โมรารัตติกาล {{{ชุดอัญมณีเหนือกาล}}}สนพ.อรุณ
รัตติกาล ทิวา สนธยา สามเวลาที่อยู่คู่โลกมาแต่บรรพกาล
ตำนานบทใหม่แห่งอัญมณีเหนือกาลจะเริ่มต้นขึ้นในไม่ช้า!

-------------------------
ยังเคยยินเรื่องราวของหินโมราแห่งรัตติกาล
พลอยโบราณล้ำค่าที่อาจนำพาใครบางคนหวนสู่อดีตกาล เรื่องของมันอาจถูกกลบฝัง
กร่อนกลืนไปกับเงื้อมเงาแห่งกาลเวลาที่ค่อยๆเปลี่ยนความรับรู้ของผู้คน
แต่กับเขา...
ผู้ซึ่งมีเพียงความแค้น ไม่มีแม้ร่างกาย เป็นแต่เพียงวิญญาณที่ล่องลอยไปในราตรี
เฝ้าเพรียกหาให้อดีตหวนคืนกลับ เพื่อเปลี่ยนวันแห่งความพ่ายแพ้ให้กลายเป็นชัยชนะ
เวลาผ่านเนิ่นนานนับสิบๆปีจากวันที่เขาตาย
โลกเปลี่ยนแปร แต่ใจของเขาไม่เคยเปลี่ยนตาม
เขายังคงไม่ไปไหน
แม้จำได้ว่าตนเองเคยมีนาม เคยเป็นใครคนหนึ่งที่ถูกเรียกขานว่าชามัล เมห์ฮรา
แต่ตอนนี้แทบไม่รู้สึกว่านามนั้นคือตนเอง ไม่ได้มีใครเรียกชื่อเขานานมากแล้ว
ตั้งแต่เขากลายเป็นชีวิตไร้ตัวตนในความมืด ที่ยังจำได้ดีคือความแค้นต่อทุกสิ่งทุกอย่าง
ไม่เว้นแม้กระทั่งแค้นตัวเอง ที่พ่ายแพ้ และต้องตาย...
วิญญาณของเขายังรอคอยวันที่มือซึ่งมองไม่เห็นคู่นี้จะเอื้อมคว้าไปถึง
อัญมณีเม็ดนั้นที่จะพาเขากลับไปแก้ไขอดีต
...โมราแห่งรัตติกาล
และคนที่จะนำพาเขาไปถึงมันได้ มีแค่เพียงคนเดียวเท่านั้น


------------------------------------
เรื่องเริ่มต้นที่ร้านอัญมณีเก่าคร่ำคร่า หลายคนเดินผ่านเลยไป แต่มีบางคน...
คนที่ตามหาเท่านั้นจึงจะค้นพบการมีอยู่ของร้าน และเปิดประตูเข้ามา
ตัวร้านเดินทางอยู่ในระหว่างมิติเวลา บางทีมันอาจไปโผล่ที่ตรอกโทรมๆสักตรอกในอนาคต
หรือในซอยคับคั่งย่านเยาวราชที่คนพลุกพล่านเดินผ่าน แต่จะไม่มีใครหยุดสนใจ
นอกเสียจากคนผู้มีชะตาผูกพันกับพลอยทรงอำนาจลึกลับสักเม็ดในร้าน
ท่านจะได้รับการต้อนรับจากเจ้าของร้านที่ชื่อ มิตร เมห์ฮรา

Tags: มนตราอัญมณี มายาไฟในดวงตา ชามัล มิตร สิตารา มัชฌิม์ รัตติดารา สิงหรานี ราศีที่สิบสาม ม่านทิวาพชร มรกตสนธยา

ตอน: บทนำ

ไกล...ไกลแสนไกล ข้ามเวิ้งฟ้าดารดาษดาวสู่ทิศพายัพ
สายลมโบกโบยแตะต้องสัมผัสปลายไม้ต้นสูงซึ่งเบียดเสียดกันเป็นป่าใหญ่
กิ่งก้านของหมู่ไม้ไหวสะท้านไปกับลมแม้ลำต้นปักตรึงแน่นจะมิได้สะเทือนตาม
ลมอันพัดพามาจากดินแดนอื่นยังคนไหลวนอยู่เบื้องสูง ไม่ยอมห่างหายจากไปไหน

