ชายาอนุบิส
ข้ารอคอยเพียงหนึ่งชายา ข้าปรารถนานางเพียงหนึ่งเดียว แม้จะต้องสูญสิ้นทุกอย่างก็ไม่เป็นไร !!

เทพอนุบิสจะทำเช่นไรเมื่อชะตากรรมของพระองค์ถูกกำหนดว่าที่พระชายาเอาไว้ให้แล้ว ชายาที่เป็นแค่เพียงเด็กสาวมนุษย์ธรรมดาเท่านั้น

ม่านเมรีหรือไอมีอัต สตรีเพียงหนึ่งเดียวที่จะเป็นจ้าวหทัยของเทพแห่งความตายผู้นี้ตลอดกาล
Tags: แฟนตาซี,เทพเจ้า,อียิปต์,อ่อนหวาน,อบอุ่น

ตอน: ตอนที่ 5 ศึกษา เล่าเรียน

ศึกษา เล่าเรียน


ใต้พื้นพิภพ
โลกแห่งความตาย...ดินแดนของเทพโอซิริส

เทพอนุบิสกำลังชั่งหัวใจของเหล่าวิญญาณกับขนนกของพระองค์ว่าสิ่งไหนเบากว่ากันด้วยตาชั่งน้ำหนักแห่งความยุติธรรม และถ้าหัวใจดวงนั้นหนักกว่าขนนกของพระองค์แล้วล่ะก็ ดวงวิญญาณดวงนั้นก็จะถูกโยนให้แอมมัต สัตว์ประหลาดที่มีร่างกายเป็นครึ่งสิงโตครึ่งฮิปโป ส่วนหัวเป็นจระเข้ กัดกินดวงวิญญาณเหล่านั้นให้ได้รับความทุกทรมานให้สาสมกับความชั่วที่ได้กระทำมา ก่อนที่จะส่งไปยังแดนนรกเพื่อให้เทพโอซิริสพิพากษาต่อไป ส่วนหัวใจที่เบากว่าขนนกนั้น จะได้รับการชำระล้างให้บริสุทธิ์ แล้วจะถูกส่งไปยังโลกแห่งวิญญาณใหม่ เพื่อรอไปเกิดอีกครั้งตามผลบุญและผลกรรมที่ได้ทำมา

เทพโฮรัสที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ใกล้กัน ซึ่งหน้าที่ของพระองค์ในยมโลกนั้นก็การขานนามของผู้ที่ได้รับการชั่งหัวใจแล้วว่าสมควรไปอยู่ ณ ดินแดนใด ในขณะที่เทพธอธซึ่งเป็นเทพอาวุโสจะทำหน้าที่บันทึกคำตัดสินเพื่อรายงานต่อเทพโอซิริส

หลังจากเสร็จภารกิจเทพทั้งสามก็ตกลงกันว่าจะไปเข้าเฝ้าเทพโอซิริสพร้อม ๆ กัน

“เจ้าบอกกับนางแล้วใช่หรือไม่ว่าข้ากำลังต้องการตัว” เทพธอธในร่างกึ่งเทพที่มีเศียรเป็นรูปนกกระสารับสั่งขึ้นระหว่างการเดินทางไปเข้าเฝ้าเทพโอซิริส

เทพอนุบิสครั้นเมื่อได้ฟัง พระองค์เพียงแค่พยักพักตร์รูปสุนัขจิ้งจอกกลับไปเท่านั้น ข้างฝั่งเทพโฮรัสอดไม่ได้ และไม่ยอมถูกกันเป็นคนนอกที่ไม่รู้อะไรจึงตรัสถามขึ้นมาทันที

“พวกท่านมีความลับอะไรกันไม่ยอมบอกกล่าวกับข้างเช่นนั้นหรือ” ถือได้ว่าในเทพสามพระองค์นี้เทพโฮรัสเป็นเทพที่มีอายุน้อยที่สุด และมีอุปนิสัยคล้ายเด็กเอาแต่ใจไปบ้าง แต่ทั้งเทพธอธและเทพอนุบิสก็ไม่เคยถือสาหาความแต่อย่างใด

“ถือเสียว่ายอมให้เทพน้อยที่มีอายุน้อยกว่าเป็นพัน ๆ ปี คนหนึ่งก็แล้วกัน” เทพธอธเคยกล่าวเช่นนั้น

“ข้าก็ถือว่ามีน้องชายกับเขาแค่คนเดียว เดี๋ยวผู้อื่นจะหาได้ว่าข้ารังแกเขา” เทพอนุบิสก็เคยรับสั่ง

“ว่าอย่างไรเล่า” เทพเอาแต่ใจถามย้ำอีกครั้ง มีความลับอะไรกันแน่ ทำงานร่วมกันมาเป็นพัน ๆ ปีแท้ ๆ ยังกล้ามีความลับกับเทพนภากาศอย่างเขาอีกเหรอ

ครั้นเมื่อเห็นว่าเทพอนุบิสไม่มีทีท่าว่าจะกล่าวสิ่งใด เดือนร้อนเทพอาวุโสอีกครั้งที่จะต้องเป็นผู้ไขข้อข้องใจให้แก่เทพน้อยพระองค์นี้

“ข้าแค่อยากพบนางสักครั้งก็เท่านั้น” สมกับเป็นเทพแห่งปรมาจารย์ รับสั่งแต่ละครั้งต้องตีความด้วยตัวเองเสมอ

“ผู้ใดกันหรือท่านลุง” คำกล่าวนั้นทำให้เทพธอธถึงกับสำลัก ในขณะที่ริมฝีปากของเทพอนุบิสปรากฎรอยแย้มสรวลขึ้นมาเล็กน้อย โฮรัส เอ๋ย โฮรัส เจ้าช่างรนหาที่ตายแท้ ๆ พระแม้แต่พระองค์ก็ยังมิกล้าที่จะเอ่ยเรียกขานด้วยสรรพนามนั้น

ต้องเข้าใจอย่างหนึ่งว่า เทพธอธที่ดูสูงส่ง สง่างาม หาใช่จะพระทัยดีอย่างรูปลักษณ์ไม่ มีครั้งหนึ่งที่พระองค์เคยสาปให้วิญญาณบาปที่คิดจะหลบหนี กลายเป็นวิญญาณเร่ร่อนอยู่เป็นร้อย ๆ ปี ต้องหิวโซอย่างทรมาน หนำซ้ำยังถูกไฟจากนรกโลกันต์เผาไหม้อยู่ใต้ฝ่าเท้าทุกๆวันอีกด้วย !

