โมรารัตติกาล {{{ชุดอัญมณีเหนือกาล}}}สนพ.อรุณ
รัตติกาล ทิวา สนธยา สามเวลาที่อยู่คู่โลกมาแต่บรรพกาล
ตำนานบทใหม่แห่งอัญมณีเหนือกาลจะเริ่มต้นขึ้นในไม่ช้า!

-------------------------
ยังเคยยินเรื่องราวของหินโมราแห่งรัตติกาล
พลอยโบราณล้ำค่าที่อาจนำพาใครบางคนหวนสู่อดีตกาล เรื่องของมันอาจถูกกลบฝัง
กร่อนกลืนไปกับเงื้อมเงาแห่งกาลเวลาที่ค่อยๆเปลี่ยนความรับรู้ของผู้คน
แต่กับเขา...
ผู้ซึ่งมีเพียงความแค้น ไม่มีแม้ร่างกาย เป็นแต่เพียงวิญญาณที่ล่องลอยไปในราตรี
เฝ้าเพรียกหาให้อดีตหวนคืนกลับ เพื่อเปลี่ยนวันแห่งความพ่ายแพ้ให้กลายเป็นชัยชนะ
เวลาผ่านเนิ่นนานนับสิบๆปีจากวันที่เขาตาย
โลกเปลี่ยนแปร แต่ใจของเขาไม่เคยเปลี่ยนตาม
เขายังคงไม่ไปไหน
แม้จำได้ว่าตนเองเคยมีนาม เคยเป็นใครคนหนึ่งที่ถูกเรียกขานว่าชามัล เมห์ฮรา
แต่ตอนนี้แทบไม่รู้สึกว่านามนั้นคือตนเอง ไม่ได้มีใครเรียกชื่อเขานานมากแล้ว
ตั้งแต่เขากลายเป็นชีวิตไร้ตัวตนในความมืด ที่ยังจำได้ดีคือความแค้นต่อทุกสิ่งทุกอย่าง
ไม่เว้นแม้กระทั่งแค้นตัวเอง ที่พ่ายแพ้ และต้องตาย...
วิญญาณของเขายังรอคอยวันที่มือซึ่งมองไม่เห็นคู่นี้จะเอื้อมคว้าไปถึง
อัญมณีเม็ดนั้นที่จะพาเขากลับไปแก้ไขอดีต
...โมราแห่งรัตติกาล
และคนที่จะนำพาเขาไปถึงมันได้ มีแค่เพียงคนเดียวเท่านั้น


------------------------------------
เรื่องเริ่มต้นที่ร้านอัญมณีเก่าคร่ำคร่า หลายคนเดินผ่านเลยไป แต่มีบางคน...
คนที่ตามหาเท่านั้นจึงจะค้นพบการมีอยู่ของร้าน และเปิดประตูเข้ามา
ตัวร้านเดินทางอยู่ในระหว่างมิติเวลา บางทีมันอาจไปโผล่ที่ตรอกโทรมๆสักตรอกในอนาคต
หรือในซอยคับคั่งย่านเยาวราชที่คนพลุกพล่านเดินผ่าน แต่จะไม่มีใครหยุดสนใจ
นอกเสียจากคนผู้มีชะตาผูกพันกับพลอยทรงอำนาจลึกลับสักเม็ดในร้าน
ท่านจะได้รับการต้อนรับจากเจ้าของร้านที่ชื่อ มิตร เมห์ฮรา

Tags: มนตราอัญมณี มายาไฟในดวงตา ชามัล มิตร สิตารา มัชฌิม์ รัตติดารา สิงหรานี ราศีที่สิบสาม ม่านทิวาพชร มรกตสนธยา

ตอน: บทที่ ๑ ในกาลเวลา

ณ ห้องนอนซึ่งอบอุ่นด้วยแสงสลัวสีส้มของโคมไฟ บนเตียงที่ดูจะคับแคบเกินไปนั้น
ร่างสูงใหญ่ทอดอยู่เคียงร่างเล็กของเด็กหญิง บรรยากาศสบายๆและทั้งคู่ก็อารมณ์ดีพอกัน
เพราะวันนี้มิตรใจดีพาสิตาราออกไปกินของอร่อย แถมยังได้เข้าโรงหนังเสียด้วย
ซึ่งเป็นสิ่งที่เด็กหญิงชอบมาก ยังพูดถึงหนังหุ่นเหล็กสู้กันที่แสนประทับใจนั้นอยู่ไม่หยุดปาก

“ชักจะฟุ้งใหญ่แล้ว แบบนี้จะนอนหลับได้ยังไง เลยเวลานอนมาแล้วนะนี่”
มิตรเอ่ยกับคนที่ตนเห็นเหมือนเป็นทั้งลูกสาวและเป็นเพื่อนที่ถูกย่อส่วนให้ตัวเล็กลงไป

“เอ้า นอนก็ได้ มิตรนี่ยุ่งจริง” เด็กหญิงบ่นราวกับอีกฝ่ายเป็นเด็กๆ

“ฟังนิทานก่อนนอนไหม สิตารา”

“เรื่องอะไร”

“รัตติดารา...ตำนานดาวทั้งสิบสองราศี ที่จะยอมอยู่ใต้อำนาจของดาวราศีที่สิบสาม”

“ฟังจนเบื่อแล้ว” เด็กหญิงหลับตาลงเพื่อซ่อนแววบางอย่าง ก็เพราะเรื่องนั้นเกี่ยวกับเธอ
มิตรถึงอยากแต่จะให้เตรียมใจพร้อมจะกลับไปเผชิญกับมันอีกครั้งอยู่ร่ำไป
“อีกอย่างนะมิตร ฉันโตเกินละ เด็กอายุสิบเอ็ดสิบสองน่ะไม่มีใครร้องจะฟังนิทานก่อนนอนหรอก
ขอนอนเงียบๆก็พอ” สิตาราที่ตัวเล็กเกินวัยพยายามบวกอายุเพิ่มให้ตัวเองอีกปี สุ้มเสียงเริ่มหาวง่วง
แต่ก็มีแววเอ็นดูคนตัวโตกว่าแฝงอยู่ แน่นอนว่ามิตรก็ชอบให้เธอพูดจากับเขาเหมือนเป็นเพื่อน
มาแต่ไหนแต่ไร

