กรุ่นไอรักหลังลมร้อน
สบายๆ คลายเครียด..
Tags: สาวขอนแก่นเข้ากรุง

ตอน: ตอนที่ 9 : ความรู้สึก

“นาง..แกเสร็จยัง” แจ๊ดส่งเสียงถามมาจากหลังพาติชั่น

“อีกนิดเดียวแจ๊ด!..ขอสรุปคดีนี้อีกนิดเดียว”คนางค์รีบเปิดประมวลกฎหมายเล่มโตที่กองอยู่
ตรงหน้า..ซักแป๊บแจ๊ดก็เดินเข้ามาหาหย่อนตัวลงบนเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานของหญิงสาว นั่งมอง
มือที่เปิดหนังสืออย่างคุ้นเคยประมาณเป็นเพื่อนสนิทชิดใกล้กันอย่างงั้นเหมือนรับใช้กันมานาน
ก็ว่าได้..เพราะจากลักษณะของหนังสือที่วางอยู่ตรงหน้าดูจะเก่าคร่ำคร่าซะเหลือเกิน

“อื้อหือนาง!...แกจำได้เหรอเล่มโตเท่าบ้านอย่างงั้นน่ะ” คนางค์อมยิ้ม สายตาก็กวาดมองตัว
หนังสือไม่ละ..ส่งเสียงออกมาเนิบๆ

“ถ้าจำได้..ฉันจะเปิดทำป๊ะอะไรล่ะ!” แจ๊ดหัวเราะออกมาเสียงดัง..

“แหมนังนี่!..เดี๋ยวนี้ลามปามเล่นถึงป๊ะ!..ฉันหมายถึงอย่างงั้นเมื่อไหร่ล่ะ..ฉันหมายถึงดูแกจะ
ชินกับไอ้การใช้ไอ้หนังสือเล่มนี้เป็นอย่างดี..จิกนิ้วผลั่วเดียวก็เปิดเจอไอ้ข้อที่ต้องการแล้ว!”
คนางค์หัวเราะออกมาบ้าง มือก็จดรายละเอียดบนกระดาษยิก ยิก แล้วก็เสร็จ..ค่อยๆ ปิด
ประมวลอย่างเบามือ! เงยหน้าขึ้นมองแจ๊ด

“หนังสือเล่มเนี้ยเปรียบเสมือนครูฉันอีกคนนึงก็ว่าได้แจ๊ด!..เป็นเหมือนคัมภีร์ไบเบิ้ลสำหรับฉัน
เป็นของขวัญชิ้นแรกที่ฉันเก็บเงินซื้อเองเลยล่ะ..ที่ฉันจบกฎหมายมาได้ก็เพราะหนังสือเล่มนี้
แหละ..สมัยเรียนต้องพกต้องพาตลอดจะว่าชินมันก็อาจจะใช่อ่ะนะ..ความที่เปิดใช้เค้าเป็น
ประจำมันก็เลยอาจจะกะได้ว่ามาตราไหนอยู่ประมาณหยิบที่เท่าไหร่!..แต่มันก็ไม่ตรงเสมอไป
หรอก” นั่งลูบไล้ปกหนังสืออยู่อย่างงั้น แจ๊ดมองตาม

“ฉันเห็นหนังสือเล่มนี้ฉันท้อแทนเลยอ่ะนาง!..แกเรียนเข้าไปได้ยังไง..ต้องจดต้องจำอะไรต่อ
มิอะไรเป็นร้อยๆ พันๆข้อ..อึยย์..ไม่ไหวอ่ะ!..สมองฉันรับไม่ไหว” ทำหน้าหวาดเสียว..คนางค์
อมยิ้มค่อยๆ หย่อนประมวลเล่มหนาลงในลิ้นชัก ส่งเสียงเนิบๆออกมาอีกครั้ง

“จำในสิ่งที่เรารักมันไม่เหลือบ่ากว่าแรงหรอกแจ๊ด!..มันไม่ยากหนักหนาสาหัสอะไรเลย...ฉัน
ชอบซะอีก!..ก็เหมือนแกนั่นแหละ..ทำไมแกถึงต้องเป็นคนคอยจดรายงานการประชุม..คอย
จัดการคิวงานต่างๆ ล่ะ!..เพราะว่าแกชอบและก็รักที่จะทำแกถึงเลือกสายงานนี้..คนเรามันชอบ
และก็รักแตกต่างกันออกไป ถ้าจะให้ฉันไปทำอย่างที่แกทำอยู่ฉันว่า..ฉันก็คงขอบายเหมือน
กันล่ะสมองฉันก็คงรับไม่ไหว เค้าถึงบอกไงเลือกทำเลือกเรียนในสิ่งที่ตัวเองชอบตัวเองรัก..
มันถึงจะออกมาได้ดีไม่มีที่ติ..แต่ก็นะ!” หัวเราะออกมาเบาๆ สายตาเหม่อมองออกไปเบื้องหน้า
มิได้จดจ่อที่เพื่อนสาวแม้แต่น้อย

“บางอย่างถ้าใช้ความรักความชอบอย่างเดียวมาเป็นตัวกำหนดก่อน แต่สมองมันไม่ส่งเสริมไม่
เอื้ออำนวยก็แย่เหมือนกัน..เพราะฉะนั้นมันก็ต้องควบคู่กันไปด้วย..ตอนฉันเลือกที่จะเรียน
กฎหมายเนี่ย..พ่อกับแม่ฉันไม่ขัดเลยล่ะ”นั่งอมยิ้มพริ้ม พลอยทำให้แจ๊ดนั่งยิ้มตามไปด้วย

“พ่อบอกว่าลองเรียนในสิ่งที่ตัวเองชอบก่อน..ถ้ามันไปไม่ไหวจริงๆ ค่อยเปลี่ยนแผนใหม่..ไม่
เคยเอ่ยปากบังคับลูกซักแอะว่าลูกจะต้องยึดอาชีพตามพวกท่าน..ครอบครัวฉันตั้งแต่ปู่ ย่า ตา
ยาย ลุง ป้า และก็อาไล่มาถึงพ่อกับแม่ฉันรับราชการทั้งนั้นแหละแจ๊ด..และเป็นครูกันมากซะ
กว่าครึ่ง..เรียกว่าเกิดมาในดงคุณครูเลยก็ว่าได้..แถมยังเป็นลูกคนแรก หลานคนแรก และก็คน
เดียวด้วย” แจ๊ดตาโต

“จริงง่ะ!..ครอบครัวแกออกจะใหญ่ขนาดนั้นทำไมมันมาสั้นจู๊ดจู๋ เหลือแค่แกคนเดียวล่ะ” คนางค์ขมวดคิ้ว

“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน..แต่เหมือนพ่อจะเคยบอกว่าตระกูลฉันน่ะมีลูกยาก..คือตั้งแต่รุ่นปู่แล้ว..มี
ลูกแค่สามคน มีลุง พ่อและก็อา..ส่วนลุงฉันพอแต่งงานไปก็ไม่มีลูก..อาก็ไม่ได้แต่งงานครอง
ตัวเป็นโสด..ทางด้านตากับยายก็มีแม่เป็นลูกโทนไม่มีพี่น้องกับเค้าหรอก..มันก็เลยกุดๆ กุ้นๆ
เหลือแค่ฉันนี่แหละ”

“และทางสายปู่ ย่า ตา ยายเค้าไม่มีพี่น้องมั่งเหรอ..มันต้องมีมั่งล่ะว้า!” ทำหน้าไม่อยากจะเชื่อ

“มี!..แต่ไม่ได้ออกเรือน..เป็นน้องปู่น่ะ..ย่าน้อย..ตอนนี้ก็อยู่ที่บ้านฉันนั่นแหละ!” คนางค์อมยิ้ม
พริ้ม นึกถึงบุคคลอันเป็นที่รักที่อาศัยอยู่รวมกันภายในบริเวณบ้าน..ก็คิดถึงขึ้นมาตะหงิดๆ

“ครอบครัวแกอยู่กันกี่คนน่ะนาง..ท่าทางจะเยอะไม่หยอก!” ใบหน้าหญิงสาวยังยิ้มละไม..ส่ง
น้ำเสียงออกมาเนิบๆ

“หลายคน!..ก็ที่ฉันบอกไปเมื่อกี้เนี้ยจะขาดก็แต่ตา..ท่านเสียตอนฉันกำลังเอ็นท์เข้ามหาลัย
น่ะ..แม่ก็เลยไปรับยายมาอยู่ซะด้วยกัน..ปู่สร้างบ้านไว้ให้ลูกอยู่ภายในรั้วบ้านเดียวกัน..ใคร
อยากอยู่ก็อยู่ท่านไม่บังคับ..แต่ความที่พ่อ ลุง และก็อาฉันคงจะชินน่ะก็เลยไม่ได้แยกครอบ
ครัวออกไปไหน..แล้วก็คงจะเป็นห่วงคนเฒ่าคนแก่ด้วยนั่นแหละ” แจ๊ดได้ฟังถึงกับตาโตขึ้นอีก
เท่าตัว

“อื้อหือนาง!..และแกไม่เบื่อบ้างเหรอ..ในบ้านมีแต่คนแก่ผู้หลักผู้ใหญ่..แถมยังเป็นครูกันกว่า
ครึ่ง..ฉันว่ามันคงจะอึมครึมพิลึกล่ะ” คนางค์หัวเราะออกมาเบาๆ

“พูดไปก็เท่านั้นต้องให้ไปเจอกับตัวเอง..เดี๋ยวว่างๆ หยุดยาวๆ ฉันจะพาไปเที่ยว..รับรองเลยถ้า
แกได้สัมผัส..แกจะต้องเปลี่ยนความคิดไม่ทันข้ามวัน!!” ยักคิ้วส่งให้ มือก็หยิบกระเป๋าสตางค์
ในลิ้นชัก..แจ๊ดอมยิ้มรีบชะโงกหน้ามาซะใกล้

“พูดอย่างงี้..ฉันชักอยากไปแล้วสิ..เสาร์อาทิตย์นี้เลยเป็นไง” ทำท่ากระตือรือร้นจัด.. คนางค์
หัวเราะ

“สองวันมันจะไปพออะไรไปกลับก็หมดเวลาแล้ว..รอหยุดยาวๆ ก่อนฉันพาแกไปแน่..ตอนนี้
ไปกินข้าวก่อน..หิว!!” พยัก พเยิกหน้าชวนลุกออกจากโต๊ะ

“เออนาง!..ฉันว่าจะถามแก พอดีงานฉันยุ่งเลยลืมไปหมด!..ไอ้ที่แกไปตรังมาน่ะเป็นไงบ้าง..
สวยมั๊ย” เดินตีคู่มารอลิฟท์ด้วยกัน คนางค์หันมามองหน้าแจ๊ด..คำพูดของสิงหาตอนมาส่งขึ้น
เครื่องเมื่อช่วงเช้าก็แวบขึ้นมาในบัดดล....

“คุณนางเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนเกาะรบกวนอย่าเพิ่งบอกให้ใครรู้นะครับ..พี่ธันยังไม่อยากให้
ข่าวมันออกไปอยากให้ปิดเงียบไว้ก่อน”

“เอ่อ! คุณสิงห์คะไม่ทราบคุณธันวาอาการเป็นยังไงบ้าง”

“ไม่เป็นอะไรมากหรอกครับรายนั้นน่ะ..เมื่อคืนหลังจากที่มีเรื่อง..พอทำแผลเสร็จก็เดินปร๋อ
เหมือนคนปกติ..แถมยังคุยโทรศัพท์จ้อไม่ต้องเป็นห่วงครับ”

ถอนหายใจออกมาเบาๆ..ยัยบ้าเอ๊ย!..ยังจะประสาทนึกถึงอยู่นั่นแหละ..นอนไม่หลับทั้งคืนก็
เพื่อจะมาฟังประโยคแบบนี้ไม่ใช่เหรอแก..อยากให้เค้าปลอดภัยไม่ใช่เหรอ..มันก็แค่ความเป็น
ห่วงต่อเพื่อนร่วมโลกเท่านั้นแหละนาง..แกจะคิดอะไรมาก ไอ้ความรู้สึกน้อยใจที่มันสุมประดัง
ประเดเข้ามาเมื่อคืนมันก็แค่ความรู้สึกระหว่างลูกน้องที่มีกับเจ้านายเท่านั้นเอง..ใครๆ ก็คงเป็น
เหมือนกันหมด..เพราะฉะนั้นแกไม่ต้องคิดมาก..ไอ้ทริปแบบนี้มันคงจะไม่เกิดขึ้นอีกหรอก..มัน
คงจะโคจรมาเจอกันอีกยาก..เหมือนเป็นสายลมเบาๆ ตอนหน้าหนาวไงนาง..มันจะแตะต้องผิว
กายเราพอให้ชื่นฉ่ำใจเพียงชั่วครู่เท่านั้น ทำให้จิตใจมันแสบๆ คันๆ เล่นนิดหน่อย..แล้วมันก็จะ
จางหายไปพร้อมกับฤดูใหม่ที่กำลังจะย่างกลายเข้ามา.....

“เฮ้ย!”เสียงเรียกของแจ๊ด..ทำให้คนางค์สะดุ้งโหยงหันหน้าเลิกลั่ก เห็นแจ๊ดยืนจ้องหน้าอยู่ก็ส่ง
ยิ้มแหยๆ ให้

“เป็นอะไรยัยนาง...ถามไม่ตอบ..แถมยังอึ้งไปเลย”

“มะ..ไม่เป็นไร..เมื่อกี้แกถามว่าไงเหรอ..ฉันฟังไม่ถนัด” แจ๊ดขมวดคิ้ว พากันเดินเข้าไปใน
ลิฟท์ที่มาจอดรอ....

“หูมันอื้อหรือไง..ฉันช่วยตบบ้องหูซักทีเอามั๊ยการรับฟังมันจะได้ถนัดชัดยิ่งขึ้น..ฉันถามว่า!!!
ลงไปตรังมาเป็นยังไงบ้าง!!!” เน้นน้ำเสียงชัดถ้อยชัดคำมาก..คนางค์ถึงกับผงะหน้าหนี

“อื้อหือแจ๊ด!..อยู่กันแค่สองคนแกไม่ต้องตะเบ็งขนาดนั้นก็ได้..เสียงในลิฟท์มันก้องนะ..
ขี้หูกระดิกหมดเสียรูปทรง” บ่นงึมงำ เอานิ้วแคะหูอย่างเร็ว

“ก็ได้ยินไม่ชัดไม่ใช่เหรอ..ฉันช่วยแกไง...ว่าไง!ทำมาเป็นลีลา..เห็นฉันอยากรู้เลยแกล้งไม่
ตอบงั้นใช่มั๊ย” คนางค์หัวเราะออกมาเบาๆ

“ใช่ที่ไหนเล่า..แกนี่มั่วแล้ว!..ไปทำงานมันจะมีอะไรล่ะแจ๊ดมันก็มีแต่งาน..เห็นทะเลอยู่ใกล้ๆ
ยังไม่มีโอกาสได้แตะเลย..ถ้าไปเที่ยวว่าไปอย่าง..ฉันถึงจะมีอะไรมาเล่าให้แกฟังมากกว่านี้”

“แล้วสวยมั๊ยที่รีสอร์ทน่ะ..ฮึมม์” คนางค์ยิ้มพริ้ม พากันเดินออกจากลิฟท์

“สวย!..น่าพักมากเลยล่ะ..นี่ถ้าฉันมีโอกาสได้ลาพักร้อนหรือหยุดยาวๆ นะแจ๊ด..ฉันจะลงไป
สัมผัสอีกซักครั้งนึงทีนี้เอาแบบให้ชุ่มปอดเลย”

“และคุณธันวาล่ะเป็นไงบ้าง” คนางค์หันมามองหน้าแจ๊ด เลิกคิ้วน้อยๆ แปลกใจ เพื่อนสาวยัก
คิ้วส่งให้..

“คุณปานบอกฉันว่าคุณธันวาลงไปตรังเกี่ยวกับเรื่องซื้อขายที่ดิน..ฉันก็คิดว่ามันน่าจะเป็นงาน
เดียวกับที่แกลงไป..เพราะฉะนั้นบอกฉันมาซะดีดี..ว่าเค้าเป็นยังไงบ้าง..ยังดุตะคอกแก และก็
หล่อเร้าใจฉันเหมือนเดิมหรือเปล่า..เฮอะ!..นาง” ทำหน้ากะลิ้มกะเหลี่ยอยากรู้จัด..

“ป๊าดดด! นังแจ๊ดพูดออกมาได้ไม่อายปากมั่งไง..”เบ้หน้าส่งให้พร้อมกับพ่นลมหายใจออกมา
ดังเฮือก..

“มันก็เหมือนเดิมนั่นแหละ..เคยเป็นยังไงก็เป็นอย่างงั้น..แต่ไอ้เรื่องหล่อเร้าใจแกนี่ฉันก็ไม่รู้
หรอกนะ แกคงต้องรอดูแล้วก็พิสูจน์เองแล้วล่ะ..ว่ามันจะเหมือนเดิมหรือเปล่า” สมองแวบไป
ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นบนเกาะ..หน้าเริ่มร้อนวูบ วาบ..รีบยกมือขึ้นมาสัมผัสบนใบหน้า..เป็นบ้า
อะไรยัยนาง! มันก็แค่การทำบุญทำทานเหมือนที่ไอ้เปี๊ยกบอกไว้ไง..เขากับเรามันก็แค่ความ
บังเอิญให้ต้องมาร่วมงานกันในช่วงระยะเวลานึงเท่านั้นแหละ..และไอ้ที่เขาทำดีด้วยก็เพราะว่า
เราเป็นลูกน้องใต้บังคับบัญชาเขาก็เท่านั้นเอง..ถ้าเจอกันอีกแกก็พยายามหลีกให้ห่างแล้วกัน..
นึกได้ดังนั้นก็พยักหน้าหงึก!..คิดว่าความคิดนี้..Work สุดๆ ขาก็ก้าวเดินเข้าไปใน Food
course..พร้อมกับแจ๊ด..เสียงแจ๊ดยังคงเจื้อยแจ้วให้ได้ยินเป็นระยะๆ

“เหรอๆ งั้นฉันก็ต้องไปดักรอดูแถวๆ หน้าลิฟท์ซะแล้วล่ะมั๊งเดี๋ยวไม่เห็น..เพราะคุณปานบอกว่า
คุณธันวาจะกลับมาไฟล์ทบ่าย”

“เออ! เรื่องของแก...อย่าลืมเอาปากกากับกระดาษไปด้วยล่ะ”

“เอาไปทำไม!”

“อ้าว! ขอรายเซ็นต์ไง..ดาราหญ่ายยย เข้า ออฟฟิตตต”

“ว๊ายยย!..นังนาง!..ความคิดดีนะแก..Work Work...นางแกจะกินอะไร..อย่าบอกนะว่าเล็กน้ำ”

“วันนี้ฉันจะเปลี่ยน...ฉันจะกินน้ำ!! เล็ก!!” เสียงแจ็ดหัวเราะออกมาให้ได้ยินอีกระรอก พร้อม
กับร่างของคนทั้งคู่ที่ลับหายไปในฝูงชนที่ดูจะคับคั่งบนชั้น19 ของอาคารสูง.....


#####################################################


“พี่ธัน!..อยู่เฉยๆ สิ..ขอษาดูหน่อยแผลลึกหรือเปล่า”

“นี่ยัยษา..มันจะอะไรกันนักหนาน่ะฮึ!..ไม่เป็นอะไรหรอกน่า”

“ไม่เอ๊า!!..ถ้าไม่ให้ดูเดี๋ยวษาจะไปฟ้องพ่อกับแม่ด้วย!” ธันวาถอนหายใจเฮือก จนด้วยเกล้านั่ง
พิงโซฟาเฉยปล่อยให้น้องสาวจัดการแกะกระดุมเสื้อเชิ้ตออกจากตัว..สายตาเหลือบไปมองไอ้
เพื่อนตัวแสบทั้งสองคนที่นั่ง และก็นอนเอกเขนกอยู่บนโซฟาฝั่งตรงข้ามก็เริ่มไม่สบอารมณ์..
เขาโทรย้ำนักย้ำหนาแล้วตั้งแต่เมื่อคืนว่าไม่ให้บอกเรื่องนี้กับน้องสาวเขา..แต่ก็ยังหลุดจนได้..
ร่ำๆ อยากจะลุกขึ้นไปเตะเจ้าสองตัวให้สะใจเป็นยิ่งนัก..โทษฐานทำให้ข่าวรั่ว..ลงจากเครื่องมา
ยังไม่ทันได้เตรียมตัว..ก็เห็นเพื่อนทั้งสองคนพร้อมกับเมษามายืนรอรับอยู่ก่อนแล้ว..ที่สำคัญ
แม่น้องสาวตัวดียังรีบแจ้นเข้ามาประคอง..ทำอย่างกับเขาใช้ขาไม่ได้ก็ไม่ปาน แถมไอ้เพื่อน
ทั้งสองก็ยืนประกบข้างประมาณว่าเขาเป็นไข่ในหินซะอย่างงั้น....

