เด็ดปีกนางฟ้า (ลินิน)
“เป็นผู้หญิงต้องรอให้ผู้ชายมาจีบ” ในยุคที่เกย์ เก้งกวางเกลื่อนเมืองบรรดาชะนีทั้งหลายคงมัวนิ่งนอนใจถือคติแบบนี้ไม่ได้เสียแล้ว โดยเฉพาะเหล่านางฟ้าจากสายการบินนางฟ้าแอร์ไลน์ที่ได้พบกับโคไพลอตหนุ่มรูปงามรวยทรัพย์ งานนี้เหล่านางฟ้าแสนสวยต้องงัดสารพัดวิธีเพื่อให้ได้เทวดาหนุ่มหล่ออย่างเขามาครอบครอง ไม่ว่าจะตบตี แย่งชิงวางแผน ชิงไหวชิงพริบกันสุดฤทธิ์อย่างไรก็ขอสู้ตายกันสักตั้ง แต่เทวดาอย่างเขาก็ใช่จะยอมถูกผู้หญิงจับง่ายๆ แต่ใครล่ะที่จะถูกเขาจับเด็ดปีกจนบินไม่ขึ้นยอมซบอกกว้างๆ ของเขาคนเดียว
Tags: นิยายรัก สาริน ลินิน

ตอน: ตอนที่ 7 อัพใหม่ค่ะ เนื่องจากอัพขาดไป 100%

เพื่อนนักบินที่จะบินไปสิงคโปร์เที่ยวนี้ลายาวเพราะภรรยาคลอดลูก ปฐพีจึงต้องมาบินเที่ยวบินนี้แทน ชายหนุ่มทำสีหน้ายุ่งยากเมื่อมีคะนึงนางบินไปด้วย ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่อยากพบเธอ หลังจากไปเที่ยวด้วยกันวันนั้น เขาเองก็นึกถึงใบหน้าสะสวยทว่านิสัยเหมือนเด็กหญิงขี้อ้อนของเธอตลอดเวลา แต่ติดที่ว่าเธอเข้าใจว่าเขาคือนายดิน คนขายปาท่องโก๋ ตัวเขาเองก็ไม่ได้ปฏิเสธเสียด้วย
“เอาไงดีวะ”
ชายหนุ่มเดินวนไปมาในห้องแต่งตัว เมื่อสวมสูทสีเทาบนบ่าทั้งสองข้างมีขีดสีทองสามขีด แสดงถึงตำแหน่งนักบิน ยามเมื่ออยู่ในเครื่องแบบนี้ ชายหนุ่มกลายเป็นหนุ่มชวนฝันให้สาวน้อยสาวใหญ่คลั่งไคล้ เพราะความคมคายของใบหน้า คิ้วหนารับกันกับดวงตาสีน้ำตาลที่ดูดุดันยามเมื่ออยู่ในเวลางานทว่าฉายแววอ่อนโยนอยู่เป็นนิตย์จึงเป็นที่รักของคนในสายการบินโดยเฉพาะสาวๆ ทั้งภาคสนามและภาคพื้นดิน
“เป็นอะไรครับโคไพ” วิษณุ ช่างเครื่องหนุ่มใหญ่ร่างหนา ใบหน้าเข้มเพราะมีหนวดประดับอยู่เหนือริมฝีปากเดินถือกระเป๋าอุปกรณ์เข้ามาแล้วเห็นนักบินหนุ่มเดินวนไปมาด้วยสีหน้าหนักใจ
“เปล่า” เขาตอบขึ้นแต่สีหน้ายังดูกังวล
“ทะเลาะกับแฟนมาหรือครับ” เพราะทำงานร่วมกันมาหลายปี ช่างเครื่องจึงกล้าหยอกเย้าเล่น นักบินหนุ่มหัวเราะแก้เก้อ
“ยังไม่ทะเลาะหรอก แต่อีกเดี๋ยวมีแน่”
“ให้ผมช่วยอะไรไหมละครับ แต่เอ…อีกเดี๋ยว แสดงว่าต้องเป็นคนแถวนี้ไม่ใกล้ไม่ไกล” ช่างเครื่องหรี่ตามองปฐพีด้วยสีหน้ายิ้มๆ
“ก็…ทำนองนั้นละครับ”
“ผู้หญิงก็อย่างนี้ละครับโคไพ หาเรื่องทะเลาะกับเราได้เสมอล่ะ อย่างแฟนผมก็บอกว่าชอบผู้ชายมีหนวดมันดูเข้มดี แต่กับกิ๊กก็ดันชอบผู้ชายหน้าสะอาดห้ามมีหนวด ผมก็เลยต้องวิ่งวุ่น”
“พี่ทำยังไงครับ” นักบินหนุ่มถามไปอย่างนั้นเอง ไม่ได้คิดสนใจจริงจัง เพราะในตอนนี้มีเรื่องให้คิดมากกว่าที่จะสนใจเรื่องของคนอื่น
“ผมก็ต้องโกนหนวดสิครับ”
“อ้าว แล้วแฟนตัวจริงพี่ล่ะ”