“เจ้าเรียกข้าว่าเยี่ยงไรหรือหลานรัก” ว่าแล้วไหมล่ะ ผิดจากที่คิดเสียที่ไหน น้ำเสียงเยือกเย็นที่รับสั่งออกมาแต่ละคำนั้น ราวกับสาดอาวุธนับพันตรงมายังเทพนักรบในร่างกึ่งพญาเหยี่ยวเลยเชียวล่ะ

“เอ่อ...ท่านอาจารย์ ข้าหมายความว่าท่านอาจารย์หมายถึงผู้ใดกัน” เกือบไปแล้วไหมล่ะ อายุเกือบจะหมื่นปีแล้วกระมัง ท่านลุงของพระองค์ท่านนี้

“ข้าแค่อยากพบนาง สตรีที่เป็นชายาหนึ่งเดียวของเทพบางองค์” คร้านจะต่อความกับหลานนอกไส้ จะเคยสำนึกบ้างไหมว่าบิดาและมารดาของพวกเจ้าได้ถือกำเนิดมาเพราะผู้ใดกัน

ถ้าไม่ใช่ข้าออกอุบายในกาลครั้งนั้น มีหรือที่เทพโอซิริส เทพเซท เทพีไอซีส และเทพีเนฟทีส จะถือกำเนิดขึ้นมาได้

“ออ...ที่แท้ก็ชายาของเทพแถว ๆ นี้นี่เอง” พยักพักตร์รูปพญาเหยี่ยวหงึก ๆ อย่างเข้าพระทัย

“นางมาถึงเมื่อไหร่ ท่านอาจารย์อยากลืมชวนข้ามาร่วมสนุกด้วยล่ะ” แค่คิดก็เกษมสำราญแล้ว นานกี่ปีแล้วนะที่พระองค์มิได้เฝ้าดูนาง ดำริพลางโผทะยานตรงไปยังวิหารโอซิริสซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกของขอบฟ้าเป็นพระองค์แรก

“ผู้ใดตามทัน ข้าจะยอมเป็นข้ารับใช้ห้าพันปี !!”

แน่ละจะมีผู้ใดกันที่จะติดตามเทพแห่งนภากาศได้ทัน !

เทพอนุบิสส่ายพระเศียรไปมาอย่างระอาในพระทัย พลางเหลือบมองไปยังท่านลุงซึ่งเป็นเทพแห่งการเวลาในร่างกึ่งเทพกึ่งนกกระสาที่อยู่เคียงข้างกัน

“ท่านอาจารย์มิอยากได้ข้ารับใช้ไว้คอยดูแลซักห้าพันปีหรือ” รับสั่งของเทพแห่งความตายทำให้เทพธอธทรงพระสรวลออกมาเสียงดัง
“เจ้าเองก็อย่าหาภาระเยี่ยงนั้นมาให้ข้านักเลย” รับสั่งของพระองค์มิได้บอกแน่ชัดว่าถ้าเกิดแข่งขันกันขึ้นมาจริงๆใครจะเป็นผู้ชนะ แต่ถ้าให้เทพอนุบิสคาดเดาล่ะก็ พระองค์ถือข้างท่านลุงแน่แท้

“ส่วนเจ้าเองก็เช่นเดียวกัน อย่ามัวแต่เสียเวลาเดินทางผิดต่อไปอีกเลย” แม้แต่ความลับของพระองค์ที่ไม่มีผู้ใดรับรู้ก็มิอาจรอดพ้นจากสายพระเนตรพระกรรณของเทพแห่งกาลเวลาได้

“จงอย่าให้มันสายเกินไป แล้วเจ้าจะสูญสิ้นทุกอย่างเลยนะอนุบิส” สิ้นรับสั่งพระองค์ก็เสด็จเข้าไปยังวิหารโอซิริสที่อยู่เบื้องหน้าด้วยท่วงท่าที่สง่างามในร่างเทพเต็มองค์ทันที ทิ้งให้เทพอนุบิสคิดทบทวนในสิ่งที่ได้รับฟังมา

“หรือข้าจะเดินทางผิดไปแล้วจริงๆ !!!”



วิหารโอซิริส

เทพบิดาผู้ดูแลภพภูมิเบื้องล่าง ทรงประทับนั่งอยู่บนบัลลังก์ทองกลางท้องพระโรง ด้านข้างมีพระชายาประทับนั่งเคียงข้างกันทั้งซ้ายขวา เทพีไอซีสผู้เป็นมารดาของเทพโฮรัส และเทพีเนฟทีสผู้เป็นมารดาของเทพอนุบิส

“มากันแล้วหรือ” ราชันแห่งมาตุภูมิรับสั่ง พลางชะเง้อหาบุตรชายอีกคนที่ไม่ได้เสด็จตามมาด้วย

“อนุบิสล่ะ” ตรัสถามอย่างกระวนกระวายพระทัย

“เสด็จพ่อก็เอาแต่ห่วงอนุบิสเช่นเคย” เทพโฮรัสรับสั่งออกมา แต่หาใช่ด้วยความอิจฉาริษยาแต่อย่างใด พระพระองค์ทรงให้เกียรติและเคารพพระเชษฐาองค์นี้เสมอ ยิ่งเมื่อครั้งเทพอนุบิสได้ช่วยเทพีไอซิสตามเก็บและร่วมรวมร่างของเสด็จพ่อเมื่อกาลก่อน พระองค์ก็ยิ่งซาบซึ้งในพระทัย

“ท่านอาจารย์ก็เสด็จมาด้วย” เทพโอซิริสก้าวลงจากบัลลังก์เสด็จลงมารับเทพธอธด้วยตัวของพระองค์เองพร้อมด้วยเทพีไอซีสและเทพีเนฟทิส

“ข้าแค่มาเป็นเพื่อนอนุบิสเท่านั้น” รับสั่งด้วยสีพระพักตร์เรียบเฉย

“แล้วอนุบิสเล่าเพคะ” เทพีเนฟทีสตรัสถามบ้าง นานแค่ไหนแล้วนะที่พระนางมิได้พบหน้าบุตรชายองค์นี้เลย

“กลับไปแล้วล่ะ” ว่าพลางแล้วเสด็จไปประทับนั่งบนบัลลังก์ทองพลางขมวดปลายเกศาสีขาวยวงที่ยาวเลยพระชานุเล่น