“ยกแขนขึ้น!” เสียงเมษาเร่งมาอีก พลอยทำให้ชายหนุ่มหลุดจากภวังค์ความคิด เห็นไอ้เจ้า
สองคนหัวเราะคิกๆ ก็เกิดอาการอยากถลาเข้าไปเตะโดยไว..ติดอยู่ที่น้องสาวนั่งขวางไว้เท่า
นั้นแหละ..ไม่งั้นมีได้โดนไปหลายดอก..ทำหน้าเอือมส่งให้น้องสาว

“ษา!”

“ยังอีก!..มันจะเป็นอะไรนักหนาน่ะเฮอะ..ก็แค่ยกแขนขึ้นเดี๋ยวษาถอดให้เอง” บทจะเฮี๊ยบขึ้น
มา..เมษาก็ทำหน้าตาได้จริงจังเหลือเกิน..พลอยทำให้พี่ชายไม่หืออือ..ยกแขนขึ้นตามคำสั่ง
เมษาค่อยๆ ถอดเสื้อออกให้..สายตาก็จิกอยู่ที่ต้นแขนที่เกิดบาดแผลเห็นผ้ากอสพันอยู่หลาย
รอบ..ก็ค่อยๆเอามือแกะออก..หน้าตาเริ่มเหยเก

“อือหือพี่ธัน!..แผลยาวเลยอ่ะ!..กี่เข็มเนี่ย” สองหนุ่มค่อยๆ ลุกจากโซฟาขึ้นมาดูบ้าง

“ไม่รู้!..ไม่ได้ถาม”ตอบน้ำเสียงสบัดส่งมา..ไม่สบอารมณ์..ดลชัยที่เดินมายืนอยู่ข้างหลังพอ
เห็นแผลก็ส่ายหน้าอย่างเอือมระอา

“กี่แผลแล้ววะเจ้าธัน!..รู้สึกจะเป็นครั้งที่สามแล้วนะที่แกโดนอย่างเงี้ย..แม่งก็ไม่เคยเข็ดซักที..
ฉันบอกให้หาการ์ดมาคอยอยู่ข้างๆก็ไม่เชื่อ..ทำตัวเป็นเป้าล่อกระสุนอยู่นั่นแหละ.” บ่นงึมงำ
กับความดื้อรั้นของเจ้าเพื่อนชาย..ธันวาทำปากจึกจัก เริ่มรำคาญ

“บ่นอะไรวะ!..ก็แค่เฉียดๆ..ยังไม่ตายหรอกน่า”ถอนหายใจเฮือกกันแทบทุกคน ภีมที่เดินมานั่ง
ข้างๆ ส่งเสียงออกมาบ้าง

“ตอนนี้มันแค่เฉียดนะโว๊ย!..ต่อไปฉันว่ามันคงจะตรงเป้าล่ะ..มันคงไม่ให้พลาดเป็นครั้งที่สี่
หรอก” เท่านั้นแหละมือบางๆ ของเมษาร่อนมาบนแขนล่ำสันของคนพูดทันทีเล่นเอาภีมสะดุ้ง
โหยงตกใจ!

“พี่ภีม!..ปากไม่ดีพูดจาเป็นลาง” ทำหน้านิ่วใส่เพื่อนพี่ชายซะอย่างงั้น..และก็หันมาหาพี่ชายตัว
เองใหม่

“จริงอย่างที่พี่ดลพูดนะคะพี่ธัน..หาการ์ดมาไว้ซักสองสามคนเถอะ..เรายังไม่รู้ว่าใครเป็นตัว
การเพราะฉะนั้นป้องกันไว้ก่อนดีกว่า”

“ไม่เป็นอะไรหรอกน่า..เชื่อพี่เถอะตอนนี้ตำรวจสาวไปถึงไอ้ตัวการแล้ว..เดี๋ยวก็คงได้ข่าวดีไม่
เกินเย็นนี้หรอก” ดลชัยเลิกคิ้วเดินมานั่งด้วยกันบนโซฟาอีกข้างนึงส่งเสียงถามออกไป

“ตกลงมันยอมบอกแล้วเหรอ!” ธันวาหัวเราะหึหึ! สายตาเย็นเฉียบขึ้นมาทันที

“หลังจากที่ฉันโทรหาพวกแกเมื่อคืนนี้..ฉันกลับไปหามันอีกรอบนึง..นั่นแหละมันถึงยอมเปิด
ปาก” ภีมกับดลชัยถึงกับถอนหายใจออกมาพร้อมกัน..พอเห็นไอ้สายตาแบบนี้ของธันวาเข้า..
พวกเขาไม่แปลกใจเลยว่าทำไมไอ้คนร้ายถึงยอมเปิดปาก..มันไม่ถึงตายก็บุญโขแล้ว...ภีม
เอนตัวพิงพนักพยักหน้าส่ง่เสียงถามมาใหม่

“ตำรวจล่ะ..เค้ายอมให้แกจัดการมันเหรอ”

“ตอนนั้นยังมาไม่ถึงกัน” เท่านั้นแหละส่ายหน้าหัวเราะออกมาเบาๆ ทั้งสองคนกับความเจ้าเล่ห์
ของธันวา..เมษาที่นั่งฟังอยู่ด้วยถึงกับขมวดคิ้วนิ่วหน้า

“พูดอะไรกันน่ะ..ไม่เห็นรู้เรื่อง..พูดให้ษาเข้าใจด้วยสิทำเป็นมีลับลมคมใน..เดี๋ยวษาจะไปฟ้อง
พ่อกับแม่” ธันวาทำเสียงจึก จักในลำคอ

“ยัยษา!..แกจะบ้าหรือไง..เอะอ่ะอะไรก็จะฟ้องพ่อกับแม่..อยากให้พวกท่านไม่สบายใจนัก
เหรอเฮอะ!” ทำหน้าดุใส่น้อง เมษาจ้องเขม็ง! ส่งเสียงแว๊ด! ออกมา

“แล้วทำให้น้องไม่สบายใจได้ใช่มั๊ย..เออๆ อยากจะทำอะไรก็เชิญ..ษาไม่ยุ่งด้วยแล้ว..พี่สิงห์
อีกคนเดี๋ยวจะโทรไปฉะซักหน่อย..มีอะไรไม่เคยบอกกล่าวน้องนุ่งทางนี้บ้าง..ปล่อยให้มารู้
เรื่องพี่ชายตัวเองจากปากคนอื่น” หันมาแขวะเพื่อนพี่ชายซะอย่างงั้น..แล้วก็ลุกขึ้น..
ตะบึงตะบอน งอน!..เดินออกไปจากห้อง ภีมถึงกับหัวเราะออกมาเบาๆ

“ยัยษานี่ไม่โตซักที..นิสัยอย่างกับเด็กแปดขวบ งอนไม่เคยเปลี่ยน” ดลชัยอมยิ้ม..ธันวา
หัวเราะออกมาเบาๆ บ้างเช่นกันปากก็ส่งเสียงออกมาเนิบๆ

“นั่นน่ะยี่สิบหกแล้วนะไอ้ภีม..ไม่ใช่เด็กแล้ว..โตจนจะแต่งงานมีครอบครัวแล้วด้วย..ฉันรู้มาว่า
มีคนมาจีบเจ้านี่..ผ่านทางแม่ฉันก็เยอะเหมือนกันนะ” ภีมหันมาเลิกคิ้วส่งให้

“จริงง่ะ..กะโปโลอย่างนี้..ยังมีหนุ่มๆ มาสนด้วยเหรอ” ถึงคราวที่ดลชัยกับธันวาจะถอนหายใจ
ออกมาพร้อมกันบ้าง..ส่ายหน้าหงึกหงักกันทั้งคู่ทำนองว่าเรื่องของใครก็จัดการกันเอาเอง
เถอะ..ไม่อยากจะยุ่งด้วยแล้ว พวกเขาทั้งสองคนรู้ดีว่าเมษาชอบและก็ชื่นชมภีมอยู่แต่ไม่
อยากก้าวก่ายมาก ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติที่ควรจะเป็น..ถึงตัวภีมเองก็เถอะก็พอจะรู้
ด้วยว่าน้องสาวเพื่อนชอบตัวเองอยู่เช่นกัน..แต่ความที่เห็นกันมาตั้งแต่เด็กๆ เอ็นดูเหมือนน้อง
เหมือนนุ่งก็เลยไม่ได้คิดถึงเรื่องรักๆใคร่ๆ แบบหนุ่มสาว..ยังคงเห็นเมษาเป็นเด็กอยู่ร่ำไป..เขา
ถึงแปลกใจไม่ใช่น้อยว่า..น้องน้อยที่เขาเห็นเป็นเด็กไม่รู้จักโตมีชายหนุ่มมาจีบซะแล้ว...

