เงื่อนเสน่หา
ความผูกพันที่ทำให้เขาและเธอได้เจอกัน เกมชีวิตที่ใครบางคนลิขิตไว้ เธอ อยู่เพื่อ ดูแลเขาด้วยชีวิต เขา อยู่เพื่อ ค้นหาบางอย่าง ปมแค้นทำให้เธอได้เจอเขา และ ปมเสน่หา ทำให้เขาได้เจอเธอ
Tags: เงื่อนเสน่หา คีตา

ตอน: บทที่ ๒ หลักฐาน(แก้ไข)

บทที่ ๒

หลักฐาน



พอมาถึงโรงพักได้ น้ำเต้าหู้ปาท่องโก๋ก็หมดพอดี แต่ท่าทางของดุลวัตยังเหมือนคนหิวโหย เขายังบ่นอยากกินข้าวอยู่ดี แต่ศีรณาทำทีเป็นไม่สนใจ

เรื่องอะไรจะสนใจ ดุลวัตชอบทำตัวเหมือนเด็ก ตั้งแต่ตอนที่เรียนด้วยกันแล้ว ด้วยความสนิทสนมกันนี่เองทำให้รู้ว่าทั้งหมดเขาออดอ้อนไปอย่างนั้นเอง ตัวจริงเขาเป็นคนรักสนุก ชอบเที่ยว ยิ่งมีสาวๆ สวยๆ ยิ่งชอบไปใหญ่

“เดี๋ยวตอนบ่ายผมต้องไปหาข้อมูลของคนตายอีกนะ หิวจะแย่แล้ว” ดุลวัตยังไม่ยอมแพ้ บ่นอยู่อย่างนั้น

“หมวดหิวก็ไปกินสิ ปัดโธ่” เสียงจ่าคนหนึ่งตะโกนขึ้นมาเสียงดัง

“จ่าก็บอกให้หมวดศีไปกับผมสิ ผมรอจนท้องร้องเป็นเพลงแล้วนะ”

“เดี๋ยวนี้กินข้าวคนเดียวไม่เป็นหรือไงหมวดจุน” เป็นคำแซวที่ทำเอาหมวดหนุ่มอมยิ้ม ก่อนจะเดินเข้าไปตบบ่าของจ่าก้อนเบาๆ เหมือนสาวๆ กำลังเหนียมอายไม่มีผิด “บร้าๆ” ว่าทั้งเอามือทั้งสองข้างแตะแก้มตัวเองเหมือนกำลังเขินอายจนทำให้นายตำรวจที่อยู่ในห้องต่างหัวเราะกันครืน

“เฮ้อ พวกจ่าก็เป็นบ้าไปกับหมวดจุนกันหมดนะ” ศีรณาบ่นออกมาบ้าง

“หมวดศี เอ๊ย หมวดรณาก็พาไปกินข้าวเสียทีสิ พวกผมก็รำคาญเหมือนกันนะ”

“คนอะไรกินจุอย่างกับหมู” เธอบ่นเพราะเห็นเขากินของที่เธอซื้อมาจนหมดแล้ว “ไปๆ” ศีรณาทนไม่ไหวจึงจำต้องพาคนตัวโตแต่ทำท่าทางเหมือนเด็กเล็กไปหาอะไรกิน เธอเลือกที่จะไปร้านตรงข้ามโรงพักนั่นเอง

“กินอะไรก็กินเถอะ” เธอบอกเขาน้ำเสียงเนือยๆ

“แล้วไม่กินเหรอ” เขาถามกลับหลังจากที่นั่งลงได้ ศีรณาส่ายหน้าทันที

“ผมเลี้ยงเอง เพราะกินปาท่องโก๋หมวดหมดแล้ว เอาง่ายๆ นะ” เขาว่าโดยไม่สนใจจะรอฟังคำตอบหันไปสั่งเด็กในร้านทันที

“นี่จะคิดเรื่องคดีไปทำไม เวลาพักก็พักบ้างเหอะ”

“พักอยู่ แต่มันก็แวบเข้าหัวมาทุกที ทั้งข้อความ ทั้งรอยกรีดบนใบหน้านั่น มันดูคุ้นๆ ยังไงไม่รู้” ศีรณาคิดเช่นนั้นจริงๆ เธอรู้สึกเหมือนคุ้นเคยกับกากบาทและชื่อของคนที่ฝากข้อความไว้ ดวงตาของเหยื่อยังติดตาติดอยู่ในความรู้สึกของเธอ

