ชายาอนุบิส
ข้ารอคอยเพียงหนึ่งชายา ข้าปรารถนานางเพียงหนึ่งเดียว แม้จะต้องสูญสิ้นทุกอย่างก็ไม่เป็นไร !!

เทพอนุบิสจะทำเช่นไรเมื่อชะตากรรมของพระองค์ถูกกำหนดว่าที่พระชายาเอาไว้ให้แล้ว ชายาที่เป็นแค่เพียงเด็กสาวมนุษย์ธรรมดาเท่านั้น

ม่านเมรีหรือไอมีอัต สตรีเพียงหนึ่งเดียวที่จะเป็นจ้าวหทัยของเทพแห่งความตายผู้นี้ตลอดกาล
Tags: แฟนตาซี,เทพเจ้า,อียิปต์,อ่อนหวาน,อบอุ่น

ตอน: ตอนที่ 6 ประลองฝีมือ

ประลองฝีมือ

หลายปีที่ผ่านมา ม่านเมรีและเมอริคาเรได้รับการถ่ายทอดวิชาจากเทพแห่งกาลเวลามาแล้วแทบทุกแขนง และจะต้องเข้าแข่งขันกับบรรดาศิษย์ใหม่ของเหล่าทวยเทพทั้งหลายที่จะจัดขึ้นในทุก ๆ 3 ปีครั้ง และปีนี้ก็เวียนมาครบรอบพอดี เทพธอธจึงมีรับสั่งให้พวกเธอทั้งสองเข้าร่วมในงานประลองครั้งนี้ด้วย

“แล้วเหล่าเทพและเทพีจะยอมให้มนุษย์ธรรมดาอย่างเราสองคนเข้าร่วมการแข่งขันนี้ด้วยหรือคะ” คนไม่อยากแข่งทำหน้ามุ่ย พยายามทุกวิถีทางเพื่อหลีกเลี่ยงให้ได้

“นั่นนะสิ ตอนแรกเมรีก็คิดว่าแค่ติดตามอาจารย์ไปร่วมงานเท่านั้น” อีกคนที่รู้ตัวดีว่าวิชาการต่อสู้ไปไม่ถึงไหน แข่งไปก็ขายหน้าเปล่าๆ ชักจะไม่อยากไปขึ้นมาบ้างแล้ว

“แต่ข้าใส่ชื่อพวกเจ้าลงแข่งไปแล้วนี่” ผู้เป็นอาจารย์ตอบอย่างเฉยเมย ถึงแม้ว่าลูกศิษย์ทั้งสองจะยังไม่เชี่ยวชาญนัก แต่ก็มิใช่ว่าจะไม่เอาไหนเสียเลย

คนหนึ่งเก่งกาจในการสู้รบ แต่มักชอบหมกตัวอยู่แต่ในครัว

กับอีกคนที่มัวเอาแต่เรียนมนตราคาถา ปรุงยาสารพัด แต่วิชาการต่อสู้กลับไปไม่ถึงไหน

ถ้าให้กล่าวว่าลูกศิษย์สองคนชำนาญศาสตร์ใดมากที่สุดแล้วล่ะก็ พระองค์ตอบได้ทันทีเลยว่า ‘เดินหมาก อ่านตำรา และหายตัว !!!’
วิชาที่มีแต่เล่น ไม่ต้องฝึกซ้อม และหลบหนีได้เร็วแบบนี้นี่ล่ะคือวิชาที่พวกนางทั้งคู่ถนัดนัก คนเป็นอาจารย์ดำริอย่างเบื่อหน่าย ศาสตร์ความรู้ของพระองค์มีตั้งมากมายถ่ายทอดได้ไม่จบไม่สิ้น ศิษย์แต่คนละเลือกเรียนกันไม่หวาดไม่ไหว หนำซ้ำยังประสบความสำเร็จจนเป็นที่เลื่องลือ

ถือเสียว่านางทั้งคู่ในกรณียกเว้นก็แล้วกัน วันพรุ่งนี้ไม่อาจคาดเดาได้เลยว่าจะทำให้พระองค์ภูมิใจหรือขายพระพักตร์ดี เพิ่งจะรู้พระองค์ในรอบหลายพันปีนี่แหละว่า มีช่วงเวลาที่เทพแห่งการเวลาก็มิอาจทำนายได้

“ข้าแค่มาบอกกล่าวให้พวกเจ้าเตรียมตัวเอาไว้ จงอย่าทำให้เทพแห่งกาลเวลาเช่นข้าเสียชื่อล่ะ มิเช่นนั้นล่ะก็ หม้อยาของข้ายังพร้อมรอพวกเจ้าเสมอ” พึ่งจะเคยพบเจอผู้ที่ให้กำลังใจลูกศิษย์แบบนี้เป็นครั้งแรก มันช่างเหน็บหนาว เย็นยะเยือกไปถึงขั้วหัวใจเลยเชียวล่ะ

“ข้ายังไม่อยากเป็นกระสายยาตอนนี้ ทำอย่างไรดีเมอริคาเร !!” ม่านเมรีเริ่มวุ่นวายใจ เพราะในหมายกำหนดการระบุไว้ชัดเจนว่า พวกนางจะต้องเข้าแข่งกันด้วยกันสามรอบ

รอบแรกเป็นการแข่งการต่อสู้ สามารถเลือกอาวุธได้ตามความถนัดของตัวเอง

เห็นชัดอยู่แล้วว่าในรอบนี้ม่านเมรีคงรอดยาก นึกอิจฉาเมอริคาเรขึ้นมาแล้วสิ ซื่อบื้อปานนั้นดันเก่งเรื่องนี้ไปเสียได้ สงสัยคงจะโดนเทพโฮรัสกลั่นแกล้งบ่อยครั้ง เลยมีผลทำให้นางเก่งกาจแบบนี้

รอบที่สองเป็นการแข่งขันด้านมนตราอาคม และการปรุงยา

รอบนี้มั่นใจมากว่าคงไม่แพ้ผู้ใด โดยเฉพาะการวางยาพิษนี่ถนัดที่สุดเชียวล่ะ...หุ ๆ ๆ ชักอยากจะลองยาตัวใหม่ของตนกับท่านอาจารย์เสียแล้ว แอบนำไปใส่ในมื้อค่ำที่ท่านหญิงทำดีไหม ?

