เรือนกุหลาบ
กุหลาบแสนสวยดอกนั้น ช่างแสนดี เป็นที่รักเทิดทูนบูชาของหล่อนสุดหัวใจตั้งแต่เล็กจนโต..หญิงสาวไม่รู้เลย ว่าเบื้องหลังกุหลาบสีสวยนั้นซ่อนคมหนามไว้มิดชิด..เพื่อเป็นอุปสรรคขัดขวางความรักของหล่อนทุกวิถีทาง!
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: กุหลาบสีขาวหางาน (ต่อ)
อาคารทรงสี่เหลี่ยมคางหมูกรุกระจกสะท้อนแสงโดยรอบดูแปลกตา ตัวตึกไม่สูงมากนักอย่างที่อาคารธุรกิจในเมืองหลวงมักทำกัน สถาปัตยกรรมเบื้องหน้าถูกใจผู้มาใหม่มิใช่น้อย มุกดาแหงนหน้ามองแล้วกอดอกยืนยิ้มอยู่คนเดียว ผู้คนในวันทำงานเดินสวนเข้าออกอาคารกันขวักไขว่ หลายคนชำเลืองแลมายังสตรีแปลกหน้าด้วยความไม่คุ้นตา ทว่ารอยยิ้มที่ปรากฏอยู่บนมุมปากของผู้พบเห็นโดยเฉพาะชายหนุ่ม บ่งบอกลักษณะดึงดูดของแขกหน้าใหม่ได้ดี
หญิงสาวในชุดจั๊มสูทสีขาวท่าทางมั่นใจในตัวเองแต่มีประกายอ่อนโยนสดใสต่อสายตาทุกคนที่จ้องมองมา เวลานี้กลับต้องสูดหายใจเข้าเต็มปอด ภายนอกหล่อนอาจดูมั่น แต่ภายในมีแต่ความลุ้นระทึก ความหวังเดียวสุดท้ายที่หล่อนจะได้งานประจำทำกับเขาสักทีฝากไว้ที่บริษัทนี้แห่งเดียวเท่านั้น
มุกดาถอดแว่นตาดำอันใหญ่เก็บใส่กระเป๋าสะพายเมื่อเดินมาถึงหน้าประตูกระจกชั้นล่าง พนักงานรักษาความปลอดภัยมองลอดกระจกใสออกมาแล้วยิ้มต้อนรับแบบออกนอกหน้า เมื่อเทียบกับแขกคนอื่นๆ
พื้นหินกลัดประดับกรวดสีสวยตรงสองข้างทางจะไม่สะดุดตาหล่อนเลย หากไม่มีแปลงกุหลาบขาวออกดอกสะพรั่งเรียงยาวตลอดแนว ความรู้สึกบางอย่างกระตุกวาบขึ้นในใจ ทว่ามุกดาก็สลัดความคิดนั้นออกจากสมอง..มันคงไม่มีอะไรไปมากกว่าความบังเอิญ!
