รักดังฝัน
เขา นิมมาน อดีตชาติเป็นถึงพระยานิมมาน ผู้ที่มีใจปฏิพัทธ์ต่อลูกสาวของศัตรู จนตัวตาย เขาก็พร้อมยกวิญญา แก่ยาใจที่รักสมิตาเพียงผู้เดียว แต่ผ่านมาพันปี นิมมานก็พบว่าความรักของเขาหมดลง ไอ้รักนิรันดร์ไม่มีจริงหรอก “ชาตินี้เจ้าจะแต่งงานกับใครก็ช่าง แต่ก่อนเจ้าจะพบกับไอ้มนุษย์เนื้อคู่ของเจ้า ข้าจะทำให้เจ้ารักข้าให้ได้ก่อน”
เธอ สมิตานัน ผู้หญิงสวย ดำรงตำแหน่งพิธีกรรายการดัง หลอนดีนัก...เดี๋ยวจัดให้ แต่จริงแล้ว คนที่ทำเก่งหน้าจอ แท้จริงกลับกลัวผีขึ้นสมอง ทั้งที่ไม่เคยเจอ แต่พอปุบปับกระหน่ำได้เจอจริง สมิตานันก็อยากให้ทุกอย่างเป็นแค่ฝัน...เอ หรือที่จริงเธอไม่ได้ฝัน
เธอ สมิตานัน ผู้หญิงสวย ดำรงตำแหน่งพิธีกรรายการดัง หลอนดีนัก...เดี๋ยวจัดให้ แต่จริงแล้ว คนที่ทำเก่งหน้าจอ แท้จริงกลับกลัวผีขึ้นสมอง ทั้งที่ไม่เคยเจอ แต่พอปุบปับกระหน่ำได้เจอจริง สมิตานันก็อยากให้ทุกอย่างเป็นแค่ฝัน...เอ หรือที่จริงเธอไม่ได้ฝัน
Tags: หลอนโรแมนติก แฟนตาซี นิมมาน สมิตา
ตอน: บทที่ 16 : โลกใบใหม่
การที่เธอยังครองสติอยู่บนโลกผิดเพี้ยนอย่างกับเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ขั้วแม่เหล็กของโลกจนชีวิตที่เธอรู้จักหายไป หรือโดนทวีปซ้อนทับแผ่นดินมุดไปอยู่ในโลก ดีเท่าไหร่ที่เธอไม่กรีดร้องสติแตก หรือเอะอะอาละวาดเป็นอีบ้าสักคน เมื่อหยิบโทรศัพท์เครื่องใหม่ที่มีรูปคู่ของเธอกับเขาขึ้นมากดดู มันไม่น่าตกใจเท่ากับระยะเวลาวันที่บนหน้าจอ ที่มันผ่านจากวันที่เธอนั่งดูหนังผีเฟรดดี้ ครูกเกอร์มาเกือบหนึ่งปี...หนึ่งปี
แค่นึกสมิตานันก็รู้สึกมีอากาศตีมวนในท้องจนอยากอาเจียน โลกอันตั้งตรงดูหมุนไหวไปมา สิ่งเดียวที่ทำได้คือการกดเปลี่ยนรูปหน้าจอโทรศัพท์ไปอย่างเคืองแค้น และปิดเครื่องป้องกันการโทรตามตัวจากเขา...โกรธตัวเองที่จำอะไรไม่ได้ และโกรธที่มีใครมาเล่นตลกร้ายกับเธอ บางทีโทรศัพท์เครื่องนี้อาจหลอกเธอ
เมื่อชั่วโมงก่อนพอเธอจัดการอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยด้วยชุดรัดกุม เสื้อคอกระบอกแขนยาว กระโปรงลายดอกไม้ผ้าพริ้วยาวกรอมเท้า หยิบกระเป๋าเงินของตัวเองที่โชคดีว่ายังเป็นใบปุๆ ใบเดิมของเธอ กับโทรศัพท์เครื่องหนึ่งซึ่งมีเคสสีหวานชมพูจนน่าขนลุก น่าจะเป็นของเธอติดมือมาด้วย อาศัยช่วงเวลาที่เจ้าบ้านสาละวนกับการทำอาหารหน้ายิ้มแย้ม กลิ่นหอมของสปาเกตตี้ขี้เมาถึงยั่วยวนน้ำย่อยในกระเพาะให้หิวจนต้องกลืนน้ำลายลงคอไปหลายอึก หญิงสาวก็ต้องตัดใจ
ทนอยู่ในที่ที่เธอไร้ซึ่งความทรงจำไม่ได้จริงๆ...มันรู้สึกแปลกหน้า ไม่ไว้ใจ
คิดมาเท่านี้ หญิงสาวเผลอห่อไหล่ กอดกระชับกายตัวเอง ในใจเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น จะเหลือใครบ้างที่ยังเข้าใจเธอ...ปาริตา ชื่อของเพื่อนรักเพียงคนเดียวหลุดมา ยามนี้จิตแพทย์อาจเหมาะกับเธอที่สุด ไม่จำเป็นต้องบ้าก็ไปตรวจได้ เพราะเธอว่าอีกไม่นาน เธออาจต้องขอแอดมิดอยู่ในความดูแลของปาริตาแบบถาวร หากยังทำความเข้าใจกับเรื่องเหล่านี้ไม่ได้