รอบสุดท้ายเป็นการแข่งอะไรก็ได้ ขอให้ชนะแล้วได้ที่ 1 เป็นพอ

รอบนี้ทั้งนางและเมอริคาเรมีสิทธิ์ลุ้น ! วิชาหายตัวเป็นหนึ่ง การหลบหนีเป็นสอง รับรองชนะใส ๆ แถมยังคว้าอันดับ 1 ใน 5 มาได้แน่ !
แต่ก่อนที่จะถึงรอบนั้นทั้งเธอและเมอริคาเราจะผ่านสองรอบแรกไปได้ยังไง !!

“มีแข่งเป็นคู่ไหมคะอาจารย์” ม่านเมรีเอ่ยถาม

“นั่นนะสิคะ เมอริตก็ไม่รู้เลยว่าจะผ่านรอบสองได้ไหม” แน่ล่ะสิ ถึงแม้นว่านางจะมีฝีมือในด้านการปรุงอาหารเป็นเลิศก็ตาม แต่การปรุงยา มนตราอะไรแบบนั้น ไม่อยู่ในหัวสมองของเมอริคาเรเลยซักนิด

เพราะมัวแต่ตามติดรับใช้เทพโฮรัสอย่างนางทาสผู้ภักดีที่มิอาจหลบเลี่ยงได้ หลายปีมานี่นางจึงเก่งแต่การต่อสู้อย่างเดียว เพื่อมีไว้ต่อการกับพระองค์จนไม่มีเวลาไปเล่าเรียนอย่างอื่น

“ข้าก็มั่นใจว่าถ้าพวกเจ้าทั้งสองผ่านสองรอบแรกไปได้ ชัยชนะคงเป็นของพวกเจ้าได้ไม่ยาก” เพราะวิชาหลบหนีที่แม้แต่บางทีอาจารย์ก็ยังตามไม่ทันนั่นล่ะ ที่ทำให้พระองค์นับถือพวกนางยิ่งนัก

“ข้าไปล่ะ อย่าลืมที่ข้ากำชับไว้ก็แล้วกัน” พระองค์จำแลงกายเป็นร่างนกกระสาทั้งตัว แล้วโผบินอย่างสง่างามออกไปจากวิหาร เพื่อปฏิบัติภารกิจยังยมโลกทันที

ทิ้งให้ลูกศิษย์ตัวน้อยนั่งก้มหน้าก้มตา ยอมรับชะตากรรมอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้พ้นกันแค่สองคนเท่านั้น !!

เด็กสาวคนหนึ่ง เด็กน้อยหนึ่งคน กำลังนั่งกอดเข่าเข้าหากัน ยังหาทางออกไม่เจอ ครั้นจะให้ช่วยกันสอนก็คงจะไม่ทันการ พวกนางจะต้องหาตัวช่วย

“เมอริตว่าเมอริตไปขอให้เทพีฮาร์เทอร์ช่วยดีกว่า ได้ยินมาว่าพระนางเก่งหรือการปรุงยาเหมือนกัน” คนเป็นน้องวัย 12 เริ่มมีทางออกให้กับตัวเอง หลังจากติดตามเทพโฮรัสมาเป็นเวลา 3 ปี เธอก็มีโอกาสได้พบปะกับเทพีองค์นั้นที่วิหารเทพนภากาศอยู่หลายครั้งหลายคราเช่นกัน

“แล้วข้าล่ะ จะทำยังไง” เด็กสาววัย 17 ยังคงมืดมนเหมือนชุดที่ตนสวมใส่...ใคร๊! ใครที่ไหนมันจะมาว่างเป็นคู่มือซ้อมให้ในเวลานี้ แถมอาวุธเพียงชิ้นเดียวที่ใช้เป็นก็คือกริชเท่านั้น

“ตัวใครตัวมันก่อนนะคะพี่ไอมีอัต เมอริตยังไม่อยากลงหม้อไปเป็นกระสายยาของอาจารย์” คนกลัวอาจารย์ยิ่งชีพรีบชิ่งหนี โดยการร่ายมนตราหายตัวไปทันที เพื่อตามหาเทพีฮาเทอร์

ม่านเมรีได้แต่อ้าปากค้าง ไหนว่ารักกันไงทำไมถึงทำกับเธอแบบนี้

“ฮือ ~ จะทำยังไงดี พี่ผ่านเมฆช่วยเมรีด้วย” นาทีนี้เพิ่งจะคิดถึงคนที่นับถือเป็นพี่ขึ้นมาได้ หญิงสาวรีบร่ายมนตราแล้วหายตัวลงไปยังโลกมนุษย์อีกคน