“เป็นแขกวีไอพีของคุณชโลทรหรือเปล่าครับ”
พนักงานชายคนนั้นเอ่ยถาม ทีท่าสุภาพนอบน้อม หากแต่สายตากรุ้มกริ่ม
“นัดท่านประธานไว้ใช่ไหมครับ”
มุกดาได้แต่นึกขันในใจ หล่อนยังไม่ได้ปริปากพูดอะไรสักคำ กลับโดนทึกทักไปเสียโน่น
“เปล่าค่ะ ดิฉันมาสมัครงาน”
หญิงสาวส่ายหน้าเพียงเล็กน้อยแล้วยิ้มตอบอย่างมีไมตรี
“อะ..อ้อ ครับ”
ชายวัยฉกรรจ์ร่างป้อมคนนั้นถึงกับทำหน้าไม่ถูก แต่ก็รีบกลบเกลื่อนความเก้อเขินไว้ได้ทัน
“ดิฉันทราบมาว่า บริษัทนี้เปิดรับสมัครมัณฑนากรทำงานประจำหนึ่งตำแหน่ง”
หญิงสาวอธิบาย ถึงแม้จะรู้ดีว่าอาจไม่มีประโยชน์อะไรสำหรับการบอกกล่าว
“เอ่อ..ตำแหน่งมัณฑนากรหรือครับ”
เสียงชายคนนั้นฟังแปร่งๆอย่างไรพิกลในความรู้สึกของมุกดา
“ดิฉันทราบข่าวมาผิดหรือคะ”
“เอ่อ..” ชายร่างป้อมใบหน้าคร้ามทำท่าเหมือนเสียดาย แต่เพียงอึดใจเดียวก็รีบเอ่ย
“เชิญที่แผนกฝ่ายบุคคลชั้นสองครับคุณผู้หญิง”
มุกดายิ้มกว้าง หล่อนก้มศีรษะเล็กน้อยแทนคำขอบคุณก่อนจะตรงดิ่งไปยังบันไดเลื่อนด้านขวามือ
และท่าทางแบบนั้นก็ทำให้พนักงานผู้หวังดีแอบรู้สึกผิดอยู่ในใจ
บนชั้นสองของอาคาร แผนกงานต่างๆถูกจัดไว้เป็นสัดส่วน ทว่าแปลกตาตรงที่ไม่ว่าผู้มาใหม่จะมองไปทางไหนก็เห็นแต่ผู้ชาย ไม่มีพนักงานผู้หญิงเลยสักคนเดียวตั้งแต่หล่อนก้าวเข้ามาในบริษัทแห่งนี้
มุกดายืนเหลียวซ้ายแลขวาไม่รู้จะเริ่มจากจุดไหน เพียงครู่เดียวก็มีพนักงานที่คาดว่าจะมีตำแหน่งสูงพอควร เดินตรงเข้ามาหา ก่อนจะรีบแนะนำตัวอย่างไม่เป็นทางการ
“ผมชื่อ กฤษดา ครับ คุณเป็นแขกท่านประธาน หรือเปล่าครับ”
ชายคนนั้นรูปร่างหน้าตาพอเป็นนายแบบได้สบาย การแต่งกายในชุดสูทเนี้ยบหรู มุกดานึกเดาเล่นๆ ว่าเขาอาจจะเป็นหัวหน้าฝ่ายอะไรสักอย่าง หรือไม่ก็เป็นระดับผู้จัดการ เขายิ้มให้หล่อนอย่างสุภาพ ทว่าสายตาที่มองมาคลับคล้ายจะเหมือนชายฉกรรจ์ที่ยืนต้อนรับหล่อนหน้าประตู ชายหนุ่มยื่นมือขึ้นมา ประสงค์จะทำการทักทายแขกตามแบบฉบับชาวตะวันตก แต่มุกดากลับกระพุ่มมือไหว้อย่างสวยงามเป็นการตอบรับ
“ดิฉันมาสมัครเป็นมัณฑนากรประจำบริษัทค่ะ”
หล่อนบอกเสียงเรียบ แต่ไม่กระด้างจนถึงกับขัดหูคนฟัง..อีกครั้งที่มุกดาเห็นสีหน้าแปร่งๆของพนักงานอีกคน เขาทำท่าเหมือนเสียดายไม่ต่างจากที่หล่อนเคยเห็นมาแล้วชั้นล่าง
“เอ่อ..”