“ถึงแล้วหนู” เสียงลุงคนขับแท็กซี่ปลุกสติที่กำลังจมดิ่งให้เข้าที่เข้าทาง หญิงสาวหยิบแบงค์สีม่วงส่งให้ลุง เขม้นมองเงินในกระเป๋าที่มีมากกว่าเดิมด้วยความไม่เข้าใจอีกคำรอบ...ปกติเธอมันแชมป์กระเป๋าแบน เงินน้อย เกือบไม่ชนเดือน ทั้งยังต้องส่งให้แม่อีก
เธอจึงไม่ได้รอเงินทอน ถือเสียว่าเอาเงินช่วยชีวิตคนอื่นบ้าง เผื่อเรื่องบ้าๆ ในโลกของเธอจะหยุดการผิดเพี้ยนเสียที
บ้านหลังเล็กน่ารักของเธอ จะเป็นอย่างไรบ้าง...หญิงสาวนึกไปอย่างปลิดปลง หลับตากลั้นใจหันหลังเตรียมเผชิญความจริง ลืมตาขึ้นมาข้างหนึ่ง แต่เพียงแค่นั้น ความเปลี่ยนแปลงของมันก็ทำให้เท้าของสมิตานันถอยหลังลงไปในถนน หลับตากรีดร้องอย่างอดไม่อยู่
แรงกระตุกข้อมือของเธอสุดแรงเกิดจนเซล้มก้นจ้ำเบ้ากับพื้น ปากเหยเกกับอาการเจ็บ เฉียดฉิวกับรถคันหนึ่งที่แล่นผ่านหลังไปขนาดสัมผัสลมร้อนได้ เงยหน้าขึ้นมองก็พบผู้หญิงสวยจัดคนหนึ่ง ยืนค้ำทำหน้าถมึงทึง เท้าสะเอวเอาเรื่องเธออยู่
“ยัยตี้...ประสาทกลับหรือไงยะ หรืออยากรถชนตายประชดชีวิตคืนเข้าหอ มันระทมทุกข์ กลืนยาขมมากหรือไง นี่ฉันยอมสละให้เธอ ตัดใจจากปอมตั้งนาน แล้วดูนี่ซิ เป็นอะไร” ริยากรขมวดคิ้วมองอาการคนตาค้าง ยกมือโบกไปมา “เป็นอะไร ทำไมไม่พูดสวนกลับมาอย่างทุกที ตี้”
“คุณเป็นใคร...แล้วทำไมบ้านฉัน” ใบหน้าขาวซีดเผือดมองตรงไปยังร้านดอกไม้สวยงาม ประตูทางเข้ารั้วร้านนั้นถูกตั้งเป็นอุโมงค์ต้นไม้ขนาดย่อม ที่เกิดจากการทำเหล็กดัดเป็นหลังคาปล่อยให้ไม้เลื้อยไปอย่างอิสระ ออกดอกหลากสีสวย ตัวบ้านของเธอถูกเปลี่ยนเป็นอาคารสองชั้น มีลูกค้าเดินเข้าออกไม่ได้ขาด
นี่มันเรื่องบ้าอะไร...เธอต้องการใครก็ได้สักคนมานั่งอธิบายทุกเรื่องให้เธอรู้...ใครสักคน
“ตี้เธอเป็นอะไร ฉันก็พี่สาวเธอไง นี่สมองกลับไปไหน”
“ฉันไม่รู้จักคุณ”
“ตี้” ริยากรเรียกเสียงดุ มองน้องสาวในไส้ที่กำลังทำท่าตาเหลือกเหมือนโดนผีหลอกกลางวันแสกๆ “เป็นอะไร นี่เธอไม่รู้จักพี่ที่เกิดมาก่อนเธอไม่กี่ปีเนี่ยนะ”
ก็แล้วเคยมีพี่สาวตั้งแต่เมื่อไหร่...น้องชายต่างบิดาก็ว่าไปอย่าง
“จะนั่งอีกนานไหม มาเล่นละครให้พี่ตกใจหรือไง ลุกเลย เลิกนั่งเอ๋อกินแมลงวันได้แล้ว”
พอตั้งสติได้ สมิตานันก็เริ่มตั้งสติ หากเธอไม่เตรียมใจตั้งรับการเปลี่ยนแปลงของโลกใบนี้ให้มั่นคง สติเสริมใยเหล็ก เธอได้สติแตกยิ่งกว่าวิ่งหนีผีอีกแน่ สิ่งที่เธอกำลังเผชิญมันน่ากลัวกว่าผีตั้งเท่าไหร่
อย่างน้อยๆ สิ่งที่มั่นใจได้ในเวลานี้ก็คือ...เธอไม่ได้ฝันไปแน่นอน
“แกล้งนิดแกล้งหน่อย ต้อนรับชีวิตไม่โสดไงคะ”
“เกือบตายเนี่ยนะ” คนเป็นพี่สะพายเป้ทำงานไว้ด้านข้างกล่าวกระแนะกระแหน ปล่อยให้สมิตานันลุกขึ้นยืนอย่างทุลักทุเล “เดี๋ยวเป็นอะไรขึ้นมาได้โดนพี่ปอมของเธอฉีกอกตายกันพอดี”
คนโดนว่าเม้มปาก ไม่อยากทะเลาะ ตอนนี้แค่ไม่ทำให้คนรอบข้างแตกตื่นกับตัวเอง จนกลายเป็นมองเธอเป็นตัวแปลกแยกก็พอ...รับสภาพ และใช้สมองค้นหาว่าเธอมาตื่นในวันหลังแต่งงานได้อย่างไร ไปมีพี่สาวตั้งแต่เมื่อไหร่ และบ้านของเธอ เป็นร้านดอกไม้ไปแล้ว
รายการหลอนดีนักของเธอไปอยู่ที่ไหนแล้วล่ะ...
