จอมสลัดร้ายพ่ายเสน่หา
โทมัส มอลต้า ผู้ก่อตั้งรอยัลมอลตากรุ๊ป เจ้าของบริษัทโลจิสติกส์ยักษ์ใหญ่ในอเมริกาเหนือและละตินอเมริกาได้เข้าไปเทกร์โอเวอร์ บริษัทอดัม เทรเวล ซึ่งเป็นบริษัทของเดวิท อดัมเพื่อนของโทมัส ซึ่งขาดสภาพคล่องทางการเงินเมื่อหลายปีก่อน ในการบริหารงานของเดวิทในระยะแรกๆ ได้สร้างผลกำไรให้บริษัทเป็นที่น่าพอใจ แต่มาระยะหลังๆ ผลประกอบการเริ่มแย่ลงและมีการทุจริตเกิดขึ้น โทมัสจึงให้อลัน บอดีการ์ดคนสนิทของ เวลสัน มอลต้าบุตรชายไปว่าจ้างแอนดูร์เข้าไปตรวจสอบบัญชีของอดัมเทรเวล และขณะนั้นโทมัสได้วางมือจากงานและได้ถ่ายโอนอำนาจบริหารของรอยัลมอลต้าทั้งหมดให้กับเวลสันบุตรชายขึ้นบริหารแทน ส่วนตัวเขายังคงนั่งในตำแหน่งที่ปรึกษาเท่านั้น
เมื่อแอนดูร์เข้าไปตรวจสอบบัญชีรายรับรายจ่ายของอดัมเทรเวล โดยมีเนตรนารีซึ่งเป็นน้องสาวภรรยา ที่เพิ่งจบการศึกษาด้านบัญชีจากเมืองไทยเป็นผู้ช่วย ได้พบหลักฐานการทุจริตโครงการสร้างท่าเรือน้ำลึกในคิวบาเป็นจำนวนเงินเกือบร้อยเจ็ดสิบล้านบาท ทำให้คนที่อยู่เบื้องกลัวความผิด จึงคิดฆ่าปิดปากแอนดูร์และครอบครัว
เมื่อรู้ว่ามีคนปองร้ายแอนดูร์ จึงให้หลักฐานทั้งหมดกับเนตรนารีนำไปให้กับโทมัส มอลต้า เนตรนารีออกจากบ้านไม่นานแอนดูร์และจิตตาภาพี่สาวของเธอก็ถูกฆ่าตาย และบ้านถูกเผาเพื่อทำลายหลักฐานทั้งหมด จากนั้นคนที่อยู่เบื้องหลังได้ส่งคนตามล่าตัวเนตรนารีเพื่อทำลายหลักฐานและฆ่าปิดปากเธอด้วยเช่นกัน
เนตรนารีหนีไปอยู่กับมิเชลล์และวลัยที่คอนโด ก็ถูกกลุ่มมือปืนตามไปทำร้ายดีว่าผู้กองบารอนเจ้าของคดีและอลันตามไปช่วยไว้ทัน บารอนจึงส่งตำรวจนอกเครื่องแบบไปคุ้มกันพยานตลอดยี่สิบชั่วโมง ทันทีที่อลันพบเนตรนารีเวลสันสั่งให้พาเธอไปพบเขาทันที แต่ก็ไม่ทันเพราะหญิงสาวได้ออกจากคอนโด ไปอยู่ที่บ้านเกิดบิดาแถบชานเมือง เพราะไม่อยากให้เพื่อนรักได้รับอันตรายไปด้วย
เมื่อรับรู้ถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับตัวเอง เนตรนารีได้ส่งหลักฐานให้กับโทมัสทางอีเมลโดยไม่เปิดเผยตัวแต่ใช้นามปากกา กุญแจปริศนาแทนเพื่อความปลอดภัย โทมัสจึงได้ให้เวลสันจัดการเรื่องนี้แทน เมื่อเวลสันได้รับข้อมูลจึงให้อลันหากุญแจปริศนาดอกนี้ทันที