“หนวดปลอมไงครับ นี่…ผมพกติดตัวเอาไว้เสมอ วันนี้จะไปหากิ๊กก่อนก็เลยติดไว้ซะเลย” เจ้าตัวชี้มาที่หนวดตัวเองทำให้คนฟังตาวาว ดีดนิ้วเปาะ
“หนวด! พี่ณุ ผมขอซื้อต่อได้ไหม” เขาตรงเข้ามาจับหนวดที่เหมือนจริงมากของช่างเครื่องหนุ่มใหญ่ ฝ่ายนั้นจึงถอยหลังออกห่างแล้วมองหน้าปฐพีอย่างแปลกใจ
“ผมมีหลายอันครับ ไม่ต้องซื้อก็ได้ อย่าบอกนะว่าโคไพก็เจอปัญหาเดียวกับผม” วิษณุหัวเราะขึ้น
“ก็ทำนองนั้นละครับ”
“งั้นก็เอาไปเลย หัวอกเดียวกัน” วิษณุล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อหยิบซองหนวดปลอมมายื่นให้ นักบินหนุ่มรับมาอย่างดีใจ หายไปในห้องแต่งตัวครู่หนึ่ง ใบหน้าหล่อสะอาดใสก็หล่อเข้มด้วยหนวดเหนือริมฝีปาก เมื่อเดินมาใกล้สาวๆ ในสำนักงาน ทุกคนก็มองจนแทบตาถลน
“นักบินใหม่เหรอเธอ”
“เอ…จากตารางโคไพปฐพีมาแทนโคไพรุทธรนี่นา” คนจัดตารางคิ้วขมวด หากแล้วเจ้าตัวก็ไขข้อสงสัยเสียเอง “คงมีการเปลี่ยนกันเองกะทันหันมั้ง แต่หล่อชะมัด”
“ใช่ พอๆ กับโคไพปฐพีเลย”
สาวๆ แอร์ภาคพื้นดินกระซิบกระซาบไปมาจนกระทั่งร่างสูงมาหยุดตรงหน้าเคาน์เตอร์
“จะฝากซื้ออะไรไหมครับคุณเอี้ยง”
“เสียงนี้ ถามแบบนี้ จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก…โคไพปฐพี อุแม่เจ้า…” สาวเจ้าตกอบผาง แต่ไม่ว่าจะมีหนวดหรือไร้หนวด ปฐพีก็หล่อล่ำน่าฟัดตลอดเวลา
“ทำหน้าเหมือนถูกผีหลอก” เขาหัวเราะขึ้น มือยกขึ้นมาแตะหนวดปลอมด้วยอาการเขินๆ กับสายตาที่หลายคนมองเขาราวกับจะกลืนกิน
“มัน…” แอร์สาวอึกอักทำให้เขาชักไม่มั่นใจ
“มันดูแย่มากเลยเหรอ”
“ใครว่าละคะ มันยอดมาก ดูเถื่อนแบบมีรสนิยม เลศที่สุด” แอร์สาวแทบอยากจะเอาศีรษะโขกไปกับเคาน์เตอร์เมื่อชายหนุ่มทาบมือไปบนหลังมือตัวเองแล้วบอกยิ้มๆ
“พูดแบบนี้เดี๋ยวผมซื้อช็อกโกแลตเจ้าดังมาฝาก”
“ไม่ได้อะไรเลยก็ยอม” สาวเจ้าออกอาการเพ้อแม้ว่าปฐพีจะเดินออกไปแล้วก็ตาม
“ว้าว…หล่อระเบิดระเบ้อ” นักรบเดินมาพร้อมคะนึงนางสวนทางกับปฐพีแล้วมองตาแทบถลน จนชายหนุ่มต้องหัวเราะขึ้นขำๆ สบสายตาบางอย่างเข้าใส่คะนึงนางเพื่อดูว่าเธอจะจำเขาได้หรือไม่ เมื่อหญิงสาวยังทำหน้าเฉย เขาจึงได้เดินออกไป ส่วนนักรบถลาเข้าหาอรพินในทันที
“พี่เอี้ยงขา…นักบินนั่นใครน่ะ หล่อล่ำน่าหม่ำม๊าก”
“ก็โคไพปฐพีไง ทำเป็นจำไม่ได้” อรพินหลิ่วตาทั้งที่ตัวเองก็จำไม่ได้มาแต่แรก ได้ยินเสียงฮ้า…ออกมาดังๆ ของนักรบ คะนึงนางจึงหันกลับไปมองอีกครั้ง
นี่หรือ…โคไพปฐพี เธอไม่ทันได้สนใจมองเลยไม่รู้ว่าหล่อขนาดไหน แต่ที่เห็นแวบๆ ก็เข้าขั้นหล่อมากแต่ทว่าน้อยกว่านายปาท่องโก๋ของเธอ
เอ้ย….นายปาท่องโก๋เฉยๆ
“น้องนางทำเป็นจำไม่ได้ วันนั้นยังเห็นเดินไปด้วยกัน” อรพินชี้หน้าล้อเลียน สะบัดค้อนให้อย่างแสนอิจฉาทว่าคนถูกแซวเลิกคิ้วทำหน้าเหลอแล้วชี้มือมาหาตัวเอง
“นาง?”
