ทัณฑ์วิวาห์
เปิดเรื่องใหม่ค่ะ ^^
Tags: รักหวานแหว โรแมนติก น่ารัก สดใส

ตอน: ตอนที่ 3

หลังจากพิธีเข้าหอเมื่อคืนที่ผ่านมา เช้าวันนี้พิม-ลดาต้องย้ายมาอยู่ที่บ้านของเขา หญิงสาวได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากครอบครัวกาญจนานันท์ จะมีก็แต่นภศูลเท่านั้นที่ว่าจะไม่เต็มใจก็ไม่เชิง

“ขอต้อนรับเข้ามาเป็นสมาชิกคนใหม่ของบ้านนะจ๊ะหนูพิม ป้าดีใจมากที่ได้หนูมาเป็นสะใภ้” คุณกรองแก้วกล่าวออกมา ใบหน้ายิ้มแย้มตามประสาผู้ใหญ่จะใจดี

“ขอบคุณคะ พิมก็ดีใจ งั้นให้พิมอยู่รับใช้คุณป้านะคะ” หญิงสาววางกระเป๋าเสื้อผ้าลงแล้วโผเข้าไปกอดคุณกรองแก้ว จากเมื่อคืนที่ผ่านมา เธอคิดว่า น่าจะต้องหนาวตายบนพื้นเสียแล้ว ที่ไหนได้ พอตื่นขึ้นมากลับพบว่าตัวเองนอนอุ่นอยู่เป็นเตียงเสียนี่

“ต๊าย ! จะมารับช้งรับใช้อะไรกันล่ะ เราเป็นภรรยาของตานภนะ อีกไม่นานก็จะเป็นคุณผู้หญิงของบ้าน แล้วจะเอามาใช้งานได้ยังไง” คุณกรองแก้วหัวเราะเสียงใส กอดตอบพิม-ลดาเสียแน่น ดีใจที่ได้ลูกสาวเพิ่มมาอีกคน

“แหม คุณป้าก็ พิมไม่ได้คิดแบบนั้นซักหน่อย” พิม-ลดากล่าวออกมาใบหน้าแดงก่ำ ก่อนที่จะหันไปทำความเคารพคุณแสงสูรย์บ้าง

“ไหว้พระเถอะหนู ลุงคงจะต้องพูดว่า ขอต้อนรับสู่บ้านเช่นกัน” เมื่อได้ยินดังนั้น พิม-ลดาถึงกับน้ำตาซึม คิดไม่ถึงคนที่นี่ยังต้อนรับ แม้ทุกคนจะยังแคลงใจอยู่ว่าเธอคือผู้วางยานภศูลหรือไม่ จะมีก็แต่เจ้าบ่าวเท่านั้นที่ไม่เต็มใจ เพราะไม่ว่าจะเหลือบไปมองเมื่อไหร่ ใบหน้าคมเข้มก็ยังงอคว่ำอยู่แบบนั้น

‘โอ๋กันเข้าไป นี่เขาเป็นลูกหรือเธอกันแน่’ นภศูลมองคุณกรองแก้วที่ยังคงกอดพิม-ลดาเอาไว้ด้วยความอิจฉา...อิจฉาที่มารดา รักเธอมากกว่า หรืออิจฉาที่ไม่มีโอกาสได้กอดเธอบ้างกันแน่

นภศูลปัดความคิดหลังออกไปอย่างไม่ยอมแพ้ เขาต้องเกลียดเธอสิน่า แล้วนี่อะไร แค่มารดากอดเธอเท่านั้น เขาก็แทบอยากจะปรี่เข้าไปแยกทั้งคู่เสียแล้ว

คุณแสงสูรย์มองลูกชายของตัวเองอย่างเห็นขัน เพราะเป็นผู้ชายเหมือนกันทำไมจะมองไม่ออกล่ะว่า บัดนี้ลูกชายตัวดีรู้สึกยังไง

“ป้าให้คนจัดห้องเอาไว้แล้วนะ ความจริงแล้วก็คือห้องเก่าของตานภเขานั่นล่ะ มีหนูมาอยู่ด้วยอีกคนแบบนี้ ป้าก็เลยสั่งให้เขามาตกแต่งเพิ่ม” คุณกรองแก้วดึงพิม-ลดาเข้าไปกอดอีกครั้ง แล้วลูบหลังให้เบาๆ เธอมักจะปลอบหญิงสาวแบบนี้เสมอ ในยามที่พิม-ลดามีปัญหา

‘หนูต้องอดทนให้ได้นะ ตานภลูกป้าก็เป็นแบบนี้ล่ะ อีกไม่นานก็คงดีขึ้น’ คุณกรองแก้วคิดอยู่ในใจ

“ขอบคุณคะ”พิม-ลดากล่าวพลางก้มลงกราบบนไหล่นวล

“จ้าๆ ไหนดูซิ เช็ดน้ำตาเสียนะ แล้วป้าจะให้ตานภพาไปดูห้อง” คุณกรองแก้วดันร่างบางของพิม-ลดาออกมาพลางเช็ดหยดน้ำตาให้ หญิงสาวมองนางอย่างซาบซึ้ง เผลอยิ้มออกมาด้วยความดีใจ รู้สึกมีที่พึ่งขึ้นมาทันที

นภศูลมองสองคนที่กำลังโผเข้ากอดกันอีกครั้งด้วยความหมั่นไส้ จะอะไรกันนักหนา แค่เขาจะพาภรรยาไปดูห้องเท่านั้น ไม่ได้พาไปฆ่าซักหน่อย แล้วนั่นพิม-ลดาเป็นอะไร ทำอย่างกับว่าเขาจะพาไปตายอย่างนั้นแหละ

“ตามมาสิ ชักช้าอยู่ได้ เป็นนางอายหรือยังไงเรา” ชายหนุ่มแขวะออกมาอย่างไม่รู้ตัว ทำปากยื่นประกอบอย่างเด็กที่ขี้อิจฉา ปรายตามองสองแม่ลูกคู่ใหม่ด้วยใบหน้างอคว่ำ


นภศูลเดินนำพิม-ลดามายังห้องพัก ใบหน้าของเขายังบูดบึ้ง ลอบมองร่างบางที่กำลังตามหลังมาด้วยแววตาแข็งกร้าว พิม-ลดารู้สึกหนาวๆ กับสายตาท้าตีท้าต่อยของเขาคู่นั้น ก่อนที่ชายหนุ่มจะลงมือไขลูกบิดประตู แล้วก้าวเข้าห้องไปเป็นคนแรก

หญิงสาวชะงักเท้าหน้าประตูไม่ก้าวต่อ พลางชะเง้อมองเข้าไปในห้องอย่างแปลกตา ที่แน่ใจหรือว่าเป็นห้องของผู้ชาย ทำไมโทนสีถึงได้อ่อนหวานขนาดนั้นล่ะ

ภายในห้องสี่เหลี่ยมโทนฟ้าแลดูสว่างไหว มีโคมไฟระย้าติดบนเพดาน เตียงกว้างปูด้วยเบาะขนาดคิงไซด์ ผ้าปูเตียงสีเขียวอ่อนเข้ากันได้ดีกับผ้าห่มสีเดียวกันผืนใหญ่ หมอนหนุนเข้าชุดกันมีลวดลายดอกไม้ และไม่ว่าจะมองไปทางไหน มันน่าจะเป็นลักษณะห้องของสาวน้อยเสียล่ะมากกว่า

