รักดังฝัน
เขา นิมมาน อดีตชาติเป็นถึงพระยานิมมาน ผู้ที่มีใจปฏิพัทธ์ต่อลูกสาวของศัตรู จนตัวตาย เขาก็พร้อมยกวิญญา แก่ยาใจที่รักสมิตาเพียงผู้เดียว แต่ผ่านมาพันปี นิมมานก็พบว่าความรักของเขาหมดลง ไอ้รักนิรันดร์ไม่มีจริงหรอก “ชาตินี้เจ้าจะแต่งงานกับใครก็ช่าง แต่ก่อนเจ้าจะพบกับไอ้มนุษย์เนื้อคู่ของเจ้า ข้าจะทำให้เจ้ารักข้าให้ได้ก่อน”

เธอ สมิตานัน ผู้หญิงสวย ดำรงตำแหน่งพิธีกรรายการดัง หลอนดีนัก...เดี๋ยวจัดให้ แต่จริงแล้ว คนที่ทำเก่งหน้าจอ แท้จริงกลับกลัวผีขึ้นสมอง ทั้งที่ไม่เคยเจอ แต่พอปุบปับกระหน่ำได้เจอจริง สมิตานันก็อยากให้ทุกอย่างเป็นแค่ฝัน...เอ หรือที่จริงเธอไม่ได้ฝัน


Tags: หลอนโรแมนติก แฟนตาซี นิมมาน สมิตา

ตอน: บทที่ 14 : ความจริงถูกเปิดเผย

ยังไม่ทันที่อาหารมื้อแรกของเธอในยุคอดีตจะจบลงไป เสียงวิ่งหลายเท้าของเหล่าทหารก็บุกตะลุยเข้ามาในห้องโถงแห่งนี้ สมิตานันเงยหน้ามองอย่างสนใจ แต่แววตาระริกหวาดหวั่นของทหารผู้น้อยตรงหน้าทำให้เธอรู้ว่ามีบางอย่างกำลังเกิดขึ้น

“คามครบุกมาทางท้ายเมืองแล้วขอรับ”

ในช่วงทุกสายตาจดจ้องทหาร สมิตานันรีบสังเกตสังกาผู้ร่วมโต๊ะคนอื่น ท่านอาของเธอหน้าซีดเผือด มือไม้สั่น ท่าทางกลัวตายเต็มแก่ แบบนี้ไม่มีทางเป็นผู้ร้าย ตอนที่ว่าเธอเห็นแก่ตัว อาจมาจากความกลัวตาย

ตรงข้ามกับอีกคน รอยยิ้มมุมปาก ดวงตาหมายมาด และสาแก่ใจในยามที่ไม่มีใครสนใจนั้น...คงคิดว่าจะไม่มีใครเห็นสินะ...วาฬีร

ผู้นำทัพแสนสวยลุกขึ้นราวกับที่นั่งติดสปริง ส่งสายตากวาดมองรอบห้องชั่วครู่ ไร้คำพูด กำลังจะตั้งเท้าออกไป สมิตานันอดรนทนไม่ได้อีกต่อไป

“เดี๋ยวท่านพี่...ท่านต้องระวังตัวให้มาก บางทีผู้ไม่หวังดี อาจก่อชนวนจากภายใน ข้าเชื่อว่าในกองทัพของท่านต้องไม่ปลอดภัยแน่”

“เจ้าพูดอะไร”

“ข้าอวยพรให้ท่านโชคดี กับบางสิ่งทางนี้ ข้าจะจัดการเอง” สายตามองท้าทายวาฬีร เลียนแบบด้วยรอยยิ้มร้ายเมื่อครู่ จุดประกายความขึ้งโกรธของนางขึ้น

ในสถานการณ์ไม่ปลอดภัยฬาฬีไม่มีเวลาคิดนอกจากเดินตามท่านพ่อของเธอออกไป สมิตานันมองตามในใจนึกห่วงทั้งสอง และทุกคนที่ออกรบ รวมทั้ง...ผู้ชายคนนั้น

