รักดังฝัน
เขา นิมมาน อดีตชาติเป็นถึงพระยานิมมาน ผู้ที่มีใจปฏิพัทธ์ต่อลูกสาวของศัตรู จนตัวตาย เขาก็พร้อมยกวิญญา แก่ยาใจที่รักสมิตาเพียงผู้เดียว แต่ผ่านมาพันปี นิมมานก็พบว่าความรักของเขาหมดลง ไอ้รักนิรันดร์ไม่มีจริงหรอก “ชาตินี้เจ้าจะแต่งงานกับใครก็ช่าง แต่ก่อนเจ้าจะพบกับไอ้มนุษย์เนื้อคู่ของเจ้า ข้าจะทำให้เจ้ารักข้าให้ได้ก่อน”

เธอ สมิตานัน ผู้หญิงสวย ดำรงตำแหน่งพิธีกรรายการดัง หลอนดีนัก...เดี๋ยวจัดให้ แต่จริงแล้ว คนที่ทำเก่งหน้าจอ แท้จริงกลับกลัวผีขึ้นสมอง ทั้งที่ไม่เคยเจอ แต่พอปุบปับกระหน่ำได้เจอจริง สมิตานันก็อยากให้ทุกอย่างเป็นแค่ฝัน...เอ หรือที่จริงเธอไม่ได้ฝัน


Tags: หลอนโรแมนติก แฟนตาซี นิมมาน สมิตา

ตอน: บทที่ 15 : บุคคลไม่คุ้นเคย


เสียงนกร้องจุ๊บจิ๊บดังก้องหู แสงอุ่นลามไล้ใบหน้าจนคนที่กำลังหลับตาอยู่ต้องลืมขึ้น ฟ้าสีทองงดงาม เมฆขาว พื้นฟ้าดูสว่างไสวและน่าจดจำ รอบข้างจากต้นหญ้าถูกแปรเปลี่ยนเป็นดอกหอมไกลสีขาว...เธอจำที่นี่ได้ดี ที่ของภูตนิมมาน

นั่นแสดงว่าเธอหมดโอกาสในการแก้ไขอดีตแล้วใช่หรือเปล่า...เธอไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้อีก

เขายังอยู่ แปลว่าภารกิจของเธอล้มเหลว...ใช่ไหม หญิงสาวผ่อนลมหายใจยาวอย่างทดท้อ ไม่รู้อดีต ปัจจุบัน หรืออนาคตของเธอว่าในยามนี้เป็นอย่างไรบ้างอีกต่อไป

ไม่อยากรับรู้อะไรอีกแล้ว...เธอกลัวความจริงที่มันเกิดขึ้นเกินไป

แค่นึกถึงความจริงที่เธอเพิ่งรับรู้เมื่อครู่ว่าแท้ที่จริงคนที่โง่นั้นคือตัวเอง น้ำตาของเธอก็พานไหล เธอเป็นคนวางยาฆ่านิมมานด้วยความโง่ของตัวเอง เป็นคนโง่ที่ไม่รู้จักใช้สมองของตัวเองไตร่ตรองว่าความจริงแล้วเป็นอย่างไร โดนความโง่เขลาจูงจมูกจนได้ทำเรื่องเลวร้าย เธอได้แต่หวังว่าวาฬีรจะหยุดยั้งการกระทำโง่เง่าของสมิตาได้ทันท่วงที

ส่วนเรื่องอื่นเธอเกินจะรับรู้ได้...บางทีที่ฬาฬีเกลียดเธอ อาจเพราะว่าเธอโง่เง่า ฆ่าคนที่ตัวเองรัก เป็นชนวนทำร้ายที่พึ่งของบ้านเมือง หรือจะอะไรก็ตามแต่

หากมีบุญกุศลอันใดที่เธอได้ทำไว้ในอดีต เธอหวังว่ามันจะไปยับยั้งไม่ให้สมิตาลงมือกระทำการสิ้นคิดนั้น...อย่าทำร้ายคนที่รักเธอด้วยความตาย ผู้ชายที่ไม่มีวันเกลียดเธอไม่ว่าเธอจะทำร้าย ทำให้เกลียดมากแค่ไหน

คนแบบนั้นไม่มีวันวางแผนชั่วทำร้ายเธอแน่นอน

ยิ่งคิดต่อมน้ำตาของเธอก็ดูจะไร้แรงต้านทาน หาอะไรมาอุดไว้ก็คงไม่อยู่

“เจ้าร้องไห้ทำไม”