“นี่แน่ใจหรือคะว่าเป็นห้องของคุณนภ” พิม-ลดาถามออกมาอย่างอดไม่ได้

“ทำไมล่ะ” ชายหนุ่มขมวดคิ้วตอบรับ พลางคิดในใจ ‘แม่เล่นเขาอีกแล้วสิล่ะสิ’

แม้จะรู้บ้างแล้วว่าคุณกรองแก้วจัดการเปลี่ยนแปลงห้องของเขาเสียใหม่ตั้งแต่ เมื่อวาน แต่เขาเองก็ไม่คิดว่า มันจะออกมาหวานขนาดนี้
นภศูลกวาดสายตามองรอบห้อง ก่อนที่จะหันหลังกลับมา สบสายตาแวววาวของคนตรงหน้าเข้าอย่างจัง

พิม-ลดาเลิกคิ้วข้างหนึ่งมองสบตาเขา ก่อนที่จะหัวเราะออกออกมาอย่างเห็นขัน หญิงสาวยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาปิดปากทันควัน ด้วยบัดนี้สีหน้าของชายหนุ่มนั้นกำลังบูดบึ้ง

“พิมแน่ใจแล้วล่ะว่าห้องนี้เป็นห้องคุณนภ ตอนแรกก็ยังสงสัยอยู่หรอกคะ แต่พอได้เห็นรูปนั้นเข้าพิมก็เข้าใจ”

รูปนั้นของพิม-ลดาคือรูปในวัยเด็กของนภศูลที่วางบนฉากติดกับฝาหนังรูปใหญ่ รูปของชายหนุ่มเปลือยกายล่อนจ้อน อยู่ในอ่างน้ำพลาสติรูปเป็ด

นภศูลมองตามสายตาของพิม-ลดาอย่างขุ่นเคือง ใบหน้าของชายหนุ่มกำลังแดงซ่าน ที่ถึงจะเป็นมาจากความโกรธหรือความเขินอายก็ตาม แต่พิม-ลดาคิดในยามนี้กลับคิดว่า เขาช่างน่ารักยิ่งนัก

หญิงสาวทอดสายตามองเขาด้วยแววตาที่เป็นมิตร แต่นภศูลกลับคิดว่า เธอกำลังหัวเราะเยาะเขา

“เข้ามาสิ ยืนคาประตูอยู่ได้ ไม่รู้หรือไงว่าเขาถือ” ชายหนุ่มพยัยามกลบเกลื่อนความเขินอายของตัวเองด้วยคำพูดที่ดูถากถาง ในขณะที่พิม-ลดาสะดุ้งทันทีกับน้ำเสียงของเขา ก่อนที่จะก้าวเข้าห้องมาอย่างหวั่นๆ

“เสื้อผ้าของคุณพวกนั้น จัดการซะให้เรียบร้อย อย่าให้คนอื่นต้องพลอยลำบากมานั่งจัดให้” วาจาของเขายังคงเชือดเฉือนอยู่เป็นนิจ
พิม-ลดามองเด็กรับใช้ที่กำลังขนกระเป๋าเสื้อผ้าของเธอเข้ามาในห้อง หญิงสาวเดินเข้าไปเปิดกระเป๋าที่วางบนเตียง ดึงเสื้อผ้าที่พับไว้อย่างเป็นระเบียบของตัวเองออกมา ก่อนที่จะนำเสื้อผ้าเข้าไปแขวนไว้ในตู้

นภศูลมองดูร่างบางที่กำลังจัดการกับเสื้อผ้าของตัวเองด้วยสายตาเป็นคำถาม คนที่เก่งเฉพาะเรื่องงานอย่างพิม-ลดาสามารถทำงานพวกนี้ได้ดีด้วยเหรอ ก็ไหนคุณพิมชนกเคยบอกว่า เสื้อผ้าต่างๆของพิม-ลดาจะมีเด็กรับใช้ส่วนตัวจัดการให้ ไหนจะเรื่องงานบ้านงานครัวของเธออีกที่ไม่ค่อยจะได้ความซักเท่าไหร่ ต่างจากพิ-มลดาคนน้อง ที่ถนัดเรื่องแบบนี้เป็นพิเศษ

ชายหนุ่มขมวดคิ้วมุ่นมองพิม-ลดาที่กำลังจัดการกับเสื้อผ้าของตนเองที่อยู่ตรงหน้า ความคิดอย่างพิสูจน์อะไรบางอย่างผุดขึ้นมา เขาจะต้องรู้ความจริงให้ได้ นภศูลเรียกเด็กรับใช้เข้ามา ก่อนที่จะสั่งความบางอย่างไป พิม-ลดาเห็นเด็กคนนั้นภยักหน้ารับฟังคำสั่งของเขา หญิงสาวภึงกับขมวดคิ้วมุ่น

“ทำงานของคุณไปเถอะน่า ชักช้าอยู่ได้ ผมหิวแล้วนะ นี่คุณลืมไปแล้วหรือยังไง ว่าที่นี่เขาทานมื้อเที่ยงกันตอน 5 โมง”
5 โมงของเขาก็คือ 11 นาฬิกา ครั้นพอพิม-ลดาเงยหน้าขึ้นมองนาฬิกาที่แขวนอยู่ข้างฝากลับพบว่า เหลือเวลาให้เธอได้ทำงานอีกตั้งชั่วโมง

หญิงสาวก้มหน้าก้มตาจัดกระเป๋าต่อไปอย่างไม่สนใจ ถ้าหิวนักล่ะก็ลงไปทานก่อนก็ได้ นี่มานั่งเฝ้าเธออย่างกับเฝ้าวัวเฝ้าควาย กลัวเธอจะหายไปหรือยังไงกันนะ หรือกลัวว่าพอเขาไปแล้วเธอจะให้ใครมาทำงานแทน

นภศูลทอดตัวลงบนเตียงมองพิม-ลดาที่กำลังรื้อกระเป๋าอยู่ข้างกันด้วยสายตาที่ มีแผน อีกชั่วโมงกว่าๆถึงจะสามารถทานมื้อเที่ยงได้ งานจัดกระเป๋าตรงหน้าหญิงสาวก็ทำได้เร็วทันใจ งั้นรับงานใหม่ไปอีกอย่างก็แล้วกัน

เด็กรับใช้ที่นภศูลสั่งงานไปก้าวเข้ามาให้ห้องหลังจากนั้น พร้อมด้วยเสื้อผ้าของนภศูลที่ซักปั่นตากแห้งมาแล้วเรียบร้อยใส่เต็มตะกร้า ทั้งชุดทำงานและชุดลำลอง

พิม-ลดาเงยหน้าขึ้นมามองอย่างสงสัย ก่อนที่จะปีนขึ้นไปบนเก้าอี้ แล้ววางกระเป๋าเปล่าของตัวเองเอาไว้บนตู้นั้น นภศูลรอให้เธอลงมาจากเก้าอี้อย่างไม่รีบร้อน ครั้นพอเธอทำท่าจะก้าวออกจากห้อง เขาก็ร้องทักขึ้นมาเสียก่อน

“เดี๋ยวก่อนสิพิม จะรีบไปไหน คุณยังทำงานไม่เสร็จเลยนะ” เขาเพิ่งจะเรียกเธอว่าพิมเป็นครั้งแรก

