รักดังฝัน
เขา นิมมาน อดีตชาติเป็นถึงพระยานิมมาน ผู้ที่มีใจปฏิพัทธ์ต่อลูกสาวของศัตรู จนตัวตาย เขาก็พร้อมยกวิญญา แก่ยาใจที่รักสมิตาเพียงผู้เดียว แต่ผ่านมาพันปี นิมมานก็พบว่าความรักของเขาหมดลง ไอ้รักนิรันดร์ไม่มีจริงหรอก “ชาตินี้เจ้าจะแต่งงานกับใครก็ช่าง แต่ก่อนเจ้าจะพบกับไอ้มนุษย์เนื้อคู่ของเจ้า ข้าจะทำให้เจ้ารักข้าให้ได้ก่อน”

เธอ สมิตานัน ผู้หญิงสวย ดำรงตำแหน่งพิธีกรรายการดัง หลอนดีนัก...เดี๋ยวจัดให้ แต่จริงแล้ว คนที่ทำเก่งหน้าจอ แท้จริงกลับกลัวผีขึ้นสมอง ทั้งที่ไม่เคยเจอ แต่พอปุบปับกระหน่ำได้เจอจริง สมิตานันก็อยากให้ทุกอย่างเป็นแค่ฝัน...เอ หรือที่จริงเธอไม่ได้ฝัน


Tags: หลอนโรแมนติก แฟนตาซี นิมมาน สมิตา

ตอน: บทที่ 18 : ตามหาความจริง

ผิดที่ผิดเวลา...

สมิตานันรู้สึกโลกกำลังเล่นตลกกับตัวเธอ หญิงสาวนั่งอ่านบันทึกประวัติศาสตร์ ไม่รู้ว่าจะเรียกแบบนั้นได้หรือเปล่า แต่มันเป็นเรื่องราวที่พุทธาบันทึกไว้ หลังจากที่ชายหนุ่มรุ่นน้องบอกกับเธอว่าเขากลับมาถึงยุคปัจจุบันโดยสวัสดิภาพ

และมันจะไม่เลวร้าย หรือน่าตกใจเลยถ้าในบันทึกนี้จะไม่ได้มีการเล่าถึงเธอ...พุทธาย้ำชัดว่าเธอคือกุญแจสำคัญของเรื่องทั้งหมด และที่ทุกอย่างมันแปรเปลี่ยนไป เกิดขึ้นเพราะเธอเอง

‘ผมกลับมาถึง พบว่าตัวเองตื่นขึ้นมาในโรงพยาบาล หลับเป็นเจ้าชายนิทราอยู่หลายเดือน พอผมตามหาพี่ตี้ พี่ตี้ก็รู้จักคุณปอมแล้ว อีกอย่างก็คือ พี่ตี้จำอะไรที่ผมพบเจอมาไม่ได้ ไม่ใช่แค่พี่ตี้นะครับ คุณปอมที่ไปด้วยกันก็ลืม เหมือนว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น ทั้งที่หลักฐานช่วงเวลาที่ยืนยันได้ คือเรื่องของกองถ่าย กองถ่ายไปถ่ายทำที่นั่นพบเจอเรื่องเหนือธรรมชาติกันถ้วนหน้า’

แต่ไม่มีใครยอมพูดถึงเรื่องวันนั้นอีก เธอพบว่าพี่บูรณ์ถึงกับถอนตัวจากผู้กำกับรายการผีไปทำวาไรตี้ตลก พ่วงด้วยวิชาตากล้องคู่ใจ หรือจะยังมีวิชชี่คนเขียนบทท้าทายผี ที่ตอนนี้กำลังไปได้สวยในงานทางใหม่ ทั้งสามตัดขาดจากเธอเหมือนจะหนีภูตผีวิญญาณหรือตัวเชื้อโรคก็ไม่ปาน

และเธอก็เพิ่งรู้ว่าตัวเองกลายเป็นนักแสดงหลังจากรายการหลอนดีนักจบลงไป มีสไตลิสต์ส่วนตัวอย่างกมลเป็นคนดูแลงานให้เธอทั้งหมด และกมลยังมีไปเปิดร้านดอกไม้ร่วมหุ้นกับรียากรพี่สาวของเธอ