“ระวังนะโว๊ยไอ้ภีม!..กว่าจะคิดได้ก็สายไปซะแล้ว!” ดลชัยยักคิ้วส่งให้แผล๊บ ๆ แล้วก็หันมาหา
ธันวาใหม่เข้าเรื่องที่ยังคุยค้างไว้ต่อ

“ตกลงใช่นายพนาอย่างที่เราคิดไว้หรือเปล่าเจ้าธัน!” ธันวาพยักหน้า

“อึมม์..ไอ้นี่แหละหลังจากเมื่อคืนที่ฉันรู้ต้นตอว่าใครเป็นตัวการ..พอตอนเช้าฉันก็ให้พี่เวศน์ไป
ธนาคารที่เราทำการประมูลรีสอร์ท..ไอ้คนที่ประมูลแข่งกับเราก็เป็นไอ้นี่นั่นแหละ..แต่มันใช้
ชื่อหลานมันเป็นคนเข้าประมูล” หัวเราะออกมาเบาๆ ดวงตาแข็งกร้าว

“สร้างเรื่องสร้างเหตุการณ์จนทำให้เจ้าของรีสอร์ทอยู่ไม่ได้ต้องขายทิ้ง..แถมยังยักยอกเงิน
บริษัทฯ ไปประมูลอีกตังหาก..ดีนะที่ทางเราประมูลได้มาซะก่อนมันถึงแค้นฝังใจฉันนักไงล่ะ..
ไปขัดโอกาสในการทำรายได้ของมัน..ส่งคนมาลอบทำร้ายฉันตั้งสองสามหน..คิดแล้วก็เจ็บใจ
ฉันไม่น่าปล่อยให้มันลอยนวลมาได้เกือบสองปีเลย” ยกมือลูบต้นแขนอยู่อย่างงั้น

“แล้วแกจะทำยังไงต่อ” ภีมส่งเสียงถามมาบ้าง พลอยทำให้ธันวาชงักมือที่ลูบอยู่เอนตัวพิง
โซฟาเหมือนเดิม

“ฉันส่งเรื่องให้ตำรวจจัดการหมดแล้ว..ก็เหลือแต่รอหมายจับเท่านั้นแหละ..เจ้าสิงห์มันโทร
มาบอกฉันก่อนขึ้นเครื่องว่าคงไม่เกินเย็นนี้..เรื่องมันน่าจะจบได้” ดลชัยที่นั่งฟังด้วยถึงกับ
ขมวดคิ้ว ไม่อยากจะเชื่อว่ามันจะง่ายดายขนาดนั้น

“และถ้ามันไม่จบล่ะ..แกอย่าลืมนะว่าไอ้นายพนาเนี่ยมันมีอิทธิพลกว้างขวางเหมือนกัน..ฉัน
กลัวแต่ว่ามันจะหนีรอด หรือไม่ก็หลุดคดีซะก่อนน่ะสิ..ไอ้ที่จะจบเลยกลายเป็นบานไปกัน
ใหญ่” ธันวาหัวเราะหึ หึ

“และแกคิดว่าไอ้พนามันกว้างขวางคนเดียวหรือไง..แกลืมเจ้าลักษณ์ไปแล้วเหรอ” สองหนุ่ม
ถึงกับเลิกคิ้วอมยิ้มขึ้นมาพร้อมกัน ดลชัยหัวเราะออกมาเบาๆ

“เออ! ฉันลืมไป..แกมันมีไพ่ตายอยู่ในมือ..พูดถึงเจ้าลักษณ์นี่ก็แปลก!..เป็นนายหัว ทำเหมือง
อยู่ที่ภูเก็ตดีๆ ไม่ชอบ..ดันอุตริมาริเป็นครูสอนดำน้ำอีกอาชีพนึงซะอย่างงั้น..ทำเหมือนงานที่
เหมืองมันยุ่งไม่พออย่างงั้นแหละ” ภีมที่นั่งฟังอยู่ด้วยชักเมื่อย ค่อยๆ เลื้อยลงเหยียดขาไปกับ
พื้นเบื้องล่างหัวพักอยู่ที่พนักพิง..ถ้าใครมาเห็นภาพนี้ก็คงจะขำและก็ งง! ไปตามๆ กัน..สาม
หนุ่มที่มีฉายาว่าสามทหารเสือ..ตอนนี้ไม่มีสภาพเสือหลงเหลืออยู่แล้ว เป็นเหมือนแมวเชื่องๆ
ที่ติดเกาะอยู่บนโซฟาตัวเดียวกัน หนึ่งหนุ่มยกขาขึ้นมาข้างนึงค้างอยู่บนโซฟา..อีกหนึ่งหนุ่มนั่ง
อยู่ตรงกลางสภาพเพลียเต็มที่เสื้อแสงไม่ได้ใส่..ส่วนหนุ่มที่เหลือก็นอนแผ่หลาเป็นปลาขาด
น้ำ..รอผู้ใจบุญมาอุทิศน้ำส่งให้..แล้วปลาขาดน้ำก็ค่อยๆ ส่งเสียงออกมา

“ไอ้เจ้านี่มันมาที่รีสอร์ทเป็นช่วงๆ ไม่ใช่เหรอ..ได้ข่าวว่านักเรียนติดตรึมเลยนี่..เป็นตัวเรียก
ลูกค้าชั้นเยี่ยมเลยนะน่ะ” ธันวาอมยิ้ม มือก็พยายามจะพันแผลกับเข้าที่เหมือนเดิม..

“อุ้ยส์” ส่งเสียงออกมาเบาๆ รู้สึกเสียวที่แผลแปร๊บ! แปร๊บ! ดลชัยหันมองถึงกับขมวดคิ้ว

“ทำไม! แกจะทำอะไร..มา!..ฉันทำให้” ปัดมือธันวาออกไปจากต้นแขน นั่งหันหน้ามาหาเพื่อน
ตัวตรงเด่ว ตั้งหน้าตั้งตาพันเต็มที่ ธันวาก้มลงมองแผลตัวเองถึงกับหน้าเบ้..

“นี่ไอ้ดล..แกทำเป็นหรือเปล่าวะน่ะ..แน่นฉิบเป๋ง..เอาออก!” ส่งเสียงเขียว..

“เออ ๆ เดี๋ยว!” ค่อยๆ คลายออก แล้วก็พันใหม่

“ทางซ้ายสิวะ..ป้ายไปทีละทบ..หมุนอย่างงั้นมันก็เป็นก้อนหมดสิ!..มันแน่น!” ตะคอกส่งมา
อีก

“แกจะเสียงดังทำไมวะ!..เบาๆ ก็ได้..เนี่ยได้แล้ว!”

“ไม่ได้..เอาออก..เอาออก” งุ้ง งิ๊ง กันอยู่สองคน..ภีมที่กำลังจะเคลิ้มๆ ก็ลืมตาผลั่วทันที..
กระเถิบตัวลุกขึ้นนั่ง หันไปมองเพื่อนทั้งสอง

“ทำอะไรกัน!”

“มาไอ้ภีม..แกมาพันให้มันซิ..อันโน้นก็ไม่เอา..อันนี้ก็ไม่เอา..เดี๋ยวมีเกิดอารมณ์ได้ฟาดปาก
กันมั่งล่ะ..เรื่องมากนัก” ดลชัยเริ่มหงุดหงิด..คิ้วขมวดมุ้น!..ธันวาหัวเราะออกมาเบาๆ..

“ก็เสือกพันซะแน่น..มันเจ็บนี่หว่า” ภีมอมยิ้มลุกขึ้นมาจากที่นั่ง

“ไหน!” นั่งแทนที่ดลชัย..กำลังจะจับผ้าพันให้ สายตาก็พลันเห็นแผลที่หัวไหล่ธันวาเป็นจ้ำๆ
รอยฟันเด่นอย่างเห็นได้ชัดถึงกับเลิกคิ้วอมยิ้มออกมา

“รอยฟันใครติดอยู่ที่หัวไหล่แกวะ ไอ้ธัน!” ธันวารีบหันมามอง ก้มลงดูที่หัวไหล่ตัวเองเห็นเป็น
จ้ำก็ยกมือขึ้นลูบเบาๆ เงยหน้ามองเพื่อน

“เปล่า!”

“เปล่าห่าอะไร..เห็นอยู่ทนโท่ว่ามันรอยฟันชัดๆ ..ไอ้นี่ทำปากแข็ง”

“ไหน” ดลชัยรีบเดินเข้ามาดูบ้าง ดึงมือธันวาออกอย่างไว

“เออว่ะ!” หัวเราะออกมาซะดัง

“แกไปให้สาวที่ไหนกัดมาเหรอเปล่าวะไอ้ธัน..เดี๋ยวนี้มีดีไม่บอกกันบ้างเลยนะโว๊ย! ปิดข่าว
เงียบ” ธันวาทำปากจึก จักในลำคอ

“ฟันเฟินที่ไหนกัน..พอๆ เดี๋ยวฉันทำเอง..พวกแกไม่ต้องมายุ่งเลย” รีบสวมเสื้ออย่างไว ดลชัย
อมยิ้ม

“ไอ้นี่! ท่าทางมีพิรุธ”

“พวกแกไม่มีงานทำกันหรือไง” ส่งเสียงเขียวถามมา..เปลี่ยนเรื่องซะอย่างงั้น...เล่นเอาสองคน
หัวเราะออกมาอย่างดัง ขำ!

“มีพิรุธ..แถมยังพาลอีกโว๊ย!” ธันวาหัวเราะออกมาเบาๆ ค่อยๆลุกขึ้นจากโซฟาเดินเข้าไปใน
ห้องนอนส่งเสียงถามออกมาปาวๆ

“พาลห่าอะไรล่ะ..นี่ฉันก็จะลงไปเคลีย์งานเหมือนกัน..เออ!เจ้าดล..ยัยผู้ช่วยแกน่ะปิดปาก
เงียบดีหรือเปล่า..ไม่ใช่ป่านนี้ข่าวที่ฉันโดนยิงกระจายไปทั่วทั้งตึกแล้วล่ะ”

“ไม่น่านะ!..กับฉันเค้ายังไม่บอกเลยว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นบ้างที่โน่น..พูดแต่ว่าเจ้าสิงห์ห้าม
บอกถ้าอยากรู้ก็ให้มาถามแกเอง..ฉันว่าคงไม่พูดหรอก..คุณนางเธอรู้น่ะว่าอะไรเหมาะอะไร
ควร”คนอยู่ในห้องนอนพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ ไม่แน่หรอกเจ้าดล!..ออกจะขวัญผวาขี้กลัว
ขนาดนั้น..ไอ้ที่ว่าเหมาะว่าควรก็กระเจิงได้เหมือนกัน..นึกถึงภาพเหตุการณ์เมื่อคืนเขายังหวาด
เสียวไม่หาย ถ้าเขาช้าอีกนิดเดียวคนที่โดนกระสุนคงจะต้องเป็นยัยเบื๊อกนั่นแน่ๆ..

นี่ถ้ายัยนั่นเป็นอะไรไปเขาคงไม่ให้อภัยตัวเองไปตลอดชีวิตเลยล่ะ..โทษฐานเตะถ่วงให้เจ้า
หล่อนอยู่ต่ออีกหนึ่งวันทั้งๆ ที่มันก็ไม่มีงานส่วนไหนเกี่ยวข้องโดยตรงกับหล่อนซักนิด..เห็นสี
หน้าสีตาเจ้าหล่อนตอนนั้นแล้วสงสารจับใจ..หน้าซีดไม่มีสีเลือด..ตัวเองกลัวเลือดแท้ๆ ยัง
อุตส่าห์กุลีกุจอเอามือมากดห้ามเลือดที่ต้นแขนให้เขาอีก..พลอยทำให้เขาตัดสินใจอย่าง
กะทันหันว่าต้องส่งตัวหญิงสาวกลับกรุงเทพฯ โดยไวที่สุด..กลัวจะมีเหตุเกิดขึ้นอีกครั้งโดยที่
ตัวเขานั้นป้องกันไม่ได้..เขาไม่อยากจะเสี่ยงยึดถือหลักปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่า..เพราะมีความรู้
สึกว่ายัยบื้อนั่นจะถูกโฉลกกับเรื่องเจ็บเนื้อเจ็บตัวดีนักแหละ..