“เอาเถอะ ก็ฉันอยากจะเล่า” ชายหนุ่มผมยาวถักไว้เป็นกระเซิงผู้กอดอกทอดกายอิงหมอนอยู่ครึ่งๆ
ใช้มือลูบแนวเคราสั้นๆซึ่งขึ้นรกอยู่บนหน้าอย่างใช้ความคิด “ถ้าเธอเบื่อเรื่องเดิมๆ งั้นเอาเป็นเรื่องใหม่
ดีไหม”...มิตรไม่ได้พูดออกไป เรื่องบางเรื่องที่สำคัญแต่เขายังไม่เคยเอ่ยถึงใกล้ความเป็นจริง
เข้ามาทุกขณะแล้ว ดังนั้นเด็กน้อยควรจะฟังไว้ให้ขึ้นใจ

“ก็ได้ เล่าไป...” เด็กหญิงหาวหวอด กะพริบตาปรือขึ้นมา

ชายหนุ่มหัวเราะขำๆเสียงทุ้มในคอ
ก่อนจะเริ่มด้วยสำนวนเหมือนกำลังกล่าวคำกวีมากกว่าเล่านิทานให้เด็กสักคนฟัง
“ยังเคยยินเรื่องราวของหินโมราแห่งความมืด พลอยโบราณล้ำค่าที่อาจนำพาใครบางคนหวนสู่อดีต
ตำนานของมันอาจถูกกลบฝัง กร่อนกลืนไปกับเงื้อมเงาแห่งกาลเวลาที่ค่อยๆเปลี่ยนความรับรู้ของผู้คน
แต่รู้ไหม สำหรับใครคนหนึ่ง...ผู้ซึ่งมีเพียงความแค้น ไม่มีแม้ร่างกาย เป็นวิญญาณล่องลอยไปในราตรี
เฝ้าเพรียกหาให้อดีตหวนคืนกลับ เพื่อเปลี่ยนวันแห่งความพ่ายแพ้ให้กลายเป็นชัยชนะ เขารอคอย
ที่จะพบโมราเหล่านั้น เขาตามหา และมองเห็นมันชัดขึ้นทุกที”

“ทำไมถึงเรียกเหล่า...”

“เพราะมันไม่ได้มีเพียงเม็ดเดียว สร้อยประคำที่ร้อยจากลูกปัดหินโมราเส้นนั้นถูกซ่อนไว้ในขุมทรัพย์
เดิมมีอยู่ถึงหนึ่งร้อยแปดเม็ด แต่ตอนนี้ฉันไม่รู้ว่าหลังจากถูกคนในอดีตใช้ไปมันยังเหลือกี่เม็ดกันแน่
...หนึ่งเม็ดพาย้อนกลับไปหนึ่งร้อยปี และอีกหนึ่งเม็ดพากลับสู่เวลาปัจจุบัน”

“ไปห้าร้อยปีก่อนก็ต้องใช้ห้าเม็ดใช่ไหม”

“ใช่ ทำให้โมราแตกเพื่อเปิดประตูเวลา แล้วประตูนั่นก็อาจจะดูดคนเข้าไปได้ทีละหลายคน”

“ฟังดูน่าสนุก” เด็กหญิงที่ง่วงเต็มทีพึมพำเบาๆ

“สนุกเหรอ..” ชายหนุ่มยักไหล่ “ก็คงแล้วแต่ ว่าเธอได้ไปกับใคร”

มิตรก้มมองเจ้าของร่างเล็กที่กำลังเคลิ้มหลับสนิทลง เด็กหญิงผมดำขลับกึ่งสั้นกึ่งยาว
เป็นคลื่นมันเงาแผ่สยายบนหมอน ขนตายาวงอนน้อยๆจนเกือบตรง ยิ่งทำให้ดูไร้เดียงสา
ต่างจากตอนตื่นนอนที่เจ้าตัวออกจะร้าย ชายหนุ่มถอนใจกับชะตากรรมที่รอคอยสิตารา
อยู่ในความมืด ก่อนทรุดตัวลงจมหมอน ปิดตาตามเธอไปด้วยอีกคน
ความมืดกำลังใกล้เข้ามาทุกที ทางที่ดีควรออมแรงไว้ก่อนที่จะต้องเผชิญหน้ากับมัน



ตาโตคมสวยเหมือนตากวางค่อยๆกะพริบลืมตื่น สิตาราหาวเสียงดังก่อนจะพลิกกายยืดเส้นสาย
เธอตื่นขึ้นมาบนเตียงใหญ่ของมิตร ถูกละ...ตั้งแต่คืนสุดท้ายที่มิตรเข้ามาเล่านิทาน หลังจากนั้น
เขาก็ไม่ยอมตื่น! เป็นเรื่องน่าเบื่อที่เธอโดนยึดเตียงเล็กในห้องของตัวเองไปอีกครั้งแล้วตั้งแต่
หลายวันก่อน โดยเจ้าของร้านขดตัวจำศีลอย่างหมีหน้ารกขน ปล่อยปละให้เด็กหญิงดูแล
ร้านอัญมณีที่ช่วงนี้ยังไม่มีแขกมาเยือนตามลำพัง

เธอนอนอยู่บนฟูกหนาบนเตียงทำจากไม้ พื้นห้องนี้ก็เป็นอย่างโบราณเหมือนพื้นข้างในร้าน
คือถากผ่าครึ่งเอาจากซุงใหญ่ๆ ห้องขนาดกว้างกว่าห้องนอนเล็กของสิตารานิดหน่อยเท่านั้น
เด็กหญิงที่เพิ่งตื่นไล่สายตามองไปตามรูปบนผนังไม้ซุงเปลือกหยาบๆสีน้ำตาลเข้มเรียงกันชิด
บนนั้นเต็มไปด้วยรูปใส่กรอบหลากหลายขนาดตอกแขวนประดับอยู่ ซึ่งก็ล้วนมีแต่มิตร
มิตร มิตร และก็มิตรอีกนั่นแหละ

