จอมสลัดร้ายพ่ายเสน่หา
โทมัส มอลต้า ผู้ก่อตั้งรอยัลมอลตากรุ๊ป เจ้าของบริษัทโลจิสติกส์ยักษ์ใหญ่ในอเมริกาเหนือและละตินอเมริกาได้เข้าไปเทกร์โอเวอร์ บริษัทอดัม เทรเวล ซึ่งเป็นบริษัทของเดวิท อดัมเพื่อนของโทมัส ซึ่งขาดสภาพคล่องทางการเงินเมื่อหลายปีก่อน ในการบริหารงานของเดวิทในระยะแรกๆ ได้สร้างผลกำไรให้บริษัทเป็นที่น่าพอใจ แต่มาระยะหลังๆ ผลประกอบการเริ่มแย่ลงและมีการทุจริตเกิดขึ้น โทมัสจึงให้อลัน บอดีการ์ดคนสนิทของ เวลสัน มอลต้าบุตรชายไปว่าจ้างแอนดูร์เข้าไปตรวจสอบบัญชีของอดัมเทรเวล และขณะนั้นโทมัสได้วางมือจากงานและได้ถ่ายโอนอำนาจบริหารของรอยัลมอลต้าทั้งหมดให้กับเวลสันบุตรชายขึ้นบริหารแทน ส่วนตัวเขายังคงนั่งในตำแหน่งที่ปรึกษาเท่านั้น
เมื่อแอนดูร์เข้าไปตรวจสอบบัญชีรายรับรายจ่ายของอดัมเทรเวล โดยมีเนตรนารีซึ่งเป็นน้องสาวภรรยา ที่เพิ่งจบการศึกษาด้านบัญชีจากเมืองไทยเป็นผู้ช่วย ได้พบหลักฐานการทุจริตโครงการสร้างท่าเรือน้ำลึกในคิวบาเป็นจำนวนเงินเกือบร้อยเจ็ดสิบล้านบาท ทำให้คนที่อยู่เบื้องกลัวความผิด จึงคิดฆ่าปิดปากแอนดูร์และครอบครัว
เมื่อรู้ว่ามีคนปองร้ายแอนดูร์ จึงให้หลักฐานทั้งหมดกับเนตรนารีนำไปให้กับโทมัส มอลต้า เนตรนารีออกจากบ้านไม่นานแอนดูร์และจิตตาภาพี่สาวของเธอก็ถูกฆ่าตาย และบ้านถูกเผาเพื่อทำลายหลักฐานทั้งหมด จากนั้นคนที่อยู่เบื้องหลังได้ส่งคนตามล่าตัวเนตรนารีเพื่อทำลายหลักฐานและฆ่าปิดปากเธอด้วยเช่นกัน
เนตรนารีหนีไปอยู่กับมิเชลล์และวลัยที่คอนโด ก็ถูกกลุ่มมือปืนตามไปทำร้ายดีว่าผู้กองบารอนเจ้าของคดีและอลันตามไปช่วยไว้ทัน บารอนจึงส่งตำรวจนอกเครื่องแบบไปคุ้มกันพยานตลอดยี่สิบชั่วโมง ทันทีที่อลันพบเนตรนารีเวลสันสั่งให้พาเธอไปพบเขาทันที แต่ก็ไม่ทันเพราะหญิงสาวได้ออกจากคอนโด ไปอยู่ที่บ้านเกิดบิดาแถบชานเมือง เพราะไม่อยากให้เพื่อนรักได้รับอันตรายไปด้วย
เมื่อรับรู้ถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับตัวเอง เนตรนารีได้ส่งหลักฐานให้กับโทมัสทางอีเมลโดยไม่เปิดเผยตัวแต่ใช้นามปากกา กุญแจปริศนาแทนเพื่อความปลอดภัย โทมัสจึงได้ให้เวลสันจัดการเรื่องนี้แทน เมื่อเวลสันได้รับข้อมูลจึงให้อลันหากุญแจปริศนาดอกนี้ทันที