โลกใบนี้มันเดินนำหน้าเธอไปถึงหนึ่งปี อย่างที่พุทธาว่าไว้ ‘สิ่งที่ผมกลัวที่สุดก็คือพี่ตี้จะเป็นแบบนี้ พี่ตี้ครับเวลาที่ผ่านมาพี่อย่าไปสนใจหรือตามหาเลยดีกว่านะครับ อย่าให้ปัจจุบันต้องเปลี่ยนไปอีกเพราะการที่เรากลับไปแก้ไขอดีต ยังดีที่มันไม่ได้เปลี่ยนไปขนาดจำหน้าพ่อแม่ไม่ได้ แต่ถ้าพี่กลับไปแตะต้องเวลาอีกสักครั้ง คราวนี้พี่อาจจะกลับมาไม่พบใครอีก’

ประโยคน้ำเสียงโทนเดียวเรียบเรื่อยของพุทธาแตกต่างกับใจความของมันที่ขนาดกลับมานึกถึงหลังจากผ่านไปหนึ่งวัน สมิตานันยังรู้สึกมีบางอย่างจุกแน่นอยู่ในอกจนหายใจไม่ออก มันคล้ายกับความอยากรู้ ผสมความทรมานที่ต้องผจญในโลกแปลกตา เวลาเปลี่ยนในตอนนี้

ใช่เธออยากรู้...อยากรู้ไปเสียทุกเรื่อง แต่บางครั้งเธอก็กลัวว่าการได้รู้มันจะดีจริงหรือเปล่า

ในบันทึกปกผ้าลายตารางภายในกระดาษไร้เส้นสีน้ำตาลรีไซเคิลถูกดินสอขีดเขียนเล่าถึงความเป็นมาของเมืองสองเมือง ที่อยู่ในอดีตพันปีก่อน เล่าว่าเกิดอะไรขึ้น มีผู้หญิงที่ชื่อคล้ายเธอว่าสมิตา เป็นเจ้านางของเมืองบุรเขต เกิดสงคราม แต่ทุกอย่างไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด เพราะว่านิมมานที่พุทธาย้ำชัดว่าคือนิมมานในยุคปัจจุบันไปเปลี่ยนแปลงเรื่องราวเลวร้ายกับเธอ...สมิตานันคิดว่ามันเป็นมหากาพย์เกินจริงล้ำโลก จนกระทั่งตอนนี้ที่เธออ่านจบไปหลายชั่วโมงก็ยังนั่งเหม่อมองไปเรื่อย ท่ามกลางห้างใหญ่ หญิงสาวก็เพิ่งรู้ว่าไม่ควรทำตัวเด่น ถึงลุงขับแท็กซี่ในตอนนั้นจะจำไม่ได้ แต่ต่อมาพอเธอเดินไปไหนไม่ใส่แว่นปกปิดใบหน้าก็ใช้ชีวิตลำบาก

อาหารญี่ปุ่นพร่องไปเพียงนิด เธอแทบไม่รับรู้รสชาติของมัน แต่ที่ต้องทานก็เพราะว่ากลับไปเธอก็ยังไม่พบคนทำอาหารอยู่ดี สองวันมาแล้วที่นิมมานติดธุระต้องเป็นตัวแทนบริษัทประชุมกับลูกค้าที่ภูเก็ต ตอนแรกเขาก็ชวน แต่พอเจอท่าทางปฏิเสธลูกเดียว ซ้ำยังช่วงนี้เธอไม่ยอมเปิดโอกาสให้เขาถึงเนื้อถึงตัว นับจากคืนแรกของการเข้าหอ เขาก็ทำได้แค่มองตาละห้อยใส่เท่านั้น