“ก็คนมันโง่ เอ๊ะ!” สมิตานันตอบไปตามความจริง แต่พอหูที่ได้ยินเสียงกลั่นกรองสำนวนอันคุ้นหู ทุ้มต่ำช่างคุ้นเคย หญิงสาวทะลึ่งพรวดลุกขึ้นนั่ง ยกมือเสยผมที่ไม่เป็นทรงให้เข้าที่ กวาดตามองหาเจ้าของเสียงด้วยความวูบไหวในอก...เขาใช่ไหม

แต่บริเวณโดยธรรมชาติ มีแต่ความว่างเปล่า เวิ้งว้าง และโดดเดี่ยว มีเพียงเธอ ที่นั่งยาวที่เธอเคยนั่งกับเขายังตั้งอยู่ที่เดิม แต่ไม่มีใคร

หญิงสาวลุกขึ้นยืน ปากเม้มแน่น กลัวจะกรีดร้องให้กับสภาพที่เธอทนรับเรื่องร้ายพวกนี้เพียงลำพัง

“หลับตาสิ” เสียงทุ้มกล่าวข้างหู สมิตานันพยายามมองผ่านความว่างเปล่าไป แต่เธอมองไม่เห็นอะไรทั้งนั้น นอกจากอากาศจำแลงของนิมมาน

“ใช้ใจของเจ้าสัมผัสข้า”

เปลือกตาบางยอมปิดลง เริ่มเปลี่ยนประสาทสัมผัสการรับรู้เป็นใช้ใจ ความอบอุ่นแผ่ซ่านราวกับถูกกอดไว้ โอบเธอไว้เสียแน่น มือสองข้างของเธอยกขึ้นโอบกลับไปไม่ได้ นึกแล้วเธอก็เสียดาย เธอรู้สึกว่ามีตัวตน แต่สัมผัสไม่ได้ด้วยกายอีกต่อไป

ยิ่งนึก น้ำอุ่นยิ่งรินรด ในใจของเธอรู้สึกเจ็บปวดอย่างนึกไม่ถึง เรื่องอดีต เป็นเธอที่โง่งมจนเผลอทำร้ายเขา

“ขอโทษที่ฉันเคยทำร้ายคุณ...ขอโทษที่ฉันไปแก้ไขเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้เลย คุณถึงยังอยู่ ไปไหนไม่ได้”

“เลิกโทษตัวเอง เจ้าทำดีที่สุด และทุกอย่างได้เปลี่ยนแปลงแล้ว”

“เปลี่ยน เปลี่ยนยังไง ฉันยังไม่รู้เลย” ส่ายหัวไปมา ไม่ยอมรับฟัง เธอกลัวว่านิมมานจะแค่ปลอบใจเธอให้หายกลัวเท่านั้น...เขาจะหลอกให้เธอเชื่อ ทั้งที่จริงๆ อาจไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

“ข้าพูดจริง จากนี้ไม่ต้องห่วง ไม่ต้องคิดถึงอะไรอีกแล้ว ข้าได้เป็นอิสระ ไม่มีตัวข้าอีก”

ร่างเพรียวบางนิ่งแข็งอยู่ในอ้อมกอดที่มองไม่เห็น ในอกว่างเปล่าโหวงเหวง อารมณ์ของเธอถูกแช่แข็ง อุตส่าห์ได้พบกัน สุดท้ายก็จะจากกันอีกครั้ง...เหมือนเดิม

“ให้ทุกอย่างมันดำเนินไปเหมือนเดิม เริ่มใหม่ ข้าไม่ต้องรอเจ้า เจ้าไม่ต้องรอข้า ไม่มีใครต้องรอใครอีก ให้มันเป็นอย่างนั้นเถอะนะสมิตา”

“ทำไมต้องรักฉันมากขนาดนี้ ทั้งที่ฉันทำร้ายท่านไว้ ทำไมยังรอคะ”

สมิตานันรู้สึกถึงสัมผัสบริเวณเส้นผมของเธอ ความอุ่นซ่านปลอบโยนจิตใจของเธอให้สงบนิ่ง แต่ความเศร้ายังไม่จางหายไป ทำไมถึงได้ทรมานตัวเองด้วยการรักเธอมากขนาดนี้

“ข้าหลุดจากบ่วงนั้น...จากนี้เจ้าจะไม่ต้องทรมานกับการที่ข้ารักอีก”