เมื่อรู้ที่อยู่ของกุญแจปริศนาเวลสันกับอลันก็ตามไป เพื่อจะเอาหลักฐานทั้งหมด แต่คนร้ายก็รู้เช่นเดียวกันจึงตามไปจับตัวหญิงสาวไป แต่เวลสันและอลันช่วยไว้ทันและพาเธอไปอยู่ที่เกาะโกซูเมล ซึ่งเป็นเกาะส่วนตัวของเวลสัน และที่นั่นเวลสันคือโจรสลัดเวลคลาส ที่คอยปล้นเรือบรรทุกสินค้าผิดกฎหมาย จนได้ฉายาจอมสลัดร้ายแห่งคาริบเบียน แต่จุดประสงค์หลักของเวลสันก็เพื่อควบคุมเส้นทางเดินเรือของรอยัลมอนต้ากรุ๊ปด้วยตัวเอง และเขาชอบออกทะเลมากกว่าที่จะนั่งบริหารอยู่บนโต๊ะ ดังนั้นหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยในรอยัลมอนต้ากรุ๊ปจึงตกอยู่ที่อลันทั้งหมด เมื่อหญิงสาวรู้สึกตัวขึ้นก็เข้าใจผิด คิดว่าเวลสันเป็นพวกเดียวกับคนที่ตามฆ่าเธอจึงพยายามหาทางหนีอยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งวันหนึ่งโทมัสเดินทางมาที่เกาะ เนตรนารีถึงได้รู้ความจริงว่าแท้จริงแล้วเวลคลาสคือเวลสัน มอลต้าผู้บริหารคนปัจจุบันของรอยัลมอลต้ากรุ๊ปและยังเป็นบุตรชายคนเดียวของโทมัสอีกด้วย โทมัสได้กล่าวแสดงความเสียใจและขอบคุณเธอ ที่คอยส่งข้อมูลการทุจริตให้เขาในนามของกุญแจปริศนา
เมื่อรู้ความจริงเกี่ยวกับเวลสัน เนตรนารีจึงยื่นข้อเสนอให้เขาปล่อยเธอไป โดยแลกกับข้อมูลการทุจริตที่เหลือ เวลสันตอบตกลงแต่มีข้อแม้ว่าเธอจะไปได้ก็ต่อเมื่อเขาจัดการทุกอย่างเรียบร้อย ทำให้เนตรนารีไม่พอใจเป็นอย่างมาก แต่สาเหตุสำคัญที่เวลสันไม่ยอมปล่อยเธอไปเพราะเขาห่วงและรักเธอเข้าให้แล้ว จึงพยายามรั้งตัวเธอเอาไว้
วันหนึ่งเวลสันได้ทราบข่าวว่า เรือของอดัมเทรเวลมีของผิดกฎหมายอยู่บนเรือ เวลสันในนามของจอมสลัดเวลคลาส จึงพาลูกเรือออกปล้นและได้พบอาวุธสงครามจำนวนมาก ปะปนกับสินค้าที่จะไปส่งที่ท่าเรือในคิวบา เวลสันจึงลากเรือของอดัมเทรเวทกลับไปให้บารอนจัดการเรื่องต่อ คนที่เป็นเจ้าของอย่างเดวิทอดัมก็ออกมาปฏิเสธและโยนความผิดให้กับแอนดูร์และเนตรนารี โดยกล่าวหาว่าแอนดูร์พบหลักฐานการทุจริตบางอย่างและใช้มันข่มขู่เขา จนต้องยอมขนอาวุธพวกนี้ไปส่งให้แอนดูร์ที่คิวบา และเดวิทพยายามเบี่ยงเบนประเด็นการฆาตกรรมแอนดูร์ เป็นเรื่องของการหักหลังกันเองในกลุ่ม ทำให้บารอนต้องอายัดเรือของอดัมเทรเวลไว้จนกว่าคดีจะจบ เดวิทจึงให้โจรสลัดฮามานดาล ซึ่งเป็นเพื่อนเก่าและมีความแค้นเป็นการส่วนตัวกับบารอน พาลูกเรือไปลักลอบขนอาวุธออกมา
จากข้อมูลที่ได้มาจากเนตรนารีและอาวุธสงครามที่พบในเรือของอดัมเทรเวล เวลสันพยายามปะติดปะต่อเรื่องราวจนกระทั่งรู้ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังคือ เดวิท อดัมเพื่อนพ่อบิดา โดยยักยอกเงินไปซื้ออาวุธสงครามไปต้านต่อรัฐบาลในบ้านเกิดที่ลิเบีย
