♥ ♥ ♥ หัวใจร้อยดาว [ชุด ทางลัดสลัดโสด สนพ.อรุณ] ♥ ♥ ♥
อะไรนะ! ถ้าไม่แต่งงานภายในเก้าสิบวัน

เธอต้องขึ้นคานไปตลอดชีวิตเหรอ บ้าไปแล้ว!



ดอกเตอร์ โมนา วิมาลิน อยากอุทานเป็นภาษาต่างดาวชะมัด

แม้จะเป็นคนรุ่นใหม่ ที่ไม่เชื่อเรื่องงมงาย

แต่รุ่นพี่ที่เจออาถรรพ์ก็ขึ้นคานกันไปแล้วถ้วนหน้า

เธอจะเสี่ยงเป็นคนต่อไปจริงเหรอ...



นับว่าพระเจ้ายังไม่ใจร้ายจนเกินไป

เพราะท่านส่ง ชัชวิน มาจีบเธออย่างออกนอกหน้า

ตามมาด้วย เมอร์ซิเออร์ โนแอล เดอแบร์มองต์ สุดหล่อ

แถมยังมี เอกชัย เทรนเนอร์หล่อล่ำ

กับ กฤต นักดนตรี อารมณ์ศิลป์มาให้เลือกพร้อมเพรียง



โมนาไม่ได้โชคดีขนาดนั้น

เพราะระหว่างหาทางลงจากคาน

เธอกลับต้องเผชิญปัญหาเรื่องการงานหนักหน่วง



ในท่ามกลางมรสุมที่พัดจนเธอซวนเซ

โมนาจึงได้เห็นความรักของใครบางคน...ชัดเจนขึ้นในหัวใจ

อยากรู้ก็แต่ว่า...อีกฝ่ายจะรักเธอมากพอ

และชวนเธอลงจากคานทันเวลาไหมหนอ


♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥

เนื้อหาทั้งหมดที่ปรากฎบนหน้าเพจนี้สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พุทธศักราช ๒๕๓๗ ห้ามมิให้ทำการคัดลอก ดัดแปลง หรือแก้ไข บทความเพื่อนำไปใช้ก่อนได้รับการอนุญาต

หากฝ่าฝืน สิริณ(แม่มณี) จะดำเนินการทางกฎหมายทั้งจำและปรับ โดยไม่มีการประนีประนอมใดๆทั้งสิ้น

ผู้ใดชี้เบาะแสการคัดลอก สิริณ(แม่มณี) มีรางวัลนำจับให้ด้วยนะคะ ^^

♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥

เตรียมยิ้มและหัวเราะไปกับ ดอกเตอร์สาวตัวกลม ที่จะทำให้คุณเข้าใจนิยามของความรักในอีกรูปแบบหนึ่ง

หัวใจร้อยดาว - เจ้าสาวร้อยชั่ง ในชุดทางลัดสลัดโสด


เขียนโดย สิริณ - ดวงมาลย์

จ่อคิววางแผงต่อจาก ใต้ปีกรักสีเพลิง เลยค่ะ

เชิญติชมกันได้เต็มที่เช่นเคย



ชวนเพื่อนๆนักอ่านไปกดไล้ค์แฟนเพจของสิริณกันด้วย

ตรงนั้นจะมีกิจกรรมร่วมสนุก แจกของที่ระลึกกันเป็นระยะ

(แน่นอนว่าของที่สิริณมีมากที่สุดคือ 'หนังสือ' :D )

ไปกดไล้ค์กันเยอะๆนะคะ

www.facebook.com/SirinFC
Tags: โนแอล โมนา ขิมคราม รอยตะวัน สลัดโสด

ตอน: ตอนที่ ๑๑ (ครึ่งแรก)

นับจากวันที่โมนาตัดความสัมพันธ์ ชัชวินมีโอกาสปรับความเข้าใจกับหญิงสาวเพียงแค่ครั้งเดียว แถมผลการพูดคุยยังจบลงด้วย ‘ไม่ดี’ อีก ผ่านมาเกือบสามสัปดาห์แล้ว เมื่อสบโอกาสที่เธอเชิญให้เข้าพบในช่วงบ่ายวันศุกร์ถัดมา ชัชวินจึงก้าวผ่านประตูห้องทำงานส่วนตัวของผู้อำนวยการฝ่ายบัญชีเข้ามาด้วยสีหน้ายินดี เขางับประตูปิด ตามด้วยรูดม่านในห้อง แล้วเดินมานั่งลงที่ฝั่งตรงข้าม เปิดหัวข้อสนทนาด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน “ยอมให้ผมเข้าพบแล้วหรือคนดี”