พิม-ลดาชะงักเท้าที่กำลังจะก้าวออกไป หมุนตัวกลับเข้ามาใหม่อีกครั้ง พลางตั้งคำถามออกมาว่า “คุณนภมีงานอะไรจะให้พิมทำอีกหรือคะ”

“ก็นั่นไงล่ะ” ชายหนุ่มพยักหน้าไปทางตะกร้าเสื้อผ้าของเขา

“ผมให้แม่บ้านซักตากเรียบร้อยแล้วล่ะ แต่ยังไม่ได้รีด พิมเป็นภรรยา พิมช่วยผมหน่อยเถอะนะ” ทีอย่างนี้กลับมาลูกอ้อน นภศูลรอฟังคำตอบของเธอด้วยแววตาเต้นกระริก

“อย่าบอกนะคะว่าคุณนภจะให้พิมรีดผ้าพวกนี้” ใบหน้าของพิม-ลดาซีดลงทันที แต่ไม่ใช่เป็นเพราะว่าเธอรีดผ้าไม่เป็นหรอกนะ แต่เป็นเพราะว่าปริมาณเสื้อผ้าในตะกร้านั่นต่างหาก คงจะใช้เวลานานกว่าเธอจะรีดเสร็จ

นภศูลเด้งตัวลงจากเตียงหลังจากนั้น พลางหัวเราะออกมาอย่างพอใจ ก่อนที่จะก้าวออกจากห้องไปเป็นคนแรก

พิม-ลดาทอดสายตามองเด็กรับใช้สลับกับตะกร้าผ้าอย่างทำอกทำใจ งานใหญ่กำลังรออยู่ แล้วนี่เธอจะทำมันเสร็จก่อนมื้อเที่ยงตอน 11 นาฬิกามั๊ยนะ

เด็กสาวคนนั้นก็มองตอบพิม-ลดาอย่างเห็นใจ ความจริงแล้วงานพวกนี้คือหน้าที่ของเธอ แต่เมื่อคุณนภสั่ง แล้วเธอจะทำยังไงได้

“หนูจะไปทำงานต่อก็ไปเถอะจ๊ะ ทางนี้ฉันจัดการเอง” พิม-ลดากล่าวอนุญาตให้เด็กสาวออกไปทำงาน ก่อนที่จะมีเด็กสาวอีกคนนำเตารีดมาวางให้

“ความจริงแล้วหนูก็อยากจะช่วยคุณนะคะ แต่คุณนภเขาเอาสั่งไว้...”

“ฉันเข้าใจจ๊ะ หนูออกไปทำงานของหนูเถอะนะ แค่รีดผ้านิดหน่อยเอง เดี๋ยวฉันจะจัดการเรียบร้อย” พูดพลางแทบอยากจะปล่อยโฮออกมาเสียให้ได้ หนึ่งชั่วโมงกับตะกร้าผ้ากองใหญ่ เดิมพันด้วยมื้อเที่ยงที่แสนจะอร่อยด้วยฝีมือของคุณกรองแก้ว แล้วเธอจะมีวาสนาได้ทานไหมนะ

นภศูลเดินผิวปากลงมาจากชั้นสองในท่าทางที่ดูสบายๆ มือทั้งสองข้างล้วงกระเป๋ากางเกงเอาไว้ ฮึมฮำเพลงสลับกันไปอย่างอารมณ์ดี พอดีกับที่คุณกรองแก้วกำลังจะเดินเข้าไปในครัว

“โอ้โห วันนี้คุณแม่จะลงครัวเองเลยเหรอครับ งั้นก็ลาภปากของผมน่ะสิ” พ่อตัวดีเดินเข้าไปหอมแก้มคุณกรองแก้วเสียงดังฟอด ก่อนที่จะเดินไปหาคุณแสงสูรย์ซึ่งกำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์จิบกาแฟฆ่าเวลา รอมื้อเที่ยงฝีมือภรรยาสุดที่รัก

คุณกรองแก้วมองตามหลังลูกชายพลางส่ายหน้าด้วยความระอา เป็นอย่างนี้ทุกทีสิน่า ผู้เป็นมารดาคิดอย่างเอ็นดู ก่อนที่จะเดินเข้าครัวไป

“วันนี้คุณพ่อไม่ออกไปไหนเหรอครับ เห็นที่ทุกเวลานี้มักจะอยู่กับเพื่อนๆที่สมาคม” นภศูลถามขึ้นก่อนที่จะเลื่อนเก้าอี้ลงนั่ง ฝั่งตรงข้ามกับคุณแสงสูรย์

บิดาของเขาเงยหน้าขึ้นมา วางหนังสือพิมพ์ลงบนโต๊ะก่อนที่จะตอบกลับไปว่า

“วันนี้ฉันจะอยู่บ้าน อยากต้อนรับลูกสะใภ้สักหน่อย ว่าแต่แกล่ะ หายขึ้นไปกับหนูพิมตั้งนาน ทำไมถึงได้ลงมาคนเดียว”

“อ๋อ...” นภศูลยกกาแฟที่เด็กในบ้านนำมาเสิร์ฟขึ้นจิบเล็กน้อย ก่อนที่จะกล่าวต่อไปอย่างอารมณ์ดี

“ลูกสะใภ้ของพ่องั้นเหรอครับ ไม่รู้ว่าเธอเป็นอะไรจู่ๆก็อยากจะทำให้ที่ภรรยาขึ้นมา โดยการอาสารีดผ้าให้ผม” ชายหนุ่มตอบกลับมาอย่างหน้าตาเฉย ไม่รู้สึกผิดเลยแม้แต่น้อย พลางแสร้งทำเป็นหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาอ่านเสียอย่างนั้น

“แกแน่ใจนะ” คุณแสงสูรย์พยายามจับผิด

“แกแน่ใจนะว่าไม่ได้ไปแกล้งอะไรหนูพิมเขา เพลาๆลงบ้างเถอะน่า หนูพิมเธอทำอะไรผิดนักหนา แกถึงได้โกรธแค้นมากขนาดนี้” ดูเหมือนว่าความหวังดีของคุณแสงสูรย์จะสูญเปล่า เพราะชายหนุ่มไม่มีทีท่าว่าจะยอมรับฟังเลยซักนิด ผู้เป็นพ่อนั่งพิงพนักเก้าอี้อย่างปลงๆ

“ให้มันได้อย่างนี้สิน่า ฉันจะคอยดูว่า ในวันที่หนูพิมเกิดทนไม่ไหวแล้วคิดจากไป แกจะยังคงทำเฉยอยู่ได้อีกไหม” คำพูดของบิดากระแทกใจนภศูลเข้าอย่างจัง

‘จริงสินะ ถ้าเขาทำให้เธอโกรธมากๆ บางทีเธออาจจะเป็นฝ่ายมาขอหย่ากับเขาเองก็ได้’

ประกายตาเจ้าเล่ห์ของลูกชายทำให้คุณแสงสูรย์ถึงกับส่ายหน้า ด้วยรู้ดีว่าหัวใจของลูกชายในตอนนี้คิดเห็นยังไง คิดขึ้นมาก็ได้แต่สังเวชใจ เอาไว้ให้วันนั้นมาถึงเมื่อไหร่ แล้วเจ้าลูกชายจะรู้ใจมันเอง