เนตรนารีรู้เรื่องคดีจึงขอไปจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง ด้วยการออดอ้อนเวลสันจนเขายอมใจอ่อนและเธอก็ได้ตกเป็นของเขาไปด้วย เวลสันยกตำแหน่งประธานบริหารอดัมเทรเวลให้กับเนตรนารี เพื่อให้เธอหาหลักฐานเอาผิดคนชั่วภายใต้การดูแลของเขาและการ์ดมอลต้า แต่สุดท้ายเนตรนารี มิเชลล์และวลัยถูกจับตัวไป เวลสัน บารอนและอลันตามไปช่วยและจัดการกับเดวิทและผู้ร่วมขบวนการได้สำเร็จ
แต่เรื่องยังไม่จบเท่านั้น เมื่อเวลสันยังไม่หายโกรธเนตรนารี ที่ทำอะไรไม่บอกจนถูกจับตัวไป ชายหนุ่มจึงทำทีหมางเมินกับเธอหลังเกิดเรื่อง เนตรนารีน้อยใจหนีออกจากบ้านมอลต้าไปอยู่กับวลัย ทำให้เวลสันทนคิดถึงไม่ได้จึงตามไปง้องอน เรื่องราวในจะสนุกแค่ไหนติดตามชมกันในแต่ละตอนได้ค่ะ

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ความจริงที่ต้องเผชิญ

เนตรนารีเดินแกมวิ่งไปตามถนนอย่างรีบเร่ง ดวงตาคมโตมองซ้ายขวาอย่างระวังตัว และหันหลังกลับไปมองข้างหลังเป็นระยะ พอเห็นแสงไฟจากหน้ารถสว่างจ้ามาแต่ไกล สมองก็สั่งให้วิ่งอย่างไม่คิดชีวิต แต่ก็ยังช้ากว่ารถเก๋งสีแดงคันสวยที่วิ่งเข้าไปจอดใกล้ๆ เนตรนารีถอยหลังหนีอย่างหวาดหวั่น กระจกรถเลื่อนลงช้าๆ พร้อมกับคนขับชะโงกหน้าออกมาให้เห็น
“เนตร...” เสียงคุ้นหูของเพื่อนรัก ทำให้เนตรนารีดีใจสุดชีวิตแล้วรีบเปิดประตูเข้าไปนั่งข้างคนขับ มือกอดกระเป๋าแนบอก วลัยมองหน้าซีดๆ ของเพื่อนรักอย่างสงสัยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“ใจเย็นนะเนตร เรื่องอาจไม่เลวร้ายอย่างที่เราคิดก็ได้…” เนตรพยักหน้าน้ำตาคลอ ปรายหางตาหันมองกระจกข้างเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีรถตามมา
วลัยขับรถไม่นานก็มาถึงคอนโดที่พัก พอเลี้ยวรถเข้าไปจอดก็เอี้ยวตัวไปหยิบหมวกแก๊ป ที่วางอยู่เบาะหลังส่งให้เพื่อน “ใส่ซะ...” เนตรนารีรับหมวกไปสวม วลัยเปิดประตูลงมาและกวาดสายตามองรอบบริเวณอย่างระมัดระวัง พอไม่เห็นความผิดปกติใดๆ ก็ส่งสัญญาณให้คนในรถตามลงมา เนตรนารีก้าวลงไปยืนบนพื้นมือกอดกระเป๋าแน่น วลัยรีบคว้ามือเพื่อนขึ้นไปบนห้องพักอย่างรีบร้อนเพื่อความปลอดภัย เพราะเรื่องที่เพื่อนรักเล่าให้ฟังนั้นคงไม่ใช่เรื่องเล็กเสียแล้ว
เมื่อเข้าไปในห้องพัก เนตรนารีเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้เพื่อนรักฟังอย่างไม่มีปิดบัง จนกระทั่งเสียงโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะดังขึ้น วลัยเดินไปหยิบโทรศัพท์แนบหู แต่ยังไม่ได้เอ่ยทักทายใดๆ คนโทรเข้ามาก็พูดขึ้นร้อนรน
“เนตรอยู่กับแกหรือเปล่า...” น้ำเสียงของคนปลายสาย ทำให้วลัยหันไปสบตาเนตรนารีแล้วตอบออกไป
“อยู่..มีอะไรมิเชลล์...”