ยามค่ำคืน ตัวตนของเราคล้ายลอยล่องไปในกระแสอากาศ
เมื่อลมวู่หวิวครวญครางซอนซอกตามคูหาศิลาแลงที่ซุกซ่อนอยู่ใต้ภูผา
เราก็เป็นส่วนหนึ่งของลมนั้นด้วย
วันคืนหมุนผ่าน จวบเป็นปี...ก็ยังได้แต่วนเวียนอยู่รอบนอก
ไม่อาจล่วงเข้าสู่ภายใน ‘บ้าน’ รวงรังถิ่นเคยเนา

สายลมกรีดเสียงเกรี้ยวกราดราวกำลังร่ำไห้พร่ำหาอดีต
ยังยึดติดในความฝันอันไม่รู้ตื่น
ไม่อาจรับความจริงที่ตนกลายเป็นความว่างเปล่า
เป็นหนึ่งเดียวกับอากาศ...


เสียงนกกลางคืนกู่ก้องแผ่วหายเป็นห้วงๆ คล้ายใจจะขาดรอนลงด้วยผวาหวาดกลัวบางสิ่ง
ท่ามกลางความอ้างว้างของป่า ชายผู้หนึ่งคลุมผ้าดำทั้งตัวก้าวพ้นวังเมห์ฮราอันศักดิ์สิทธิ์
ซึ่งซ่อนอยู่ใต้ภูผาศิลา สู่ความมืดทะมึนแห่งไพร เท้าย่ำกรอบแกรบไปบนซากใบที่ทิ้งตัวลงเกลื่อน
เร้นกายผ่านไปใต้ร่มไม้ ค้างคาวหรือไม่ก็คงเป็นนกใหญ่ตัวหนึ่งตีปีกพึ่บพั่บกรีดร้องสาปแช่ง
ยามโฉบหนีไปจากเงาไม้เบื้องบนพาให้สะดุ้งผวา แน่นอนว่าเขากลัว ทั้งร่างสั่นเทาด้วยความเหน็บหนาว
แต่เขาก็ยังออกมา...ตามคำเรียกของสายลม

‘พ-ร-ต...พรต’

ลมเสียดกับกิ่งไม้เป็นเสียงซ้ำๆกัน ฟังคล้ายชื่อของเขา เหมือนน้ำเสียงของใครคนหนึ่ง
ซึ่งเขาเคยหวั่นเกรงในยามเมื่อฝ่ายนั้นยังมีชีวิต ทำให้ชายในชุดคลุมยิ่งสั่น กลัว เกรง
แต่ความรักภักดียังไม่จางหาย ถ้าหากไม่ใช่เขาแล้วจะมีใครรับฟังเสียงเรียกขานของลมปิศาจ
จนยอมออกมาเช่นนี้ คงไม่มีแน่

‘พรต-ต-ต’ เสียงแหบโหยนั้นครางอีก

ชายร่างสันทัดหยุดลง ณ ทำเลเหมาะ มือสั่นระริกเร่งก่อกองไม้และหิน สุมเชื้อไฟ
ก่อนจะคว้าไฟแช็คเก่าคร่ำออกมาจากใต้ชายผ้าซึ่งคลุมเนื้อตัวไว้มิดชิด เกือบจะ
ทำมันหล่นหลุดมือด้วยความประหม่า ไม่ช้าไฟกองน้อยก็ก่อเกิด แสงหรุบหรู่นั้นเพียงพอ
ที่จะส่องให้เห็นเงาน่าสะพรึงของสรรพสิ่งที่เหยียดตัวขึ้นโดยรอบ เมื่ออาศัยพลังจากไฟกองนั้น
ก็เสมือนหนึ่งขับให้พลังของเงาและความมืดยิ่งทวีความชัดเจน

‘พรต...ข้าอยู่นี่ หันมา’
เสียงลมแผ่วโหยครางอยู่ใกล้เขานิดเดียวเท่านี้เอง! เหงื่อไหลหยดเป็นทางทั้งที่อากาศหนาว
จนมือแทบแข็ง ฟันเขากระทบกันกึ่กๆ ก่อนจะค่อยๆบังคับตัวเองให้หันไป