‘ตี้รู้ไหมว่ามันทำให้พี่คิดถึงสมัยที่คบกับตี้ใหม่ๆ ไม่สิยังจีบด้วยซ้ำ’ คนกำลังนั่งยองเทอาหารแมวให้เจ้าขนฟูสีดำทานหันกลับมาอธิบาย ‘สมัยก่อนตี้ไม่เคยแลพี่ด้วยซ้ำ เจอกันครั้งแรกที่ห้างก็ทะเลาะกันแล้ว’

หลายครั้งเธอก็ได้แต่เก็บข้อมูลในอดีตเงียบๆ โดยที่นิมมานไม่รู้ตัว เขาชอบบ่นโน่นนี่กับการเห็นเธอรั้น ไม่ฟังเขา แต่เพียงแค่เธอทำหน้าตาซึมกะทือใส่ ผู้ชายคนนั้นก็ยอมศิโรราบ อะไรที่เธอต้องการเขาก็จะยอมให้

และการที่เธอออกมาเพื่อนัดคุยกับหมอธีคงไม่มีนกรู้ที่ไหนส่งสัญญาณไปหานิมมานจนกลายร่างเป็นหมีมาขย้ำเธอตายหรอกนะ

“ขอโทษครับน้องตี้...พอดีรถติด”

หญิงสาวเลิกมองร่างตรงหน้าที่นอกจากออกอาการเหนื่อยหอบ ร่างกายยังเปียกโชก ไม่รู้ว่านอกจากรถติด เขายังตากฝนด้วยหรือ และคงไม่ได้รีบจนวิ่งขึ้นมาที่นี่หรอกนะ... “เช็ดตัว เปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนไหมคะหมอธี ตี้ว่าจะไม่สบายเอานะคะ”

คุณหมอที่สวมแว่นตาใสห่อตัวเข้าหากันเมื่อกายต้องอุณหภูมิต่ำในร้านอาหาร หัวเราะเบาๆ ทั้งที่ปากสีซีดกำลังสั่น “เดี๋ยวผมไปไม่เกินสิบนาทีครับ”

“ตามสบายค่ะ เดี๋ยวตี้รอในร้านนี้แล้วกัน ตี้รอได้ค่ะ”

ลับร่างของธนิทธิหญิงสาวก็ตกอยู่ในความสงสัยอีกครั้ง นั่นสิถึงเธอจะไม่จำเหตุการณ์ที่พบเขาไม่ได้นอกจากงานครบรอบรายการทุกปีกับเขาที่เป็นแฟนคลับ แต่เธอกลับรู้สึกวางใจ รู้สึกได้ว่าธนิทธิหวังดีกับเธอ เธอเชื่อใจเขาได้

บางทีการได้คุยกับธนิทธิอาจทำให้เธอนึกเรื่องอะไรออกบ้างก็ได้...

หญิงสาวมองเงาตัวเองผ่านกระจกใสในร้าน ใบหน้าของเธอก็ยังเป็นเธอ หากไม่มีใครบอกว่าผ่านหนึ่งปีมาแล้ว สมิตานันก็เชื่อได้ว่าเธอยังอายุยี่สิบเจ็ดปี คงเกิดจากเครื่องประทินผิวสำรับใหญ่ที่กมลคอยจัดหามาให้เธอเสมอ บอกว่าอีกหนึ่งเดือนละครเรื่องใหม่จะเปิดตัว และไหนจะยังมีรายการอีกสองสามรายการที่รอให้เธอไปเป็นพิธีกร

‘ตี้ลองพูดกับคุณปอมดูสิ รายนั้นเคยกำชับว่าถ้าตี้แต่งงานเมื่อไหร่จะให้รับงานวงการน้อยลง ไม่รู้ไปตกลงอีท่าไหนตี้กลับยอมเฉย ตอนนี้ตี้จำอะไรไม่ได้ ก็อย่าปล่อยโอกาสงามๆ นี้หลุดมือเลยนะเจ๊เสียดายแทน’

ถ้าเธอจะดื้อทำงานให้ได้มีหรือที่คนอย่างนิมมานจะยอม...เธอค่อนข้างมั่นใจว่าท้ายที่สุดหากเธออยากได้อะไร เขาก็ขวางไม่ได้