ในรูปเหล่านั้นคือภาพชายหนุ่มผมถักเดร็ดล็อกส์ไว้ทั้งศีรษะ รวบผมเป็นขยุ้มบ้าง
ปล่อยผมถักที่ยาวถึงอกนั้นกระจัดกระจายปรกรกลงมาบ้าง สวมเครื่องประดับอัญมณี
เต็มตัวอย่างที่เห็นจนชิน ไม่ว่าประหล่ำกำไล สายคาดรัดหนังที่ข้อมือกับสร้อยคอ
ซึ่งแทบจะพันกันยุ่งไปหมด
มีทั้งรูปตอนมิตรกำลังตกปลาอยู่ริมทะเลสาบสีสันแปลกจนไม่แน่ใจว่าในน้ำนั้นมีปลาหรือเปล่า
รูปตอนพิชิตยอดเขาหิมะ ล้วนแล้วแต่เป็นการตั้งกล้องถ่าย รูปกับพวกอินเดียนแดงของแท้
โดยในขยุ้มผมของตามิตรที่ยิ้มเผล่ยังมีลูกธนูซึ่งคาดว่าคงจะถูกยิงมาก่อนปรับความเข้าใจกันได้
ติดอยู่ในมุ่นผมด้วยซ้ำ หรือไม่อีกทีก็เป็นในสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิต ฮาวาย มิตรกำลังเต้นอ่อนช้อย
ไปกับสาวๆบนหาดไวกิกิ เล่นโอคูเลเล่ตัวจิ๋วทำท่าเหมือนเมายา กับภาพที่เขาอยู่กับสาวสวย
ในสถานเริงราตรีซึ่งดูทันสมัยไกลออกไปในอนาคตนับสิบนับร้อยปี ชายหนุ่มยามนั้นสวมแว่นดำ
ปิดหน้าเก๋ไก๋ แขนโอบสาวไว้ข้างละคน

เหอะ...ทำเก๊กไปงั้น
จริงๆความลับของมิตรเธอก็รู้อยู่ ตาคนนี้เกร็งกับพวกผู้หญิงจะตายไป
แต่บางอารมณ์เมื่อเจอคนไม่รู้จักก็ออกอาการหนามยอกอยากจะเอาหนามบ่งขึ้นมา
ด้วยการฝึกใกล้ชิดสาวพวกนั้นอย่างว่า เหมือนเชื่อว่าการทำบ่อยๆจะช่วยให้หายกลัว

‘มิตร...ถามจริง อกหักจากใครมาเหรอ’

‘ทะลึ่งจริงยายเปี๊ยก ฉันเหมือนคนอกหักหรือไง’

‘เหมือนสิ ก็บางทีเห็นชอบเหม่อ ในหนังเกาหลีที่เคยเปิดให้ดูก็ฟอร์มนี้เลย’
สิตาราทำหน้ากะลิ้มกะเหลี่ย หวังจะรู้ความจริง

มิตรถอนใจใหญ่ แต่สีหน้าเขาไม่เชิงว่าเศร้า ‘ท่าจะเหมือนหนังเกาหลีจริงๆ
เพราะผู้หญิงคนนั้นไม่มีชีวิตอยู่แล้ว เป็นเหตุผลที่ฉันทาเล็บดำอยู่ตลอดเวลา...เพื่อไว้ทุกข์ให้เธอ’

‘อ้าว...โถ่ แล้วเรื่องมันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ บอกฉันหน่อย มีอะไรก็ระบายออกมาสิ
เราเพื่อนกัน’ สิตาราพยายามทำตัวเป็นที่พึ่ง

‘ไม่บอก...แต่ในอนาคตเธอจะรู้เอง’ ชายหนุ่มยิ้มน้อยๆ

‘เอ้า เรื่องของมิตร ฉันจะไปรู้ได้ไง’

‘รอก่อน แล้ววันนึงเธอต้องได้รู้แน่นอน’

หึ คนขี้กั๊ก สนิทกันขนาดนี้ยังไม่ยอมบอก ไม่ยอมให้เธอเศร้าด้วยกัน
ตั้งแต่นั้นเด็กหญิงก็งอน ไม่คิดจะเซ้าซี้ถามเขาอีกเลย


สิตาราหายง่วงก็ลุกจากเตียง กินนมกับขนมปังแล้วเริ่มต้นทำความสะอาด
แสงสว่างอันสดใสลอดเข้ามาผ่านหน้าต่างกระจกที่ออกจะมัวซัวอยู่นานปี
แต่ข้าวของที่วางอยู่หลังกระจกมัวนั้นก็มีมากมาย ไม่ยากเกินจะมองเข้ามาเห็นว่า
ร้านนี้ขายอะไร ‘ร้านกาลเวลา’ เป็นร้านของนักสะสมอัญมณีและของโบราณล้ำค่า
ภายในร้านดูเก่าอับทึบอยู่ตลอด ไม่ว่าจะพยายามทำให้มันสะอาดสักเท่าไร
เจ้าของร้านเปิดร้านทิ้งไว้เหมือนไม่อยากขาย อันที่จริงมันเป็นเสมือนบ้านที่ตั้งอยู่
รอคอยให้แขกสักคนผู้มีโชควาสนาต้องกันผ่านทางมาพบอัญมณีชิ้นที่เหมาะกับตนเองมากกว่า

งานทำความสะอาดเป็นงานที่ต้องค่อยๆทำ กับข้าวของโบราณมากมายที่กองสุมในร้าน
และยังมีขุดออกมาจากห้องเก็บของใต้ดินได้เรื่อยๆ หลายอย่างสิตารากลับถูกห้ามไม่ให้แตะต้อง
ทั้งที่เธอมือเบาและถนอมพวกมันมากยิ่งกว่าคนชื่อมิตรผู้เป็นเจ้าของร้านคนนั้นเสียอีก