เมื่อรู้ที่อยู่ของกุญแจปริศนาเวลสันกับอลันก็ตามไป เพื่อจะเอาหลักฐานทั้งหมด แต่คนร้ายก็รู้เช่นเดียวกันจึงตามไปจับตัวหญิงสาวไป แต่เวลสันและอลันช่วยไว้ทันและพาเธอไปอยู่ที่เกาะโกซูเมล ซึ่งเป็นเกาะส่วนตัวของเวลสัน และที่นั่นเวลสันคือโจรสลัดเวลคลาส ที่คอยปล้นเรือบรรทุกสินค้าผิดกฎหมาย จนได้ฉายาจอมสลัดร้ายแห่งคาริบเบียน แต่จุดประสงค์หลักของเวลสันก็เพื่อควบคุมเส้นทางเดินเรือของรอยัลมอนต้ากรุ๊ปด้วยตัวเอง และเขาชอบออกทะเลมากกว่าที่จะนั่งบริหารอยู่บนโต๊ะ ดังนั้นหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยในรอยัลมอนต้ากรุ๊ปจึงตกอยู่ที่อลันทั้งหมด เมื่อหญิงสาวรู้สึกตัวขึ้นก็เข้าใจผิด คิดว่าเวลสันเป็นพวกเดียวกับคนที่ตามฆ่าเธอจึงพยายามหาทางหนีอยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งวันหนึ่งโทมัสเดินทางมาที่เกาะ เนตรนารีถึงได้รู้ความจริงว่าแท้จริงแล้วเวลคลาสคือเวลสัน มอลต้าผู้บริหารคนปัจจุบันของรอยัลมอลต้ากรุ๊ปและยังเป็นบุตรชายคนเดียวของโทมัสอีกด้วย โทมัสได้กล่าวแสดงความเสียใจและขอบคุณเธอ ที่คอยส่งข้อมูลการทุจริตให้เขาในนามของกุญแจปริศนา
เมื่อรู้ความจริงเกี่ยวกับเวลสัน เนตรนารีจึงยื่นข้อเสนอให้เขาปล่อยเธอไป โดยแลกกับข้อมูลการทุจริตที่เหลือ เวลสันตอบตกลงแต่มีข้อแม้ว่าเธอจะไปได้ก็ต่อเมื่อเขาจัดการทุกอย่างเรียบร้อย ทำให้เนตรนารีไม่พอใจเป็นอย่างมาก แต่สาเหตุสำคัญที่เวลสันไม่ยอมปล่อยเธอไปเพราะเขาห่วงและรักเธอเข้าให้แล้ว จึงพยายามรั้งตัวเธอเอาไว้
วันหนึ่งเวลสันได้ทราบข่าวว่า เรือของอดัมเทรเวลมีของผิดกฎหมายอยู่บนเรือ เวลสันในนามของจอมสลัดเวลคลาส จึงพาลูกเรือออกปล้นและได้พบอาวุธสงครามจำนวนมาก ปะปนกับสินค้าที่จะไปส่งที่ท่าเรือในคิวบา เวลสันจึงลากเรือของอดัมเทรเวทกลับไปให้บารอนจัดการเรื่องต่อ คนที่เป็นเจ้าของอย่างเดวิทอดัมก็ออกมาปฏิเสธและโยนความผิดให้กับแอนดูร์และเนตรนารี โดยกล่าวหาว่าแอนดูร์พบหลักฐานการทุจริตบางอย่างและใช้มันข่มขู่เขา จนต้องยอมขนอาวุธพวกนี้ไปส่งให้แอนดูร์ที่คิวบา และเดวิทพยายามเบี่ยงเบนประเด็นการฆาตกรรมแอนดูร์ เป็นเรื่องของการหักหลังกันเองในกลุ่ม ทำให้บารอนต้องอายัดเรือของอดัมเทรเวลไว้จนกว่าคดีจะจบ เดวิทจึงให้โจรสลัดฮามานดาล ซึ่งเป็นเพื่อนเก่าและมีความแค้นเป็นการส่วนตัวกับบารอน พาลูกเรือไปลักลอบขนอาวุธออกมา
จากข้อมูลที่ได้มาจากเนตรนารีและอาวุธสงครามที่พบในเรือของอดัมเทรเวล เวลสันพยายามปะติดปะต่อเรื่องราวจนกระทั่งรู้ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังคือ เดวิท อดัมเพื่อนพ่อบิดา โดยยักยอกเงินไปซื้ออาวุธสงครามไปต้านต่อรัฐบาลในบ้านเกิดที่ลิเบีย