“ยัยต๊องเอ๊ย!..เธอจะวนอยู่ในหัวสมองฉันอีกนานแค่ไหนเนี่ย” พึมพำออกมาเบาๆ ยกมือขึ้น
ลูบหัวไหล่ที่หญิงสาวประทับรอยเอาไว้..หยิบเสื้อตัวใหม่มาสวมและก็เดินออกจากห้อง

“เจ้าดล! แกจะลงไปพร้อมฉันหรือเปล่า” ดลชัยเงยหน้าจากเอกสารที่อยู่บนตัก

“ลง!..ฉันจะปรึกษาแกเรื่องคดีของ บริษัทฯ รวมไม้ ด้วย” พูดเสร็จก็ลุกจากเก้าอี้ หันไปมอง
ภีมที่ตอนนี้นอนแผ่เป็นปลาตากแห้งยึดโซฟาฝั่งตรงข้ามไว้เป็นกรรมสิทธิ์..ดลชัยหัวเราะออก
มาเบาๆ เอาขาสะกิดไปที่ขาเพื่อนชาย ยิก ยิก

“ไอ้ภีม!..แกจะลงไปด้วยกันหรือเปล่า!” ภีมเผยอเปลือกตาขึ้นมาข้างนึงแล้วก็ปิดต่อ ส่งเสียง
โอดครวญออกมาเบาๆ

“ฉันง่วงอ่ะยังไม่ได้นอนเลย!..เมื่อคืนอยู่ที่ไซด์งานทั้งคืนล่อมาถึงสิบเอ็ดโมงเช้า..และก็ต้อง
ถ่อไปรับเจ้าธันที่สนามบินอีก..ขอพักว่ะไม่ไหวปวดเบ้าตา!” ธันวาที่ยืนมองอยู่ด้วยอมยิ้มออก
มานิดๆ และก็ชวนกันเดินออกจากห้องไป ทิ้งให้ภีมนอนแผ่หลาอยู่บนโซฟาคนเดียวภายใน
ห้องกว้างขวางบนชั้นที่สิบสิบของอาคารสูง...

เสียงประตูหน้าถูกเปิดออกเบาๆ พลอยทำให้คนที่มีประสาทสัมผัสดีอย่างภีมตื่นตัวเต็มที่..
ค่อยๆ ลืมตาขึ้นข้างนึง พอเห็นร่างบุคคลที่เข้ามากำลังหันหลังปิดประตู..ก็ผ่อนหายใจออกมา
เบาๆ หลับตาลงไปอีกครั้ง..

“พี่ธัน!..ษาจะมาพากลับบ้าน..วันนี้กลับเร็วหน่อยแล้วกันเดี๋ยวษากับแม่จะทำของโปรดให้กิน”
ส่งเสียงนำเข้ามาก่อนตัว แล้วร่างบางระหงก็เดินเข้ามา..หยุดชะงักทันที..หันหน้าเลิกลั่ก

“อ้าว! ไม่อยู่เหรอ!” สายตามองมาที่โซฟา เดินเข้ามาเงียบๆ เห็นภีมนอนอยู่..ใบหน้าก็ระบาย
ไปด้วยรอยยิ้ม หยุดยืนอยู่ใกล้ๆ..ค่อยๆก้มหน้าลงมอง..ซักแป๊บก็ขมวดคิ้วยู่หน้าส่งให้

“เพลียล่ะสิ!..เที่ยวกับสาวดึกดื่นบ้านช่องไม่ยอมกลับ” พึมพำออกมา..ค้อนให้กับคนนอนหลับ
ไปอีกควับนึง..แล้วก็มองใหม่ เห็นผมปรกอยู่ที่หน้าผากปรอยนึงก็เอื้อมมือมาปัดออกให้..มือ
ค่อยๆ ลูบไล้คิ้วเข้มได้รูปเบาๆ..พี่ภีม!..เมื่อไหร่จะเลิกเห็นษาเป็นเด็กซักทีคะ..ษาโตแล้ว รู้จัก
ลึกซึ้งถึงความรักว่ามันเป็นยังไงแล้ว..ทำไมต้องปล่อยให้ษารออยู่เรื่อยมันไม่สนุกเลยจริงๆ..
ถอนหายใจออกมาเบาๆ ค่อยๆ ละมือจากใบหน้าชายหนุ่ม..

“อุ้ย!” ส่งเสียงอุทานออกมา..มือบอบบางถูกยึดไว้โดยเจ้าของร่างกำยำที่นอนหลับตาอยู่บน
โซฟา..ซักครู่เปลือกตาก็ค่อยๆ ขยับเปิดออกเห็นดวงตาช้ำเริ่มแดงระเรื่อเหมือนผ่านการใช้
งานมาอย่างหนักโดยไม่ได้พักผ่อน

“ใครบอกว่าพี่เที่ยวกับสาวดึกดื่น..ฮึมม์” เอื้อนเอ่ยออกมาเบาๆ ดึงหญิงสาวให้นั่งลงมาบน
โซฟาตัวเดียวกัน..เมษานั่งขบริมฝีปากนิ่ง คิ้วขมวดมุ้น..

“ว่าไง! เด็กดื้อ” เมษาทำเสียงฮึดฮัดในลำคอ ไม่พอใจ

“พี่ภีม!..เลิกบอกว่าษาเป็นเด็กซักทีได้มั๊ย..ษาโตแล้วนะเป็นผู้ใหญ่แล้วด้วย” ภีมอมยิ้มนอน
กุมมือหญิงสาวที่เขาเห็นว่าเป็นเด็กอยู่อย่างงั้น..มือนุ่มบอบบางจนเขาไม่อยากจะปล่อย

“ทำตัวไม่เห็นเหมือนผู้ใหญ่..กระฟัดกระเฟียดเหมือนเด็กๆ..คนโตแล้วเค้าไม่ทำหน้าแบบนี้
หรอก..ไม่น่ารัก” หน้าที่ไม่พอใจอยู่แล้ว..เริ่มบึ้งทันที

“ใช่สิ!..ใครมันจะน่ารักเหมือนสาวๆ ที่ภีมควงอยู่ล่ะ..ษามันก็แค่เด็กกะโปโลปากยังไม่สิ้นกลิ่น
น้ำนมเข้าใกล้แล้วเหมือนอยู่ในรั้วโรงเรียนอนุบาล..ไม่เหมือนแม่พวกสาวๆ สวยๆ น่ารักๆ พวก
นั้นสัมผัสได้ถึงรั้วมหาลัยเลยล่ะสิ...ปล่อยย!”ดึงมือออกจากชายหนุ่ม..ภีมหัวเราะออกมาเบาๆ
ยังคงกระชับมือนุ่มนั้นไว้

“ไปกันใหญ่แล้วษา!..รั้วอนุบาล..รั้วมหาลัยอะไรพูดจาไม่น่าฟัง” เมษาฉุนขาด!

“งั้นก็ไม่ต้องมาฟัง..เดี๋ยวษาไปพูดให้คนอื่นฟังก็ได้..ปล่อยษาเดี๋ยวนี้!”ตวาดแว๊ดออกมา ภีม
เริ่มขมวดคิ้วลุกขึ้นนั่ง..คลายมือหนาที่จับมือบอบบางไว้ออก..เมษาลุกพรวดขึ้นยืนทันทีหัน
หลังให้

“เป็นอะไรน่ะษา..ทำไมเดี๋ยวนี้เจ้าอารมณ์จัง!” ร่างบอบบางที่ยืนหันหลังให้ เริ่มมีอาการ
สะท้านให้เห็น ส่งเสียงอู้อี้กลับมา

“พี่ภีมวางใจเถอะ..ต่อแต่นี้ไปพี่ภีมจะไม่ได้เห็นอารมณ์ของษาแบบนี้อีกแล้ว..เพราะมันคงจะ
ไม่มีอีกแล้ว!” รีบเดินไปเปิดประตูหน้าก้าวขาออกไปจากห้อง..ทิ้งให้ชายหนุ่มนั่งนิ่งงันอยู่อย่าง
นั้น..ซักครู่อาการปวดที่เบ้าตาเริ่มกำเริบอีกครั้ง ยกมือขึ้นนวดขมับเบาๆ ล้มตัวลงนอนต่อ..
ภาพเมษายืนหันหลังให้ไหล่สะท้านยังคงติดอยู่ในความทรงจำ..

“หรือเด็กน้อยของพี่..จะเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ” พึมพำออกมาเบาๆ..มุมปากกระตุกขึ้นมานิดๆ
แล้วสายตาก็ค่อยๆ เลื่อนปิดอีกครั้งนึง....


#####################################################


“แกเป็นอะไรวะเจ้าธัน..ผุดลุกผุดนั่งอยู่นั่นแหละ” ดลชัยขมวดคิ้วนิ่วหน้าส่งให้..ชายหนุ่มชัก
เริ่มรำคาญ ตั้งแต่เข้ามานั่งในห้องเขาเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว..ธันวาลุกจากที่นั่งหน้าโต๊ะทำงาน
เขาตั้งสามหนรวมเมื่อสักครู่เป็นสี่..นั่งคุยกำลังจะเข้าเรื่องก็มีอันต้องลุกอีกแล้วแถมเดินไป
แหวกมู่ลี่พลาสติกมองออกไปนอกห้องด้วย..ดูเหมือนวันนี้เจ้าเพื่อนชายเขาจะใจไม่อยู่กับเนื้อ
กับตัวซะเลย...