“ตอนนี้ฉันกำลังทำข่าวอยู่ที่บ้านเนตร คุณแอนดูร์กับพี่จิตรถูกฆาตกรรม แถมเผาบ้านทำลายหลักฐานวอดไปเกือบหมด…” มิเชลล์เพื่อนอีกคนของสองสาว มีอาชีพเป็นนักข่าวบอกอย่างร้อนใจ เนตรนารีมองหน้าซีดขาวของวลัยแล้วเดินไปหา
“ใครโทรมาวลัย..”
“มิเชลล์ ...” วลัยบอกเสียงสั่น มือกำกระบอกโทรศัพท์แน่น ไม่กล้าเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟังเพราะกลัวเพื่อนรับไม่ได้ เนตรนารีเห็นหน้าซีดเผือดของเพื่อนรัก ใจก็หวั่นๆกลัวเป็นเรื่องของพี่สาวกับพี่เขย เมื่อไม่ได้รับคำตอบเนตรนารีก็เดินไปเปิดทีวี
และแล้วสิ่งที่เนตรนารีกลัวก็ปรากฏขึ้น ภาพควันไฟสีดำพวยพุ่งขึ้นท่ามกลางความมืดอย่างบ้าคลั่ง รถดับเพลิงหลายกำลังฉีดน้ำสกัดเพลิง กำลังเจ้าหน้าที่กระจายอยู่เต็มบริเวณ เนตรนารีนั่งนิ่งตามองข่าวอย่างตกตะลึงกับภาพที่เห็น เพราะบ้านที่ไฟกำลังลุกโชนอยู่นั้น เป็นบ้านที่เธอเพิ่งจากมาเมื่อไม่กี่ชั่วโมงนี่เอง
“พี่จิตร พี่แอนดูร์...” เนตรนารีเรียกชื่อพี่สาวกับพี่เขยอย่างสะเทือนใจ และสะอื้นไห้ออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ วลัยเดินเข้าไปกอดเพื่อนร้องไห้ไปด้วยกัน เสียงนักข่าวยังคงรายงานข่าวอย่างละเอียด โดยมีฉากหลังเป็นกลุ่มควันสีดำลอยขึ้นบนท้องฟ้า ในขณะที่เจ้าหน้าที่นำศพผู้เสียชีวิตไปขึ้นรถ เนตรนารีกับวลัยนั่งกอดกันร้องไห้อย่างเสียใจ
“วลัยพวกมันฆ่าพี่แอนดูร์กับพี่จิตรทำไมฮือ...ฮือ…” เนตรนารีสะอื้นไห้จับต้นชนปลายไม่ถูก รู้แต่ว่าบัดนี้พี่สาวและพี่เขยจากโลกไปแล้วอย่างโหดร้ายที่สุด “ทำไมพวกมันถึงโหดเหี้ยมขนาดนี้…” วลัยกอดร่างที่สั่นสะอื้นอยู่ข้างๆ อย่างสงสารจับใจ
เธอกับมิเชลล์เป็นเด็กที่เติบโตมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าหลังโบสถ์เล็กๆ แห่งหนึ่งแถบชานเมือง แอนดูร์พาจิตราภาและเนตรนารีไปที่นั่นบ่อยๆ จนเธอคุ้นเคยกับครอบครัวนี้เป็นอย่างดี ทั้งเธอและมิเชลล์จึงตกลงเป็นเพื่อนรักกับเนตรนารีตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
“จะทำยังไงต่อดีวลัย ฉันคิดอะไรไม่ออกแล้ว เรื่องมันเกิดขึ้นเร็วมาก เร็วจนฉันตั้งตัวไม่ทัน...” เนตรนารีบอกน้ำตาไหลอาบแก้ม วลัยบีบมือเพื่อนแรงๆ ร้องไห้ไปด้วยกัน