เนตรนารีรู้เรื่องคดีจึงขอไปจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง ด้วยการออดอ้อนเวลสันจนเขายอมใจอ่อนและเธอก็ได้ตกเป็นของเขาไปด้วย เวลสันยกตำแหน่งประธานบริหารอดัมเทรเวลให้กับเนตรนารี เพื่อให้เธอหาหลักฐานเอาผิดคนชั่วภายใต้การดูแลของเขาและการ์ดมอลต้า แต่สุดท้ายเนตรนารี มิเชลล์และวลัยถูกจับตัวไป เวลสัน บารอนและอลันตามไปช่วยและจัดการกับเดวิทและผู้ร่วมขบวนการได้สำเร็จ
แต่เรื่องยังไม่จบเท่านั้น เมื่อเวลสันยังไม่หายโกรธเนตรนารี ที่ทำอะไรไม่บอกจนถูกจับตัวไป ชายหนุ่มจึงทำทีหมางเมินกับเธอหลังเกิดเรื่อง เนตรนารีน้อยใจหนีออกจากบ้านมอลต้าไปอยู่กับวลัย ทำให้เวลสันทนคิดถึงไม่ได้จึงตามไปง้องอน เรื่องราวในจะสนุกแค่ไหนติดตามชมกันในแต่ละตอนได้ค่ะ

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ปลุกชีพจอมสลัด

บนเกาะโกซูเมลกลางทะเลแคริบเบียน เป็นเกาะส่วนตัวของกัปตัน เวลสัน มอลต้า ทายาทเจ้าของธุรกิจเดินเรือยักษ์ในอเมริกาเหนือและละตินอเมริกา ยังคงเปิดไฟสว่างตามจุดต่างๆ รอบเกาะมีเวรยามเดินตรวจตราสลับสับเปลี่ยนกันอยู่ตลอดเวลา เพื่อป้องกันเหตุร้ายที่จะเกิดกับเจ้านายหนุ่ม
ร่างสูงใหญ่กำยำของเวลสัน ในชุดเสื้อกล้ามสีขาวกับกางเกงนอนสีฟ้าตัวใหญ่ นั่งจ้องจอโน้ตบุ๊กเครื่องเล็กด้วยแววตาเป็นประกาย ริมฝีปากได้รูปยกยิ้มน้อยๆ เมื่อตัวเลขผลประกอบการไตรมาสแรกของปี มีผลกำไรมากกว่าที่คาดการณ์ไว้
ภายในเวลาสี่ปีที่เวลสัน สืบทอดอำนาจงานบริหารต่อจากคนเป็นพ่อ ธุรกิจหลายอย่างก่อกำเนิดขึ้นด้วยสมองและวิสัยทัศน์ของชายหนุ่ม บวกกับชั้นเชิงที่เหนือกว่าคู่แข่งและการตัดสินใจอันชาญฉลาด ทำให้ธุรกิจสร้างกำไรมหาศาล ในวงการธุรกิจรู้ดีว่าเวลสัน มอลต้า เป็นนักธุรกิจที่ใครๆ ก็ขยาดไม่อยากมีปัญหาด้วย เพราะชายหนุ่มไม่เคยปรานีกับศัตรู หากใครเล่นไม่ซื่อแม้แต่ชื่อก็จะไม่เหลือให้ได้ยิน จนหลายฝ่ายยกให้เป็น ..จอมสลัดร้ายแห่งแคริบเบียน…ไปโดยปริยาย
แสงไฟจากหน้าจอโทรศัพท์เครื่องเล็กสว่างขึ้น เรียกความสนใจให้ใบหน้าคมเข้มหันไปมอง พอเห็นเบอร์อลันผู้เป็นทั้งตัวแทนและบอดี้การ์ดส่วนตัวโทรเข้ามา คิ้วหนาขมวดขึ้นอย่างแปลกใจ … ปกติถ้าไม่มีเรื่องด่วนเจ้าหมอนี่จะไม่ติดต่อมากลางดึกแบบนี้… มือใหญ่กดรับโทรศัพท์ทันที
“เกิดเรื่องครับ เจ้าหน้าที่ตรวจสอบบัญชีกลางที่เราจ้างไปตรวจสอบบริษัทอดัมเทรเวล ถูกฆ่าตายพร้อมภรรยา…” เวลสันฟังรายละเอียดที่คนสนิทรายงานด้วยแววตานิ่งลึก
“คงเจอสิ่งที่เราสงสัยแล้วใช่ไหม...”
“คิดว่าอย่างนั้นครับ แต่เรายังหาหลักฐานไม่เจอ พวกมันเองคงต้องการทำลายหลักฐานให้สิ้นซาก ถึงเผาทั้งคนทั้งบ้านพร้อมกัน...”
“แอนดูร์มีญาติที่ไหนหรือเปล่า...”