“อาจจะเป็นฆาตกรโรคจิตก็ได้นะ เหมือนในหนังไง ชอบสร้างสัญลักษณ์ไว้ เหมือนลายเซ็นว่าเป็นเขาอะไรอย่างนี้”

“ดูหนังเยอะไปไหมหมวดจุน”

“โธ่ โลกความจริงกับหนังก็เหมือนกันนั่นแหละ เดี๋ยวผมหาข้อมูลเหยื่อเสร็จเมื่อไหร่คงได้มาวิเคราะห์กัน หมวดไม่ต้องรีบร้อนหรอก”

“ไม่ได้รีบร้อนสักหน่อย” เธอตอบทันควันแม้จะรู้อยู่แล้วว่าดุลวัตจะรู้ใจเธอดีแค่ไหน

"ไม่รีบร้อน ก็กินด้วยกัน ห้ามอด ห้ามหิว"ดุลวัตว่าทั้งเลื่อนจานที่พนักงานเอามาเสิร์ฟให้กับหญิงสาว ศีรณาหัวเราะ สายตาส่งไปขอบใจเขา

“ตอนบ่ายหมวดจุนจะไปสืบประวัติคนตายใช่ไหม เดี๋ยวฉันจะเช็กกล้องวงจรปิดอีกครั้ง เผื่อได้อะไรคืบหน้าอีก” เธอย้ำจน ชายหนุ่มส่ายหน้า

“ชีวิตหมวดนี่มีแต่งานคดีจริงๆ เหรอ ไม่คิดอะไรอย่างอื่นบ้างเลยเหรอ”

“คิดสิ มีเรื่องให้คิดอีกหลายอย่างเลย”

“เรื่องอะไรเหรอ” ดุลวัตถามสีหน้ากระตือรือร้น ศีรณาหัวเราะทั้งยื่นหน้าเข้าไปใกล้ทำเหมือนจะบอกอะไร

“ความลับ” หญิงสาวบอกทั้งยิ้มกว้างเหมือนเป็นการแก้เผ็ดคนอยากรู้อยากเห็นได้

.....

ศีรณานั่งดูวิดีโอกล้องวงจรปิดมุมทางเดินชั้นที่เกิดเหตุของโรงแรม และภายในลิฟท์ อย่างละเอียด เธอยังไม่เห็นสิ่งผิดปกติเลย ไม่ว่าจะเป็นคนท่าทางแปลกๆ หรือคนที่ไม่ได้พักบนชั้นนั้น ตามที่พนักงานโรงแรมแนบเอกสารของแขกที่พักวันนั้นมาให้ด้วย

หญิงสาวเอนตัวพิงพนักเก้าอี้หมุนไปมา เหมือนกำลังครุ่นคิดอย่างหนัก มือถือปากกาเคาะเบาๆที่ขมับตัวเองเป็นจังหวะ สารวัตรโกศลวางเอกสารที่ถือมาไว้บนโต๊ะหญิงสาว หลังจากไปเจอกับญาติของเหยื่อฆาตกรรมมา

“อะไรเหรอคะ”

“ข้อมูลของคนที่ถูกฆ่า ได้มาแค่นี้ก่อน หมวดจุนเข้าไปคุยเพิ่มเติมอยู่ คงจะได้เรื่องราวปัจจุบันมาบ้าง แต่จากที่ผมคุยกับพี่ชายแล้วก็เพื่อนพี่ชายเขามา ดูจะไม่มีเหตุจูงใจอะไรนะ”

“ไม่แน่หรอกค่ะ ดูจากลักษณะการใช้ชีวิต เป็นผู้หญิงที่เอาแต่ใจพอสมควร”

“รู้ได้ยังไง”