แต่กว่าวันนั้นจะมาถึงใครจะรู้บ้างว่า พิม-ลดาจะต้องเสียน้ำตามากซักเท่าไหร่ ไหนจะต้องรับมือทั้งศึกภายใน รวมทั้งความวุ่นวายของคนภายนอกอย่างไม่รู้จบ


ครึ่งชั่วโมงต่อมา

เสื้อผ้าชุดทำงานและชุดลำลองของนภศูล ถูกพิม-ลดานำออกมารีดให้จนเกือบเรียบร้อย เหลือแค่เพียงอีกไม่กี่ตัวเท่านั้น หญิงสาวยกมือขึ้นมาบาดเหงื่อที่กำลังไหลย้อยตรงริมหน้าผาก คิดอยากจะแกล้งรีดเสื้อของเขาให้ไหม้อยู่เหมือนกัน อย่างน้อยก็น่าจะช่วยให้เธอระบายความอึดอัดออกมาได้บ้าง แต่พอเมื่อพลิกดูราคาของเสื้อเชิ้ตตัวสีฟ้าของเขาที่เธอกำลังรีดอยู่นั้น คนที่เหนื่อยจนสายตัวแทบขาดก็นึกขยาดขึ้นมาจนทำไม่ลง

พิม-ลดาถอนหายใจออกมาอย่างแสนเสียดาย นี่พอจะมีอะไรให้เธอทำลายได้ไหมนะ ครั้นพอมองดูเสื้อลำลองผ้ายืดของเขาซึ่งเธอรื้อออกมาจากตะกร้าแล้ววางอยู่ ใกล้กัน ถึงแม้ราคาของมันจะไม่ถึงหมื่นก็ตาม แต่เมื่อเทียบกันแล้วก็ไม่ต่างกันมากนัก

ส่วนกางเกงแสล็กและกางเกงยีนส์ของเขานั้นไม่ต้องพูดถึง !!

คนร่างบางวางงานตรงหน้า แหงนหน้าขึ้นมองดูนาฬิกาข้างฝาอีกครั้ง เธอน่าจะรีดผ้าพวกนี้เสร็จทัน พิม-ลดากะเวลา ก่อนที่จะลงมือทำงานอีกครั้ง ความคิดที่จะเอาคืนครั้งนี้เป็นหมัน แต่ใช่ว่าเขาจะรอดได้ทุกครั้งไป

“พิมจะต้องเอาคืนคุณนภให้ได้ แบบนี้แกล้งกันชัดๆ คงจะรู้อยู่ก่อนแล้วละสิท่า ว่าพิมคงจะไม่กล้าทำเสื้อพี่พังอย่างใจดำได้” พิม-ลดาร้องอุทานออกไป กระแทกกระทันรีดเสื้อตัวใหม่ให้นภศูลอีกครั้ง


คุณกรองแก้วเดินออกมาจากห้องครัว เห็นสามีและลูกชายกำลังนั่งคุยกันที่โต๊ะทานข้าว ส่วนลูกสะใภ้หมาดๆของเธอนั้น เธอไม่เห็นเลยว่าจะอยู่ร่วมวงสนทนานั้นด้วย

“ว่ายังไงฮึตานภ นี่หนูพิมหายไปไหน ใกล้จะได้เวลาทานมื้อเที่ยงแล้วนะ” คุณกรองแก้วเปิดฉากถามขึ้นทันที ขณะที่คุณแสงสูรย์ลอบสังเกตมองพฤติกรรมของบุตาชาย

นภศูลเลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้นมองมารดา หัวเราะในลำคอ ก่อนที่จะตอบอย่างอารมณ์สุนทรีออกมาว่า

“งั้นเดี๋ยวผมจะขึ้นไปตามมาให้นะครับ สงสัยป่านนี้คงจะสนุกใหญ่ เห็นบ่นๆอยู่ว่า อยากจะทำหน้าที่ภรรยาให้ผมซักนิด” คำตอบของเขาสะกิดใจคุณกรองแก้วเข้าอย่างจัง ก่อนที่นภศูลจะเดินผิวปากออกไป

“นั่นลูกของเราเป็นอะไรไปแล้วคะ” คุณกรองแก้วนั่งลงแทนที่ของลูกชายแล้วหันไปปรึกษากับผู้ที่เป็นสามี

คุณแสงสูรย์เงยหน้าขึ้นมองภรรยาอย่างเห็นขัน ใบหน้าของบุรุษสูงวัยอ่อนโยนลงอย่างคาดไม่ถึง สายตาของเขามีแต่คุณกรองแก้วเท่านั้นในห้วงคำนึง เขารักและเอ็นดูภรรยาของเขามาก ไม่ว่าเวลาจะผ่านมานานขนาดไหน

“คุณอย่ากังวลใจไปเลยน่า เราต่างก็รู้กันดีว่า ลูกชายของเรามันเป็นยังไง” คำตอบของสามีทำให้คุณกรองแก้วยิ้มออกมาได้ เขาคือที่ปรึกษาที่ดีของเธอเสมอ คอยสอดส่องดูแลและคอยปกป้องครอบครัวยิ่งกว่าสิ่งใด

“ถ้าคุณคิดแบบนั้นฉันก็เบาใจลงคะ แต่ก็ยังกลัวว่า หนูพิมจะทนตานภได้นานแค่ไหน” แม้จะเข้าใจ แต่ความเป็นหญิงยังทำให้คุณกรองแก้วกังวลอยู่ไม่เลิก

“นั่นนะสิ แต่เราจะทำอะไรได้ ทางที่ดีควรจะปล่อยไปซักพัก และถ้าเจ้านภมันยังโง่อยู่แบบนั้น คราวนี้ผมจะจัดการทุกอย่างให้เอง”

ประกายตาของคุณแสงสูรย์เปลี่ยนไปเล็กน้อย ทำให้คุณกรองแก้วคิดถึงอดีต ซึ่งสามีของเธอได้ชื่อว่าเป็นนักวางแผนตัวยง

“อย่าบอกนะคะว่าคุณจะทำการแผนการนั้น ความจริงแล้วฉันไม่เห็นด้วยหรอกนะคะ เพราะฉันคิดว่า มันออกจะทำร้ายจิตใจลูกของเรามากเกินไป” คุณกรองแก้วกล่าวออกมาอย่างไม่เห็นด้วย

“โธ่ ! คุณก็ อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ ผมว่าไม่โหดไปหรอก ลองคิดดูสิ ที่มันทำกับหนูพิมออกจะโหดกว่าที่ผมจะทำกับมันเสียด้วยซ้ำ”

“ก็จริงหรอกคะ แต่หนูพิมยังมีพวกเรา และถ้าตานภทำอะไรเกินเลยไปเรายังพอช่วยได้ แล้วตานภล่ะ ถ้าถึงเวลานั้นขึ้นมาจริงๆ ลูกของเราจะไม่มีใคร”

“ก็จริงของคุณ”

“นั่นไงคะ” คุณกรองแก้วร้องออกมาเมื่อสามีเริ่มเห็นด้วย

“งั้นผมคิดว่าเราค่อยวางแผนกันใหม่ กว่าวันนั้นจะมาถึงคงอีกนาน ลูกของเรามันทึ่มขนาดนั้น และหนูพิมคงจะทนได้อีกหลายน้ำ”