“ค่ะ” โมนาหมุนแฟ้มเอกสารให้ชายหนุ่มดู แล้วถามเข้าประเด็นทันที “ฉันตรวจสอบบัญชีของบริษัทมาพักใหญ่แล้ว พบว่ามีรายจ่ายหลายรายการที่คุณปลอมแปลงใบเสร็จมาขอตั้งเบิก รู้ใช่ไหมคะว่านี่มันเข้าข่ายทุจริตน่ะ”

“โธ่...โม เอาเรื่องงานไว้คุยกันทีหลังได้ไหม ผมอยากคุยเรื่องของเราก่อน”

“ไม่มีเรื่องของเราให้คุยค่ะ ถ้าคุณหาคำอธิบายที่ดีให้ไม่ได้ ฉันจะแจ้งความดำเนินคดีค่ะ”

ชัชวินหน้าเคร่ง รอยยิ้มบนใบหน้าค่อยๆแปรไปเป็นกระด้างเย็นชาทีละนิด “เราเจรจาเรื่องนี้กันได้นะโม อย่าบังคับให้ผมต้องทำอะไรรุนแรงเลย”

“คุณขู่ฉัน” เธอสานสายตากับเขา ไม่มีวี่แววเกรงกลัวสักนิด “คิดว่าทำได้จริงเหรอ ไอ้ความรุนแรงที่ว่าน่ะ”

“อย่าท้าทายผมเลยโม ได้ไม่คุ้มเสียหรอก” ชัชวินลุกขึ้นยืนค้ำสองมือบนโต๊ะ คุกคามเธอด้วยท่าทางและน้ำเสียง “เอกสารพวกนั้นคุณอนุมัติจ่ายเงินไปตั้งแต่ตอนที่เราคบกันอยู่แล้ว ใครจะเชื่อว่าคุณไม่มีเอี่ยวกับเงินที่ถูกเบิกออกมา คนทั้งบริษัทรู้กันทั่วว่าเราบินไปต่างประเทศบ่อยแค่ไหน ดูเหมือน ‘ที่มา’ ของเงินจะมี ‘ที่ไป’ ลงตัวพอดีเลยนะ”

“นี่คุณจะแบล็กเมล์ฉันงั้นเหรอ”

“ผมแค่หาทางเจรจาประนีประนอมอย่างสันติต่างหาก เพราะถ้ามันอื้อฉาวขึ้นมา ผมจะบอกว่าคุณนั่นแหละที่บอกช่องโหว่พวกนี้ให้ผมรู้ และสั่งให้ผมปลอมเอกสารมาโกงบริษัท ไม่คุ้มหรอกถ้าดอกเตอร์โมนา วิมาลิน จากอเมริกาจะถูกข้อหายักยอกบริษัท เพราะอีกหน่อยคงไม่มีใครกล้าจ้างคุณไปทำงานอีกแน่นอน”

โมนาเงยขึ้นสบตาชายหนุ่มนิ่งๆ น่าแปลก...ถ้อยคำของเขาข่มขู่และเจตนาโยนความผิดทั้งหมดให้เธอ แต่โมนากลับ ‘ไม่’ รู้สึกว่าดวงตาของเขามีร่องรอยเกรี้ยวกราดเลยสักนิด

แล้วความจริงอันน่าเศร้าก็ผุดเข้ามาในใจ คงเพราะผู้ชายคนนี้ไม่เคย ‘รู้สึกรู้สา’ อะไรกับเธอนั่นเอง อย่าว่าแต่รักเลย เกลียดเขาก็ไม่เกลียดด้วยซ้ำ คนที่เฉยชาต่อกันได้ขนาดนั้น แต่ก็ยังแสร้งทำท่าว่ารักกันได้ ช่างเลือดเย็นเหลือเกิน “คุณคบกับฉัน เพื่อหาโอกาสโกงบริษัทโดยที่ฉันไม่ทันระวังใช่ไหม” โมนาซ่อนความสะเทือนใจไว้ไม่มิด ทั้งน้ำตาก็เอ่อกบตาโดยไม่ทันควบคุม เจ้าตัวรีบก้มหน้ากรีดน้ำตาทิ้ง ไม่ต้องการให้ชัชวินสมเพชเธอไปมากกว่านี้