เห็นเทพธอธในลักษณะเช่นนี้ แต่พระองค์ก็มีพระพักตร์ราวเด็กหนุ่มที่มีอายุประมาณยี่สิบหกยี่สิบเจ็ดก็มิปาน ผิดกับเทพโอซิริสที่บัดนี้มีพระพักตร์อายุประมาณสี่สิบชันษาปลาย ๆ

“กลับไปแล้วหรือเพคะ” เทพีเนฟทิสมีสีพระพักตร์หมองเศร้า

“เจ้ามิต้องกังวลไปหรอกน้องข้า เดี๋ยวข้าจะให้โฮรัสตามไปดู” เทพีไอซีสมีรับสั่งให้เทพโฮรัสติดตามพี่ชายไป

“ข้าทราบมาว่าท่านอาจารย์อยากพบนางเช่นนั้นหรือ” หลังจากทำพระทัยกับความผิดหวังที่มิได้เจอบุตรชายองค์โตได้แล้ว เทพโอซิริสจึงหันมาตรัสถามเทพธอธบ้าง

“ดวงชะตาของนางต้องแบกภาระอันยิ่งใหญ่ ถ้าข้ามิใช่ผู้สั่งสอนนางด้วยตนเอง เจ้าคิดว่าจะให้ผู้ใดสั่งสอนนางหรือ” เทพแห่งการเวลารับสั่งกลับมาอีกครั้ง

ชายาของเทพแห่งความตายใช่ว่าผู้ใดนึกอยากจะเป็นก็เป็นได้ ไหนจะต้องเสียสละพลังวิญญาณทุกครั้งเพื่อรักษาเทพอนุบิสผู้มีร่องรอยบาดแผลขนาดใหญ่ที่มิอาจให้ผู้ใดรับรู้ได้พระองค์นั้นอีก !!

“แล้วอเมนเททล่ะ จะทำอย่างไร” เทพีเนฟทีสตรัสถาม พระถึงอย่างเทพธิดานางนั้นก็เคยถูกวางตัวเอาไว้ให้เป็นชายาของอนุบีสมาก่อน และยังเป็นถึงเทพธิดาแห่งความตายผู้คอยประทานขนมปังและน้ำให้แก่ดวงวิญญาณที่หิวโหยก่อนที่จะส่งต่อไปยังดินแดนแห่งความตายอีกด้วย

“เทพีองค์นั้นเกี่ยวอะไรกับข้า” เทพธอธรับสั่งอย่างเบื่อหน่าย เพราะรู้ดีกว่าเทพีเนฟทิสอยากได้นางเป็นลูกสะใภ้ ซึ่งความคิดนี้ออกจะขัดแย้งกับพระองค์เล็กน้อย เพราะยังไงพระองค์ก็เอ็นดูเด็กสาวผู้เป็นมนุษย์ธรรมดาคนนั้นมากกว่า
อาจกล่าวได้ว่าพระองค์ติดใจท่าทางร่ายรำแบบตัวหนอนตอนนางแสดงให้เทพอนุบิสดูแล้วพระองค์บังเอิญเดินทางไปเห็นก็เป็นได้ !



คืนวันเดียวกัน

ร่างกึ่งเทพสูงโปร่งปรากฏกายขึ้นมาภายในห้องนอนของม่านเมรี ผู้มาใหม่สาวพระบาทตรงไปยังหน้าเตียงของเธอที่กำลังนอนหลับอยู่

“นี่นะหรือว่าที่ชายา” เทพผู้นั้นรับสั่งติดริมพระโอษฐ์พลางขยับเข้าไปใกล้ ทอดพระเนตรมองร่างทารกน้อยในความคิดของพระองค์ด้วยความเอ็นดู

“จะว่าไปแล้วก็น่ารักดี” เนื่องจากครั้งก่อนแค่แอบผ่านมาเห็น จึงมิได้พิจารณาให้ชัดเหมือนเช่นครั้งนี้

ม่านเมรีที่กำลังนอนหลับฝันหวานอยู่ไม่รู้ตัวเลยว่ามีผู้บุกรุกเข้ามาแล้ว

“เอาตัวไปเลยก็แล้วกัน ข้าชักถูกใจขึ้นมาแล้วสิ” ร่างกึ่งเทพนั้นร่ายมนตราโอบล้อมร่างน้อยของม่านเมรีราวกับมีปีกจำนวนหนึ่งมารองรับ ก่อนที่พระองค์จะจารึกอักษรไว้กลางอากาศด้วยภาษาโบราณ ทิ้งไว้ให้ข้ารับใช้อย่างเฮกาที่นอนอยู่อีกห้องหนึ่งเอาไว้แก้ปริศนาดู
ไม่ต้องบอกก็น่าจะรู้ว่าเป็นผลงานของเทพองค์ใด !!!





กองคาราวานของชีคฮามาน

ท่านหญิงน้อยเมอริคาเรกำลังนอนฝันถึงสถานที่แห่งหนึ่งที่เธอไม่เคยได้ไปมาก่อน สถานที่แห่งนั้นคล้ายวิหารของเทพเจ้าอียิปต์ในยุคโบราณ ด้านหน้าของวิหารมีรูปสลักของเทพผู้มีพระเศียรเป็นรูปพญาเหยี่ยววางอยู่

“วิหารเทพโฮรัส” ท่านหญิงน้อยวัย 13 ชันษาพึมพำกับตัวเอง พลางอมยิ้มน้อย ๆ ออกมา เป็นครั้งแรกเลยนะที่ฝันอะไรแบบนี้

“เข้าไปดูเสียหน่อยแล้วกัน” ยังไม่ทันกล่าวขออนุญาตผู้เป็นข้าวของเสียด้วยซ้ำ เมอริคาเรก็วิ่งเข้าไปในวิหารทันที เพราะคิดว่าไม่ต้องขออนุญาตใครก่อนให้ยุ่งยาก ในเมื่อเป็นความฝันของเธอ เธอจะทำอะไรก็ย่อมได้

“สวยจังเลย วิหารหินอ่อนสีขาว” เด็กน้อยเดินไปจับโน่นจับนี่เล่นด้วยความตื่นเต้นประหลาดใจ ข้าวของภายในวิหารแห่งนี้ส่วนใหญ่ทำจากหินอ่อน ยกเว้นบัลลังก์สองอันที่วางอยู่ใจกลางวิหารเคียงข้างกันเท่านั้นที่ทำด้วยทองทั้งหมด

ตามที่รู้มาวิหารโฮรัสมีบัลลังก์อันเดียวมิใช่หรือ ?