“เด็กสาวอายุสิบแปด เรียนยังไม่จบแต่มีรถหรูขับ ในกระเป๋ามีแต่เครื่องสำอาง ของฟุ่มเฟือย ในรถก็รกมากมีแต่ขยะ บอกได้ว่าเป็นคนชอบตามใจตัวเอง บอกได้อีกอย่างก็คือเธอยังไม่มีแฟนแน่ๆ เล็บที่ตกแต่งสวยงามนั่นอีก ช่วงนี้ไม่ใช่ช่วงปิดเทอม ถ้าเธอทำเล็บสวยแบบนั้นพอไปโรงเรียนก็ต้องลบออกอยู่ดี เด็กส่วนใหญ่ก็เลยไม่ค่อยทำเพราะมันเปลืองแล้วก็เสียเวลา จริงๆ ควรทาเล็บสีธรรมดามากกว่า ทำความสะอาดง่ายแถมไม่มานั่งเสียดายที่ต้องลบมันออกด้วย นอกเสียจากคนรวยที่เอาแต่ใจ”

โกศลมองหมวดสาวด้วยสายตาชื่นชม “ไปหาหลักฐานที่มันชัดเจนกว่าการคาดเดาเหอะหมวดศี”

“รณาค่ะ” หญิงสาวแก้ชื่อนั้นเสียใหม่

สารวัตรโกศลหัวเราะแทนที่จะแก้คำพูดตัวเอง ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องทำงานของตัวเอง

“อ้อ ผมลืมบอกคุณไป” สารวัตรเปิดประตูยื่นหน้าออกมาหาหมวดสาว “พี่ชายของคนตายเป็นผู้จัดการของนักร้อง เชน ชวิน คุณคงรู้จัก ระวังเรื่องการให้ข่าวด้วย”

สีหน้าของศีรณาเปลี่ยนไป ดวงตาตื่นตระหนกขึ้นมาทันที “แล้วสารวัตรให้ข่าวไปแล้วเหรอคะ”

“ให้ไปบางส่วนที่ไม่กระทบต่อรูปคดี จริงๆ พวกนักข่าวเขาก็แค่ต้องการคำยืนยันว่าศพนั่นเป็นของนันทิดาเท่านั้นเอง” พูดจบก็กลับเข้าห้องไป ปล่อยให้ศีรณานั่งอึ้งอยู่เกือบนาที

เชน...ชวิน นักร้องหนุ่มชื่อดัง ที่พอเอ่ยชื่อแทบไม่มีใครไม่รู้จักวงไฟท์วงร็อคเกอร์ที่โด่งดังที่สุดในประเทศ เขาเป็นไอดอลของเด็กวัยรุ่นหลายคน ด้วยบุคลิกร็อค เถื่อนที่เห็นกันตามไลฟ์โชว์ การถอดเสื้อระหว่างร้องเพลง รอยสักที่ข้อมือ อะไรหลายอย่างที่ดูดิบๆ กลายเป็นภาพลักษณ์ของเขาแต่มันก็ขายได้มาโดยตลอด

ตำรวจหญิงถอนหายใจเฮือกหนึ่งก่อนจะเปลี่ยนจากเอาปากกาเคาะขมับตัวเองเป็นเคาะบนโต๊ะแทน ดวงตาสวยกลอกไปมาเหมือนครุ่นคิดหนักกว่ารอบแรกเสียอีก

.....

พอกลับมาถึงห้องพักศีรณาก็ทรุดลงนอนซบโซฟาอย่างเหนื่อยอ่อน ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยที่จะหาข้อมูลหลักฐานในขณะที่ไม่มีพยานรู้เห็นเลย ทั้งๆ ที่เป็นโรงแรมสามดาว แต่หากคิดในแง่ของคนที่ไม่อยากเป็นพยานเพราะกลัวความยุ่งยากที่จะตามมา

จ๊อก...

เสียงท้องของเธอร้องส่งสัญญาณถึงความต้องการของอาหาร ศีรณากลิ้งตัวลงมาที่พื้นพรมก่อนจะลุกขึ้นไปเปิดตู้เย็นเผื่อว่าจะมีอะไรเหลือให้กินรองท้องไปก่อน ทว่ากลับไม่เหลืออะไร มีลูกชิ้นสามสี่ลูกหลังจากที่ใช้ต้มกับบะหมี่ไปเมื่อวันก่อน แม้แต่บะหมี่สักห่อก็ยังไม่มีเป็นเพราะเธอมัวแต่ทำงานจนลืมซื้อเก็บไว้ ปกติเธอจะซื้อทุกต้นเดือน แต่เดือนนี้เธอลืมเสียสนิท หญิงสาวต้องยอมลากแรงที่พอเหลือเปลี่ยนเครื่องแบบเป็นเสื้อยืดกางเกงวอร์มหันไปเลือกเสื้อแจ็คเก็ตที่มีฮูดมาสวมทับ เพื่อออกไปยังร้านสะดวกซื้อด้านหน้าคอนโด