และคำพูดตะกุกตะกักที่อีกฝ่ายมอบให้ก็เสมือนลอกอาการแบบเดียวกันมาไม่ผิดเพี้ยน
“มีอะไรหรือเปล่าคะ”
มุกดารีบเอ่ยถามด้วยความกังวล
ชายหนุ่มคนนั้นลอบถอนใจ ก่อนจะสั่นศีรษะรัวเร็ว
“ปะ เปล่าครับ พอดีหัวหน้าฝ่ายบุคคลออกไปทานข้าว อาจจะยังไม่สะดวกตอนนี้”
มุกดาเลิกคิ้วประหลาดใจพลางยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู
“บ่ายสองเนี่ยนะคะ”
“เอ่อ คือ พอดีงานฝ่ายนั้นเขาเยอะช่วงนี้ ก็เลยทานข้าวกันไม่ค่อยตรงเวลาน่ะครับ”
เขาพยายามให้คำอธิบาย
มุกดาพยักหน้าเห็นใจ
“ไม่เป็นไรค่ะ ดิฉันรอได้”
ฝ่ายนั้นทำท่าสะดุ้งขึ้นมาอีกรอบ
“เอ่อ..คือ”
คำอธิบายยังไม่ทันนึกได้ เสียงแหบห้าวทว่ามีจริตของใครคนหนึ่งก็ดังแทรกขึ้นก่อน
“มีอะไรหรือฮะคุณกฤษดา”
บุคคลที่ก้าวเข้ามายืนตรงหน้าหญิงสาววางท่าว่ามีอำนาจพอควร สายตาจิกกัดที่เหลือบแลหล่อนตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าทำให้รู้สึกหนาวๆร้อนๆอย่างบอกไม่ถูก
“เอ่อ..คือ”
คุณพนักงานมาดเนี้ยบออกอาการติดอ่างไม่เลิก จนมุกดานึกรำคาญ จึงชิงพูดขึ้นมาเอง
“ดิฉันจะมาสมัครเป็นมัณฑนากรประจำค่ะ”
สีหน้าและแววตาของสาวประเภทสองผู้มาใหม่บอกได้ชัดถึงความเหยียดหยันที่มีต่อหล่อน เขายืดอกเชิดหน้าก่อนเอ่ย ร่างอวบความสูงไล่เลี่ยกับหล่อนพยายามเขย่งยืนเพื่อข่มรัศมีของผู้มาเยือน
“มีคนมาสมัครไปเมื่อวาน.ตำแหน่งนี้เต็มแล้ว!”
หางเสียงห้วนสั้นบอกชัดถ้อยชัดคำ ปราศความเป็นมิตร
“ตะ..เต็มแล้ว หรือคะ”
เสียงมุกดาอ่อยลงอย่างคนหมดหวัง ถ้าหล่อนไม่มีสติพอคงล้มทั้งยืนไปแล้ว
“เชิญ”
เขาบอกเสียงนุ่มนวล พลางผายมือไปยังทิศที่หล่อนเดินมา
มุกดายังปักหลักอยู่ที่เดิม หล่อนตัดสินใจอยู่นาน กว่าจะล้วงลงไปหยิบเอกสารปึกใหญ่ในกระเป๋าขึ้นมา
“นี่เป็นรีซูเม่ ผลงานสมัยเรียนมหาลัย แล้วก็โปรเจ๊คใหญ่อีกหลายโปรเจ๊คที่เคยรับจ๊อบนะคะ”
“เอามาให้ฉันทำไม”
เสียงนั้นติดจะห้วนขึ้นมาอีกครั้ง หางตาที่เหลือบมามองของในมือหล่อนไม่ได้บอกว่าสนใจไยดีแม้แต่น้อย
เงียบกันไปพักใหญ่ เงยหน้าขึ้นมาอีกที แววอรุณเกือบจะผงะถอยด้วยความคาดไม่ถึง
หญิงสาวร่างแบบบางในชุดจั๊มสูทกำลังน้ำตาไหลพราก ตัวสั่นเทิ้มจนคนใจแข็งอย่างเลขานุการรุ่นใหม่ไฟแรงอย่างเขาถึงกับใจอ่อนยวบ
“ดะ..เดี๋ยวๆ เป็นอะไรไปแม่หนู”
มุกดาเงยหน้าขึ้นมามองเขาด้วยนัยน์ตาวาววามโศกสลด น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาจริงใจ มิได้เพื่อเสแสร้งทำจริตอย่างที่เขาคิดไว้ตอนแรก
“หนูกำลังตกงาน ไม่มีใครรับงานหนูเลย คุณช่วยกรุณารับสิ่งนี้ไว้” มุกดาเอื้อมมือไปคว้ามือหนาหนักของอีกฝ่ายมารับเอกสารปึกนั้นเอาไว้ ก่อนจะวอนขอครั้งสุดท้าย
“ เผื่อจะเปลี่ยนใจรับหนูไว้เป็นตัวสำรองก็ยังดี”
หญิงสาวผิวขาวนวลเจ้าของใบหน้าล้อมกรอบผมลอนสีดำสนิทประบ่าคนนั้นเดินจากไปนานแล้ว สภาพที่แววอรุณจำติดตาคือเจ้าหล่อนเดินคอตกกลับไป เห็นชัดว่าผิดหวังรุนแรงเอาการ คนใจแข็งอย่างเขาทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้เบาะหนังด้วยความรู้สึกอธิบายยาก...เกิดมาไม่เคยเจออะไรแบบนี้!