เมอริคาเรคิดอย่างสงสัย ก็ในวิชาประวัติศาสตร์ที่นางเคยเล่าเรียนมา เทพีฮาเทอร์ผู้เป็นชายาของพระองค์มิได้ประทับอยู่ในวิหารด้วยกันนี่นา

“อ๋อ...รู้แล้วล่ะ นี่เป็นฝันของเมอริตนี่เอง ถ้าอย่างัน้นบัลลังก์อันนี้ก็เป็นของเมอริตนะสิ” ท่านหญิงน้อยคิดเองเสร็จสรรพ พลางวิ่งตรงไปยังบัลลังก์อันเล็กกว่างที่วางอยู่เคียงข้างกันทันที เห็นใกล้ ๆ แบบนี้จึงรู้ว่าบนพนักพิงประดับด้วยเพชรเป็นรูปพญาเหยี่ยวที่มีดวงตาสีมณีแดงอีกด้วย

“สวยจัง” เมอริคาเรอุทานออกมา พลางนั่งลงดู

“อืม ~...สบายชะมัด ชัดติดใจแล้วสิ อยู่ที่นี่ตลอดไปเลยดีไหม” ก่อนพูดออกไป ไม่รู้ว่าเจ้าตัวคิดดีแล้วขนาดไหนกันเชียว

และในขณะที่เมอริคาเรกำลังสนุกสนานอยู่ในวิหารนั้น ข้างฝั่งเทพโฮรัสที่กำลังประทับอยู่กับเทพีไอซีสผู้เป็นมารดาที่วิหารของพระนางก็รับรู้ได้ว่า วิหารของพระองค์มีผู้บุกรุก

“หม่อมฉันขออนุญาตกลับวิหาร มีผู้บุกรุกเข้ามา ต้องกลับไปจัดการเสียหน่อย” รับสั่งเสร็จก็จำแลงกายเป็นพญาเยี่ยวโผทะยานออกไปทันที

ผู้ใดกันที่บังอาจเยี่ยงนี้ กล้าลองดีกับเทพแห่งนักรบเช่นพระองค์ !!!




เช้าวันต่อมา

ม่านเมรีที่นอนจนเต็มอิ่มค่อย ๆ ขยับเปลือกตาตื่นขึ้นมาทีละน้อย เด็กสาวลืมตามองไปรอบ ๆ ห้อง เห็นแต่ข้าวของแปลกหูแปลกตาก็ให้รู้สึกตกใจ

‘ที่ไหนกัน !!’ ร่างนั้นทะลึ่งพรวดลุกขึ้นนั่งทันที พลางเบิ่งตากว้าง แล้วคิดทบทวน หวนคิดได้ว่าว่าเมื่อคืนเข้านอนแล้วก็ฝัน ฝันว่ากำลังเดินหมากกับนกกระสาตัวหนึ่งภายในสถานที่แปลกๆ อืม ~ จะว่าไปแล้วที่นี่ก็มีส่วนคล้ายอยู่

ครั้นเมื่อมองสำรวจไปรอบ ๆ ห้อง ก็เห็นร่างกึ่งเทพของคนผู้หนึ่งที่มีเศียรเป็นรูปนกกระสานั่งอยู่ตรงนั้น...ใช่เลย ! เหมือนความฝันทุกประการ ขาดแต่กระดานหมากรุกที่ไม่รู้ว่าหายไปตอนไหน

‘อา ~ ที่แท้ก็ฝันซ้อนฝัน’ คิดได้ดังนั้น จึงล้มตัวลงนอนอีกครั้งเพื่อสานฝันต่อ คราวก่อนแพ้ไปสองกระดาน คราวนี้อย่าคิดเลยว่าเมรีจะยอมอ่อนให้ !

ว่าแล้วก็เอาผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวเพื่อดำเนินฝันที่ค้างเอาไว้ เล่นเอาเทพธอธที่พระทัยจดจ่อเฝ้ารอการตื่นขึ้นมาของนางทำอะไรไปถูกไปเลยเหมือนกัน

“เฮ้อ ~ ข้าก็ไม่รู้ว่าจะกล่าวถึงเจ้าว่าอย่างไรดี ใจแข็งเกินไปจนไม่กลัวสิ่งก็ไม่น่าใช่ หรือขวัญอ่อนเกินไปจนไม่กล้ายอมรับความจริงที่เกิดขึ้นตรงหน้าก็ไม่เชิง” เทพแห่งการเวลาส่ายพระเศียรไปมา ก่อนที่พระองค์จะจำแลงกายเป็นนกกระสาทั้งตัวเพื่อเข้าไปเล่นหมากรุกกับนางอีกครั้ง

บทเรียนบทแรกสำหรับลูกศิษย์พิเศษของพระองค์เอาเป็นวิชาหมากรุกก็แล้วกัน ไว้เต็มใจตื่นขึ้นมาเมื่อไหร่ค่อยมาเรียนอย่างอื่นกันอีกที




วิหารอนุบิส

เทพแห่งความตายทรงรับรู้ได้ด้วยพระองค์เองเช่นกัน ว่าบัดนี้ม่านเมรีถูกท่านลุงพาตัวมายังวิหารธอธเรียบร้อยแล้ว ขาดแต่รอให้นางตื่นขึ้นมาเท่านั้น

“ยังเหมือนเดิมไม่มีผิด !” เทพอนุบิสแสยะยิ้มออกมา พระองค์กล้ารับสั่งออกมาเลยว่า นางผวาจนไม่อยากตื่นต่างหาก เนื่องจากยังมิได้เตรียมตัวเตรียมใจ เหมือนกับตอนเจอพระองค์ครั้งแรกแล้ววิ่งหนีอะไรแบบนั้น

ส่วนเรื่องสถานที่แปลกใหม่กับนกกระสาในร่างมนุษย์นั่นนะเหรอ เธอก็เห็นพระองค์แปลงเป็นร่างกึ่งเทพที่มีเศียรเป็นรูปสุนัขจิ้งจอกมาจนชินแล้วล่ะ !!

“ข้าจะรอดูสิว่า เจ้าจะหนีเทพธอธได้กี่ราตรีกัน !”