“มีน้องสาวภรรยาอาศัยอยู่ด้วยคนหนึ่งครับ แต่ไม่พบศพในที่เกิดเหตุ…” เวลสันเงียบไปชั่วครู่พลางถอนหายใจเบาๆ อย่างกังวล ไม่คิดว่าเรื่องทุจริตในบริษัททำให้สองชีวิตต้องตายไป
“ตามหาเธอให้เจอ บางทีหลักฐานอาจไม่ได้อยู่ในบ้านหลังนั้นก็ได้...” เวลสันสั่งเสียงเรียบก่อนจะตัดสายไป แต่ร่างสูงยังคงยืนอยู่หน้าระเบียงด้วยใบหน้าเคร่งเครียด ดวงตาคมเข้มยังคงทอดมองท้องทะเลอันเวิ้งว้างที่เปรียบเสมือนบ้านหลังที่สองของเขาด้วยแววตาครุ่นคิด สายลมเย็นพัดพากลิ่นไอของทะเลลอยมาปะทะกาย แต่ความร้อนรุ่มในหัวใจแกร่งก็ไม่สลายหายไป ร่างสูงผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องคว้าเสื้อเชิ้ตสีขาวมาสวมแล้วเปิดประตูออกไป
“โจ โจ...” เสียงเข้มเรียกหาต้นหนวัยห้าสิบ ไม่นานชายร่างสูงผอมผมสีดอกเลาก็รีบเดินไปหาเจ้านายหนุ่ม
“กัปตันจะไปไหนครับ...”
“จะขึ้นบก มีเรื่องต้องจัดการ ฝากดูแลที่นี่แทนด้วย…” ร่างสูงสง่าสั่งงานขณะเดินไปขึ้นเฮลิคอปเตอร์ที่จอดอยู่บนลานหิน
“เกิดเรื่องเหรอครับ...”
“มีคนอยากลองดีกับฉัน ให้เจมส์ติดต่อพันธมิตรเรา ให้สืบหาสินค้าผิดกฎหมายบนเรือของบริษัทอดัมเทรเวลด้วย...” เวลสันเอ่ยถึงพันธมิตรทางทะเล ซึ่งเป็นโจรสลัดที่ยังคงออกปล้นเรือบรรทุกของผิดกฎหมายบนน่านน้ำสากล
“ไม่เอาคนไปด้วยเหรอครับ...” โจถามอย่างเป็นห่วง
“ไม่ต้อง แต่เตรียมคนให้พร้อมบางทีเราอาจมีงานใหญ่ต้องจัดการ..” เวลสันบอกก่อนจะกระโดดขึ้นไปนั่งในห้องโดยสาร เจ้าหน้าที่ประจำเครื่องก็ทำหน้าที่พากัปตันหนุ่มทะยานขึ้นบนฟ้าในเวลาต่อมา

แม้เวลาจะล่วงมาเกือบตีสาม เนตรนารียังคงนอนเอามือก่ายหน้าผาก ครุ่นคิดถึงวันพรุ่งนี้ว่าจะจัดการกับชีวิตตัวเองอย่างไรต่อไป แต่เสียงกุกกักดังอยู่หน้าห้องนอน ทำให้หญิงสาวหันไปมองวลัยที่นอนหลับอยู่ข้างๆ คิ้วโก่งสวยขมวดเป็นโบว์อย่างสงสัยจึงลุกนั่งฟังเสียงให้แน่ใจ วลัยขยับตัวลืมตาขึ้นสบตาเพื่อนแล้วมองไปที่ประตู เนตรนารียกนิ้วชี้แตะริมฝีปากแล้ววาดเท้าลงจากเตียง วลัยรีบไปหยิบเครื่องช๊อตไฟฟ้ากับสเปรย์พริกไทยในกระเป๋าออกมา
“มิเชลล์หรือเปล่าวลัย…” เนตรนารีถามเสียงเบาพอได้ยินกันสองคน วลัยแนบหน้ากับบานประตูฟังเสียงผู้บุกรุกยามวิกาล
“ไม่ใช่ ถ้ายัยนั่นมาต้องเรียกเราแล้วสิ แกเอาสเปรย์พริกไทยไป...” เนตรนารีรับกระป๋องสเปรย์ไปกำไว้แน่น วลัยค่อยๆ แย้มบานประตูออกตามองลอดช่องเล็กไปยังชายชุดดำสองคน ที่รื้อข้าวของอยู่ในห้องนั่งเล่น พวกมันมัวแต่หาของที่ต้องการ เลยไม่ทันเห็นสองสาวแทรกตัวออกมาจากประตูห้องนอน เนตรนารีและวลัยจึงย่องไปข้างหลังอย่างเงียบกริบ
