♥ ♥ ♥ หัวใจร้อยดาว [ชุด ทางลัดสลัดโสด สนพ.อรุณ] ♥ ♥ ♥
อะไรนะ! ถ้าไม่แต่งงานภายในเก้าสิบวัน

เธอต้องขึ้นคานไปตลอดชีวิตเหรอ บ้าไปแล้ว!



ดอกเตอร์ โมนา วิมาลิน อยากอุทานเป็นภาษาต่างดาวชะมัด

แม้จะเป็นคนรุ่นใหม่ ที่ไม่เชื่อเรื่องงมงาย

แต่รุ่นพี่ที่เจออาถรรพ์ก็ขึ้นคานกันไปแล้วถ้วนหน้า

เธอจะเสี่ยงเป็นคนต่อไปจริงเหรอ...



นับว่าพระเจ้ายังไม่ใจร้ายจนเกินไป

เพราะท่านส่ง ชัชวิน มาจีบเธออย่างออกนอกหน้า

ตามมาด้วย เมอร์ซิเออร์ โนแอล เดอแบร์มองต์ สุดหล่อ

แถมยังมี เอกชัย เทรนเนอร์หล่อล่ำ

กับ กฤต นักดนตรี อารมณ์ศิลป์มาให้เลือกพร้อมเพรียง



โมนาไม่ได้โชคดีขนาดนั้น

เพราะระหว่างหาทางลงจากคาน

เธอกลับต้องเผชิญปัญหาเรื่องการงานหนักหน่วง



ในท่ามกลางมรสุมที่พัดจนเธอซวนเซ

โมนาจึงได้เห็นความรักของใครบางคน...ชัดเจนขึ้นในหัวใจ

อยากรู้ก็แต่ว่า...อีกฝ่ายจะรักเธอมากพอ

และชวนเธอลงจากคานทันเวลาไหมหนอ


♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥

เนื้อหาทั้งหมดที่ปรากฎบนหน้าเพจนี้สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พุทธศักราช ๒๕๓๗ ห้ามมิให้ทำการคัดลอก ดัดแปลง หรือแก้ไข บทความเพื่อนำไปใช้ก่อนได้รับการอนุญาต

หากฝ่าฝืน สิริณ(แม่มณี) จะดำเนินการทางกฎหมายทั้งจำและปรับ โดยไม่มีการประนีประนอมใดๆทั้งสิ้น

ผู้ใดชี้เบาะแสการคัดลอก สิริณ(แม่มณี) มีรางวัลนำจับให้ด้วยนะคะ ^^

♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥

เตรียมยิ้มและหัวเราะไปกับ ดอกเตอร์สาวตัวกลม ที่จะทำให้คุณเข้าใจนิยามของความรักในอีกรูปแบบหนึ่ง

หัวใจร้อยดาว - เจ้าสาวร้อยชั่ง ในชุดทางลัดสลัดโสด


เขียนโดย สิริณ - ดวงมาลย์

จ่อคิววางแผงต่อจาก ใต้ปีกรักสีเพลิง เลยค่ะ

เชิญติชมกันได้เต็มที่เช่นเคย



ชวนเพื่อนๆนักอ่านไปกดไล้ค์แฟนเพจของสิริณกันด้วย

ตรงนั้นจะมีกิจกรรมร่วมสนุก แจกของที่ระลึกกันเป็นระยะ

(แน่นอนว่าของที่สิริณมีมากที่สุดคือ 'หนังสือ' :D )