‘พลอยพวกนี้ไม่ใช่ของเรา ก็แค่ต้องเก็บมันไว้รอเจ้าของที่แท้จริง’

ข้อห้าม...มีอยู่หลายสิ่งเหลือเกินจนไม่รู้จะฝ่าฝืนข้อไหนก่อน มันเรียงรายอยู่บนกระดาษหลังเคาน์เตอร์
เป็นข้อๆลงมายาวเหยียด ลูกค้ามองไม่เห็น แต่เธอเห็น แล้วก็รู้ว่าคนชุ่ยๆแต่เรื่องมากคนนั้นร่างรับสั่ง
เฉพาะกิจขึ้นมาเพื่อเธอโดยเฉพาะ มันถูกเขียนขึ้นหลังจากสิตารามาอยู่กับเขาเมื่อหลายปีก่อน
เช่นว่า ห้ามแตะต้องเพชร ไพลิน ทับทิม หรืออัญมณีราคาแพงใดๆก็ตาม ห้ามเปิดลิ้นชักอุปกรณ์เรียงเป็นตับ
หรือตู้ที่มิตรเอาไว้เก็บของสำหรับทำงานช่างซ่อมแซมอัญมณี แต่ในขณะเดียวกันก็มีข้อสุดท้ายเขียนไว้
ตัวโตสีแดงว่าห้ามขี้เกียจ... ดูจะเป็นคำสั่งที่ขัดแย้งกันเหลือเกิน แถมเจ้าตัวคนสั่งก็ไม่ได้ยึดถือจริงจัง
เพราะฝืนกฎข้อไหนต่อหน้าทีไรเขาก็ดูไม่เห็นจะเดือดร้อนสักนิด

หลายครั้ง สิตาราแก้ต่างให้ตนเอง ไม่ใช่ความผิดที่จะแยกแยะไม่ได้ว่าอัญมณีชิ้นไหนแพงหรือถูก
ทั้งที่จริงๆสายตาและพลังสัมผัสในตัวก็พอบ่งบอกได้ เป็นเธอเองที่ทนความสวยงามของพวกมันไม่ไหว
ประกายของพลอยน้ำงามระยิบระยับลูกโตๆดั่งมีมนตร์ขลังเพรียกหา และที่ฐาน ใต้กล่องหรือหีบห่อ
ของพวกมันจะมีรหัสย่อซ่อนอยู่ เมื่อไปเปิดดูในสมุดก็จะรู้เองจากลายมือไก่เขี่ยที่บันทึกไว้ว่าของชิ้นนั้น
คืออะไร มีวิธีทำความสะอาดดูแลแบบไหน ส่วนขั้นตอนพื้นฐานมิตรก็พร่ำสอนเธอหมดแล้ว
ถ้าวันไหนที่เขาเกิดจะ‘ตื่น’ขึ้นมาน่ะนะ

“หึ แตะแล้วก็ไม่เห็นจะเกิดอะไรสักที” สิตาราระวังทุกครั้ง
เพราะเด็กหญิงเองไม่ใช่คนสอดรู้สอดเห็นเกินสมควร แค่อยากจะแกล้งขัดใจมิตร
และอยากเอาชนะข้อบังคับ หรือเหตุผลที่ไม่เกิดอันตรายอย่างใดขึ้น คงเพราะพลังในตัวเธอ
ไม่แพ้พลังเร้นลับที่แฝงอยู่ในอัญมณี ไม่ว่าเม็ดไหน!

เมื่อไม่กี่วันก่อน มิตรยังเอ่ยคล้ายจะชม ‘ฮ้า เราอยู่กันมาสามปีแล้วสิ หรือว่าสี่ หรือว่าห้า
รู้สึกเหมือนมีเธอมาป้วนเปี้ยนอยู่แถวนี้มานานแล้ว’ คนพูดเอาแต่นั่งทำท่าขี้เกียจพลางตะไบเล็บ
อยู่บนเก้าอี้ตัวสูงหลังตู้ที่เป็นเสมือนเคาน์เตอร์มุมประจำ

‘สามปีกว่า’
สิตาราตอบเสียงเขียวขณะกำลังง่วนรื้อขยะที่หมกไว้ในลิ้นชักตู้ใบหนึ่งออกมาแยกหมวดหมู่
ข้างๆนั้นก็มีของโปรดของมิตร คือกองการ์ตูนคอมิกส์ตั้งสูงรอให้เธอจัดการเป็นลำดับต่อไป
ของสะสมของเขา...มีทั้งการ์ตูนญี่ปุ่นและฝรั่งที่เริ่มสุมไว้ปะปนกันมั่วซั่วอีกครั้งหลังจาก
เคยจัดให้เรียบร้อยไปแล้วหลายที

‘อื้ม เธอนี่เป็นเด็กที่ใช้การได้นะ ปีนี้อายุจะเท่าไหร่แล้วล่ะ สิบขวบ...’
ชายหนุ่มที่เริ่มกัดเล็บช้อนตามอง เปรยเสียงยานคาง

‘สิบเอ็ด...’ สิตาราขึ้นเสียงตอบบึ้งตึง ไม่ชอบให้ใครมาว่าตนเด็ก อีกอย่างเธอบอกอายุเขา
เป็นครั้งที่ร้อยแล้ว แต่ดูเหมือนคนคนนี้จะไม่ค่อยใส่ใจ หรือไม่ก็คงบวกเลขไม่เป็น