“ก็ใช่นะสิจ๊ะ ก็อาทิตย์ก่อนที่น้องนางลงไฟล์ทสิงคโปร์มา โคไพก็ลงจากไฟล์ยุโรป คนสวยคนหล่อเดินมาป๊ะกันอีท่าไหนล่ะถึงได้ออกไปพร้อมกัน จูงมือกันด้วย” อรพินยืนยันหนักแน่นทำให้นักรบหันขวับมาจับจ้องเพื่อนรัก สายตาคาดคั้นนั้นทำให้หญิงสาวส่ายหน้า
“ฉันไม่รู้เรื่อง”
“อย่าทำเนียน พี่เอี้ยงเขายืนยัน”
“จริงๆ ฉันจะโกหกแกทำไมเล่า พี่เอี้ยงตาฝาดแล้วละค่ะ ถ้าวันที่ลงไฟล์ทสิงคโปร์แล้วนางไปกับใคร นางตอบได้เลยนะคะว่าไม่ใช่โคไพปฐพีแน่ นางเพิ่งเห็นเขาครั้งแรกก็เดี๋ยวนี้เอง” หญิงสาวยืนยันหนักแน่นเช่นเดียวกัน แต่อรพินก็แน่ใจเช่นกันว่าตัวเองไม่ได้ตาฝาดแน่ๆ
“แต่พี่เห็นเต็มสองตาเลย”
“โอ๊ย ตาฝาดแล้วละค่ะ” คะนึงนางหยิบกระดาษมาเซ็นเวลาแล้วพยักพเยิดให้นักรบเป็นเชิงบอกให้ไปได้แล้ว เมื่อเดินออกมาจากเคาน์เตอร์นักรบจึงขยับเข้ามาใกล้
“ไม่ใช่โคไพจริงเหรอ”
“นังริสซี่ ฉันจะโกหกแกไปทำไม แล้วถ้าใช่โคไพจริงๆ เมื่อตะกี้ทำไมเขาไม่ทักฉัน”
“จริงของแก” นักรบพยักหน้าหงึกหงัก ยอมเชื่อเมื่อเพื่อนบอกเหตุผลฟังขึ้น “แล้วนี่แกยังไม่เริ่มต้นทำอะไรเลยเหรอ เดี๋ยวเถอะได้ก้มลงกราบตีนงามๆ ของนังไวน์”
“ก็ฉันเพิ่งเจอเขาตะกี้นี้เอง บินตลอดแทบไม่ได้พักเลยจะเอาเวลาที่ไหนล่ะ กว่าจะมีโอกาสได้บินยุโรปกับเขาก็เป็นปีๆ วันนั้นอุตส่าห์ดักรอพบ แกล้งหกล้มจนหัวแทบคะมำ ตานั่นเดินผ่านไปซะเฉยๆ น่าโมโหจะตาย”
“หรือว่าเขาจะไม่ชอบชะนีอย่างแก”
“นั่นนะสิ อย่างฉันออกจะสวยเลือกได้ซะขนาดนี้ ผู้ชายคนไหนไม่ชอบก็บ้าแล้ว”
“นังหลงตัวเอง” นักรบเบ้หน้า ขึ้นรถจากหน้าสายการบินไปจนถึงสนามบินจึงได้รู้ว่าคนที่ทำหน้าที่บินวันนี้ก็คือปฐพีที่พวกเธอทั้งสองเพิ่งนินทาเขาเสร็จสรรพ
“เป็นโอกาสดีของแกแล้วนะ นังไวน์มันบินฮ่องกง” นักรบบอกขึ้น รู้ดีราวกับเป็นคนจัดตารางบินเสียเอง หากแล้วก็แทบหุบปากที่ค้างไว้ไม่ลงเมื่อเจอวรินยุพามาถึงก่อนตัวเองแล้วด้วยรถส่วนตัว “อย่าบอกฉันนะว่านังไวน์มันบินไฟล์ทเดียวกับเรา ในห้องบรีฟฟิ่งทำไมไม่มี”
เมื่อวรินยุพาเจอหน้าคู่อริรอยยิ้มบางอย่างจึงวาบผ่านในหน้าก่อนสาวเท้าเข้ามาหา จงใจกรีดนิ้วมือข้างขวาที่มีแหวนเพชรเม็ดใหญ่ให้อีกฝ่ายเห็น แม้ว่ากฎของที่นี่ห้ามแอร์โฮสเตสสวมเครื่องประดับใดนอกจากนาฬิกาและต่างหูมุก แต่เธอก็อยากให้คะนึงนางได้เห็น ทว่าไม่ว่าจะวางมือไว้ตรงมุมไหน ฝ่ายนั้นก็ไม่ทักไม่ถาม