วิหารเทพโฮรัส

“ผู้ใดกันกล้าบุกรุวิหารส่วนตัวของข้า !” เทพนภากาศส่งเสียมาก่อนตัว ทำให้เมอริคาเรที่กำลังนั่งฝันหวานอยู่บนบัลลังก์ทองสะดุ้งขึ้นมาทั้งตัว

“ที่แท้ก็เป็นเทพธิดาน้อยปลายแถวนางหนึ่ง” เพราะมัวแต่ร่ายมนตราจำแลงกายกลับเป็นกึ่งเทพ จึงทำให้มองท่านหญิงน้อยกลายเป็นเทพธิดาองค์หนึ่งไปเสียได้ และจะไม่ให้พระองค์ดำริเช่นนั้นได้อย่างไรกัน ก็ในเมื่อวิหารของพระองค์นั้นมักมีเทพธิดามาเยือนอยู่เป็นนิจในยามที่พระองค์ไม่ประทับอยู่

เนื่องจากมีมารดาเป็นถึงเทพีสูงสุดของเหล่าเทพธิดา ทำให้เทพอนุบิสเป็นเทพที่ได้พบปะกับเหล่าเทพีนางฟ้ามากที่สุดพระองค์หนึ่ง
และด้วยรูปกายเทพของพระองค์ก็ทรงสิริโฉมงดงามไม่น้อยไปกว่าพระเชษฐาแต่อย่างใด อีกทั้งอุปนิสัยก็เป็นมิตรมากตามเผ่าพันธุ์พญานกผู้สื่อสาร เลยทำให้เป็นที่นิยมชมชอบมิใช่น้อย

เมอริคาเรรอยคอยจนพระองค์จำแลงกายเสร็จจึงเอ่ยขึ้นมา

“เทพโฮรัส เทพแห่งนักรบเช่นนั้นหรือ” เทพโฮรัสเมื่อได้ยินดังนั้นจึงรู้สึกแปลกพระทัยขึ้นมาเล็กน้อย พระองค์รีบสาวพระบาทเร็วตรงไปยังหน้าบัลลังก์ทอง ทอดพระเนตรเห็นดรุณีน้อยนางหนึ่งนั่งอยู่บนนั้น

“ใครอนุญาตให้เจ้าขึ้นไปนั่ง !!” ตวาดออกมาเสียงดัง บัลลังก์นั้นพระองค์อุตส่าห์สร้างขึ้นมา เพื่อให้มีเหมือนกันแบบวิหารของเทพอนุบีสเชียวนะ นางถือสิทธิ์อะไรขึ้นไปนั่ง

ขนาดเทพีฮาเทอร์ผู้ที่ถูกวางตัวเอาไว้ว่าจะเป็นชายาของพระองค์อย่างแท้จริงและมาเยือนวิหารของพระองค์บ่อยครั้ง ยังมิกล้าขึ้นไปประทับนั่งเลย

“อะไรกัน ท่านทำให้ข้าตกใจนะ บัลลังก์นี้ข้าก็นั่งอยู่ตั้งนานแล้ว ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย” สมเป็นท่านหญิงน้อยจอมซื่อบื้อของกองคาวานเสียจริง

“ลงมาเดี๋ยวนี้นางมนุษย์น้อย” ทรงรับสั่งอีกครั้งอย่างพระทัยเย็น แต่เมอริคาราก็ยังเชื่องช้าไม่รู้ความ นางเอาแต่ส่ายหน้าไปมา แล้วลูบบัลลังก์ทองอันเล็กของพระองค์เล่น

“หึ ๆ ๆ...เจ้าไม่ยอมลงมาอย่างนั้นใช่ไหม !” รอบแสยะยิ้มที่เลียนแบบพระเชษฐามา เพิ่งปรากฏให้เห็นเป็นครั้งแรก นับว่านางก็มีดีเหมือนกันที่ทำให้เทพแห่งนักรบพระองค์นี้มีโทสะขึ้นมาได้

ต้องทราบเช่นกันว่ามีเพียงเทพเซทซึ่งเป็นท่านน้าของพระองค์ และคู่ปรับตลอดการเท่านั้นถึงจะได้เห็นสีพระพักตร์โกรธเกรี้ยวมีโทสะเช่นนี้ได้ เห็นทีว่าครานี้เมอริคาเรคงจะรอดยาก

“รีบกลับไปซบอกบรรดาพี่ชายของเจ้าซะเด็กน้อย ไม่อย่างนั้นล่ะก็ ข้าไม่รับรองเลยว่าเจ้าจะพบเจอกับสิ่งใด !!”




วิหารแห่งธอธ

สามราตรีที่ผ่านมา ม่านเมรีเอาแต่ดวลหมากกับเทพแห่งการเวลาผู้นี้อย่างเอาเป็นเอาตาย แม้จะแพ้ทุกรอบแต่โดยนิสัยแล้วเธอก็ไม่เคยถอดใจ ไม่รู้ว่าสมัยเด็กๆอนุบิสสั่งสอนมายังไง ถึงติดนิสัยดื้อด้าน ยึดติดแบบนี้มาได้

“เหนื่อยหรือยัง” เทพธอธรับสั่ง ประทับนั่งอยู่ในร่างเทพที่มีเรือนผมสีเงินยวง พลางท้าวพระหนุด้วยท่าทางเบื่อหน่าย

“ยังไม่คุ้นชินกับข้าอีกหรือ” คำตอบที่ได้มา ม่านเมรีแค่เพียงส่ายหน้าไปมาเท่านั้น

“เฮ้อ ~” เสียถอนพระทัยเสียงดัง

“เจ้าจะถ่วงเวลาอีกนานไหม !” มีเรื่องใดบ้างที่เทพแห่งกาลเวลาจะไม่รู้

“ท่านแอบอ่านใจเมรีเหรอ” ถ่วงเวลาได้อีกซัดนิดก็ยังดี

“เจ้าคิดว่าข้าคือใครกัน หมื่น ๆ ปีมานี้มนุษย์มีนิสัยเช่นไรบ้าง ข้าศึกษามาหมดแล้ว” สมกับเป็นเทพที่ไม่แก่ไม่ตายเสียจริง

“แอบนินทาข้าอยู่ล่ะสิ” รับสั่งต่อมาทำให้เด็กสาวหน้าม่อย ไม่เล่นแล้วก็ได้ เพราะยังไงก็ไม่ชนะ แม้ว่าสามวันสามคืนที่ผ่านมา เธอจะมีความก้าวหน้าในเรื่องการเดินหมากไปมากก็เถอะ

“ดีมาก งั้นเรากลับมาสู่โลกแห่งความจริงกันเลยดีไหม” เทพแห่งกาลเวลามีท่าทีกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันที

“เจ้าจะได้กราบข้าเป็นอาจารย์เสียทียังไงล่ะ” แทบจะทนรอไม่ไหวเชียวนะ ลูกศิษย์ผู้หญิงในรอบหลายพันปี แถมยังเป็นทารกน้อยที่อายุแค่เพียง 15 ปีอีกต่างหาก

“ไม่เห็นอยากจะเป็นเลย” คำตอบของนางทำให้สายพระเนตรของเทพธอธที่ทอดมองมาราวกับสาปให้เธอกลายเป็นน้ำแข็ง เพราะมันทั้งเย็นชาที่น่ากลัว แม้จะแค่เพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้นแต่เธอก็สัมผัสได้

“เจ้ารู้หรือไม่ว่ามีเทพ เทพี เทพบุตรและเทพธิดากี่องค์กัน ที่ปรารถนาอยากเป็นลูกศิษย์ของข้า แต่ก็ไม่มีโอกาส” พระองค์เป็นถึงปรมาจารย์ของเหล่าเทพและเทพีเชียวนะ มีหรือที่จะยินยอมให้ทารกคนหนึ่งมาหยามเกียร์ติ

“ก็เมรีไม่อยากเป็นนี่น่า แล้วเมรีก็มีอาจารย์ที่อยากจะกราบเป็นศิษย์แล้วด้วย” ม่านเมรีบิดซ้ายบิดขวาคลายความปวดเมื่อย

“ผู้ใดกัน” รับสั่งที่ละคำด้วยสุรุเสียงเย็นยะเยือก คาดว่าผู้ที่กำลังถูกม่านเมรีเอ่ยนามออกมา คงจะมีชีวิตรอดยาก...หุ ๆ ๆ...เข้าทางเมรีล่ะ คราวนี้มาดูกันว่าเทพบ้าพระองค์นั้นจะเอาตัวรอดยังไง

“ก็เทพแห่งความตายยังไงล่ะ” ม่านเมรียกมือขึ้นมาป้องปาก พลางกระซิบบอกเสียงเบา ราวกับเกรงว่ามีผู้ใดจะได้ยิน พร้อมรอคำตอบอย่างใจจ่อ ลุ้นให้เทพแห่งกาลเวลาพิโรธขึ้นมาแล้วจับเทพบ้าแล้วตามไปคิดบัญชีกับเทพบ้าพระองค์นั้นเสียที

“ออ...อนุบิสนั้นเอง” ทำไมครานี้สุรเสียงของเทพธอธถึงได้ดูอบอุ่นราวกับดวงตะวันอย่างนั้นล่ะ มันไม่ใช่อย่างที่คิดไว้เลยซัดนิด ผิดหวังชะมัด

“อะไรกัน ท่านไม่โกรธเลยหรือ” เสียเวลาคิดแผนการ เปลืองพลังงานสมองที่สุด

“เจ้าก็เอาแต่ผูกใจพยาบาทไปได้ รู้หรือไม่ว่าเทพแห่งความตายผู้นั้นมีความสำคัญต่อเจ้าเพียงใด” แค่นึกก็สำราญขึ้นมาแล้วล่ะ อยากจะให้นางรับรู้เสียทีว่าเทพอนุบิสคือใคร

“จะสำคัญขนาดไหนกันเชียว” ถามกลับไปแบบไม่ใคร่พอใจนัก

“ก็สำคัญขนาดเป็นพระสวา...(มี)” คำว่า ‘มี’ ยังมิทันพ้นพระโอษฐ์ออกมา จู่ๆเทพแห่งนภากาศองค์หนึ่งก็ส่งเสียงเรียกทักเข้ามาเสียก่อน

“ท่านอาจารย์ อนุบิส พวกท่านอยู่ไหน ข้าจะแนะนำข้ารับใช้คนใหม่ให้รู้จัก” ช่างไม่รู้จักเวลาร่ำเวลาเลยนะ เดี๋ยวก็สาปให้เป็นนกย่างไปเสียเลยดีไหม

“นางชื่อเมอริคาเรล่ะ หึ ๆ ๆ นางทาสตัวน้อยๆของข้า” ผู้ที่ส่งเสียงเข้ามารบกวนผู้อื่นโดยมิขออนุญาต แถมยังไม่ยอมปรากฏตัวออกมา มันน่าจับลงหม้อยาเสียจริง !

“เมอริคาเราอย่างนั้นเหรอ” กลับเป็นม่านเมรีที่มีปฏิกิริยาตอบรับ เด็กสาวรบเร้าให้เทพแห่งกาลเวลาพาไปดูนางทาสของเทพนภากาศพระองค์นั้น เผื่อว่าบางทีอาจจะเป็นคนที่นางรู้จัก

และก็เป็นไปดังคาด ! ใช่ท่านหญิงเมอริคาเรแห่งกองคาราวานของชีคฮามานจริง ๆ

“ท่านพี่ไอมีอัต ช่วยเมอริตด้วย” เมื่อเห็นว่าพี่สาวที่จากกันไปนานปรากฏกายขึ้นต่อหน้าพร้อมด้วยนกกระสาตัวหนึ่ง ท่านหญิงน้อยที่ดูเหมือนจะทำใจได้แล้วว่า ตนได้หลุดมาอยู่ในวิหารของเทพโฮรัสจริง ๆ ก็ร้องเรียกให้หาให้ม่านเมรีช่วย

“เมอริคาเร ทำไมมาอยู่ที่นี่ได้” คนเป็นพี่สาวรีบวิ่งไปยังท่านหญิงน้อยทันที แต่ก่อนที่จะทันถึงตัวก็ถูกร่างกึ่งเทพของเทพโฮรัสขัดขวางเอาไว้

“แม้ในอนาคตท่านจะอยู่เหนือข้า แต่ตอนนี่ยังมิใช่ อย่าได้บังอาจเข้าใกล้นางทาสน้อย ๆ ของข้าเชียวนะ ไอมีอัต !” รับสั่งของเทพนักรบทำให้เทพธอธที่จำใจพาทารกน้อยม่านเมรีมาด้วยเริ่มสนพระทัยขึ้นมา

“ช่างวุ่นวายเสียจริง” เทพแห่งการเวลาส่ายเศียรในร่างนกกระสาไปมา เพราะรู้ดีว่าในภายภาคหน้าเมอริคาเรจะสร้างความยุ่งยากวุ่นวายให้แก่เทพนักรบมากมายเพียงไหน

ผู้ไม่ใช่เนื้อคู่ที่ถูกลิขิตมาก็แบบนี้ล่ะ ไม่รู้ว่าจะเห็นพระทัย หรือสงสารนางดี !