เอาวะตี้ กลืนๆ ไปกับเขาก่อน ไม่อย่างนั้นจะแตกตื่นจนไม่ทันให้เธอได้อธิบายอะไรเพิ่มเติม...มันยิ่งกว่าโรคประหลาด เพราะเธอเหมือนมาจากอีกโลกที่เหมือนจะเป็นโลกนี้ แต่ไม่ใช่
สมิตานันยิ้มเผล่เหมือนเด็กขี้แกล้ง ยกมือเกาศีรษะให้ยุ่ง ใช้สมองของตัวเองเรียบเรียงเรื่องโกหก “ก็เห็นเครียดๆ กัน ตี้ก็เลยอยากแกล้ง รู้ไหมว่าตี้ก็แกล้งพี่ปอมแบบนี้ ออกมาก็ไม่ได้บอก มือถือก็ปิด ป่านนี้บ้านแตก” หัวเราะเสียงใสปิดท้าย ก่อนร้องโอดโอยโดนคนเป็นพี่หยิกเข้าที่เอว
ว่าแต่พี่สาวแสนสวยตรงหน้าเธอนี่ชื่ออะไรล่ะ...คุ้นๆ กับใบหน้า แต่นึกไม่ออกว่าเคยพบที่ไหน
“ตี้” รถยุโรปจอดเทียบด้านข้างตัวเธอ ผู้ชายหน้าดุ จอดรถแบบไม่เกรงใจชาวบ้านหน้าไหนลงมาหน้าถมึงทึง พร้อมเอาเรื่องคนไม่รู้เรื่องใดๆ อย่างเธอเต็มกำลัง “ทำไมหนีออกมาแบบนี้ พี่บอกจะทำข้าวให้กิน แล้วนี่ลุกไหวแล้ว แข็งแรงจริงๆ นี่พี่ยังเพลียๆ จากเมื่อคืนอยู่เลย”
อีตาบ้า พูดอะไรออกมาไม่อายฟ้าอายดิน... เธอนึกเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน แก้มร้อนผ่าว ยิ่งสายตาล้อเลียนจากพี่สาวที่กำลังหัวเราะเยาะกรายๆ นั่นอีก อารมณ์อายผสมบูดอย่างกับได้กลิ่นอาหารหมักดองพานแสดงออกมาทางสีหน้า ปากยื่นงอน
“ไม่หิว ไม่กิน ไม่มีอารมณ์ ก็แล้วทำไม คะ” เว้นจังหวะพอให้ลงท้ายแบบกระทั้นนิดหนึ่ง เดินกะเผลกเพราะล้มไปเมื่อก่อนหน้าเข้าไปในร้าน พอเห็นว่านิมมานกำลังเดินตามมา ร่างของเธอก็รีบเพิ่มสปีตการเดิน กลายเป็นวิ่งปึงปังหนีการเข้าถึงตัวเขาไปยังห้องชั้นสอง โดยไม่สนใจสายตาใครหน้าไหนทั้งสิ้น
เสียงเคาะห้องดังกระหน่ำอยู่หลายที สมิตานันได้แต่เดินวนเวียนไปมา เจอหน้าเขาอาการของเธอก็แสดงออกเอง ทำไมเธอถึงทำเป็นปั้นหน้ายิ้มโลกสวย คิดบวก แล้วก็ลัลล้ากับชีวิตใหม่นี้ไปเสียสิ ง่ายๆ อย่างนั้นมันคงมีอยู่ในหนังสือพัฒนาความคิด เอามาใช้ได้เศษเสี้ยวของทั้งหมด
“ไอ้ตี้ใจเย็นๆ ห้ามทำอะไรแปลก อย่าทำให้เขารู้เด็ดขาด แล้วฉันจะแสดงไปได้อีกนานแค่ไหน”
บ่มพึมความฟุ้งซ่านยังไม่ทันหมด เสียงของคนอีกฟากประตูก็ดังทะลุเข้าหัวเธออย่างน่าตกใจ
“ตี้ ถ้าไม่เปิดพี่พังประตูนะ” ไอ้บ้าพลัง...สมิตานันนึกหงุดหงิด แต่ยอมเปิดประตูออกมาหน้าง้ำ ไม่รู้อะไรอีกนอกจากโดนดุนเข้ามาด้านใน แล้วเขาก็ตามเข้ามา ปิดประตูตามหลัง หันมาต้อนเธอ ทำตาดุ เดินย่างเท้ากระชั้นมาเรื่อย จนเธอต้องถอยตาม ถอยไปได้ไม่กี่ก้าวก็ติดขอบเตียง พอรู้ว่าตัวเองกำลังจนมุม สมิตานันเริ่มตั้งใจจะหาช่องทางหนี จินตนาการว่าตัวเองเป็นน้องหมาตัวน้อยลอดใต้หว่างแขนเขา แต่ลอดไปได้ครึ่งตัว ก็โดนจับทุ่มลงบนที่นอน ถึงเขาโอบตัวเธอไว้ ใช้แขนรับน้ำหนัก แต่แรงไม่เบาก็ทำเธอจุก
“จะฆ่ากันหรือไง”
“ตี้ต่างหากเป็นอะไร เอะอะหนี เอะอะทำมึน ทำเบลอ มีอะไรก็บอกพี่สิ พี่ทำอะไรไม่พอใจ หรือเมื่อคืนพี่ทำตี้โกรธ”
“ไม่ใช่” สวนกลับไปหน้าแดงก่ำ ขบริมฝีปาก เบือนหน้าหนี สัมผัสเย็นบนนิ้วนางข้างซ้าย ตอกย้ำว่าเขามีสิทธิ์ในตัวเธอทุกประการ แต่การเอาเรื่องเมื่อคืนซึ่งเธอจำไม่ได้สักกะนิดมากล่าวถึงแบบไม่อายใคร หน้าหนาแบบนี้เธอก็อายเป็น...ความทรงจำไม่เหลือ แต่หลักฐานบนร่างกายยังมี
“แล้วเรื่องอะไร” ลูบไรผมข้างแก้มเก็บข้างหู มองดวงหน้าสวยสะดุดตาด้วยรอยยิ้ม อาการเขินหน้าแดง ถึงไม่สบตากันก็รู้สึก “ตี้แปลกไปนะ แค่คืนเดียว ถ้าไม่ใช่เรื่องนั้น จะให้พี่คิดไปถึงสาเหตุไหนได้อีก”
หยุดพูดเถอะ ยิ่งพูดยิ่งอยากเอาหน้าฝังลงดิน...สมิตานันลืมตาหันมาถลึงมองคนช่างพูด ช่างหลงตัวเอง ทันได้เห็นเขาหัวเราะอารมณ์ดี...หน้าเธอเหมือนโบโซ่นักหรือไง
“ตี้ มีอะไรหืม”
“เปล่าค่ะ”
“แน่ใจ...หรืองอนที่พี่บอกว่าฮันนีมูนต้องรอไปอีกสามเดือน”