ไปกดไล้ค์กันเยอะๆนะคะ

www.facebook.com/SirinFC
Tags: โนแอล โมนา ขิมคราม รอยตะวัน สลัดโสด

ตอน: ตอนที่ ๑๙

เสียงกริ่งที่ดังขึ้นจากหน้าห้องทำให้ชัชวินถอนหายใจลุกขึ้นไปมองทางช่องตาแมวด้วยความหงุดหงิด ครั้นเห็นผู้ที่อยู่หน้าห้อง เขาก็รีบกลับมากวาดแฟ้มจากบนโต๊ะโยนใส่กล่องแล้วปิดฝาเลื่อนไปซ่อนไว้ข้างโซฟา โดยนำผ้ากำมะหยี่มาคลุมทับแล้วคว้าแจกันวางไว้ด้านบนเพื่อพรางตาเป็นลำดับสุดท้าย เขาปลดกระดุมเสื้อเม็ดหนึ่ง แล้วเข้าไปในห้องน้ำ วักน้ำใส่หน้าอย่างแรงจนใบหน้าเปียกโชก หยดน้ำไหลเป็นทางลงมาเปียกแผงอกแกร่ง เมื่อกวาดตามองจนแน่ใจว่าห้องอยู่ในสภาพเรียบร้อยดีแล้ว เขาจึงหยิบผ้าขนหนูพาดคอ จับบางส่วนมาซับหน้าแล้วก้าวยาวๆไปเปิดประตู

“ทำอะไรอยู่หรือคะชัช ดาวรอตั้งนานแน่ะ”

“ผมต่างหากที่ควรจะถามว่าคุณมาที่นี่ทำไม” เขายืนขวางประตูไว้ ไม่ยอมให้อีกฝ่ายเข้าห้องง่ายๆ

“พูดจาไร้เยื่อใยจัง ดาวอุตส่าห์เอาข่าวสำคัญมาบอกทั้งที เชิญดาวเข้าไปในห้องหน่อยสิคะ”

“นี่มันวันศุกร์นะคุณดาว และผมก็ต้องการพักผ่อนด้วย คุณกลับไปดีกว่า ใครเห็นเข้ามันจะไม่ดี”

“ไม่อยากรู้ข่าวเด็ดที่ดาวเอามาฝากก่อนหรือคะ” หญิงสาวล้วงเข้าไปในกระเป๋าสะพาย หยิบโทรศัพท์มือถือเครื่องหนึ่งขึ้นมาแกว่งตรงหน้าเจ้าของห้อง “นี่พอจะช่วยให้คุณยอมต้อนรับดาวได้ไหมคะ”

“คุณไปเอาโทรศัพท์ของโมมาได้ยังไง”

ริมฝีปากที่แต้มด้วยสีชมพูอ่อนหวานแย้มออก พลางเลิกคิ้วขึ้นนิดๆแทนการตั้งคำถาม ชัชวินจึงจำต้องหลีกทางให้อีกฝ่ายก้าวเข้ามาในห้องอย่างไม่เต็มใจ เขาปิดประตูห้องแล้วเดินตามมายืนคุมเชิงอยู่ห่างๆ ใช้สายตาว่างเปล่ามองเพื่อนร่วมงานนั่งลงบนโซฟาแล้วตบบนเบาะข้างตัวแทนการเชื้อเชิญ

“คุณไปเอาโทรศัพท์ของโมมาจากไหน”

“ง่ายมากค่ะ ฉันก็แค่...ส่งคนที่มีความชำนาญในการติดตามยายนั่น เพื่อจับตาดูว่าโมนากำลังทำอะไรกันแน่ แล้วคุณรู้ไหมคะ ความจริงที่ฉันได้มาเนี่ยนะ มันเด็ดเสียยิ่งกว่าเรื่องไหนที่คุณจะคาดได้เลย”

“คุณขโมยมาเหรอ”

“คนของฉันเก็บได้ต่างหาก มันตกอยู่ในร้านอาหารแถวชานเมืองที่สองคนนั้นไปดินเนอร์พลอดรักกันน่ะ อ้อ...ต้องให้บอกไหมว่าสองคนที่ว่าคือโนแอลกับยายอ้วนสุดที่รักของคุณนั่นแหละ”