ยกเว้นว่า...เธอจะรักเขา จนยอมลดความดื้อของตัวเองลง

รัก...คำๆ นี้จุดประกายสว่างโร่ในใจของสมิตานัน เธอเหมือนดำน้ำอยู่ใต้ท้องทะเลมานานตั้งแต่ตื่นมา แต่คำเพียงคำเดียวกลับมีอานุภาพร้ายกาจต่อหัวใจ เธอรู้สึกว่าใจมันกำลังเต้นแรงขึ้น...เมื่อนึกถึงความรัก และเธอที่อาจจะรักเขา

ใช่สิ ถ้าไม่รักแล้วจะแต่งงานได้อย่างไร...ทำไมเธอถึงต้องมาในช่วงเวลานี้ ช่วงเวลาที่ผ่านเลยมาระหว่างเธอกับเขา

โชคชะตาใจร้าย...นึกไปได้หน่อย เสียงฟ้าแลบแปลบปลาบจากนอกหน้าต่างที่เธอนั่งชิดจนเห็นฝนกระหน่ำแรงภายนอกทำให้เธอต้องห่อไหล่ ในไม่กี่นาทีต่อมาฟ้าก็ร้องครวญครางดังลั่น

สมิตานันเผลอหลับตาลงอย่างตกใจ ภาพบางอย่างปรากฏชัดในความคิด คลับคล้ายจะเป็นทุ่งหญ้า และหัวใจที่ก็อุ่นวาบ เหมือนได้รับการปลอบโยน แว่วเหมือนจะได้ยินเสียงเข้ม แต่อ่อนโยนข้างหู

“ไม่มีอะไรต้องกลัวครับ...คุณแม่”

คุณแม่...หญิงสาวลืมตาขึ้นมองก็ยังพบว่านั่งอยู่ในร้านอาหารญี่ปุ่น ซ้ำยังรอบข้างก็ยังปกติ มีโต๊ะที่ถูกจับจองเกินกว่าครึ่งภายในร้าน ทำไมกันนะ...เธอรู้สึกว่าตัวเองได้ยินชัด หูไม่ได้ฝาด แล้วสถานที่นั้นที่เธอเห็น

มันคือที่ไหนกัน

“หนูตี้มาทำอะไรที่นี่” เสียงทักของชายแปลกหน้าร่างท้วม เรียกชื่อของเธอได้อย่างถูกต้อง สภาพชายตรงหน้าถึงอยู่ในชุดสูทเรียบร้อย ยิ้มให้เธอเสียละไมจนต้องยิ้มตอบกลับไป...จริงๆ เธอไม่รู้จักเขาหรอก ตอนนี้ยังมารู้สึกอาการเจ็บแปลบบนศีรษะแบบหาสาเหตุไม่ได้อีก

“ปอมไม่มาด้วยเหรอ จริงสิ ได้ข่าวว่าไปประชุมงานที่ภูเก็ต”

“ค่ะ อีกสักพักคงกลับ”

“ไม่สบายหรือเปล่าหนูตี้” อาการหน้าเบ้ เหยเกแล่นมาหนักขึ้นจนสมิตานันต้องยกมือกุมศีรษะ ภาพเลือนลางบางอย่างเหมือนซ้อนทับผู้ชายตรงหน้า เธอเห็นเขาทำร้ายผู้หญิงคนหนึ่ง ท่อนไม้อันนั้นเงื้อขึ้นหมายจะฟาดลงซ้ำบนศีรษะ มันเหมือนจริง พอๆ กับที่อาการเจ็บศีรษะเล่นงานจนเธอลงไปนอนร้องครางบนพื้น น้ำตาไหลออกมา มันเจ็บ เจ็บเหมือนเธอโดนตีด้วยท่อนไม้นั้นเสียเอง

“หนูตี้เป็นอะไรลูก”

“อย่าค่ะ...อย่าทำร้ายตี้” รอยเลือดบนศีรษะค่อยๆ ร่วงหยดลงมา ทั้งที่ไม่มีใครทำร้ายเธอ สมิตานันมองเลือดบนมือด้วยความตระหนก สลับกับเลื่อนสายตาขึ้นไป ผู้ชายที่เธอเห็นกลายเป็นชายชุดโบราณแปลกตา กำลังส่งประกายตาวาวโรจน์เคียดแค้น จงชังเธอ

