รักดังฝัน
เขา นิมมาน อดีตชาติเป็นถึงพระยานิมมาน ผู้ที่มีใจปฏิพัทธ์ต่อลูกสาวของศัตรู จนตัวตาย เขาก็พร้อมยกวิญญา แก่ยาใจที่รักสมิตาเพียงผู้เดียว แต่ผ่านมาพันปี นิมมานก็พบว่าความรักของเขาหมดลง ไอ้รักนิรันดร์ไม่มีจริงหรอก “ชาตินี้เจ้าจะแต่งงานกับใครก็ช่าง แต่ก่อนเจ้าจะพบกับไอ้มนุษย์เนื้อคู่ของเจ้า ข้าจะทำให้เจ้ารักข้าให้ได้ก่อน”

เธอ สมิตานัน ผู้หญิงสวย ดำรงตำแหน่งพิธีกรรายการดัง หลอนดีนัก...เดี๋ยวจัดให้ แต่จริงแล้ว คนที่ทำเก่งหน้าจอ แท้จริงกลับกลัวผีขึ้นสมอง ทั้งที่ไม่เคยเจอ แต่พอปุบปับกระหน่ำได้เจอจริง สมิตานันก็อยากให้ทุกอย่างเป็นแค่ฝัน...เอ หรือที่จริงเธอไม่ได้ฝัน


Tags: หลอนโรแมนติก แฟนตาซี นิมมาน สมิตา

ตอน: บทที่ 12 : เตรียมสวมรอย

โรงหมอก่อสร้างอย่างง่ายๆ จากตัวไม้ และมุงหลังคาจากขนาดใหญ่กินพื้นที่ตลอดแนวข้างปราสาทเต็มไปด้วยเสียงโอดครวญ ในพื้นที่ของเขตตัวปราสาทมีทหารบาดเจ็บมากมายกระจายตัว หมอหลายคนเดินหน้าเครียดไปมา รักษาคนโน้นเสร็จ คนนี้ก็มาใหม่ มีได้ไม่จบ

สงครามไม่ได้ทำให้คนสงบสุขจริงๆ...

ที่พักหลังกะทัดรัดตั้งไม่ห่างกัน กลิ่นยาต้มลอยฉุนจมูก สมุนไพรตากแห้งเรียงรายเต็มลานเล็กๆ สมิตานันมองด้วยความรู้สึกสุดแสนจะหดหู่ ที่ต้องใช้เยอะขนาดนี้คงเพราะจำนวนทหารที่บาดเจ็บตรงนั้น

“เจ้านางอาจไม่สะดวก”

“ไม่หรอกค่ะ อีกอย่างฉันก็ไม่ใช่เจ้านาง” ประตูที่พักปิดลง พิธีกรรายการผีจากอนาคตก็ตัดสินใจเด็ดขาดเรื่องความจริง ไม่สนสายตาห้ามปรามจากนิมมานแม้แต่น้อย

“เจ้านางบาดเจ็บตรงไหนหรือไม่”

“เปล่าค่ะ ปกติดีทุกอย่าง” หญิงสาวเว้นวรรคอย่างใจเย็น ลอบมองว่าธนิทธิในอดีตตรงหน้าจะเกิดอาการลุกขึ้นมาปึงปังบอกไม่เชื่อหรือเปล่า “คือว่า...”

เรื่องเล่าจากปากสีเชอร์รี่นานหลายนาทีจบลง สมิตานันถอนใจอย่างช่วยไม่ได้ เล่ามาตั้งนานดูเหมือนว่าจะทำหมอตรงหน้าตาเบิกค้างไปแล้วเรียบร้อย

“เรื่องจริงก็คงคิดว่าเรื่องโกหก” นิมมานถอดชุดคลุมของคนพื้นเมืองออก เผยชุดจากยุคปัจจุบัน ยืนล้วงกระเป๋ากางเกง ส่งสายตาเบื่อหน่าย บอกหญิงสาวให้รู้ว่าเธอได้ทำในสิ่งที่เสียเวลาเปล่า สายตาคมกล้าสอดส่ายมองที่พักขนาดย่อมที่นอกจากยาสารพัดที่ดอง หรือเป็นกิ่งไม้ ผลหมากตากแห้งมัดไว้ ที่นอนเตียงตั่งจากไม้ขนาดคนเดียวนอนซึ่งอยู่มุมในสุดไม่โดดเด่นอะไร

คำถากถาง และสายตาเหยียดหยามทำให้คนตะลึงกับความจริงอันไม่น่าเชื่อได้สติ พอรู้ว่าไม่ใช่เจ้านิมมาน เขาเองก็ไม่รู้ว่าจะต้องไว้ท่าทำไม