“มาได้ไงยะหล่อน มีบินฮ่องกงไม่ใช่เหรอ หรือว่าตามกลิ่นผู้ชายมา” นักรบแขวะขึ้น พอรู้ว่าปฐพีบินด้วยก็รีบตามมาจนได้
“มีแอร์ไฟล์ทนี้ท้องเสียกะทันหัน ฉันก็เลยมาแทน ทำไม…เห็นฉันมาด้วยอยากจะออฟไฟล์ทก็ได้นะ” วรินยุพาเยาะ
“อย่างพวกเราเหรอจะกลัวชะนีเน่าๆ อย่างหล่อน ที่ว่ามีแอร์ท้องเสีย เสียจริงหรือหล่อนวางยาเขาเพราะรู้ว่าโคไพปฐพีจะบินกันแน่ยะ” นักรบเท้าสะเอว ตาจับมองไปบนนิ้วนางข้างขวาที่แสงจากหัวเพชรกระทบกับสายตา เจ้าของแหวนจึงจงใจกรีดนิ้วให้เห็น
“อันนั้นก็ส่วนหนึ่ง ทำไมจ๊ะ…ถ้าฉันไปด้วยกลัวว่าฉันจะแย่งความสนใจของโคไพปฐพีไปจนหมดไม่เหลือให้เธอเหมือนที่พี่พิมานเคยทำกับเธอมาแล้ว” วรินยุพาเหยียดนิ้วผ่านหน้าของคะนึงนางก่อนถามขึ้น “สวยไหมจ๊ะนาง วงนี้ตั้งห้าแสนเชียวนะ”
“เธอไม่รู้เหรอว่าห้ามใส่เครื่องประดับนอกจากนาฬิกา”
“เธอรู้ไหมว่าใครซื้อให้ฉัน” วรินยุพาตอบไม่ตรงคำถาม และไม่รอให้อีกฝ่ายตอบมาเธอก็บอกขึ้นเสียเอง “พี่พิมานเขาซื้อให้ฉัน”
“ฉันไม่ได้ถามแล้วก็ไม่อยากรู้” คะนึงนางเสียงห้วน ปรายตามองแล้วยิ้มเหยียด “แหวนที่พี่พิมานเขาซื้อให้ฉัน ราคาแพงกว่าวงนี้ซะอีก แต่ฉันไม่ได้เอาอะไรแลกหรอกนะแค่รอยยิ้มหวานๆ ก็ได้มาแล้ว แต่สำหรับเธอ ไม่รู้ว่าเอาอะไรแลกมาบ้างถึงได้แหวนมาราคาแค่…ห้าแสน”
“ก็คงจะเอาห…”
“นังนาง!” วรินยุพากำมือแน่นที่คิดจะทำให้อีกฝ่ายเจ็บใจกลับเป็นตัวเองเสียอีก “ฝากเอาไว้ก่อนเถอะ” เธอชี้หน้าอาฆาต วันนี้ไม่มีชะเอมมาด้วยเธอเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
“อย่าลืมมาเอาคืนนะยะนังชะนีขายห…” นักรบป้องปากตามหลัง แล้วหันมาหาคะนึงนาง “ว่าแต่แกเถอะ หายเจ็บเรื่องคุณพิมานรึยัง”
“ฉันเจ็บที่ไหนกันเล่า ก็แค่เสียหน้า”
“ดีแล้วล่ะ ผู้ชายโลเลแบบนั้น สู้เอาเวลามาจับโคไพของฉันดีกว่า ฉันได้ยินพวกแอร์ๆ บอกว่าโคไพน่ะเป็นสุภาพบุรุษที่สุด น่ารักที่สุด”
“แต่แฟนไม่มี น่าคิดนะ”
“ถ้าใช่ก็ดีสิจ๊ะ อย่างนั้นเราต้องพิสูจน์ ถ้าใช่แกก็ถอยไปแต่ถ้าไม่ใช่ฉันก็จะเชียร์แก” นักรบเสนอ คะนึงนางยักไหล่แล้วย้อนถาม
“แกจะทำยังไง”
“เอาไว้ให้ถึงสิงคโปร์ก่อนแล้วจะบอก” นักรบทำเป็นมีลับลมคมใน ก่อนแยกย้ายกันไปปฏิบัติหน้าที่ นักรบเริ่มด้วยการเช็กไฟล์ท เช็กที่นั่งให้ผู้โดยสาร ส่วนคะนึงนางกับวรินยุพาอยู่ในห้องครัวที่อยู่ด้านหลังของเครื่องโดยมีม่านหนากั้นระหว่างเคบินหรือที่นั่งผู้โดยสาร
