มนตรากระดังงา
นางพริมา กีรติอนันต์ พัฒนภิรมย์ กับ นายภัทร์ พัฒนภิรมย์ คู่สามีภรรยาที่ครองรักกันมากว่า 6 ปี และมีพยานรักเป็นเด็กชายน่ารัก 2 คน ต้องจบชีวิตคู่ที่เริ่มจากรั้วมหาวิทยาลัยลงเพราะฝ่ายชายไปมีเมียน้อยซึ่งกำลังจะมีลูกสาวด้วยกัน หญิงสาวยอมหย่าให้และยอมเป็นแม่หม้ายในวัยเพียง 30 ปี ชีวิตคู่ที่พังทลายกลับสร้างพริมาคนใหม่ให้แกร่งกว่าเดิม เธอเข้มแข็งและเด็ดเดี่ยวขึ้น กระดังงาลนไฟดอกนี้จึงกลายเป็นที่หมายปองของชายหนุ่มทั้งหลาย รวมทั้งภัทร์ พัฒนภิรมย์ ที่เพิ่งสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของอดีตภรรยา จนทำให้ความรักที่เขาคิดว่าได้มอดเชื้อไปแล้วนั้นปะทุขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
รักครั้งใหม่กับคนเดิมจะสมหวังได้หรือไม่ เพราะฝ่ายชายก็มีครอบครัวใหม่แล้ว ส่วนฝ่ายหญิงก็มีชายหนุ่มมากมายมาเข้าแถวให้เลือก อานุภาพของความรักจะประสานรอยร้าวของหัวใจสองดวงให้กลับมาหลอมเป็นหนึ่งเดียวได้อีกครั้งหรือไม่ โปรดติดตาม......อาทิตา

Tags: รักร้าว มีเมียน้อย คืนดี

ตอน: ตอนที่ 41.......75%

ณ เวลานี้ภัทร์เป็นห่วงความปลอดภัยของพริมาเป็นสำคัญ เธอไม่เกี่ยวกับเรื่องราวทั้งหมด.....ถึงเกี่ยว เธอก็เกี่ยวในฐานะที่เป็นฝ่ายถูกกระทำ ภัทร์สบตากับเรืองเดชอีกครั้งแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนที่จะเจรจาต่อรองอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลกว่าเดิม

“แกจะเอายังไงก็ว่ามา เรื่องคดีฉ้อโกงใช่ไหมที่ทำให้แกโกรธแบบนี้” ภัทร์ถามแล้วพูดต่อทันทีว่า

“เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ถือเสียว่าเห็นแก่วิภาวี ฉันจะให้ทนายถอนฟ้องแก พอใจหรือยังละ” ภัทร์พยายามพูดประวิงเวลาและเกลี้ยกล่อมให้เรืองเดชใจเย็นลง

“กูไม่ได้โง่นะโว้ย! มันเป็นคดีอาญาไปแล้ว มึงคิดว่าตำรวจจะยอมให้มึงถอนฟ้องได้ง่าย ๆ นั้นเหรอ ถ้าง่ายขนาดนั้นกูไม่หนีหัวซุกหัวซุนแบบนี้หรอกโว้ย!” เรืองเดชหันมาโต้ตอบกับภัทร์อีกครั้ง

“อ้อ! แล้วมึงไม่ต้องมาทำใจดี มาทำพูดว่าเห็นแก่คนตายหรอกนะ กูรู้เหมือนกันว่าพวกมึงกำลังคิดอะไรอยู่ พี่กูตายไปแล้ว หากมึงเห็นแก่คนตายจริงมึงคงไม่มาทำเรื่องเลว ๆ กันในวัดแบบนี้หรอก แต่นี่พวกมึงไม่ใช่แค่ไม่ให้เกียรติคนตาย มึงยังหยามน้ำหน้าคนเป็นอย่างกู อย่างแม่กูอีกต่างหาก!” เรืองเดชสบถยาวอีกหลายคำอย่างโมโห ซึ่งคำพูดของเขากลับทำให้ภัทร์ พริมา และวรปรัชญ์ ต่างทำหน้างงงวยกันเลิกลั่ก