“ไม่จริง สองคนนั้นระหองระแหงกันอยู่” พนักงานลือกันไปทั้งบริษัทจนใครก็รู้กันทั่ว

“จะหลอกตัวเองต่อไปก็เชิญนะ แต่สิ่งที่ฉันเจอในนี้น่ะ เด็ดกว่าเรื่องที่เขาดีกันแล้วซะอีก” หญิงสาวกดปุ่มเรียกรูปภาพขึ้นมาจากโทรศัพท์ แล้วทอยมันลงบนโต๊ะให้อีกฝ่ายได้เห็นภาพนั้นด้วยตาตัวเอง

ชั้นแรกชัชวินเพียงแค่ปรายตามองราวกับไม่สนใจ แต่เมื่อเห็นภาพนั้นชัดๆ เขาก็โผนเข้าไปคว้าโทรศัพท์ฝาพับรุ่นหรูของโมนาขึ้นมาดูใกล้ๆแทน ภาพที่สองหนุ่มสาวใบหน้าขาวโพลนด้วยฟองสบู่ถ่ายรูปคู่กันอย่างสนิทสนมนั้นบอกได้ดีกว่าคำพูดนับล้านเสียอีกว่าความสัมพันธ์ก้าวหน้าไปถึงระดับไหน ชุดนอนที่ทั้งสองสวมอยู่เป็นยิ่งกว่าตะปูตอกผนึกว่าสิ่งที่เขาคิดไม่มีทางเป็นอย่างอื่นไปได้เลย!

ชัชวินกดดูภาพอื่นๆในชุดเดียวกัน ก็พบว่ามีภาพเดี่ยวบ้างคู่บ้างในอีกหลายๆอิริยาบถแตกต่างกันไป เขาลูบหน้าอย่างไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง “นี่คุณตัดต่อหรือเปล่า”

“ก็แล้วแต่จะคิดนะ แต่เท่าที่ฉันเห็น มันเพิ่งจะถ่ายเมื่อสองอาทิตย์ที่แล้วนี่เอง ตอนหกโมงกว่าๆ ไม่รู้สองคนนี้ไปทำอะไรกันมาน้า ถึงได้ตื่นขึ้นมาพร้อมกัน ใช้ห้องน้ำเดียวกันอย่างนี้”

ชัชวินขบกรามแน่น ก่อนจะเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “คุณให้คนติดตามโมมานานแค่ไหนแล้ว”

“ก็...ไม่นานหรอก สักสองสามอาทิตย์ได้”

“แล้วนอกจากโทรศัพท์ของโมนา คุณรู้อะไรอีก”

สายตาอีกฝ่ายปรายมองเขาด้วยความคลางแคลง “คุณหึงโมนาจริงๆเหรอ”

“คุณก็รู้นะว่าผมยังต้องคุมคาแร็คเตอร์เล่นบทชายหนุ่มที่ถูกทอดทิ้งอยู่น่ะ” ชัชวินเดินมานั่งลงข้างๆเธอ ลูบต้นแขนอีกฝ่ายอย่างเอาใจแทน “ผมแค่อยากมั่นใจว่าโมนาจะไม่รู้อะไรมากไปกว่าที่จำเป็น เพราะหากบางอย่างไม่เป็นไปตามแผนของเรา เราจะได้ช่วยกันวางแผนเตรียมไว้รับมือยังไงล่ะ”

“คุณพูดจริงนะคะชัช” แสงดาวหน้าชื่น จับมือเขาไปกุมไว้ด้วยท่าทีกระตือรือร้น

“นี่เป็นเรื่องของผลประโยชน์นะดาว ผมไม่ยอมปล่อยให้มันหลุดมือไปง่ายๆหรอก” ชัชวินย้ำด้วยรอยยิ้มหมายมาด เขาดึงตัวแสงดาวมากอดปลอบประโลมชั่วขณะ แล้วจึงดันเธอออกห่าง “คุณควรจะกลับไปได้แล้ว ถ้าใครมาเห็นเข้า ชื่อเสียงของคุณจะเสียหาย ซึ่งผมไม่ต้องการให้เป็นอย่างนั้นเลย”