“ขอให้มันเป็นอย่างนั้นเถอะคะ ฉันล่ะหวั่นใจจริงๆ คิดไม่ถึงเลยว่า กว่าที่เราจะได้ลูกสะใภ้คนนี้มา ต้องวางแผนการกันมากมายขนาดนี้” คำตอบของภรรยาทำให้คุณแสงสูรย์หัวเราะเสียงดังออกมาอย่าขบขัน เบื้องหลังแผนการต่างๆ แม้เขากับภรรยาจะไม่ได้เป็นผู้ริเริ่ม แต่ก็ถือได้ว่าเป็นผู้สานต่อก็คงได้

ดูท่าว่างานนี้นภศูลคงจะแย่แน่ถ้าหากเขายังคงไม่รู้ความต้องการของหัวใจ ด้วยพ่อและแม่ที่คิดว่าคงจะเห็นเขาเป็นใหญ่ กลับแปรพักตร์ไปเห็นลูกสะใภ้ดีกว่าไปเสียนี่


ร่างของหญิงสาวที่กำลังนั่งหลังขดหลังแข็งอยู่กับการรีดเสื้อผ้าอยู่นั้น ทำให้นภศูลชะงักเท้าที่กำลังจะก้าวเข้าห้อง ชายหนุ่มยืนเอาหลังพิงกรอบประตูเอาไว้ ยกมือขึ้นกอดอกทอดมองพิม-ลดาด้วยความสะใจ นัยตาของเขาเต้นเป็นประกายระยิบระยับ

พิม-ลดากำลังจัดเสื้อตัวสุดท้ายของเขาใส่ไม้แขวน แล้วนำไปเกี่ยวไว้กับหูจับของตู้เสื้อผ้า บิดตัวไปมาเพื่อขับไล่ความขบเมื่อย

“เสร็จแล้วเหรอ” ผู้มาใหม่ถามออกมาด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม ใบหน้าดูดุดันถมึงทึง เหมือนกับไปโกรธใครมาซักร้อยชาติ นภศูลก้าวเข้ามาในห้อง ปรายตามองเสื้อผ้าที่พิม-ลดาเกี่ยวเอาไว้กับหูจับ

“ก็ทำได้นี่ แต่ผมเข้าใจเลยว่า ทำไมตอนอยู่บ้าน คุณจะต้องให้คนอื่นทำให้ด้วย”

คำว่า ‘คนอื่น’ ของเขา ทำให้หญิงสาวที่กำลังถอดปลั๊กเตารีดออกขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ

“คุณนภหมายความว่าอย่างไรงั้นเหรอคะ” พิม-ลดาถามออกมาอย่างสงสัย

“ก็จะให้ผมหมายความว่ายังไงได้ล่ะ ไม่เข้าใจหรือยังไง ผมไม่เข้าใจเลยว่าของแค่นี้ทำไมคุณจะต้องให้เด็กรับใช้ทำด้วย”

“ออ...” พึ่งจะมาถึงบางอ้อก็ตอนนี้

“พิมไม่มีอะไรจะคุยกับคุณแล้วล่ะคะ หิวชะตายชัก รู้ไหมว่าการรีดผ้ามันสูญเสียพลังงานไปมากขนาดไหน เสียดายไขมันที่กำลังจะเพาะไว้ชะมัด” หญิงสาวลูบไล้หน้าท้องของตัวเองไปมาเบาๆ

“ฮึ !” นภศูลร้องฮึในลำคอ

“ห่วงแต่แค่การกินกับไขมัน รู้ไหมว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็มากพอ ผมไม่อยากให้ใครต่อใครมาคิดหรอกนะว่า แต่งงานกันไม่ทันไร ก็มีพยานรักออกมาให้นับนิ้วกันแล้ว” คำประชดของเขาทำเอาพิม-ลดาแก้มแดงซ่าน หญิงสาวพยัยามข่มความเขินอายเอาไว้ ตอบกลับไปด้วยความดุดันภอกัน

“ถ้าใครมาถามแบบนั้นพิมก็จะตอบกลับไปว่า คุณนภนั่นแหละเป็นคนใจร้อน ทนรอให้ถึงวันแต่งงานก่อนไม่ไหว”

“ว่ายังไงน่ะ !” ชายหนุ่มร้องเสียงดังขึ้นมาด้วยความตกใจ ก้าวออกมาข้างหน้าด้วยใบหน้าถมึงทึง กรามของเขาขบเข้าหากันจนได้ยินเสียงดังกรอด

“ก็จะว่ายังไงล่ะ” พิม-ลดาเชิดหน้าขึ้นท้าทายเขา ก่อนที่จะก้าวออกมาข้างหน้า ยืนประจันหน้ากับนภศูลตัวต่อตัว

“ฮึ ! ผมก็แค่อยากจะเตือนเท่านั้นล่ะว่า ตอนนี้คุณดูอ้วนมากจบเกือบจะลงพุงอยู่แล้ว หัดดูแลตัวเองซะบ้างนะ หุ่นแบบนี้ใครจะไปรักไหว” ถ้อยคำเบี่ยงเบนประเด็นของเขาทำให้หญิงสาวถึงกับผงะหน้าหนีด้วยความตกใจ ก่อนที่จะยกมือขึ้นมาแตะท้องของตัวเองอย่างอัตโนมัติ สำรวจว่ามีสิ่งที่น่าเกลียดยื่นออกมาตรงนั้นหรือไม่

“นี่คุณนภหมายความว่ายังไง คุณหาว่าพิมอ้วนขึ้นงั้นเหรอคะ” สีหน้าของพิม-ลดาเริ่มงอง้ำ ใบหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธขึ้ง เพราะตั้งแต่โตมายังไม่มีใครกล้าพูดกับเธออีกเลยว่า รูปร่างของเธอน่าเกลียดขนาดนั้น

นภศูลก้มลงมองร่างเล็กที่กำลังแสดงท่าทางไม่มั่นใจในตัวเองด้วยความขบขันเต็มกำลัง ประกายตาของเขาเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนลงเล็กน้อย ไม่ขึงขังเหมือนตอนแรกที่เพิ่งเข้ามา หวนคิดไปถึงเหตุการณ์ในสมัยเด็กอีกครั้ง


เหตุการณ์เกิดขึ้นในเช้าวันหนึ่ง

“เป็นอะไรไปน่ะน้องพิม ทำไมเดินร้องไห้ออกมาจากบ้านแบบนั้น โดนอาอุดมตีมาอีกหรือเปล่า มาหาพี่สิ หยุดร้องไห้นะคนดี แล้วไหนลองมาเล่าเรื่องราวให้พี่ฟัง” เด็กชายนภศูลปีนรั้วบ้านที่อยู่ติดกันข้ามมาหา ดันร่างเล็กกระปุ๊กลุกของพิม-ลดาลงนั่ง รอฟังเรื่องราวของสาวน้อยด้วยความเป็นเดือนเป็นร้อนแทน

“ฮือๆๆ” เด็กสาวยังคงร้องไห้ไม่เลิก แต่ก็ยอมนั่งลงข้างๆเขา จนชุดแซ็คกระโปรงบานสีชมพูตัวเก่ง บานเป็นวงกลมล้อมรอบร่างน้อย