เธอต้องยุติก่อนสงครามจะเกิดขึ้นให้ได้...จะไม่มีใครต้องตายอีกเด็ดขาด


พุทธาเดินออกมาจากกระโจมที่กลางไว้หน้าคร่ำเคร่ง ตรงดิ่งมายังนิมมาน หลังจากรับคำสั่งโดยตรงจากแม่ทัพคนหนึ่ง เรื่องสุดแสนประหลาดไม่น่าเชื่อก็บังเกิดขึ้น..สำหรับคนที่อยู่ในศีลในธรรมมาตลอด รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องทำร้ายจิตใจเขามากที่สุด

“ผมเองที่ทำเรื่อง รับคำสั่งจากพวกมัน ผมจับตัวคนๆ หนึ่งไว้ที่ถ้ำ เป็นตัวประกันขู่ไว้จนกว่าที่พวกมันจะได้ตามต้องการ”

“หมายความว่ายังไง”

“มีลูกสาวของคนใหญ่ในเมืองนี้ถูกจับเพื่อข่มขู่ให้ร่วมมือกับพวกมันครับ บางทีถ้าพวกเราไปช่วยผู้หญิงคนนั้นออกมา แผนเลวๆ พวกนี้ก็คงจบ”

คำอธิบายของพุทธาจุดไฟสว่างวาบในหัวของนิมมาน ชายหนุ่มร้องยินดี อดชื่นชมกับความรอบคอบของทางคนส่งมาไม่ได้

“ยมทูตของนาย อ่านเกมทะลุจริงๆ”

“พวกคามครกำลังจะบุกมา อาศัยช่วงเวลานั้นไปถ้ำนั้นกันเถอะครับ ผมไม่อยากให้มือตัวเองในอดีตเปื้อนเลือดไปมากกว่านี้”

แสงคบเพลิงจุดห่างจากจุดนี้ไม่มากนัก กลองรบกระหน่ำตีรัวจากคามครสั่นขวัญของทหารฝั่งนี้ให้หวาดหวั่นอีกคำรบ นิมมานมองด้วยความหดหู่ ตัดสินใจในวินาทีนี้อย่างแน่วแน่

“นายไปคนเดียวเถอะพุทธา”

“ทางนี้อันตราย”

“ก็ช่างสิ ถ้าพวกนั้นกล้าฆ่าท่านนิมมานก็ให้รู้ไป”

พุทธาตาโตขึ้น รู้ความคิดทุกอย่างของชายหนุ่มด้วยความคาดไม่ถึง “แต่จะมีคนเชื่อไหม”

“หน้าผมเป็นของจริง...ไม่อยากให้ใครต้องมาตายอีก ถ้าสุวรรณศรีเคยวางแผนร้าย หรือที่นี่มีคนร้ายอยู่ ในเวลาที่นิมมานเปิดตัวขึ้นมาคุ้มครอง คนของทางคามครจะต้องยอมถอยไปก่อนแน่”

“ทำไมคิดอย่างนั้น”

“สัญชาตญาณมันบอกผม”

คนที่ต้องมาช่วยโคลงหัวไปมา สัญชาตญาณบางทีก็ไม่ได้แม่นยำเหมือนตามองเห็น...สัญชาตญาณ มันก็เป็นเพียงความเชื่อในใจคนเราเท่านั้น

เชื่อว่ามันจะต้องเกิดขึ้น

“ขอให้โชคดีครับ”

“ถ้ามันเป็นไปตามสัญชาตญาณ ผมกับคุณน่าจะได้พบกันอีก”

นิมมานยืนมองร่างของพุทธาหายกลืนไปในความมืด จึงเร่งหยิบกระบอกใส่น้ำจากลำไผ่ขึ้นมาล้างหน้าที่มีแผลด้วยหัวใจที่กำลังเต้นกระหน่ำออกมาด้านนอก

กลัว...แต่ต้องทำ

ไม่ว่าอย่างไรความตายก็คงไม่น่ากลัวอีกต่อไปแล้ว...ในเมื่อสมิตานันบอกเองว่าเขาเคยเป็นภูตเฝ้ารอความรักนับพันปี

“ใช่!”