ในระหว่างปฏิบัติหน้าที่แม้จะเกลียดขี้หน้ากันแค่ไหนแต่สองสาวก็จำต้องเก็บทุกอย่างเอาไว้ข้างนอก จึงต้องช่วยกันจัดขนมและเครื่องดื่มสำหรับเสิร์ฟให้กับผู้โดยสาร อาชีพแอร์โฮสเตสเสมือนรวมทุกอาชีพเอาไว้ในอาชีพเดียว เป็นทั้งพนักงานขนของ พนักงานเสิร์ฟ คนขายของบนเครื่อง เป็นพยาบาลเวลาผู้โดยสารป่วย เป็นพี่เลี้ยงเด็ก และอีกร้อยแปดสารพัดปัญหาที่จะต้องจัดการ
“นางจ๊ะ ขอกาแฟสองที่ให้นักบินด้วยจ้ะ”
“ได้ค่ะ” คะนึงนางจัดกาแฟและขนมใส่จาน เตรียมจะเอาออกไปให้กัปตันกับนักบิน แต่ถูกแย่งไปจากมืออย่างหน้าด้านๆ
“ฉันไปเอง”
“เอ๊ะ” คะนึงนางยื้อคืน สองสาวจึงยื้อยุดกันไปมา หากแล้วก็ถูกแย่งไปโดยฝีมือของบุคคลที่สาม
“ของห้องนักบินรึเปล่าครับ”
“เอ่อ…” สองสาวตกใจหน้าซีดเมื่อนักบินหนุ่มประจำไฟล์ทรอกาแฟนานจนต้องออกมาเอาเอง หากเพอร์เซอร์หรือหัวหน้าแอร์รู้เข้าพวกเธอต้องโดนดีแน่
“ผมปฐพีครับ” ชายหนุ่มแนะนำตัวทำให้สองสาวตาโต นึกขำที่ไม่มีใครจำเขาได้ทั้งที่เขาเคยไปส่งวรินยุพาที่บ้าน ส่วนคะนึงนางนั้นก็เคยทั้งทานข้าวและเที่ยวด้วยกัน
“โคไพ…” วรินยุพาอุทาน “ไม่เจอกันแป๊บเดียว ดูหล่อเข้มขึ้นมากเลยนะคะ”
“ขอบคุณครับ” เขาส่งยิ้มให้ เบือนหน้ามาหาคะนึงนางที่ยืนจับจ้องเขาแล้วคิ้วเรียวก็ขมวดมุ่นเข้าหากัน คลับคล้ายคลับคลา
“คุณหรือคะโคไพปฐพี” คะนึงนางถามออกไปทั้งที่เขาเพิ่งแนะนำตัวไปเดี๋ยวนี้เอง ก่อนพึมพำ“เราเคยเจอกันที่ไหนสักแห่งแน่ๆ”
“แหม…คะนึงนางจ๊ะ ไอ้มุกแบบนี้เขาเลิกใช้กันนานแล้วนะจ๊ะ” วรินยุพาหมั่นไส้ ส่งยิ้มหวานให้ชายหนุ่มแล้วบอกเสียงหวาน “เดี๋ยวไวน์ยกไปเสิร์ฟให้เองนะคะ เดี๋ยวเพอร์เซอร์มาเห็นเข้าไวน์กับนางแย่แน่เลย”
“ขอโทษทีครับ ผมไม่ได้คิดจะทำให้พวกคุณตกใจ ผมแค่จะเข้ามาห้องน้ำก็เลยจะยกกาแฟออกไปให้” เขาหัวเราะเมื่อเห็นท่าทางครุ่นคิดของคะนึงนางที่ยังคงจ้องมองเขาตาแป๋ว เขาเดินผ่านหน้าเธอไปห้องน้ำ มีผู้โดยสารขอเครื่องดื่มพร้อมน้ำแข็งเธอจึงรีบจัดออกไปให้ ในใจก็ยังสงสัย ทั้งรูปร่าง น้ำเสียง แววตาดูคล้ายกับนายดิน คนขายปาท่องโก๋เพื่อนใหม่ของเธอเหลือเกิน
หญิงสาวกลับเข้ามาในห้องครัวเพื่อจัดหนังสือพิมพ์และนิตยสาร นักรบกำลังเดินตามเข้ามา แอบเคี้ยวหมากฝรั่งเพราะรู้สึกหูอื้อ
“ยัยนาง ตะกี้ฉันเห็นโคไพเดินมาในนี้ มาหาเธอเหรอ”
“บ้า เขามาห้องน้ำ” หญิงสาวง่วนกับการจัดของ พลิกนาฬิกาข้อมือขึ้นมอง อีกสี่สิบนาทีเครื่องจะลงจอด ที่สิงคโปร์มีแหล่งช็อปปิ้งมากมาย หากเป็นเมื่อก่อนเธอคงกว้านซื้อชนิดไม่ลืมหูลืมตา แต่ตอนนี้จะซื้อหาอะไรก็ต้องคิดหน้าคิดหลังให้พอใช้ในแต่ละเดือน