“เฮ้อ..”
เลขานุการคนเก่งหันไปมองห้องทำงานด้านหลังโต๊ะประจำการแล้วต้องลอบถอนใจ เขาควรสงสารตัวเอง หรือสงสารหญิงสาวหน้าแชล่มคนนั้นมากกว่า
“แม่หนูเอ๊ย..ไม่รู้เสียแล้วว่ากฎเหล็กของท่านประธานคือห้ามรับพนักงานผู้หญิงเข้าทำงาน”
เขาพึมพำอย่างเหนื่อยใจ
“โดยเฉพาะผู้หญิงรูปร่างหน้าตาอย่างเธอ!”
ความที่มัวสบถอยู่กับเอกสารบนโต๊ะ..เอกสารที่ถูกยัดเยียดโดยที่เขาไม่เต็มใจรับเลยแม้แต่น้อย แววอรุณจึงไม่ทันสังเกตว่ามีใครคนหนึ่งแอบอ้อมมาทางด้านหลัง มืออุ่นๆตรงเข้ามาปิดตาทั้งสองข้างเขาได้สำเร็จอย่างที่หวัง
“ว้าย ตาเถน กรีดกราย ใครแกล้งชั้นยะ”
“เฮลโหล จำผมได้รึเปล่า”
ชายหนุ่มร่างสูงยื่นหน้าเข้ามาใกล้ก่อนจะค่อยๆขยับมือออก
“ไฮ้!”
เสียงหวีดร้องดังขึ้นอีก แต่คราวนี้ไม่ใช่ตกใจเหมือนคราวแรก
“คุณกวิน..ไหนบอกจะกลับมาวีคหน้า”
ดวงตาคมใต้คิ้วพาดเฉียงมองมาโดยไม่ตอบอะไร นอกจากฟันขาวเรียงที่เผยชัดว่ายินดีแค่ไหนสำหรับการพบเจอกันครั้งนี้
หญิงสาวในชุดจั๊มสูทสีขาวท่าทางมั่นใจในตัวเองแต่มีประกายอ่อนโยนสดใสต่อสายตาทุกคนที่จ้องมองมา เวลานี้กลับต้องสูดหายใจเข้าเต็มปอด ภายนอกหล่อนอาจดูมั่น แต่ภายในมีแต่ความลุ้นระทึก ความหวังเดียวสุดท้ายที่หล่อนจะได้งานประจำทำกับเขาสักทีฝากไว้ที่บริษัทนี้แห่งเดียวเท่านั้น
มุกดาถอดแว่นตาดำอันใหญ่เก็บใส่กระเป๋าสะพายเมื่อเดินมาถึงหน้าประตูกระจกชั้นล่าง พนักงานรักษาความปลอดภัยมองลอดกระจกใสออกมาแล้วยิ้มต้อนรับแบบออกนอกหน้า เมื่อเทียบกับแขกคนอื่นๆ
พื้นหินกลัดประดับกรวดสีสวยตรงสองข้างทางจะไม่สะดุดตาหล่อนเลย หากไม่มีแปลงกุหลาบขาวออกดอกสะพรั่งเรียงยาวตลอดแนว ความรู้สึกบางอย่างกระตุกวาบขึ้นในใจ ทว่ามุกดาก็สลัดความคิดนั้นออกจากสมอง..มันคงไม่มีอะไรไปมากกว่าความบังเอิญ!