พอเข้าไปในร้านเธอก็คว้าตระกร้าไว้เลือกของหยิบใส่อย่างเคยชินมากกว่าจะเลือกอย่างละเอียด พอเสร็จจึงเดินเข้าคิวรอจ่ายเงินระหว่างนั้นก็หันไปมองด้านนอกของร้าน พลางคิดเรื่องคดีไปด้วย

มันแปลกนะ...ที่เด็กสาวสวยอย่างนั้นจะเปิดประตูให้คนแปลกหน้า...

“ป้า...ถึงคิวจ่ายตังค์ละครับ” เสียงทุ้มที่อยู่ด้านหลังเธอทำเอาหญิงสาวสะดุ้งเฮือก

“ห๊ะ” เธอหันไปหาคนที่อยู่ข้างหลัง ชายหนุ่มชี้ให้เธอไปจ่ายเงินตามที่พนักงานเอ่ยเรียก ศีรณาจำได้ว่าเธอได้ยินเขาเรียกเธอว่า ป้า?

ปะ...ป้างั้นเหรอ? หญิงสาวหันไปมองเขาอีกครั้ง ดวงตาคมที่ซ่อนอยู่ภายใต้แว่นกันแดดจ้องคนตรงหน้ากลับ ริมฝีปากหลุดยิ้มเมื่อเธอหันกลับไปยื่นเงินให้กับพนักงาน

ศีรณาถือถุงถอนหายใจอย่างหงุดหงิด ไม่คิดว่าจะถูกเรียกว่าป้า ระหว่างที่ยืนรอลิฟท์เธอเห็นร่างสูงของชวินกำลังเดินเข้ามาใกล้

เรื่องอะไรมาเรียกว่าป้า...อายุก็เท่ากัน หน้าเขาแก่กว่าเธอตั้งเยอะ แอบบ่นอยู่ในใจจนประตูลิฟท์เปิดอ้าออก ถุงใหญ่ที่พนักงานส่งของให้นั้นดูเทอะทะจนต้องพยายามหลีกคนที่ก้าวเข้ามาทีหลัง

“ให้ช่วยไหมครับ” เขาถามขึ้นมาหลังจากที่ประตูลิฟท์ปิดลง

“ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณ จะถึงห้องละค่ะ แล้วฉันก็ไม่ได้แก่จนต้องเรียกป้านะ” ศีรณาอดไม่อยู่ที่จะชี้เป้าชัดเจนว่าเธอไม่ได้แก่มากพอที่เขาจะมาเรียก

ชวินเหลือบมองคนตอบเล็กน้อย ริมฝากปากกระตุกเหมือนกำลังจะหัวเราะแต่ก็ไม่ทำ “ก็เรียกตั้งหลายครั้ง คุณไม่ยอมหัน นึกว่าหูตึงจนต้องเรียกป้าไง”

หญิงสาวเหลือบมองคนที่พยายามจะอธิบายความหมายของป้าให้เธอฟัง ก่อนจะหันกลับมาจ้องประตูลิฟท์เหมือนพยายามส่งกระแสจิตให้มันถึงเร็วๆ

ศีรณารีบสาวเท้าออกมาจากลิฟท์ทันทีที่ถึงชั้นห้องพักของตัวเอง เธอไม่เข้าใจว่า หน้าตาเธอไปใกล้เคียงญาติผู้ใหญ่ของเขาได้ยังไง ปากจัดไปละนายเชน!!



หลังจากจัดการกับอาหารเย็นเรียบร้อย ศีรณาจึงอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เธอสวมเสื้อยืดกางเกงวอร์มซึ่งถือว่ามันคือ ชุดนอน ที่สบายที่สุด

ศีรณาเปิดเอกสารในมือออกอ่านเรื่อยๆ เป็นเอกสารผลชันสูตรศพของนันทิดาอย่างละเอียด ภาพที่อยู่ในนั้นมันชวนอาเจียนมากกว่าจะกล่อมเกลาให้นอนหลับใหลได้