เสียงเล็กดังขึ้นไม่ไกลจากตัว ลมวูบใหญ่ปะทะกับกายของนิมมานจนเซ ชายหนุ่มหลับตาลง และเพียงแค่เสียจังหวะการควบคุมตัวเองไปชั่วครู่

บางสิ่งบางอย่างก็ได้ครอบงำร่างของเขาอีกครั้ง

“ข้าจะแก้ปัญหาของข้าเอง”


ทุกคนกำลังแยกย้าย สตรีที่สมิตานันคิดว่าเธอไม่ไว้ใจกำลังดึงแขนเธอให้เดินตามนางไป มือขาวบีบต้นแขนเธอแน่นจนต้องร้องโอดโอยประท้วง

“ทำไมท่านน้าทำกับข้าแบบนี้เล่า”

“ข้าต่างหากต้องถามเจ้า เจ้าทำบ้าอะไรอยู่ นอกจากไม่ไปสุวรรณศรี ยังมาใช้สายตาอวดดีกับข้า”

สมิตานันเรียบเรียงคำพูดของวาฬีรได้ช้าเต็มที ทำไมนางถึงพูดราวกับว่าตัวเองไม่ได้มีความผิด “ก็ท่านน้ายิ้มร้าย ไหนจะยังโกรธเกรี้ยวกับการเห็นข้าอยู่ที่นี่ ท่านมีลับลมคมใน”

วาฬีรน้ำตาคลอ สายตาที่มองหลานสาวของตัวเองด้วยความผิดหวัง “ข้ามีหลานอยู่เพียงสองคน นี่เจ้าคิดว่าข้าจะทรยศเมืองหรือไง”

ก็แล้วมันไม่ใช่หรือไง...สมิตานันยั้งปากไว้ทัน เม้มปากแน่น ภาพผู้หญิงที่กำลังร่ำไห้ ชกอกตัวเองไปมาทำให้เธอยิ่งรู้สึกว่าตัวเองคิดผิด

“ข้าเตือนเจ้า สอนเจ้ามาเท่าไหร่ เคยฟังข้าบ้างไหมสมิตา วันๆ เจ้าเอาแต่ไปเชื่อท่านอาสุกรีของเจ้า ทำไม ทั้งที่ข้าเลี้ยงเจ้ามามากกว่า เจ้ายังกล้าระแวงคนที่หวังดีกับเจ้าอีกเหรอสมิตา ทำไม ท่านอาสุกรีของเจ้าปั่นหัวสมองน้อยๆ ของเจ้าอะไรมาบ้าง”

สมิตานันรู้สึกว่าใจตัวเองกำลังโดนฟ้าผ่ากลางเปรี้ยง หัว และมือชาไปหมด การรีบด่วนสรุปของเธอเกินไปในคราวแรกทำให้เธอพลาดอะไรไปหรือเปล่า

“ทำไมท่านน้าถึงยิ้มกับการที่เมืองกำลังโดนโจมตีจากข้าศึก” กลั้นใจถามออกไป

วาฬีรส่งเสียงหึ เบือนหน้างามๆ ของเจ้านางคนเล็กอย่างเจ็บปวด “เพราะมันทำให้ข้ารู้ ว่าหนอนตัวใหญ่นั้นเป็นใคร สุกรีเป็นผู้ชายขี้กลัวมาแต่ไหนแต่ไร กับคำขู่ท้าสาบานของเจ้าคงทำให้สุกรีกลัวจนต้องรีบเร่งให้มีสงคราม”

“แค่นั้นท่านน้าถึงยิ้ม”

สตรีสูงวัยกว่าเชิดหน้า ยกมือปาดน้ำตาออกไป อดกระแนะกระแหนสมิตานันไม่ได้ “ดูเจ้าจะสมองกระทบกระเทือนจริงล่ะมัง ถึงได้ปีกกล้าขาแข็ง เจรจาพาทีได้เกินสามประโยค” แต่พอเห็นท่าขบริมฝีปากไม่กล้าพูดใดๆ อีก วาฬีรจึงรีบกระตุ้น “พูดมากๆ ก็ดี ข้าชอบ แต่เจ้าอย่ามาสงสัยข้าเลย เห็นแล้วรู้สึกว่าเจ้ามันโง่นัก ทำไมนะ ทำไมถึงไม่ไปอยู่กับท่านนิมมาน เจ้าจะปลอดภัยรู้ไหม”

“ข้าไม่รู้หรอกนะว่าท่านอาสุกรีกล่อม หรือล้างสมองอะไรข้าบ้าง...แต่สิ่งที่ข้าจะทำหลังจากพบหน้าท่านนิมมาน ข้าจะวางยาเขาให้ตาย”

“สมิตา!”