“ที่กูโกรธ ที่กูแค้น ก็เพราะพวกมึงกำลังทำร้ายจิตใจแม่กู แค่พี่กูตาย แม่กูก็แทบจะตายตามอยู่แล้ว แต่นี่พวกมึงยังมาทำระยำไม่ไว้หน้ากันแบบนี้อีก มึงไม่คิดถึงหัวใจของคนเป็นพ่อเป็นแม่บ้างเลย พวกกูไม่ได้อยากเกิดมาลำบากยากจนแบบนี้ ใครบ้างไม่อยากสบาย หรือพวกมึงอยากจะลองจนกันบ้างไหมละ” เรืองเดชเริ่มขาดสติอาจเป็นเพราะฤทธิ์ของน้ำเมาที่เขาเพิ่งดื่มมากับพวกญาติ ๆ หรืออาจจะเป็นเพราะความกดดันและโศกเศร้าที่ถาโถมใส่หลังจากต้องสูญเสียเสาหลักของครอบครัวไป

“เรืองเดช! ฉันว่าเธอคงเข้าใจอะไรผิดแล้วล่ะ พวกฉันไม่.....” พริมาอธิบายแทรกขึ้นมา

“ใครถามมึง! ใครสั่งให้มึงพูด! พวกมึงไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้นถ้ากูไม่ถาม ไม่ต้องแส่พูด กูไม่อยากฟัง! เข้าใจไหม! ที่ผ่านมากูต้องรับฟัง ต้องรับคำสั่งจากพวกคนรวยอย่างมึงมามากแล้ว ต่อไปนี้พวกมึงต้องฟังกูบ้าง! เข้าใจไหมอีนังเมียหลวง!” เรืองเดชส่องปืนมาที่พริมา แล้วพร่ำพรรณนาต่อว่า

“เพราะมึงนี่ไง! เพราะมึงที่ทำให้พี่กูต้องพบจุดจบ มึงนี่ไงที่ทำให้พี่กูต้องตาย มึงคนเดียวเลย!” เรืองเดชจ้องมองพริมาด้วยดวงตาที่ลุกวาวราวกับมีเปลวไฟลุกโชกโชนอยู่ข้างใน เขาจ้องมองเธออย่างเขม็งแม้แต่ภัทร์เองยังรับรู้ได้และอดที่จะหวาดหวั่นในความปลอดภัยของเธอเสียไม่ได้ ชายหนุ่มจึงค่อย ๆ เคลื่อนตัวและใช้ร่างกายของตนเองเป็นฉากกั้นระหว่างพริมากับเรืองเดชอีกครั้งหนึ่ง

“ปริมหลบอยู่ข้างหลังพี่นี่แหละ ไม่ต้องออกมานะ” ภัทร์กระซิบบอกพริมาเบา ๆ แล้วจึงหันมาบอกกับเรื่องเดชว่า

“เรื่องนี้ปริมไม่เกี่ยว เพราะฉะนั้นฉันอยากให้นายคุยกับฉันเท่านั้น ให้เขาสองคนกลับ....”

“เกี่ยวสิ! ไม่เกี่ยวได้ไงวะ! เพราะอีนี่ใจอ่อนกลับมาหามึงไง พี่กูถึงโดนมึงทิ้งไงล่ะ! เห็นไหมว่าเพราะอีนังเมียหลวงของมึงที่ยอมคืนดีกับมึงอีก มึงถึงต้องเลิกกับพี่กู พี่กูถึงต้องมีคนใหม่ไงล่ะ! เห็นไหมละว่านังนี้เกี่ยวเต็ม ๆ เลย! .....เพราะฉะนั้นอีนี่ไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น” เรืองเดชตวาดลั่นพร้อมทั้งยังเล็งปืนตรงมาที่พริมาและภัทร์