กรี๊ดดดด...ตานี่คิดเป็นแต่เรื่องพรรค์นั้นหรือไง สมิตานันชักคิดว่าการเสแสร้งของตัวเองจะไม่ค่อยได้ผลมากขึ้นทุกที ลองพ่นๆ ชื่อบุคคลที่เธอรู้จักออกมาในยามนี้พิสูจน์ทฤษฎีของเธอก็ได้
หากชีวิตเธอเปลี่ยนแปลงไปหมด อย่างน้อยๆ เธอต้องรู้ว่าเพื่อนพ้องน้องพี่เป็นอย่างไร
“ตี้แค่อยากมาหามิลัน หมอธี ไปหาเจ๊มล พุทธา เท่านั้นเอง”
“ผู้ชายสามคน นี่กะให้พี่หึงควันออกหูใช่ไหม”
กรี๊ดดดด แปลว่าบุคคลที่เธอรู้จักมีตัวตน ฮือ มันน่าดีใจที่สุด พอๆ กับรู้ว่าไททานิคจะไม่ชนกับภูเขาน้ำแข็ง ยังถือว่าฟ้ายังปรานีผู้หญิงหน้าสวยอย่างเธอบ้าง “ก็ตี้อยากเจอพวกเขา”
“เมื่อวานยังเจอไม่พอหรือไง หมอธีมันทำหน้าละห้อยตอนงานเมื่อวาน พี่เห็นแล้วอยากท้ามวยสักยก”
“เก่งจริงจริ๊งพ่อคุณ” พูดจบเธอก็ได้รับการลงโทษเป็นการเอาจมูกมาชนจมูก พาหัวใจเธอโยกเต้นจังหวะแทงโก้ผสมวอลซ์สนุกสนานกันจนอีกคนจับได้ด้วยรอยยิ้ม
“หัวใจของตี้บอกว่าพร้อมแล้ว” สายตาวิบวับ หันมองเตียงนอนขนาดเล็กเป็นประกาย
“ไม่พร้อมอะไรทั้งนั้นค่ะ” ใช้แรงทั้งหมดผลักคนตัวโตให้ลุกขึ้นยืนเรียบร้อย สองมือนวดขมับไปมา ปิดบังอาการเครียดไว้ไม่มิด
เจอมนุษย์จอมหื่นแบบนี้เธอจะรับมืออย่างไรเล่า... “ถ้ารุ่มร่ามกับตี้ตอนที่ยังไม่พร้อม ตี้จะหนีไปให้ไกลเลย”
“ตี้”
“ไม่ ตี้จะปล่อยให้พี่ปอมเอาเปรียบไปมากกว่านี้ไม่ได้ค่ะ จนกว่าตี้จะเจอเพื่อน ตกลงไหม” เหตุผลบางเบา ไร้น้ำหนักของเจ้าสาวหมาดๆ ดูก็รู้ว่าผู้ชายจอมหื่นอย่างเขาไม่มีวันยอมอดทนรอแน่นอน
“ต้องมาจากเรื่องเมื่อคืนแน่ๆ พี่ทำให้ตี้ไม่พอใจมากใช่ไหม ตี้ถึงรังเกียจ” นิมมานทำสุ้มเสียงเศร้า หน้าหงอย สายตาลุแก่โทษมองตรงมา จนสมิตานันได้แต่กำมือแน่นไม่ให้หลุดเสียงกรี๊ด
หน็อย มารยาชายคิดว่าเธอดูไม่ออกหรือไงกัน
เห็นไหล่ลู่ตก หมดสภาพของชายหนุ่ม สมิตานันได้แต่ใจอ่อนทอดถอนใจ พูดในสิ่งที่ตัวเองอยากจะกัดลิ้น เขาไม่รู้หรอกว่าเธอต้องกลั้นใจมากแค่ไหน
“สัญญาว่าระยะเวลาเตรียมตัวของตี้ อย่างน้อยๆ ก็จะนอนที่บ้านทุกวัน ไม่หนีหายไปไหน”
“นั่นมันยิ่งทรมาน”
“หรือไม่ต้องการคะ” เลิกคิ้วถามอย่างเป็นต่อ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ดูมีเสน่ห์เย้ายวน นิมมานรู้สึกว่าเขาแพ้ทางสมิตานันไปซะทุกอย่าง
“ตกลง...แต่ถ้าตี้ต้านทานเสน่ห์พี่ไม่ได้ขึ้นมา มันก็อีกเรื่องนะ”
เอ่อ ผู้ชายคนนี้ช่าง...หญิงสาวเกือบจะหลุดหัวเราะกับความมั่นใจของเขา ผู้ชายอะไรช่างไม่ถ่อมตน ในหัวก็เอาแต่คิดเรื่องอย่างว่าเต็มไปหมด
“ตามใจค่ะ ตี้เองก็อยากรู้นักว่าพี่ปอมมีเสน่ห์แค่ไหน ไม่ใช่ว่าพี่ปอมเองต่างหากที่จะแพ้เสน่ห์ของตี้” ยื่นนิ้วไปลูบแก้มคร้ามคมแผ่วเบา พอให้คนโดนจั๊กจี้ แล้วตบด้วยแรงไม่เบานักให้เขาต้องตื่น ยิ้มกวนใส่ตาเขา “ขอเวลาที่เหลือนะคะ”
“อย่างนี้พี่ต้องกินข้าวคนเดียว แล้วก็เจ้าถึกอีกตัวสิ”
ถึก...ชื่อของบางสิสะดุดใจเธออีกครั้ง ภาพบางอย่างแวบเข้ามาในหัว แต่มันผ่านไปเร็วจนเธอไม่รู้ว่าอะไรที่ตกค้างอยู่ในความทรงจำของเธอบ้าง
“จะรีบกลับบ้านนะคะพี่ปอม”
นิมมานมองร่างระหงของภรรยาเดินจากไปด้วยความสงสัย ถึงเธอจะพยายามทำตัวปกติ หรือบางเวลาแปลก ในระยะเวลาไม่กี่ชั่วโมง สมิตานันก็ยิ่งทำให้ชายหนุ่มเป็นห่วง...มีอะไรทำไมไม่บอกเล่าให้เขารู้
วันแต่งงานหวานชื่นเมื่อวาน เทียบกับวันนี้เหมือนดูหนังคนละม้วน เป็นหนังดราม่า อนาคตจะเป็นอย่างไร...ที่แน่ๆ คือเขาไม่มีวันปล่อยให้ความรักครั้งนี้ล่มไม่เป็นท่าเป็นอันขาด
ถึงจะไม่เคยได้ยินคำว่ารักจากปากสมิตานันสักครั้ง แต่เขาก็เชื่อว่าลึกๆ ในหัวใจของทั้งเขาและเธอตรงกัน
............................................................................