“ตกลงค่ะ” แสงดาวหยิบกระเป๋าลุกขึ้นอย่างอ้อยอิ่งอาวรณ์ “เอ้อ...วันสิ้นปีคุณไปเคานท์ดาวน์ที่ไหนคะ เผื่อดาวจะไปด้วย”

“ไม่รู้สิ อาจจะนอนดูทีวีอยู่บ้านมั้ง ผมขี้เกียจไปเบียดกับคนเยอะๆ”

แสงดาวเบ้หน้า “งั้นไว้ดาวโทร.หานะคะ เผื่อคุณเปลี่ยนใจ”

“ครับ ขอบคุณที่แวะมาส่งข่าว” เขาชี้ไปที่โทรศัพท์ของโมนา

“อะไรที่เป็นการทำเพื่อ ‘เรา’ ดาวยินดีและเต็มใจที่สุดอยู่แล้วค่ะ”

ชัชวินก้าวเข้าไปหาหญิงสาว จับไหล่สองข้างไว้ แล้วก้มหน้าลงไปประทับริมฝีปากที่หน้าผากนูนเกลี้ยงแผ่วเบา จากนั้นพึมพำเสียงพร่า “ขอบคุณครับดาว กลับบ้านปลอดภัยและหลับฝันดีนะครับ”

แสงดาวหมุนตัวเดินแกมวิ่งไปยังจุดรอลิฟต์ด้วยท่าทีเขินอาย แล้วจึงหันกลับมาโบกมือให้เขา ชัชวินคอยจนหญิงสาวลับตาไปแล้ว จึงล็อกประตูลงกลอน กลับมามองโทรศัพท์บนโต๊ะด้วยสายตารังเกียจ เคียดแค้นอย่างรุนแรง!



โมนาสูดปากด้วยความเจ็บเมื่อแพทย์ฉุกเฉินแตะที่ข้อเท้าเพื่อตรวจอาการ แต่เมื่อเหลือบไปเห็นคนสวมสูทเปื้อนๆยับเยินไปหมดทั้งตัวที่ยืนอยู่ข้างรถเข็นกำลังเขม้นตามองมาอย่างจับสังเกต ก็รีบกัดริมฝีปากไว้แทน คุณหมอเคาะตรงโน้นจับตรงนี้อยู่พักใหญ่ จากนั้นจึงส่งเธอไปเอกซเรย์ข้อเท้า บุรุษพยาบาลเข็นรถพาเธอไปยังแผนกรังสีวิทยา แล้วหันมาบอกแค่ “รอสักครู่นะครับ เดี๋ยวเจ้าหน้าที่จะมารับคุณเข้าไปในห้องเอกซเรย์”

โมนาพยักหน้ารับทราบ ฝ่ายนั้นจึงก้มศีรษะให้เล็กน้อย แล้วแยกกลับไปทางเดิม

“เจ็บมากไหมเชรี” ชายหนุ่มปราดเข้ามาเกาะรถเข็น ถามด้วยสีหน้าห่วงใยราวกับเจ็บเองอย่างไรอย่างนั้น

“ถ้าบอกว่าไม่เจ็บ ฉันก็คงโกหก เอาเป็นว่าเจ็บ แต่ฉันยังทนได้ละกัน ว่าแต่คุณเถอะ ฉันเห็นคุณขยับแขนขวาไม่ค่อยสะดวก ไปให้หมอดูหรือยัง”

“ไม่เป็นไร รอให้หมอตรวจคุณเรียบร้อยก่อนก็ได้”

โมนาชักสีหน้าทันที “ฉันไม่ได้เป็นอะไรมากขนาดนั้น คุณไปให้หมอตรวจก่อนเถอะ”

คนดื้อย่อตัวลงวางเข่าข้างหนึ่งบนพื้น ขณะอีกข้างชันไว้แล้ววางมือลงบนนั้น เขาเงยขึ้นสบตาเธอนิ่งๆ “มันไม่เจ็บไปกว่านี้หรอก รอได้จริงๆ เดี๋ยวหมอดูขาให้คุณเสร็จแล้ว ‘เรา’ ค่อยไปให้หมอดูไหล่ให้ผมด้วยกัน”