ยิ่งเมื่อทอดพระเนตรไปดูร่างของทารกน้อยที่กำลังยืนปาดน้ำตาอยู่เบื้องหลังเทพโฮรัสป้อย ๆ ก็อดเอ็นดูขึ้นมาไม่ได้ อนุญาตให้นางเป็นลูกศิษย์สตรีของตนอีกคนก็แล้วกัน จะได้เป็นเพื่อนเรียนกับว่าทีชายาอนุบิสผู้นั้น

ดำริเสร็จสรรพ พร้อมกำหนดรับศิษย์เรียบร้อย โดยไม่ถามตัวก่อนเลยว่าจะเห็นด้วยหรือไม่ นี่ล่ะคืออุปนิสัยที่เด่นชัดที่สุดของเทพผู้ขึ้นชื่อว่าเอาแต่พระทัยมากที่สุดพระองค์หนึ่งเช่นกัน

“ข้าจะรับนางไว้เป็นศิษย์ลำดับที่ 13 ต่อจากเมรี เจ้าก็จงมอบนางให้แก่ข้าเถิดนะโฮรัส” แม้จะเป็นรับสั่งขอคนที่อ่อนให้สามส่วน แต่ก็บ่งชัดว่าไม่มีสิทธิ์ขัดขืน

“ได้เยี่ยงไรกัน ! นางเป็นทาสของข้านะอาจารย์” ศิษย์ลำดับที่ 6 เริ่มต่อต้านอาจารย์เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้

เทพธอธร่ายมนตรากลับคืนร่างเป็นร่างเทพทันทีต่อหน้าเมอริคาเรที่เอาแต่จ้องมองพระองค์ด้วยดวงตาเบิ่งกว้าง สงสัยจะทรงทำให้นางตกใจขึ้นมาเสียแล้วกระมัง

“เป็นทาสของเจ้าก็เป็นไปสิ ข้าเองก็มิได้กล่าวห้าม เพียงตานางจะต้องมาเป็นศิษย์ของข้าด้วยเช่นกัน” รับสั่งพลางร่ายเวทย์ชิงตัวเด็กน้อยที่อยู่เบื้องหลังเทพอนุบิสทันทีโดยมิทันให้ตั้งตัว พร้อมคว้าม่านเมรีที่จับต้นชนปลายไม่ถูกกลับวิหารแห่งธอธไปพร้อม ๆ กัน

“เป็นแบบนี้ทุกทีเลยนะท่านลุง เห็นข้ามีของเล่นสนุกทีไรก็มันมาแย่ง” เทพแห่งนภากาศทอดพระเนตรมองตามอย่างอ่อนพระทัย คอยดูนะ จะไปฟ้องอนุบิส !

ดำริเสร็จก็จำแลงกายเป็นพญาเหยี่ยวโผทะยานออกไปยังวิหารอนุบิสทันที

ทิ้งให้วิหารโฮรัสร้างผู้ดูแลอีกแล้ว ในขณะที่เทพีฮาเทอร์เพิ่งเสด็จมาถึง จึงคลาดกันอีกครา




หลังจากวันนั้นทั้งม่านเมรีและเมอริคาราก็ได้เข้าศึกษาศิลปะวิทยาการ รวมทั้งศาสตร์ต่าง ๆ ที่วิหารแห่งธอธทุกวัน โดยที่ในแต่ละวันก็จะมีหลากหลายวิชาให้เล่าเรียนกันไป มีเพียงแค่วิชาเดียวเท่านั้นที่เด็กน้อยทั้งสองคนรบเร้าอยากจะเล่าเรียนแต่ก็มิเคยสำเร็จเลยสักครั้ง
มันเป็นวิชาไหนกันนะ และวิเศษขนาดไหนกันนักเชียว !

“นะอาจารย์ สอนเมรีกับเมอริคาเรหน่อยสิ” ม่านเมรีซึ่งบัดนี้นางอายุได้ 17 ปีกำลังคุกเข่าอยู่หน้าพระชานุข้างขวาของเทพแห่งกาลเวลา ซึ่งประทับนั่งอยู่บนบัลลังก์แก้วเจียระไน พลางอ้อนวอนผู้เป็นอาจารย์อย่างน่าสงสาร

“นั่นนะสิอาจารย์ สอนเมอริตกับพี่ไอมีอัตเถิดน้า” นี่ก็อีกคนกำลังเขย่าพระชานุซ้ายของพระองค์ไปมา

“พวกเจ้าก็เล่าเรียนศาสตร์แขนงต่าง ๆ จากข้าไปตั้งมากมาย ทั้งวิชาเคลื่อนย้ายห้วงเวลา หายตัว จำแลงกาย ข้าล้วนแล้วแต่ถ่ายทอดให้ทั้งสิ้นอย่างไม่ปิดบัง ยังจะมารบเร้าข้าอีกเหรอ” เทพธอธส่ายเศียรไปมาอย่างเอือมระอานิด เอ็นดูหน่อย และพอพระทัยมากที่มีเด็กสาวน่ารัก ๆ มาออดอ้อนแบบนี้

ดีกว่าลูกศิษย์เพศชายที่เอาแต่วัดรอยเท้าอาจารย์แล้วเอาแต่ใจอย่างอนุบีสกับโฮรัสเป็นไหน ๆ

“ก็วิชาเหล่านั้นไม่ทำให้เมรีหน้าเด็กได้อาจารย์นี่นา อายุตั้งหมื่น ๆ ปีจนจะเป็นทวดของทวดของทวดกี่ขั้นแล้วก็ไม่รู้ยังดูเด็กอยู่เลย” ม่านเมรีเอ่ยชม แต่สีพระพักตร์ของเทพแห่งกาลเวลานี่สิ ดูจะขมขื่นยังไงไม่รู้ ช่างไม่รู้จักที่ตายเสียจริงเด็กน้อยคนนี้ !