“อย่าเพิ่งคิดเลยแก ฉันก็คิดไม่ออกเหมือนกัน รอยัยมิเชลล์กลับมาก่อนแล้วค่อยช่วยกันคิด...” วลัยบอกพลางยกมือเช็ดน้ำตาออกจากแก้ม เนตรนารีนั่งมองเปลวเพลิงผ่านม่านน้ำตาอย่างคิดถึงพี่สาวจับใจ

สามชั่วโมงหลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็สามารถเข้าเคลียร์พื้นที่ได้ อลันบอดีการ์ดคนสนิทของทายาทมอลต้า เดินเข้าไปหาผู้กองบารอนเจ้าของคดี ซึ่งยืนมองร่างผู้เสียชีวิตด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“เจออะไรบ้างมั้ยบารอน...” ผู้กองหนุ่มหันไปมองต้นเสียง พอเห็นเพื่อนสมัยเรียนโรงเรียนนายร้อยด้วยกันก็ยิ้มให้
“เจอแต่ปลอกกระสุน หลักฐานอย่างอื่นคงไม่เหลือมากนัก...” บารอนบอกพลางเดินแยกออกมาเพื่อคุยกันตามลำพัง อลันสอดมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง สายตามองการทำงานของเจ้าหน้าที่อยู่เงียบๆ “ฆ่าปิดปาก ชนิดว่าต้องตายสถานเดียว…” บารอนสรุปสั้นๆ
“ระดับมืออาชีพ…” อลันพูดต่อสั้นๆ ตามองกิ่งไม้หักบนกำแพงสูง ซึ่งเป็นหลักฐานเดียวที่หลงเหลือให้เห็น ผู้กองหนุ่มมองตามก่อนจะพากันเดินไปดู บารอนมองรอยเท้าที่เหยียบย่ำลงบนพื้นหญ้าอย่างละเอียด
“ฉันว่าคนร้ายไม่ต่ำกว่าสี่แน่ งานสุดท้ายของคุณแอนดูร์คือรับตรวจสอบบัญชีของบริษัทอดัม เทรเวลในเครือ รอยัลมอลต้ากรุ๊ปใช่ไหม...” อลันพยักหน้าแทนคำตอบ แววตาเคร่งขรึมของเพื่อนต่างอาชีพ ทำให้คนช่างสังเกตุอย่างบารอนเตรียมจะตั้งคำถามต่อ แต่การสนทนาของสองหนุ่ม ก็ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงใสของนักข่าวจากหนังสือพิมพ์ชื่อดัง
“หวัดดีค่ะ...” มิเชลล์กล่าวทักทาย พลางยกกล้องขึ้นเก็บภาพผู้เกี่ยวข้องเพื่อประกอบการเขียนข่าว
“ให้ตายสิ…ว่าจะไม่เจอผู้กองขี้เก๊กแล้วเชียว...” มิเชลล์บ่นเบาๆ แต่ปากก็ฉีกยิ้มเปิดทางไปก่อน บารอนยกมือกอดอกมองนักข่าวหุ่นมดตะนอยแต่ต่อยหนัก ชนิดยิงคำถามจนบางครั้งคนตอบคิดไม่ทัน…
“ถ้าไม่อยากยิ้มก็ไม่ต้องฝืนนะคุณ...” บารอนบอกเสียงเคร่งขรึมตามสไตล์ผู้กองมือปราบ อลันยิ้มบางๆ แล้วเดินเลี่ยงไปเพราะไม่ช



อิงทราย
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 25 พ.ย. 2556, 06:49:57 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 25 พ.ย. 2556, 06:49:57 น.

จำนวนการเข้าชม : 941





<< หนี   ปลุกชีพจอมสลัด >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account