ไม่...คำปฏิเสธหลุดออกได้แค่ในใจ เธออยากจะบอกเขาเหลือเกินว่าเธอยินดีเจ็บปวด ยินดีรับสภาพความทุกข์ทั้งหลาย เพื่อรักเขา...แต่เธอเห็นแก่ตัวไม่ได้อีกต่อไป พันปีมากเกินไปกับชีวิตของใครคนหนึ่ง

“โชคดีนะคะนิมมาน”

“ข้ารักเจ้า...สมิตาที่รัก รักแบบไม่มีเหตุผล เจ้ารู้แค่ข้ารัก เท่านั้นก็พอ”

“อืม” หญิงสาวขานรับในลำคอ ก่อนที่ร่างกายของเธอจะรู้สึกเบาโหวง อ้อมกอดนั้นสัมผัสไม่ได้อีกต่อไปจนต้องยกแขนกอดตัวเองไว้ ปล่อยให้น้ำตารินไหลเงียบเชียบ

“รัก...ฉันรักคุณนิมมาน”


.......................................


กริ๊งงงง

เสียงนาฬิกาปลุกกรีดร้องดังในความเงียบ อากาศที่เย็นฉ่ำด้วยห้องกว้างที่มีเครื่องปรับอากาศทำให้หญิงสาวที่นอนหลับตาพริ้มบนเตียงนอนขนาดใหญ่ต้องส่งเสียงงึมงำในคออย่างเหนื่อยหน่าย แกมรำคาญ

ทำไมมันหนาวๆ อย่างนี้... สมิตานันขยับตัว ควานหาผ้าห่มมากระชับตัวแก้หนาว แต่สัมผัสอุ่นวาบตรงเอว เหมือนมีเนื้อร้อนๆ มาแตะทำให้เธอตัวแข็งทื่อ

เกิดอะไรขึ้น...

ปรับลมหายใจให้เข้าที่อีกนิดจึงยอมขยับมือของตัวเองไปจับบนเอวของเธอ ที่เนื้อสัมผัสเนื้อด้วยมืออันสั่นเทา กลั้นใจจนรู้แน่ว่าเป็นมือคน สิ่งเดียวที่หญิงสาวนึกออกก็คือ

“กรี๊ดดดดด”

“มีอะไรตี้...เกิดอะไรขึ้น”

ผู้ชายตัวโตแผงอกว่างเปล่าไม่ได้ใส่อะไร และจากหุ่นกล้ามท้องเป็นลอน ข้างล่างก็คงว่าง เหมือนกับที่เธอกำลังรู้สึกในตอนนี้ สมิตานันกระชากผ้าห่มมาคลุมร่างเปลือยของตัวเองไว้อย่างตระหนก มือไม้สั่น ใจหล่นวูบ

ทำไมเธอจำอะไรแบบนี้ไม่ได้...ก่อนหน้าคือเธอกำลังดูหนังเรื่องเฟรดดี้ ครูกเกอร์อยู่ในห้องนอนเล็กๆ ของเธอ ไม่ใช่ห้องโอ่โถง เครื่องอำนวยความสะดวกครบครัน แล้วไหนจะผู้ชายชีเปลือยนี่อีก

“กรี๊ดดดด” เป็นสิ่งเดียวที่สมิตานันนึกออก และแสดงออกมาได้ “นี่มันเรื่องบ้าอะไร...ออกไปนะไอ้บ้า ไม่สิ ฉันต้องบ้าอยู่แน่ๆ ฉันเบลอ ฉันฝัน ฉันยังไม่ตื่น”

ยื่นมือออกมาฟาดลงไปเสี้ยวหน้าคร้ามคมสุดแสนจะไม่คุ้นหน้าค่าตามาก่อนในชีวิต เมื่อรู้สึกแค่ชามือ ยังไม่เจ็บ เธอก็ฟาดไปอีกทีเต็มแรงจนเขาหน้าหันไปข้างหนึ่งนั่นล่ะ มือของเธอถึงเพิ่งรู้สึกเจ็บ หยิบผ้าห่มที่อยู่ไม่ห่างมืออีกผืนมาโยนคลุมลงบนศีรษะของคนหน้าเคร่ง

แค่นี้เธอก็รู้สึกว่าหน้าตัวเองร้อนผ่าวพอแล้ว...นี่เธอไปพลาดท่าเขาตอนไหน แฟนที่ผ่านมาไม่มีก็เพราะพอรู้ว่าเธอคือเจ้าแม่วงการเรื่องลี้ลับก็กระเจิดกระเจิงหนีกันหาทางกลับบ้านไม่เจอ