“ช่วยหาไหมคะพี่...” วลัยเอ่ยถาม พวกมันรีบหันไปมอง เนตรนารีได้โอกาสฉีดสเปรย์พริกไทยใส่ตาทันที
“อ๊าก…” วลัยก็มาน้อยหน้า จี้ชายร่างยักษ์ด้วยเครื่องช๊อตไฟฟ้าจนสั่นเป็นเจ้าเข้า คนร้ายล้มลงไปนอนครวญครางอยู่กับพื้น เนตรนารีวิ่งไปเปิดไฟแล้วหยิบไม้เบสบอลกระหน่ำตีไม่ยั้งมือ พวกมันตั้งตัวไม่ทันสลบเหมือดไปต่อหน้า
“พอแล้วเนตร เดี๋ยวมันตาย…ช่วยกันมัดสองคนนี้ไว้ก่อนเร็วเดี๋ยวมันฟื้นขึ้นมาเราแย่แน่...” สองสาวรีบมัดมือมัดเท้าคนร้ายอย่างรีบร้อน กว่าจะเสร็จก็เหงื่อชุ่มไปทั้งตัว เสียงเคาะประตูดังขึ้นเบาๆ ทำให้วลัยตาโตรีบไปมองลอดช่องตาแมวเพื่อดูคนที่อยู่ข้างนอก พอเห็นเป็นมิเชลล์ก็เปิดประตูและจับมือเพื่อนดึงเข้ามาอย่างรีบร้อนจนคนมาใหม่จนหัวคะมำ
“เฮ้อ!อะไรกันยัยวลัย...” มิเชลล์ร้องโวยวาย พอเห็นแขกไม่ได้รับเชิญถูกมัดอยู่กับพื้นถึงกับอ้าปากค้าง “พวกมัน…” นักข่าวสาวมองเนตรนารีและวลัยสลับกันไปมา
“พวกมันมาค้นหาอะไรไม่รู้ ดูสิของเกลื่อนเลย...” วลัยกวาดตามองข้าวของที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้น รองเท้าผ้าใบเก่าๆ ของนักข่าวสาวเดินวนไปรอบๆ คนร้ายอย่างพิจารณา
“กิ๊กเก่าแกส่งมาล้างแค้นหรือเปล่าวลัย...” มิเชลล์พูดติดตลกเพื่อให้เพื่อนคลายเครียด พวกมันเริ่มขยับตัวเมื่อได้สติ ทำเอาสามสาวสะดุ้งวิ่งไปเบียดกันแน่นอย่างกลัวๆ
“บ้า..กิ๊กกั้กที่ไหน แฟนยังหาไม่ได้เลย...” วลัยบอกเสียงรอดไรฟัน
“พวกมันคงรู้ว่าฉันอยู่ที่นี่แน่เลยแก ทำไงดี...” เนตรนารีบอก ตาก็มองชายชุดดำอย่างหวั่นใจ
“ไม่ต้องกลัวเนตร ฉันมีกิ๊กเป็นตำรวจ…” มิเชลล์บอกพลางโทรหาคู่ปรับเก่าทันที รอสายไม่นานก็มีเสียงยียวนตอบกลับมา
“ไงคุณ คิดถึงผมมากขนาดโทรมาชวนไปกินข้าวต้มรอบดึกเลยเหรอ...” มิเชล์ยกโทรศัพท์ออกห่างแล้วย่นจมูกใส่ก่อนจะตอบกลับไป
“กินข้าวต้มบ้าอะไรล่ะ มีเหตุเกิดที่คอนโด...ห้องเบอร์ สี่ศูนย์สาม คุณรีบมาเร็วเข้า…” เธอบอกพลางตัดสายดื้อๆ ทำให้คนปลายสายซึ่งยืนคุยอยู่กับอลันรีบบึ่งรถมาทันที
เวลาผ่านไปไม่ถึงสิบนาที สถานการณ์ภายในห้องก็เปลี่ยนไป เมื่อชายฉกรรจ์อีกสามคนที่ดูต้นทางอยู่ด้านล่าง เห็นเพื่อนร่วมอาชีพหายไปนานผิดปกติ จึงขึ้นมาตามและจับสามสาวมัดรวมกันแทน เนตรนารีมองเข้าไปในห้องนอนอย่างไม่สบายใจ
“ใครชื่อเนตรนารี...” ชายร่างยักษ์ที่เข้ามาใหม่ถามเสียงดุดัน ขณะเดินเข้าไปหาช้าๆ ริมฝีปากกระตุกยิ้มมองสามสาวด้วยแววตาหื่นกระหาย
“ฉันเอง..” เนตรนารีตอบเสียงสั่น แม้จะกลัวจับใจแต่ก็ไม่อยากให้เพื่อนมารับชะตากรรมไปด้วย แต่เพื่อนตายอย่างวลัยและมิเชลล์ก็ไม่ยอมให้เป็นแบบนั้น ทั้งสองต่างอ้างตัวเป็นเนตรนารีพร้อมกัน