“เปล่า!” กลับมานั่งลงใหม่..เอนตัวไปบนพนักเก้าอี้ยื่นนิ้วมาเคาะโต๊ะ ก๊อกๆ ดลชัยไม่อยากจะ
เชื่อ นั่งท้าวคางมองหน้าคนตรงหน้าอยู่อย่างงั้น..ธันวาเลิกคิ้วส่งให้

“เป็นอะไรไอ้ดล!..จ้องอยู่นั่นแหละ...เมื่อกี้บอกว่าไงนะ!..ทางโน้นตกลงจะยอมจ่ายให้เราตาม
สัญญาหรือเปล่า..ว่าไง!” ส่งเสียงถามมายิก ยิก ดลถอนหายใจเฮือกเอนตัวไปพิงพนักเก้าอี้
บ้าง

“ยอม!..แต่เขาขอผ่อนผัน..ฉันก็เลยไม่แน่ใจว่าจะเล่นบทโหดเป็นผู้ร้ายทำเรื่องยื่นฟ้องยึด
ทรัพย์ทางโน้นเลยหรือเปล่า..หรือจะเป็นพระเอกยอมความ และก็รับข้อเสนอที่เขายื่นมาให้ดี..
เลยต้องมาปรึกษาแกเนี่ย”

“แกคิดว่าไงล่ะ!”ธันวาส่งเสียงถามมาอีก

“สำหรับฉันแล้ว..ฉันอยากให้เป็นอย่างหลังว่ะ..บริษัทฯ รวมไม้..ไม่ใช่บริษัทฯ ที่ใหญ่ เป็น
บริษัทฯ คู่ค้าเก่าแก่มาตั้งแต่รุ่นพ่อแกโน่น..ทรัพย์สินที่มีก็ไม่ค่อยจะมีมูลค่าอะไรมากนัก..ถึง
ถ้ายึดทรัพย์ไป ไอ้ที่ได้มามันจะไม่คุ้มเสีย..ฉันว่าปล่อยให้เค้าทำกิจการไปเรื่อยๆ และให้เค้า
ผ่อนใช้ดีกว่ามันเห็นเป็นตัวเงินดี..และไอ้ที่เค้าผิดข้อตกลงในสัญญา..ส่งของให้เราไม่ทัน
กำหนดนั่น..มันเป็นเพราะว่าเค้าหมุนเงินไม่ทันช่วงระยะเวลานั้นเท่านั้นเอง..ธุรกิจที่บริษัทฯ นี้
ทำอยู่มันยังไปได้เรื่อยๆ มันไม่น่าจะมีปัญหาอะไร..ถ้ายอมความกันได้มันก็น่าจะดี..เห็นแก่พ่อ
แกด้วยไงเจ้าธัน..และก็ถือซะว่าเป็นบทเรียนให้ทางโน้นด้วยว่า..อย่าสักแต่เซ็นต์สัญญาโดยที่
ตัวเองทำไม่ได้มันจะผูกมัดตัวเองภายหลัง” ธันวาพยัก พเยิกหน้าส่งให้

“งั้นก็ทำตามที่แกเห็นสมควรแล้วกันเจ้าดล” ดลชัยหัวเราะเบาๆ

“ไม่เสนอ..ไม่ค้านอะไรเลยเหรอ!”

“ไม่อ่ะ!..ขี้เกียจ” ดลชัยตาโต..ไม่อยากจะเชื่อ

“วันนี้แกเป็นอะไรวะเจ้าธัน..มันดูลอยๆ เหมือนไม่ใช่ตัวแกเลยว่ะ” ธันวาพ่นลมหายใจออกมา
ดังเฮือก ค่อยๆ ลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินเตร่ไปแถวๆ ข้างห้อง..เอามือคลี่มูลี่อีกครั้ง ดลชัยนั่ง
อมยิ้ม มองตามทุกฝีก้าว

“ยัยผู้ช่วยแกเค้าไปไหน..จะบ่ายสามโมงแล้ว” หันมามองหน้าดลชัย..เห็นชายหนุ่มนั่งอมยิ้ม
อยู่ก็ทำตาขวาง

“ยิ้มอะไร”

“เปล่า!”

“ว่าไง!..ตั้งแต่ฉันลงมาเนี่ยยังไม่เห็นหน้าเจ้าหล่อนเลย..ลาหรือไง” ถามจี้มาอีก..ดลชัยหัวเราะ
ออกมาเสียงดัง ขำ!

“นี่แกเป็นอะไรวะ เจ้าธัน! ร้อยวันพันปีไม่เคยถามถึงสารทุกข์สุกดิบของพนักงาน..วันนี้มา
แปลก” ธันวาทำปากจึก จัก เริ่มขัดใจ

“จะเป็นอะไรล่ะ..ฉันจ่ายเงินเดือนให้พนักงานก็หวังจะให้เค้าทำงานให้คุ้มค่าจ้าง..ไม่ไช่เอา
เวลาของฉันไปทำอย่างอื่นหมด..และฉันผิดตรงไหนที่ถามเนี่ยเฮอะ!” ดลชัยหัวเราะมา
อีกระรอก ยังขำไม่เลิก!

“เปล่า!..ฉันก็แค่ถามดูเท่านั้นแหละ!” ก๊อก!! ก๊อก!! หันไปมองประตูด้วยกันทั้งคู่ ประตูค่อยๆ
เปิดออก ใบหน้าของแจ๊ดก็ลอยเข้ามา..

“ขอประทานโทษค่ะ..ไม่ทราบเข้าไปได้หรือเปล่าคะ” ดลชัยพยักหน้ารับ แจ๊ดถึงเดินเข้ามาใน
ห้องพร้อมแฟ้มเอกสาร

“รบกวนคุณดลค่ะ..พอดีมีเอกสารเร่งด่วนที่ต้องให้คุณดลเซ็นต์..และแจ๊ดต้องฝาก พนักงาน
ไปส่งที่ศาลตอนบ่ายสามโมงครึ่งค่ะ..แจ๊ดกลัวไม่ทัน” รีบวางเอกสารไว้ให้บนโต๊ะ หันมายืน
สงบนิ่งหน้าโต๊ะทำงานชายหนุ่ม..ค่อยๆเบือนสายตาไปมองขวัญใจตัวเอง..เห็นยืนก้มหน้าอยู่ก็
อมยิ้มนิดๆ....กรี๊ดดด! ขนาดก้มยังหล่อเลยนังแจ๊ดเอ๊ย!..คุ้มๆ อิอิ! อมยิ้มในหน้า

“คุณแจ๊ด!” ดลชัยส่งเสียงมา แจ๊ดหยุดยิ้มฉับรีบหันมาหาต้นเสียง

“คะคุณดล”

“คุณนางไปไหนน่ะ..ผมไม่เห็นเธออยู่ที่โต๊ะทำงานตั้งแต่บ่าย” แจ๊ดยิ้มแหยๆ ส่งให้

“คะ...คือ นาง..กะ..เกิด Accident นิดหน่อยค่ะ..ตะ ตอนนี้อยู่ที่ห้อง Canteen” เท่านั้นแหละ
คนที่ยืนก้มหน้าอยู่เงยหน้าขึ้นมาทันที ขมวดคิ้วมุ้น

“ฉันไปก่อนนะเจ้าดล..มีอะไรก็โทรเข้ามาแล้วกัน” ว่าแล้วก็เดินออกไป ดลชัย งง! อะไรของ
มันวะไอ้นี่ นึกจะไปก็ไป ไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย..สั่นหัวหงึกหงัก..หันหน้ามาหาแจ๊ดใหม่..

“Accident อะไร..คุณแจ๊ด!..คุณนางไปโดนอะไรเข้าล่ะ” แจ๊ดยิ้มปูเลี่ยน ปูเลี่ยนให้อีกระรอก..
เกาหัวแกรกๆ ฉันจะบอกยังไงดีวะเนี่ย..ยัยนาง!..

“เอ่อ! แบบ..เอ่อ..ยังไงดีล่ะ..คือ Accident แบบผู้หญิงน่ะค่ะ..แบบว่าน้ำเหนือไหลบ่า..นั่งไม่
ได้ต้องฟุบอย่างเดียว..วันมาไม่น้อย มามากเลยทีเดียวเชียว...แหะๆ” หัวเราะออกมาเบาๆ
ดลชัยนั่งอมยิ้ม

“อ้อ!..เข้าใจแล้วฮะ!...อ่ะ! ผมเซ็นต์เสร็จแล้ว” ยื่นแฟ้มส่งให้ แจ๊ดยิ้มรับ

“ขอบคุณมากค่ะ” รีบเดินออกจากห้อง.....



####################################################


“ยัยบ้าเอ๊ย!.เธอนี่สงสัยจะถูกโฉลกกับไอ้คำว่าอุบัติเหตุซะจริงๆ จะมีผู้หญิงที่ไหนเฟอะฟะ
ซุ่มซ่ามได้เท่ายัยนี่อีกมั๊ยเนี่ย” บ่นงึมงำมาตลอดทางหน้าง้ำไม่สบอารมณ์..พนักงานที่นั่งทำ
งานอยู่พอเห็นธันวาเข้าต่างก็ทำหน้าเลิกลั่ก รีบก้มหน้าก้มตาทำงานต่อ พวกที่กำลังยืนคุยกัน
อยู่ก็วงแตกหือ..รีบแยกย้ายกลับไปที่โต๊ะตัวเองโดยไว..ธันวาเดินไปจนสุดทางเดิน..เห็นป้าย
ระบุว่าห้อง Canteen ก็ค่อยๆ ผลักประตูเข้าไป กวาดสายตาไปรอบๆ ขมวดคิ้วออกมานิดนึง..
ไม่เห็น!..กำลังจะถอยหลังกลับ สายตาก็เหลือบไปเห็นร่างบางคุ้นตาที่นั่งฟุบศีรษะอยู่บนโต๊ะ
ในสุดของห้อง รีบเดินเข้ามาหยุดยืนอยู่ข้างๆ...

“เป็นอะไร” ร่างบางไม่ขยับเขยื้อน ชายหนุ่มเอื้อมมือไปเขย่าแขนเบาๆ คนางค์สะดุ้งโหยงรีบ
เงยหน้าขึ้นมาทันที..พอเห็นหน้าคนที่สะกิดเข้าอาการเริ่มกำเริบ..ปวดมวนในช่องท้องขึ้นมาอีก
ครั้ง หน้าที่ซีดอยู่แล้ว ยิ่งซีดหนักลงไปอีก ปากแห้งขึ้นมาทันทีทันใด..รีบนั่งตัวตรงพิงพนักส่ง
เสียงอึก อักออกมาอย่างไว

“คะ..คือ..คุณธันวามีอะไรหรือเปล่าคะ..คะ..คือจะหาคุณดลเหรอคะ..ดะ เดี๋ยวฉันไปตามให้”
ขยับตัวทำท่าจะลุก ชายหนุ่มกดไหล่หญิงสาวให้นั่งกลับลงไปใหม่

“นั่งลงก่อน..เป็นอะไรทำไมมานอนฟุบอยู่ตรงนี้” หญิงสาวยิ้มแหยๆ ส่งให้

“คือ..ฉะ..ฉันไม่ได้อู้นะคะ..แบบ!..มันมี Accident นิดหน่อย..มะ..มันปวดท้อง” ชายหนุ่ม
ขมวดคิ้ว เห็นหน้าหญิงสาวตรงหน้าแล้วหงุด หงิด ขัดอารมณ์เป็นยิ่งนัก

“กินอะไรเข้าไป..ทำไมไม่รู้จักดู..ฮึ!” ส่งเสียงเข้มถามมา หญิงสาวเริ่มหยีตาปวดแปลบขึ้นมา
อีกครั้ง เอามือกดที่หน้าท้องแน่น..พูดไม่ออกก้มหน้าฟุบไปบนโต๊ะใหม่...