“คุณแม่บอกว่าน้องพิมอ้วน น้องพิมอ้วนแล้วก็ไม่สวยจริงๆเหรอคะ คุณแม่บอกว่าต้องผอมบางแบบน้องพิจึงจะสวย” พิม-ลดาเล่าพลางร้องไห้พลางจนน้ำตาเปื้อนไปทั่วไปหน้า ลำบากถึงนภศูลที่จะต้องเอื้อมมือออกมาคอยเช็ดน้ำตาให้

เด็กหญิงพิม-ลดาพยักหน้าตอบกลับไป ยิ้มออกมาจนแก้มใสเต้นระริก

นภศูลมองภาพนั้นด้วยความเอ็นดู พิม-ลดาในตอนนั้นอวบกำลังพอดี อยู่ในวัยที่น่ารัก แก้มของเธอเต็มตึงเป็นสีชมพูเปล่งปลั่ง ตากลมโต ปากเป็นกระจับสีแดงเข้ม

“น้องพิมของพี่นภน่ารักเสมอ ไหนดูสิ ไม่เห็นจะอ้วนตรงไหนเลย รูปร่างแบบนี้ล่ะที่พี่ชอบ ผอมเกินไปแบบน้องพิก็ไม่ไหว” เด็กชายนภศูลในตอนนั้นถึงกับส่ายหน้า

“งั้นถ้าน้องพิมอ้วนกว่านี้พี่นภก็ไม่ว่าใช่ไหมคะ” หญิงสาวฉีกยิ้มออกมาอย่างดีใจ กระตุกแขนเสื้อของเขาเป็นการใหญ่ เมื่อร้องขอความมั่นใจจากเขาอีกครั้ง

“แล้วพี่จะว่าได้ยังไงล่ะ เอาอย่างนี้นะ ถ้าน้องพิมไม่เชื่อล่ะก็ มาทานขนมที่บ้านพี่ไหม พี่จะให้คุณแม่ทำขนมเลี้ยง”

“ขนมอร่อยๆของคุณป้างั้นเหรอคะ” ประกายตาของคนถามแลดูสดใส คิดถึงขนมขึ้นมาทีไร พิม-ลดาไม่เคยที่จะอดใจได้

นภศูลมองสาวเด็กด้วยความเอ็นดู ก่อนที่จะฉุดมือน้อยๆให้ลุกขึ้นยืน

“งั้นตามพี่มา ว่าแต่เราจะปีนข้ามรั้วไปได้หรือเปล่า คงไม่ได้ล่ะสินะ งั้นไม่เป็นไร เหยียบบนหลังพี่ขึ้นไปก็ได้” ชายหนุ่มเสนอขึ้นมาด้วยความยินดี

“พี่นภจะให้พิมไปทางนี้งั้นเหรอคะ” พิม-ลดามีท่าทางไม่แน่ใจ

“ไม่เอาน่า อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ พี่ไม่ให้น้องพิมปีนก็ได้ งั้นเราเดินอ้อมหน้าบ้านไปก็แล้วกันนะ” ข้อเสนอใหม่ของเขาทำให้พิม-ลดาพยักหน้าเห็นด้วยด้วยความยินดี ทีครั้งนี้ล่ะกลับมาว่า พิม-ลดาในสมัยปัจจุบันถึงกับโกรธขึ้ง

“ไม่รู้ล่ะ ก็พิมหิวแล้วนี่คุณนภจะว่าพิมอ้วนก็ตามใจ พิมไม่เห็นจะแคร์เลย” น้ำเสียงของหญิงสาวทำให้นภศูลตื่นจากภวังค์

“งั้นก็ตามใจ แม่ให้ผมขึ้นมาตาม หิวแล้วนี่ ลงไปเสียสิ”

พิม-ลดาเดินผ่านหน้าเขาออกไป ทิ้งนภศูลเอาไว้ในห้องตามลำพัง

ชายหนุ่มเดินตรงไปยังตู้เสื้อผ้าหลังจากนั้น ยกเสื้อเชิ้ตตัวหนึ่งของเขาขึ้นมาดู พิม-ลดาทำงานเรียบร้อยเสมอ ทั้งที่ทำงานและทั้งที่บ้าน
นภศูลยิ้มออกมาอย่างพอใจ ก่อนที่เขาจะคิดขึ้นมาได้ว่า ไม่ควรปล่อยให้ความอ่อนโยนเข้ามาชักนำ พิม-ลดาจะต้องเจ็บช้ำ ให้สาสมกับความผิดที่เธอได้กระทำกับเขาและพิ-มลดา

‘เราจะใจอ่อนกับผู้หญิงเจ้ามารยาแบบนั้นไม่ได้เป็นอันขาด !’ ชายหนุ่มลูบไล้เสื้อเชิ้ตตัวนั้นไปมา ก่อนที่จะกระชากทิ้งทันทีอย่างไม่สนใจ


2 อาทิตย์ต่อมา

พิม-ลดาเตรียมพร้อมที่จะออกไปทำงานยังบริษัทรับเหมาโฆษณาของครอบครัวเธออีก ครั้ง หญิงสาวลุกจากเตียงเข้าไปอาบน้ำ แต่งกายด้วยชุดสูทกระโปรงทรงแคบสีกรมท่า ข้างในเป็นเสื้อเชิ้ตสีอ่อนกว่า มีโบว์ผู้ไว้อย่างเก๋ไก๋ตรงบริเวณรอบคอ

นภศูลตื่นขึ้นมาหลังจากนั้น ชายหนุ่มลุกขึ้นนั่ง เอนหลังพิงหัวเตียงเอาไว้ ปรายตามองไปทางภรรยาที่กำลังนั่งหวีผมอยู่หน้าโต๊ะแต่งตัว
เขาใช้ชีวิตอยู่กับพิม-ลดามา 2 อาทิตย์แล้ว นอนด้วยกันเช่นนี้ทุกคืน แม้กระทั่งตอนเช้านี้ที่พิม-ลดาตื่นขึ้นมาก่อน ถึงแม้ว่าระหว่างเขากับพิม-ลดายังไม่เป็นสามีภรรยากันตามพฤตินัยกันก็ตาม

นภศูลหวนคิดไปถึงเหตุการณ์เมื่ออาทิตย์ก่อน ภายในห้องนอนที่มีเพียงเขาและพิม-ลดาในคืนหนึ่ง

หลังจากที่ชายหนุ่มนอนอ่านหนังสืออยู่บนเตียงฆ่าเวลา รอจนกว่าพิม-ลดาเดินออกมาจากห้องน้ำ ชายหนุ่มจึงวางหนังสือเล่มนั้นลง แล้วเอ่ยขึ้น

“ผมคิดว่าเรามีบางอย่างต้องตกลงกัน”

พิม-ลดาชะงักเท้าที่กำลังจะก้าวตรงไปยังโต๊ะเครื่องแป้ง แล้วทอดสายตามองมาทางนภศูลด้วยความสงสัย ก่อนที่จะก้าวมานั่งตรงปลายเตียง

“คุณนภมีอะไรงั้นเหรอคะ” หญิงสาวเอียงคอถามออกไป คิ้วของเธอย่นเข้าหากันอย่างสงสัย สบตาเขากลับมาด้วยดวงตากลมแป๋ว
นภศูลเห็นแววที่จะพ่ายแพ้อยู่ตรงหน้า ด้วยกิริยาที่เธอแสดงออกมาช่างน่ารักนัก ยิ่งเมื่อใบหน้าใสนั้นโน้มเข้ามาใกล้ รอฟังเขาอย่างตั้งใจแบบนั้น