ชายหนุ่มยืดตัวตรง ยึดแฟ้มของโมนาไปถือไว้แทนคำตอบ “ขอบคุณนะที่เชิญผมมารับของสำคัญด้วยตัวเอง ไว้ผมแก้ไขรายละเอียดเรียบร้อยแล้ว ผมจะเอาแฟ้มนี้มาคืน” ชัชวินหมุนตัวเดินไปยังประตู

ยังไม่ทันจับคันเปิด เสียงโมนาก็ดังมาจากเบื้องหลัง “ฉันไม่ยอมปล่อยให้คุณลอยนวลไปได้ง่ายๆหรอกนะ”

“ผมรู้ว่าคุณฉลาด ไม่งั้นคงเป็นดอกเตอร์ไม่ได้หรอก เพราะฉะนั้นในฐานะของคนรักกันนะ ขอแนะนำว่าอย่าคิดโง่ๆแบบนั้นอีกเลย เพราะผมคงจะต้องขัดขวางคุณทุกวิถีทาง”

“คุณต้องการเงินมากแค่ไหนถึงจะหยุดทำเรื่องแบบนี้ เงินมันสำคัญสำหรับคุณมากขนาดนั้นเลยเหรอคะ”

“คนมีเงินใช้ไม่ขาดมืออย่างคุณคงไม่มีวันเข้าใจหรอกโม” เขาพูดทิ้งท้าย ก่อนเปิดประตูเดินจากไป

โมนากุมศีรษะด้วยความหนักใจ แวบหนึ่งอดโกรธตัวเองไม่ได้ที่ผลีผลามไม่รอบคอบ เธอคิดว่าชัชวินจะยอมรับผิดแต่โดยดี และรีบนำเงินที่ทุจริตกลับมาคืนบริษัท แต่ดูเหมือนเขาจะเชื่อมั่นเหลือเกินว่าเธอไม่สามารถเอาผิดเขาได้ ชายหนุ่มจึงดูหยิ่งผยองจนน่าหวาดหวั่นเช่นนี้

ผู้อำนวยการสาวสลัดศีรษะปัดความกังวลออก เธอต้องหาหลักฐานที่แน่นหนากว่านี้มามัดตัวชัชวินและพวกพ้อง ไม่มีประโยชน์ที่จะจมอยู่ในบ่อน้ำของความทุกข์ สู้เอาเวลาไปทำเรื่องที่เกิดประโยชน์ดีกว่า

ทุกวันศุกร์พนักงานบัญชีจะตรวจสอบค่าใช้จ่ายบริษัท และจัดทำเช็คสั่งจ่ายลงวันที่และจำนวนเงินแนบบันทึกอนุมัติส่งให้เธอตรวจสอบ ซึ่งโมนามีหน้าที่ลงนามเพื่อสั่งจ่ายตามขั้นตอนต่อไป

เสียงกริ่งเบาๆเป็นสัญญาณว่ามีสายภายในเรียกเข้า ทำให้โมนาซึ่งกำลังอ่านเอกสารอยู่จำต้องหันไปเหลือบมองชื่อคนโทร.เข้าจากหน้าจอเล็กๆของโทรศัพท์ หญิงสาวเผลอยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นชื่อ และรีบเอื้อมมือไปรับสาย

“ขอรบกวนเวลาคุณสักยี่สิบนาทีสิ ผมอ่านเอกสารการเงินฉบับนึงแล้วมีคำถาม เดี๋ยวไปหาคุณที่ห้องได้ไหม”

โมนาชั่งใจมอง ‘สำเนา’ การทุจริตของชัชวินบนโต๊ะ ไม่ดีแน่หากปล่อยให้เขามาเห็นของพวกนี้ เธอต้องกำจัดข้อบกพร่องใดๆก็ตามที่จะแปดเปื้อนชื่อเสียงดอกเตอร์โมนา วิมาลิน ให้หมด ไม่ควรให้ใครรับรู้เรื่องเช่นนี้เด็ดขาด!

