้ว คนที่ทำเก่งหน้าจอ แท้จริงกลับกลัวผีขึ้นสมอง ทั้งที่ไม่เคยเจอ แต่พอปุบปับกระหน่ำได้เจอจริง สมิตานันก็อยากให้ทุกอย่างเป็นแค่ฝัน...เอ หรือที่จริงเธอไม่ได้ฝัน


Tags: หลอนโรแมนติก แฟนตาซี นิมมาน สมิตา

ตอน: บทที่ 7 : กุมารเกเร

เสียงลมหวีดหวิวพัดผ่านร่างกาย ผิวกายราวกับต้องแสงอรุณยามเช้า สมิตานันลืมตาขึ้นมอง ท้องฟ้าสว่างสดใส สีขาวปุยเมฆลอยเอื่อย ละล่องผ่านหน้าไปอย่างแช่มเชื่อง ดวงตามองเหม่อ ในอกด้านซ้ายเธอไมได้ยินเสียงหัวใจเต้น ไม่มีชีวิตอยู่ตรงนั้น

ตายไปแล้วสินะ...

หญิงสาวคิดอย่างทดท้อ มือสัมผัสต้นหญ้าข้างกายที่เธอนอนทับพวกพ้องมันอยู่บางส่วน ดวงตาเศร้าจัด นี่เธอไม่ได้ตายเพราะใคร แต่ตายเพราะผีอย่างนั้นเหรอ

ป่านนี้จะมีกี่คนที่กำลังร่ำไห้กับการจากไปของเธอ

สมิตานันหลับตาลงเพื่อหลบหนีความคิดอันน่าเศร้าสลด จินตนาการว่าเธอกำลังโบยบิน แขนเอื้อมออกสุดตัว มือกำหลวมๆ อยากให้โลกมาอยู่ใต้อุ้งมือของตัวเอง

ปล่อยให้แสงนวลอ่อนของพระอาทิตย์ลามไล้ผิวกาย ริมฝีปากยิ้มน้อยๆ รู้สึกว่ามีบางสิ่งที่มีเท้าเล็กเกาะบนปลายนิ้ว หญิงสาวลืมตาขึ้นมอง พบว่าเป็นผีเสื้อตัวใหญ่กำลังกระพือปีก และบินจากไป

“อยากตายนักหรือไง”

อารมณ์กรุ่นโกรธ มีความไม่พอใจดังชัดอยู่ไม่ห่างกันนัก สมิตานันยันตัวขึ้นอย่างเกียจคร้าน มองผู้ชายที่เธอพบเขาในภาพสุดท้ายก่อนทุกอย่างจะมืดมิด ผู้ชายคนนั้นต่อหน้าเสลี่ยง บัดนี้มีไอยะเยือก และความลึกลับรายรอบตัว กำลังยืนค้ำหัวเธอ

ทำไมเธอพบว่าเขากำลังเสียใจ

“ฉันตายไปแล้ว ไม่กลัวผีหน้าไหนหรอก”

“แต่เจ้าตายไม่ได้” ภูตหนุ่มยอบตัวลงนั่งจนสายตาอยู่ระดับเดียวกัน นิมมานมองคนเชิดคอ มีแววรั้น ทำไมสมิตาตรงหน้าถึงได้บ้า ไม่ได้อ่อนหวาน นิ่มนวล อย่างเจ้านางในอดีต “ข้าไม่ยอมให้เจ้าตาย”

“อย่ามาทำพูดดี ใครกันปล่อยให้ฉันโดนผีทะเลรัดร่างจนตาย”

“ผีทะเลที่เจ้าว่า เป็นภูตของบริเวณนั้น”

“เหมือนท่านหิมพานต์”

“นิมมาน” ใบหน้าคร้ามคมเตือนความจำด้วยชื่อที่ถูกต้อง มองคนจงใจเรียกผิดแล้วเกิดอาการอยากหยุดความช่างหาเรื่องนี้เสียจริง “ขอโทษที่เจ้าต้องเจ็บตัว”

“คนมันถึงคราวจะตายเอาอะไรมารั้งไม่อยู่หรอกค่ะ ฉันเข้าใจ”