กลิ่นกายของเธอบวกกับกลิ่นสบู่อ่อนๆโชยมากระทบจมูกของเขาเข้าอย่างจัง นภศูลลืมตัวแอบสูดลมหายใจเข้า รับเอากลิ่นนั้นเข้าจนเต็มปอด ก่อนที่จะแสร้งทำเป็นขึงขัง วางสีหน้าจริงจัง กลบกลื่นภฤติกรรมที่กำลังสั่นไหวของตัวเอง

“เราต่างก็รู้ว่า ผมไม่ได้มีใจพิศวาสอะไรคุณนักหนา หรือแทบจะเรียกได้ว่า ไม่เคยคิดฉันท์ชู้สาวกับคุณเลยด้วยซ้ำ แต่ที่แต่งด้วยเพราะจะปัดความรับผิดชอบก็ไม่ได้” ชายหนุ่มเริ่มเรื่องขึ้น แล้วชันตัวขึ้นนั่งบนเตียง สอดหมอนใบหนึ่งเข้าใต้หลังของเขา ลอบสังเกตมองท่าทีของพิม-ลดา ซึ่งนั่งมองเขาแล้วเบิ่งตากว้างด้วยความตกใจ

หญิงสาวส่ายหน้าหนึ่งครั้ง ตั้งสติขึ้นมาใหม่ ไม่ยอมกล่าวอะไรออกไป รอจนกว่าเขาจะไขข้อสงสัยออกมา

“เราจะแต่งกันในนามเท่านั้น ผมจะรอให้เรื่องนี้ซาลงเล็กน้อย แล้วผมจะหย่ากับคุณทันที” ประโยคต่อมาของเขานี่สิ ถึงทำให้เธอกระจ่างขึ้นมาได้

พิม-ลดาก้มหน้ามองผ้าปูเตียงสีอ่อนด้วยความน้อยใจ คำพูดของเขาบ่งบอกแน่ชัด ไม่ต้องการเธอเลยซักนิด เพียงแค่คิดขอบตาก็ร้อนผ่าว ความสับสนไม่แน่ใจต่างประดังกันเข้ามา รู้เพียงแต่ว่าตอนนี้หัวใจของเธอกำลังร่ำไห้

“คุณนภต้องการจะบอกอะไรกับพิมงั้นเหรอคะ” หญิงสาวถามกลับไป

นภศูลพยายามคาดเดาความคิดของเธอ

“ผมคิดว่าอย่างน้อยก็ควรจะให้เกียรติ์คุณบ้าง ผมขอสัญญาว่าจะไม่ทำอะไรคุณก่อนเป็นอันขาด ข้อนี้คุณสบายใจได้ เราจะนอนด้วยกันเฉยๆโดยไม่ทำอะไร แต่ถ้าจะให้ผมสละเตียงให้คุณคนเดียวนั้นไม่มีทาง” อย่าได้ถามหาความเป็นสุภาพบุรุษจากเขา ในเมื่อเธอไม่เคยคิดจะเป็นกุลสตรีกับเขาก่อน ตาต่อตาฟันต่อฟัน เธอดีมาเขาไม่ดีตอบ แต่ถ้าเธอร้ายมา เขาจะร้ายกว่าเป็นสองเท่า !

“เอาแบบนี้ก็แล้วกัน ผมจะไม่ปล้ำคุณก่อนเป็นอันขาด แต่ถ้าคุณทนอดอยากไม่ได้ขึ้นมาล่ะก็ นั่นอีกเรื่องหนึ่ง”

คำกล่าวของเขาทำเอาแก้มเนียนใสของพิม-ลดาถึงกับแดงซ่าน ดวงตากลมโตของเธอยิ่งเบิ่งกว้างมากไปกว่าเดิม จ้องม้าน้ำศูลราวกับว่าของเป็นตัวอะไรซักอย่างที่ไม่เคยเห็น

“นี่คุณกลัวว่าพิมจะเป็นผ่ายปล้ำคุณงั้นเหรอคะ” พิม-ลดาถามด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักออกมาอย่างไม่แน่ใจ

“ก็ใช่นะสิ” ชายหนุ่มตอบสวนกลับมาทันทีอย่างไม่ต้องคิด สะกิดให้พิม-ลดาชักจะโกรธขึ้นมาแล้วบ้าง หญิงสาวเชิดหน้าขึ้นมาอย่างหยิ่งผยอง ไม่ยอมก้มลงมาสายตาดูหมิ่นแกมดูแคลนของเขา

“พิมก็ไม่ได้พิศวาสอะไรคุณนภนักหรอกคะ อย่ากังวลเป็นเลย ที่คุณนภเสนอมานั้น เอาเป็นว่ามตกลงทุกอย่าง เข้าใจไหมคะ” ความโกรธและรักในศักดิ์ศรีทำให้เธอเข้มแข็งขึ้นมาได้บ้าง แม้ที่จริงแล้วจะเสียใจคำคำพูดและการกระทำของเขาก็ตาม แต่ถ้าจะให้ลดตัวลงไปแบบนั้น เธอไม่มีวันทำแน่

“งั้นก็ดี เราต่างคนต่างอยู่ก็แล้วกัน ผมอยากจะรู้นักว่า คุณจะทนได้นานแค่ไหน” นภศูลกล่าวออกมาราวกับว่าถ้าขาดเรื่องแบบนั้นไปนานๆพิม-ลดาจะทนอยู่เฉยต่อไป ไม่ได้ เธอจะต้องคุกเข่าอ้อนวอนขอเขา หรือไม่ก็ลงทุนใช้มารยากับเขาอีกครั้ง

“หวังว่าคราวนี้คงจะไม่ถึงขนาดต้องวางยากันอีกนะ ถ้าต้องการเมื่อไหร่ก็ให้พอ บางทีผมอาจเห็นใจ ถึงแม้จะช่วยไม่ได้มาก แต่ก็ได้ชื่อว่าเป็นสามีของคุณ” พิม-ลดาหน้าตาซีดเซียวเพราะคำพูดของเขา ที่ยิ่งจะกล่าวหาเธอมากยิ่งขึ้น แต่ถ้าจะให้เขารู้ว่ากำลังเป็นต่อเธออยู่หลายขุมแล้วล่ะก็ ไม่มีทาง เธอยอมตายเสียดีกว่าจะให้เขารู้ว่า เธอหวั่นไหวกับท่าทางและคำพูดของเขามากเพียงไร

“งั้นก็ดีคะ พิมก็อยากจะรู้เหมือนกันล่ะว่า ใครกันแน่ที่จะต้องคลานเข่าเข้ามาอ้อนวอน”