“เพราะมึงอีคุณนาย เพราะมึงคนเดียว! พี่....กู....ถึง....ต้อง....ตาย....แบบ....นี้ เพราะมึง!” เรืองเดชพูดช้า ๆ ชัด ๆ พร้อมส่งรังสีอำมหิตผ่านสายตาแข็งกร้าวมาที่พริมา

“สรุปว่าแกจะเอาอะไรกันแน่ฮะ! รีบพูด ๆ มาสิ พวกฉันจะประสาทเสียอยู่แล้ว!” วรปรัชญ์ไม่สามารถสงบปากสงบคำได้อีกต่อไป ยิ่งเห็นทั้งสายตาอาฆาตมาดร้ายที่เรืองเดชจ้องมองมาที่พริมา กอปรกับอาวุธในมืออีก วรปรัชญ์ที่เริ่มขวัญหนีดีฝ่อจึงไม่อาจเชื่อฟังคำสั่งของเรืองเดชได้อีกต่อไป

“แกจะเอายังไง จะเอาอะไร จะเอาเท่าไร ก็รีบ ๆ บอกมา ไม่ต้องพล่ามให้เสียเวลาอยู่ บอกตัวเลขที่แกอยากได้ที่แกพอใจมา จะได้จบ ๆ กันไปเสียที” วรปรัชญ์ชักเหลืออดและหมดความอดทน

“กูบอกแล้วว่ามึงอย่าเสือก! ไม่ใช่เรื่องของมึง! ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องหรือไงวะ!” เรืองเดชตะโกนลั่นอย่างหัวเสียแล้วพูดต่ออย่างดุดันทันทีว่า

“มึงนี่ท่าจะอยากแดกลูกปืนกูมาก ใช่ไหมวะ! เอ! หรือว่ามึงคิดว่าปืนกูไม่มีลูก งั้นสงสัยกูต้องให้มึงได้ชิมเป็นคนแรกเสียแล้วละมั้ง” เรืองเดชเอนปลายกระบอกปืนมาที่วรปรัชญ์และนาทีนั้นเองเขาก็ตัดสินใจลั่นไกปืน

“แชะ! / ว้ายยยยย!!!” เสียงลูกโม่ที่ไม่มีกระสุนบรรจุอยู่ดังขึ้นพร้อม ๆ กับเสียงร้องอย่างหวาดเสียวของพริมาและวรปรัชญ์ ส่วนภัทร์นั้นก็ใช้สัญชาตญาณรีบหมุนตัวและหันหลังให้เรืองเดช พร้อมทั้งดึงร่างของพริมาเข้ามากอดไว้แนบแน่นเพื่อป้องกันภันให้กับเธอ

“ว้าย! อกอีแป้นจะแตก คุณพระคุณเจ้าช่วยลูกด้วย!”

“ฮ่าๆๆๆ” เรืองเดชระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น

“สนุกจริง ๆ โว้ย! ฮ่าๆๆๆ นาน ๆ จะได้สนุกแบบนี้สักที ฮ่าๆๆๆ”

เมื่อหายตกใจแล้ว ทั้งสามก็เงยหน้าขึ้นมองเรืองเดชที่กำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง

“แก! แก! อีเลว! อีชั่ว! อีๆๆๆ.....” วรปรัชญ์ที่หายจากอาการตกใจ หันมาจ้องหน้าเรืองเดชอย่างเอาเรื่องและพร้อมที่จะเอาคืน ชายหนุ่มรีบผละจากหลังของพริมาแล้วเดินอาด ๆ เข้าหาเรืองเดชอย่างไม่กลัวเกรง