“เป็นแขกวีไอพีของคุณชโลทรหรือเปล่าครับ”
พนักงานชายคนนั้นเอ่ยถาม ทีท่าสุภาพนอบน้อม หากแต่สายตากรุ้มกริ่ม
“นัดท่านประธานไว้ใช่ไหมครับ”
มุกดาได้แต่นึกขันในใจ หล่อนยังไม่ได้ปริปากพูดอะไรสักคำ กลับโดนทึกทักไปเสียโน่น
“เปล่าค่ะ ดิฉันมาสมัครงาน”
หญิงสาวส่ายหน้าเพียงเล็กน้อยแล้วยิ้มตอบอย่างมีไมตรี
“อะ..อ้อ ครับ”
ชายวัยฉกรรจ์ร่างป้อมคนนั้นถึงกับทำหน้าไม่ถูก แต่ก็รีบกลบเกลื่อนความเก้อเขินไว้ได้ทัน
“ดิฉันทราบมาว่า บริษัทนี้เปิดรับสมัครมัณฑนากรทำงานประจำหนึ่งตำแหน่ง”
หญิงสาวอธิบาย ถึงแม้จะรู้ดีว่าอาจไม่มีประโยชน์อะไรสำหรับการบอกกล่าว
“เอ่อ..ตำแหน่งมัณฑนากรหรือครับ”
เสียงชายคนนั้นฟังแปร่งๆอย่างไรพิกลในความรู้สึกของมุกดา
“ดิฉันทราบข่าวมาผิดหรือคะ”
“เอ่อ..” ชายร่างป้อมใบหน้าคร้ามทำท่าเหมือนเสียดาย แต่เพียงอึดใจเดียวก็รีบเอ่ย
“เชิญที่แผนกฝ่ายบุคคลชั้นสองครับคุณผู้หญิง”
มุกดายิ้มกว้าง หล่อนก้มศีรษะเล็กน้อยแทนคำขอบคุณก่อนจะตรงดิ่งไปยังบันไดเลื่อนด้านขวามือ
และท่าทางแบบนั้นก็ทำให้พนักงานผู้หวังดีแอบรู้สึกผิดอยู่ในใจ
บนชั้นสองของอาคาร แผนกงานต่างๆถูกจัดไว้เป็นสัดส่วน ทว่าแปลกตาตรงที่ไม่ว่าผู้มาใหม่จะมองไปทางไหนก็เห็นแต่ผู้ชาย ไม่มีพนักงานผู้หญิงเลยสักคนเดียวตั้งแต่หล่อนก้าวเข้ามาในบริษัทแห่งนี้
มุกดายืนเหลียวซ้ายแลขวาไม่รู้จะเริ่มจากจุดไหน เพียงครู่เดียวก็มีพนักงานที่คาดว่าจะมีตำแหน่งสูงพอควร เดินตรงเข้ามาหา ก่อนจะรีบแนะนำตัวอย่างไม่เป็นทางการ
“ผมชื่อ กฤษดา ครับ คุณเป็นแขกท่านประธาน หรือเปล่าครับ”
ชายคนนั้นรูปร่างหน้าตาพอเป็นนายแบบได้สบาย การแต่งกายในชุดสูทเนี้ยบหรู มุกดานึกเดาเล่นๆ ว่าเขาอาจจะเป็นหัวหน้าฝ่ายอะไรสักอย่าง หรือไม่ก็เป็นระดับผู้จัดการ เขายิ้มให้หล่อนอย่างสุภาพ ทว่าสายตาที่มองมาคลับคล้ายจะเหมือนชายฉกรรจ์ที่ยืนต้อนรับหล่อนหน้าประตู ชายหนุ่มยื่นมือขึ้นมา ประสงค์จะทำการทักทายแขกตามแบบฉบับชาวตะวันตก แต่มุกดากลับกระพุ่มมือไหว้อย่างสวยงามเป็นการตอบรับ
“ดิฉันมาสมัครเป็นมัณฑนากรประจำบริษัทค่ะ”
หล่อนบอกเสียงเรียบ แต่ไม่กระด้างจนถึงกับขัดหูคนฟัง..อีกครั้งที่มุกดาเห็นสีหน้าแปร่งๆของพนักงานอีกคน เขาทำท่าเหมือนเสียดายไม่ต่างจากที่หล่อนเคยเห็นมาแล้วชั้นล่าง
“เอ่อ..”