เป็นเขาเองไม่ใช่หรือที่ตามเสียงนี้ออกมา เป็นเขาเองใช่หรือเปล่าที่ร่ำร้องอยากให้ท่านกลับมา
เขาเห็นแล้วว่าต้นเสียงนั้นมาจากไหน เงาของเขาคล้ายจะขยายขึ้นจากที่เคย ใหญ่ขึ้น
สูงขึ้นเกือบเท่าตัวในท่าคุ้มงอทรมาน ดูไปก็คล้ายมีใครกำลังเกาะติดอยู่บนหลัง
รู้สึกหน่วงๆจนเข่าแทบทรุดลงถึงพื้น

“ทะ...ท่าน...ชามัล” คนเคยเป็นข้ารับใช้ครางด้วยริมฝีปากซีดขาว
ความตื้นตันและหวาดกลัวประดังขึ้นกลายเป็นหยดน้ำตาที่เริ่มไหลพราก
“ในที่สุดท่านก็กลับมา ข้าวิงวอนทุกวันให้ท่านมาหา”

เงานั้นสั่นพร่าไหววูบคล้ายกำลังขำขันระคนสมเพช
แต่รังสีคุกคามกลับแผ่ขยายจนรู้สึกเสียดเข้าไปถึงสันหลัง

“ยะ อย่าโกรธข้า ข้าพยายามหาหนทางแล้วที่จะพบท่าน แต่ข้ารู้ว่ายามท่านดับชีวิต
วิญญาณท่านแตกสลายไปด้วยพลังไฟที่แผดเผา มันทำให้ตัวตนของท่านต้องทนทรมาน
ไม่เหมือนวิญญาณทั่วไป” ขณะพูด มุมปากของเขาสั่นกระตุก รู้ดีว่าไม่ใช่แค่นั้น
เพราะความเจ็บแค้นผูกพยาบาทต่างหาก ทำให้ผู้เคยเป็นนายตนต้องทรมาน
แต่จะเอ่ยออกไปได้อย่างไร แค่นี้ลมหายใจของเขาก็แทบจะหยุดอยู่รอมร่อแล้ว

‘เข้าไป ไม่ได้... ข้าเข้าไปไม่ได้---’

“ท่านหมายถึงอะไร เข้าไปในเมห์ฮราไม่ได้หรือ” พรตแทบจะกัดลิ้นตัวเอง
“ที่นั่นมีบรรพชนรักษาอยู่ ท่านก็รู้” ปลายเสียงแทบแผ่วหายไปในคอเมื่อรู้สึกได้ถึง
เงามืดที่เริ่มจะบีบคั้นเข้ามาทุกขณะ ไฟกองเล็กหรี่วูบลงคล้ายจะดับ ท่านคงต้องเกรี้ยวกราด
จนถึงขีดสุด แน่ละ ที่อันเคยเป็นบ้านไม่เปิดออกต้อนรับ แม้แต่วิญญาณที่โอบล้อมรักษาอยู่
ก็ยังผลักไสไม่ให้กรายใกล้ เพราะรู้ว่าท่านชามัลจะทำอันตรายใครบางคนที่อยู่ภายใน!

‘ข้า เป็นนน---ส่วนเกิน’

“ไม่ใช่ ข้ารู้ว่าแบบนี้ไม่ถูก พวกมันต่างหากมาทีหลัง เมห์ฮราเป็นบ้านที่ท่านเกิด
เคยอยู่ เคยนอน วันหนึ่งท่านจะได้กลับเข้าไป”

‘ข้าต้องการเพียงแค่ พบกับท่านปู่-- ปลุกท่าน...จากนิทรา’

“เรื่องนั้นคงจะไม่มีทางเป็นไปได้ง่ายๆ ตะ แต่ว่าหากเป็นการสื่อสารระหว่างจิตต่อจิตแล้ว
บางทีถ้าท่านได้เข้าไป” พรตรู้สึกว่าไหล่หนักอึ้งยิ่งขึ้นไปอีก ความรู้สึกกดทับลงมาจนแทบพูดไม่ออก
เขาหายใจหอบ ก่อนจะเสียหลักทรุดลงคุกเข่า สองมือกระแทกยันพื้นเมื่อเงาผลุนผลันจากไป