และในที่สุดวันแข่งขันก็มาถึง

บรรดาเหล่าเทพ เทพี เทพบุตร เทพธิดา ต่างมารวมตัวกันยังลานประลองที่จัดขึ้นในอุทยานของมหาเทพโอซิริสซึ่งวันนี้ทรงเป็นประธานในการจัดงานร่วมกับพระชายาทั้งสองพระองค์ สำหรับรางวัลของผู้ชนะในปีนี้เป็นที่น่าสนใจของเหล่าชาวสรรค์ยิ่งนัก เพราะจะได้รับจากเทพอนุบิสและเทพโฮรัสโดยตรง

เทพทั้งสองพระองค์เป็นที่หมายปองของเหล่าเทพีและเทพธิดามากที่สุด เนื่องจากทั้งสองพระองค์มีรูปร่างสง่างามอีกทั้งยังไร้ชายาคู่บัลลังก์ แม้ว่าเทพโฮรัสจะมีคู่หมายอยู่ก่อนแล้วก็ตามที แต่นาทีนี้ใครดีใครได้จริงไหม ?

เหล่าเทพีที่ส่งลูกศิษย์ของตนเข้าแข่งขันต่างกระชับความกันวุ่นวายว่าต้องชนะเท่านั้น แล้วพวกนางจะได้เข้าเฝ้าเทพทั้งสองด้วยเช่นกันในฐานะอาจารย์ และเป็นที่น่าสนใจว่าบรรดาศิษย์ทั้งหมดของเทพีเหล่านั้นส่วนใหญ่จะเป็นบุรุษทั้งนั้น !! ซึ่งมันก็ช่วยไม่ได้ ใครกันอยากจะมีคู่แข่งเป็นเด็กสาว ๆ ที่อายุอ่อนกว่ากันล่ะ

“ท่านเทพธอธกับศิษย์มาถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ” เสียงกราบทูลของผู้ดำเนินการประลองในครั้งนี้

และแล้วทั้งหมดก็ตกอยู่ในความเงียบเมื่อเทพแห่งการเวลาเสด็จผ่านไป พร้อมด้วยลูกศิษย์ซึ่งเพิ่งจะเป็นเด็กสาวคนหนึ่งในชุดสีดำมีผ้าคลุมหน้า กับเด็กน้อยอีกคนในชุดสีขาวที่เดินตามมาหลังสุด

จะสะดุดชายผ้าให้ขายหน้าไหม ?

เทพอนุบิสและเทพโฮรัสที่ประทับรออยู่ก่อนแล้วกำลังลุ้นอยู่ในพระทัยเป็นอย่างมาก พวกนางจะตื่นเต้นอะไรนักเชียว กับการแค่โดนสายตาหลายพันคู่จับจ้องมองในฐานะศิษย์รุ่นล่าสุดของท่านปรมาจารย์เท่านั้น

เทพธอธเสด็จอย่างเชื่องช้าตรงไปประทับนั่งบัลลังก์ที่ได้จัดเตรียมเอาไว้ให้แล้ว ในขณะที่ม่านเมรีและเมอริคาราถูกจับแยกตัวออกไป เพื่อจับฉลากหาคู่แข่งขัน

ม่านเมรีมองไปยังเทพแห่งความตายซึ่งมิได้พบเจอกันมาตลอดเวลา 3 ปีด้วยความสนใจ พระองค์ยังคงนิ่งเฉย เย็นชาเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

ร่างกึ่งเทพราวกับภาพวาดมีสีพระพักตร์นิ่งเฉยไม่หันมาสบตากับเธอเลยแม้เพียงครั้ง สามปีที่ผ่านมาทรงลืมเด็กน้อยอย่างเมรีไปหมดหรือ



การแข่งขันเริ่มต้นขึ้นทันทีหลังจากได้รับสัญญาณ รอบแรกเป็นการแข่งประลองอาวุธซึ่งเมอริคาเรผ่านไปได้อย่างสบายตามคาด เพราะคู่แข่งขันของเธอเป็นแค่เพียงเทพธิดาปลายแถวที่พอจะมีวิชาติดตัวบ้างเท่านั้น

ม่านเมรีที่ยืนอยู่กลางเวทีกำลังเริ่มประลองกับคู่ต่อสู้ของเธอซึ่งเป็นลูกศิษย์ของเทพีแห่งไนล์ อาวุธที่คู่ต่อสู้เลือกใช้คือธนูหนึ่งคัน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าได้ว่า เธอนั้นเสียเปรียบ

“เริ่มการแข่งขันได้” เมื่อสิ้นเสียงสัญญา เทพธิดาสาวก็ง้างธนูยิงเข้าใส่ม่านเมรีทันที หญิงสาวพยายามหลบหลีกทั้งซ้ายขวาแล้วถอยหลังร่นไปหลายก้าว ถอยจนเกือบจะตกขอบเวทีอยู่แล้วนะแต่เทพธิดาองค์นั้นก็ยังคงไล่กัดไม่ยอมปล่อย ในขณะที่เมอริคาเรซึ่งอาใจช่วยอยู่แล้ว ก็รู้สึกหวาดเสียวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

“สู้ ๆ นะคะพี่ไอมีอัต ถ้าแพ้ละก็ต้องลงหม้อของอาจารย์นะ” ช่างเป็นคำเชียร์ที่ให้กำลังใจกันมาก ท่านหญิงน้อยจะรู้ไหมว่าลงหม้อเฉย ๆ ม่านเมรีหวาดเสียว เด็กสาวเอี้ยวตัวไปทางซ้ายเพื่อหลบลูกธนูอีกครั้ง แบบนี้เธอจะเข้าใกล้ผ่านตรงข้ามได้ยังไงกัน เพราะการต่อสู้โดยการใช้กริชมันเป็นการต่อสู้แบบประชิดตัว