ท่าทีปลงๆ ยอมรับความเป็นไปของชีวิตโดยง่าย ทำให้นิมมานรู้สึกโกรธอย่างบอกไม่ถูก สำหรับตนนั้น พยายามเพื่อแลกกับการมีลมหายใจอีกครั้งในรอบหนึ่งพันปี แต่กับสมิตานัน เธอเพียงแค่เข้าใจกับความตาย

ไม่มีอะไรให้ต้องห่วง พะวง หรือคิดถึงอีก

“ขอโทษที่ทำให้เจ้าผิดหวัง...ตราบใดที่ข้ายังอยู่ เจ้าจะไม่มีวันได้ตาย จนกว่าเจ้าจะรักข้า”

คนโดนสั่งให้รักใช้แขนหนุนศีรษะนอนราบกับพื้นหญ้าเขียวเหลืองนุ่มสบายเหมือนเดิม สีหน้าครุ่นคิด ไม่รู้จะตอบโต้เรื่องหมายจะให้เธอรักนี้อย่างไร ในเมื่อภาพบางอย่างที่เธอได้เห็นนั้น สำนึกบอกว่ามันเคยเกิดขึ้นจริง

“เล่าเรื่องพันปีที่แล้วให้ฉันฟังได้ไหมคะ” ดวงตาอยากรู้สบกับบุคคลที่ลงนอนเคียงข้าง

“กลัวว่าถ้าเจ้ารู้ เจ้าจะรักข้าโดยไม่รู้ตัว”

“หลงตัวเองชะมัด” ยื่นปากบ่นอุบ บอกความจริงที่เธออยากรู้ “ฉันเห็นภาพคนบนเสลี่ยงหน้าตาเหมือนฉัน แต่งองค์ทรงเครื่องเหนือกว่าชาวบ้านทั่วไป ว่าแต่สมิตาของท่านตัดสินใจอะไรไปเหรอ”

คำว่าสมิตาของท่านราวกับปัดตัวเองออกจากความเป็นของใครทิ้ง สมิตานันคิดว่าอดีตกับปัจจุบันอย่างไรนั้นก็ไม่มีทางเหมือนกันได้ ไม่ทันได้เห็นประกายตาแดงจ้าอย่างไม่พอใจ

“สมิตา ไม่ว่าเจ้าเกิดอีกกี่ครั้ง เจ้าก็ยังเป็นสมิตาคนเดิม”

“กัดฟันพูดทำไมคะ ฉันทำอะไรให้ไม่พอใจเหรอ หรือเพราะว่าฉันไม่ได้รักท่านเหมือนในอดีต”

“อย่าพูดดูถูกกับเรื่องอดีต สำหรับข้ามันเป็นเรื่องที่สำคัญเสมอ” นิมมานดวงตาสีดำพลันแดงก่ำ สมิตานันจากเคยกลัวเขาจนหัวหด เพียงแค่ถอนหายใจ ยอมรับว่าเธอมองเขาไม่ต่างจากมนุษย์คนหนึ่ง

“ถ้าไม่อยากให้ยุ่งเรื่องอดีตของท่าน ท่านก็เลิกยุ่งกับชีวิตปัจจุบันของฉันเสียที ต่างคนต่างเลิกแล้วต่อกัน ต่างคนต่างอยู่ ส่วนเรื่องการช่วยชีวิตของฉัน ฉันขอบคุณท่านมากๆ”

“ไม่มีทาง”

“เอ๊ะ!” เด้งตัวลุกขึ้นยืน เท้าสะเอวเหนือดวงวิญญาณที่มีอิทธิฤทธิ์นานนับพันปีด้วยความไม่พอใจเช่นกัน “จะเอาอะไรกับฉันนักหนาคะ เอาอย่างนี้...ฉันรักท่าน รักท่านนิมมานมาก รักๆๆ”

มือเย็นเฉียบปิดปากสมิตานันไว้แน่น กระแสเย็นเฉียบลามเลีย เกาะกินจิตใจ แขนเกี่ยวเอวบางไว้ ดึงเข้าหาตัว “อย่าเอามาพูดพร่ำเพรื่อ ถ้าใจของเจ้าไม่รู้สึก วันที่ข้าเป็นอิสระ ต่อให้วันนั้นเจ้าไม่พูด ข้าจะรับรู้ได้ ว่าเจ้า...รัก”