“นั่นสิค่ะ เมอริตก็อยากเป็นอมตะแบบอาจารย์บ้าง ลองคิดดูสิอยู่ได้เป็นหมื่น ๆ ปี แต่หน้ายังเด็กตลอดกาล มันน่าสนุกนักเชียว” นี่ก็ลูกคู่ที่ไม่อยากจะมีชีวิตรอดเช่นเดียวกัน

“พวกเจ้าอยากจะลองเข้าไปอยู่ในหม้อยาของข้าดูก่อนไหมล่ะ แล้วค่อยมาคุยกันอีกที” รับสั่งด้วยทาทีเฉยเมย แต่ทั้งม่านเมรีและเมอริคาเรต่างก็รู้ว่า อันตรายกับลังมาเยือนแล้วล่ะ อย่าได้ตอแยท่านอาจารย์อีกต่อไป

“แหะ ๆ ๆ...ไม่เรียนแล้วก็ได้ งั้นเมรีไปฝึกใช้กริชให้คล่องแคล่วอีกหน่อยดีกว่า เดี๋ยวเวลาทดสอบขึ้นมา เกิดไม่ผ่านอาจารย์จะอับอายได้” รู้หลบเป็นปีกรู้หลีกเป็นหางต้องยกให้เธอล่ะ

“ส่วนเมอริตก็จะไปปรุงอาหารมาให้อาจารย์เสวยก็แล้วกันนะ” แม้จะซื่อบื้อไปหน่อย แต่เมอริคาเรในวัย 15 เช่นวันนี้ก็รู้จักหลบหลีกเอาตัวรอดขึ้นมาแล้วเช่นเดียวกัน

แถมยังเอาใจเก่ง ด้วยการทำอาหารที่แสนจะอร่อยมาประจบพระองค์เสมอ อยู่ที่วิหารธอธมีลาภปากทุกวัน มิน่าล่ะทั้งพระองค์และม่านเมรีจึงไม่คิดที่จะไปฝากท้องยังวิหารของเทพและเทพีองค์ใด

เทพแห่งกาลเวลาทอดพระเนตรมองลูกศิษย์ที่ฟูมฟักสั่งสอนมากับมือด้วยความพอพระทัย ไว้รอให้พวกนางเก่งกล้าสามารถและมีวิชาติดตัวมากกว่านี้อีกนิด แล้วพระองค์จะถ่ายทอดศาสตร์ที่พวกนางอยากเรียนให้ เพราะจะว่าไปแล้วมีลูกศิษย์คอยอยู่เป็นเพื่อนอีกหมื่น ๆ ปีก็ดีเหมือนกัน พระองค์จะได้มิเหงา

ก็ทรงเฝ้ารอว่าที่ชายาอย่างเงียบเหงาเพียงพระองค์เดียวที่ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว แต่ยังมิถือกำเนิดขึ้นมาเสียทีเป็นเวลากว่า 5,000 ปีแล้วนะ บางทีก็ทรงรู้สึกเหมือนอยู่ตัวคนเดียว เปล่าเปลี่ยวเช่นกัน

บัลลังก์แก้วเจียระไนสีชมพูที่วางอยู่เคียงข้างกันจะรอผู้เป็นเจ้าของอีกกี่ปีกันนะ อยากรู้จริง !



~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

@ K ร้อยวจี >> อย่างอนุบิสหรือค่ะที่จะทั้งเมรีลง ไม่มีทางหร๊อกกก 55 ลงตอนใหม่ให้แล้วนะคะ

@ K Zephyr >> อย่าให้เทพธอธยกเมรีน้อยให้โฮรัสเลยนะคะ สงสารอนุบิสเถอะ เทพปากไม่ตรงกับใจแบบนั้น เดี๋ยวเมรีโตขึ้นเธอค่อยแก้แค้นคืนเอาก็ได้ ร๊ากกกกกพี่บิสต่อไปเถิดนะคะ

@ K กันต์ระพี >> ขอบคุณสำหรับคำแนะนำค่ะ วู้ดดี้จะพยายามปรับปรุงแก้ไขค่ะ เพื่อให้เรื่องมีความน่าสนใจและน่าอ่านมากขึ้น เรื่องนี้เบาสบาย ๆ อ่านแล้วไม่เครียดไว้ผ่อนคลายตัวเอง อิๆๆ

@ K ใบบัวน่ารัก >> โอ๋ ๆๆ อย่าเพิ่งใจร้อนไปนะคะ เมรีได้เรียนหนังสือแน่นอนค่ะ แถมเรียนกับเทพแห่งกาลเวลาด้วยนะ ศาสตร์ทุกแขนงของท่านเหนือกว่าเทพใดทั้งปวงแล้วค่ะ ไม่ต้องกลัวว่าเมรีน้อยจะต้องจกไปเป็นทาสของอนุบิสนะคะ มีเทพธอธปกป้องและเลี้ยงดูสั่งสอนอยู่ทั้งคน


ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ ติชม และกำลังใจจากทุกท่านนนะคะ วู้ดดี้สุญญาว่าจะนำไปแก้ไขและปรับปรุงให้ผลงานออกมาดีขึ้นจ้า เจอกันใหม่ตอนต่อไปนะคะ จุ๊บ ~



รรรรรรณ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 16 พ.ย. 2556, 11:12:08 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 16 พ.ย. 2556, 18:31:33 น.

จำนวนการเข้าชม : 1084





<< ตอนที่ 4 ดรุณีน้อยในวัยเยาว์ (2)   ตอนที่ 6 ประลองฝีมือ >>
ร้อยวจี 16 พ.ย. 2556, 11:47:45 น.
สนุกค่ะ กำหนดให้เมอริตเป็นคู่กับธอธเลยดีไหมค่ะ ไหนๆก็ยังไม่ได้กำหนดคู่ (คิดเล่นๆค่ะ) รอตอนหน้าอยู่นะคะ


ร้อยวจี 16 พ.ย. 2556, 11:50:12 น.
จริงๆแล้วที่รู้สึกสนุกเพราะเป็นนิยายที่แปลก นานๆจะอ่านแบบนี้สักที รีบมาอัพนะคะ


Zephyr 16 พ.ย. 2556, 16:53:50 น.
ฮ่าๆๆๆ ไหนๆ ตอนแรกอุตส่าห์คิดว่าเมอริตจะคู่โฮรัส
งั้นพี่น้องมีว่าที่ชายาพร้อมกัน แต่ แหม โฮรัสดันมีคู่หมายซะงั้น
งั้นยกเมอริตให้ท่านอาจารย์ละกันนะ
ไม่ต้องนั่งบัลลังก์ทองแล้ว นั่งบัลลังก์แก้วเจียระไนสีชมพูละกัน จบ
อิอิ ครบคู่อ่ะ ว่าที่ชายาผู้เพียบพร้อม สอนมาเองกะมือด้วยนะ ลุงธอธ สนป่ะๆๆๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account