“วิ่งเข้าไปดวลกันเลยพี่ไอมีอัต อย่ามัวเอาแต่ถอยร่นแบบนั้นสิ !” เมอริคาเรรีบวิ่งมาเชียร์ตรงขอบเวที ทำไมเรื่องแบบนี้ต้องให้เธอสอนด้วย

“พี่จะเข้าไปยังไง” แค่เอาตัวให้รอดก็ยากอยู่แล้ว ไม่ต้องคิดถึงวิธีการที่จะเข้าใกล้เลยนะ ม่านเมรีพลิกตัวหนีครั้งแล้วครั้งเล่า
ข้างฝั่งเทพโฮรัสที่ทอดพระเนตรมองการแข่งขัน พระองค์เห็นผู้เป็นอาจารย์เอาแต่นั่งท้าวหนุพลางหาวหวอด ๆใกล้จะหลับอยู่รอมร่อ ข้างฝ่ายเทพอนุบิสก็เฉื่อยชาเหมือนกับว่าเหตุการณ์เบื้องหน้าช่างน่าเบื่อเสียเต็มประดา

“จะไม่เอาพระทัยช่วยว่าที่ชายาของพระองค์หน่อยหรือ” รับสั่งถามพระเชษฐาดีกว่าถามอาจารย์เป็นไหน ๆ

เทพีอเมนเททที่ประทับอยู่เบื้องซ้ายของเทพอนุบิสโดยมีเทพโฮรัสประทับอยู่เบื่องขาวเมื่อได้สดับฟัง พระนางก็ให้ความสนพระทัยขึ้นมาทันที แต่ก็มิกล้าที่จะเอ่ยถาม

“ว่าที่พระชายาของผู้ใดกันหรือเพคะ” รับสั่งถามจากเทพีฮาร์เทอร์ซึ่งนั่งเคียงข้างกันกับเทพโฮรัส เพราะรู้พระทัยของสหายรักอย่างเทพีอเมนเททดี

“ออ...ไม่มีอะไรหรอกฮาร์เทอร์ อย่าสนใจเลย” เทพโฮรัสรีบรวบรัดตัดความ เมื่อทอดพระเนตรเห็นสีพระพักตร์ของเทพแห่งความตายแล้วว่า เริ่มจะมีร่องรอยแสยะยิ้มตรงริมพระโอษฐ์นิด ๆ

“อ๊ะ !…ระวังนะไอมีอัต นางยิงธนูมาอีกแล้ว” เทพแห่งนภากาศหันกลับไปสนใจการแข่งขั้นเบื้องหน้าอีกครั้ง พระองค์เอาพระทัยช่วยเด็กสาวจนอ่อนอกอ่อนใจ ลุ้นจนจะลงไปแข่งแทนด้วยพระองค์เองอยู่แล้วเนี้ย ถ้ากติกาไม่ห้ามเอาไว้

“ศิษย์ผู้พี่สามารถเข้าแข่งแทนศิษย์ผู้น้องได้ไหมอาจารย์” ชักคันไม้คันมืออยากจะลงไปสู้บ้าง ข้างฝั่งอาจารย์ปรายตามองมาเพียงนิด แล้วตรัสกลับไป

“ถ้าแข่งแทนได้ มิสู้ให้ข้าลงไปแข่งแทนไม่ดีดว่าเหรอ”

เหอะๆๆ...งั้นดูการแข่งขันต่อไปดีกว่า อย่าทำให้อาจารย์เกิดโทสะขึ้นมาเลย

“ท่าน...จะไม่เอาใจช่วยนางหน่อยหรืออนุบิส” เป็นอีกครั้งแล้วที่อเมนเททได้ยินเทพโฮรัสกล่าวถึงผู้ที่กำลังทำการแข่งขัน จะเป็นเทพธิดาน้อยนางนั้นหรือเด็กสาวชาวมนุษย์กันแน่นะที่อยู่ในความสนพระทัยของเทพอนุบิส

“คิดไม่ถึงเลยว่า นางจะโตขึ้นมาได้อ่อนแอเช่นนี้” เหมือนจะรับสั่งกับพระองค์เอง แต่เหตุไฉนทั้งเทพธอธและเทพโฮรัส รวมทั้งม่านเมรีที่กำลังทำการประลองอยู่ถึงได้ยินชัดเจนเลยล่ะ

“ฮึย !...งานนี้ตายเป็นตาย จะยอมให้เทพที่ไม่เหลียวแลเธอเลยตลอดเวลาสามปีที่ผ่านมามาดูถูกไม่ได้ !” ม่านเมรีตัดสินใจร่ายเวทย์หายตัวแล้วปรากฏกายขึ้นมาด้านหลังของเทพธิดาสาว ที่มัวแต่ชะล้าใจจนลืมป้องกันทันที !!

หลังจากนั้นจึงกระชับกริชในมือ แล้วจ่อที่ปลายคอของนางจากทางด้านหลังในช่วงเวลาแค่หายใจเข้าออก ท่านี้ลอกเลียนแบบมาจากพี่ผ่านเมฆเชียวนะ

“เฮ้อ ~...นึกว่าจะต้องลงไปอยู่ในหม้อของอาจารย์เสียแล้ว” เมอริคาเรกล่าวออกมา พลางกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ เรียกรอยแย้มสรวลจากเทพนภากาศได้เช่นกัน

และก็เป็นครั้งแรกเช่นเดียวกันที่เทพีฮาร์เทอร์เริ่มจะให้ความสนใจเด็กน้อยชาวมนุษย์ขึ้นมาบ้าง...เมอริคาเร นางจะเป็นแค่นางทาสประจำวิหารเช่นนั้นแน่หรือ ?