คำว่ารักในคำสุดท้ายนั้นสั่นจิตใจของสมิตานันอย่างรุนแรง ถึงเธอสัมผัสการเต้นของหัวใจไมได้ แต่อาการวูบไหวในช่องอก และความรู้สึกอุ่นภายในพานให้เธอเคลื่อนสายตาหลีกหนีจากเขาไม่ได้สักวินาที ดวงตาจริงจัง ราวกับจะถ่ายทอดคำสำคัญให้เธอรู้

เธอเกือบหลงละเมอกับความรู้สึกที่ได้เดินท่ามกลางทุ่งดอกไม้นี้ ถ้าเพียงแต่คนที่นิมมานรู้สึกรัก...ไม่ใช่คนตรงหน้าเขาในยามนี้...จับมือที่เขาปิดปากออก รู้สึกห่อเหี่ยวอย่างช่วยไม่ได้ มันน่าดีใจที่มีใครรอรับความรัก แต่มันก็น่าเสียใจที่ความรักนั้นไม่ได้เกิดมาเพื่อเรา

“ฉันกับเขาต่อให้หน้าตาเหมือนกัน จิตวิญญาณเดียวกัน แต่ความทรงจำ ความรู้สึก การเติบโตขึ้นมาไม่เหมือนกัน ฉันกับเขาก็เหมือนคนละคน คนที่ท่านรักคือสมิตา ท่านควรไปเรียกร้องความรักจากสมิตา ไม่ใช่สมิตานัน”

“สมิตา”

“ฉันชื่อสมิตานัน ไม่ใช่สมิตา จะเรียกว่าตี้ก็ได้นะคะ” เลิกคิ้วยียวน ลบเลือนความรู้สึกไม่น่าอภิรมย์ออกไป รู้แน่ว่าไม่มีทางที่ภูตจอมหยิ่งจะเรียกเธอได้ตามที่พูดแน่นอน

คนยึดติดกับอดีตอย่างเขาไม่มีวันเปลี่ยนแปลงความคิดได้หรอก...

“เบื่อหน้าท่านแล้ว ปล่อยให้ฉันตื่นได้หรือยัง” รอยยิ้มแต้มหวาน ไล่มองผีเสื้อสีดำเขลือบน้ำเงินพาดลายสวยสะดุดตา บินวนกลับมาแตะบนปลายนิ้วของเธอ เลิกสนใจบุคคลที่ยังรั้งเอวเธอไว้ ตอนนี้สมิตานันก็ได้แต่รอว่าเขาจะปล่อยให้เธอกลับไปสู้ชีวิตจริงเมื่อไหร่

“เจ้ายังต้องเจอข้าไปอีกนาน...ตี้”

ใบหน้าสวยหันกลับมาจ้องมองดวงตาลึกล้ำที่อยู่ใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ปาก และคำถามที่ตั้งใจถามมากมายถูกเก็บซ่อนลงคอไว้จนหมด สัมผัสเย็น แต่ซ่อนความร้อนแตะหน้าผากของเธอเพียงแผ่วเบา ชื่อเรียกของเธอจากปากเขาดังย้ำในหัวของเธอ

อาการถูกปล่อยลงจากที่สูง ความมืดมิดเคลื่อนวนไปมาตรงหน้าจนน่าเวียนหัว อาการปวดหัวหนัก หายใจครั้งหนึ่งก็เจ็บร้าว ไม่ได้คล่องปอด

กลับมาแล้ว...การมีชีวิตอีกครั้ง

มันทำให้เธออยากรู้ว่าเกิดอะไรในอดีต และเธอจะได้รู้ไหม มันไม่ได้ค้นหาได้ง่ายๆ เหมือนเหตุการณ์สักร้อยปี ไม่ง่ายเลยจริงๆ

“ตี้”

และความวุ่นวายในห้องพักเล็กๆ ของโรงพยาบาลก็ทำให้หญิงสาวลืมคิดเรื่องในอดีตไปได้ชั่วคราว คนที่อยู่ใกล้ตัวเธอสุด และไม่คาดคิดว่าจะมา เสียงแหบแห้ง ติดอ่อนระโหย เรียกเพื่อนรักแผ่วเบา

“มาได้ยังไงมิลัน”