ทำไม...สมิตานันขมวดคิ้วด้วยความสงสัยก่อนที่อาการปวดจะทุเลาลง ยกมือขึ้นดูก็พบว่ามันไม่ได้มีของเหลวสีแดงที่เห็นก่อนหน้า หรือว่าเธอตาฝาด

หญิงสาวหยุดดิ้นตั้งสติ มั่นใจว่าคนทั้งร้านต้องคิดว่าเธอเป็นบ้าแน่ที่อยู่ดีๆ มาหยุดปวดแบบนี้...การเป็นคนที่ใครก็รู้จักนี่มันไม่ดีเสียเลย

เป็นลมดีกว่า...เสียงร้องโอ๊ยเบาๆ ทีหนึ่งก่อนจะแกล้งหลับตาไป เวลานี้เธอไม่รู้สึกภูมิใจกับการที่ตัวเองต้องจมอยู่กับความประหลาดที่หาคำตอบไม่ได้นี้ อยากจะปล่อย โยนมันทิ้งไปให้ห่างตัว แต่เธอก็ทำไม่ได้...มันรู้สึกว่าถ้าหากเธอยังจำบางอย่างไม่ได้ ใจของเธอมันจะไม่หยุดทุรนทุราย และวุ่นวายจนทำอะไรต่อไปก็จะมีแต่ยิ่งว้าวุ่น

ความวุ่นวายในร้าน เสียงคนเริ่มดัง สมิตานันรู้สึกว่าตัวเองตัดสินใจพลาดเท่ากับว่าเวลานี้เธอต้องแสดงว่าเขยื้อนร่างกายไม่ได้ ซ้ำร้ายอาจโดนถ่ายไปขายข่าวอีก

“นี่อย่าถ่ายนะ หนูกันพวกลูกค้าออกไป” เสียงของชายวัยกลางคนสั่งจัดการ ถ้าหากเธอลืมตาคงจะได้พบรอยดวงตาพะว้าพะวงเป็นห่วงภรรยาของหลานชาย

สักพักธนิทธิก็มาถึง ยืนยันว่ารู้จักกับสมิตานันจริง และศุภวัฒน์จำได้ว่าพบกันที่งานแต่งของนิมมานเมื่ออาทิตย์ก่อนจึงอนุญาตให้อุ้มหญิงสาวออกจากร้านไป กำชับให้พนักงานในร้านกันคนนอกห้ามมายุ่งเกี่ยว โชคดีด้วยอย่างหนึ่งที่ที่นี่เป็นห้างของพี่ชายเขา จึงจัดการเคลียร์ทางได้โดยสะดวก

คนที่ปวดหัวอย่างไร้สาเหตุและอาการก็หายไปในเวลาไม่นานเริ่มวิตกอีกรอบ เธอจะทำอย่างไรให้ทุกคนไม่ต้องตกใจกับอาการของเธอ...ความคิดหนึ่งสว่างวาบขึ้นมา มุมปากเหยียดเป็นรอยยิ้มนิดๆ

การปวดหัวครั้งนี้ก็คงไม่ได้เลวร้ายไปซะทีเดียว...


ศูนย์การค้าที่สร้างเสร็จเกินเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ปรากฏในจอฉายของสำนักงานใหญ่ บริษัทรับเหมาที่ดูแลขั้นตอนการผลิต และการออกแบบให้ทั้งหมดคือดีเอสคอนสตรัคชั่น ผู้นำทางด้านการก่อสร้างและออกแบบของประเทศไทย ซึ่งร่วมงานกันมาหลายสิบปีตั้งแต่ศูนย์การค้าไฮสแควร์เกิดขึ้น

เหล่าหัวหน้างานต่างพากันเดินออกไป เหลือเพียงนายใหญ่ของสองสถานที่กำลังนั่งสนทนากันในห้องประชุมขนาดกลางกันต่อ