“ฉันเอง/ฉันเอง...” พวกมันมองหน้ากัน คนหนึ่งก็เดินไปชะโงกหน้าใกล้ๆ จนเนตรนารีต้องเบือนหน้าหนีอย่างขยะแขยง
“รักกันจริงๆ แต่ฉันมีวิธีให้เนตรนารีตัวจริงเปิดเผยตัวว่ะ จับนังตัวเล็กหุ่นมดตะนอยนั่นขึ้นมา ฉันเห็นมันถือกล้องออกทีวีเมื่อกี้มันต้องไม่ใช่แน่...” มิเชลล์ถูกกระชากให้ลุกขึ้น เนตรนารีถึงกับหน้าถอดสี
“ปล่อยฉันนะพวกบ้าหน้าตัวเมีย รังแกผู้หญิงแบบนี้ได้ยังไง...” มิเชลล์ด่าทออย่างรุนแรง พยายามดิ้นให้หลุดจากมือกร้านหนา พวกมันหัวเราะชอบใจ ลากมิเชลล์ไปที่โซฟาตัวใหญ่ พวกมันอีกสองคนนั่งขนาบข้าง และคนหนึ่งก็กระชากเสื้อเชิ้ตของเธอขาดเป็นชิ้นๆ โชคดีที่มีเสื้อกล้ามสีขาวพอดีตัวปกปิดร่างกายท่อนบนเอาไว้ เมื่อเห็นผิวเนื้อนวลเนียนน่าสัมผัสตรงหน้าพวกมันถึงกับตาลุกวาว มิเชลล์ดิ้นหนีมือหยาบกระด้างอย่างขยะแขยง น้ำตาไหลออกมาอย่างหวาดกลัวเป็นครั้งแรก เนตรนารีกับวลัยตกใจมองเพื่อนอย่างสงสาร และพยายามจะเข้าไปช่วยแต่ถูกพวกมันอีกสองคนจับตัวไว้
“หยุดป่าเถื่อนกับเพื่อนฉันซะที พวกแกอยากได้หลักฐานพวกนั้นใช่ไหม...” เนตรนารีตะโกนเสียงดังลั่นอย่างอัดอั้นในหัวใจ พวกมันชะงักหันไปมองร่างโปร่งระหงอย่างสมใจ “หลักฐานอยู่ที่ฉัน ถ้าอยากได้ก็ปล่อยเพื่อนฉัน...” เนตรนารีบอกเสียงแข็งมองพวกมันอย่างโมโห ครอบครัวเธอรับวิบากกรรมมามากพอแล้ว เธอจะไม่ยอมให้มันเกิดกับคนที่เธอรักอีกเป็นเด็ดขาด ถ้ามันกล้าทำในสิ่งที่เย้ยกฎหมายได้ขนาดนี้ แสดงว่าหลักฐานพวกนั้นต้องสำคัญและชี้เป็นชี้ตายพวกมันอย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้นคงไม่วิ่งเป็นหนูติดจั่นขนาดนี้
“อย่านะเนตร ถึงแกบอกพวกเราก็ตายอยู่ดี...” วลัยหันไปพูดกับเพื่อน
“ปากดีนักนะแก...” ชายร่างใหญ่ที่ยืนอยู่ข้างๆ บีบปลายคางวลัยเต็มแรง ”แบบนี้ฉันชอบฮ่า...ฮ่า...ฮ่า…” พูดจบมันก็ยื่นหน้าไปใกล้ลากลิ้นชิมเนื้อหวานอย่างชอบใจ
“ไอ้พวกชั่ว ตายไปพวกแกต้องตกนรกแน่...” มิเชลล์บอกอย่างโมโหสุดขีด ขณะที่ตาก็ลอบมองประตูห้อง ภาวนาให้ผู้กองบารอนมาเร็วๆ ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป
“เอาตัวไปทั้งสามคน...” ชายร่างยักษ์สั่ง คนที่ยืนอยู่ใกล้ๆ จึงแก้ปมเชือกออกจากข้อมือบางของสามสาว
“พวกแกต้องการอะไรก็บอกมาสิ เอาตัวพวกฉันไปทำไม...” วลัยถามพลางยืนในท่าเตรียมพร้อมจนพวกมันหัวเราะดังๆ อย่างสะใจ
“ผู้หญิงสวยๆ เขาก็เอาไปเล่นจ้ำจี้สิน้องสาว…ฮ่า…ฮ่า...ฮ่า...” พวกมันหัวเราะอย่างถูกใจกับสำเนียงภาษาอังกฤษที่เพื่อนของมันเอ่ยออกมา