“ทำไมคนในเมืองคนอื่นๆ ถึงคิดว่าสุวรรณศรีวางแผนร้ายกับเรา”

“ไอ้พวกคามครมันสร้างเรื่องให้เราแตกแยกกับสุวรรณศรี ถึงแม้ว่าเรากับสุวรรณศรีจะไมได้สัมพันธ์ดีต่อกันนัก แต่เจ้าเองกับนิมมานคือแสงสว่างของพวกเราทั้งสองเมือง ความรักของพวกเจ้าจะลบรอยร้าวที่เคยมีได้ เราจะอยู่กันอย่างสันติได้ ทำไมเจ้าได้โง่นักสมิตา ความรักของนิมมานมันทำให้เจ้าไม่เชื่อใจเขาหรือไง”

สมิตานันปล่อยหยาดน้ำตาหยดลงมาหยดหนึ่งเป็นทางอาบแก้มซ้าย ทรุดตัวลงนั่งปิดปากอย่างทุกข์ทรมาน สมองที่เอาแต่ตีความเรื่องไปต่างๆ นานาด้วยตัวเอง พอมีคนมาไขกุญแจเปิดให้

เป็นเธอที่โง่งม ไม่ว่าจากอดีตหรือปัจจุบัน ก็ยังโง่อยู่ไม่เปลี่ยน

“สมิตาเจ้าเป็นอะไร”

“ข้าไม่ใช่สมิตา”

หญิงสาวตอบเสียงเบาหวิว ยกดวงตาที่กำลังบอบช้ำขึ้นมองใบหน้าของน้าสาว ก่อนจะปล่อยน้ำตาลงมาอีกหยด “เจ้านางตัวจริงกำลังเดินทางไปฆ่าท่านนิมมาน นางเข้าใจว่าสุวรรณศรีมีแผนทำร้ายที่นี่”

“เจ้าพล่ามอะไรออกมา สมิตาหลานข้าใจเย็นๆ ก่อน”

“อีกสองวันกว่าๆ นางจะไปถึงสุวรรณศรี...ได้โปรดเถอะท่านน้า ได้โปรดเชื่อคำพูดของสมิตาในอีกพันปีข้างหน้าเถอะนะ”

“พันปี นี่เจ้า” วาฬีรปล่อยแขนหญิงสาวราวกับต้องของร้อน ดวงตาแปรเปลี่ยนการมองไปทันที เหมือนเห็นเธอเป็นสิ่งประหลาดจากนอกโลก “เจ้าต้องเสียสติ”

“มีสิ่งใดที่หลานของท่านมีติดตัวหรือไม่”

วาฬีรนิ่งคิด รู้สึกอยากเป็นลม ในภาวะบ้านเมืองระส่ำระส่ายนี้ จะมีเรื่องเหลือเชื่อมาเกิดขึ้นได้อย่างไร

“แผลเป็นที่ข้อมือ ตอนนั้นนางไปเก็บดอกหอมไกลในป่า แล้วตกลำธาร มือครูดกับโขดหิน”

หญิงสาวยกมือสองข้างขึ้นแสดงต่อวาฬีร ความว่างเปล่าปราศจากแผลเป็นทำให้คนมองหาคำค้านออกมาไม่เจอ

“ทีนี้ท่านคงเชื่อข้าแล้วใช่ไหม...ครั้งนี้ข้าจะยอมเชื่อว่าท่านนิมมานบริสุทธิ์ ข้าจะรีบไปห้ามนางไม่ให้ทำการอุกอาจเอง”

“เจ้ารู้ทางหรือไง...เรื่องนี้หากถึงหูฬาฬีนางต้องโกรธเกลียดในความโง่ของเจ้าแน่ ทำไมทำอะไรไม่ปรึกษาข้า ข้าเองที่ผิดส่งเจ้าไป ผิดที่ไม่รู้แผนสุกรี”