หลังจากคืนนั้นเป็นต้นมาทั้งคู่ก็มักจะนอนหันหลังให้กันเกือบทุกคืน แม้บางตื้นศูลจะค่อนขอดเธอว่า ที่นอนหันหลังให้เขาก่อนนั้นด้วยเกรงว่าจะอดใจไม่ให้กระโจนเข้ามาปล้ำเขาไม่ ไหว แม่พิมพ์-ลดาก็หาสนใจ แถมยังขยันงัดเอาชุดนอนบ้าบออะไรก็ไม่รู้ออกมาใส่ยั่วเขาทุกคืน และบางคืนถึงขั้นใช้ชุดนอนกระโปรงยาวผ้าบางนุ่นมือเสียด้วยซ้ำ เล่นเอาคนที่นอนข้างแทบจะอดใจไว้ไม่ไหว ดีนะที่เธอไม่กล้าใส่ซีทรู ไม่อย่างนั้นล่ะก็ ต้องเป็นศูลเองแน่ที่ผิดสัญญา ข้อตกลงที่ยื่นเสนอออกไปกลับกลายเป็นว่า เขาต้องนอนทรมานอยู่เพียงคนเดียว

“นั่นกำลังจะออกไปไหน” จู่ๆนภศูลก็ถามขึ้น

พิม-ลดาละมือจากการแปรงผมแล้วหันกลับมามองหน้าเขา

“พิมจะกลับไปทำงานคะ ครบกำหนดลางานของพิมแล้ว”

นภศูลลุกจากเตียงเตรียมตัวที่จะเข้าไปอาบน้ำ ชายหนุ่มคว้าเสื้อคลุมสีน้ำเงินเข้มของเขาขึ้นมา แล้วเอ่ยกับพิม-ลดาออกไปว่า

“อย่างนั้นเหรอ งั้นรอผมเดี๋ยว เราจะออกไปพร้อมกัน” คำกล่าวของเขายิ่งเพิ่มความแปลกใจให้แก่พิม-ลดา

“คุณนภว่าอะไรนะคะ” เธอถามกลับมาอีกครั้ง

นภศูลทำสีหน้าเบื่อหน่าย ปรายตามองไปทางภรรยาก่อนที่จะเดินเข้ามาใกล้

“ผมบอกว่าเราจะไปทำงานพร้อมกัน ผมลาออกให้คุณเรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่นี้ต่อไปคุณจะต้องมาทำงานกับผม”

“อะ...อะไรนะคะ” เขายิ่งพูดเธอยิ่งสับสน มึนงงกับเหตุการณ์เฉพาะหน้าที่เพิ่งรับรู้

“คุณนภทำแบบนั้นได้ยังไงกัน นั่นบริษัทของพ่อพิมนะคะ ถ้าพิมไม่ไปทำงานแล้วใครจะทำ คุณนภอย่ามาอำพิมเลยดีกว่า ไม่เอาแล้วคะ เดี๋ยวพิมจะไปทำงานสาย” พิม-ลดาคว้าแฟ้มรายงานยอดสรุปของบริษัทขึ้นมา ทำท่าจะก้าวออกไปจากห้อง

“เดี๋ยวก่อนพิม-ลดา” นภศูลเรียกเธอเอาไว้ด้วยน้ำเสียงจริงจังจนพิม-ลดาชักไม่แน่ใจ หญิงสาวชะงักเท้าตรงหน้าประตูก่อนที่จะหันกลับมาใหม่ ภาวนาว่าที่เขากล่าวมานั้นไม่ใช่เรื่องจริง

“ที่ผมบอกคุณไม่เข้าใจหรือยังไง ไหนๆตอนนี้คุณก็ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาของผมแล้ว ทางที่ดีอย่าทำให้เรื่องยุ่งยากเลยดีว่า ผมว่าบอกลาออกให้คุณแล้วก็เป็นไปตามนั่นสิ ที่สำคัญพ่อของคุณก็อนุญาตแล้วด้วย” คำกล่าวของเขาเล่นเอาพิม-ลดาถึงกับเข่าอ่อน แล้วแบบนี้เธอจะไปทำงานได้ที่ไหน

“เอาล่ะ ในเมื่อเข้าใจแล้วก็ดี เข้ามาสิ จัดหาเสื้อผ้าให้ผมหน่อย เดี๋ยวเราจะออกไปทำงานพร้อมกัน ผมจะให้คุณไปเป็นเลขาส่วนตัว” พูดเสร็จเขาก็หายเข้าไปในห้องน้ำ ทิ้งให้พิม-ลดายืนทำสีหน้างงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หญิงสาวเดินกลับเข้ามาในห้องอีกครั้งด้วยหัวใจอันเลื่อนลอย เปิดตู้เสื้อผ้าของเขาออก แล้วหยิบเสื้อเชิ้ตเยื้อบางสีฟ้าของเขาออกมา ก่อนที่จะหันไปเลือกสูทและกางเกงสแล็กสีกรมท่า กับเนคไทสีอ่อนกว่าออกมาพร้อมกัน

หลังจากนั้นอีกไม่นานนภศูลก็เดินออกมาจากห้องน้ำ ชายหนุ่มปรายตามองไปทางเสื้อผ้าที่พิม-ลดาจัดมาวางให้เขาด้วยความพอใจ แม้ว่าเธอกับเขาจะไม่กินเส้นกันซักเท่าไหร่ แต่เธอก็ไม่เคยทำอะไรที่เป็นการหักหน้าเขา

พิม-ลดาให้เกียรติเขาเสมอในทุกกรณี

บัดนี้เธอไม่ได้อยู่ในห้องอีกแล้ว สงสัยจะลงไปรอเขาอยู่ด้านล่าง หรือไม่ก็ยังคงสบสนกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น

‘นี่มันยังน้อยไปพิม-ลดา คุณจะต้องได้รับการลงทัณฑ์จนกว่าผมจะพอใจ !’ ประกายตาของชายหนุ่มแข็งกร้าวขึ้นมาใหม่ ใบหน้าคมสันเข้มขึ้นเล็กน้อย ริมฝีปากยักหนาขบเม้มเข้าหากัน

ความผิดหวังในตัวพิม-ลดากำลังถาโถมกันเขามา เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า เธอจะหักหลังความรู้สึกดีๆของเขาที่เชื่อเสมอว่าเธออ่อนโยนและน่ารักลงไปได้ พิม-ลดาในวันนี้ช่างร้ายกาจมารยาสารพัด หรือในอดีตที่ผ่านมา เขาถูกเธอหลอกใช้ตลอดมาจนตายใจ ความรู้สึกพิเศษกับเธอยิ่งกว่าคนอื่นใด บัดนี้ถูกความแค้นแปลเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง

การลงทัณฑ์ของเขาเพิ่งเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น พิม-ลดาจะต้องได้รับบทเรียนอย่างแสบสันต์ เขาจะเริ่มต้นด้วยการทำลายน้ำใจของเธอทีล่ะน้อย

วันนี้หลังเลิกงานเขาจะพาเธอไปหาพิ-มลดา อยากจะรู้นักว่า เธอจะมีสีหน้ายังไง !!

นภศูลคิดอย่างหมายมั่น จะมีแค่เพียงพิม-ลดาเท่านั้นที่จะเจ็บปวด



รรรรรรณ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 20 พ.ย. 2556, 09:14:46 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 20 พ.ย. 2556, 09:14:46 น.

จำนวนการเข้าชม : 1048





<< ตอนที่ 2   ตอนที่ 4 >>
Zephyr 21 พ.ย. 2556, 02:15:46 น.
เออ เอาเลยไอ้คนไม่รู้ใจตัวเอง
หัวเราะทีหลังสะใจกว่าเป็นเท่าตัว โฮะๆๆๆๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account