‘รอยกรีดบนใบหน้าข้างซ้ายของเหยื่อ เกิดขึ้นหลังจากเหยื่อเสียชีวิตแล้ว เป็นเหตุผลว่าทำไมเลือดที่แผลตรงนี้จึงน้อยกว่าทุกที่’

“ทำไมต้องเป็นรูปกากบาท” หญิงสาวรำพึงออกมาเบาๆ กับกระดาษในมือ

เสียงโทรศัพท์มือถือของเธอดังขึ้นขัดจังหวะความคิด สายตาเหลือบมองชื่อที่แสดงอยู่บนหน้าจอนั้นพลางถอนหายใจเมื่อรู้ว่าเป็นใคร

“ว่าไงหมวดจุน” เธอกดรับพร้อมกับกรอกน้ำเสียงปนหงุดหงิดออกไป

“แหม หมวด ดูทำเสียงเข้าสิ ผมรู้น่าว่าหมวดยังไม่นอน มีคดี หมวดไม่เคยนอนเร็วหรอก มารับผมหน่อยสิ ผมอยู่ข้างล่างนี่เอง”

“ข้างล่าง?” เธอทวนคำนั้นอย่างประหลาดใจ

“ใช่ ข้างล่างคอนโดหมวดนี่แหละ ยามไม่ให้ขึ้นไป ขนาดผมบอกว่าเป็นตำรวจนะ”

“เขาทำถูกแล้วนี่” เธอบอกเสียงเรียบ

“ยังจะพูดอย่างนี้อีก หมวดลงมารับผมหน่อยนะ...น้า...” เสียงอ้อนวอนนั้นทำเอาศีรณาอ่อนใจ รับคำก่อนจะวางสาย เธอลุกขึ้นเดินไปหาเสื้อแขนยาวมาสวมทับแล้วเดินออกไปจากห้อง

เมื่อเธอออกจากลิฟท์ก็เห็นหมวดดุลวัตนั่งอยู่ที่โซฟารับแขก เขาโบกไม้โบกมือทันทีที่เห็นเธอ พร้อมกับชูถุงขนมขบเคี้ยงถุงใหญ่ให้ดูด้วย

“คิดว่าฉันเห็นแก่กินเหรอ”

“แหม...รูปร่างอย่างหมวดศีนะ ไม่คิดหรอกครับ”

“มาทำไมเหรอคะ”

“มาคิดเป็นเพื่อนน่ะ ผมรู้ว่าหมวดคงคิดเรื่องคดีอยู่แน่ๆ”

“มันเพิ่งเริ่มต้น เรายังหาพยานไม่ได้ หมวดไม่ต้องห่วงหรอก จริงๆ หมวดจุนก็แค่...ไม่มีที่ไป”

“โอ้ หมวดศีเก่งจุงเบย แค่ผมอ้าปาก หมวดก็รู้ถึงตับไตไส้พุง ม้าม เซี่ยมจี๊ กันเลยทีเดียว”

“เว่อร์ๆ ไปๆ” ศีรณาคร้านที่จะต่อปากต่อคำกับเพื่อนร่วมงานแสนกวน พาเขาขึ้นไปยังห้องของเธอ ศีรณาไว้ใจดุลวัตมากพอที่จะพาเข้าห้องได้ เพราะเขาเป็นเพื่อนที่สนิทและยังเคยช่วยเหลือเธอตั้งหลายต่อหลายครั้งตอนที่เรียนนายร้อยรุ่นเดียวกัน ถือเป็นคนที่เชื่อใจได้ แม้จะดูเป็นหนุ่มเจ้าชู้เสเพลก็ตาม นั่นเป็นเรื่องที่มองจากภายนอก

“แล้วทำไมถึงไม่ได้ไปเที่ยวกับชาวบ้านชาวช่องเขาละ” ศีรณาถามเมื่อเข้ามาในห้องได้ ดุลวัตถอนหายใจพลางสำรวจห้องพักของหมวดสาวแสดงสีหน้าสงสัยออกมาอย่างปิดไม่อยู่

“เบื่อ...อยู่ ๆ ก็เกิดเบื่อขึ้นมา” เขาตอบพร้อมกับนั่งลงที่โซฟาเล็กๆในห้องรับแขก “ห้องหมวดหรูไม่เบานะ” เอ่ยถามทั้งเอาขนมและเครื่องดื่มออกจากถุง