และคำพูดตะกุกตะกักที่อีกฝ่ายมอบให้ก็เสมือนลอกอาการแบบเดียวกันมาไม่ผิดเพี้ยน
“มีอะไรหรือเปล่าคะ”
มุกดารีบเอ่ยถามด้วยความกังวล
ชายหนุ่มคนนั้นลอบถอนใจ ก่อนจะสั่นศีรษะรัวเร็ว
“ปะ เปล่าครับ พอดีหัวหน้าฝ่ายบุคคลออกไปทานข้าว อาจจะยังไม่สะดวกตอนนี้”
มุกดาเลิกคิ้วประหลาดใจพลางยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู
“บ่ายสองเนี่ยนะคะ”
“เอ่อ คือ พอดีงานฝ่ายนั้นเขาเยอะช่วงนี้ ก็เลยทานข้าวกันไม่ค่อยตรงเวลาน่ะครับ”
เขาพยายามให้คำอธิบาย
มุกดาพยักหน้าเห็นใจ
“ไม่เป็นไรค่ะ ดิฉันรอได้”
ฝ่ายนั้นทำท่าสะดุ้งขึ้นมาอีกรอบ
“เอ่อ..คือ”
คำอธิบายยังไม่ทันนึกได้ เสียงแหบห้าวทว่ามีจริตของใครคนหนึ่งก็ดังแทรกขึ้นก่อน
“มีอะไรหรือฮะคุณกฤษดา”
บุคคลที่ก้าวเข้ามายืนตรงหน้าหญิงสาววางท่าว่ามีอำนาจพอควร สายตาจิกกัดที่เหลือบแลหล่อนตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าทำให้รู้สึกหนาวๆร้อนๆอย่างบอกไม่ถูก
“เอ่อ..คือ”
คุณพนักงานมาดเนี้ยบออกอาการติดอ่างไม่เลิก จนมุกดานึกรำคาญ จึงชิงพูดขึ้นมาเอง
“ดิฉันจะมาสมัครเป็นมัณฑนากรประจำค่ะ”
สีหน้าและแววตาของสาวประเภทสองผู้มาใหม่บอกได้ชัดถึงความเหยียดหยันที่มีต่อหล่อน เขายืดอกเชิดหน้าก่อนเอ่ย ร่างอวบความสูงไล่เลี่ยกับหล่อนพยายามเขย่งยืนเพื่อข่มรัศมีของผู้มาเยือน
“มีคนมาสมัครไปเมื่อวาน.ตำแหน่งนี้เต็มแล้ว!”