แต่คนนี้เป็นใคร...ที่สำคัญคือเขารู้จักชื่อเล่นเธอด้วย

นี่มันเรื่องบ้าชัดๆ

“ลืมไปซะ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น...ถือซะว่าฉันทำบุญให้หมาสักตัว” ไม่พูดเปล่า ร่างเพรียวระหงรีบทรงตัวลุกขึ้น มือกระชับผ้าห่มผืนหนาที่คลุมร่างอยู่ให้แน่น เธอไม่อยากให้ตัวเองอับอายไปมากกว่านี้ แต่ยืนได้ไม่ถึงสองวินาที เอวเล็กของเธอก็ถูกมือหนาเกี่ยวไปนั่งแปะลงบนตักของผู้ชายแปลกหน้าคนนั้น

พยายามดิ้นแต่ก็โดนอ้อมแขนมนุษย์กักกันไว้จนเธอหมดทางหนี ได้แต่ทำหน้าง้ำ หน้างอ ปากยื่นไม่พอใจ “นี่คุณ ฉันซื้อคุณมานอนด้วยหรือไง เอาเงินว่างั้น แต่ขอบอกเลยนะว่าฉันจำอะไรไม่ได้สักอย่าง ฉันอาจจะทำไปโดยไม่มีสติสัมปชัญญะ โชคดีจริงๆ ที่ฉันจดจำเรื่องน่าอัปยศอดสูนั่นไม่ได้”

พูดจบก็รู้สึกหายใจเกือบไม่ทัน แต่คงไม่เท่ากับการอาการนิ่งเงียบ หน้านิ่ง และที่สำคัญคือ เขากำลังก้มมองต่ำ สายตาบอกชัดว่าเขากำลังโกรธ เธอคิดว่าเธอเห็นประกายไฟในตาเขาอย่างไรไม่รู้

ว่าแต่เธอทำอะไรผิด

“หมา ซื้อมานอน ไม่มีสติ เรื่องอัปยศ คุณเรียกคืนเข้าหอวันแรกของเราอย่างนั้นเหรอตี้”

“เข้าหอ...อะไรนะ!” ดวงตากลมโตแทบถลนออกจากเบ้า จ้องคนหล่อหน้าเคร่งที่เริ่มมือไต่เป็นปลาหมึก ก้มลงมาฝังจมูกลงบนผิวซอกคอ จนหญิงสาวจั๊กจี้ มือจัดการผลักศีรษะผมสั้นออกสุดแรง ส่งเสียงไม่พอใจ

“เป็นอะไรตี้...เราแต่งงานกันแล้ว วันนี้วันของเรา”

“ฉันจำไม่ได้...ไม่รู้จักคุณด้วยซ้ำ คุณชื่ออะไร เป็นใครมาจากไหน ทำอะไร ฉันไม่รู้เรื่อง ไม่รู้อะไรเลย คุณรับได้เหรอที่ฉันทำรายการผี เอ่อ...นี่มันเรื่องบ้าเกินไป”

“ผมไม่ตลกนะตี้”

“ฉันก็ไม่ตลกค่ะ” ท่าทีจริงจังของหญิงสาวบอกชัด ดวงตาตระหนกเหมือนกระต่ายตื่นทำให้คนมองที่รู้จักหญิงสาวดียอมคลายอ้อมกอด พอเหลือแค่กันไม่ให้ร่างระหงหาทางหนีได้อีก

“บอกมาซิว่าผมชื่ออะไร”

“ไม่รู้...ฉันไม่รู้จักคุณจริงๆ นะคะ แล้วช่วยถอยห่างกว่านี้ได้ไหม ฉันอึดอัด ไม่ชอบมากๆ”

“พี่ชื่อนิมมาน สรรพนามที่ตี้ชอบเรียกคือพี่ปอม”

ชื่อนั้นสะกิดใจเธออย่างจัง แต่มันไม่ได้ไปทำให้หัวอันว่างเปล่าของเธอมีคำตอบว่าเขาคือใคร นึกออกเพียงแค่เธอไม่เคยพบเขามาก่อน แต่ตอนนี้เธอจะเอาตัวรอดจากสถานการณ์ตอนนี้ได้อย่างไรกัน