ในที่สุดทั้งม่านเมรีและเมอริคาเรก็สามารถผ่านด่านแรกเข้ามาได้ ด่านต่อไปสำหรับม่านเมรีแล้วเรียกได้ว่าซื้อหมูกินยังได้เลย ผิดกับเมอริคาเรที่มีสีหน้ากังวลอย่างเห็นได้ชัด

“เป็นอะไรไปเมอริคาเร เจ้าได้รับการแนะนำจากเทพีฮาร์เทอร์มาแล้วมิใช่หรือ” คนเป็นพี่เอ่ยถาม

“แต่เมอริตกลัวตกรอบนี่น่า” หลังจากผ่านรอบการต่อสู้ไป ท่านหญิงน้อยแห่งกองคาราวานก็กลับเป็นเด็กน้อยขี้กลัวเหมือนเดิม

“ไม่เป็นไรหรอกน่า ฟังนะ ถ้าเกิดสู้ไม่ไหวจริง ๆ ให้เจ้าใช้ของสิ่งนี้” คนหวังดีอยากให้ชนะด้วยกันยื่นต้นไม้แปลกประหลาดมาให้ต้นหนึ่ง

“สายพันธุ์ใหม่ ปรับปรุงโดยม่านเมรี รับลองเลยว่าใส่ลงไป...เด็ด !!”

“เด็ด หรือ เดท เอาให้ชัดสิค่ะ” คนที่จำใจยื่นมือออกไปรับความหวังดีเริ่มหวาดกลัว

“หึ ๆ ๆ...ไม่ถึงตายหรอกน่า มันเป็นแค่วัตถุดิบเท่านั้น ในกติกาก็บอกชัดอยู่แล้วนี่ว่า ใครจะใช้อะไรมาปรุงยาก็ได้” ม่านเมรีกล่าวต่ออย่างสบายอกสบายใจ อย่างน้อยก็มีหนูทดลงยาเพิ่มมาอีกคน นอกจากคู่ต่อสู้ของเธอ

“เผลอครู่เดียว นางถึงขั้นสร้างพืชพิษชนิดใหม่ขึ้นมาได้เชียวหรือ” เทพธอธที่ประทับนั่งเฝ้ามองดูลูกศิษย์ทั้งสองอยู่ทางด้านบนเริ่มฉงนในความสามารถของม่านเมรีอีกครั้ง เห็นทีต้องยอมรับอย่างเป็นจริงเป็นจังแล้วล่ะว่า นางเชี่ยวชาญวิชาการปรุงยามากกว่าพระองค์ที่เป็นอาจารย์

เพียงแต่ทว่าประสบการณ์ของนางอาจน้อยไปหน่อยก็เท่านั้น จึงทำให้ไม่สามารถเอาชนะพระองค์ได้เสียที !!

“แบบนี้ไม่ผิดกติกาใช่ไหม เสด็จพ่อ” เทพโฮรัสรีบตรัสถามเทพโอซิริสทันที เพราะเกรงว่าเมอริคาเรอาจจะถูกตัดสิทธิ์ให้แพ้ได้

“แค่วัตถุดิบเท่านั้น กติกาก็ระบุชัดว่าไม่ผิดแต่อย่างใด อีกทั้งเจ้าแน่ใจได้อย่างไรกันว่า พืชเพียงต้นเดียวจะเอาชนะได้” ราชาแห่งเทพรับสั่งอย่างเป็นกลาง ในขณะที่ชายาทั้งสองต่างพยักพักตร์รับ

“นั่นนะสิเพคะ นางจะเอาชนะศิษย์คนที่สองของหม่อมฉันได้เชียวหรือ” เทพีอเมนเททตรัสขึ้นมาบ้าง เมื่อเห็นว่าสหายสนิทอย่างเทพีฮาร์เทอร์มีสีพระพักตร์ไม่ใคร่สู้ดี เพราะรับรู้เช่นกันว่าเทพโฮรัสออกจะให้ความใส่พระทัยในตัวของเด็กน้อยคนนั้นนัก

“แต่หม่อมฉันอยากให้นางชนะ” เทพีฮาร์เทอร์รับสั่งออกมา “วิชาปรุงยาของนางหม่อมฉันเป็นคนถ่ายทอดให้เอง”

เทพธอธเมื่อได้ยินดังนั้นจึงยิ้มหยันออกมา ทำไมพระองค์จะไม่รู้ว่าเป้าหมายที่แท้จริงของเทพีที่วางตัวได้อย่างเหมาะสมนางนี้คิดเห็นเป็นเช่นไร

“ข้าจะลงไปให้อาหารแอมมัต แล้วจะรีบกลับมา” เทพอนุบิสรับสั่งขึ้นมาเป็นประโยคแรก แล้วจะแลงกายหายไปจากที่ประทับทันที นั่นเพราะพระองค์มิต้องมารอลุ้นเหมือนกับอนุชานะสิ จึงวางพระทัยไปทำภารกิจอื่นได้ ช่างมั่นพระทัยในตัวว่าที่ชายาจริงนะ !!