หางเสียงห้วนสั้นบอกชัดถ้อยชัดคำ ปราศความเป็นมิตร
“ตะ..เต็มแล้ว หรือคะ”
เสียงมุกดาอ่อยลงอย่างคนหมดหวัง ถ้าหล่อนไม่มีสติพอคงล้มทั้งยืนไปแล้ว
“เชิญ”
เขาบอกเสียงนุ่มนวล พลางผายมือไปยังทิศที่หล่อนเดินมา
มุกดายังปักหลักอยู่ที่เดิม หล่อนตัดสินใจอยู่นาน กว่าจะล้วงลงไปหยิบเอกสารปึกใหญ่ในกระเป๋าขึ้นมา
“นี่เป็นรีซูเม่ ผลงานสมัยเรียนมหาลัย แล้วก็โปรเจ๊คใหญ่อีกหลายโปรเจ๊คที่เคยรับจ๊อบนะคะ”
“เอามาให้ฉันทำไม”
เสียงนั้นติดจะห้วนขึ้นมาอีกครั้ง หางตาที่เหลือบมามองของในมือหล่อนไม่ได้บอกว่าสนใจไยดีแม้แต่น้อย
เงียบกันไปพักใหญ่ เงยหน้าขึ้นมาอีกที แววอรุณเกือบจะผงะถอยด้วยความคาดไม่ถึง
หญิงสาวร่างแบบบางในชุดจั๊มสูทกำลังน้ำตาไหลพราก ตัวสั่นเทิ้มจนคนใจแข็งอย่างเลขานุการรุ่นใหม่ไฟแรงอย่างเขาถึงกับใจอ่อนยวบ
“ดะ..เดี๋ยวๆ เป็นอะไรไปแม่หนู”
มุกดาเงยหน้าขึ้นมามองเขาด้วยนัยน์ตาวาววามโศกสลด น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาจริงใจ มิได้เพื่อเสแสร้งทำจริตอย่างที่เขาคิดไว้ตอนแรก
“หนูกำลังตกงาน ไม่มีใครรับงานหนูเลย คุณช่วยกรุณารับสิ่งนี้ไว้” มุกดาเอื้อมมือไปคว้ามือหนาหนักของอีกฝ่ายมารับเอกสารปึกนั้นเอาไว้ ก่อนจะวอนขอครั้งสุดท้าย
“ เผื่อจะเปลี่ยนใจรับหนูไว้เป็นตัวสำรองก็ยังดี”
หญิงสาวผิวขาวนวลเจ้าของใบหน้าล้อมกรอบผมลอนสีดำสนิทประบ่าคนนั้นเดินจากไปนานแล้ว สภาพที่แววอรุณจำติดตาคือเจ้าหล่อนเดินคอตกกลับไป เห็นชัดว่าผิดหวังรุนแรงเอาการ คนใจแข็งอย่างเขาทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้เบาะหนังด้วยความรู้สึกอธิบายยาก...เกิดมาไม่เคยเจออะไรแบบนี้!
“เฮ้อ..”
เลขานุการคนเก่งหันไปมองห้องทำงานด้านหลังโต๊ะประจำการแล้วต้องลอบถอนใจ เขาควรสงสารตัวเอง หรือสงสารหญิงสาวหน้าแชล่มคนนั้นมากกว่า
“แม่หนูเอ๊ย..ไม่รู้เสียแล้วว่ากฎเหล็กของท่านประธานคือห้ามรับพนักงานผู้หญิงเข้าทำงาน”
เขาพึมพำอย่างเหนื่อยใจ
“โดยเฉพาะผู้หญิงรูปร่างหน้าตาอย่างเธอ!”
ความที่มัวสบถอยู่กับเอกสารบนโต๊ะ..เอกสารที่ถูกยัดเยียดโดยที่เขาไม่เต็มใจรับเลยแม้แต่น้อย แววอรุณจึงไม่ทันสังเกตว่ามีใครคนหนึ่งแอบอ้อมมาทางด้านหลัง มืออุ่นๆตรงเข้ามาปิดตาทั้งสองข้างเขาได้สำเร็จอย่างที่หวัง
“ว้าย ตาเถน กรีดกราย ใครแกล้งชั้นยะ”
“เฮลโหล จำผมได้รึเปล่า”
ชายหนุ่มร่างสูงยื่นหน้าเข้ามาใกล้ก่อนจะค่อยๆขยับมือออก
“ไฮ้!”
เสียงหวีดร้องดังขึ้นอีก แต่คราวนี้ไม่ใช่ตกใจเหมือนคราวแรก
“คุณกวิน..ไหนบอกจะกลับมาวีคหน้า”
ดวงตาคมใต้คิ้วพาดเฉียงมองมาโดยไม่ตอบอะไร นอกจากฟันขาวเรียงที่เผยชัดว่ายินดีแค่ไหนสำหรับการพบเจอกันครั้งนี้
ศิลาริน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 มิ.ย. 2554, 19:00:19 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 17 พ.ค. 2555, 18:17:40 น.
จำนวนการเข้าชม : 2098
<< กุหลาบสีขาวหางาน | บทที่ ๔ ได้งาน >> |