คุณ konhin เรื่องก็ยังอธิบายอะไรไม่มาก นอกจากรู้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงในชีวิตตี้ โดยเฉพาะนิสัยพี่ปอม
คุณ mhengjhy ยังต้องปวดหัวอีกนานค่ะ รู้สึกเรื่องนี้พี่ปอมทั้งอดีต ปัจจุบัน จะทรมานเพราะตี้กันถ้วนหน้า
คุณ นักอ่านเหนียวหนึบ ทำไมเขียนได้ทำร้ายพี่ปอมนักก็ไม่รู้ค่ะ ฮา แต่นิสัยพี่ปอมเองก็น่าจะพากรี๊ดกร๊าดได้บ้างนะคะ ไม่เครียดแล้วเนอะ แอบไขว้นิ้ว ไว้มาคลี่ปมพร้อมๆ ตี้กันค่ะ
คุณ รักเร่ มาต่อแล้วค่ะ พาพี่ปอมนิสัยใหม่มาเปิดตัวอีกรอบ เรื่องนี้มีนิมมานสามเวอร์ชั่นกันเลยทีเดียว ฮา
ขอบคุณนักอ่านทุกท่านค่า รวมทั้งคอมเมนต์ ไลค์ด้วย แล้วก็นักอ่านเงาค่า ^^
แค่นึกสมิตานันก็รู้สึกมีอากาศตีมวนในท้องจนอยากอาเจียน โลกอันตั้งตรงดูหมุนไหวไปมา สิ่งเดียวที่ทำได้คือการกดเปลี่ยนรูปหน้าจอโทรศัพท์ไปอย่างเคืองแค้น และปิดเครื่องป้องกันการโทรตามตัวจากเขา...โกรธตัวเองที่จำอะไรไม่ได้ และโกรธที่มีใครมาเล่นตลกร้ายกับเธอ บางทีโทรศัพท์เครื่องนี้อาจหลอกเธอ
เมื่อชั่วโมงก่อนพอเธอจัดการอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยด้วยชุดรัดกุม เสื้อคอกระบอกแขนยาว กระโปรงลายดอกไม้ผ้าพริ้วยาวกรอมเท้า หยิบกระเป๋าเงินของตัวเองที่โชคดีว่ายังเป็นใบปุๆ ใบเดิมของเธอ กับโทรศัพท์เครื่องหนึ่งซึ่งมีเคสสีหวานชมพูจนน่าขนลุก น่าจะเป็นของเธอติดมือมาด้วย อาศัยช่วงเวลาที่เจ้าบ้านสาละวนกับการทำอาหารหน้ายิ้มแย้ม กลิ่นหอมของสปาเกตตี้ขี้เมาถึงยั่วยวนน้ำย่อยในกระเพาะให้หิวจนต้องกลืนน้ำลายลงคอไปหลายอึก หญิงสาวก็ต้องตัดใจ
ทนอยู่ในที่ที่เธอไร้ซึ่งความทรงจำไม่ได้จริงๆ...มันรู้สึกแปลกหน้า ไม่ไว้ใจ
คิดมาเท่านี้ หญิงสาวเผลอห่อไหล่ กอดกระชับกายตัวเอง ในใจเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น จะเหลือใครบ้างที่ยังเข้าใจเธอ...ปาริตา ชื่อของเพื่อนรักเพียงคนเดียวหลุดมา ยามนี้จิตแพทย์อาจเหมาะกับเธอที่สุด ไม่จำเป็นต้องบ้าก็ไปตรวจได้ เพราะเธอว่าอีกไม่นาน เธออาจต้องขอแอดมิดอยู่ในความดูแลของปาริตาแบบถาวร หากยังทำความเข้าใจกับเรื่องเหล่านี้ไม่ได้
“ถึงแล้วหนู” เสียงลุงคนขับแท็กซี่ปลุกสติที่กำลังจมดิ่งให้เข้าที่เข้าทาง หญิงสาวหยิบแบงค์สีม่วงส่งให้ลุง เขม้นมองเงินในกระเป๋าที่มีมากกว่าเดิมด้วยความไม่เข้าใจอีกคำรอบ...ปกติเธอมันแชมป์กระเป๋าแบน เงินน้อย เกือบไม่ชนเดือน ทั้งยังต้องส่งให้แม่อีก
เธอจึงไม่ได้รอเงินทอน ถือเสียว่าเอาเงินช่วยชีวิตคนอื่นบ้าง เผื่อเรื่องบ้าๆ ในโลกของเธอจะหยุดการผิดเพี้ยนเสียที
บ้านหลังเล็กน่ารักของเธอ จะเป็นอย่างไรบ้าง...หญิงสาวนึกไปอย่างปลิดปลง หลับตากลั้นใจหันหลังเตรียมเผชิญความจริง ลืมตาขึ้นมาข้างหนึ่ง แต่เพียงแค่นั้น ความเปลี่ยนแปลงของมันก็ทำให้เท้าของสมิตานันถอยหลังลงไปในถนน หลับตากรีดร้องอย่างอดไม่อยู่
แรงกระตุกข้อมือของเธอสุดแรงเกิดจนเซล้มก้นจ้ำเบ้ากับพื้น ปากเหยเกกับอาการเจ็บ เฉียดฉิวกับรถคันหนึ่งที่แล่นผ่านหลังไปขนาดสัมผัสลมร้อนได้ เงยหน้าขึ้นมองก็พบผู้หญิงสวยจัดคนหนึ่ง ยืนค้ำทำหน้าถมึงทึง เท้าสะเอวเอาเรื่องเธออยู่
“ยัยตี้...ประสาทกลับหรือไงยะ หรืออยากรถชนตายประชดชีวิตคืนเข้าหอ มันระทมทุกข์ กลืนยาขมมากหรือไง นี่ฉันยอมสละให้เธอ ตัดใจจากปอมตั้งนาน แล้วดูนี่ซิ เป็นอะไร” ริยากรขมวดคิ้วมองอาการคนตาค้าง ยกมือโบกไปมา “เป็นอะไร ทำไมไม่พูดสวนกลับมาอย่างทุกที ตี้”