“หม่อมฉันจะเสด็จตามลงไปช่วย” เทพีอเมนเททรีบรับสั่ง ถือเป็นโอกาสดีที่จะใช้โอกาสนี้ได้อยู่ตามลำพังกับเทพอนุบิสบ้าง

“ให้อาหารลูกจระเข้ตัวเดียว มันยุ่งวุ่นวายจนต้องมีเทพีแห่งความตายลงไปช่วยเชียวหรือ” ลูกจระเข้ที่มีร่างกึ่งสิงโตกึ่งฮิปโปนะไม่เท่าไหร่ แต่รับสั่งของเทพแห่งการเวลานั่นต่างหาก ที่เหมือนกับว่าจงใจฉีกพระพักตร์ของเทพีอเมนเททโดยตรง

ราวกับจะเปิดโปงเจตนาของนางต่อหน้าธารกำนัล!!

“อาว่าเจ้ารอดูผลงานของลูกศิษย์ที่ได้สั่งสอนมากับมือดีกว่า เห็นพวกนางชนะมันน่าภาคภูมิใจกว่ามิใช่หรือ เรื่องหยุมหยิมเล็กน้อยปานนั้น ก็ปล่อยให้อนุบิสทำไปเถอะ” เทพีเนฟทีสรีบตรัสปลอบ เห็นชัดว่าทรงมีความรู้สึกพิเศษมอบให้เทพีแห่งความตายมากมายนัก

ผิดกับเทพีไอซีสที่แต่ไหนแต่ไรมา ต่อให้ฮาร์เทอร์ทำดีมากแค่ไหน นางก็ได้รับกลับมาแค่คำเอ่ยชมธรรมดาเท่านั้น

“หน้าที่ที่เจ้าต้องกระทำ ถ้าเจ้าทำมันได้ดี มันก็เป็นผลดีต่อตัวเจ้าและผู้ที่ได้รับมิใช่หรือ” เทพีฮาร์เทอร์จำได้ว่าเทพีไอซีสเคยรับสั่งแบบนี้กับนาง เนื่องจากนางเป็นเทพีแห่งเกษตรกรรม ผู้ที่มีความใกล้ชิดกับมนุษย์มากที่สุดในบรรดาเทพ และเทพีองค์หนึ่งก็ว่าได้

ผิดกับอเมนเททที่เป็นเทพีแห่งความตายเช่นเดียวกันกับเทพอนุบิส พวกเขาทั้งสองจึงได้อยู่ใกล้ชิดกันทุกเมื่อทุกวัน แถมสหายรักยังได้รับความเอ็นดูจากเทพีเนฟทิสผู้เป็นมารดาของเทพอนุบิสอีกด้วย ทำให้บางครั้งเทพีฮาร์เทอร์ก็อดที่จะหยิบยกขึ้นมาเปรียบเทียบไม่ได้
ข้างฝั่งม่านเมรี ครั้นเมื่อมองขึ้นมาแล้วไม่พบเทพอนุบิส เธอจึงอดคิดที่จะน้อยใจขึ้นมาไม่ได้

ไม่เสด็จมาให้พบเจอเหมือนเช่นแต่ก่อน เป็นเวลาสามปีก็ไม่ว่า

ไม่มาสอนเธอเล่นดนตรีอีกต่อไป ก็แล้วไปเถอะ ไม่เสียใจอะไรมากมายนัก!!

คนไม่เสียใจแทบกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ นี่มันอะไรกัน ! เธออุตส่าห์แต่งกายด้วยชุดสีดำ แถมยังปิดบังใบหน้าครึ่งหนึ่งเอาไว้เพื่อระลึกถึงสัญญาแต่หนหลัง พระองค์กลับทรงทำเป็นจำไม่ได้นี่ก็เสียใจพอ ต่อมาในรอบที่เธอมั่นใจว่าจะเอาชนะได้กลับไม่อยู่ดูเสียนี่

‘พระองค์ทรงลืมม่านเมรีคนนี้ไปแล้วใช่ไหม’

‘พระองค์มีเทพีรู้ใจที่สมควรแก่การนั่งบัลลังก์ข้างวรกายแล้วนี่ ม่านเมรีจะสำคัญยังไง’

เด็กสาวเอาแต่ถอนหายใจออกมา ก้าวขึ้นสู่การแข่งขันรอบต่อไปด้วยดวงใจที่เลื่อนลอย ไม่มีกะจิตกะใจที่จะเอาชนะขึ้นมาเหมือนในตอนแรกแม้แต่เพียงเล็กน้อย

“อดทนหน่อยทารกน้อยของข้า ชายาของเทพอนุบิสมิใช่ว่าจะเป็นกันได้ง่าย ๆ หรอกนะ” เทพธอธดำริขึ้นมาพลางทอดพระเนตรมองลูกศิษย์ของพระองค์ด้วยความเห็นพระทัย ครั้นเมื่อหันพระพักตร์กลับมามองทางเทพโฮรัสบ้างก็ทรงรู้สึกระอาขึ้นมาเสียอย่างนั้น

“นี่ก็ยุ่งวุ่นวายไม่จบไม่สิ้น ข้าคิดไม่ออกเลยว่าจะพาเมอริคาเรไปซ่อนไว้ที่ไหนดี”




ม่านเมรีที่กำลังเข้าแข่งขันกับลูกศิษย์ของเทพเกป...เทพแห่งผืนดินที่คอยปฏิบัติหน้าที่ค้ำท้องฟ้าเอาไว้ พูดง่าย ๆพระองค์ก็คือบิดาของมหาเทพโอซิริสนั่นล่ะ คู่แข่งช่างไม่ธรรมดาเอาเสียเลย