“แต่งงานไม่ทันไรก็ต้องทำงานเลย ผมต้องขอโทษด้วยจริงๆ นะครับที่อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เวลาที่อยู่กับคุณตี้น้อยลง” ปัณณ์รีบออกตัว กับเพื่อนร่วมวงการธุรกิจ หลังจากขึ้นมารับตำแหน่งบริหารของดีเอสคอนสตรัคชั่นเต็มตัวเมื่อหลายปีก่อน เขาเองก็มีเวลาดูแลภรรยาน้อยลง เพราะอย่างนั้นช่วงหลังๆ เวลาที่ต้องเดินทางไกลๆ เขาถึงต้องหนีบภรรยาไปไหนมาไหนด้วย รวมทั้งลูกทั้งสองคน

ในขณะที่นิมมานที่แต่งงานกับเพื่อนสนิทปาริตาซึ่งเป็นญาติผู้น้องเขาไป อาจไม่พอใจกับช่วงเวลาข้าวใหม่ปลามันต้องมาทำงาน เขาเองบอกให้เลื่อนประชุมออกไปก่อนก็ได้ แต่นิมมานไม่เห็นด้วย เพราะไม่อยากให้แผนที่เตรียมเปิดโรงแรมถูกเลื่อนออกไปอีก หากพบปัญหา หรือข้อผิดพลาดอะไรจะได้แก้ไขกันทันแต่เนิ่นๆ

“ไม่หรอกครับ ผมเองก็ห่วงงาน ตี้เขาก็เข้าใจ” นิมมานนึกถึงท่าทีแปลกไปของภรรยาคนสวยแล้วได้แต่นั่งถามว่าเกิดจากอะไรกันแน่

ถ้าเขายังไม่รู้ความจริงที่แน่ชัดจะไม่มีวันเล่าให้ใครฟังเด็ดขาด

“ของผมนี่ลูกกำลังซนเลย มีลูกสาวแต่เหมือนมีลูกชาย” ปัณณ์ยิ้มตาเป็นประกายยามนึกถึงลูกสาวคนเล็กผมแกละวัยสองขวบที่ซน และดื้อมาก ขนาดที่ว่ามีแม่คอยให้ท้าย “ส่วนลูกชายก็กำลังเข้าอนุบาลหนึ่ง”

“น่าอิจฉาจังนะครับ เวลากลับบ้านทีคงปวดหัวน่าดู” ทายาทห้างดังออกความเห็น

“วุ่นวายแต่ก็มีความสุข ผมว่ามันสุขใจ ปัญหาว่าจะทำยังไงให้ลูกไม่ไปปีนตู้เสื้อผ้า หรือทำลายล้างครัวในบ้าน เรียนที่ไหนดีลูกถึงไม่เครียดมีความสุข ต้องทานอาหารแบบไหนลูกถึงได้รับประโยชน์ที่สุข เวลาลูกป่วยเราอาจมีเครียดกังวล แต่ถ้าเขาเป็นลูก ผมว่ามันก็ไม่เหนื่อยหรอกครับ พวกเขาไม่ใช่ภาระ แต่เป็นความรักของเรา”

“อย่างนี้ผมเองก็ชักอยากมีลูกๆ เอามาสร้างทีมฟุตบอลเลยนะครับ” จบคำพูดของนิมมาน สองหนุ่มก็พานหัวเราะอย่างเปี่ยมสุข ต่างคนต่างนึกถึงคนรัก และครอบครัวของตัวเอง

“ถ้ามีเยอะขนาดนั้น ขอสักคนมาปราบยัยหนูของผมด้วยนะครับ” คนเป็นพ่อพูดกลั้วหัวเราะ ไม่ได้คิดจริงจังอะไร แต่คนฟังกลับยิ้มแก้มปริ ดวงตาเป็นประกาย

“ถ้าผมมีลูกจะพาแกไปปราบยัยหนูของคุณปัณณ์นะครับ”

“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องรีบมีนะครับ ลูกๆ จะได้มาเล่นกัน”