“คุณเป็นใคร...แล้วทำไมบ้านฉัน” ใบหน้าขาวซีดเผือดมองตรงไปยังร้านดอกไม้สวยงาม ประตูทางเข้ารั้วร้านนั้นถูกตั้งเป็นอุโมงค์ต้นไม้ขนาดย่อม ที่เกิดจากการทำเหล็กดัดเป็นหลังคาปล่อยให้ไม้เลื้อยไปอย่างอิสระ ออกดอกหลากสีสวย ตัวบ้านของเธอถูกเปลี่ยนเป็นอาคารสองชั้น มีลูกค้าเดินเข้าออกไม่ได้ขาด
นี่มันเรื่องบ้าอะไร...เธอต้องการใครก็ได้สักคนมานั่งอธิบายทุกเรื่องให้เธอรู้...ใครสักคน
“ตี้เธอเป็นอะไร ฉันก็พี่สาวเธอไง นี่สมองกลับไปไหน”
“ฉันไม่รู้จักคุณ”
“ตี้” ริยากรเรียกเสียงดุ มองน้องสาวในไส้ที่กำลังทำท่าตาเหลือกเหมือนโดนผีหลอกกลางวันแสกๆ “เป็นอะไร นี่เธอไม่รู้จักพี่ที่เกิดมาก่อนเธอไม่กี่ปีเนี่ยนะ”
ก็แล้วเคยมีพี่สาวตั้งแต่เมื่อไหร่...น้องชายต่างบิดาก็ว่าไปอย่าง
“จะนั่งอีกนานไหม มาเล่นละครให้พี่ตกใจหรือไง ลุกเลย เลิกนั่งเอ๋อกินแมลงวันได้แล้ว”
พอตั้งสติได้ สมิตานันก็เริ่มตั้งสติ หากเธอไม่เตรียมใจตั้งรับการเปลี่ยนแปลงของโลกใบนี้ให้มั่นคง สติเสริมใยเหล็ก เธอได้สติแตกยิ่งกว่าวิ่งหนีผีอีกแน่ สิ่งที่เธอกำลังเผชิญมันน่ากลัวกว่าผีตั้งเท่าไหร่
อย่างน้อยๆ สิ่งที่มั่นใจได้ในเวลานี้ก็คือ...เธอไม่ได้ฝันไปแน่นอน
“แกล้งนิดแกล้งหน่อย ต้อนรับชีวิตไม่โสดไงคะ”
“เกือบตายเนี่ยนะ” คนเป็นพี่สะพายเป้ทำงานไว้ด้านข้างกล่าวกระแนะกระแหน ปล่อยให้สมิตานันลุกขึ้นยืนอย่างทุลักทุเล “เดี๋ยวเป็นอะไรขึ้นมาได้โดนพี่ปอมของเธอฉีกอกตายกันพอดี”
คนโดนว่าเม้มปาก ไม่อยากทะเลาะ ตอนนี้แค่ไม่ทำให้คนรอบข้างแตกตื่นกับตัวเอง จนกลายเป็นมองเธอเป็นตัวแปลกแยกก็พอ...รับสภาพ และใช้สมองค้นหาว่าเธอมาตื่นในวันหลังแต่งงานได้อย่างไร ไปมีพี่สาวตั้งแต่เมื่อไหร่ และบ้านของเธอ เป็นร้านดอกไม้ไปแล้ว
รายการหลอนดีนักของเธอไปอยู่ที่ไหนแล้วล่ะ...
เอาวะตี้ กลืนๆ ไปกับเขาก่อน ไม่อย่างนั้นจะแตกตื่นจนไม่ทันให้เธอได้อธิบายอะไรเพิ่มเติม...มันยิ่งกว่าโรคประหลาด เพราะเธอเหมือนมาจากอีกโลกที่เหมือนจะเป็นโลกนี้ แต่ไม่ใช่
สมิตานันยิ้มเผล่เหมือนเด็กขี้แกล้ง ยกมือเกาศีรษะให้ยุ่ง ใช้สมองของตัวเองเรียบเรียงเรื่องโกหก “ก็เห็นเครียดๆ กัน ตี้ก็เลยอยากแกล้ง รู้ไหมว่าตี้ก็แกล้งพี่ปอมแบบนี้ ออกมาก็ไม่ได้บอก มือถือก็ปิด ป่านนี้บ้านแตก” หัวเราะเสียงใสปิดท้าย ก่อนร้องโอดโอยโดนคนเป็นพี่หยิกเข้าที่เอว
ว่าแต่พี่สาวแสนสวยตรงหน้าเธอนี่ชื่ออะไรล่ะ...คุ้นๆ กับใบหน้า แต่นึกไม่ออกว่าเคยพบที่ไหน
“ตี้” รถยุโรปจอดเทียบด้านข้างตัวเธอ ผู้ชายหน้าดุ จอดรถแบบไม่เกรงใจชาวบ้านหน้าไหนลงมาหน้าถมึงทึง พร้อมเอาเรื่องคนไม่รู้เรื่องใดๆ อย่างเธอเต็มกำลัง “ทำไมหนีออกมาแบบนี้ พี่บอกจะทำข้าวให้กิน แล้วนี่ลุกไหวแล้ว แข็งแรงจริงๆ นี่พี่ยังเพลียๆ จากเมื่อคืนอยู่เลย”
อีตาบ้า พูดอะไรออกมาไม่อายฟ้าอายดิน... เธอนึกเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน แก้มร้อนผ่าว ยิ่งสายตาล้อเลียนจากพี่สาวที่กำลังหัวเราะเยาะกรายๆ นั่นอีก อารมณ์อายผสมบูดอย่างกับได้กลิ่นอาหารหมักดองพานแสดงออกมาทางสีหน้า ปากยื่นงอน
“ไม่หิว ไม่กิน ไม่มีอารมณ์ ก็แล้วทำไม คะ” เว้นจังหวะพอให้ลงท้ายแบบกระทั้นนิดหนึ่ง เดินกะเผลกเพราะล้มไปเมื่อก่อนหน้าเข้าไปในร้าน พอเห็นว่านิมมานกำลังเดินตามมา ร่างของเธอก็รีบเพิ่มสปีตการเดิน กลายเป็นวิ่งปึงปังหนีการเข้าถึงตัวเขาไปยังห้องชั้นสอง โดยไม่สนใจสายตาใครหน้าไหนทั้งสิ้น
เสียงเคาะห้องดังกระหน่ำอยู่หลายที สมิตานันได้แต่เดินวนเวียนไปมา เจอหน้าเขาอาการของเธอก็แสดงออกเอง ทำไมเธอถึงทำเป็นปั้นหน้ายิ้มโลกสวย คิดบวก แล้วก็ลัลล้ากับชีวิตใหม่นี้ไปเสียสิ ง่ายๆ อย่างนั้นมันคงมีอยู่ในหนังสือพัฒนาความคิด เอามาใช้ได้เศษเสี้ยวของทั้งหมด