“อย่ามัวแต่โทษกันเลย...หากนางไปถึงเมืองสุวรรณศรีก่อน และวางยาท่านนิมมานล่ะก็ นางได้โดนตามล่าแน่” ภาพฬาฬีไล่ล่าไม่คิดชีวิตตอนที่เห็นในภาพฝันทำให้หญิงสาวหนาวจับขั้วหัวใจ ห่อไหล่ด้วยความหดหู่

มันจะเกิดขึ้นไม่ได้

“เจ้านางสมิตา” ร่างยักษ์ของชายถอดเสื้อ เป็นทหารในวังบุกตะบันมาหยุดยืนหอบหน้าร่างผู้เป็นนาย สมิตานันเองกำลังตะลึงงัน กมล มาอยู่ตรงนี้ ในบุรเขต

“มีอะไรกับเจ้านาง”

กมลค้อมหัวทำความเคารพวาฬีร ก่อนหันหน้ามารายงานความจริงที่คนฟังต้องร้อนรนเป็นแน่แท้ “ท่านนิมมานกำลังเจรจาสงครามกับคามคร เป็นตัวแทนจากบุรเขตขอรับ”

“อะไรเนี่ย!” วาฬีรอุทานไม่ทันสิ้นประโยค ร่างระหงของสมิตานันก็หุนหันวิ่งนำออกไป หัวใจกระหน่ำด้วยความกังวล กลัวยิ่งกว่าที่จะรู้ว่าสมิตาจะฆ่านิมมานในชาตินี้เสียอีก

ในเมื่อนิมมานที่กมลว่ามา จะไม่ใช่นิมมานจากอนาคต...หากเขาตายไป จะมีนิมมานในอนาคตอีกอย่างนั้นเหรอ

เธอไม่ยอมเด็ดขาด...

“คนโง่ ฉันโง่คนเดียวไม่พอ ทำไมต้องมาโง่เป็นเพื่อนฉันด้วย” สมิตานันพูดไปขณะวิ่ง แต่เพียงแค่เลี้ยวหัวมุมตรงทางเดิน ท่อนไม้ก็ฟาดลงอย่างแรงบริเวณศีรษะจนหญิงสาวล้มไปกองกับพื้น ของเหลวสีแดงไหลผ่านหางตาของเธอไป อาการเจ็บปวดเกิดขึ้นหลังจากชาหนึบ

มองคนร้ายที่บังอาจตีหัวเธอให้ชัดเต็มสองตา ถึงการจับภาพจะค่อนข้างเบลอไปมากแค่ไหนก็ตาม...เป็นสุกรีจริงๆ ด้วย

“ทำไมถึงขัดคำสั่งอา” สมิตานันตะกายพื้นหนี ยังไม่มีแรงพอจะลุกขึ้น ชายที่ดูอ่อนแอก็เดินไล่เธอมาเรื่อยๆ...ที่สำคัญสุกรีกำลังร้องไห้

“มิลันกำลังจะตาย ทำไมไม่ช่วยอา อยากให้มิลันตายหรือไง”

ชื่อเล่นของเพื่อนที่เธอรู้แน่ว่าต้องเป็นมิลันไหนกระตุกใจคนฟังอย่างรุนแรง ปาริตาก็อยู่ในยุคนี้ด้วยอย่างนั้นเหรอ ทำไมกัน...ทำไมอดีตพันปีก่อน ราวกับภาพก็อปปี้ไปตั้งวางในเวลาพันปีข้างหน้า

เกิดอะไรขึ้นที่นี่...

สุกรีกำลังง้างไม้ในมือสุดแขนเตรียมฟาดไปบนแผลเดิมซ้ำด้วยความแค้นเคือง กมลก็พุ่งเข้าใส่เสียก่อน วาฬีรพยุงตัวหลานสาวคนโปรดขึ้นมาด้วยความเป็นห่วง ยามนี้ไม่ว่าสมิตาตรงหน้าจะมาจากปีไหน ยังไงก็หลานเธอ...เป็นหลานที่ฉลาดแล้ว

“ไปตามหมอมา”