“แกสนุกมากนักใช่ไหมที่เห็นคนอื่นเขาตกใจกลัวจนหัวหดกันแบบนี้ ไอ้โรคจิต! ไอ้จิตวิปริต! แกไม่รู้เหรอว่าทุกเรื่องที่เกิดขึ้นมาน่ะเพราะพี่สาวของแกนั่นแหละที่ก่อเรื่องน่ะ รู้ก็รู้ว่าเขามีเมียอยู่แล้ว ถ้าไม่ยอมเขาง่าย ๆ เองแกนึกเหรอว่าเขาจะปล้ำเอาน่ะ!” วรปรัชญ์พูดพลางก้าวเดินอาด ๆ เข้าไปหาเรืองเดชอย่างไม่กลัวชีวิต อีกไม่กี่ก้าววรปรัชญ์ก็จะถึงจุดที่เรืองเดชยืนอยู่ ทันใดนั้นเองเรืองเดชก็ตวาดเสียงลั่น

“หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ! กูบอกให้มึงหยุดไง! ถ้าเข้ามาอีกก้าว มึงได้ไส้แตกจริง ๆ แน่เพราะคราวนี้น่ะมีกระสุนจริง ๆ เมื่อกี้มันแค่น้ำจิ้ม กูแค่อยากเห็นพวกคนรวยขี้หดตดหายสักครั้งหนึ่ง สะใจจริงโว้ย! แต่ถ้ามึงยังไม่เชื่อและอยากพิสูจน์ดู ก็เดินเข้ามาเลย กูจะให้มึงได้แดกลูกปืนแทนข้าวดู เข้ามาเล้ย!” เรืองเดชท้าทายอย่างยียวนกวนประสาท

“เข้ามาสิ! เข้ามาเล้ย! แน่จริงมึงเข้ามาเล้ย!” เสียงยั่วโมโหของเรืองเดชยังคงดังอย่างต่อเนื่อง วรปรัชญ์หยุดยืนนิ่งอย่างชั่งใจ เมื่อมีสติจึงรู้ตัวว่าตัวเองได้ทำอะไรลงไปอย่างไม่ยั้งคิด เพราะระยะเผาขนเพียงแค่นี้ต่อให้เรืองเดชไม่เคยยิงปืนมาก่อนเลยในชีวิตก็ไม่น่าจะพลาด คงต้องโดนตัวเขาเข้าสักแห่ง

“ถุย! กูนึกว่าจะแน่ เก่งแต่ปาก ชิ!” เรืองเดชแสดงท่าทีกักขฬะอย่างหยาบคายพร้อมทั้งถ่มน้ำลายรดออกมา วรปรัชญ์ยืนมองอย่างโมโหและเคียดแค้นที่ไม่สามารถทำอะไรเรืองเดชได้เลย นอกจากคิดแค้นอยู่ในใจ

‘แน่จริง มึงก็ทิ้งปืนลงสิ มึงก็เก่งแต่ปากเหมือนกันละว้า!’

“ปรัชญ์! กลับมาเดี๋ยวนี้นะ!” พริมาเรียกสติวรปรัชญ์ด้วยความเป็นห่วงในสวัสดิภาพของเพื่อนรัก

“บอกให้กลับมาไงล่ะ ปรัชญ์!” พริมาเรียกเพื่อนสนิทซ้ำอีกครั้งอย่างร้อนใจ เธอคงต้องเสียใจไปตลอดชีวิตหากวรปรัชญ์ต้องมาเป็นอะไรไปเพราะ ‘เรื่องไม่เป็นเรื่อง’ ของพวกเธอ

“ปรัชญ์! ฉันขอร้องล่ะ” เสียงพริมาเรียกร้องอย่างอ้อนวอน ชายหนุ่มเจ้าของชื่อจึงค่อย ๆ เดินถอยหลังกลับมายืนที่เดิม แต่สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่เรืองเดชอย่างเคียดแค้นและเอาเป็นเอาตาย

************************

ในที่สุดก็เลยเส้นตายที่ตั้งไว้มาอีกหนึ่งเดือน......เวลาไม่มีจริงๆ ค่ะ วันนี้ส่งตอนที่ 41.....75% มาให้อ่านค่ะ เหลืออีก 25% ขอไปปั่นก่อนนะคะ...