“ฉันจะไปกับพวกแก แต่ต้องปล่อยเพื่อนฉันทั้งสองคน...” เนตรนารีต่อรอง ชายร่างยักษ์เดินเข้ามาบีบคางแหลมเชิดขึ้น มิเชลล์กับวลัยพยายามแกะมือมันออกแต่ก็ไม่สำเร็จ
“อย่าต่อรองคนสวย งานของเราคือจับเธอไปให้ผู้ว่าจ้าง ส่วนที่เหลือคือกำไร...” มันบอกด้วยแววตาหื่นกระหาย กลิ่นหอมจากกายสาวทำให้พวกมันจ้องพวกเธอตาเป็นมัน
“ถ้าแกไม่ตกลงก็อย่าหวังว่าจะได้หลักฐานพวกนั้น ทันทีที่ฉันกับเพื่อนเป็นอะไรไป ข้อมูลทุกอย่างจะถูกส่งถึงตำรวจทันทีไม่เชื่อก็ลองดู...” สายตาทุกคู่หันไปมองเนตรนารีเป็นจุดเดียว พอเห็นแววตาจริงจังของหญิงสาวพวกมันก็เริ่มลังเล
ขณะที่การต่อรองดำเนินไปอยู่นั้น ผู้กองบารอนและอลันก็มาถึง ทั้งสองรีบขึ้นลิฟต์ไปที่ชั้นเป้าหมาย พอลิฟต์เปิดสองหนุ่มต่างอาชีพแต่มีอุดมการณ์ปราบคนพาลก็หยิบปืนออกจากเอว ดวงตานิ่งลึกของผู้กองหนุ่มมือปราบ มองเลขที่ติดอยู่ด้านหน้าก่อนจะสบตาอลัน จากนั้นร่างสูงเพรียวก็เดินไปเคาะประตูห้องข้างๆ แล้วแสดงบัตรตำรวจให้ดูเพื่อขอผ่านไปที่ระเบียง อลันยืนรอจังหวะอยู่ด้านนอก เห็นแม่บ้านวัยกลางคนเข็นรถอาหารผ่านไป แผนการบางอย่างจึงแว้บเข้ามาในหัว
ก๊อก..ก๊อก..ก๊อก เสียงเคาะประตูดังขึ้นเบาๆ ทำให้คนที่อยู่ในห้องหันไปมอง พวกมันสามคนหยิบปืนออกจากเอวเดินไปที่ประตู คนหนึ่งส่องผ่านตาแมวออกไปดูด้านนอก พอไม่เห็นใครก็เล่นกลับมา ขณะที่พวกมันพุ่งความสนใจไปที่ประตู มิเชลล์ก็เห็นคู่ปรับเก่าแอบอยู่ที่ระเบียงด้านนอก ความหวาดกลัวก็หายไปกลายเป็นความตื่นเต้นเข้ามาแทนที่ บารอนยกนิ้วชี้แตะริมฝีปาก ตามองไปที่ชายฉกรรจ์ทั้งสี่อย่างประเมิน ประตูห้องถูกเคาะเบาๆ อีกครั้ง ทำให้พวกมันคนหนึ่งเดินไปกระชากประตูเปิดออกอย่างหงุดหงิด อลันซึ่งรอจังหวะอยู่แล้ว เตะสูงเข้าที่ก้านคอของมันเสียงดัง…พลั่ก!!!!.ร่างใหญ่ถึงกับล้มทั้งยืน...คนร้ายที่เหลือถึงกับตกตะลึง แววตาโหดเหี้ยมจ้องไปที่อลัน บอดี้การ์ดหนุ่มแสยะยิ้มวิ่งล่อพวกมันออกมาจากห้อง
“เฮ้อ! จัดการมัน...” และก็ได้ผลเมื่อพวกมันสองคนวิ่งตามออกไป ส่วนที่เหลือทิ้งให้เป็นหน้าที่ของบารอน ชายร่างยักษ์กระชากแขนเนตรนารีไปที่ประตู มิเชลล์และวลัยวิ่งเข้าไปขวาง ปืนในมือของคนร้ายก็เล็งไปที่สองสาวทันที เนตรนารีก็ร้องห้ามเสียงสั่น
“หลบไปมิเชลล์ วลัย พวกมันต้องการตัวฉัน…” แต่สองสาวไม่คิดจะทำตาม ยืดอกรับลูกกระสุนอย่างไม่กลัวเกรง
“เอาสิ ยิงมาเลยพวกชั่ว ถ้าฉันตายนะจะกลายเป็นผีมาหลอกหลอนพวกแกให้หัวโกร๋นไปเลย...” วลัยด่าพวกมันได้เจ็บแสบที่สุดในชีวิต ถ้าเป็นเมื่อสักครู่พวกมันคงหัวเราะลั่นห้องไปแล้ว แต่นี่ไม่รู้ใครมาก่อกวนพวกมันกันแน่