“เดี๋ยวฉันไปหาคุณที่ออฟฟิศดีกว่าค่ะ จะให้ไปตอนนี้เลยไหมคะ”

“โอเค งั้นมาเลย ผมจะคอย” เขารับคำแล้ววางสายไปง่ายๆ

ผู้อำนวยการสาวเหลือบมองแฟ้มที่กางอยู่ตรงหน้าเล็กน้อย มีเช็คอีกหลายใบรอให้เธอลงนามสั่งจ่าย ทว่าขืนช้าเดี๋ยวโนแอลเกิดอดทนรอไม่ไหวบุกมาที่ห้องจะยิ่งยุ่ง คิดสะระตะดีแล้ว เธอจึงตัดสินใจพับแฟ้มวางแอบไว้ข้างๆ โดยแวะที่โต๊ะพิชญาสั่งการ “เอกสารที่จะส่งให้สรรพากร ฉันเซ็นแล้วนะ เดี๋ยวส่งต่อไปดำเนินการได้เลย ส่วนแฟ้มเช็ค ฉันยังเซ็นไม่หมด แผนกไหนมาถาม บอกไปละกันว่าจะได้ตอนบ่าย”

พิชญาค้อมศีรษะรับคำ คอยจนเจ้านายลับกายเข้าไปในห้องทำงานของซีอีโอตรงสุดทางเดินแล้ว จึงถือสมุดเล่มหนึ่งเข้าไปในห้องผู้อำนวยการ หญิงสาวเปิดแฟ้มที่แนบเช็คไว้ไล่ไปเรื่อยๆ ในแต่ละหน้าจะมีเอกสารขออนุมัติระบุจำนวนเงินและชื่อผู้รับสอดอยู่คู่กับเช็ค โดยปกติโมนาจะต้องเซ็นอนุมัติ แล้วจึงลงนามในเช็คคู่กัน เอกสารทั้งสองฉบับจึงจะถูกนำไปดำเนินการต่อตามขั้นตอน

พิชญาพลิกหาหน้าที่สั่งจ่ายเป็น ‘เช็คเงินสด[1]’ จากนั้นดึงเช็คที่เซ็นชื่อแล้วออกจากแฟ้มมาพับสอดใส่กระเป๋ากระโปรง รีบสลับเช็คเปล่าอีกใบจากสมุดมาวางแทน โดยกรอกตัวเลขใส่เช็คให้ตรงกับเอกสารอนุมัติ สุดท้ายจึงหยิบแฟ้มที่ตั้งใจเข้ามาเอา พร้อมกับถือสมุดเล่มเดิมติดมือออกมา กระบวนการทั้งหมดกินเวลาไม่ถึงสองนาที เช็คเงินสดมูลค่าเก้าแสนบาทลงนามเรียบร้อยแล้วใบหนึ่งก็หายไปจากระบบโดยที่ไม่มีใครรู้เลย!



โนแอลหมุนแฟ้มที่มีเครื่องหมายเน้นข้อความหลายแห่งไปข้างหน้าผู้อำนวยการฝ่ายการเงิน พลางถามด้วยน้ำเสียงสบายๆไม่ให้เป็นการคาดคั้นหรือจับผิด “สอนอ่านงบพวกนี้หน่อยสิเชรี ผมดูแล้วไม่เข้าใจ” เขาชี้ตารางในเอกสาร แต่สายตาจับจ้องมองสีหน้าของหญิงสาวอย่างตั้งใจ

ดอกเตอร์ด้านการเงินจากอเมริกาชะโงกหน้ามาดูเอกสาร พอเห็นข้อความชัดๆก็ชะงัก และเพียงรู้สึกตัว เธอก็รีบแต่งยิ้มแต้มไว้บนใบหน้า เงยขึ้นถามอีกฝ่ายด้วยท่าทางเป็นกันเอง “คุณไปเอาเอกสารนี่มาจากไหนเหรอ”

หากไม่ได้จับสังเกตสีหน้าของเธออยู่ เขาคงมองไม่เห็นกิริยาที่โมนาผงะไปเล็กน้อย ยิ่งเมื่อเธอปรับท่าทีให้เป็นธรรมชาติก็ยิ่งไม่หลงเหลือพิรุธใดให้เอะใจเลย “คุณวสันต์หามาให้น่ะ ถามทำไมเหรอ”

“ฉันแปลกใจน่ะ ปกติพวกนี้เป็นเอกสารลับ ฉันคิดว่ามันมีตัวจริงอยู่ที่ฉันแค่ชุดเดียวซะอีก”