“พอถึงที่พักแล้วเราไปกินข้าวที่มารีน่าเอาไหม ช็อปปิ้งให้ลืมโลก”
“เงินเดือนเพิ่งจะออกเดี๋ยวก็หมดหรอก ฉันไม่ได้รวยอย่างเมื่อก่อนหรอกนะ” คะนึงนางถอนหายใจ สถานที่ที่ว่าเป็นศูนย์รวมอาหารค่ำเลิศรส ทั้งความบันเทิงและแหล่งช็อปปิ้งหลากหลายแบรนด์ดัง
“โอ๊ย…คิดอะไรมากมาย เงินเดือนมันก็เหมือนประจำเดือนของแกแหละ”
“ยังไงยะ”
“ก็มาเดือนละครั้ง 3-4 วัน เดี๋ยวก็หมด” นักรบหัวเราะขึ้น มือเรียวจึงหยิกไปบนต้นแขน
“ไม่เหมือนแกสินะ ไม่มีวันหมด เพราะว่าแกไม่มี”
“นังนี่ ปากคอเราะร้าย เตรียมตัวได้แล้ว จะได้ไปหาอะไรกินกัน หิวอ่ะ อยากกินอาหารเลิศๆ เต็มที”
“ฉันก็อยาก แต่ฉันคงไปกับแกไม่ได้” หญิงสาวทำหน้าเศร้าทำให้นักรบเลิกคิ้ว
“แกจะไปไหนยะ”
“ไปดินเนอร์กับโคไพปฐพี” คนตอบทำหน้าตาเฉยทำให้คนฟังตาโต
“มายก็อต ไปแอบนัดกันตอนไหนยะ ทำไมฉันตกข่าว ก็แกเพิ่งรู้จักเขาวันนี้ บอกมาเดี๋ยวนี้นะนาง” นักรบเผลอเสียงดัง หัวหน้าแอร์เดินผ่านเข้ามาได้ยินพอดีจึงส่งสายตาดุๆ ไปให้
“ระวังหน่อยสินักรบ คะนึงนาง เกิดผู้โดยสารจะเข้าห้องน้ำแล้วมาได้ยินเธอสองคนคุยกันเสียงดังแบบนี้จะทำยังไง”
“คะเพอร์เซอร์” คนคุยเสียงดังรับคำเสียงอ่อย แยกย้ายกันไปทำงานจนกระทั่งเครื่องลงจอด

คะนึงนางทิ้งตัวลงนอนแผ่หราภายในห้องพักที่ทางสายการบินจัดไว้ให้ เมื่อความอ่อนเพลียหายไปแล้ว เธอจึงรีบอาบน้ำแต่งตัวด้วยชุดสวยทว่าดูทะมัดทะแมง เสียงเคาะห้องดังขึ้นพร้อมด้วยร่างสูงของนักรบที่ยืนพิงตัวกับขอบประตู ชี้นิ้วกรีดกรายมาหาเพื่อนรัก
“ที่บอกว่าจะไปกับโคไพ จริงหรือมั่ว”
“ตอนนี้ยังแต่อีกเดี๋ยวจะได้ไป”
“มั่นใจ”
“แน่สิ แต่แกต้องกันนังไวน์ไว้ให้ฉัน มันอยู่ห้องถัดจากฉัน ขอเวลาสิบนาทีเท่านั้น” หญิงสาวบอกขึ้นอย่างมั่นใจ นักรบมองหน้าอย่างไม่เชื่อถือ เพราะนานแล้วที่รับคำท้าวรินยุพาจนป่านนี้เพิ่งมีโอกาสได้รู้จักกับนักบินหนุ่ม จู่ๆ เขาจะตกปากรับคำพาคะนึงนางไปกินข้าวนะหรือ
เป็นไปไม่ได้!
“ฉันไม่อยากจะเชื่อน้ำยาแก”
“พนันไหมละ ถ้าฉันทำให้โคไพออกไปกินข้าวกับฉันได้ แกต้องเลี้ยงข้าวฉันทุกไฟล์ทที่มาด้วยกันเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์ แล้วถ้าฉันแพ้ ฉันเทกระเป๋าซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่ที่แกอยากได้ให้เลย”
“เครื่องหนึ่งหลายหมื่นนะ แน่ใจ?”