“ท่านชามัล ท่านจะไปไหน ได้โปรด! รอก่อน---”
เสียงเรียกสะท้อนก้องในไพรมืดสนิท ผสานกับสายลมที่ครางสะพัดไกลออกไป
ท่านยังคงไม่อาจครองสติ สูญเสียการควบคุมตัวเองเหมือนเวลาก่อนที่ท่านจะตายไม่มีผิด
รุ่มร้อน เร่งเร้า ไม่หยุดฟังความจริงอื่นใดที่ผู้อื่นเพียรจะบอก


สายลมกำลังคั่งแค้นจนปวดร้าวในวิญญาณ แม้จำได้ว่าตนเองเคยมีนาม
เคยเป็นใครคนหนึ่งที่ถูกเรียกขานว่าชามัล เมห์ฮรา แต่ตอนนี้แทบไม่รู้สึกว่านามนั้นคือตน
ไม่มีใครเรียกชื่อเขานานมากแล้ว เขาไม่เป็นที่ต้องการของตระกูล กลายเป็นชีวิตไร้ตัวตนในความมืด
เวลาผ่านเนิ่นนานจากวันที่เขาตาย โลกเปลี่ยนแปร แต่ใจเขาไม่เคยเปลี่ยนตาม ยังคงไม่ไปไหน
ที่ยังจำได้ดีกว่าอื่นใดคือความแค้นต่อทุกสิ่งทุกอย่าง

ไม่เว้นแม้กระทั่ง...แค้นตัวเอง ที่พ่ายแพ้และต้องตาย

ลมสลาตันแรงกล้าพัดสู่ช่องทางใต้ผาหิน หวังทะลุทะลวงเข้าไป แต่แรงสะท้อนกลับ
ที่มองไม่เห็นของภูผานั้นกระแทกลงมาราวกับจะป่นสลายวิญญาณของเขาลง

เมื่อลมวนวกขึ้นทิศบน ทวารบาลผู้รักษาทิศอากาศรัสมิงก็สกัด ครั้นจะวกหาทางเข้าด้านใต้ดิน
ผู้รักษาปฐวีรัสมิงก็กั้นขวาง อำนาจของเขาแรงกล้า ทว่าวิญญาณบรรพชนนับสิบนับร้อยที่มารวมตัวกัน
ปกปักที่นี่กลับแรงยิ่งกว่า รู้สึกราวกับถูกถีบออกมาแล้วกระทืบซ้ำด้วยบาทาเมื่อขืนจะเข้าไปให้ได้
วิญญาณของเขาไม่เป็นที่ต้อนรับ หากจะผ่านเข้าไปในบ้านที่กลายเป็นรังของศัตรู...
เขาจะต้องมีร่างอย่างมนุษย์

‘เข้าใจละ ขอแค่มีร่าง ร่าง...ที่มีพลังมากพอ ถึงตอนนั้นใครก็ขวางไม่ได้
แล้วข้าจะมาทวงสิทธิ์คืน! ทั้งอำนาจ ทั้งชัยชนะอย่างที่ควรจะเป็น’

ทว่าสิ่งสำคัญที่สุดซึ่งจะนำพาไปสู่หนทางนั้นได้ เพียงมีมันเขาก็จะชนะ
เมื่อนั้นวิญญาณของชามัลจึงเบนเป้าหมายและเริ่มต้นเดินทางออกตามหา
จากนี้ไปอีกนาน...และคงจะนานเป็นหลายปี ความหวังคงเหลือแต่เพียงรอคอย
วันที่มือซึ่งมองไม่เห็นคู่นี้จะเอื้อมคว้าไปถึงอัญมณีที่จะพาเขากลับไปแก้ไขอดีต

...โมราแห่งรัตติกาล




อสิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 7 พ.ย. 2556, 09:43:42 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 7 พ.ย. 2556, 10:34:36 น.

จำนวนการเข้าชม : 2089





   บทที่ ๑ ในกาลเวลา >>
ketza 7 พ.ย. 2556, 09:55:52 น.
อ๊ายยยยยยย มาเจิมคนแีรก จ๊วบบบบบบบบ


อสิตา 7 พ.ย. 2556, 09:56:07 น.