“ผู้ช่วยส่วนตัวของผมต้องทำสำเนาเอกสารทุกฉบับที่ซีอีโอลงนามและนำไปเก็บในห้องเอกสาร มันเป็นกฎใหม่ที่ทางฝรั่งเศสเพิ่งออกมาเมื่อปีที่แล้ว ตอนผมอยู่ปารีส เราทำเป็นหนังสือเวียนแจ้งมาที่ซีอีโอของทุกประเทศน่ะ”

“อ๋อ...ฉันมันผู้น้อยอยู่นอกวงนี่เอง เลยไม่เคยเห็นคำสั่งนั้น” โมนาหัวเราะขันๆ แต่คนมองกลับสังเกตเห็นร่องรอยกังวลที่เจืออยู่ในแววตาของเธอชัดเจน

“กล้าพูดเนอะ ผอ.ฝ่ายการเงินบอกว่าตัวเองเป็นผู้น้อยเนี่ย” เขาหยิบปากกาเคาะหน้าผากเธอเบาๆอย่างล้อเลียน “เอ้า! อธิบายมาได้แล้วคุณครู นักเรียนรอฟังอยู่”

โมนายู่หน้าใส่เขา เป็นกิริยาที่คนมองชักจะชินเสียแล้ว เพราะเธอทำบ่อยขึ้นทุกทียามไม่ได้ดังใจ “ไม่เห็นจะยากเลย ก็แค่บัญชีแยกประเภทที่ทำรายละเอียดแบ่งไว้ว่ามีใครเป็นลูกหนี้และเจ้าหนี้ของบริษัทบ้าง ลูกหนี้ส่วนใหญ่ของลียองก็คือพวกค่ายรถ พอมีคนซื้อรถ ค่ายรถจะส่งทะเบียนมาให้ลียองอีกทอด ฝ่ายบัญชีก็จะบันทึกในระบบว่ามีลูกหนี้เกิดขึ้น ส่วนเจ้าหนี้ก็เป็นพวกอู่รถ บริษัทยกลากรถ พวกคู่ค้าที่เป็นทีมให้บริการของลียอง เวลาเขาออกไปช่วยซ่อมรถให้ลูกค้าก็จะเรียกเก็บเงินมาที่ลียอง ฉันไม่เข้าใจว่าคุณจะงงตรงไหน”

“หลายเดือนที่ผ่านมาค่ายรถเป็นหนี้เราเพิ่มขึ้นอัตราเฉลี่ยราว ๑.๓ เปอร์เซ็นต์ แต่พวกอู่ซ่อมรถกลับเรียกเก็บเงินเพิ่มสูงถึง ๒.๘ เปอร์เซ็นต์ มันไม่สมดุลกันเลยนะ ถ้าสถานการณ์ยังเป็นอย่างนี้ต่อไป ลียองประเทศไทยคงเข้าสู่วิกฤติเท่าทุนภายในไม่ถึงหนึ่งปี และในอีกไม่เกินสิบแปดเดือนก็อาจกลายเป็นขาดทุนเลยด้วย”

“การที่คนใช้รถใช้ถนนจะมีเหตุฉุกเฉินต้องเรียกใช้บริการของลียอง มันเป็นเรื่องที่ควบคุมไม่ได้นี่คะ”

“คุณอาจต้องปรึกษากับฝ่ายขาย แนะนำให้แสงดาวขึ้นราคาค่าบริการกับค่ายรถ เพราะรถเขามีปัญหาบ่อยเกินไปแล้ว เมื่อเรามีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น เขาต้องจ่ายแพงขึ้น”

โมนาถอนหายใจ “ฉันรู้นะว่ามันดูไม่ดีที่จะพูดอย่างนี้ เหมือนไม่เป็นมืออาชีพเลยที่ไม่รู้จักแยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวออกจากกัน แต่ตอนนี้ผู้อำนวยการฝ่ายขายเกลียดหน้าฉัน สาเหตุก็มาจากคุณนั่นแหละ โอเคปะ”

“ผมไม่เห็นจะรู้สึกว่าแสงดาวพิศวาสผมถึงขนาดที่จะต้องเกลียดคุณเลย เขาไม่เห็นจะเดือดร้อนใจสักนิดที่ผมไม่แยแสเขา แต่หงุดหงิดมากที่ผมสนใจคุณ ผมว่าเป้าหมายของเขาคือเกลียดชังในทุกเรื่องที่คุณทำมากกว่านะ ถามจริง...คุณเคยไปทำอะไรให้เขาแค้นฝังหุ่นขนาดนี้กันแน่”