พ่อกะปอมตาดุนี่คงไม่ยอมปล่อยเธอไปง่ายๆ

“หิวแล้ว ไปกินข้าวกันเถอะ” ต้องแสร้งซุกซ่อนสีหน้าคลางแคลงสงสัยไว้ในอก ทำเสียงออดอ้อนที่น่าจะใช้ได้กับผู้ชายตัวโตที่มาหลอกว่าแต่งงานกับเธอ และนี่คือวันเข้าหอวันแรก...ตลกรับประทานยามเช้าจริงๆ

สบโอกาสเมื่อไหร่...เธอหนีแน่

“รอพี่ตรงนี้ก่อน พี่จะลงไปทำขึ้นมาให้” ก้มลงกระซิบข้างหูเสียงพร่า ตบท้ายด้วยฝังจมูกลงไปบนแก้มเนียนฟอดใหญ่อย่างถือวิสาสะ “ตี้คงเดินไม่สะดวก อย่าแกล้งพี่ให้ตกใจอีกนะ เพราะพี่ไม่เชื่อ”

และเพียงแค่เธอเงยหน้าขึ้นเตรียมหาเรื่องเขา นิมมานก็อาศัยจังหวะโฉบหน้าลงมาประกบริมฝีปากอย่างชำนาญ จากที่คิดจะต่อต้าน เพียงแค่เขาประคองหลังศีรษะเธอให้รับสัมผัสเขาถนัดถนี่เธอก็ลืมอาการดิ้นรนหาอิสระของเธอไปหมด ภาพบางอย่างปรากฏชัดอยู่ในความสว่างไสวของสมองเธอ

เหมือนจะเห็นร่างของเขารางๆ ในภาพฝันที่เธอนอนหลับไป ฝันที่ทำให้เธอตื่นขึ้นมาในสถานที่แปลกตา และเรื่องราวที่ไร้ที่มาที่ไป...อย่างเช่นเธอแต่งงาน และดันตื่นขึ้นมาหลังจากเข้าหอวันแรก

บ้ามากๆ...บ้าแบบไร้คำบรรยาย

“พี่ชักหิวอย่างอื่น”

“ไม่ค่ะ” สมิตานันปรือตาขึ้นมองฉ่ำเยิ้ม แต่ใจยังพยายามแข็งขืน ไม่ทำลายเจตนารมณ์ของตัวเอง “ฉันหิวมาก”

“ตี้ แทนตัวเองว่าตี้สิ เมื่อคืนพี่ทำให้ตี้เหนื่อยจนเบลอเลยเหรอ” ไม่ใช่แค่ทำสีหน้าเห็นใจ ยังเอาหน้าผากมาชนกัน ถูจมูกไปมาจนคนโดนกระทำหน้าแดงก่ำ ความร้อนลามไปถึงหูทั้งสองข้าง

เธอไม่ชินเอาเสียเลย...

“ตี้หิวมากค่ะพี่ปอม”

“อยากทานอะไรเป็นพิเศษไหม” โยกร่างนุ่มไปมาอย่างเสียดาย มองปากสีเชอร์รี่ฉ่ำของสมิตานันแล้วอยากจะช่วงชิงความหวานดับความหิวยามเช้าอีกสักรอบ

“อะไรก็ได้ค่ะ แต่ตี้หิวมากแล้ว นะคะ ใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อยด้วย”

นิมมานหัวเราะกับใบหน้าแดงซ่าน ยอมประคองร่างเพรียวลงนั่งบนที่นอนอย่างทะนุถนอม ลูบผมนุ่มก่อนบรรจงจูบลงไปบนหน้าผาก

สมิตานันเกือบเบือนหน้าหนี ทำปฏิกิริยารุนแรงใส่คนตัวโตที่ลุกไม่ดูเวลา หรือดูผ้าผ่อนพันกายให้เรียบร้อยสักนิดหรือก็ไม่ ยังมีหน้ามาหัวเราะใส่อาการหลับตาปี๋ มุดหน้าเข้าผ้าห่มหลังจากเขาเริ่มโกยเสื้อผ้าลงตะกร้า และเปิดตู้เลือกชุดอย่างช้าๆ

“ตี้หิว” กำชับเสียงดังจากใต้ผ้าห่ม และอีกครั้งที่เสียงห้าวหัวเราะกลับมา จนแน่ใจว่าประตูห้องนอนไม้สักบานใหญ่ถูกงับปิดลงเรียบร้อยถึงเยี่ยมหน้าจากใต้ผ้าห่มขึ้นมอง แน่ใจว่าเหลือเธอเพียงคนเดียวในห้องจึงผุนผันลุกขึ้นยืนอีกครั้ง คราวนี้อาการเจ็บแล่นจนยืนต่อไปไม่ไหว ทรุดนั่งกองกับพื้น ร่องรอยหยดเลือดบนที่นอนบอกว่าเธอได้สูญเสียสิ่งมีค่าของลูกผู้หญิงไปเรียบร้อย