อย่างไรเสียเจ้านิมมานเองก็ไม่ได้ทำให้เขาปลื้มนักหรอก

“ข้ายินดีต่างหาก ยินดีที่เจ้าไม่ใช่เจ้านาง”

“จริงๆ นะคะ” เธอถามย้ำ

“จริงสิ และดีใจมากๆ ที่ในโลกของเจ้า ข้าได้ไปอยู่ในชีวิตเจ้า” หนุ่มโบราณยิ้มแก้มปริ ดวงตาระยิบระยับ

สมิตานันยิ้มจืดชืด หัวเราะในลำคอ ทั้งโล่งใจ และหนักอกกับท่าทีของทิวาที่ยังคงทำดีกับเธอไม่เปลี่ยน...แต่เวลาที่เธอรู้สึกว่าใจเต้นแรงกับภูตนิมมานแล้วนั้น ใจของเธอคงยังไม่พร้อมเจ็บเพื่อใคร...ยิ่งเป็นมนุษย์ต่างยุค จะต่างอะไรกับภูตผีต่างมิติ

สุดท้ายก็ต้องจากกัน...ทรมานอยู่ดี

เสียงกระแอมกระไอขัดความคิดจมลึกหวนนึกถึงนิมมานร่างภูตให้ต้องทำหน้าเมื่อยใส่คนขัดความทรงจำ มองค้อนนิมมานเล็กน้อย “คุณมีวิธีดีๆ อะไรบ้างก็ลองพูดมาสิ อย่าเอาแต่เรียกร้องความสนใจ”

“ผมอยากรู้ความเป็นไปของเมืองตอนนี้ เราจะได้รู้ว่าควรเริ่มจากตอนไหน” ตอบคำถามชัดเจน เน้นย้ำคำว่าเรา สายตาบอกชัดสมิตานันว่าเขารวมใครเข้ามา แต่อาการเชิดหน้า กอดอกไม่สนใจจากเธอเป็นอะไรที่สร้างความขัดใจให้ชายหนุ่มมากขึ้น

“หมอธี ฉันขอเรียกคุณว่าแบบนั้นได้ไหมคะ มันเป็นชื่อของคุณที่ฉันเรียกตอนอยู่ที่โน่น”

“ตามใจเจ้าเถิด” ทิวายิ้มตาเป็นประกายมาให้อีกครั้ง

หญิงสาวต้องยิ้มตอบกลับไปไม่ให้เสียน้ำใจ ทั้งที่ในใจรู้สึกว่าทิวา หมอยาตรงหน้า ท่าทางจะรุกน่ากลัวยิ่งกว่าธนิทธิที่เธอรู้จักเสียอีก

“นั่งก่อนเถอะ จะยืนพูดให้เมื่อยทำไม” นิมมานขัดเสียงไม่สบอารมณ์ จงใจเดินนำออกไปด้านข้างของตัวที่พัก ซึ่งตนสังเกตเห็นว่ามีเก้าอี้ไม้ตั้งอยู่

สมิตานันโคลงศีรษะ กลอกตามองตาม สัมผัสอารมณ์กรุ่นอย่างกับมีทะเลทรายมาตั้งท่ามกลางขุนเขาแห่งนี้เหลือเกิน โกรธใครอีกล่ะ...ผู้ชายคนนี้เข้าใจยากยิ่งกว่าภูตนิมมานเสียอีก

ทั้งที่...เป็นดวงจิตเดียวกันแท้ๆ

“ไม่สุขุม ใจเย็นอย่างท่านนิมมานสักนิด”

แม้แต่หมอยาก็ยังคิดเห็นเหมือนเธอ...แต่ภูตนิมมานเองก็ไม่ได้ใจเย็น สุขุมอย่างที่อดีตชาติของธนิทธิพูดมาหรอก เพียงแต่รายนั้นคิดอะไรก็พูด คิดอะไรก็ทำ

และทุกอย่างก็บอกชัดว่าเขารัก และพร้อมปกป้องเธอให้พ้นจากอันตรายทั้งปวง


“คามครเป็นเมืองพี่เมืองน้องทางด้านทิศตะวันออกของบุรเขต ถึงเมืองของข้าจะไม่ได้อุดมสมบูรณ์ แค่พออยู่พอกิน แต่อาณาเขตของเมืองไม่ใช่น้อย พอคามครเปลี่ยนอำนาจ คนคามครก็ลุอำนาจหวังยึดเมืองของพวกข้า มันรุกคืบมาไม่ได้หยุด ทหารของพวกข้าก็พร้อมปกป้องเมืองอย่างสุดกำลัง แม้แต่...”