“รู้ละ คุณจะให้หมอพูดว่าเป็นหนักมากๆ ยกแขนไม่ได้ แล้วฉันก็ต้องซักผ้า ถูบ้าน ทำอาหารแทนคุณใช่ไหม”

“ไอ้ที่พูดมาเมื่อกี้ คุณก็ทำอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ” เขาถามปนยิ้ม

“พูดอีกก็ถูกอีก” โมนารำพึง “ก็แล้วถ้าอย่างนั้นคุณจะรออะไร ไปให้หมอดูไหล่ก่อนเหอะ ฉันรู้นะว่าคุณเจ็บ เมื่อกี้ตอนคนช่วยเราขึ้นมาจากคูหญ้านั่น ฉันได้ยินคุณร้องเบาๆ”

“เฮ้ย! ไม่มีหรอก ร้องเริ้งที่ไหน ผมแข็งแรงจะตาย”

โมนาส่ายหน้าด้วยความระอา เอื้อมมือไปแตะไหล่ข้างขวาซึ่งยังซ่อนตัวอยู่ใต้เสื้อสูทสีดำที่คลุกฝุ่นจนมีรอยเปื้อนเป็นแห่งๆ แล้วก็เป็นดังคาด คนเจ็บส่งยิ้มมาให้เธอ! ดูยังไงก็เห็นชัดว่าเขาเจ็บ แต่ยังอวดดีอยู่ได้

“ถ้าฉันขี้แกล้งกว่านี้ ฉันจะบีบไหล่คุณแล้วคอยดูคนท่ามากกลั้นน้ำตานะ รู้ปะ” โมนาสะบัดเสียงประชด

“เชรี ผม...”

โมนาเดาได้จากท่าทางนั้นว่าเขากำลังจะพูดอะไร จึงชี้หน้าเขาทั้งที่รู้ว่ามันเป็นการเสียมารยาทสุดๆ เพราะต้องการปรามเขาให้หยุดคิดเรื่องนี้อย่างจริงจัง “หยุดเลยนะโนแอล ฉันขอร้องละ อย่ารู้สึกผิดได้ไหม”

ดวงตาสวยคมสีน้ำเงินแกมฟ้าราวกับตุ๊กตากะพริบปริบๆด้วยความประหลาดใจ แต่มันก็เกิดขึ้นแวบเดียว เพราะเขาทำสีหน้าไร้เดียงสาในวินาทีถัดมาได้อย่างน่าทึ่ง “คุณพูดถึงอะไร”

“ก็เรื่องนี้ไง” โมนาชี้ขาตัวเอง “ไม่ต้องรู้สึกผิดเลย ทั้งหมดนี่เป็นอุบัติเหตุ ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นหรอก คุณเองก็เจ็บเหมือนกัน ไม่ใช่ว่าคุณโยนฉันลงจากรถ ใช้ฉันเป็นเบาะให้เจ็บฝ่ายเดียวซะเมื่อไหร่ ฉันต่างหากที่ต้องขอบคุณ ถ้าไม่ใช่เพราะคุณโอบไว้ ฉันอาจเดี้ยงหนักกว่านี้ก็ได้ เห็นกันอยู่ว่าฉันสอบตกทักษะด้านยิมนาสติกโดยสิ้นเชิง”

“มันผิดตั้งแต่ที่ผมลากคุณขึ้นมอเตอร์ไซค์มาแล้ว คุณเองก็ไม่ได้เต็มใจ”

“ม่ายช่ายละ” โมนาลากเสียงยาวพลางส่ายหน้า ยิ้มแป้น “ฉันยิ่งกว่าเต็มใจจะเป็นสก๊อยประจำรถคุณซะด้วยซ้ำ ปกติสาวสก๊อยต้องสวยๆผอมๆแต่งตัวเซ็กซี่นะ ฉันน่ะต้องจัดเป็นสก๊อยแปลกสุดเท่าที่เคยมีมาเลย มีแต่จะต้องขอบคุณคุณสิไม่ว่า”

“เชรี...”