“แน่” หญิงสาวยักคิ้ว สำรวจใบหน้าตัวเองในกระจกอีกครั้งก่อนเดินไปยังห้องมุมสุด อันเป็นห้องใหญ่สำหรับให้กัปตันกับนักบินผู้ช่วย นักรบเองก็ตรงไปเคาะห้องของวรินยุพาที่แต่งองค์ทรงเครื่องสุดฤทธิ์เพื่อที่จะไปหาปฐพีที่ห้อง หยิบแหวนที่พิมานซื้อให้ปลอบใจหลังจากที่มีอะไรกันครั้งแรกมาดู
“ขอโทษนะคะพี่พิมาน ที่จริงไวน์ก็ชอบพี่มากนะ แต่ศักดิ์ศรีมันเรื่องใหญ่ ไวน์จะทำทุกทางเพื่อให้ตัวเองชนะ ไม่ว่าจะแลกด้วยอะไรก็ตาม” วรินยุพาเก็บแหวนไว้ในกระเป๋าตามเดิม เสียงเคาะห้องทำให้เธอลุกเดินไปเปิด แปลกใจที่เห็นว่าเป็นนักรบ
“ไวน์ เธอมียาแก้ปวดท้องไหม ฉันปวดมากเลย” นักรบกุมท้อง ทำสีหน้าแหยแกแต่วรินยุพามองอย่างไม่ไว้ใจว่าอีกฝ่ายจะมาไม้ไหนกันแน่
“ปวดอะไรยะ ปวดท้องเมนส์เหรอ”
“ฉันไม่ได้ล้อเล่นนะ ขอฉันเข้าไปหน่อยนะ” ไม่รอให้เจ้าของห้องอนุญาต นักรบก็แทรกกายเข้าไปแล้วปิดประตูลงตามเดิม เมื่อวรินยุพาถอยห่างอย่างไม่ไว้ใจจึงทรุดตัวลงร้องโอดโอย
“นี่ อย่ามาตายในห้องฉันนะ”
“ช่วยฉันด้วยนะ ขอน้ำอุ่นๆ ให้ฉันซักแก้วก็ได้ เดี๋ยวดีขึ้นฉันจะออกไปซื้อยา” นักรบพยายามบีบน้ำตาสุดฤทธิ์ วรินยุพายังลังเลจนเขาต้องร้องครวญครางอีกครั้ง จึงได้ไปกดน้ำร้อนมาวางให้
“เพื่อนหล่อนไปไหนซะล่ะ”
“ยัยนางออกไปซื้อข้าวมากินที่ห้อง แต่ฉันปวดหนักขึ้นก็เลยรอมันกลับมาไม่ไหว จะไปหาคนอื่นๆ ก็ไม่ค่อยสนิท” นักรบตั้งท่าจะสาธยายออกมาอีกเพื่อถ่วงเวลาแต่เจ้าของห้องตัดบท
“พอๆ ฉันมีธุระต้องไป” วรินยุพาเดินออกไปถึงหน้าประตูแล้วแต่นักรบถลามาขวางพลางร้องไห้สะอึกสะอื้นแล้วกอดรัดเอาไว้
“ฮือ…อย่าทิ้งฉันไปนะไวน์ ฉันกลัว”
“นี่นังบ้า ปล่อยนะ แกคิดจะปล้ำฉันรึไง” วรินยุพาโวยวายทำให้นักรบแอบเบ้หน้า ถ้าเขาคิดจะเปลี่ยนใจปล้ำชะนี นังนี่จะเป็นคนสุดท้ายที่เขานึกถึง
“ฉันเป็นผู้หญิง จะปล้ำเพศเดียวกันได้ยังไง อย่าเพิ่งไปเลยนะ ฉันกลัวว่าจะต้องตายอยู่ในห้องคนเดียว อยู่เป็นเพื่อนฉันจนกว่าคะนึงนางจะกลับมา”
“โอ๊ย…ปล่อยนะ มันธุระอะไรของฉัน อย่าลืมสิว่าเราเป็นศัตรูกัน” หญิงสาวสะบัดมือจึงเกิดอาการยื้อยุดกันไปมา ส่วนคะนึงนางเองก็ต้องใช้เวลาให้เกิดประโยชน์มากที่สุด
หญิงสาววิ่งหน้าตาตื่นมาจนถึงหน้าห้องพักนักบินที่ติดชื่อเขาเอาไว้ตรงช่องเล็กหน้าประตู มาถึงก็กระหน่ำทุบประตูเขาถี่กระชั้น
“ช่วยด้วยคะ ช่วยด้วย”
หญิงสาวร้องขอความช่วยเหลือ ครู่เดียวประตูก็เปิดออก หัวใจสาวเจ้าหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มเมื่อใบหน้าหล่อเข้มปรากฏในระยะใกล้
หล่อ…ชะมัด
“คุณนาง เกิดอะไรขึ้น” เขาถามอย่างตกใจเมื่อเห็นหญิงสาวยืนนิ่งคล้ายตกอยู่ในภวังค์แห่งความตกใจ ชายหนุ่มกวาดสายตามองซ้ายขวาเพราะคิดว่ามีใครวิ่งตามเธอมา เมื่อไม่เห็นจึงดึงตัวเธอเข้าไปข้างใน “ว่าไง เกิดอะไรขึ้นคุณนาง ใครทำอะไร”
“ผะ…ผีคะ ผีหลอกฉัน” หญิงสาวละล่ำละลักบอก ลืมเฉลียวใจว่าเขาเรียกชื่อเล่นเธออย่างสนิทสนมได้อย่างไรในเมื่อเพิ่งเจอกันครั้งแรกและเธอยังไม่ได้แนะนำตัว