‘ช่วยไม่ได้ ก็เธอเองนั่นแหละตัวกระเปี๊ยก ยังไม่เป็นสาวเลยสักนิด’ มิตรยักไหล่

นั่นแหละ มิตรชอบแกล้งเธอ แต่สิตาราเชิดหน้าไม่หวั่นไหวตาม เธอมองข้ามการกระทำนั้นไป
เสมือนหนึ่งตนเป็นผู้ใหญ่ที่ปลงกับเด็กเหลือขอ เพราะถ้ายิ่งเต้นคนอย่างมิตรจะยิ่งได้ใจ
แต่ถึงจะขี้แกล้งและชอบทำตัวไร้สาระ อันที่จริงเธอก็แอบรู้มานานแล้ว ภายใต้ท่าทีนั้นผู้เป็นเจ้าของ
ร้านกาลเวลาเป็นคนจริงจังขนาดไหน ที่สำคัญความผูกพันที่อยู่กันมาก็ทำให้เขารักเธอ
...ถ้าสิตารากลับไปยังที่ที่เธอมาไม่ได้ บางทีอยู่กับมิตรตลอดไปก็คงไม่เสียหาย
แต่จากแววตา จากคำพูดของเขา มีบางอย่างที่สื่อสารออกมาให้รับรู้ได้ตลอด
ว่าสักวันต้องจากกัน ไม่อยากให้วันนั้นมาถึงเลย

ผู้ชายที่ชื่อมิตร เมห์ฮรา
ครั้งแรกที่เธอได้พบเขาคือคืนโหดร้ายเมื่อนานหลายปีมาแล้ว คนพวกนั้นต่อสู้กัน
เสียงพี่ดารา พี่สาวเพียงคนเดียวของสิตารากรีดร้องบอกให้หนี เธอหนีไปคนเดียวไม่ได้ ...
พี่เคยบอกว่าชื่อของสิตาราและพี่มีความหมายว่าดวงดาวเหมือนกัน เป็นเหมือนเงาสะท้อน
ของกันและกัน ถ้าขาดพี่ไปเธอจะอยู่ยังไง

เปลวไฟสว่างลุกล้อมปิดทางรอดอยู่รอบกาย ในวินาทีชีวิต มิตรก้าวผ่านวงล้อมไฟนั้นเข้ามา!
ตอนนั้นเธอไม่รู้ว่าเขาเป็นใครมาจากไหน ทว่าจากแววตาสีเทาสนิมเหล็กที่ทอประกายแข็งแกร่ง
แต่อ่อนโยนอย่างประหลาด สิตาราก็รู้ว่าเขามาช่วย เธอยอมปล่อยให้ตนเองที่ถูกลูกหลง
จากคมมีดจนบาดเจ็บสิ้นไร้เรี่ยวแรงหมดสติลงในอ้อมแขนแปลกหน้า รู้สึกเหมือนว่าคงจะต้องตายแน่
โลกมืดเป็นสีดำอยู่นาน แต่แล้ววันหนึ่งเธอก็ฟื้น...

‘ตื่นซะที เด็กยุ่ง! มาหลับอยู่ในร้านฉันนานกี่เดือนแล้วรู้ตัวบ้างหรือเปล่า’

‘หือ นอนนานเป็นเดือนๆเนี่ยนะ’ เด็กหญิงตระหนก

‘ฉันจำเป็นต้องให้ยากับเธอ ให้ร่างกายทำงานช้าลงเพื่อรักษาเธอในระหว่างนั้น...เธอบอบช้ำมาก
ถ้าปล่อยไว้ก็จะตาย เลยจำเป็นต้องใช้วิธีนี้’ ชายหนุ่มเอ่ยรวบๆ หาวออกมาดังๆแล้วบ่นต่อ
‘ตื่นก็ดีแล้ว ฉันเชื่อว่าตอนนี้เธอจะแข็งแรงดีมาก มีอะไรก็ไม่ต้องปลุกนะ หาข้าวหาปลากินเอาเองแล้วกัน’

สิตาราโมโหมาก เพราะจากนั้นผ่านไปนานเป็นสัปดาห์เห็นจะได้ กว่าเขาจะยอมตื่นขึ้นมาแนะนำตัว
กับเธอที่ถูกขังอุดอู้อยู่เพราะประตูหน้าไม่ยอมเขยื้อนเปิด จะถามไถ่เรื่องราวที่เกิดกับตนว่าไปยังไงมายังไง
ก็ไม่ได้ ตลอดเวลาเด็กหญิงเอาตัวรอดได้ด้วยของกินจากตู้เย็นมหึมากับอาหารแห้งที่เจ้าของสถานที่
สะสมไว้ในครัวข้างหลัง

สรุปได้ความว่าเขาช่วยเธอมาจากเรื่องร้ายกาจคราวนั้น เธอมาหลับอยู่ในร้านไม่ฟื้นนานหลายเดือน
ให้มิตรต้องพยาบาล สิตารายังเคยเก็บมาสงสัย เพราะยาที่ทำให้หลับหรือเปล่าทำให้หลายเดือนของเธอ
หายไปและตัวไม่โตอย่างคนอื่น เด็กหญิงอายุเพิ่งจะแปดขวบเมื่อเธอกับพี่สาวหนีผู้มุ่งร้าย
ไปถึงประจันต์คิรีเขตต์ซึ่งได้ยินว่าอยู่ในเขมรช่วงติดกับชายแดนสยาม
สิตารารู้เพียงแค่เกิดเหตุแตกหักขึ้นที่นั่น แล้วมิตรก็เข้ามาช่วยเธอ ยังดีที่เขาพูดภาษาไทยได้ชัด
แม้จะออกเสียงบางคำฟังแปร่งๆเหมือนคนต่างชาติที่ไม่อยากจะแก้ไขอะไรไปจากความชินปาก
มิตรบอกว่ามีสุภาพสตรีสูงอายุซึ่งเป็นแขกประจำของร้านสอนเขา แวะมาใช้เวลาอยู่ด้วยกัน
จนมิตรพูดคล่อง จากนั้นเขาก็เริ่มอยากไปเที่ยวเมืองไทย ทว่าตั้งแต่สิตารามาอยู่
เด็กหญิงไม่เคยพบหญิงชราคนที่ว่าเลยสักครั้งเดียว