โมนาเดาได้ว่าเขาคงไม่วายพยายามโทษตัวเองต่อ เธอจึงต้องงัดไม้ตายใหม่มาใช้แทน โดยเท้าศอกลงบนที่วางแขนของรถเข็นแล้ววางคางลงที่สันมือด้านใน ถามอีกฝ่ายด้วยสีหน้ายิ้มๆ “คุณรู้ตัวหรือเปล่า ว่านั่งทำท่านี้อยู่เนี่ย คนอื่นมองมาเห็นเข้า เขาจะคิดว่าคุณกำลังขอฉันแต่งงานอยู่นะ”

ได้ผล! เพราะโนแอลก้มลงมองสภาพตัวเอง แล้วเขาก็กระเด้งผึ๋งลุกขึ้นยืนตัวตรง แถมยังถอยห่างจากรถเข็นของเธอไปเป็นวาเลยทีเดียว โมนามองแก้มที่มีรอยแดงบางๆตัดกับแนวเคราเขียวๆตรงกรามของชายหนุ่มแล้วอมยิ้ม “อะไรเนี่ย แค่นี้ถึงกับเขินเลยเหรอ สงสัยหมวกกันน็อกคุณจะไม่ดีแฮะ หัวกระแทกพื้นนิดเดียว สมองกระเทือนเลย”

“นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะเชรี” เขาดุกลบเกลื่อน

โมนากลับบุ้ยปากไปทางด้านหลังของชายหนุ่ม บอกปนเสียงหัวเราะคิกคัก “คุณพยาบาลตรงโน้นมองตามคุณตาปรอยเลย สงสัยเธอจะปิ๊งคุณนะโนแอล ดีไม่ดีตอนนี้คงตีความไปไกลถึงโลกพระจันทร์แล้วว่า คุณนี่หล่อชะมัด แต่สายตามีปัญหา เลือกแฟนไม่ได้เรื่องเลย”

“เก่งนะเดี๋ยวนี้” เขาประชด “ถูกสาวๆที่ออฟฟิศมองตามด้วยความอิจฉาจนชินแล้วใช่ไหม ถึงได้เข้าใจสายตาของใครต่อใครไปหมดน่ะ”

“ก็ใช่น่ะสิ แต่ก่อนมีแต่คนมองฉันด้วยความเกลียดชังบ้างละ กลัวบ้างละ แต่ไม่เคยมีใครมองมาแบบอิจฉาเลย เพิ่งจะตอนที่คุณมาอยู่เมืองไทยนี่แหละ”

“แล้วชอบไหม” น้ำเสียงของเขานุ่มนวลเป็นพิเศษ

“ก็ต้องชอบสิ” คนปากไวโต้ทันควัน

รอยยิ้มคลี่ขึ้นบนใบหน้าโนแอลช้าๆ ดวงตาเขาบอกความยินดีชัดเจน ขณะริมฝีปากสีสดแย้มยิ้มจนเห็นฟันขาวเรียงเป็นระเบียบ “ขอบคุณ ผมจะจำไว้”

โมนาอึ้งไปชั่วขณะ นึกทบทวนว่าเธอตอบผิดหรือเปล่า เมื่อนึกได้ก็ตาโต รีบละล่ำละลักอธิบาย “ฉันหมายความว่าฉันชอบที่ถูกมองด้วยความอิจฉานะ ไม่ได้หมายความอย่างอื่น”

“อย่างอื่นที่ว่านี่ คุณหมายถึงอะไรเหรอ”

โมนารู้สึกเหมือนตัวเองติดกับ คำพูดเหมือนอยู่ที่ปลายลิ้นนี่เอง แต่กลับเอ่ยอะไรไม่ออกสักคำ

“คุณชอบผม เหมือนที่ผมชอบคุณไหม เชรี” เขายืนอยู่ตรงนั้น มองมาที่เธอด้วยแววตานิ่งๆอ่านไม่ออก