สติที่ใกล้จะพร่าเลือน ดวงตาของเธอเห็นแต่สีแดงฉาน และกลิ่นคาวเลือดของตัวเอง ปากสีซีดยังคงขับเคลื่อนเอื้อนเอ่ยจากจิตใต้สำนึกที่ยังมีห่วงผูกมัดในใจ

“ห้ามไม่ให้สมิตาฆ่าท่านนิมมาน ตามหาตัวมิลัน ช่วยนิมมานที่กำลังเจรจาสงครามด้วย ได้โปรดช่วยพวกเขาด้วย อย่าให้เรื่องร้ายๆ เกิดขึ้น อย่าให้ไฟสงครามเผาเมืองบุรเขต”

“ข้าเข้าใจแล้ว...นี่หมออยู่ไหน”

วาฬีรมองหลานสาวของเธอที่กำลังซีดเผือดลงทุกขณะ ร่างกำลังเริ่มโปร่งแสงไปทีละนิด

“เจ้ากำลังหายไป สมิตา อย่าเพิ่งหมดสติสิ สมิตา”

“อย่างนั้นเหรอ”

เวลาคงใกล้จะหมดลงแล้ว...ทำไมเธอรู้สึกว่ายังไม่ทันได้ทำอะไรเลย “ท่านน้า ข้าชื่อสมิตานัน ผู้หญิงจากอนาคตพันปีข้างหน้า ไว้สักวันในอนาคต ข้าจะกลับมาเยี่ยมที่นี่ ถ้าโชคชะตายังเป็นใจ”

ถ้ายังไม่ตาย...สมิตากลายเป็นเพียงร่างขาวโปร่งแสง ก่อนจะหายไปจากอ้อมแขนของวาฬีร นางมองอย่างตกตะลึง ถึงจะเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อ แต่การพบเจอเรื่องแบบนี้ต่อหน้าต่อตา มันทำให้ปฏิเสธไม่ได้ว่าเรื่องทั้งหมดคือเรื่องจริง

สมิตาจากอนาคตมาที่นี่จริงๆ

“เด็กโง่...เจ้าฉลาดแล้ว จากนี้เรื่องจะทำให้สมิตาในยุคนี้ฉลาดบ้าง ข้าจะรับช่วงต่อเอง...อย่าลืมกลับมาที่นี่ในยุคของเจ้านะ...สมิตานัน หลานข้า”

..........................................................
พาความจริงมาเปิดเผยแล้วนะคะ ไว้นับจากนี้จะเริ่มเรื่องใหม่อีกครั้ง

คุณ นักอ่านเหนียวหนึบ ตอนหน้าจะมาเยอะค่ะ รอเนอะ พามาให้หายคิดถึงแน่นอน

คุณ konhin เฉลยเรื่องในอดีตแล้วนะคะ แต่จะแก้ไขสำเร็จไหม รอกันต่อไป ฮา

ขอบคุณทุกคนมากค่าสำหรับทุกคนที่เข้ามาอ่าน มาไลค์ รวมทั้งนักอ่านเงาค่ะ ^^



ปวรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 16 พ.ย. 2556, 01:28:31 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 16 พ.ย. 2556, 01:28:31 น.

จำนวนการเข้าชม : 1438





<< บทที่ 13 : การเปลี่ยนแปลงของสมิตา   บทที่ 15 : บุคคลไม่คุ้นเคย >>
konhin 16 พ.ย. 2556, 02:57:05 น.
ว้าวว แผนเยอะมาก แล้วใครเอามิลันไปหล่ะ


อัศวินนภา 16 พ.ย. 2556, 08:09:54 น.
ว้าว กำลังสนุกเลย มาเป็นกำลังให้นะคะ
ตามอ่านมาทุกเรื่องเลย


นักอ่านเหนียวหนึบ 16 พ.ย. 2556, 08:50:40 น.
ไรเตอร์ขยันจิงๆๆๆ
เปิดมาเวลาไหนก็เจอ คิๆๆๆ
ตี้ทำได้เท่านี้จะเพียงพอให้ประวัติศาสตร์เปลี่ยนแปลงมั้ยยย
พุทธากะมิลินต้องเป็นเนื้อคี่กันแน่ๆ หุๆๆๆๆ
รอๆๆๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account