“ใช่ว่าฉันโรคจิตอยากให้มีคนมาเกลียดมาชังฉันหรอกนะ ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเคยไปทำอะไรให้เขาไม่ชอบหน้า ฉันก็อยู่ของฉันดีๆ ไม่เคยไปสร้างความเดือดร้อนให้เขาสักหน่อย”

เมื่อเห็นโนแอลพยักศีรษะอย่างครุ่นคิดไม่เอ่ยสิ่งใดอีก โมนาจึงวกกลับมาที่เรื่องเดิม “คุณมีเรื่องจะถามฉันอีกไหม ฉันเหลือเอกสารต้องอ่านอีกเพียบเลย”

“ไม่มีแล้ว ขอบคุณมากที่มาอธิบายให้ฟัง ว่าแต่...เมื่อเช้าผมไม่เห็นคุณเตรียมกระเป๋าใส่เสื้อผ้ามาเลย อย่าบอกนะว่าเย็นนี้จะโดดไม่ยอมไปฟิตเนสน่ะ”

โมนายิ้มแหย “ฉันมีนัดกับเพื่อน ขอเบี้ยวฟิตเนสวันนึง เจอกันที่บ้านละกัน”

“นัดกับเพื่อนเหรอ งั้นก่อนกินอะไรก็ให้คิดเยอะๆด้วยนะว่าคุณต้องสกายวอล์คเกอร์หรือโยคะกี่นาที กว่าจะเผาผลาญพลังงานได้หมดน่ะ”

“ย้ำซะจัง คุณนี่...น่าเบื่อชะมัด”

“ย้ำสิ ขืนคุณอ้วนเป็นตุ่มต่อขาอย่างนี้ เมื่อไหร่ผมจะหาแฟนให้คุณได้สำเร็จล่ะ ผมไม่ได้ตามไปคุมอย่างนี้ ไม่อยากนึกภาพเลย คุณคงฟาดเต็มคราบแหง ถ้ายังไงก็จำเคล็ดลับที่ผมสอนไว้ด้วยล่ะ จำไว้ให้แม่นๆเลย สัญญานะ”

“โอเคๆ สัญญา ฉันจะเคี้ยวช้าเอาโล่เลย พอใจหรือยังยะ”


[1] องค์กรหรือนิติบุคคล ‘ไม่นิยม’ สั่งจ่ายเช็คเงินสด เนื่องจากไม่ปลอดภัย เพราะผู้ถือเช็คนำไปขึ้นเงินสดได้เลย แต่บางครั้งคู่ค้าขอผ่อนปรนเป็นกรณีพิเศษ หากเป็นคู่ค้าที่มีความสำคัญกับบริษัท องค์กรก็จำเป็นต้องปฏิบัติตามเงื่อนไข



(จบครึ่งแรก)



สิริณ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 7 พ.ย. 2556, 00:27:30 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 7 พ.ย. 2556, 00:27:30 น.

จำนวนการเข้าชม : 1620





<< ตอนที่ ๑๐ (จบตอน)   ตอนที่ ๑๑ (จบตอน) >>
konhin 7 พ.ย. 2556, 01:18:53 น.
ทำไมไม่อัดเสียงไว้ โมนาาาาา


นักอ่านเหนียวหนึบ 7 พ.ย. 2556, 01:26:54 น.
หืมมมมม
น่ากลัวนะเนี่ย ทำงานกันเป็นทีมเบยย


ree 7 พ.ย. 2556, 01:36:39 น.
ลิซ่าจะแก้ไขทุกอย่างกลับมาได้ก่อนที่จะถูกซีอีโอตั้งข้อหาไหมนะ เหมือนถูกรุมทุกทางเลย


Pat 7 พ.ย. 2556, 06:25:43 น.
น่าจะแอบติดกล้องในห้องโมนานะเนี่ยโนแอล มีแต่คนคิดจะโกงบริษัท


Zephyr 11 พ.ย. 2556, 10:43:45 น.
โมนา เธอซวยละ ซวยซ้ำซวยซ้อนด้วย


ketza 10 ธ.ค. 2556, 13:52:55 น.
งานเข้าาาาาาาาาาาา


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account