“พุทโทรไปบอกฉัน บอกว่าตี้ตกน้ำหัวกระแทกโขดหิน แล้วก็จมน้ำ”

“อะไรนะ” สำรวจบริเวณหัว เพียงแค่ย่นหน้า อาการเจ็บแปลบแล่นปราด จนภาพตรงหน้าพร่ามัวชั่วคราว เธอพอจำได้แล้วว่าทำไมพอลงน้ำเธอถึงจัดการถีบภูตดูแลทะเลนั่นไปได้ เพราะเธอก็คงเป็นวิญญาณที่หลุดจากร่างออกมาเหมือนกัน “ใครช่วยฉัน”

“พุทเป็นคนไปเอาร่างตี้ขึ้นมาจากน้ำ ตอนนั้นกองถ่ายเรามัวแต่รวมตุ๊ดกันอยู่ สติแตกกันเป็นแถว” กมลเหยียดปากใส่ผู้กำกับกับตากล้อง ยกพัดโบกไปมาด้วยความสบายใจมากขึ้น

“พุท ขอบคุณนะ”

“ไม่ใช่ผมหรอกที่ช่วยพี่ตี้...ผมว่าพี่ตี้อาจจะรู้ว่าใคร”

สมิตานันงงกับคำบอกเล่าของพุทธา เด็กหนุ่มรุ่นน้องพยักหน้าเพียงนิดไปทางปลายเตียง รอยยิ้มนิดหนึ่งจุดวาบมุมปาก เหมือนบอกใบ้ทุกๆ อย่างให้เธอรับรู้...หรือล้อเลียนก็ไม่ทราบได้

หญิงสาวกลอกตาหน่ายเพียงนิด เผชิญหน้ากับสิ่งที่คาดว่าจะต้องพบ หนึ่งตนยืนทำหน้าถมึงทึงจ้องเธอด้วยความไม่พอใจ สมิตานันทำเป็นมองเลยผ่าน ไม่สนใจ เพราะใจกระหวัดว่าใครอีกคนนั้นมาถึงที่นี่ได้อย่างไรกัน

“หมอธีมาได้ยังไงคะ”

ธนิทธิมองหน้าสวยกับรอยยิ้มซีดเซียวด้วยความกังวลไม่หาย และคำตอบของชายหนุ่มก็พานให้มีบางสิ่งเหนือธรรมชาติพัดพากระเช้าดอกไม้ที่คุณสัตวแพทย์ตั้งใจเอามาเยี่ยมล้มคว่ำกระจายบนพื้น

“ผมเป็นห่วงคุณตี้ครับ”


ภูตหนุ่มดวงตาแดงก่ำ ไม่รู้ว่าตัวเองจะโกรธ หงุดหงิดกับการพบหน้าธนิทธิได้มากขนาดนี้ จะกี่ภพกี่ชาติ สมิตานันอยู่ที่ไหน เจ้านี่ก็ยังตามมาเจอ มาพบได้ไม่เว้น

พื้นที่ส่วนตัวของนิมมานที่เขาสร้างสรรค์ได้ตามใจ แปรเปลี่ยนเป็นความดำทะมึน เงียบงัน

ผีเสื้อตัวเดิมบินมาช้าๆ ก่อนแปรเปลี่ยนร่างเป็นคราม ยมทูตที่จัดการเก็บดวงวิญญาณภูตผู้หญิงที่ทำร้ายมนุษย์ไปจัดการลงโทษ

“ฬาฬีชักจะควบคุมได้ยาก นี่ถึงกับเอาอำนาจบาตรใหญ่มาล่อหลอกภูตปลายแถวให้หลงเชื่อ ท่านจะปล่อยนางไปอย่างนี้ถึงเมื่อไหร่”

“บางครั้งโชคชะตาเองก็ไม่ได้อยู่ข้างข้ามานานแล้วมิใช่หรือ ทุกชาติข้าถึงต้องทนมองสมิตาอยู่ฝ่ายเดียวเรื่อยมา”

“นี่ท่านอยากเกิด หรืออยากได้ความรักจากสมิตากัน ท่านนิมมาน”

นิมมานไม่ตอบ แต่มองความมืดรอบกายที่เป็นของคู่กายตนสายตาว่างเปล่า “สิ่งที่ข้าต้องการ คงเป็นแสงสว่าง”