“แพงพอสมควรเหมือนกัน” เธอตอบระหว่างที่ถือแก้วเปล่าเข้ามาวางไว้ให้

“แปลกดี ตั้งแต่เห็นคอนโดแล้ว ผมมองว่าหมวดเป็นคนประหยัดมาก แต่กลับมีซีดีเพลงแผ่นแท้ในรถเป็นตั้ง แถมห้องหับก็อยู่ในย่านคนมีตังค์อีกต่างหาก ผมว่าหมวดต้องเป็นลูกเศรษฐีแน่ๆเลย”

ศีรณาหัวเราะกับการวิเคราะห์เรื่องของหมวดหนุ่ม “จะเรียกว่าอย่างนั้นก็ได้นะ พ่อแม่ฉันรวย...แต่ตอนนี้ไม่เหลืออะไรเลย” น้ำเสียงนั้นดูเป็นจริงเป็นจังจนอีกฝ่ายหน้าเจื่อน

“นี่ผมไปสะกิดแผลอะไรคุณหรือเปล่า”

“ไม่มีอะไรหรอก แล้วหมวดคิดว่าคดีนี้เป็นยังไงบ้าง ไปสืบประวัติมาแล้วใช่ไหมคะ” เธอเปลี่ยนเรื่อง

“ใช่...ผมว่าแปลกดี เด็กสาวอายุสิบแปด น้องสาวผู้จัดการนักร้องดัง ดูเหมือนชีวิตเธอดีไปหมด ไม่มีอะไรน่าสงสัยเลย”

“ไอ้ที่ขาวสะอาดนี่แหละ น่าสงสัยที่สุด” เธอบอกพร้อมกับชี้ให้เขาดูภาพในแฟ้ม “กากบาทนี่ มันจะสื่ออะไรกันแน่ แล้วก็ทำหลังการตายด้วย ถ้าทำก่อนยังจะพอคิดออกว่าเป็นแผลที่เกิดจากการต่อสู้ได้”

“สัญลักษณ์นี่ ผมว่า ผมเคยเห็นที่ไหนมาก่อนนะ” เขาว่าพลางเอนตัวกับพนักโซฟายาว “วงที่นายอังกูรเป็นผู้จัดการ...อ้อ! ใช่ หมวดเป็นแฟนคลับวงนี้นี่ ผมจำได้ละ” ดุลวัตบอกพร้อมกับร้องเมื่อนึกขึ้นได้ ศีรณาที่ถือแก้วน้ำถึงกับชะงักมือเงยหน้าขึ้นจ้องเขาอย่างตกอกตกใจ

“ตกใจเหรอหมวดศี โห...แสดงว่าเป็นแฟนคลับจริงๆ ฮ่าๆ ไม่น่าเชื่อเลย” ดุลวัตท้วงพร้อมกับหัวเราะงอหายไปเลย ทว่าศีรณาไม่ได้คิดเรื่องนั้นเลย เธอวางแก้วน้ำลุกขึ้นไปค้นแผ่นซีดีบนโต๊ะจนได้แผ่นหนึ่งมาวางไว้ตรงหน้านายตำรวจหนุ่ม

“เป็นสัญลักษณ์จริงๆ” เธอบอกพร้อมกับชี้ที่หน้าปกของซีดีแผ่นนั้น ดุลวัตรับมาดูอย่างสังเกต รูปหน้าปกที่มีนักร้องนำยืนถือไมค์อยู่ข้างหน้า มือที่กุมไมโครโฟนมีรูปกากบาทสีดำ

“มันจะเกี่ยวกันจริงๆ เหรอ” ดุลวัตดูยังไม่ค่อยอยากจะเชื่อนัก “แต่ที่ผมคิดไว้ในใจเรื่อง...ข้อความในโพสต์อิท เชน...นักร้องคนดังนั่นไง เขานัดให้นันทิดาไปเจอที่โรงแรม”

“ไม่มีทาง” คำตอบนั้นรวดเร็วจนคนฟังถึงกับเงยหน้าขึ้นมองศีรณา “ไม่มีทางที่จะเป็นเชน” เธอยังคงย้ำ

“นี่หมวดตอบเร็วมากเลยนะ ทำไมถึงคิดว่าไม่ใช่ละ ข้อความในโพสต์อิทก็เห็นชัดๆ ว่าเขาเขียนให้นันทิดาไปหา”