แล้วมิตรก็พาเธอออกไปดูป้ายเก่าแก่เหนือประตูร้านเบื้องนอกที่เขียนว่า กาลเวลา
อยู่บนไม้วงกลมใหญ่ที่ตัดขวางมาจากลำต้นของพญาไม้ ยามนั้นถนนเบื้องนอกแทบไม่มีคน
สิตาราลองมองจากภายนอกเข้าไป เธอเดาว่าคนน่าจะเห็นว่าร้านนี้เป็นร้านขายของสะสมเก่าๆ
หลายคนคงเดินผ่านเลยไปโดยไม่สนใจ แต่มีบางคน... คนที่ตามหาเท่านั้นที่จะค้นพบคุณค่าของร้าน
จนเปิดประตูเข้ามาเป็นแขกของพวกเธอ

มิตรบอกว่าร้านนี้ท่องอยู่เหนือกาลเวลา ไม่ใช่เรื่องเหลือเชื่อเมื่อวันเวลาล่วงผ่าน
สิตารามองจากหน้าต่างมัวๆนั้นออกไปเห็นทิวทัศน์ที่เปลี่ยนไปทุกวัน
บางวันก็เป็นไอเมฆหมอกบนภูผา บางวันก็เป็นเมืองที่ผู้คนคลาคล่ำ
หรือเป็นหมู่บ้านห่างไกล บางทีก็เป็นเมืองแห่งแสงสี
แล้วประตูก็เปิดออกนานๆครั้ง ต้อนรับแขกที่แต่งตัวแปลก
ท่าทีแตกต่างกันไปจนรู้ชัดว่าไม่ได้มาจากห้วงเวลาเดียวกัน

แขกที่มามักทักว่ามิตรเป็นพวกศิลปิน‘เรกเก้’ หรืออีกทีก็พวกศิลปินเพื่อชีวิต
ตีเอาจากการที่เขาชอบสวมเครื่องประดับรุงรัง เสื้อแขนยาวสีขาวเจือเหลืองนวลอย่างผ้าดิบ
ตัดกับผิวสีแทนจัดของตนเอง กับหนวดเคราที่ไม่มากมายนัก ยังพอเห็นรูปหน้าคมสันได้ชัด
ผมดำยาวทำเดร็ดล็อกส์เอาไว้ทั้งศีรษะ ชั่วขณะไหนที่ใจจดจ่อกับงานเครื่องประดับอัญมณีตรงหน้า
มิตรก็จะเลิกแว่นสีชาขึ้นชั่วคราว คาดไว้ต่างที่คาดผมเก๋ๆ คนที่อยู่ต่อหน้าก็อาจจะได้เห็น
ตาสีเทาคล้ายเคลือบรอยสนิมเหล็กจางซึ่งทอประกายแห่งความลับอันชวนสงสัย

ดูภายนอกมิตรเหมือนชายหนุ่มอายุราวสามสิบเศษๆ
ใครจะรู้ เจ้าตัวบอกว่าถ้าเขาไม่เข้ามาจำศีลอยู่ในร้านนี้ นับตั้งแต่ปีเกิดมิตรเองจะมีชีวิตยืนยาว
มาจนอายุปาเข้าไปร่วมเจ็ดสิบกว่าเข้าแล้วในปี 2015 แต่เขาบอกว่าตนไม่มีอายุที่แท้จริง
เพราะจำศีลมาเป็นสิบๆปี จนมาเริ่มข้ามไปข้ามมาในกาลเวลาหลังตื่นจากนิทรา
ช่วงยาวนานที่สุดเมื่อปี1991 จากนั้นก็หลับๆตื่นๆ
ช่วงเวลาที่มิตรหลับ ฝ่ายนั้นบอกว่าร่างกายเขาก็จะไม่แก่

มิตรพอจะรู้เรื่องราวที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอยู่นิดหน่อย อย่างน้อยเขาก็มีลางสังหรณ์
ชายหนุ่มบอกว่าตนไม่ยอมแก่และเลือกจำศีลอยู่ที่นี่มานานตั้งแต่ยังหนุ่ม
ภายในร้านซึ่งอยู่เหนือกาลเวลาแห่งนี้ เพื่อรอคอยบางอย่าง... ใครบางคน...

สามปีที่อยู่กับเขามาสิตาราเติบโตขึ้น ต่างจากมิตรที่แทบไม่เปลี่ยน เขาบอกว่า
เพราะกินยาตัวที่เคยให้เธอคราวนั้น ให้หลับใหลอยู่เสมอและร่างกายก็จะเปลี่ยนแปลงไปช้าลงเต็มที

‘ฉันต้องอยู่ที่นี่เพื่อรอคอย... ส่วนเธอ สักวันก็ต้องไปตามทางของเธอ แต่อย่ากลัว
หัวใจในการบังคับกำกับอัญมณี ฉันจะสอนเธอเอง...จนกว่าจะถึงวันนั้น’

‘เมื่อไหร่กันมิตร’ เด็กหญิงถามออกไปอย่างกังวล กึ่งหวาดกลัวกึ่งรอคอยอนาคต
ที่คล้ายเป็นวังวนน่ากลัวนั้นอย่างประหลาด

‘จนกว่าจะถึงวันที่...เจ้าชะตาของเธอมาเรียกหาอยู่หน้าประตูนั่นไง!’

เจ้าชะตา...
เขาเอ่ยคำนั้นด้วยเสียงเหมือนพูดถึงฝันร้าย ราวกับจะขู่ให้เธอกลัว
แต่มิตรคงรู้ว่าสิตาราเป็นคนที่ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ แบบเดียวกับที่เธอเพียรจะ
เข้าหาอัญมณีสูงค่าทรงพลังพวกนั้น หรือที่จริงแล้วมิตรใช้แผนล่อให้เธอ
ทำความรู้จักสนิทสนมกับพวกมันทางอ้อมแบบนี้เอง

มิตรไม่ได้สอนเธอแค่เรื่องพลอย เขายังสอนความรู้ต่างๆเรื่องโลกนี้ให้สิตารา
บางทีก็พาเธอไปดูไปเห็น ผ่านร้านกาลเวลาที่ท่องเที่ยวของมันไปเรื่อยๆ
เธอจะชอบมากเวลาที่เขาตื่น บางทีมิตรก็หยิบกีต้าร์ออกมา เขาหัดให้เธอเล่นจนเป็น
สิตาราชอบเสียด้วย และเธอก็เล่นได้ดีมาก

‘เก่งนะเนี่ย เด็กอัจฉริยะแท้ๆ เหมือนคนสอน...’