ตอนแรกคิดว่าหลังเงารักสีน้ำเงินคงจะเหงา
เพราะต้องทิ้งช่วงก่อนลงเรื่องใหม่ ไม่คิดว่าจะได้ลงเร็วกว่าที่คิด
นั่นหมายถึงภาคต่อของมายาไฟในดวงตาก็จะออกเป็นเล่มเร็วกว่าที่เคยบอกไว้ด้วย
ยังไงก็ฝากแฟนๆที่เคยรักท่านอัคนิวรา เกลียดชามัล
หรือเบื่อท่านอัค รักชามัล กลับมาเริ่มต้นใหม่ตรงนี้ด้วยกัน
และเปิดใจรับชายคนใหม่ที่จะเข้ามามีบทบาทอย่างมากในซีรี่ส์อัญมณีเหนือกาล
ผู้ชายที่ชื่อว่า... มิตร เมห์ฮรา


ดวงมาลย์ 7 พ.ย. 2556, 10:22:45 น.
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด ชูป้ายไฟเชียร์ป๋องแป้ง


ดังปัณณ์ 7 พ.ย. 2556, 10:25:44 น.
เย้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ทั่นชามัลมาแบบน่ากั๊ว กรี๊ดๆๆๆๆๆๆๆ หยองอ่า มะไหร่ชาจังจะมีตัวตนอ่า คุณแป๊งงงงงงงงงงงงงง 555+


ภาวิน 7 พ.ย. 2556, 10:28:18 น.
มารอซดชาด้วยคน


patok 7 พ.ย. 2556, 10:29:03 น.
ท่านชามาร น่ากลัวกว่าที่คิดอ่ะ


ริญจน์ธร 7 พ.ย. 2556, 11:16:55 น.
555 เปิดมาอย่างน่ากลัว แต่ความจริงเหมือนจะมีน่ากลัวกว่านี้(รึเปล่า)


Zephyr 7 พ.ย. 2556, 11:18:19 น.
โฮะ มาตอนแรกก็อาละวาดกราดเกรี้ยว
นิสัยไม่เปลี่ยนเลย ตามารรรรร
โทษชาวบ้าน ไม่โทษตัวเอง ฮึ
พวกไม่ยอมรับความจริง รอวันนิสัยนายเปลี่ยนไปในทางที่ดี
อิอิอิอิอิอิ


lovemuay 7 พ.ย. 2556, 11:26:33 น.
ออกแนวลึกลับอีกแล้ว อิอิ


Sukhumvit66 7 พ.ย. 2556, 11:31:39 น.
มาลงชื่อจร้า...


บุลินทร 7 พ.ย. 2556, 11:45:43 น.
ตามารรรรรร นางเอกจะเป็นใครเนี่ย


Barby 7 พ.ย. 2556, 13:29:17 น.
มาแล้วๆมาติดตามเหมือนเดิม


ก็เป็นได้แค่กระต่ายผ้าขี้ริ้ว 7 พ.ย. 2556, 15:19:19 น.
จงลืมชื่อเดิมซะ แล้วเปลี่ยนมาเป็นชามี่ของเค้าเถอะ
ชามี่ที่ร้ากกกกก -3-


เรือใบ 7 พ.ย. 2556, 16:57:20 น.
ยุ่งงงงงอยู่ แต่มากดไลค์ก่อน เดี๋ยวตามมาอ่านนะคะ ^^


นปารมี 7 พ.ย. 2556, 17:13:15 น.
แวะมาให้กำลังใจน้องคิม แบบว่าเปิดม่านมา ก็อึ้งไปเลยจ้า


พันธุ์แตงกวา 7 พ.ย. 2556, 18:54:36 น.
มาเจิมจ้า เห่เฮ.. ตุ๊งกะตึ๊งๆ ตุ๊งกะตึ๊งๆ (ดนตรีภารตะ) ชามาร เมฮราห์ ยังไม่ตายยย
อันตัวข้าปลื้มทยุตตีกับวรมันที่สุด


goldensun 7 พ.ย. 2556, 21:30:33 น.
จองเวรของแท้เลย ชามัล เหลือแต่พลังงานไร้ร่าง ยังร้ายไม่เลิกสิน่า แต่ก็ยังมีดีให้อีตาพรตจงรักภักดีแกมกลัวอยู่ได้นะ
รอเจอมิตรค่ะ


เคียงเขม 8 พ.ย. 2556, 11:13:28 น.
เค้าชอบผู้ชายร้ายๆ


ketza 8 พ.ย. 2556, 11:51:50 น.
มารอหนุ่มมิตร.............. เกดซ่า เมห์ฮรา >////<


Pari 28 ม.ค. 2557, 16:36:54 น.
^_^


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account