“ไอ้ตี้ใจเย็นๆ ห้ามทำอะไรแปลก อย่าทำให้เขารู้เด็ดขาด แล้วฉันจะแสดงไปได้อีกนานแค่ไหน”
บ่มพึมความฟุ้งซ่านยังไม่ทันหมด เสียงของคนอีกฟากประตูก็ดังทะลุเข้าหัวเธออย่างน่าตกใจ
“ตี้ ถ้าไม่เปิดพี่พังประตูนะ” ไอ้บ้าพลัง...สมิตานันนึกหงุดหงิด แต่ยอมเปิดประตูออกมาหน้าง้ำ ไม่รู้อะไรอีกนอกจากโดนดุนเข้ามาด้านใน แล้วเขาก็ตามเข้ามา ปิดประตูตามหลัง หันมาต้อนเธอ ทำตาดุ เดินย่างเท้ากระชั้นมาเรื่อย จนเธอต้องถอยตาม ถอยไปได้ไม่กี่ก้าวก็ติดขอบเตียง พอรู้ว่าตัวเองกำลังจนมุม สมิตานันเริ่มตั้งใจจะหาช่องทางหนี จินตนาการว่าตัวเองเป็นน้องหมาตัวน้อยลอดใต้หว่างแขนเขา แต่ลอดไปได้ครึ่งตัว ก็โดนจับทุ่มลงบนที่นอน ถึงเขาโอบตัวเธอไว้ ใช้แขนรับน้ำหนัก แต่แรงไม่เบาก็ทำเธอจุก
“จะฆ่ากันหรือไง”
“ตี้ต่างหากเป็นอะไร เอะอะหนี เอะอะทำมึน ทำเบลอ มีอะไรก็บอกพี่สิ พี่ทำอะไรไม่พอใจ หรือเมื่อคืนพี่ทำตี้โกรธ”
“ไม่ใช่” สวนกลับไปหน้าแดงก่ำ ขบริมฝีปาก เบือนหน้าหนี สัมผัสเย็นบนนิ้วนางข้างซ้าย ตอกย้ำว่าเขามีสิทธิ์ในตัวเธอทุกประการ แต่การเอาเรื่องเมื่อคืนซึ่งเธอจำไม่ได้สักกะนิดมากล่าวถึงแบบไม่อายใคร หน้าหนาแบบนี้เธอก็อายเป็น...ความทรงจำไม่เหลือ แต่หลักฐานบนร่างกายยังมี
“แล้วเรื่องอะไร” ลูบไรผมข้างแก้มเก็บข้างหู มองดวงหน้าสวยสะดุดตาด้วยรอยยิ้ม อาการเขินหน้าแดง ถึงไม่สบตากันก็รู้สึก “ตี้แปลกไปนะ แค่คืนเดียว ถ้าไม่ใช่เรื่องนั้น จะให้พี่คิดไปถึงสาเหตุไหนได้อีก”
หยุดพูดเถอะ ยิ่งพูดยิ่งอยากเอาหน้าฝังลงดิน...สมิตานันลืมตาหันมาถลึงมองคนช่างพูด ช่างหลงตัวเอง ทันได้เห็นเขาหัวเราะอารมณ์ดี...หน้าเธอเหมือนโบโซ่นักหรือไง
“ตี้ มีอะไรหืม”
“เปล่าค่ะ”
“แน่ใจ...หรืองอนที่พี่บอกว่าฮันนีมูนต้องรอไปอีกสามเดือน”
กรี๊ดดดด...ตานี่คิดเป็นแต่เรื่องพรรค์นั้นหรือไง สมิตานันชักคิดว่าการเสแสร้งของตัวเองจะไม่ค่อยได้ผลมากขึ้นทุกที ลองพ่นๆ ชื่อบุคคลที่เธอรู้จักออกมาในยามนี้พิสูจน์ทฤษฎีของเธอก็ได้
หากชีวิตเธอเปลี่ยนแปลงไปหมด อย่างน้อยๆ เธอต้องรู้ว่าเพื่อนพ้องน้องพี่เป็นอย่างไร
“ตี้แค่อยากมาหามิลัน หมอธี ไปหาเจ๊มล พุทธา เท่านั้นเอง”
“ผู้ชายสามคน นี่กะให้พี่หึงควันออกหูใช่ไหม”
กรี๊ดดดด แปลว่าบุคคลที่เธอรู้จักมีตัวตน ฮือ มันน่าดีใจที่สุด พอๆ กับรู้ว่าไททานิคจะไม่ชนกับภูเขาน้ำแข็ง ยังถือว่าฟ้ายังปรานีผู้หญิงหน้าสวยอย่างเธอบ้าง “ก็ตี้อยากเจอพวกเขา”
“เมื่อวานยังเจอไม่พอหรือไง หมอธีมันทำหน้าละห้อยตอนงานเมื่อวาน พี่เห็นแล้วอยากท้ามวยสักยก”
“เก่งจริงจริ๊งพ่อคุณ” พูดจบเธอก็ได้รับการลงโทษเป็นการเอาจมูกมาชนจมูก พาหัวใจเธอโยกเต้นจังหวะแทงโก้ผสมวอลซ์สนุกสนานกันจนอีกคนจับได้ด้วยรอยยิ้ม
“หัวใจของตี้บอกว่าพร้อมแล้ว” สายตาวิบวับ หันมองเตียงนอนขนาดเล็กเป็นประกาย
“ไม่พร้อมอะไรทั้งนั้นค่ะ” ใช้แรงทั้งหมดผลักคนตัวโตให้ลุกขึ้นยืนเรียบร้อย สองมือนวดขมับไปมา ปิดบังอาการเครียดไว้ไม่มิด
เจอมนุษย์จอมหื่นแบบนี้เธอจะรับมืออย่างไรเล่า... “ถ้ารุ่มร่ามกับตี้ตอนที่ยังไม่พร้อม ตี้จะหนีไปให้ไกลเลย”
“ตี้”
“ไม่ ตี้จะปล่อยให้พี่ปอมเอาเปรียบไปมากกว่านี้ไม่ได้ค่ะ จนกว่าตี้จะเจอเพื่อน ตกลงไหม” เหตุผลบางเบา ไร้น้ำหนักของเจ้าสาวหมาดๆ ดูก็รู้ว่าผู้ชายจอมหื่นอย่างเขาไม่มีวันยอมอดทนรอแน่นอน