‘ฮื่อ...’ เด็กหญิงย่นจมูก แต่ก็ต้องยอมรับว่ามิตรเก่งสมคำอวด

‘เวลาฉันหลับ เธอก็ฝึกไปนะ ไอ้ที่สอนทั้งหมดทั้งมวล รวมถึงการบ้านที่ทิ้งไว้ให้ทำด้วย
ฉันจะตื่นขึ้นมาตรวจ ทำให้เรียบร้อยก็แล้วกัน’

แล้วเขาก็จะนอนจำศีลนานเป็นหลายวัน เคยนานสุดถึงสิบ เวลาที่มิตรตื่นคือเวลาที่ลูกค้ากำลังจะมา
เหมือนนาฬิกาที่ซ่อนอยู่ในตัวหรือประสาทระแวงภัยของเขาคอยกระซิบบอกทุกทีไป

แขกของมิตรเองมีหลากหลาย คนธรรมดาอย่างที่สุด คนไม่ธรรมดาที่มีอำนาจพิเศษแฝงเร้นในตัวตน
คนทรง คนผ่านทาง มหาเศรษฐี ยาจก... ไม่ใช่ผู้แสวงหาทุกคนจะค้นพบร้านนี้ ต้องเป็นผู้ที่มีชะตาลิขิตต้องกัน
ร้านเหมือนมีชีวิต ร้านของมิตรไม่เคยนำพาให้พวกเธอต้องพบพานกับแขกที่ไม่ได้รับเชิญมาก่อน

...ใครจะรู้ วันหนึ่ง คนคนนั้นก็มา...



อสิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 พ.ย. 2556, 07:51:59 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 พ.ย. 2556, 08:31:15 น.

จำนวนการเข้าชม : 1908





<< บทนำ   บทที่ ๒ แขกผู้ไม่ได้รับเชิญ >>
อสิตา 12 พ.ย. 2556, 07:52:37 น.
ออกมาแล้วตามารรรร ฮ่าๆๆ
คุณเกดซ่า – โอ้วลา มาเจิมคนแรกเลยนะคะ น่ารักจริงๆ สมแล้วที่เทพเจ้าแห่งโชคชะตามอบนิยายให้ฟรีบ่อยๆ
คุณดวงมาลย์ – ชอบคุณที่มารักมาเชียร์น้องนะ ตอนนี้นอกจากแข่งลดน้ำหนักแล้วยังต้องแข่งเขียนนิยายให้จบด้วยมั้งเนี่ยเรา
คุณหนอนน้อยดังปัณณ์ – ชอบละสิ คนชั่วร้ายแบบชามัล หนอนน้อยชอบผช.เร้าจายยย เมื่อไหร่ฮีจะมีตัวตนเหรอ แหม รอดูก่อนสิ เพิ่งเริ่มเรื่องเองนะ
คุณภาวิน – ถ้าว่างก็มาช่วยข้อยหาจุดผิดเนะ หรือจะคอมเม้นต์ด้านเนื้อเรื่องก็ตามสบุย

คุณแพทโอเค – ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้งค่ะ ท่านชามารน่ากลัวแต่ก็แอบน่ารักกว่าที่คิดด้วยนะ
คุณริญจน์ธร – ต้องมีน่ากลัวกว่านี้ จะได้ลึกลับสมเป็นนิยายอสิตา //โดนตัวละครฆ่าตาย ถ้าเค้าม่องก่อนงานออกฝากดูแลต่อด้วยนะ
คุณเฟอร์ เมห์ฮรา – ขนฟูมาแต่ไกลเชียวนะเจ้าเด็กเฟอร์ๆ ม่ายรักตามารในแบบที่ตามารเป็นเหรอ สงสารกันบ้างสิ
คุณเลิฟหมวย – ต้องลึกลับ เร้าใจ ถึงจะใช่อสิตาของแท้และแน่นอนค่ะ หุหุหุ


อสิตา 12 พ.ย. 2556, 07:53:02 น.
คุณสุขุมวิท66 – ส่งจูบ กลับมาเอ็นจอยกันใหม่เร็วกว่าที่คิด อย่าลืมมาอยู่เคียงข้างกันไปน้า
คุณบุลินทร – นางเอกก็มีอยู่คนเดียว แต่อย่ามายุให้เปลี่ยนพระเอกนะยะ ชั้นรักคนนี้ ต้องมารนี่เท่านั้น ชิ
คุณบาร์บี้ – อันนี้อ่านมายาไฟในดวงตาแล้วชอบชามัลหรืออัคนิคะ หุหุ ภาคนี้ก็เลือกเอานะ เสือหรืองู
คุณกระต่ายผ้าขี้ริ้ว – ชามี่ เอิ่ม มาจากชามมิ่งที่แปลว่ามีเสน่ห์สินะ คุคิ ชามัลเต้นแร้งเต้นกาดีใจ

คุณเรือใบ – คนเขียนก็ยุ่งมาก แต่โดนลากมาโพสต์ค่ะ เอ๊ยไม่ใช่ มาอ่านแบบยุ่งๆไปด้วยกันหน่อยนะ
คุณนปารมี – หุหุ พี่สาวคนสวยมาให้กำลังใจละ อ่านภาคแรกก่อนเซ เดี๋ยวมิรู้วเรื่องนะคะ
คุณพี่พันธุ์แตงกวา – แหม ชอบทยุตตีกับวรมันที่ออกมาบทเดียว แปลว่าชอบน้อยๆแต่เล่าเรื่องได้เยอะชิมิ ไม่แน่อาจชอบคู่รองนะแบบนี้
คุณพระอาทิตย์สีทอง – ส่งจูบ อ่านตอนจบพี่ครามแล้วยังคะ ส่งสายตาหวานเชื่อม ตามิตรรับรองกวนได้โล่ห์ เป็นคนบ้าหน้ามึนที่สุดตั้งแต่เคยเขียนมา