ทิวาเหม่อมองท้องฟ้า แววตาเศร้าจัด มันเป็นความสะเทือนจิตใจอย่างหาที่เปรียบมิได้ “เจ้านางสมิตาก็ยังเอาตัวเข้าแลก เพื่อให้สุวรรณศรีส่งคนมาช่วย”

“นางคงคิดว่ามันเป็นทางที่ดีที่สุดในเวลานี้ ถ้าหากสุวรรณศรีคุ้มครองบุรเขต บางทีอาจจะทำให้คามครล่าถอยออกไป”

ทิวาส่ายหน้าช้าๆ ไม่เคยยอมรับการตัดสินใจของเจ้านางผู้จิตใจงาม เปรียบดังแสงสว่างของประชาชน โรงหมอที่เคยมีร่างงามระหงเดินรักษาผู้ป่วยได้ไม่เว้นเวลาจนร่างกายผ่ายผอม ความเดือดร้อนของเมืองทำให้เจ้านางจมอยู่กับความทุกข์มากขึ้น

“ถ้าเป็นอย่างนั้นก็คงดีไม่น้อย เว้นเสียแต่ว่า พวกสุวรรณศรีจะไม่ใช่คนอยู่เบื้องหลังการสงคราม”

“ไม่จริง” นิมมานท้วงติงเสียงดัง ร่องรอยความโกรธฉายชัด “อย่าใส่ความหากไม่มีเหตุผลชัดเจน”

เธอก็คิดว่าไม่จริง...สมิตานันสบดวงตาดำขลับที่ส่องแสงวาวโรจน์ด้วยความเข้าใจ หากเธอไม่ได้ฟังน้ำเสียงที่เล่าเรื่องแฝงความเศร้า ผิดหวังของภูตนิมมาน เธอเองก็คงไม่เชื่อ

“ข้าไม่ได้โกหก คนภายในต่างรู้เรื่องนี้ดี เจ้านางสมิตาเข้าไปก็เพื่อจบปัญหาครั้งนี้”

“หมายความว่ายังไง” ชายหนุ่มที่อารมณ์เดือดเป็นทุนเดิมส่งเสียฮึ่มฮั่มไม่พอใจ

“วางยาท่านนิมมาน เป็นสิ่งที่นางจะทำ”

สมิตานันตอบเลื่อนลอย ยกมือกุมขมับด้วยความเครียดจัด รู้สึกมืดแปดด้าน คิดว่าเธอจะทำทุกอย่างได้ แก้การกระทำของตัวเองในอดีต ของฬาฬี แต่...เวลามันเริ่มกระชั้นทุกที

“เจ้ารู้ได้อย่างไร” หมอยาถาม สีหน้าและแววตาหม่นหมอง “ข้าไม่รู้จะช่วยเจ้านางอย่างไร”

“จากบุรเขตไปสุวรรณศรีเดินเท้ากี่วัน” คนถามกอดอก เดินมาหย่อนนั่งข้างหญิงสาวเพียงหนึ่งเดียว อยากให้มั่นใจว่านับจากนี้ ทั้งสองคงต้องเหนื่อยอีกสักพักจนกว่าจะได้กลับไปในยุคของตัวเอง

“ไม่เกินสามวัน”

“ที่นี่จะถูกไฟไหม้ แพ้สงคราม ถ้าฉันหยุดสงครามตรงนี้ได้ จับตัวคนอยู่เบื้องหลัง แล้วรีบไปบอกสมิตา ฉันว่าทุกอย่างต้องดีขึ้น”

ไม่ต้องมีใครตายเพิ่ม หรือแค้นเป็นบ่วงรัดไปตลอดชีวิต หรือรักจนไปไหนไม่ได้

ให้มันจบในชาตินี้...สมิตานันคิดอย่างหมายมาด “ฉันจะขอเป็นเจ้านางได้ไหม ให้ท่านช่วยปิดเรื่องการเดินทางของเจ้านางตัวจริง ฉันว่าฉันน่าจะได้รู้อะไรดีๆ ไม่มากก็น้อย”

“งั้นผมจะไปเป็นทหาร”

“นี่คุณ” เธออุทานลั่น สีหน้าตกใจไม่ปิดบัง “ฉันไม่อนุญาต”

“เป็นห่วงผมหรือไง”

มุมปากยกขึ้นหมั่นไส้ ทำเสียงจิ๊จ๊ะ “ฉันคนเดียวก็เอาอยู่ คุณน่ะอยู่เฉยๆ ก็พอ”

“ผมบอกแล้วไงว่าจะปกป้องคุณ ในเมื่อร่วมหัวจมท้ายมาขนาดนี้ ผมไม่ยอมอยู่เฉยเด็ดขาด”

หญิงสาวแสร้งยกมือสางผม ลูบแก้มตัวเองไปมาแก้เก้อ ทั้งที่ความจริงเธอแค่ปรับไม่ให้อุณหภูมิบนหน้าอุ่นจนแดง หรือใจความนั้นจะทำให้เธอต้องหลุดยิ้ม

ชักจะทำตัวไม่ต่างจากภูตนิมมานเข้าไปทุกที...