คนที่นั่งอยู่บนรถเข็นเพิ่งเข้าใจความรู้สึกของคนเป็นอัมพาตก็ตอนนี้เอง อวัยวะทุกส่วนในร่างกายเธอคล้ายพร้อมใจกันหยุดทำงานในวินาทีนั้น ขยับมือ แขน หรือขาไม่ได้ แม้กระทั่งกะพริบตายังรู้สึกว่าเป็นเรื่องยากเย็น

นานราวนิรันดร์กว่าโมนาจะตั้งสติได้ เธอกลืนน้ำลายฝืดๆลงคอ ก่อนจะตะกุกตะกักโวยวาย “ถามบ้าๆอะไรอย่างนั้นนะโนแอล คุณก็รู้อยู่แล้วว่าเราเป็นเพื่อนกัน”

โนแอลปัดเสื้อสูทไปข้างหนึ่ง แล้วล้วงมือลงในกระเป๋ากางเกง ทั้งยังยืนหย่อนเท้าด้วยท่วงท่าสบายใจขณะเอ่ย “แต่ผมไม่อยากเป็นเพื่อนกับคุณอีกต่อไปแล้ว”

หญิงสาวอ้าปากค้าง เมื่อตั้งสติได้จึงกะพริบตาปริบ “เอะ เอะ เอ็มอาร์ไอ ฉันว่าคุณต้องไปทำเอ็มอาร์ไอสแกนสมองเดี๋ยวนี้เลย”



ดังคาด...โมนาขาแพลงต้องพันผ้าไว้ชั่วคราว ส่วนเขาไหล่ยอกและกล้ามเนื้ออักเสบจากการกระแทกที่ค่อนข้างรุนแรง แพทย์จ่ายยาและนัดทั้งคู่มาตรวจอาการอีกครั้งในสัปดาห์หน้า จากนั้นจึงอนุญาตให้กลับบ้านได้

โนแอลยืนกรานเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลทั้งหมด โมนาจึงจำต้องสอดบัตรเครดิตกลับคืนใส่กระเป๋าด้วยท่าทางไม่เต็มใจ “โชคดีนะเนี่ยที่คุณให้ฉันเอากระเป๋าสตางค์พกติดตัวไว้”

“แต่โชคร้ายที่ผมให้คุณเอาโทรศัพท์ติดตัวไว้ด้วย มันเลยหายไปตอนที่เกิดเรื่อง”

โมนาถอนหายใจ “เลิกโทษตัวเองได้แล้ว ถ้าคุณพูดอะไรน้ำเน่าๆอย่างนี้อีกแม้แต่คำเดียว ฉันจะหยิกไหล่คุณ ให้บวมช้ำอักเสบยิ่งๆขึ้นไปเลย เข้าใจไหม”

หญิงสาวส่งใบเสร็จให้เขา แล้วเปลี่ยนเรื่อง “ไปรับยาให้หน่อยสิ”

เธอมองตามฝรั่งตัวสูงไปด้วยความรู้สึกอันไม่กล้าหาคำอธิบาย ขนาดอยู่ในสภาพมอมแมมเช่นนี้ โนแอลก็ยังหล่อสะดุดตาจนใครต่อใครเหลียวหลัง หลายครั้งที่โมนายังไม่ค่อยอยากจะเชื่อตัวเองว่าทั้งหมดนี่คือเรื่องจริง เธอมีผู้ชายที่หล่อราวกับความฝันคนนี้มาวนเวียนอยู่ในชีวิตใกล้ชิดขนาดนี้โดยที่ไม่รู้สึกอะไรเลยจริงๆหรือ!