อาทิตาขอขอบคุณทุกท่านที่เป็นกำลังใจและร่วมยินดีกับการได้รับพิจารณาจาก สนพ. อินเลิฟ นะคะ

และขอใช้โอกาสนี้อธิบายที่มาที่ไปสักหน่อย ....อาทิตายังเขียนเรื่องนี้ไม่จบจึงยังไม่ได้ส่งให้ สนพ. ไหนพิจารณา แต่พอดีทาง บก. ของอินเลิฟมาอ่านในเว็บเด็กดี ก็เลยตกลงว่าจะร่วมงานกัน และทาง สนพ. ก็แจ้งมาว่า ขอให้ไม่ลงตอนจบ เพราะเป็นผลต่อธุรกิจ......ขอบคุณที่หลาย ๆ ท่านเข้าใจ แม้จะเสียความรู้สึกกันไปบ้าง ตัวเองก็เสียความรู้สึกเช่นกันค่ะ เพราะก่อนหน้านี้หลายคนก็บอก ...ซื้อแน่ ๆ / ออกมาเป็นเล่มจะซื้อแน่นอน / จบยังไงก็จะซื้อ... แต่พอเวลาจะได้ตีพิมพ์กลับกลายเป็นแบบนี้ไปได้ T__T

จริงอยู่ที่อาทิตาเขียนเรื่องนี้ขึ้นมาเพราะความชอบ แต่เมื่อมันสามารถทำรายได้ให้เราด้วย อาทิตาก็ไม่ปฏิเสธหรอกค่ะ เพราะอย่างน้อยก็ได้ค่าไฟค่าอินเตอร์เน็ตที่จ่ายไปตลอดปีกว่าที่ผ่านมา ......แต่ที่คาใจมาก ๆ คือ เหมือนโดนว่าว่าเราตั้งใจเขียนช้า ที่เขียนได้ช้าไม่ได้เพราะถ่วงเวลาหรือเรียกเรตติ้งนะคะ อาทิตาไม่มีเวลาที่จะเขียนจริง ๆ เพราะทำงานประจำค่ะ เป็นครูสอนหนังสือ รวมทั้งมีลูกยังเล็กด้วย

ส่วนยอดอ่าน / ยอดวิวที่มากมายแบบนี้ ก็ขอบคุณทุกท่านที่สนับสนุนและเป็นกำลังใจตลอด (มาและตลอดไป) แต่ถึงยอดอ่านไม่มากมายเหมือนเรื่องภารกิจรัก ภารกิจแค้น อาทิตาก็ไม่ได้รู้สึกแตกต่างกันมาก เพราะทุกท่านที่สละเวลาอ่านและเขียนคอมเม้นต์ (ทั้งชอบและไม่ชอบ) ให้ก็ทำให้เรา-คนเขียนดีใจแล้ว

แต่ทุกอย่างก็เป็นไปตามสัจธรรมของโลกนะคะ เพื่อนสนิทคนหนึ่งบอกว่า “เราไม่สามารถทำให้ทุกคนพอใจได้หมดหรอก ขอแค่อย่าท้อก็พอ”.....

บ่นมาเยอะแล้ว....บ้ายบายค่ะ

รออ่านอีก 25% ที่เหลือนะคะ คาดว่าไม่เกินสัปดาห์หน้าค่ะ



************************

ฝากด้วยนะคะ http://www.facebook.com/MonTraKraDangNga

รอคอย ‘คอมเม้นต์’ ของทุกท่านอยู่นะคะ---จุ๊บ ๆ ๆ ขอบคุณมากค่ะ




อาทิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 8 พ.ย. 2556, 13:38:11 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 8 พ.ย. 2556, 13:38:11 น.

จำนวนการเข้าชม : 1891





<< มนตรากระดังงา ผ่านการพิจารณาจาก สนพ. อินเลิฟแล้วนะคะ   ตอนที่ 41.......100% >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account