“เป็นอะไรมากหรือเปล่า..เธอ” หญิงสาวขยับตัวอีกครั้ง..ส่งเสียง อู้ อี้ ออกมาเบาๆ

“ดะ..เดี๋ยวขอฉันพักอีกซักแป๊บ..เดี๋ยวก็หาย..และฉันจะไปทำงานต่อให้นะคะ” ชายหนุ่มถอน
หายใจเฮือก..

“ไม่ต้องทำแล้ว..ลุกๆ..ไปโรงพยาบาล..ไปหาหมอ” คนางค์หูกระดิก..รีบแหงะหน้ามามองชาย
หนุ่ม...เป็นอะไรของเค้าอีกล่ะตานี่!!..ยิ่งปวดๆ อยู่นะวุ้ย!!..

“ไม่ต้องถึงหมอหรอกค่ะ..เดี๋ยวก็หายแล้ว..เชื่อฉันเถอะ” ธันวาถึงกับส่ายหน้า..สบทออกมา
เบาๆ

“ยัยดื้อเอ๊ย..รั้นนัก!..เธอจะมารู้ดีไปมากกว่าหมอได้ยังไง..ไปให้หมอตรวจก่อน จะได้หายๆ
ไม่ต้องมานอนทรมานอยู่อย่างนี้” หญิงสาวค่อยๆ ประคองตัวนั่งเหมือนเดิม

“คือมันจะทรมานแค่แป๊บเดียวเองค่ะแค่วันแรกๆเท่านั้น..เป็นทุกเดือนเลยรู้ดี..อันนี้ไม่ต้องหา
หมอ..เชื่อฉันเถอะ” พูดออกมาเนิบๆ ชายหนุ่มจ้องหน้าคนางค์เขม็ง ชักเริ่มไม่แน่ใจ

“เป็นอะไร” หญิงสาวทำหน้าเพลียละโหย..ไม่รู้จะบอกยังไงดีให้คนตรงหน้าเข้าใจโดยที่ตัวเอง
ไม่เคอะเขิล..และก็ทำหน้าชั่งใจ เอาวะ! บอกๆ ไปจะได้จบๆ

“เอ่อ!..คือเป็นวันของผู้หญิงน่ะค่ะ..วันแดงเดือด!” ส่งยิ้มแหยๆ ให้ด้วย...

“ฮะ” ชายหนุ่ม งง! คนางค์ขมวดคิ้วทำปากจึกจัก..เริ่มขัดใจ!...

“วันนั้นของเดือน..ประจำเดือน..วันที่ฮอร์โมนฉันฉีดพล่านนน!” หงุดหงิด หงุดหงิด..เข้าใจยาก
ซะเหลือเกินนักตานี่!..เป็นถึง MD บริษัทฯ ใหญ่โต เรื่องแค่นี้ไม่เข้าใจ..นั่งหน้านิ่ว ปวดท้อง!!!
ก้มลงไปใหม่..ธันวาเลิกคิ้วเพิ่งเข้าใจยืนทำหน้าไม่ถูกอยู่อย่างงั้น..ซักแป๊บก็เอื้อมมือมาจับ
แขนคนางค์

“งั้นไป!”หญิงสาวตกใจ รีบเงยหน้าขึ้นมาใหม่ ตาเบิกโพลง..

“ปะ..ไปไหน!”

“กลับบ้าน!”

“กะ..กลับบ้านใคร!” รั้งแขนไว้..ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาอีกเฮือก..ดูเหมือนวันนี้เขาจะ
ถอนหายใจบ่อยครั้งซะเหลือเกิน..อะไรที่เกี่ยวข้องกับยายนี่มันเป็นอะไรที่หายใจไม่ค่อยจะทั่ว
ท้อง..มีได้พ่นออกมาเป็นระยะ ๆ ไป

“จะกลับบ้านใคร!..ก็บ้านเธอน่ะสิถามได้!..หรือว่าจะไปบ้านฉัน” คนางค์หน้าเบ้! เถียงไม่ออก..
เพราะอาการปวดท้องมันขึ้นมาจุกอยู่ที่ปาก..ส่งเสียงซี๊ด!! ซ๊าด!! ออกมาแทนเอามือกุมท้อง
ไว้..ชายหนุ่มยืนจ้องนิ่ง ส่งเสียงถามออกมาเนิบๆ

“ปวดมากหรือเปล่า!” คนางค์พยักหน้า หงึก หงึก..

“ปวด!!”

“ลุกขึ้นไหวมั๊ย!..ฉันว่าเธอกลับไปนอนพักที่บ้านดีกว่า..อย่านั่งอยู่อย่างงี้เลย..มา! ลุกขึ้น!”
เข้ามาประคองหญิงสาวให้ลุกจากเก้าอี้..คนางค์ลุกขึ้นแต่โดยดีไม่มีอิดออด..ใจก็อยากจะนอน
เต็มแก่แล้ว อยากจะพักซักหน่อยให้มันคลายหายปวดหายเมื่อยเหมือนกัน..

“งะ..งั้นฉันลาคุณตรงนี้เลยแล้วกันนะคะ..ไม่รบกวนแล้ว” ชายหนุ่มขมวดคิ้ว

“เดี๋ยวฉันไปส่ง!..จะไปยังไงปวดท้องอย่างงี้” คนางค์ยกมือขึ้นเกาหน้าแกรก ๆ

“อะ..เอ่อ!”

“ไม่ต้องพูดมาก..ฉันจะกลับพอดีทางผ่าน!..ไป!..ไปเก็บของ”

“คะ..คือ!” ธันวายืนจ้องมองนิ่งประหนึ่งถ้ากินหัวหญิงสาวได้คงจะกินเข้าไปแล้ว..คนางค์หน้า
ม่อย ถอนหายใจเฮือก..

“จอมบงการ!” บ่นออกมาเบาๆ ไม่สนใจแล้วว่าชายหนุ่มจะได้ยินหรือไม่..หน้าซีดๆ เริ่มง้ำเป็น
ม้าหมากรุก เดินเอามือกุมท้องออกจากห้อง Canteen..มีชายหนุ่มเดินตามหลังมาด้วยกัน..
ดลชัยที่กำลังจะเดินเข้าห้องทำงานพอเห็นสองคนเดินตามกันมาก็หยุดยืนรอ...

“คุณนางค่อยยังชั่วแล้วเหรอครับ!” คนางค์ส่งยิ้มเซียวๆ ให้

“ยังไม่ค่อยดีเท่าไหร่ค่ะ..นี่นางก็ว่าจะมาขอลาคุณดลหนึ่งวันน่ะค่ะ..จะไปพักที่บ้าน” ดลชัย
พยักหน้าอย่างไว

“ตามสบายเลยครับคุณนาง...นี่จะกลับยังไงครับ..เดี๋ยวผมให้!....”

“ไม่ต้อง! เดี๋ยวฉันไปส่งเอง..ผ่านทางนั้นพอดี” เสียงธันวาส่งเข้ามาอย่างเร็ว..เล่นเอาดลชัยหุบ
ปากหมับเลิกคิ้วอมยิ้มออกมา..

“แกจะกลับแล้วเหรอ! เจ้าธัน!”

“เออ!” ส่งเสียงตอบเพื่อน แต่สายตายังจับอยู่ที่คนางค์เขม็ง

“เก็บให้มันเร็วๆหน่อย ได้มั๊ยแม่คุณ!” คนางค์ทำปากจึก จัก ปลายหางตาส่งมาให้..และก็เสร็จ
หันมาลาดลชัยที่ยืนพิงประตูอมยิ้มมองอยู่..ธันวาหันมาพยักหน้าส่งให้ดลชัยด้วยอีกคน แล้วก็
เดินตามคนางค์ออกไป..ดลชัยยืนมองส่งจนลับสายตา และก็หัวเราะออกมาเบาๆ

“งานนี้..มีเฮโว๊ย!!..ไอ้ตัวดีส่อพิรุธ” หัวเราะอีกครั้ง และก็หันกลับเข้าห้องไป...........

เพียงชั่วเวลาไม่นาน..รถBMW คันงามก็มาจอดสนิทนิ่งตรงลานจอดรถของอพาท์เม้นท์ที่
คนางค์เช่าอยู่..ชายหนุ่มหันมาหาคนข้างๆ ที่ตีตั๋วนอนมาตั้งแต่ต้น..หลับสนิทด้วยฤทธิ์อาการ
ปวดที่ช่องท้องนอนตะแคงข้างมาตลอด..ถึงกับทำให้คนขับเหลือบตามองเป็นระยะๆ

“เธอ!..ถึงแล้ว!” ชายหนุ่มสะกิดแขนกลมกลึงเบาๆ คนางค์ขยับตัวรีบลุกขึ้นนั่งอย่างไว..หันไป
มองบรรยากาศโดยรอบ..มือก็ค่อยๆ ปลดเข็มขัดนิรภัยออกจากตัว..แล้วก็หันหน้ามาหาธันวา
ส่งยิ้มบางๆให้

“ขอบคุณมากค่ะ”

“ลงไหวหรือเปล่า!” ส่งเสียงถามมาอีกระรอก..เพราะเห็นสีหน้าสีตาของหญิงสาวไม่มีอาการดี
ขึ้น หน้ายังคงซีดอยู่

“วะ..ไหวค่ะ!” ค่อยๆ ลากขาลงจากรถปิดประตูตามหลัง..ธันวานั่งมองอยู่ในรถนิ่ง เห็นหญิงสาว
ค่อยๆเดินเอามือก็กุมท้องไปด้วย คิ้วหนาก็เริ่มขมวด..มีอันต้องถอนหายใจออกมาอีกเฮือก..
เปิดประตูก้าวขาลงจากรถเดินตามหญิงสาวที่เดินนำหน้าไป.....