“ก็แค่โพสต์อิท ไม่ได้บอกนี่ว่าเขาฆ่าใคร”

“งั้นพรุ่งนี้นัดสอบ ตกลงคืนเกิดเหตุเขาอยู่ที่ไหนกันแน่” ดุลวัตไม่ยอมแพ้ แต่ศีรณากลับจ้องหน้าเขา

“ตามใจ แต่ไม่มีทางเป็นเขาอย่างแน่นอน” ศีรณาย้ำชัดเจนอีกครั้ง ดวงตาที่แนวแน่มั่นใจนั้นทำให้ดุลวัตถึงกับจ้องมองอย่างวิเคราะห์ มือก็จิบเครื่องดื่มในกระป๋องไปด้วย



ดุลวัตนั่งกินและดื่มอ้างว่ามาช่วยคิดแต่มานั่งดูดีวีดีหนังมากกว่า เกือบเที่ยงคืนเขาจึงขอตัวกลับ หญิงสาวเดินไปส่งเขาจนถึงข้างล่างตึก

“จริงๆ หมวดไม่ต้องมาส่งผมก็ได้ ไม่มีสาวฉุดผมหรอก” ดุลวัตกล่าวอย่างอารมณ์ดี ศีรณาหัวเราะ

“ไม่ได้กลัวถูกฉุดแต่กลัวหมวดจุนจะฉุดคนอื่นมากกว่า” เธอล้อคืน ดุลวัตโบกมือลาก่อนจะหันหลังออกมา เขาชะงักกึกกับคนที่เพิ่งเดินเข้ามาในตึก

ชายหนุ่มร่างสูงสวมแว่นกันแดดทั้งๆที่มันดึกดื่นแล้ว ทว่าใบหน้าคมนั้นคุ้นตาเหลือเกิน นายตำรวจหนุ่มหันมองตามจนร่างสูงนั้นเดินผ่านเลยเขาไปถึงลิฟท์ สายตาของเขาหันกลับไปจ้องหน้าของศีรณาโดยอัตโนมัติ หญิงสาวหน้าเจื่อนเล็กน้อยก่อนจะยิ้มให้

“หมวดมีอะไรเหรอ ทำหน้าตาแปลกๆ”

“ปะ...เปล่า” เขาตอบด้วยน้ำเสียงอึกอัก ก่อนจะยกมือขึ้นโบกมือลาอีกครั้ง “ไปนะครับ” ดุลวัตเดินฉับๆออกมาโดยที่ยังมีสีหน้าเหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ จนถึงรถยนต์ของตัวเองที่จอดอยู่ลานด้านหน้า พอเปิดประตูขึ้นรถได้ เสียงถอนหายใจดังออกมาเฮือกใหญ่

ชวินอยู่คอนโดเดียวกับศีรณา!!!

เขาสะบัดหัวตัวเองไปมาเบาๆ อย่างกับต้องการสลัดความคิดอะไรบางอย่างทิ้งไป “น่าจะเป็นเรื่องบังเอิญมากกว่า” ดุลวัตสรุปเรื่องให้ตัวเอง “ใช่ มันน่าจะเป็นอย่างนี้ จะมีใครบ้าดาราจนมาซื้อห้องราคาแพงหูดับเพื่อให้อยู่ใกล้กัน แล้วหมวดศีจอมงกก็คงไม่ทำอย่างนี้แน่นอน เป็นไปไม่ได้”

ชายหนุ่มหัวเราะเมื่อคิดว่าตัวเองพูดถูกที่สุดแล้ว เขาขับรถออกจากลานจอดรถพร้อมกับผิวปากเป็นเพลงไปตามเส้นทางกลับบ้าน



ณิชนิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 22 พ.ย. 2556, 07:57:31 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 25 ธ.ค. 2556, 23:55:11 น.

จำนวนการเข้าชม : 2470





<< บทที่ ๑ เธอยัง...(แก้ไข)   บทที่ ๓ ผู้ต้องหา(แก้ไข) >>
ดวงมาลย์ 22 พ.ย. 2556, 19:34:17 น.
มาเจิมให้อีกจ้า


บุลินทร 22 พ.ย. 2556, 22:31:47 น.
มากดไลค์แว้ววว


ณิชนิตา 23 พ.ย. 2556, 07:14:22 น.
..........


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account