“ใครก็เอาตัวเพื่อนฉันไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น...เร็วสิผู้กองบารอน...” มิเชลล์สร้างสถานการณ์เรียกผู้กองมือปราบชื่อกระฉ่อน ทำให้คนร้ายต้องหันกลับไปด้านหลัง มิเชลล์ได้โอกาสหยิบแจกันใบใหญ่ที่ตั้งอยู่ข้างประตู ฟาดลงบนศีรษะคนร้ายเต็มแรง
“พลั่ก/อ๊ากก…” ความเจ็บทำให้มือหนาคลายออก วลัยก็ไม่น้อยหน้าหยิบไม้เบสบอลหวดก้านคอมันอีกแรงจนล้มลงไปกองกับพื้น แต่ชายร่างยักษ์ยังไม่สิ้นฤทธิ์ ดวงตาแดงก่ำมองคนที่ทำให้มันเจ็บอย่างสุดแค้น แล้วตรงรี่เข้าไปเอาคืน แต่ผู้กองหนุ่มเตะสกัดไว้ ในเวลาไม่กี่นาทีนักมวยดีกรีโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ก็ล้มผู้ร้ายร่างยักษ์ด้วยฝีมือที่เหนือชั้น
“ไม่ออกมาช่วยให้มันเร็วกว่านี้หน่อยละผู้กอง...” มิเชลล์บอกเสียงขึ้นจมูกอย่างโมโห ที่ถูกพวกมันลวนลามทางสายตาอยู่เป็นนานสองนาน ผู้กองหนุ่มยิ้มน้อยๆ ที่มุมปากอย่างไม่ถือสา วลัยสะกิดแขนเพื่อนเบาๆ
“เอาน่าแก มาช้าดีกว่าไม่มา...ขอบคุณนะคะ...” ประโยคท้ายวลัยหันไปบอกผู้กองหนุ่มด้วยรอยยิ้ม อลันเปิดประตูเข้ามาโดยไม่ส่งสัญญาณ วลัยตกใจยกไม้เบสบอลฟาดลงบนหัวไหล่ชายหนุ่มเต็มแรงตามสัญชาตญาณการป้องกันตัว อลันหลบไม่ทันล้มลงบนโซฟารับแขก
“โอ้ย!...” วลัยรีบก้าวเข้าไปประชิดหวังจะซ้ำให้หนัก บารอนจึงเข้าไปห้ามทับและจับแขนอลันลุกขึ้นนั่ง
“อย่าครับ...เพื่อนผมเอง...” วลัยถือไม้ค้าง มองชายหนุ่มอย่างขอลุแก่โทษ มิเชลล์เห็นเนตรนารียืนกอดตัวเองอย่างหวาดกลัวจึงเดินเข้าไปโอบร่างสั่นเทาอย่างสงสาร
“ไม่ต้องกลัวนะแกฉันกับวลัยจะไม่ทิ้งให้แกลำบากคนเดียวหรอก…” เนตรนารีสบตาเพื่อนรักอย่างซึ้งในน้ำใจ
“ฉันขอโทษที่ทำให้แกสองคนพลอยลำบากไปด้วย พรุ่งนี้ฉันจะรีบไปจากที่นี่พวกแกจะได้ปลอดภัย...” เนตรนารีมองเพื่อนน้ำตาคลอ วลัยเดินไปจับมือข้างที่ว่างแล้วบีบแรงๆ อย่างให้กำลังใจ
“แกอย่าพูดแบบนี้นะเนตร เราสามคนลำบากด้วยกันมาเท่าไหร่แล้ว เรื่องแค่นี้จะให้ฉันสองคนเอาตัวรอดสบายๆ ในขณะที่แกต้องหนีใครก็ไม่รู้หัวซุกหัวชุน พวกฉันทำไม่ได้หรอกนะ...”
“มานั่งคุยกันก่อนดีกว่าครับสาวว่าจะเอายังไงต่อ...” บารอนตัดบท ตามองเลยไปที่อลันซึ่งนั่งฟังการสนทนาอยู่เงียบๆ เพื่อเก็บรายละเอียดเรื่องราวที่เกิดขึ้น




อิงทราย
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 2 ธ.ค. 2556, 15:38:14 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 2 ธ.ค. 2556, 15:38:14 น.

จำนวนการเข้าชม : 974





<< ความจริงที่ต้องเผชิญ   ปกป้องหัวใจ >>
pkka 2 ธ.ค. 2556, 21:53:18 น.
สนุกค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account