เด็กสาวเริ่มต้นปรุงยาในหม้อส่วนตัวอย่างเบื่อหน่าย ใจคอล่องลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัว มีวัตถุดิบอะไรที่ซ่อนอยู่ในตัวก็หยิบเอาออกมาใส่รวมกันไปหมด ทั้งงูเล็กงูใหญ่ ตะขาบ แมงป่อง ตัวหนอนสารพัด ไหนยังมีพืชพิษหลายชนิดที่หน้าตาแปลกประหลาด น้อยคนนักที่จะรู้จักและเคยพบเห็น สีของยาในหม้อกลายเป็นสีเขียวคล้ำเดือดปุด ๆ ขึ้นมาทันที เมื่อเริ่มร่ายมนตราดูน่ากลัว ขัดกลับกลิ่นที่หอมฟุ้งกระจายออกมาจนอบอวลไปทั่วทั้งอุทยาน และหวานล้ำจนสามารถมอมเมาให้ผู้อื่นหลงใหลได้

“ตั้งแต่นี้ต่อไปจะไม่แอบไปบูชาเทพบ้านั่นอีกแล้ว !!” ม่านเมรีฉีกต้นพืชใส่ลงหม้อราวกับว่าโกรธเกลียดกันมาแต่ชาติบางไหน นางล้วงเอาแมลงพิษหลายตัวออกมาจากหน้าอกแล้วจับยัดลงใส่หม้อ

เทพธอธที่ทอดพระเนตรมองอยู่แอบลอบกลืนพระเขฬะด้วยความหวาดเสียว ตัวยาที่มองเพียงปราดเดียวก็ทราบได้ทันทีเลยว่าหากไม่ตายก็รอดยาก!

ม่านเมรีแสยะยิ้มใต้ผ้าคลุมหน้าด้วยความสะใจ คิดเสียว่าคู่ต่อสู้ในเวลานี้คือเทพแห่งความตายผู้นั้นก็แล้วกัน จัดหนักหน่อยเดี๋ยวค่อยแก้พิษให้ในภายหลัง

คิดได้ดังนั้นจึงเพิ่มจิ้งจกเข้าไปอีก 3 ตัว !!

“บอกให้ศิษย์ของบิดาเจ้ารีบยอมแพ้นางเสียตอนนี้ดีกว่าโอซิริส” รับสั่งของเทพแห่งการเวลา ทำให้เหลาเทพและเทพีที่ประทับอยู่ในบริเวณนั้นต่างมองมาทางพระองค์อย่างสนพระทัย

“นาง...มนุษย์น้อยแค่คนหนึ่ง จะเก่งกาจสามารถถึงปานนั้นเชียวหรือท่านอาจารย์”

ยิ่งกว่าเชียวชาญเสียอีก ! นี่ละที่อยากบอก

“ตามใจเจ้า มิใช่ข้าก็ดีถมไป ที่เป็นผู้ได้ลองยาขนานนี้ของนาง” รับสั่งอย่างเฉยชา ทั้งที่ในพระทับแอบหวาดหวั่น คราวหน้าคราวหลังจะทรงจำใส่พระทัยเอาไว้ว่า อย่าได้ทำให้นางโกรธเหมือนกับอนุบิสเป็นอันขาด

“แลกถ้วยยากันดื่มได้” สิ้นเสียงประกาศทุกผู้ต่างลุ้นระทึก

ม่านเมรีคว้าถ้วยยาของฝ่ายตรงข้ามขึ้นมาดื่มจนหมดถ้วย พิษเริ่มกระจายเข้าสู่ส่วนต่าง ๆ ภายในร่างกายแทบจะทันทีเมื่อได้ดื่มเข้าไปเพียงแค่อึกแรก ยังอ่อนด้อยนัก พิษของมันยังไม่ถึงครึ่งหนึ่งของอาจารย์ที่ปรุงเอาไว้สำหรับใช้ลงโทษเธอเป็นพิเศษในยามกระทำความผิดเลยซักนิด

ข้างฝั่งศิษย์รุ่นล่าสุดขององค์มหาเทพ ครั้นเมื่อเห็นมนุษย์สาวไม่มีปฏิกิริยาต่อพิษของตนก็เริ่มเกิดอาการไม่แน่ใจขึ้นมา ลอบมองถ้วยยาที่นางปรุงขึ้น พลางสูกกลิ่นก็พบว่าหวานล้ำราวน้ำจัณฑ์ชั้นเลิศ เกิดอาการอยากลองขึ้นมาทันที

จิบเข้าไปอึกแรก ภายในปากราวกับมีปุยนุ่น

จิบเข้าไปอึกสอง ภายในคอรู้สึกเย็นฉ่ำราวน้ำค้างหยดแรก

จิบเข้าไปสิบกว่าอึก จนร่างกายแทบจะกลายเป็นสีเขียวอยู่แล้ว ซึ่งเห็นชัดว่าโดนพิษขั้นรุนแรง แต่เจ้าตัวกลับไม่ยอมรับรู้สิ่งใด ได้แต่ดื่มอย่างเอาเป็นเอาตาย ราวกับว่ามันเป็นน้ำทิพย์รสเลิศ

ตุบ !!