“ต้องมาจากเรื่องเมื่อคืนแน่ๆ พี่ทำให้ตี้ไม่พอใจมากใช่ไหม ตี้ถึงรังเกียจ” นิมมานทำสุ้มเสียงเศร้า หน้าหงอย สายตาลุแก่โทษมองตรงมา จนสมิตานันได้แต่กำมือแน่นไม่ให้หลุดเสียงกรี๊ด
หน็อย มารยาชายคิดว่าเธอดูไม่ออกหรือไงกัน
เห็นไหล่ลู่ตก หมดสภาพของชายหนุ่ม สมิตานันได้แต่ใจอ่อนทอดถอนใจ พูดในสิ่งที่ตัวเองอยากจะกัดลิ้น เขาไม่รู้หรอกว่าเธอต้องกลั้นใจมากแค่ไหน
“สัญญาว่าระยะเวลาเตรียมตัวของตี้ อย่างน้อยๆ ก็จะนอนที่บ้านทุกวัน ไม่หนีหายไปไหน”
“นั่นมันยิ่งทรมาน”
“หรือไม่ต้องการคะ” เลิกคิ้วถามอย่างเป็นต่อ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ดูมีเสน่ห์เย้ายวน นิมมานรู้สึกว่าเขาแพ้ทางสมิตานันไปซะทุกอย่าง
“ตกลง...แต่ถ้าตี้ต้านทานเสน่ห์พี่ไม่ได้ขึ้นมา มันก็อีกเรื่องนะ”
เอ่อ ผู้ชายคนนี้ช่าง...หญิงสาวเกือบจะหลุดหัวเราะกับความมั่นใจของเขา ผู้ชายอะไรช่างไม่ถ่อมตน ในหัวก็เอาแต่คิดเรื่องอย่างว่าเต็มไปหมด
“ตามใจค่ะ ตี้เองก็อยากรู้นักว่าพี่ปอมมีเสน่ห์แค่ไหน ไม่ใช่ว่าพี่ปอมเองต่างหากที่จะแพ้เสน่ห์ของตี้” ยื่นนิ้วไปลูบแก้มคร้ามคมแผ่วเบา พอให้คนโดนจั๊กจี้ แล้วตบด้วยแรงไม่เบานักให้เขาต้องตื่น ยิ้มกวนใส่ตาเขา “ขอเวลาที่เหลือนะคะ”
“อย่างนี้พี่ต้องกินข้าวคนเดียว แล้วก็เจ้าถึกอีกตัวสิ”
ถึก...ชื่อของบางสิสะดุดใจเธออีกครั้ง ภาพบางอย่างแวบเข้ามาในหัว แต่มันผ่านไปเร็วจนเธอไม่รู้ว่าอะไรที่ตกค้างอยู่ในความทรงจำของเธอบ้าง
“จะรีบกลับบ้านนะคะพี่ปอม”
นิมมานมองร่างระหงของภรรยาเดินจากไปด้วยความสงสัย ถึงเธอจะพยายามทำตัวปกติ หรือบางเวลาแปลก ในระยะเวลาไม่กี่ชั่วโมง สมิตานันก็ยิ่งทำให้ชายหนุ่มเป็นห่วง...มีอะไรทำไมไม่บอกเล่าให้เขารู้
วันแต่งงานหวานชื่นเมื่อวาน เทียบกับวันนี้เหมือนดูหนังคนละม้วน เป็นหนังดราม่า อนาคตจะเป็นอย่างไร...ที่แน่ๆ คือเขาไม่มีวันปล่อยให้ความรักครั้งนี้ล่มไม่เป็นท่าเป็นอันขาด
ถึงจะไม่เคยได้ยินคำว่ารักจากปากสมิตานันสักครั้ง แต่เขาก็เชื่อว่าลึกๆ ในหัวใจของทั้งเขาและเธอตรงกัน
............................................................................
คุณ konhin เรื่องก็ยังอธิบายอะไรไม่มาก นอกจากรู้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงในชีวิตตี้ โดยเฉพาะนิสัยพี่ปอม
คุณ mhengjhy ยังต้องปวดหัวอีกนานค่ะ รู้สึกเรื่องนี้พี่ปอมทั้งอดีต ปัจจุบัน จะทรมานเพราะตี้กันถ้วนหน้า
คุณ นักอ่านเหนียวหนึบ ทำไมเขียนได้ทำร้ายพี่ปอมนักก็ไม่รู้ค่ะ ฮา แต่นิสัยพี่ปอมเองก็น่าจะพากรี๊ดกร๊าดได้บ้างนะคะ ไม่เครียดแล้วเนอะ แอบไขว้นิ้ว ไว้มาคลี่ปมพร้อมๆ ตี้กันค่ะ
คุณ รักเร่ มาต่อแล้วค่ะ พาพี่ปอมนิสัยใหม่มาเปิดตัวอีกรอบ เรื่องนี้มีนิมมานสามเวอร์ชั่นกันเลยทีเดียว ฮา
ขอบคุณนักอ่านทุกท่านค่า รวมทั้งคอมเมนต์ ไลค์ด้วย แล้วก็นักอ่านเงาค่า ^^

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 พ.ย. 2556, 00:50:48 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 พ.ย. 2556, 00:50:48 น.
จำนวนการเข้าชม : 1505
<< บทที่ 15 : บุคคลไม่คุ้นเคย | บทที่ 17 : พบเพื่อน >> |

นักอ่านเหนียวหนึบ 18 พ.ย. 2556, 02:57:13 น.
พี่ปอมมาซบอกเล็กๆ เค้าก่อนมะ ให้นอนบ้าน หาข้าวให้กิน งานบ้านไม่ต้องทำ จะดูแลทุกอย่างให้เบยยยย
พี่ปอมมาซบอกเล็กๆ เค้าก่อนมะ ให้นอนบ้าน หาข้าวให้กิน งานบ้านไม่ต้องทำ จะดูแลทุกอย่างให้เบยยยย

konhin 18 พ.ย. 2556, 22:17:36 น.
ฮ่าๆๆ ยังงงต่อไป
ฮ่าๆๆ ยังงงต่อไป

รักเร่ 18 พ.ย. 2556, 23:43:16 น.
พี่กาปอมจอมหื่น
พี่กาปอมจอมหื่น