คุณเคียงเขม – โอ้ว ยินดีต้อนรับค่ะ อ่านมาตั้งแต่มายาไฟหรือเปล่าคะ พระเอกเรื่องนี้รับรองร้ายสะใจแน่ๆ
คุณเกดซ่า – อ้าวมาอีกแล้ว ปิดหัวปิดท้ายเลย ขอบคุณมากๆที่ช่วยคลายเหงา


ก็เป็นได้แค่กระต่ายผ้าขี้ริ้ว 12 พ.ย. 2556, 08:06:40 น.
เย้ มาลงชื่อก่อนเป็นคนแรก -3-


ภาวิน 12 พ.ย. 2556, 09:39:50 น.
ชามัลมาช้า เดี๋ยวเทใจให้มิตรชัยบัญชาหมดนะ


เรือใบ 12 พ.ย. 2556, 10:12:45 น.
"มิตร" ดูมีเสน่ห์แบบแปลกๆจังเลยค่ะ ^^ น่าดึงดูด น่าติดตามมาก


บุลินทร 12 พ.ย. 2556, 13:19:58 น.
ใครจะมาอะะะะ ลุงไผ่หรือ


Zephyr 12 พ.ย. 2556, 13:19:58 น.
ต้อยมาแล้ว คนเลี้ยงละ มีแต่คนเลี้ยงแทนอ่ะ
ยายหนู่นี่ เด็กไปมั้ยอ่า สิบเอ็ด กะคนอายุร้อยกว่าปีที่ไม่มีตัวตน
อืม ตาแก่อารมณ์แปรปรวนกับหนูน้อยอารมณ์รวนเร
ท่าจะสรุกแฮะ ปู่มิตรต้องปวดหัวแน่ๆ
ปล. ปู่มิตรทำเดรดล็อคส์ แล้วสระผมมั่งมั้ยอ่ะ เหม็นแย่เลย ระวังราขึ้นนะ


ดวงมาลย์ 12 พ.ย. 2556, 13:34:48 น.
ไลค์ร้อนๆ มาเสิร์ฟจ้า


อสิตา 12 พ.ย. 2556, 14:01:51 น.
ตามิตรเริ่มขโมยซีนชามัลแต่แรกรึนี่


sai 12 พ.ย. 2556, 15:45:25 น.
ตาชามารรรรร ออกมาช้า เด๋วก้อให้มิตรเลี้ยงต้อยเลยนิ


goldensun 12 พ.ย. 2556, 15:48:40 น.
พระเอกเรื่องนี้มาดเซอร์ ติสต์นะนี่ มิตรเลี้ยงต้อย หลอกเด็ก ลึกลับดีแท้ สิตาราเกี่ยวข้องกับโมราแน่
เรื่องนี้แฟนตาซีมากๆ เลยนะคะ ให้ความรู้สึกเหมือนอ่านการ์ตูนเลยค่ะ
มิตรจำศึลให้สิตาราโตทันรึเปล่าคะ เตรียมความพร้อมไว้ซะด้วย รอชามัลจะมาป่วนเมื่อไหร่
ว่าแต่ในร้านไม่มีโมรารัตติกาลหรือคะ


บุลินทร 12 พ.ย. 2556, 16:02:25 น.
มีคนเชียร์มิตรกับสิตาราด้วยกันแล้ว


patok 12 พ.ย. 2556, 17:00:02 น.
สิตาราคือใครอ่ะคะ
เคยปรากฎในภาคที่แล้วรึเปล่า?
มันเหมือนจะ คุ้นๆ แต่ก็เหมือนจะไม่ใช่


ริญจน์ธร 12 พ.ย. 2556, 17:17:52 น.
มาตอบแทน ไม่เคยค่ะ สิตาราเป็นตัวละครใหม่ในเรื่องนี้นะค่า


ดังปัณณ์ 12 พ.ย. 2556, 19:29:02 น.
อ้าวๆๆๆๆ เลี้ยงต้อยนี่ ชาจัง 5555+ กว่าจะโตจะได้ใช้งาน ต๊ายยยยยยยยยยยชาจังหงำเหงือกพอดี อิๆ เดี๊ยะหนอนจะแจ้งตำมะหนวดจับ ข้อหาพรากผู้เยาว์ อิๆ มามะชาจัง มาพรากผู้เฒ่าดีฝ่า ฮิ้ววววววววววววววววววววววววววววววววววว


นักอ่านเหนียวหนึบ 12 พ.ย. 2556, 23:21:20 น.
โถ ก็งงว่าทำไมเราถึงดู เอ้ย อ่านไม่รู้เรื่อง
มีบทนำนิเอง ตามไปอ่านละนะก้าฟฟฟ
อ่านแล้วคิดถึงบ้านบินได้ ผสมห้องแห่งความลับของแฮร์รี่ โอ้ยๆๆ ฟิน เค้าเห็นภาพเป็นฉากๆ เบย อยากดูต่อๆๆ เกาะขอบจอ


ketza 13 พ.ย. 2556, 13:26:06 น.
มากรี๊ดดคุณหมีจำศีล
มารอชามัล.....คืนชีพ
มารอว่านู๋นางเอกคือคนไหน....
แระมารอท่านพี่อัคนิ เป็นแขกรับเชิญ..........มีมั้ย คริคริ >////<


Barby 13 พ.ย. 2556, 19:38:53 น.
ติดตามต่อ ต่อตามติด ชอบอัคนิสิค่ะ ชามัลออกจะเกลียดด้วยซ้ำไป แต่นักเขียนต้องทำให้ค่อยๆรักนะ


เคียงเขม 16 พ.ย. 2556, 21:55:00 น.
มิตร กับ สิตารา ทำให้คิดถึงโลลิค่อนเลยค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account