ร่างสูงใหญ่ของคู่ต่อสู้ล้มกลางอากาศต่อหน้าม่านเมรีในขณะที่ถือถ้วยยาค้างเอาไว้ ร่างนั้นค่อย ๆ เปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีม่วงเข้ม จากสีม่วงเข้มเป็นสีดำ

“เมตตาเทพบุตรตาดำ ๆ เถิดนะศิษย์รัก” เทพแห่งกาลเวลาได้แต่เอาพระทัยช่วยเท่านั้น จนกระทั่งเทพอนุบิส ปรากฏกายขึ้นมาบนบัลลังก์ที่ว่างเปล่านั่นล่ะ ผู้เป็นอาจารย์จึงลอบถอนพระทัยออกมาอย่างโล่งอก

“มาเสียทีอนุบิส ข้าคิดว่าจะต้องทำมัมมี่เทพบุตรองค์นั้นแทนเจ้าเสียแล้ว” รับสั่งแกมประชด ในขณะที่เทพอนุบิสทำแค่เพียงแสยะยิ้มรับเท่านั้น

“ข้าก็มาจัดการให้แล้วไง ไหนล่ะมัมมี่ของข้า” นึกไม่ถึงเลยว่าเทพแห่งความตายจะมีมุมตลกหน้าตาเช่นนี้ด้วย

“โน่นไงล่ะ วิญญาณใกล้จะออกจากร่างเต็มที” รับสั่งพลางชี้ดัชนีตรงไปยังลานประลอง ทำให้ผู้เป็นศิษย์ต้องมองตาม

และดูเหมือนว่า ม่านเมรีเองก็รับรู้ได้ว่าตนถูกจ้องมอง หญิงสาวรีบแหงนหน้าขึ้นไปมองยังทิศทางของบัลลังก์ที่เคยว่างเปล่า เห็นเทพอนุบิสประทับนั่งอยู่บนนั้น และกำลังทอดพระเนตรมองมาทางนางด้วยความสนพระทัย

เพิ่งจะกลับมาได้ตอนนี้นางกำลังจะชนะเนี้ยนะ...อภัยให้สองส่วนก็แล้วกัน

คิดดังนั้นจึงรีบป้อนสมุนไพรแก้พิษต้นหนึ่งให้คู่ต่อสู่ทันทีอย่างมิใคร่เต็มใจนัก นี่คงจะรีบเสด็จกลับมาเพราะรับรู้ได้ว่า มีดวงวิญญาณที่ยังไม่สิ้นอายุไขดวงหนึ่งกำลังหลุดออกจากร่างล่ะสิ รู้บ้างไหมว่ากว่าจะคิดแผนการให้เพื่อเร่งให้เทพบ้านี่กลับมาได้ เธอต้องเปลืองกระสายยาไปตั้งเท่าไหร่

รอบนี้ม่านเมรีชนะไปได้อย่างง่ายดายตามคาด คิดไม่ถึงเลยว่าวิชาความรู้ที่พระองค์พร่ำสอนมา นางก็เอาออกมาใช้เป็นเครื่องมือตามตัวอนุบิสก็ได้ ช่างน่ากลัวเกินไปเสียแล้วทารกน้อยของข้า แต่คิดอีกทีก็ดีเหมือนกัน แบบนี้ค่อย ๆ สมกับที่เป็นว่าที่ชายาเทพแห่งความตายขึ้นมาหน่อย

ภายใต้การอบรมสั่งสอนอย่างเคี่ยวกรำของเทพธอธ เป็นครั้งแรกที่พระองค์รู้สึกภาคภูมิใจในตัวศิษย์สาวจนถึงขึ้นพระสรวลเสียงดังออกมา
“ต้องอย่างนี้สิเมรี ถึงจะสมกับเป็นศิษย์ข้า ราชาพิษ!!” นอกจากจะเป็นเทพแห่งการเวลาแล้ว เพราะองค์ยังทรงเป็นราชาแห่งการใช้พิษ และถือครองบทสวดแห่งความตายด้วย

“ถือว่าพอใช้ได้ นี่ถ้าข้าลงแข่งมีหรือที่นางจะชนะ” เทพอนุบิสขัดขึ้น พิษระดับนั้นไม่ระคายพระอามาศรัยของพระองค์เสียด้วยซ้ำ แน่ละผู้ใดกันจะทำอันตรายเทพแห่งความตายได้ !!

ม่านเมรีก้าวลงจากเวทีการประลองด้วยสีหน้าเบิกบานใจ แม้ไม่มีผู้ใดได้เห็นสีหน้านั้นของนางแต่ผู้เป็นอาจารย์กับเมอริคาเรก็รู้ดีเพราะอยู่ร่วมกันมานาน เทพธอธส่ายพระเศียรไปมาอย่างเอ็นดู แล้วทอดพระเนตรมองศิษย์อีกคนที่กำลังก้าวขึ้นประลองบ้าง
ชนะเห็น ๆ ดูจากต้นพืชที่ม่านเมรีให้นางไปก็ตัดสินได้ !!




รรรรรรณ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 16 พ.ย. 2556, 18:29:20 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 16 พ.ย. 2556, 18:31:48 น.

จำนวนการเข้าชม : 1002





<< ตอนที่ 5 ศึกษา เล่าเรียน   ตอนที่ 7 รอบตัดเชือก >>
ร้อยวจี 16 พ.ย. 2556, 20:28:09 น.
สะใจมากเป็นการแข่งขันที่สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ส่งมาให้อ่านอีกตอน อ่านไปก็ยิ้มไปกับนางเอกที่แข่งเรื่องยา รีบมาอัพอีกนะคะ รอค่ะ


Zephyr 16 พ.ย. 2556, 20:43:20 น.
เออะ เมรีจ๊ะ สงสัยต้องคิดสูตรใหม่ สูตรนี้ไม่ระคายพระสวามีในอนาคตหรอกเนอะ
เส้นทางสู่พระชายาแห่งเทพความตายเริ่มเปิดโล่ง อาจจะมีปัญหาแม่สามีสักเล็กน้อย
แล้วเส้นทางสู่พระชายาแห่งนภากาศละ จะทำไงดี
ตกลงเมอริตคู่กะใครแน่เนี่ย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account