ร่องรอยบนเนื้อตัวของเธอในยามนี้ก็ชัดเจนยิ่งกว่าอะไร...ต่างกันตรงที่เธอไม่ใช่การเสียตัวอย่างคนไร้สติ แต่มันเป็นการเสียตัวแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว ที่ผู้ชายตัวโตชื่อนิมมานบอกว่าเขาคือเจ้าบ่าวของเธอ

มือทึ้งผมด้วยความเครียดจัด นึกถามหาจากบางสิ่งที่ไร้คำตอบ...เกิดอะไรขึ้นกับชีวิตเธอ ใครมาเล่นตลกจนเธอไม่ตลกแบบนี้

เธอต้องรีบหนี หนีจากเรื่องบ้าๆ พวกนี้ ในเมื่อบอกไปเขาไม่ยอมเชื่อ...เธอเองก็จะขอตามหาความจริงทั้งหมด ด้วยตัวเธอเอง

สายตามองร่องรอยบนที่นอนด้วยความรู้สึกบอกไม่ถูก ภาพผู้ชายตัวโตที่ดูแลเธอด้วยความรัก ชนิดไม่ต้องพูดเธอก็รู้สึก ความอ่อนโยน มันทำให้เธอรู้สึกอ่อนยวบ และหวั่นไหว

แต่ถ้าเธอยังงงงวย หาที่มาที่ไปไม่ได้ เธอจะไม่ยอมให้เขาทำตัวรุ่มร่ามใส่อีกเด็ดขาด แต่งงานแล้วไง ในเมื่อคนที่แต่งงานกับเขา จำเหตุการณ์อะไรไม่ได้สักอย่างเดียว

รวมทั้งตัวเขาด้วย...

.................................................................................
ตัดจบแบบนี้คงไม่มีใครขัดใจ ทิ้งปมอดีตไว้ มาสร้างปมปัจจุบันต่อ ก็ไม่รู้สินะ รอตอนหน้านะคะ ^_^

คุณ konhin ทิ้งปมในอดีตไว้อย่างนั้น ไว้มาร่วมค้นหาพร้อมตี้กันนะคะ

คุณ อัศวินนภา ยินดีมากค่าที่ตามอ่านกันมาตลอด ได้รับกำลังใจค่า รอมาดูเรื่องราวหลังจากตี้กลับมาแล้วเนอะ

คุณ นักอ่านเหนียวหนึบ ขยัน แต่งานเขียนยังไม่ค่อยไปไหนเลย กำลังพยายามพัฒนาค่ะ ตี้อดีตเปลี่ยนไหม ก็ยังไม่รู้ แต่อนาคตเปลี่ยนไปหมดแล้ว มาร่วมปวดหัวกับตี้กันต่อนะคะ
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านค่า รวมทั้งนักอ่านเงาทุกท่านด้วย ^^



ปวรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 พ.ย. 2556, 03:09:30 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 17 พ.ย. 2556, 03:09:30 น.

จำนวนการเข้าชม : 1461





<< บทที่ 14 : ความจริงถูกเปิดเผย   บทที่ 16 : โลกใบใหม่ >>
konhin 17 พ.ย. 2556, 04:09:12 น.
ฮ่าๆๆ เป็นการตัดฉับที่ชอบมาก โผล่มาแบบไม่รู้เรื่องหลังงานแต่งด้วยอ่ะ ฮ่าๆๆ รอดูค่าว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่


mhengjhy 17 พ.ย. 2556, 10:30:15 น.
ฮาค่ะ พี่ปอมมมได้ปวดหัวอีด


นักอ่านเหนียวหนึบ 17 พ.ย. 2556, 10:52:41 น.
อร๊ายยยยย ยัยตี้อดฟินเลยอะ ครั้งแรกในชีวิตกับปู้จายที่ฮักที่สูดดดดด นางกล้าลืมได้ไง ไปจำมาใหม่เด๋วนี้เลยนะ
สงสารพี่กะปอมจิงๆ จิชาติไหน ยัยตี้ทำร้ายตล๊อดๆๆๆ


รักเร่ 17 พ.ย. 2556, 20:08:18 น.
โอ้ยอยากรู้ต่อแล้วค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account