ชายหนุ่มถอนหายใจ เมื่อได้ยินว่าเธอตกใจเรื่องอะไร
“โธ่คุณ ผมตกใจหมด”
“ฉันพูดจริงๆ นะคะ ผีมันหลอกฉัน ฉันกำลังจะออกไปกินข้าว จู่ๆ ลมก็พัดเข้ามาในห้องจนข้าวของหล่นกระจาย จะไปหานักรบที่ห้องเขาก็ออกไปกินข้าวแล้ว ฉันกลัว” หญิงสาวทำเสียงสั่น
“ผีไม่มีหรอกคุณ ผมว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญมากกว่า ในห้องอาจจะปิดหน้าต่างไม่สนิท ข้างนอกเองก็ลมแรง งั้นเราไปดูด้วยกัน”
“ไม่ค่ะ ฉันไม่กลับห้องตัวเองเป็นอันขาด” หญิงสาวส่ายหน้าดิกทำให้เขาหรี่ตามอง
“หรือคุณอยากอยู่ห้องผม”
“เอ่อ…” เท้าเรียวถอยกรูดเมื่อชายหนุ่มขยับเข้ามาใกล้ ก่อนยกขึ้นกันตัวเองเอาไว้เมื่อเขายังไม่ยอมหยุดการคุกคาม
“ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ ฉันกลัวไม่กล้าเข้าไปในห้องตอนนี้จนกว่านักรบจะกลับมา แล้วฉันก็ไม่กล้ากลับเข้าไปเอากระเป๋าสตางค์ แค่หยิบกระเป๋าใบนี้มาได้ก็แทบแย่ อีกอย่างตอนนี้ฉันก็หิวมากด้วย พาฉันไปกินข้าวหน่อยนะคะ แสบไส้ไปหมดแล้ว” หญิงสาววางมือทาบกับท้องทำตาปริบๆ ชวนน่าเห็นใจ ทำให้เขาชักไม่แน่ใจว่าที่เธอพูดมาเป็นความจริงหรือมารยากันแน่
“ผมให้ยืมเงิน” เขาแกล้งแหย่ทำให้หญิงสาวรู้สึกเสียหน้า เธออุตส่าห์ทอดสะพานมาซะขนาดนี้แล้วยังไม่ยอมข้าม เขาเป็นผู้ชายหรือพวกเดียวกับนักรบกันแน่
“โคไพมีนัดแล้วเหรอคะ”
“ถามทำไมหรือ” เขาถามยิ้มๆ ตอนนี้รู้แล้วว่าทุกอย่างนี่เป็นแผนการของคะนึงนาง เขาคงจะรู้สึกดีกว่านี้หากไม่รู้ว่าเธอลงทุนทำทุกอย่างเพราะอยากเอาชนะวรินยุพาเท่านั้น
“ถ้ายังไม่มี ให้เกียรติไปเป็นเพื่อนฉันหน่อยนะคะ เกิดผีนั่นมันตามฉันไปจะทำยังไง ฉันกลัว” หญิงสาวลูบตัวทำท่าขนลุก
รอยยิ้มจางๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าเขาแวบหนึ่ง แต่ไม่เร็วเกินกว่าที่เธอจะสังเกตเห็น และมันก็ส่งผลให้หญิงสาวยืนยิ้มค้าง มองเพลิน
“ยิ้มสวย”
“หืม?”
“โคไพยิ้มสวยค่ะ เหมือนผู้ชายคนหนึ่งที่ฉันรู้จัก” ดวงตากลมโตหลุบมองพื้น ใบหน้าแดงซ่านที่เผลอมองจ้องเขาราวกับกำลังตกหลุมเสน่ห์ของเขาก็ไม่ปาน
“ใครเหรอครับ” เขาเดินไปหยิบกระเป๋าสตางค์แล้วถามขึ้น
“อย่าสนใจเลยคะ แค่เรื่องบังเอิญ ยังไงโคไพก็ไม่มีทางรู้จักเขาหรอก แล้วเรื่องข้าวเย็น…”
“ไปสิ” เขาผายมือไปทางประตู รอยยิ้มกว้างจึงปรากฏขึ้น หญิงสาวเดินตามหลังเขาไป เหลือบตามองไปทางห้องวรินยุพาอย่างสะใจ
ป่านนี้…ยัยนั่นคงจู๋จี๋ดู๋ดี๋กับนักรบ ส่วนเธอก็เร่งทำคะแนนกับปฐพีต่อไป



สาริน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 6 พ.ย. 2556, 22:47:43 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 6 พ.ย. 2556, 22:47:43 น.

จำนวนการเข้าชม : 2414





<< ตอนที่ 7 100%   ตอนที่ 8 40% >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account