ภาพที่โนแอลส่งยิ้มมาให้จากเคาน์เตอร์ ก่อนเดินกลับมาสมทบกับเธอพร้อมทั้งถุงยาในมือ ทำให้เภสัชกรสาวซึ่งมองเขาด้วยความชื่นชม ถึงกับเลื่อนสายตามามองเธอด้วยความอยากรู้อยากเห็น

โมนานึกขันอยู่ในใจ นี่เป็นเหตุการณ์ที่เธอเห็นบ่อยที่สุดนับตั้งแต่รู้จักผู้ชายคนนี้ ไม่ว่าจะเป็นที่ทำงาน ฟิตเนส หรือยามไปไหนมาไหนด้วยกัน! หลายหนที่หญิงสาวเริ่มกังวล กลัวตัวเองจะเสพติดสายตาริษยาจากผู้หญิงคนอื่นจนลืมไปว่า หากปราศจากผู้ชายคนนี้ สายตาและความอิจฉาเหล่านี้ก็จะหายวับไปด้วยเช่นกัน

บุรุษพยาบาลปราดเข้ามาเข็นรถพาหญิงสาวไปยังด้านหน้าของโรงพยาบาลอย่างรู้หน้าที่ โมนาแหงนขึ้นมองผู้ชายที่เดินเคียงอยู่ข้างรถเข็นแล้วก้มลงมองข้อเท้าตัวเอง พลันรอยยิ้มเศร้าก็แต้มขึ้นบนใบหน้าโดยไม่ทันควบคุม

ถ้าโนแอลรู้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ใช่อุบัติเหตุ ที่เขาต้องเจ็บตัวก็เพราะโดนหางเลขไปโดยไม่ตั้งใจ ผู้ชายคนนี้...จะยังดีกับเธออย่างนี้หรือเปล่า



(จบตอน)




สิริณ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 26 พ.ย. 2556, 00:29:09 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 26 พ.ย. 2556, 00:39:07 น.

จำนวนการเข้าชม : 1681





<< ตอนที่ ๑๘ (จบตอน)   ตอนที่ ๒๐ (ครึ่งแรก) >>
konhin 26 พ.ย. 2556, 00:48:20 น.
โอ๊ะ นางเอกรู้ว่าโดนปองร้าย คราวหน้าต้องระวังตัวกว่านี้น้าาา


ปิศาจสัญจร 26 พ.ย. 2556, 01:20:42 น.
มือถือค่ะมือถือ ตามหาด่วนเลยค่ะ


Zephyr 26 พ.ย. 2556, 01:22:31 น.
ยังไงโนแอลก็อยู่ข้างเชรีนี่แหละ
นอกจากเธอจะเสพติดโนแอลแล้ว
เค้าก็เสพติดว่าข้างกายโมนาต้องมีโนแอล
ข้างกายโนแอลต้องมีลิซ่า ยังไงก็ต้องคู่กันนะ


นักอ่านเหนียวหนึบ 26 พ.ย. 2556, 04:02:40 น.
โอ๊ะคนฉลาดสองคน ต่างก็คิดว่าเป็นเพราะตน อีกฝ่ายจึงต้องเจ็บตัว โอ้วววววว ม่ายยย
นอกจากรูปคู่สุดสวีทแล้ว ในโทรศัพท์ยังมีอะไรอีกรึป่าวนะ


ปรางขวัญ 26 พ.ย. 2556, 06:59:20 น.
ฉลาดจริงๆเลยทั้งโนแอล ทั้งโมนา สู้ๆค่ะ


sai 26 พ.ย. 2556, 07:28:52 น.
น่ารักทั้งคู่เลย


goldensun 26 พ.ย. 2556, 14:18:29 น.
โนแอลรู้สึกผิดแน่ เพราะรู้ว่ารถประกบปองร้ายแน่ๆ แต่ปกป้องโมนาไม่ได้ ส่วนโมนา งานนี้ท่าจะรู้ตัวว่า เกิดจากเรื่องทุจริตแล้ว แต่ทั้งสองคนจะรู้เมื่อไหร่ว่าแสงดาวเป็นต้นเหตุ โมนาต้องคิดว่าเป็นเพราะชัชวินแน่


ree 28 พ.ย. 2556, 09:33:32 น.
โมนาเป็นพวกชอบเก่งคนเดียวหรือนี่ เรื่องใหญ่ขนาดนี้ยิ่งต้องคุยกันนะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account