เวลาแค่สามวันเท่านั้นที่เธอจะมีโอกาสเป็นเจ้านางสมิตา...

จนกว่าที่คนทางนั้นจะล่วงหน้าไปถึง หญิงสาวผ่อนลมหายใจด้วยความอึดอัด มองเงาตัวเองบนผืนน้ำในสระบัวเล็กของเขตปราสาทที่ถูกแปลงโฉมเป็นสาวยุคโบราณด้วยผ้าไหมทอลายดอกไม้คาดอก กระโปรงยาว บนศีรษะเรียบตึง ปักปิ่นเรียบร้อย สมิตานันโชคดีที่พอมีความสามารถในการแปลงโฉมจากฝีมือของกมลอยู่บ้าง หลังจากจดจำภาพที่ได้พบสมิตา เธอก็นำมาจับใส่ด้วยชุดที่ทิวาไปขอมาจากสาวใช้ให้

หญิงสาวทอดถอนใจเฮือกโต ทำใจยอมรับหน้าที่ที่ชดใช้เวลาพันปีที่นิมมานทุกข์ทรมาน มันเล็กน้อยจริงๆ

“จะเปลี่ยนใจก็ได้นะ” ร่างสูงใหญ่ในชุดเกราะเหล็ก บนใบหน้ามีแผลปลอมตรงแก้มที่สมิตานันอดทึ่งไม่ได้ที่ดูทิวาจะชำนาญในการสร้างสรรค์มันขึ้นมาเหลือเกิน...อย่างน้อยๆ ใครพบเจอก็คงจำไม่ได้

“ฉันควรถามคำถามนั้นกับคุณมากกว่า” เธอถาม เลิกคิ้วมอง

“ไม่เปลี่ยนใจไม่ว่าเรื่องอะไรทั้งนั้น”

จู่ๆ สมิตานันก็รู้สึกลมอ่อนที่พัดผ่านหยุดนิ่ง น้ำกระเพื่อมในสระบัว หรือปลาแหวกว่ายขึ้นมาหายใจต่างไม่มีสิ่งใดกล้าเขยื้อน หญิงสาวรู้สึกว่านัยน์ตาลึกล้ำคู่นี้สื่อความหมายของการไม่เปลี่ยนใจออกมามากกว่าแค่หน้าที่ และปากเจ้ากรรมของเธอก็ทำงานได้รวดเร็วยิ่งกว่าสมอง

“อะไรที่บอกว่าไม่เปลี่ยนใจ”

รอยยิ้มไม่มากไม่น้อย แต่ดูชินตาของเธอ เหมือนแสงอาทิตย์อันอบอุ่น ส่องแสงชโลมให้บรรยากาศหยุดนิ่งมีลมเย็นอีกครั้ง เสียงทุ้มนุ่มดูลื่นหู จริงใจ จริงจัง และมั่นคงไม่มีวันเปลี่ยน...เหมือนที่เธอได้ยินมาเสมอจากภูตหนุ่ม

“แค่คุณคนเดียวเท่านั้น...ตี้”

...................................................................................
หายไปสองวัน ถือเป็นสถิติการหายไปที่นานของปวราแล้ว ฮา

คุณ นักอ่านเหนียวหนึบ ส่งหมอมาให้หมั่นไส้อีกนานค่ะ และชาติเก่าของตาหมอ นิสัยยิ่งกว่าปัจจุบัน ฮา ส่วนนิมมาน ต้องรอเชียร์เขาต่อไป

คุณ konhin รอดูนะคะว่าใคร นิมมานไหน จะคู่ตี้ หรือสุดท้ายคดีพลิก เอ๊ะ ฮา

ขอบคุณนักอ่านทุกท่าน ทุกคอมเมนท์ รวมทั้งนักอ่านเงาค่ะ ^^



ปวรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 พ.ย. 2556, 00:20:41 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 พ.ย. 2556, 00:21:05 น.

จำนวนการเข้าชม : 1429





<< บทที่ 11 : ร่ำลา   บทที่ 13 : การเปลี่ยนแปลงของสมิตา >>
konhin 14 พ.ย. 2556, 00:51:05 น.
ถ้าล้างเรื่องอดีต ก็แปลว่าปัจจุบันก็ต้องเริ่มใหม่


นักอ่านเหนียวหนึบ 14 พ.ย. 2556, 01:43:27 น.
ว้ากกกก เค้าก็สตั๊นไป ฉอง วิ คิๆๆๆ
จบได้หวานๆ แบบนี้ ยอมให้อิตาหมอตำแย ออกมาสร้างสีสันกะได้


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account