ปัณณ์ไม่รู้หรอกว่าคำพูดของตนนั้นกระแทกใจคนฟังขนาดไหน นิมมานต้องแสดงสีหน้ายิ้มแย้มตอบกลับไป เห็นเป็นเรื่องตลกทั้งที่ใจจริงกลับตรงกันข้าม ความหม่นหมอง และแห้งผากเหมือนต้นไม้แล้งน้ำมานานเกือบอาทิตย์หนึ่ง

ให้ใครรู้ความลับของเจ้าสาวกลัวฝนในคืนต่อๆ มาไม่ได้เด็ดขาด ขืนรู้เสียเชิงชายแย่

เสียงโทรศัพท์พกพาดังขัดขึ้นหัวใจเศร้าของชายหนุ่ม นิมมานดูก็เห็นว่าเป็นเบอร์ของภรรยาที่ช่วงนี้มีแต่เรื่องให้เขาคิดวิตก

รับสารจากปลายสายไม่เท่าไหร่ ชายหนุ่มลุกตบโต๊ะดังปัง หน้าตาร้อนรนจนนั่งต่อไปไม่ได้ “อะไรนะครับ...ครับ ผมจะรีบกลับไปเดี๋ยวนี้ ไม่เดือดร้อนอะไรครับ งานทางนี้เสร็จแล้ว”

“เกิดเรื่องไม่ดีเหรอครับ”

“ครับ” คนตอบทำได้แค่รับคำและขอตัวออกไป ทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยความห่วงใยจนมันล้นอก อยากย่นระยะทางจากภูเก็ตให้สั้นลง ทำไมสมิตานันถึงเป็นแบบนี้

ทำไมภรรยาของเขาถึงสูญเสียความจำไปได้...เกิดอะไรขึ้น

...............................................
ขอโทษที่มาช้าไปหนึ่งวันค่ะ เมื่อวานกลับบ้านมาเพลียๆ เลยยังไม่ได้แต่งเพิ่ม วันนี้มาแล้ว อีกไม่นานเรื่องนี้ก็น่าจะใกล้จบ นิยายของปวราสั้นไดอีก ฮา เอาไว้เรื่องหน้าจะจัดยาวๆ ให้ค่ะ อยากเขียนยาวๆ แต่พอนึกพล็อตตบไปมาในหัวมันออกมาไม่ยาวตลอด T^T

คุณ ameerah ตอนนี้ก็เฉลยไปหน่อยหนึ่งแล้วค่ะ แต่อ่านจบเมื่อไหร่จะไม่ให้ค้างคาแน่นอน ดีใจที่ชอบพี่ปอมค่ะ

คุณ ChaCha สงสัยจะทิ้งปมเยอะไป ฮา ใกล้แล้วค่ะ จะเฉลยเยอะขึ้นเรื่อยๆ แน่นอน

คุณ นักอ่านเหนียวหนึบ ไว้จะจำนะคะว่าไม่ชอบพี่ภีม เดี๋ยวลงของพี่ภีมอย่ากรี๊ดพี่ภีมนะคะ (เขาล้อเล่น) กรี๊ดได้ตามสะดวกค่ะ พระเอกทุกเรื่องน่ากรีดร้องคนละสไตล์ ^_^ พี่ปอมยังโดนตี้ทำให้เจ็บช้ำอย่างต่อเนื่อง

คุณ mhengjhy ขอโทษที่มาช้าไปหนึ่งคืนนะคะ มาแล้วๆ ค่า ไม่รู้ว่าทำค้างอีกไหม

ขอบคุณทุกคนที่เมนท์ กดไลค์ และนักอ่านเงาทุกท่านค่า



ปวรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 22 พ.ย. 2556, 21:26:56 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 22 พ.ย. 2556, 21:31:44 น.

จำนวนการเข้าชม : 1534





<< บทที่ 17 : พบเพื่อน   บทที่ 19 : ความจริงจากอดีต >>
konhin 22 พ.ย. 2556, 21:58:41 น.
ฮ่าๆๆ เล่นมุกความจำเสื่อมเลยเนี่ยนะ ฮาจริงๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account