“ทำไมเดือนนี้มันปวดกว่าทุกเดือนวะ!” บ่นพึมพำออกมาเบาๆ ลากขาเดินแกรก กราก

“ไหวหรือเปล่า” คนางค์สะดุ้งโหยง รีบหันหน้าไปมองคนข้างๆ อย่างไว!..จ๊ากก! ตามมาเหรอ

“อะ..เอ่อ!..ไหวค่ะไหว..ไม่เป็นไร..คุณไม่ต้องตามมาหรอก”

“เหอะน่า!..อย่าเรื่องมาก..เสียเวลา!” หญิงสาวขมวดคิ้วมุ้น..หยุดเดินดื้อๆ

“มันไม่ดี..คุณจะขึ้นไปได้ยังไงล่ะ!..ฉันเป็นผู้หญิงนะ..มันเสียหาย!” ชายหนุ่มไม่นำพา เสียง
ของคนางค์สักนิด จับแขนพาเดินลิ่วๆ

“รู้แล้วน่ะว่าเป็นผู้หญิง..เห็นอยู่ตาไม่ได้บอด!..ถ้าใครถามเธอก็บอกเค้าแล้วกัน..ว่าฉันเป็นพี่
ชายมาเยี่ยมน้องสาว” คนางค์ตาเหลือก

“พะ..พี่ชาย..มะ..มาเยี่ยมน้องสาว” หญิงสาว งง! เป็นไก่ตาแตก พูดทวนคำเหมือนเด็กไม่สม
ประกอบอย่างนั้น ชายหนุ่มทำปากจึก จัก จับแขนคนางค์ก้าวเดินไปด้วยกัน..กำลังจะก้าวเข้า
ตัวอาคารที่คนางค์เช่าอยู่..เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำอาคาร ก็ส่งยิ้มแป้น ทักมา
เสียงดัง..

“คุณนาง..วันนี้กลับเร็วเลยนะครับ” คนางค์ยิ้มแหยๆ ส่งให้ ส่งเสียงออกมาเบาๆ

“พะ..พี่ชายค่ะ..แหะๆ” ตอบไม่ตรงคำถามซะอย่างงั้น ทำเอาธันวาเหลือกตาขึ้นไปข้างบน..
บ๊องส์ จริงๆ ยัยนี่..รีบลากหญิงสาวให้เดินเข้ามาในตัวอาคาร..

“บ้าหรือเปล่า..เค้าไม่ได้ถามก็ไม่ต้องไปบอก..ทำเป็นกระต่ายตื่นตูมไปได้” จูงแขนเดินนำหน้า
อย่างไว

“ชั้นไหน” คนางค์หน้ามุ้ย ไม่อยากโต้ตอบไม่มีอารมณ์อยากจะพูด..อยากจะนอนอย่างเดียว
แล้วตอนนี้

“ชั้นสี่” ชายหนุ่มหันหน้าเลิกลั่ก

“ไหนลิฟท์”

“ไม่มี!” หน้าคมเข้มเริ่มฉงน

“ทำไมไม่มี!” คนางค์เริ่มไม่สบอารมณ์แล้ว ส่งเสียงฮึด ฮัดออกมา!

“ไม่รู้!!..สงสัยต้องไปถามเจ้าของแล้วล่ะ..ฉันก็ตอบไม่ได้”

“แล้วอยู่เข้าไปได้ยังไง ไม่มีลิฟท์น่ะเฮอะ!..เดินกันเมื่อยขาไปหมด” หญิงสาวขมวดคิ้ว

“ทำไงได้!..ปัญญาฉันก็มีอยู่แค่นี้แหละ..ได้แค่นี้ก็บุญโขแล้ว..เดี๋ยวรอให้ฉันได้ขึ้นเป็น MD
ของบริษัทฯ ใหญ่โตก่อนโน่น!..ฉันถึงจะมีปัญญาเช่าไอ้ที่มันสะดวกสบายกว่านี้..ให้ลิฟท์มัน
เปิดไปถึงปากประตูห้องเลย” กระแหนะ กระแหนส่งไป..เป็นประโยคที่ยาวที่สุดตั้งแต่ช่วงบ่าย
ของวันนี้..มีปลายหางตาค้อนให้ธันวาด้วย...ชายหนุ่มไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด จับ
แขนคนางค์และก็เดินขึ้นบันไดไปด้วยกัน..

“ห้องเนี้ยแหละ” คนางค์หยุดยืนที่หน้าห้องสี่หนึ่งศูนย์

“คุณส่งฉันแค่นี้แหละ..ฉันเดินเข้าไปเองได้..ความจริงฉันก็เดินขึ้นมาเองได้อยู่แล้วไม่จำเป็น
ต้องตามขึ้นมาด้วยเลย..เสียเวลาเปล่า ๆ” พูดปาวๆ หน้ายังคงไม่มีสีเลือดเหมือนเดิม..ธันวานิ่ว
หน้า..

“เธอนี่เป็นคนที่ไม่สำนึกบุญคุณคนเลย..หน้าซีดจนจะไม่มีเลือดอยู่แล้วยังทำอวดเก่ง”หญิง
สาวหน้างอเป็นจวัก..

“เออๆ ก็ได้..ก็ได้..ขอบคุณมากนะคะที่เสียสละเวลาอันมีค่ามาส่ง..จะไม่ลืมพระคุณเลย” ค้อน
ให้อีกควับนึง ควานหยิบกุญแจในกระเป๋าแล้วก็เจอ..กำลังจะหันกลับไปไขกุญแจห้อง..ก็ต้องมี
อันชงักซะก่อน..ธันวาจับแขนหญิงสาวเอาไว้...

“เดี๋ยว!” คนางค์ส่งเสียงจึก จักในลำคอเบาๆ เริ่มหงุดหงิด

“อะไรอีก” ชายหนุ่มจ้องหน้าคนางค์นิ่ง..หญิงสาวจ้องตอบพอเห็นแววตาแบบนั้นของชายหนุ่ม
เข้า..หน้าที่ซีด..ก็เริ่มร้อนวาบๆ ซับสีเลือดขึ้นมาทันที..ธันวาส่งเสียงออกมาเบาๆ

“เมื่อคืนนั้นเธอยังไม่ตอบคำถามฉันเลย..ใครที่มันบอกว่าเธอหวานจับใจน่ะเฮอะ...แล้วไปให้
เค้าชิมมาตอนไหน” คนางค์นิ่งอึ้ง...

“อะ...เอ่อ!” อ้ำอึ้งตะลึงงัน..ถ้าเป็นเวลาปรกติสมองอันฉับไวมันจะส่งความคิดไปที่ริมฝีปาก
แล้วแต่ ณ เวลานี้มันไม่..

“ว่าไง!” ส่งเสียงเร่งมาอีก คนางค์เริ่มขมวดคิ้วกลบเกลื่อน

“ไม่รู้!!” เฉไฉ..รีบหันไปไขกุญแจห้อง..ซักครู่ก็ต้องมีอันขนลุกเกรียวกราว..ธันวาแนบชิดมา
เบื้องหลังกระซิบมาที่ข้างหูหญิงสาวเบาๆ

“อย่าให้ใครมาชิมโดยเด็ดขาด..จำไว้!” คนางค์รีบไขประตูอย่างไว..พอเปิดได้ก็รีบเข้าไปอยู่
หลังประตูทันที..โผล่แต่หน้าออกมา..หลี่สายตาส่งให้ชายหนุ่มด้วย..

“ไม่จำ!..” รีบปิดประตูดังปัง! ล๊อคอย่างเร็ว..ทิ้งธันวาให้ยืนยิ้มอยู่อีกฟากฝั่งของบานประตู..ที่
คนางค์ยังคงยืนเอาหลังพิงไว้อยู่..ได้ยินเสียงคนฝั่งตรงข้ามพึมพำออกมาเบาๆ ผ่านประตูไม้
เนื้อหนา

“เด็กดื้อ!..มันไม่จบง่ายๆ หรอกคนางค์..มันยังอีกยาวไกล” ซักครู่เสียงฝีเท้าของธันวาเริ่มเดิน
ห่างออกไป..ร่างบางระหงก็ถอนหายใจเฮือก..ยืนพิงประตูทำหน้าไม่ถูกอยู่อย่างงั้น..คิดอะไร
ไปเรื่อยเปื่อย หน้าสลับร้อน วูบ วาบเป็นพักๆ..ก้าวเดินเข้ามาในห้องยืนหยุดนิ่งอยู่กลางอพาท์
เม้นท์..แล้วใบหน้าก็พยักหงึกๆ....

“ตานี่!..ต้องเป็นคนชอบเอาชนะแน่ๆ..กลัวเสียหน้าแน่นอน..ชัวร์ป๊าบบ!” ตบต้นขาผาง!..แค้น
ใจ!...



กรกนก
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 มิ.ย. 2554, 21:37:26 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 13 มิ.ย. 2554, 21:37:26 น.

จำนวนการเข้าชม : 1867





<< ตอนที่ 8 ลางบอกเหตุ   ตอนที่ 10 :เกมส์ >>
oolong 13 มิ.ย. 2554, 23:59:59 น.
No matter how many times I read it. It always makes me smile.....


MDDC 14 มิ.ย. 2554, 01:32:50 น.
สนุกดีค่ะ อ่านแล้วอดขำไม่ได้
Food course น่าจะเป็นFood court
สบถ ไม่ใช่ สบท


ปอยอะนะ 14 มิ.ย. 2554, 12:41:39 น.
"ตบต้นขาผาง!" มันขัดๆพิกลคะอย่าทำบ่อยนักเลย


saralun 14 มิ.ย. 2554, 16:28:30 น.
สนุกดีคะ!! อ่านไปก็ขำ ไป ฮ่า ๆ ๆ


ปูนิ่ม 14 มิ.ย. 2554, 20:06:33 น.
ชอบเรื่องนี้มากๆๆ ตามหาคุณกรกนกไปทุกๆ ที่ก็ไม่เจอเลย
ตั้งแต่ปี 50 (ไม่ว่าในเด็กดี พันทิปหรือที่อื่นๆ ก็หาไม่เจอ)
อย่าหายไปอีกนะคะ มาลงให้จบ คิดถึงมากๆ


kitty 14 มิ.ย. 2554, 21:14:32 น.
ความเห็นเหมือนคุณปูนิ่มเลยจ้า

(สุขภาพแข็ง แรง แล้วน้า)


เดิมเดิม 14 มิ.ย. 2554, 21:35:21 น.
คนางค์ เธอจี้มากเลยอ๋ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account