“อย่างเช่นความรัก”

“ท่านก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ ข้าเองก็เลิกคิดถึงมันมานานแล้ว”

“แม้กระทั่งตอนนี้ด้วยสินะ...ที่ความหวังดูคล้ายจะมีโอกาสเกิดขึ้น ไม่อย่างนั้นท่านคงไม่ทุ่มสุดตัว”

วาจาราวกับมานั่งอยู่ในใจนิมมาน คนที่เป็นภูตอยู่น้อยปีกว่าครามซึ่งกลายเป็นยมทูต คอยดูแลความเรียบร้อยของดวงวิญญาณทั้งหลายหัวเราะในลำคอ

“เป็นภูต แต่แสดงตัวเยี่ยงมนุษย์ไม่ได้นี่ลำบากนะว่าไหม” ครามไม่พูดเปล่า ดึงบรรยากาศดำทึบทึมสู่ห้องพักพิเศษของผู้ป่วย ซึ่งบัดนี้มีคุณหมอรักษาสัตว์ อยู่กับสมิตานันเพียงแค่สองคน

เสียงของหล่นกระจายตอบรับคนมาถึงอีกครั้ง สมิตานันเพียงแค่ยิ้มเย็น ปลอบใจคุณหมอแว่นไม่ให้มองหาที่มาที่ไป

“รับได้ไหมคะหมอธี ถ้าการอยู่ใกล้ๆ ฉัน จะมีพวกกุมารเกเรมาคอยสร้างความรำคาญเรื่อยๆ แบบนี้”

ธนิทธิ ส่ายหน้าบอก สมิตานันกำลังจะรับรู้ว่าเขารับไม่ได้ “ผมเองก็อยากทดสอบจิตของผมเหมือนกันครับว่าแข็งแรงแค่ไหน”

หญิงสาวหัวเราะด้วยความลำบาก อาการเจ็บทางกายยังไม่หาย แต่ในใจนึกตอบโต้ด้วยมั่นใจว่าใครอีกตนได้ยินความคิดเธออย่างแน่นอน

งานนี้การพิชิตความรักของฉันคงไม่ง่ายแล้วล่ะท่านหิมพานต์...

...........................................................................
คุณ นักอ่านเหนียวหนึบ เป็นผีทะเลที่นิยามคำเรียกขึ้นมาใหม่ค่ะ ฮา พาหิมพานต์ เอ๊ย ท่านนิมมานมาแสดงฤทธิ์เล็กน้อย
คุณ ปอกะเจา ผีทะเลจบไป ผีไหนมาอีกรอปวรานิยามค่ะ ฮา พายมทูตครามมาทำหล่ออีกค่ะ นิมมาน่าหมั่นไส้นิดๆ ฮา
ขอบคุณทั้งสองคน และนักอ่านเงาทุกท่านมากๆ นะคะ ^^



ปวรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 7 พ.ย. 2556, 01:32:09 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 7 พ.ย. 2556, 01:32:09 น.

จำนวนการเข้าชม : 1344





<< บทที่ 6 : ผีทะเล   บทที่ 8 : นิมมาน >>
นักอ่านเหนียวหนึบ 7 พ.ย. 2556, 03:10:26 น.
อยากให้พี่หิมพานต์ เอ้ยท่านนิมมาน มีร่างคนจริงๆ
ยัยลีลา นี่ป่วนได้ตลอดศกนะ เมื่อไหร่นางจะเหนื่อยกับการตามล่าความรักจากผู้ชายซักที !!!!(แอบอิน มะกี้นั่งดูย้อนหลังต้นรักริมรั้วแล้วรู้สึกว่ายัยลีลานี่เหมือนแตงกวาเยย)


ใบบัวน่ารัก 7 พ.ย. 2556, 06:46:02 น.
รักแล้วเจ็บ
อโหสิกรรม
หมดทุกข์


ปอกะเจา 7 พ.ย. 2556, 07:20:41 น.
ความคิดสวนกันไปคนละทางเลย ท่านนิมมานต้องจูนคลื่นใหม่ด่วนค่ะ ไม่งั้นหมอธีคาบไปกินแน่ๆ


รักเร่ 7 พ.ย. 2556, 22:13:33 น.
อยากรู้เรื่องราวในอดีต


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account